ขุมทรัพย์จากพระโอษฐ์โดยพุทธทาส ตอน น้ำติดก้นกะลา

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย joni_buddhist, 25 กรกฎาคม 2017.

  1. joni_buddhist

    joni_buddhist Legal returns ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2005
    โพสต์:
    13,552
    กระทู้เรื่องเด่น:
    203
    ค่าพลัง:
    +63,439
    ขุมทรัพย์จากพระโอษฐ์โดยพุทธทาส ตอน น้ำติดก้นกะลา
    20245557_10213819152182679_2947210625253271867_n.jpg
    “ราหุล ! เธอเห็นน้ำที่เหลืออยู่นิดหนึ่งที่ก้นภาชนะนี้หรือ ?”
    “เห็นแล้ว พระเจ้าข้า !”
    “ราหุล ! นักบวชที่ไม่มีความละอายในการแกล้งกล่าวเท็จ ทั้งที่รู้อยู่ว่าเป็นเท็จ ก็ มีความเป็นสมณะนิดเดียว เหมือนน้ำที่เหลืออยู่ที่ก้นภาชนะนี้ ฉันนั้น” พระผู้มีพระภาคเจ้า ทรงสาดน้ำนั้นเทไป (ด้วยอาการที่น้ำจะเหลือติดอยู่ได้น้อยที่สุดเป็นธรรมดา) แล้ว ตรัสว่า :-
    “ราหุล ! เธอเห็นน้ำที่ถูกสาดเทไปแล้ว มิใช่หรือ ?”
    “เห็นแล้ว พระเจ้าข้า !” “ราหุล ! นักบวช ที่ไม่มีความละอายในการแกล้งกล่าวเท็จ ทั้งที่รู้อยู่ว่าเป็นเท็จ ก็ มีความเป็นสมณะ เหลืออยู่น้อย เหมือนน้ำที่สักว่าเหลือติดอยู่ตามภาชนะ (หลังจากที่สาดเทออกไปแล้วโดยแรง) นี้ ฉันนั้น”.
    พระผู้มีพระภาคเจ้า ทรงคว่ำภาชนะน้ำนั้นแล้ว ตรัสว่า :-
    “ราหุล ! เธอเห็นภาชนะที่คว่ำอยู่แล้วนี้ มิใช่หรือ ?”
    “เห็นแล้ว พระเจ้าข้า !”
    “ราหุล ! นักบวชที่ ไม่มีความละอายในการแกล้งกล่าวเท็จ ทั้งที่รู้อยู่ว่าเป็นเท็จ ก็ มีความเป็นสมณะ เท่ากับน้ำที่เขาคว่ำภาชนะเสียแล้วอย่างนี้ ฉันนั้น”
    พระผู้มีพระภาคเจ้า ทรงหงายภาชนะนั้นขึ้นมาดูแล้ว ตรัสว่า :-
    “ราหุล ! เธอเห็นภาชนะอันว่างจากน้ำนี้แล้ว มิใช่หรือ ?”
    เห็นแล้ว พระเจ้าข้า !”
    “ราหุล ! นักบวช ที่ไม่มีความละอายในการแกล้งกล่าวเท็จ ทั้งที่รู้อยู่ว่าเป็นเท็จ ก็ มีความเป็นสมณะ เท่ากับความว่างเปล่าของน้ำในภาชนะนี้ ฉันนั้นเหมือนกัน_ _ _ฯลฯ _ _ _”
    “ราหุล ! เรากล่าวว่า กรรมอันลามกหน่อยหนึ่ง ซึ่งนักบวชที่ไม่มีความละอายในการแกล้งกล่าวเท็จ ทั้งที่รู้อยู่ว่าเป็นเท็จ จะทำไม่ได้หามีไม่. เพราะฉะนั้น ในเรื่องนี้ เธอทั้งหลาย พึงสำเหนียกใจไว้ว่า ‘เราทั้งหลายจัก ไม่กล่าวมุสา แม้แต่เพื่อหัวเราะกันเล่น’ ดังนี้. ราหุล ! เธอทั้งหลาย พึงสำเหนียกใจไว้อย่างนี้”.
    “ราหุล ! กระจกเงา๑ มีไว้สำหรับทำอะไร ?”
    “ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! กระจกเงามีไว้สำหรับส่องดู พระเจ้าข้า !”
    “ราหุล ! กรรมทั้งหลาย ก็เป็นสิ่งที่บุคคลควรสอดส่องพิจารณาดูแล้ว ๆ เล่า ๆ เสียก่อน จึงทำลงไปทางกาย, ทางวาจา, หรือทางใจ ฉันเดียวกับกระจก เงานั้นเหมือนกัน”.

    เชิงอรรถ ๑. กระจกเงาในที่นี้คือศัพท์ว่า อาทาส, เป็นแผ่นทองเหลืองหรือโลหะชนิดเดียวกันขัดมัน.

    ที่มา. บาลี พระพุทธภาษิต จูฬราหุโลวาทสูตร ม. ม. ๑๓/๑๒๓/๑๒๖, ตรัสแก่พระราหุล ขณะที่ทรงล้างพระบาทด้วยพระองค์เอง แล้วทรงเหลือน้ำติดก้นกะลา เพื่อเป็นอุปมา, ที่เวฬุวัน ใกล้นครราชคฤห์.
     

แชร์หน้านี้

Loading...