ขอเชิญนมัสการบูชาพระบรมสารีริกธาตุส่วนสำคัญ ณ วัดหลวงพ่อสดธรรมกายาราม

ในห้อง 'งานบุญอื่นๆ' ตั้งกระทู้โดย วงบุญพิเศษ, 5 กุมภาพันธ์ 2012.

  1. วงบุญพิเศษ

    วงบุญพิเศษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    486
    ค่าพลัง:
    +649
    ขอเชิญชมและนมัสการบูชาพระบรมสารีริกธาตุส่วนสำคัญของพระพุทธเจ้า มีพระเขี้ยวแก้ว พระทันตธาตุ และพระอุณหิส เป็นอาทิ
    ภายในพระมหาเจดีย์สมเด็จฯ (อยู่ระหว่างการก่อสร้าง) วัดหลวงพ่อสดธรรมกายาราม อ.ดำเนินสะดวก จ.ราชบุรี
    ระหว่างวันที่ ๕-๖-๗ มีนาคม ๒๕๕๕ นี้


    [​IMG]

    ถวายความเคารพอย่างสูง แด่พระมหาเถระ ถวายความนับถืออย่างยิ่งแด่พระเถรานุเถระทุกองค์ และเจริญสุขเจริญพรญาติโยมสาธุชนทุกท่าน

    ข้าพเจ้าขอกราบเรียน-เรียน-เจริญพรพระเดชพระคุณท่านทั้งหลาย เพื่อทราบข่าวอันเป็นอุดมมงคลที่เกิดขึ้น ณ วัดหลวงพ่อสดธรรมกายาราม อ.ดำเนินสะดวก ราชบุรี โดยย่อ เพื่อทราบว่า
    นับตั้งแต่ข้าพเจ้าได้ลาออกจากราชการของรัฐบาลต่างประเทศที่มีสำนักงานอยู่ในประเทศไทย (ขึ้นอยู่กับสถานเอกอัครราชทูต ประจำประเทศไทย) ก่อนเกษียณ ๓ ปี เพื่อบรรพชาอุปสมบทเป็นพระภิกษุในพระพุทธศาสนา ณ พัทธสีมาวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ กรุงเทพฯ เมื่ออายุ ๕๗ ปีเต็ม (ย่าง ๕๘ ปี)
    และเมื่อข้าพเจ้าได้เข้าศึกษาทั้งภาคพระปริยัตติสัทธรรมและพระปฏิปัตติสัทธรรม ในสำนักวัดปากน้ำ ได้ครบ ๕ พรรษาแล้ว ก็ได้ลาหลวงพ่อเจ้าอาวาสวัดปากน้ำ คือ เจ้าประคุณ สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ (สมณศักดิ์ในขณะนั้น คือ พระธรรมปัญญาบดี) เพื่อไปรับหน้าที่เจ้าอาวาสวัดหลวงพ่อสดธรรมกายาราม อ.ดำเนินสะดวก จ.ราชบุรี เมื่อปี พ.ศ.๒๕๓๔
    ได้เปิดการเรียน การสอน และการอบรม ทั้งภาคพระปริยัตติสัทธรรม (แผนกธรรมและบาลี) และทั้งภาคพระปฏิปัตติสัทธรรม จนได้รับการคัดเลือกเป็น สำนักปฏิบัติธรรมประจำจังหวัดดีเด่น และโดยส่วนรวม ก็ได้รับการคัดเลือกเป็นวัดพัฒนาตัวอย่างที่มีผลงานดีเด่น และทั้งเป็นที่ตั้ง หน่วยวิทยบริการ คณะสังคมศาสตร์มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ที่มีการเรียนการสอนภาควิชาการบริหารกิจการคณะสงฆ์ ตั้งแต่ระดับประกาศนียบัตร ระดับปริญญาตรีถึงปริญญาโท
    ระหว่างที่ทำหน้าที่ปกครองคณะสงฆ์และบริหารกิจการคณะสงฆ์ วัดหลวงพ่อสดธรรมกายาราม ข้าพเจ้ายังได้ทำหน้าที่เป็น ประธานคณะกรรมการบริหาร ศูนย์ประสานงานสำนักปฏิบัติธรรมประจำจังหวัดแห่งประเทศไทย (ศปท.) ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๑ ถึงปัจจุบัน และเป็น ประธานคณะทำงานศูนย์ส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรม และความมั่นคงแห่งสถาบันชาติ พระพุทธศาสนา และสถาบันพระมหากษัตริย์ ประจำวัดหลวงพ่อสดฯ (สำนักงานกลางตั้งอยู่ ณ วัดสระเกศ ราชวรมหาวิหาร กรุงเทพฯ) อีกโสดหนึ่ง

    ตั้งแต่เริ่มบวชเข้ามาเป็นพระภิกษุในพระพุทธศาสนา ก็ได้อธิษฐานขอ พระเกศาธาตุ และ พระบรมสารีริกธาตุ ๗ ชิ้นใหญ่ ที่ไม่ไหม้ไฟ คือ พระเขี้ยวแก้ว ๔ องค์ พระอุณหิส ๑ องค์ และพระรากขวัญ (กระดูกไหปลาร้า) ๒ องค์ จากท่านท้าวสักกเทวราช ผู้ปกครองกามภพ ตั้งแต่ชั้นดาวดึงส์เทวโลก ถึงชั้นจตุมหาราชิกา และมนุษย์โลก ท่านก็ได้เมตตาเนรมิต (จำลอง - replica) พระบรมสารีริกธาตุส่วนสำคัญทั้ง ๗ องค์ มาให้ปรากฏแก่วัดหลวงพ่อสดธรรมกายาราม โดยที่ข้าพเจ้าได้อธิษฐานจิตรับปากกับท่านท้าวสักกะเทวราชว่า จะสร้างพระมหาเจดีย์ที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุดังกล่าว และจะทำพานทองคำเครื่องรองรับพระเขี้ยวแก้วเทพเนรมิตทั้ง ๔ องค์ด้วย ท่านท้าวสักกเทวราชจึงเนรมิตพระบรมสารีริกธาตุส่วนสำคัญดังกล่าว พร้อมทั้งพระเมาลี (จอมผมหรือมุ่นพระเกศาของเจ้าชายสิทธัตถะ เมื่อเสด็จออกมหาภิเนษกรมณ์ [การออก(บวช)เพื่อคุณอันยิ่งใหญ่; การเสด็จออกบรรพชาของพระพุทธเจ้า] และได้ตัดพระเมาลี อธิษฐานโยนขึ้นไปในอากาศด้วยอธิษฐานจิตว่า ถ้าจะได้บรรลุโมกขธรรมก็ขอให้พระเมาลีปรากฏลอยอยู่ในอากาศ และท้าวสักกเทวราชได้เสด็จมารับไปประดิษฐานไว้ในพระมหาเจดีย์จุฬามณี ในชั้นดาวดึงสเทวโลก
    ข้าพเจ้าจึงได้ เริ่มสร้างพระมหาเจดีย์สมเด็จฯ ตั้งแต่ ๓ ปีที่แล้วเป็นต้นมา ถึงบัดนี้ โครงสร้างเสร็จไปแล้วประมาณ ๖๕% สิ้นเงินก่อสร้างไปแล้วประมาณ ๑๒๐ ล้านบาท ครั้นถึงเดือนตุลาคมปีที่แล้ว (พ.ศ.๒๕๕๔) ได้มีชาวศรีลังกาผู้เป็นญาติสนิท (ผู้น้อง) ของพระมหาเถระผู้เป็นที่ปรึกษาฝ่ายพระพุทธศาสนาของประธานาธิบดีศรีลังกา ได้มาช่วยประกอบพิธีอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ ที่ข้าพเจ้าได้เคยปรารถนาจะได้ชิ้นส่วน (องค์) จริง ๗ ชิ้นสำคัญที่ไม่ไหม้ไฟ และองค์อื่นๆ

    เมื่อข้าพเจ้าประกอบพิธีบูชาพระรัตนตรัย แล้วอธิษฐานจิตขอพระบรมสารีริกธาตุจาก ท่านท้าวอกนิฏฐพรหม ผู้เป็นใหญ่ในชั้นสุทธาวาสพรหมโลก ท่านท้าวสักกเทวราช ท่านท้าวเวสสุวรรณ ท่านพญานาคราช ท่านอวโลกิเตศวร ( กวนอิม) ท่านสุมนเทพ (ผู้ดูแลรอยพระบาทอยู่ที่เขาสุมนกูฏ) เป็นต้น ปรากฏว่า ท่านท้าวอกนิฏฐพรหม ท่านสักกเทวราช และทวยเทพผู้มเหสักข์ทั้งหลาย ได้เมตตาประทาน และช่วยนำมาถวายไว้ให้วัดหลวงพ่อสดธรรมกายาราม เพื่อประดิษฐานไว้ ณ พระมหาเจดีย์สมเด็จฯ (ที่กำลังอยู่ระหว่างการก่อสร้าง) ให้เหล่ามนุษย์ เทพยดาและพรหมทั้งหลาย สามารถมาสักการบูชาเป็นอุดมมงคล (ปูชา จ ปูชนียานํ เอตมฺมงฺคลมุตฺตมํ) ตามวันเวลาดังต่อไปนี้


    ครั้งที่ ๑ ประกอบพิธีเมื่อวันเสาร์ที่ ๑๕ ตุลาคม (๗ ฯ๓ ๑๑) พ.ศ.๒๕๕๔ เวลา ๐๕.๔๕ น. ณ วิหารพุทธภาวนาวิชชาธรรมกาย (วิหารจัตุรมุขกลางน้ำ) พระบรมสารีริกธาตุลักษณะคล้ายพระหทัย สีขาวนวล ขนาดประมาณเท่าเล็บนิ้วก้อย ๑ องค์ เสด็จลงบนภาชนะเครื่องบูชาด้วยดอกบัวตูม (จัดกลีบให้บานออก) คลุมไว้ด้วยผ้าขาว ที่ข้าพเจ้าทูนไว้บนศีรษะอธิษฐานจิตขอประทานจากท่านทวยเทพ-เทวราช-มหาราชดังกล่าว ขณะนี้เก็บไว้บูชาในภาชนะที่สมควร รอดูว่าอาจมีการเปลี่ยนแปลงปรับสภาพได้อีก
    ในการประกอบพิธีครั้งนี้ ได้มีพระเถรานุเถระร่วมเจริญพระพุทธมนต์ธัมมจักกัปปวัตตนสูตร เป็นต้น และได้ช่วยดู-รู้-เห็น ด้วยประมาณ ๒๐ รูป

    ครั้งที่ ๒ ประกอบพิธีที่วิหารพุทธภาวนาวิชชาธรรมกาย เมื่อวันอาทิตย์ที่ ๑๖ ตุลาคม (๑ ฯ๔ ๑๑) พ.ศ.๒๕๕๔ เวลา ๐๕.๑๕ น. “พระทันตธาตุ” ครึ่งท่อน สีขาวนวล ส่วนปลาย (ไม่มีรากฟัน) ๑ องค์ ได้เสด็จลงบนภาชนะเครื่องบูชาด้วยดอกมะลิ คลุมไว้ด้วยผ้าขาว ที่ข้าพเจ้าทูนไว้บนศีรษะอธิษฐานจิตขอประทานมา
    ในการประกอบพิธีครั้งนี้ ได้มีพระเถรานุเถระอยู่ร่วมพิธี ได้ช่วยดู-รู้-เห็น ด้วยประมาณ ๑๐ กว่ารูป

    ครั้งที่ ๓ ประกอบพิธีที่วิหารพุทธภาวนาวิชชาธรรมกาย เมื่อวันพุธที่ ๑๙ ตุลาคม (๔ ฯ๗ ๑๑) พ.ศ.๒๕๕๔ เวลา ๐๕.๓๐ น. รู้สึกว่าพระบรมสารีริกธาตุได้เสด็จลงแล้วที่ภาชนะเครื่องบูชาด้วยดอกมะลิ ที่คลุมไว้ด้วยผ้าขาว ที่ข้าพเจ้าทูนไว้บนศีรษะอธิษฐานจิตขอประทานมา แต่ยังเป็นของทิพย์ ยังไม่ทันได้ปรับสภาพให้เป็นวัตถุธาตุที่ให้รู้เห็นได้ด้วยมังสจักษุ (ตาเนื้อ) เทพยดาจึงให้นำไปตั้งบูชาไว้ในกุฏิก่อน และได้กำหนดให้เปิดดู เมื่อเวลา ๒๒.๑๐ น. ของวันเดียวกันนั้น
    ครั้นถึงเวลาเปิดดู ปรากฏเป็น “พระเขี้ยวแก้ว” ครึ่งท่อนส่วนปลาย (ไม่มีรากฟัน) สีขาวนวล ๑ องค์ ขนาดประมาณเท่าเล็บนิ้วมือ องค์นี้เข้าใจว่าเทพยดานำเสด็จจากรัฐคันธารราษฎร์ (เมืองคันดาฮาร์ - Kandahara ประเทศอัฟกานิสถาน) ไปพักอยู่ที่พระเจดีย์สุวรรณมาลิก เมืองอนุราธปุระ ประเทศศรีลังกาก่อน แล้วจึงนำเสด็จมาที่พระมหาเจดีย์สมเด็จฯ วัดหลวงพ่อสดธรรมกายารามนี้
    ในพิธีครั้งนี้ อนุญาตให้พระเถรานุเถระอยู่ร่วมพิธีได้ ช่วยดู-รู้-เห็น ด้วยประมาณ ๔-๕ รูป (ไม่ต้องการให้เป็นที่เอิกเกริก)

    ครั้งที่ ๔ ประกอบพิธีอัญเชิญเสด็จที่พระมหาเจดีย์สมเด็จฯ วันศุกร์ที่ ๒๑ ตุลาคม (๖ ฯ๙ ๑๑) พ.ศ.๒๕๕๔ เวลา ๐๕.๓๐ น. รู้สึกว่าพระบรมสารีริกธาตุได้เสด็จลงแล้ว บนภาชนะเครื่องบูชาด้วยดอกมะลิ ที่คลุมไว้ด้วยผ้าขาว ที่ข้าพเจ้าทูนไว้บนศีรษะอธิษฐานจิตขอประทานมา จึงเปิดผ้าคลุมออกดู แทนที่จะได้เห็นปรากฏอยู่บนภาชนะเครื่องบูชา กลับเห็น “พระเขี้ยวแก้ว” ครึ่งท่อน ส่วนปลาย (ไม่มีรากฟัน) ขนาดประมาณเท่าเล็บมือ สีขาวนวล ๑ องค์ วางอยู่บนปลายผ้าสังฆาฏิ (ชุดครอง) ของข้าพเจ้าที่พาดอยู่บนหน้าตัก พระเขี้ยวแก้วองค์นี้ เข้าใจว่า ท่านพญานาคราชนำมาจากนาคพิภพ ไปพักอยู่ที่พระเจดีย์สุวรรณมาลิกก่อน แล้วจึงนำเสด็จมาถวายที่วัดหลวงพ่อสดธรรมกายาราม
    พิธีครั้งนี้ มีพระภิกษุเถรานุเถระและโยมอุบาสกอยู่ร่วมพิธี และได้ช่วยดู-รู้-เห็นด้วย ประมาณ ๕-๖ รูป/คน

    ครั้งที่ ๕ ประกอบพิธีที่พระมหาเจดีย์สมเด็จฯ เมื่อวันที่ ๗ ธันวาคม (๔ ๑ฯ๒ ๑) พ.ศ.๒๕๕๔ เวลา ๐๕.๓๐ น. (อยู่ระหว่างการอบรมพระกัมมัฏฐานประจำปี รุ่นที่ ๖๒ ซึ่งได้จัดโครงการปฏิบัติพระกัมมัฏฐานมาอย่างนี้มาร่วม ๓๑ ปีแล้ว ตั้งแต่ตอนเริ่มมีฐานะเป็นสถาบันพุทธภาวนาวิชชาธรรมกาย ยังไม่ได้เป็นวัด – ตลอดมาจนถึงปัจจุบัน) ปรากฏได้เสด็จมาโดยมีเครื่องห่อหุ้มเป็นก้อนโตขนาด ประมาณเท่าผลหมากสุก หรือขนาดมะนาวไข่ วางอยู่บนภาชนะเครื่องบูชาด้วยดอกมะลิและดอกบัว คลุมไว้ด้วยผ้าขาว ที่ข้าพเจ้าทูนไว้บนศีรษะอธิษฐานจิตขอประทานมา เทพยดาผู้นำเสด็จมาบอกว่าให้คลุมด้วยผ้าขาวไว้ก่อน ครั้นถึงวันที่ ๒๓ ธันวาคม เวลา ๒๒.๐๒ น. จึงค่อยเปิดดู
    ครั้นถึงวันเวลาดังกล่าว จึงได้เปิดผ้าขาวออกดู ปรากฏเป็น “พระอุณหิส” [อุณหิส หมายถึง กราบหน้า หรือ มงกุฎ] (พระอัฐิธาตุส่วนกระบังหน้าผาก) ขนาดโตกว่าหัวแม่มือ เสด็จออกมาอยู่ภายนอกเครื่องหุ้มเอง ลักษณะหนากว่ากระดูกทั่วไปเล็กน้อย เป็นที่น่าอัศจรรย์ ได้ทราบว่าเพราะภายในพระอุณหิสนี้มี “พระเกศาธาตุ” บรรจุมาด้วย จึงให้แยกใส่ภาชนะตั้งบูชาไว้ต่างหากต่อไปอีกระยะหนึ่ง พระเกศาธาตุก็จะเสด็จออกมาปรากฏอยู่รอบพระอุณหิสนั้นเอง
    และได้ทราบว่า “พระอุณหิส” นี้ ท่านท้าวอตัปปาพรหม (สุทธาวาสพรหมชั้นที่ ๒) ได้เมตตาบรรจุไว้ในวัตถุเครื่องห่อหุ้มเหมือนใยไหม หรือเส้นเกศา สีน้ำตาลแดง เพื่อป้องกันให้ปลอดภัยจากเทพบุตรมารที่คอยขัดขวางระหว่างทางนำเสด็จมาสู่โลกมนุษย์ ได้นำเสด็จมาจากสุทธาวาสพรหม ชั้นที่ ๒
    ต่อมาอีก ๒ วัน เทพยดาได้แจ้งให้เปิดผ้าคลุมดูอีกครั้งหนึ่ง เมื่อวันที่ ๒๕ ธันวาคม เวลา ๒๒.๓๙ น. ปรากฏ “พระอุณหิส” ส่วนพระอุณาโลม (ขนระหว่างคิ้ว) อีกองค์หนึ่ง ขนาดย่อมลงมาจากองค์แรก คือขนาดเกือบเท่าหัวแม่มือ เสด็จออกมาจากเครื่องหุ้มเอง เป็นที่น่าอัศจรรย์
    ได้ทราบว่า พระอุณหิสส่วนพระอุณาโลมนี้ ท่านท้าวสุทัสสาพรหมจากสุทธาวาสพรหม (ชั้นที่ ๓) ได้เมตตานำมาร่วมบรรจุไว้ในเครื่องหุ้มเดียวกันกับพระอุณหิสองค์แรก แล้วร่วมกันนำมาประทานให้ไว้ ที่วัดหลวงพ่อสดธรรมกายาราม

    ครั้งที่ ๖ ประกอบพิธีที่พระมหาเจดีย์สมเด็จฯ เมื่อวันที่ ๑๔ ธันวาคม (๔ ฯ๔ ๑) พ.ศ.๒๕๕๔ เวลา ๐๕.๓๐ น. ปรากฏ “พระเขี้ยวแก้ว” เสด็จมาจากชั้นดาวดึงส์เทวโลก โดยพระเมตตาของท่านท้าวสักกเทวราช นำเสด็จมาประทานให้ลงบนภาชนะเครื่องบูชาด้วยดอกมะลิและดอกบัว มีผ้าขาวคลุม เสด็จมาโดยมีเครื่องหุ้มเหมือนของพระอุณหิส แต่เล็กกว่า คือขนาดประมาณเท่าลูกมะปรางขนาดย่อมๆ มีรูเล็กๆ เหมือนช่องปากถุง พอมองเห็นว่ามีพระบรมสารีริกธาตุอยู่ภายใน ได้ทราบว่า ท่านท้าวสักกเทวราช พร้อมด้วยเทพยดาได้นำเสด็จพระเขี้ยวแก้วนี้ไปตั้งบูชาสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่โคนต้นพระศรีมหาโพธิ์ ที่พุทธคยา ชั่วระยะเวลาหนึ่งก่อนแล้ว จึงได้นำเสด็จพร้อมด้วยเครื่องราชเศวตฉัตร มาประทานให้ในครั้งนี้ เทพยดาจึงได้บอกให้นำพระเขี้ยวแก้วที่อยู่ในเครื่องหุ้มวางอยู่บนภาชนะเครื่องบูชา มีผ้าขาวคลุมไว้นั้น ไปอธิษฐานบูชาพระพุทธเจ้าที่ต้นพระศรีมหาโพธิ์ (หน่อพันธุ์จากอนุราธปุระ) ที่ได้ปลูกไว้ด้านทิศใต้ของพระมหาเจดีย์สมเด็จฯ ก่อน แล้วจึงให้นำไปบูชาไว้ที่กุฏิ ๗ วันก่อน แล้วจึงค่อยเปิดผ้าคลุมดู ในวันที่ ๒๑ ธันวาคม เวลา ๔ ทุ่ม กับ ๒ นาที (๒๒.๐๒ น.)
    ครั้นถึงคืนวันที่ ๒๑ ธันวาคม เวลา ๒๒.๐๒ น. ได้เปิดผ้าคลุมออกดู ก็ปรากฏ “พระเขี้ยวแก้ว” ท่อนปลาย (ไม่มีรากฟัน) สีขาวนวล สวยงาม ขนาดประมาณเท่าเล็บนิ้วมือ เสด็จออกมาจากเครื่องหุ้ม ประทับอยู่บนดอกมะลิที่บูชาไว้ในภาชนะนั้นได้เองอย่างน่าอัศจรรย์
    และในคืนนั้น เวลาหลังจากเปิดดูพระเขี้ยวแก้วปรากฏขึ้นแล้ว ได้ไปเปิดโถภาชนะที่ตั้งไว้มีผ้าขาวคลุม เห็นมี “พระหทัยธาตุ” เสด็จมาเองอีกต่างหาก ๒ องค์ สัณฐานกลม คล้ายไข่มุกขนาดเขื่อง สีเงินยวง อมชมพู มีรัศมีโดยรอบ (ถ่ายภาพไว้ จึงเห็นภาพรัศมีติดอยู่โดยรอบอย่างชัดเจน) ปรากฏอยู่ในโถเป็นที่น่าอัศจรรย์

    ครั้งที่ ๗ ประกอบพิธีที่พระมหาเจดีย์สมเด็จฯ เมื่อวันพุธที่ ๒๘ ธันวาคม (๔ ฯ๔ ๒) พ.ศ.๒๕๕๔ เวลา ๐๕.๓๒ น. ก็ปรากฏ “พระนลาฏ” (หน้าผาก) ส่วนโหนกพระเศียร ด้านขวา สีขาวนวล ขนาดประมาณเท่าหัวแม่มือ ได้เสด็จมาอีกหนึ่งองค์ เทพยดาได้แนะนำให้คลุมผ้าขาวนำไปตั้งบูชาไว้ที่กุฏิก่อน แล้วค่อยเปิดให้พระเถรานุเถระและโยมได้ชมเวลา ๐๙.๓๒ น.
    อนึ่ง ในเช้าวันที่ ๒๘ ธันวาคมนี้ (พ.ศ.๒๕๕๔) เวลา ๐๘.๑๕ น. เทพยดาได้อนุญาตให้อัญเชิญเสด็จพระบรมสารีริกธาตุที่ได้เสด็จมาแล้ว ไปให้พระเถรานุเถระและญาติโยม มีคุณโยมอุไร พลพัฒนา-
    ฤทธิ์ (โยมแม่ป้อม) และญาติมิตรให้ได้ชม ณ วิหารพุทธภาวนาวิชชาธรรมกาย (จัตุรมุข-กลางน้ำ) เพื่อร่วมอนุโมทนาบุญ และยังเปิดให้ชม “พระนลาฏ” (ที่เพิ่งเสด็จมาเมื่อเช้าตรู่ของวันนี้) ที่หน้ากุฏิ
    เจ้าอาวาส เมื่อเวลา ๐๙.๓๒ น. อีกด้วย
    ได้ทราบว่า เหล่าเทพยดาและพรหม ที่ครอบครองดูแลพระบรมสารีริกธาตุส่วนสำคัญของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในเทวโลก และพรหมโลก ยังจะได้เมตตานำมาถวายให้เพิ่มอีก และ
    ได้อนุญาตให้นำพระบรมสารีริกธาตุที่เสด็จมาแล้วนี้ ไปเปิดให้สาธุชนพุทธบริษัทได้นมัสการบูชาอีก ๓ วัน คือวันที่ ๕-๖-๗ มีนาคม ศกนี้ ด้วย
    จึงขอกราบเรียน-เรียน-เจริญพร เชิญพุทธบริษัท สาธุชน เข้าชมและถวายนมัสการบูชาพระบรมสารีริกธาตุ ส่วนสำคัญ ของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่ได้เสด็จมาระหว่างเดือนตุลาคม-ธันวาคม พ.ศ.๒๕๕๔ ที่ผ่านมา ประดิษฐานอยู่ ณ วัดหลวงพ่อสดธรรมกายาราม อันได้แก่ “พระเขี้ยวแก้ว” เทพประทาน จากพระเมตตาของ ท้าวสักกเทวราชทรงประทานให้ เมื่อวันที่ ๑๔ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๕๔ เป็นต้น และ
    ร่วมบำเพ็ญกุศลทอดผ้าป่าสามัคคี เพื่อร่วมสมทบทุนสร้างพระมหาเจดีย์สมเด็จฯ ณ วัดหลวงพ่อสดธรรมกายาราม ตามกำลังศรัทธา หรือตั้งเป็นกองผ้าป่ากองละ ๕,๐๐๐ บาทขึ้นไป
    สำหรับผู้นำบุญ (ประธาน) กองผ้าป่า ๕๐๐,๐๐๐ บาท (ห้าแสนบาท) จะได้รับเม็ดขนุนทองคำชมพูนุทธาตุกายสิทธิ์ “เทพประทาน” ๑ องค์ และในกองผ้าป่ากองเดียวกันนั้น ผู้ที่บริจาครายเดียว ๓๐๐,๐๐๐ บาท (สามแสนบาท) ขึ้นไป จะได้รับเม็ดขนุนทองคำ และ/หรือ คดกายสิทธิ์ เทพประทาน ๑ องค์อีกด้วย
    โดยบริจาคได้ทุกวันตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป จนถึงวันที่ ๕-๖-๗ มีนาคม ศกนี้ (พ.ศ.๒๕๕๕) และต่อไปอีกได้ถึงวันที่ ๕-๖-๗ มีนาคม ศกหน้า (พ.ศ.๒๕๕๖) ผู้ร่วมเป็นเจ้าภาพสมทบทุนทรัพย์ปัจจัยช่วยสร้างพระมหาเจดีย์สมเด็จฯ
    นี้ น้อยหรือมาก จนถึงร้อย-หมื่น-แสน-ล้าน ฯลฯ นอกจากจะยิ่งด้วยมหากุศลแล้ว ยังจะได้รับสิ่งอันเป็นมงคลไว้บูชาถึงคุณพระรัตนตรัยตามระดับวงเงินที่บริจาคทุกท่านด้วย
    จึงนับเป็นมหามงคลสมัยของพวกเราชาวพุทธและสาธุชนทั้งหลาย จะได้มีโอกาสได้มากระทำ “อามิสบูชา” การบูชาด้วยทรัพย์สิ่งของ และ “ปฏิปัตติบูชา” การบูชาด้วยการปฏิบัติธรรม ให้สำเร็จด้วยบุญกิริยาวัตถุ มี ทานมัย - บุญที่สำเร็จด้วยการบริจาคทาน สีลมัย - บุญสำเร็จด้วยการรักษาศีล และภาวนามัย - บุญสำเร็จด้วยการเจริญภาวนาสมาธิและปัญญา เป็นต้น ให้ได้สมบูรณ์ที่สุดเสียตั้งแต่ภพชาติปัจจุบันนี้ จักได้เป็นพลวปัจจัยมิให้ตกลงไปในที่ชั่ว และอบายภูมิอันเป็นทุกข์ ชั่วกาลนาน เป็นการปิดอบายภูมิอย่างแน่นอนเสียตั้งแต่ภพชาตินี้ และให้ได้ถึงมรรคผลนิพพานที่สิ้นสุดแห่งทุกข์และเป็นบรมสุขอย่างถาวรต่อไป

    [​IMG]



     

แชร์หน้านี้

Loading...