ข่าวสาร วัดท่าซุง จ.อุทัยธานี โดยเพจมูลนิธิหลวงพ่อปาน-พระมหาวีระ ถาวโร

ที่มา มูลนิธิหลวงพ่อปาน-พระมหาวีระ ถาวโร

 

จากกรรมฐาน ๔๐ หน้า ๑๓๖



ที่มา มูลนิธิหลวงพ่อปาน-พระมหาวีระ ถาวโร

 

วันจันทร์ที่ ๕ กุมภาพันธ์ พ.ศ๒๕๖๑ ฤกษ์พรหมประสิทธิ์ ท่านพระครูสมุห์ละออง เป็นประธานทำพิธีบวงสรวง ขอขมาบริเวณหน้าตึกเสริมศรี ตามดำริของท่านเจ้าคุณพระราชภาวโกศล เจ้าอาวาสวัดท่าซุง จ.อุทัยธานี เพื่อทำการบูรณตึกเสริมศรี ตึกกองทุน ตึกกรรมฐาน อาคารบายศรี อาคารที่พักหอฉัน และบริเวณโดยรอบ วิหารหลวงพ่อ ๕ พระองค์ตามลำดับ ซึ่งอาคารดังกล่าวมีสภาพทรุดโทรม ที่เกิดจากน้ำท่วมและ ปลวกเข้าไปกินไม้ทำให้อาคารเก่ามาก ซึ่งตึกเสริมศรีสร้างตั้งแต่ปี พ.ศ.๒๕๑๖
โดยก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ ๒๒ มกราคม ช่างเริ่มทำการ ขนย้ายสิ่งของ วัสดุที่ไม่ได้ใช้ไปเก็บที่เหมาะสม และเริ่มลื้อ วัสดุต่างๆไปเก็บไว้ในที่เหมาะสม เผื่อนำมาปรับปรุงติดตั้งเข้าไปใหม่โดย ใช้วัสดุประตูหน้าต่าง พื้นไม้ของเดิมเป็นหลัก



ที่มา มูลนิธิหลวงพ่อปาน-พระมหาวีระ ถาวโร

 

มหาวิหาร ๑๐๐ ปี หลวงพ่อพระราชพรหมยาน (ศาลา ๑๒ ไร่) ท่านเจ้าคุณพระราชภาวนาโกศล เจ้าอาวาสวัดท่าซุง และคณะศิษย์ฯปรับปรุงถวายแด่หลวงพ่อพระราชพรหมยาน ใช้เวลาปรับปรุง ๘ เดือน
คณะสีลม จัดทำคลิปวีดีโอถวาย

ที่มา มูลนิธิหลวงพ่อปาน-พระมหาวีระ ถาวโร

 

จากคำสอนหลวงพ่อวัดท่าซุง เล่ม ๖ หน้า ๑๒๔



ที่มา มูลนิธิหลวงพ่อปาน-พระมหาวีระ ถาวโร

 

วันนี้วันพระตรงกับวันพฤหัสบดี แรม ๘ ค่ำ เดือน ๓ ปีระกา

ขอให้ทุกท่านมีความสุขในธรรม

เรื่อง ทุกขสัจ

ต่อแต่นี้ไปขอทุกท่านตั้งใจสงบจิต มีความสำรวมใจ คิดไว้ว่าสำหรับวันนี้หรือเวลานี้เราตั้งใจจะประกอบความดีเพื่อความพ้นทุกข์ ทั้งนี้เพราะอะไร ก็เพราะว่า ความเกิดเป็นทุกข์ ท่านกล่าวว่า
ชาติปิ ทุกขา ความเกิดเป็นทุกข์
ชราปิ ทุกขา ความแก่เป็นทุกข์
มรณัมปิ ทุกขัง ความตายเป็นทุกข์
โสกปริเทวทุกขโทมนัสสุปยาส ความเศร้าโศกเสียใจเป็นทุกข์ การพรากจากของรักของชอบใจเป็นทุกข์ เป็นต้น
เป็นอันว่า สภาพที่เราเกิดขึ้นมานี้ไม่มีอะไรดี มันมีแต่ความทุกข์
ทุกข์เพราะอะไร ทุกข์เพราะความเกิดเป็นเบื้องต้น ขณะที่เกิดมามันก็มีทุกข์ อยู่ในครรภ์ของมารดามันก็มีทุกข์
การที่อยู่ในครรภ์ของมารดาเป็นทุกข์ก็ลองคิดดู เราต้องไปนอนคุดคู้อยู่ในครรภ์ของมารดา เต็มไปด้วยความไม่สะดวกไม่สบายด้วยประการทั้งปวง เรานั่งกอดเข่าคุดคู้อยู่ในครรภ์ของมารดาสิ้นระยะเวลานานถึง ๑๐ เดือน ลองนั่งคิดดู
ฟังไปและก็ใคร่ครวญไปด้วย ว่าอาการอย่างนี้มันเป็นอาการของความสุขหรือว่าเป็นอาการของความทุกข์
ถ้าไม่แน่ใจ ก็ลองนั่งกอดเข่าเล่นโก้ๆ เพียงใช้เวลาไม่มากสัก ๓ ชั่วโมง โดยที่ไม่มีการขยับเขยื้อนไปไหนมันจะมีความรู้สึกยังไง
สำหรับนั่นใช้เวลาเพียง ๓ ชั่วโมง แต่ถ้าหากว่าเราจะต้องใช้เวลาทรมานกายอย่างนี้ถึง ๑๐ เดือน จะมีความรู้สึกยังไง มันจะสุขเพียงใดหรือมันจะทุกข์เพียงใด ข้อนี้ท่านทั้งหลาย ขอให้ท่านทั้งหลายจงพิจารณาเอา
เป็นอันว่า เมื่อการอยู่ในครรภ์ของมารดาก็เป็นทุกข์
ขณะที่อยู่ในครรภ์ของมารดา นั่งหลับตานึกถึงสภาพในท้องของคนมันมีอะไรบ้าง มีนํ้าเลือด นํ้าเหลือง นํ้าหนอง สิ่งที่เข้ามาทำความโสโครกแปดเปื้อนสกปรกต่อร่างกาย
รวมความว่า ทุกสิ่งทุกอย่างในครรภ์ของมารดาเต็มไปด้วยความสกปรก
อาหารที่จะพึงมีขึ้นได้ก็เพราะอาศัยมารดาเป็นเหตุ ถ้ามารดาบริโภคของร้อนเกินไป เผ็ดเกินไป เปรี้ยวเกินไป เค็มเกินไป ร่างกายของเราก็มีทุกข์
รวมความว่า เราทุกข์มาตั้งแต่วันเกิด
และก็ทุกข์อย่างสาหัส ต้องทรมานอยู่ในที่แคบๆ จะเหยียดมือเหยียดเท้าก็ไม่ได้
ถ้าจะถามว่าเด็กที่อยู่ในครรภ์ของมารดา ทำไมจะต้องคุดคู้ เหยียดมือเหยียดเท้าไม่ได้หรือ
ก็ลองตามพิจารณาดูว่า ครรภ์ของมารดาใหญ่โตขนาดไหน เด็กที่คลอดมาวันเดียวโตขนาดไหน ไปเทียบเคียงกับครรภ์ของมารดาแล้วก็จะเห็นว่า มันทำไม่ได้ มันทำไม่ได้ก็จำใจจำอยู่ จำใจจะต้องทน จำใจที่จะต้องนั่งอยู่อย่างนั้น
เป็นอันว่าจำจะต้องทุกข์ ทั้งๆ ที่เราไม่ปรารถนาที่จะต้องทุกข์ มันก็ต้องทุกข์
เมื่อออกจากครรภ์มารดาใหม่ๆ อยู่ในร่างกายของมารดามีแต่ความอบอุ่น ไม่เคยกระทบกระทั่งกับความร้อนจัด หนาวจัด หรืออากาศปกติ เพราะว่าอุณหภูมิในครรภ์ของมารดามีสภาพปกติ อุ่นสมํ่าเสมอกัน ออกมาข้างนอกกระทบกับความร้อนที่มีความร้ายแรงยิ่งกว่า กระทบกับความเย็นที่มีความร้ายแรงยิ่งกว่า กายทั้งกายก็แสบ เมื่อออกจากครรภ์มารดาทนต่อความแสบกายไม่ไหวจึงร้อง
เป็นอันว่า ตอนนี้ออกจากครรภ์มารดาใหม่ๆ เราก็ทุกข์ ต่อมาก็ความทุกข์มันเกิดขึ้นอีก อยู่ในครรภ์ของมารดาทุกข์เพราะการคุดคู้ ออกจากครรภ์มารดา เหยียดมือ เหยียดแขน เหยียดขา เหยียดเท้า เหยียดมือ ได้ตามอัธยาศัย
แต่ทว่าร่างกายของเรายังไม่มีกำลังแม้แต่จะพลิกซ้ายพลิกขวามันก็ยังไม่มี ยังไม่สามารถจะทำได้ ความไม่สบายกายไม่สบายใจมันก็เกิด เกิดตรงไหน เกิดตรงที่เราไม่สามารถที่จะเปลี่ยนอิริยาบถได้
การที่จะต้องนอนอยู่ในสภาพเดิมอย่างนั้น ได้แต่ชักมือชักแขนชักขาขึ้นมาน้อยๆ ตะแคงซ้ายตะแคงขวาไม่ได้ มันเป็นทุกข์ ถ้าไม่แน่ใจว่ามันจะเป็นทุกข์ก็ลองนอนดู นอนอยู่อย่างนั้นสัก ๓ วัน ไม่ต้องเอามากไม่ขยับเขยื้อนไปไหน ที่เราคิดว่าเรานอนสบายลองนอนดู ก็จะพึงรู้ว่าการนอนอย่างนั้นมันเป็นทุกข์
ในเมื่อเราทราบสภาวะความทุกข์มันเป็นอย่างนั้น เบื่อหรือยัง เบื่อการเกิดหรือยัง มันยังไม่ทุกข์แต่เพียงเท่านั้น อาหารที่เราจะต้องการบริโภคคืออาหารที่เราจะต้องการบำรุงร่างกาย เรายังพูดไม่ได้ เรายังบอกไม่ได้ ยังไม่ได้ศึกษาในวาจา หรือยังไม่ได้ศึกษาในสำเนียง
ก็เป็นอันว่าเวลาเราหิว มารดาไม่รู้ว่าเราหิว เวลาปวดอุจจาระปัสสาวะมารดาหรือว่าพี่เลี้ยงไม่รู้
ถ้าไม่รู้จะทำยังไง หิวต้องร้องเขาถึงจะรู้ หิวจัดมีสภาพเป็นยังไง มันมีความสุขหรือความทุกข์ ท่านฟังแล้วก็โปรดพิจารณาตามไปด้วย จงอย่าใช้แต่เพียงสัญญา
คำว่า “สัญญา” ก็คือ ความจำ จำไว้เฉยๆ ไม่มีประโยชน์ จำแล้วก็ต้องคิด คิดแล้วก็ต้องหาทางหนีความทุกข์
การที่เรามีความหิวกว่ามารดาหรือพี่เลี้ยงจะนำอาหารมาให้ มันก็ทุกข์ แล้วการปวดอุจจาระปัสสาวะมันทุกข์ขนาดไหน ในเมื่อทนไม่ไหวก็ต้องปล่อยให้อุจจาระปัสสาวะมันหลั่งไหลออกมา
ตอนนี้จงนึกถึงสภาพความเป็นจริง
จงอย่าคิดว่าเวลานั้นเราไม่มีจิตใจ มีสภาพเหมือนหัวหลักหัวตอมันไม่ใช่อย่างนั้น ความรู้สึกมันมีแล้ว
การที่ต้องการความสกปรกโสมมอย่างนั้นไม่มีสำหรับเรา แต่ว่าเราทำไมต้องทำอย่างนั้นก็เพราะว่าเรามีความจำใจ เป็นเหตุสุดวิสัยที่เราสามารถจะเปลื้องตัวได้ มันเป็นอาการของความสุขหรือความทุกข์ ขอท่านทั้งหลายได้โปรดจงพิจารณาด้วยปัญญาของท่าน
นอกจากนั้นเมื่อเดินได้พูดได้ แต่ก็ยังต้องอาศัยมารดาและพี่เลี้ยง ทุกสิ่งทุกอย่างไม่เป็นไปตามความปรารถนา ต้องการร้อนอาจจะได้เย็น ต้องการเย็นอาจจะได้ร้อน เพราะเขาจะให้อาหารเฉพาะอาหารที่เขาพอใจ
ถ้าสิ่งใดไม่เป็นความปรารถนาของเขา เขาก็ไม่ให้ เขาไม่เคยถามเราเลยว่า เราต้องการอะไร
ยามป่วยไข้ไม่สบายกว่าจะแสดงออกเรายังบอกไม่ได้ เขาก็ต้องอาศัยอาการที่แสดงออกทางกาย รวมความว่าเป็นการวินิจฉัยของหมอหรือพี่เลี้ยงหรือว่ามารดา แต่ไอ้การวินิจฉัยอาการอย่างนั้น มันจะตรงกับความประสงค์ของเราหรือไม่มันก็ไม่แน่ ก็เป็นอันว่าเราก็ต้องนั่งทนทุกข์และทรมานกันต่อไป
เมื่อเติบโตขึ้นถึงความเป็นหนุ่มเป็นสาว ความปรารถนามันมีมากยิ่งกว่านั้น ต้องทุกข์เพราะการประกอบกิจการงานทุกอย่างเพื่อการทรงตัว
และเป็นไปตามคำบังคับบัญชาความปรารถนาของผู้ใหญ่ บางทีสิ่งทั้งหลายเหล่านั้นเป็นที่ไม่เต็มใจสำหรับเรา แต่ทว่าเป็นความพอใจของผู้ใหญ่ เราก็จำเป็นจำใจจะต้องประพฤติปฏิบัติตาม การกระทำด้วยความไม่เต็มใจมันเป็นอาการของความสุขหรือความทุกข์ ท่านลองนั่งนึกดู เพราะว่าเราไม่มีอิสระ ทั้งนี้เราก็อย่าไปโทษผู้ใหญ่
เพราะเวลานั้นปัญญาแห่งความรู้สึกความรับผิดชอบของเรามีน้อย ที่เราเห็นว่าดี แต่ทว่าสิ่งทั้งหลายเหล่านั้นมันอาจเป็นปัจจัยของความทุกข์ ในเมื่อมันเป็นปัจจัยของความทุกข์ ความเดือดร้อน ผู้ใหญ่จะปล่อยให้เราทำอย่างนั้นไม่ได้
เพราะว่าผู้ใหญ่เป็นผู้รับผิดแต่ผู้เดียว เด็กทำชั่วเขาก็ด่าว่าเป็นเพราะผู้ใหญ่ไม่ดี
แต่ทว่าอารมณ์ของเรานี้ปรารถนาจะทำอย่างนั้น ก็เรามานั่งนึกความฝืนใจที่เราไม่ปรารถนาจะทำอย่างนั้น เรามีความต้องการอย่างหนึ่ง แต่ทว่าผู้ใหญ่ต้องการอีกอย่างหนึ่ง เมื่อความปรารถนาไม่สมหวังอย่างนี้มันเกิดขึ้นมา มันก็เป็นทุกข์
นอกจากนั้นยังเป็นทุกข์จากการศึกษาวิทยาการต่างๆ การเรียนหนังสือเพื่อความรู้มันก็เป็นทุกข์
การประกอบกิจการงานทุกอย่างที่หาจุดจบไม่ได้ในชีวิต รวมความว่างานประกอบอาชีพนี้ไม่มีจุดจบ จนกว่าจะสิ้นชีพตักษัยลงไปเมื่อไหร่นั่นจึงจะมีอาการหมดงาน
การทำงานแต่ละอย่าง ค้าขายก็ดี รับราชการก็ดี รับจ้างก็ดี ทำไร่ไถนาก็ดี ใช้วิชาเวทมนตร์คาถาก็ดี แต่ละอย่างต้องใช้ความเพียรความพยายาม ต้องอดทนต่อความเหนื่อย ความร้อน ความหิว ความกระหาย เราจะนอนให้มันสบายๆ มันก็นอนไม่ได้ ทั้งนี้เพราะอะไร ถ้าไปนอนเข้ามันก็ไม่มีกิน บางรายเกิดในกองเงินกองทอง แต่ทว่ายังไม่พอ หาความพอไม่ได้ ยังตะเกียกตะกายด้วยประการทั้งปวง อาการอย่างนี้มันก็เป็นอาการของความทุกข์
รวมความว่าทุกสิ่งทุกอย่างมาจากความทุกข์
เมื่อถึงคราวที่แต่งงาน อยู่คนเดียวคิดว่ามันไม่มีสุข แต่ความรักเกิดขึ้นในระหว่างเพศ สิ่งใดถ้าเรารักสิ่งนั้น
องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงกล่าวว่ามันเป็นปัจจัยของความทุกข์ ตามพระบาลีว่า
“ปิยโต ชายเต โสโก
ปิยโต ชายเต ภยัง”
ซึ่งแปลว่า ความเศร้าโศกเสียใจมาจากความรัก ภัยอันตรายที่จะเกิดขึ้นกับเราก็อาศัยความรักเป็นปัจจัย
ทั้งนี้เพราะอะไร เพราะสิ่งใดถ้าเราไม่รัก เราก็ปราศจากการหวงแหน ใครผู้ใดที่ไหนมีความปรารถนาอะไร นั่นเราก็คิดว่าจงทำตามนั้นทำตามปรารถนาของเธอ สิ่งใดที่เขาชอบใจจงเอาไปในสิ่งที่เราไม่รัก วัตถุก็ดี บุคคลก็ดี
ถ้าเป็นสิ่งที่เรารัก ใครมายื้อแย่งเราก็โกรธ เพียงแค่ต้องการเราโกรธ ถ้าเขามายื้อแย่งอาจจะต้องประหัตประหารกัน เป็นอันว่าความรักเป็นปัจจัยของความทุกข์ ภัยความรักเป็นปัจจัยทำให้เกิดอันตรายต่างๆ
ต่อมาความป่วยไข้ไม่สบายเกิดขึ้นกับเรามันเป็นสุขหรือเป็นทุกข์ อาการเสียดแทงต่างๆ
“โรคะ” แปลว่า โรค แปลว่า ความเสียดแทง
เมื่อโรคมันเกิดขึ้นมาจุดใดจุดหนึ่ง มันก็หาความสบายกายสบายใจไม่ได้ เราต้องตะเกียกตะกายหาหมอมารักษา
สำหรับหมอเราแน่ใจไหมว่า หมอจะมีความเข้าใจในทุกขเวทนาของเราทุกอย่าง ความจริงสิ่งทั้งหลายเหล่านั้นเราโทษหมอไม่ได้ หมอก็ทำตามความสามารถเท่าที่หมอมีอยู่ แต่ทว่าเราก็ยังเสวยทุกขเวทนา กว่าอาการเสียดแทงทั้งหลายเหล่านั้นมันจะหายไป ปัจจุบันหรือโบราณ
ถ้าโบราณเราก็ต้องกินยาขม กินยาฝื่น กินยาขื่น ทุกข์จากร่างกายไม่ดีมันมีอยู่แล้ว ก็ต้องมาทุกข์เพราะรสนํ้ายาขมหรือรสยาฝื่นเป็นต้น
ในสมัยปัจจุบันเราถูกแทงด้วยเข็มมันก็เจ็บ ถ้าเป็นยาฉีด เป็นอันว่าเราต้องเสวยทุกขเวทนาอย่างสาหัส เมื่อเรามีโรคภัยไข้เจ็บเกิดขึ้นเพราะร่างกาย
ต่อมาความแก่เกิดขึ้น
ความแก่นี่หูก็ฝ้า ตาก็ฟาง กำลังก็ไม่ดี ความจำก็เลอะเลือนทุกสิ่งทุกอย่างช่วยตัวเองได้ยาก ความทุพพลภาพของร่างกาย เมื่อความปรารถนาสิ่งใดในสมัยความเป็นหนุ่มเป็นสาว เราจะต้องการทำอะไรก็ทำได้ตามใจนึก เพราะว่ากำลังวังชาดี
แต่ทว่าพอเราแก่เข้าแล้วนี่ ทุกสิ่งทุกอย่างมันไม่ตามใจเรา มือและเท้ามันอ่อนเพลีย เราอยากเดินให้มันไวมันก็ไวไม่ไหวเพราะกำลังมันตก อยากจะทำอะไรทุกสิ่งทุกอย่างตามที่สมัยเป็นหนุ่มเป็นสาวเราก็ทำไม่ได้ กำลังไม่ดี หูที่จะฟังสิ่งต่างๆ มันก็ฟังไม่ค่อยถนัด ตาก็ฝ้าฟางมองไม่ถนัด อาการอย่างนี้เป็นปัจจัยของความสุขหรือว่าความทุกข์
ถ้าเราจะตอบกันอย่างสามัญชนคนธรรมดาก็ชื่อว่าความทุกข์
ต่อมาเมื่อสิ่งที่เรารักพลัดพรากจากกัน
เมื่อทุกสิ่งทุกอย่างต้องจากเราไป ทั้งๆ ที่เรายังมีความรัก เราปรารถนาในสิ่งนั้นยังมีอยู่
องค์สมเด็จพระบรมครูทรงกล่าวว่านี่มันก็เป็นปัจจัยของความทุกข์
ต่อมาภัยใหญ่จะถึงกับเราคือร่างกายมันจะตาย
ถ้าจิตใจของเรายังเกาะร่างกายถือว่ามันเป็นเรา เป็นของเรา มีอารมณ์ฝืนกฎของธรรมดา เกิดเป็นเด็กอยากเป็นหนุ่มเป็นสาว อันนี้ตามธรรมดา
พอถึงความเป็นหนุ่มเป็นสาวเราไม่อยากแก่ ฝืนธรรมดาแล้ว เมื่อร่างกายเราเกิดมาไม่ต้องการจะมีโรคภัยไข้เจ็บ นี่ก็เป็นอารมณ์ฝืนธรรมดา
ในที่สุดความตายมันเข้ามา เราก็ไม่อยากตาย บนบานศาลกล่าวกับปู่เจ้าทั้งหลายว่า
“ขอข้าพเจ้าจงอย่าตาย จงอย่าป่วยไข้ไม่สบาย”
แล้วจะมีผู้ใดมีอำนาจเกินกว่า พญามัจจุราช พญามัจจุราชจะหํ่าหั่นไม่ว่าใครทั้งหมด ไม่ว่าคนหรือสัตว์เล็กหรือใหญ่ ย่อมไม่ให้อภัยแก่ใคร สามารถที่จะบดขยี้ชีวิตคนและสัตว์ทั้งหลายให้พินาศไปด้วยพลังอำนาจของตน
องค์สมเด็จพระทศพลตรัสไว้ใน “ธัมมนิยาม” ว่า เหมือนกับภูเขาใหญ่เหล็กใหญ่ลุกจนไฟแดงโชน กลิ้งมาทั้ง ๔ ทิศ บดขยี้ร่างกายของคนและสัตว์ให้พินาศไปฉันใด “มรณภัย” คือความตายก็มีสภาพเช่นนั้น ไม่เคยให้อภัยกับใคร จะเป็นใครอยู่ในฐานะใดก็ตาม ก็ตายด้วยกันทั้งหมด เมื่อถึงเวลาจะตาย
นี่แหละบรรดาท่านพระโยคาวจรทั้งหลาย ที่พูดมานี้เพื่อให้ท่านทั้งหลายเข้าใจว่า
ความเกิดมันเป็นทุกข์
ความแก่เป็นทุกข์
โรคภัยไข้เจ็บที่เกิดกับร่างกายมันเป็นทุกข์
ความพลัดพรากจากของรักของชอบใจเป็นทุกข์
ความตายเป็นทุกข์ ทุกข์เพราะเราไม่อยากจะตาย
ในเมื่อเราเกิดมาเพื่อตายอย่างนี้ เพื่อแสวงหาความทุกข์อย่างนี้ เราจะเกิดชาติไหนหรือว่าเกิดชาตินี้จะมีฐานะอะไรก็ตามที มันหลีกเลี่ยงไม่ได้ ในเมื่อมันหลีกเลี่ยงไม่ได้ เราจะตั้งใจอยากจะเกิดต่อไปหรือยังไง

โพสต์โดย achaya



ที่มา มูลนิธิหลวงพ่อปาน-พระมหาวีระ ถาวโร

 

วันศุกร์ที่๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๑
งานสอนพระกรรมฐาน ณ ศูนย์ปฏิบัติธรรมพ่อถูทา(ศิษย์หลวงพ่อฤาษีฯ วัดท่าซุง จ.อุทัยธานี) จ.อุบลราชธานี

เวลาประมาณ๑๕.๐๐น. พระครูภาวนาธรรมนิเทศก์(หลวงพ่ออาจินต์ ธัมมจิตโต)และคณะพระสงฆ์จากวัดท่าซุงเดินทางมาถึงสนามบิน จ.อุบลราชธานี โดยมีคณะลูกศิษย์มารอรับ หลังจากนั้นได้เดินทางต่อมายังศูนย์ปฏิบัติธรรมพ่อถูทา โดยในเย็นวันนี้จะมีการสอนพระกรรมฐานแบบวิชามโนมยิทธิในเวลาประมาณ ๑๘.๐๐-๑๙.๓๐น.

ขอแจ้งประชาสัมพันธ์กำหนดการในงานครั้งนี้
สำหรับผู้ที่สนใจมาฝึกกรรมฐานแบบวิชามโนมยิทธิและทำบุญสังฆทาน

วันศุกร์ที่๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๑
เวลา ๑๘.๐๐น. ฝึกมโนมยิทธิ (รอบเดียว)

วันเสาร์ที่๑๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๑
เวลา ๐๘.๐๐น. บวงสรวง
เวลา ๐๙.๐๐-๑๐.๓๐ ฝึกมโนมยิทธิ (รอบที่๑)
เวลา ๑๗.๐๐น. ทำวัตรเย็น
เวลา ๑๘.๐๐-๑๙.๓๐น. ฝึกมโนมยิทธิ (รอบที่๒)

วันอาทิตย์ที่๑๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๑
เวลา ๐๙.๐๐-๑๐.๓๐น. ฝึกมโนมยิทธิ (รอบเดียว)
เวลา ๑๒.๐๐น. คณะพระสงฆ์เดินทางกลับวัดท่าซุง

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ๐๘๕-๔๙๓๓๗๗๙ , ๐๘๙-๙๔๔๓๑๖๗ , ๐๘๑-๙๗๗๐๖๖๗














ที่มา มูลนิธิหลวงพ่อปาน-พระมหาวีระ ถาวโร

 

วันศุกร์ที่ ๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๑
ศูนย์ปฏิบัติธรรมพ่อถูทา(ศิษย์หลวงพ่อฤาษีฯวัดท่าซุง จ.อุทัยธานี) อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี
ช่วงเย็นเวลาประมาณ ๑๘.๐๐น. เริ่มเปิดลงทะเบียนสำหรับผู้เข้าฝึกกรรมฐานแบบวิชามโนมยิทธิ หลังจากเปิดเสียงบวงสรวงและสมาทานศีลและสมาทานพระกรรมฐานเสร็จแล้ว ครูฝึกได้แบ่งผู้เข้าฝึกตามห้องต่างๆ
สรุปผลการฝึกมโนมยิทธิช่วงค่ำนี้
ฝึกขั้นต้น จำนวน ๓๓ คน ฝึกได้ ๒๘ คน ฝึกไม่ได้ ๕ คน
ฝึกญาณ๘ จำนวน ๑๑ คน
รวมผู้เข้าฝึกทั้งหมด ๔๔ คน
หลังจากฝึกกรรมฐานเสร็จแล้ว หลวงพ่อท่านพระครูภาวนาธรรมนิเทศก์(หลวงพ่ออาจินต์ ธัมมจิตโต)รับสังฆทาน หลังจากนั้นท่านได้กล่าวนำญาติโยมร่วมกันอุทิศส่วนกุศลถวายแด่หลวงพ่อท่านเจ้าคุณพระราชภาวนาโกศล(หลวงพ่ออนันต์ พัทธญาโณ)เพื่อให้หายจากอาการอาพาธ
หลังจากอุทิศส่วนกุศลเสร็จแล้ว หลวงพ่อท่านพระครูภาวนาธรรมนิเทศก์สนทนากับญาติโยมจนถึงเวลา๒๐.๔๕น.จึงเข้าพัก

ขอแจ้งประชาสัมพันธ์กำหนดการวันพรุ่งนี้
วันเสาร์ที่ ๑๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๑
เวลา ๐๘.๐๐ น. บวงสรวง
เวลา ๐๙.๐๐-๑๐.๓๐ น. ฝึกมโนมยิทธิ
เวลา ๑๗.๐๐ น. ทำวัตรเย็น
เวลา ๑๘.๐๐-๑๙.๓๐ น. ฝึกมโนมยิทธิ

สำหรับผู้ที่ต้องการพักค้างคืน ทางศูนย์ปฏิบัติธรรมฯมีห้องพักให้ สามารถติดต่อได้โดยตรงที่เจ้าหน้าที่ของศูนย์ปฏิบัติธรรมพ่อถูทาครับ














ที่มา มูลนิธิหลวงพ่อปาน-พระมหาวีระ ถาวโร

 

บวงสรวงเพื่อบูรณะอนุสาวรีย์องค์พระเจ้าตากสินมหาราช หน้ามหาวิหารแก้ว๑๐๐เมตร
ที่มา มูลนิธิหลวงพ่อปาน-พระมหาวีระ ถาวโร

 

ถวายปัจจัย อุทิศส่วนกุศลและพระภิกษุสงฆ์ไห้พร
ที่มา มูลนิธิหลวงพ่อปาน-พระมหาวีระ ถาวโร

 

แจ้งข่าวอาการอาพาธ ของหลวงพ่อท่านเจ้าคุณพระราชภาวนาโกศล ช่วงค่ำวันที่ 9กพ.61 ตรวจพบว่ามีเลือดออกในกระเพาะอาหาร คุณหมอฤกษ์ชัย แพทย์เจ้าของไข้ ให้งดอาหารเหลวและน้ำ โดยปรับมาให้สารอาหารทางน้ำเกลือแทน รวมถึงหยุดยาละลายลิ่มเลือด เพื่อแก้ไขภาวะเลือดออกจากอวัยวะภายใน เลือดมีความเป็นกรดสูง ภาวะไตทั้ง2ข้างทำงานบกพร่อง ความดันโลหิตอยู่ในระดับต่ำ ทีมแพทย์ให้ยาปรับความดันอย่างต่อเนื่อง ภาวะติดเชื้อที่ลิ้นหัวใจควบคุมได้ยาก หัวใจอยู่ในภาวะทำงานหนัก ค่าเม็ดเลือดแดงและเกล็ดเลือดอยู่ในระดับต่ำ จึงให้เกล็ดเลือดเพิ่มในวันนี้ ***การงดเยี่ยมในช่วงเวลานี้ เนื่องจากจำเป็นต้องเฝ้าระวังในเรื่องของติดเชื้อ *** มีความคืบหน้าประการใดจะแจ้งให้ทราบเป็นระยะๆต่อไป คณะพระผู้ดูแล วันที่ 10กพ. 61 (20.03น.)



ที่มา มูลนิธิหลวงพ่อปาน-พระมหาวีระ ถาวโร

 

วันเสาร์ที่๑๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๑
ช่วงเย็นวันนี้เวลาประมาณ ๑๘.๐๐ น. เริ่มเปิดลงทะเบียนฝึกกรรมฐานแบบวิชามโนมยิทธิ และเมื่อผู้เข้าฝึกลงทะเบียนกันเรียบร้อย หลังจากนั้นคุณปริยัย เอ็งเงิล จุดเทียนธูปบูชาพระรัตนตรัยที่หน้าองค์พระประธาน หลังจากนั้นจึงเปิดเสียงหลวงพ่อสมาทานศีลและสมาทานพระกรรมฐาน โดยการฝึกมโนมยิทธิในช่วงเย็นวันนี้ แบ่งเป็นการฝึก๒ขั้น คือฝึกขั้นต้นและฝึกท่องเที่ยว โดยฝึกขั้นต้นมีพระอาจารย์วารี เป็นผู้สอน และการฝึกท่องเที่ยวมีพระอาจารย์ทนงศักดิ์และพระอาจารย์ชูชัยเป็นผู้สอน และหลักจากฝึกกรรมฐานเสร็จแล้ว ญาติโยมผู้เข้าฝึกได้ร่วมกันทำบุญถวายสังฆทาน หลังจากนั้นหลวงพ่อท่านพระครูภาวนาธรรมนิเทศก์(หลวงพ่ออาจินต์ ธัมมจิตโต)ได้กล่าวนำญาติโยมอุทิศส่วนกุศลให้กับเจ้ากรรมนายเวรของหลวงพ่อท่านเจ้าคุณพระราชภาวนาโกศล(หลวงพ่ออนันต์ พัทธญาโณ) หลังจากนั้นหลวงพ่ออาจินต์สนทนาธรรมกับญาติโยมจนกระทั่งถึงเวลาประมาณ ๒๐.๕๕น. จึงเข้าพัก

สรุปผลการฝึกกรรมฐานในช่วงเย็นวันนี้
ฝึกขั้นต้น จำนวน ๔ คน ฝึกได้ทั้งหมด
ฝึกท่องเที่ยว จำนวน ๓๑ คน
รวมผู้เข้าฝึก จำนวน ๓๕ คน

ขอแจ้งประชาสัมพันธ์กำหนดการในวันพรุ่งนี้
เวลา ๐๘.๐๐ น. ทำวัตรเช้า
เวลา ๐๙.๐๐-๑๐.๓๐ น. ฝึกมโนมยิทธิ
เวลา ๑๑.๐๐ น. พระฉันเพล














ที่มา มูลนิธิหลวงพ่อปาน-พระมหาวีระ ถาวโร

 

ท่านเจ้าคุณพระราชภาวนาโกศล มรณะภาพ วันที่ ๑๑ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๖๑ เวลา ๐๔:๔๙ น.

http://www.watthasung.com/wat/viewthread.php?tid=2493



ที่มา มูลนิธิหลวงพ่อปาน-พระมหาวีระ ถาวโร

 

กำหนดการบำเพ็ญกุศลศพ
พระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชภาวนาโกศล
เจ้าอาวาสวัดจันทาราม(ท่าซุง) จังหวัดอุทัยธานี

วันอาทิตย์ที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561
เคลื่อนศพจากโรงพยาบาลบำรุงราษฏร์ ไปยัง วิหารแก้ว 100 เมตร วัดจันทาราม(ท่าซุง)
เวลา 11.00 น.เคลื่อนศพออกจากโรงพยาบาลบำรุงราษฏร์ โดยรถ Ambulance
เวลา 14.30 น.ขบวนเคลื่อนศพถึงวิหารแก้ว 100 เมตร วัดจันทาราม(ท่าซุง)
ใช้เส้นทางประตูด้านมณฑปพระปัจเจกพุทธเจ้า (ประตูด้านทิศตะวันออก)
หลังจากนั้นอัญเชิญศพ เข้ายังห้องพักด้านในวิหารแก้ว 100 เมตร

วันจันทร์ที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561
เคลื่อนศพจากวิหารแก้ว 100 เมตร ไปยัง มหาวิหาร ๑๐๐ ปี หลวงพ่อพระราชพรหมยาน (ศาลา ๑๒ ไร่)
เวลา 07.00 น.เริ่มตั้งขบวนเคลื่อนศพ ที่ วิหารแก้ว 100 เมตร
เวลา 08.00 น.เคลื่อนขบวนอัญเชิญศพ ออกจากวิหารแก้ว 100 เมตร
ใช้เส้นทางออกจากวิหารแก้ว 100 เมตร ทางประตูด้านมณฑปพระปัจเจกพุทธเจ้า (ประตูด้านทิศตะวันออก) โดยมีวงโยธวาทิตของโรงเรียนพระสุธรรมยานเถระวิทยานำขบวน ไปยัง ถนนอุทัย-มโนรมย์ ผ่านพระจุฬามณี ผ่านสวนไผ่ เลี้ยวเข้ามหาวิหาร ๑๐๐ ปี หลวงพ่อพระราชพรหมยาน (ศาลา ๑๒ ไร่) จากนั้นเคลื่อนศพเข้ายังห้องพักหลังพระประธาน
เวลา 11.00 น.พระภิกษุสงฆ์ฉันภัตตาหารเพล
เวลา 12.45 น.อัญเชิญศพออกมายังแท่นรับรองหน้าพระประธาน
เวลา 13.00 น.พุทธศาสนิกชนสรงน้ำศพ
เวลา 16.00 น.พิธีพระราชทานน้ำหลวงสรงศพ
เวลา 19.00 น.พิธีสวดพระอภิธรรม

วัดจันทาราม(ท่าซุง) จังหวัดอุทัยธานี
11 กุมภาพันธ์ พุทธศักราช 2561



ที่มา มูลนิธิหลวงพ่อปาน-พระมหาวีระ ถาวโร

 

วันอาทิตย์ที่ ๑๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๑
งานสอนกรรมฐาน ณ ศูนย์ปฏิบัติธรรมพ่อถูทา(ศิษย์หลวงพ่อฤาษีฯ วัดท่าซุง จ.อุทัยธานี) จ.อุบลราชธานี
เวลา๐๘.๐๐น. หลวงพ่อท่านพระครูภาวนาธรรมนิเทศก์(หลวงพ่ออาจินต์ ธัมมจิตโต)ได้นำญาติโยมทำวัตรเช้า และก่อนถึงเวลาฝึกมโนมยิทธิในช่วงเช้านี้ คณะพระสงฆ์และญาติโยมได้ร่วมกันถวายสังฆทานชุดใหญ่จำนวน๕ชุดเพื่อน้อมถวายผลบุญอุทิศแด่หลวงพ่อท่านเจ้าคุณพระราชภาวนาโกศล(หลวงพ่ออนันต์ พทฺธญาโณ)ที่ท่านได้ละสังขารเมื่อช่วงเช้ามืดของวันนี้เมื่อเวลา๐๔.๔๙น. หลังจากนั้นได้เริ่มการฝึกกรรมฐานแบบวิชามโนมยิทธิ และหลังจากฝึกกรรมฐานเสร็จแล้ว คณะญาติโยมได้ร่วมกันกราบขอขมาต่อพระรัตนตรัยและกราบขอขมาต่อหลวงพ่อท่านเจ้าคุณพระราชภาวนาโกศล(หลวงพ่ออนันต์ พทฺธญาโณ) หลังจากนั้นคณะญาติโยมได้ร่วมกันถวายสังฆทานชุดใหญ่ เมื่อถวายสังฆทานกันเรียบร้อยแล้ว หลวงพ่อท่านพระครูภาวนาธรรมนิเทศก์(หลวงพ่ออาจินต์ ธัมมจิตโต) ได้กล่าวนำญาติโยมร่วมกันอุทิศผลบุญถวายแด่หลวงพ่อท่านเจ้าคุณพระราชภาวนาโกศล(หลวงพ่ออนันต์ พทฺธญาโณ)อีกครั้ง และสนทนาธรรมกับญาติโยม จนกระทั่งเวลา ๑๑.๑๐น. หลวงพ่ออาจินต์และคณะพระสงฆ์จึงฉันเพล

ในช่วงบ่ายวันนี้เวลาประมาณ๑๓.๐๐น. หลวงพ่ออาจินต์และคณะพระสงฆ์จะเดินทางกลับวัดท่าซุง จ.อุทัญธานี

สรุปผลการฝึกกรรมฐานในช่วงเช้านี้
ฝึกขั้นต้น จำนวน ๑๑ คน ฝึกได้ ๖ คน ฝึกไม่ได้ ๕ คน
ฝึกญาณ๘ จำนวน ๒๖ คน
รวมผู้เข้าฝึก ๓๗ คน

ในงานสอนกรรมฐานครั้งนี้ ทางวัดท่าซุงและทางมูลนิธิฯขอขอบคุณท่านพระอาจารย์สมหมาย โกวิโท ท่านเจ้าอาวาสวัดป่าโนนสมบูรณ์ อ.เขื่องใน จ.อุบลราชธานี ที่ได้นำคณะแม่ครัวและลูกศิษย์มาช่วยทำอาหารถวายพระตลอดในช่วงวันงาน และขอขอบคุณทีมงานเจ้าหน้าที่ของทางศูนย์ปฏิบัติธรรมพ่อถูทาฯทุกท่านที่ได้ร่วมช่วยกันให้งานสอนกรรมฐานครั้งนี้เสร็จสมบูรณ์ได้ด้วยดี และขอโมทนาบุญผู้เข้าร่วมฝึกกรรมฐานในงานครั้งนี้ด้วยครับ














ที่มา มูลนิธิหลวงพ่อปาน-พระมหาวีระ ถาวโร

 

เตรียมรับสรีระหลวงพ่อพระราชภาวนาโกศลจากรพ.บำรุงราษฎร์กลับวัดท่าซุง
ที่มา มูลนิธิหลวงพ่อปาน-พระมหาวีระ ถาวโร

 

วันที่ ๑๑ ก.พ.๖๑ เตรียมจัดงานพิธีบำเพ็ญกุศลศพพระเดชพระคุณพระราชภาวนาโกศล เจ้าอาวาสวัดจันทาราม(ท่าซุง) จ.อุทัยธานี
พระสงฆ์และฆราวาสช่วยงานวัด ตลอดจนครูและนักเรียนร.ร.พระสุธรรมยานเถระวิทยา ได้มาที่มหาวิหาร ๑๐๐ ปีหลวงพ่อพระราชพรหมยาน เพื่อจัดสถานที่ เตรียมงานบำเพ็ญกุศลศพท่านเจ้าคุณพระราชภาวนาโกศล ซึ่งในวันพรุ่งนี้เป็นวันแรก เป็นพิธีรับพระราชทานน้ำหลวงสรงศพพระเดชพระคุณฯ โดยได้ช่วยกันจัดเก้าอี้ จัดตกแต่งเวที และผูกผ้าขาวดำตามจุด
ทุกคนต่างช่วยกันคนละไม้ละมือตลอดคืนนี้ให้แล้วเสร็จ เพื่อเป็นการสนองพระคุณของท่านเจ้าคุณพระราชภาวนาโกศลเป็นครั้งสุดท้ายร่วมกัน














ที่มา มูลนิธิหลวงพ่อปาน-พระมหาวีระ ถาวโร

 

เมื่อวันอาทิตย์ที่ ๑๑ ก.พ พ.ศ.๒๕๖๑ เวลา ๐๔:๔๙ น.แพทย์เวร ลงความเห็น ท่านเจ้าคุณพระราชภาวนาโกศล (อนันต์ พทฺธญาโณ) มรณภาพ ด้วยสาเหตุติดเชื้อในกระแสเลือด หลังจากพยาบาลทำความสะอาดสรีระหลวงพ่อท่านเจ้าคุณเสร็จแล้ว คณะพระสงฆ์ มีพระครูปลัดสมนึก เป็นหัวหน้าที่เฝ้าไข้ ได้นำผ้า สบง จีวร สังฆาฏิ ห่มสรีระท่าน จากนั้นกราบขอขมา
เวลา ๐๖:๐๐ น. เจ้าหน้าที่เคลื่อนสรีระ จากห้อง icu ชั้น๕ ลงมาชั้นล่างเพื่อเตรียมเคลื่อนย้ายกลับวัด
เวลา ๑๐:๐๐ น. คณะพระสงฆ์ ญาติโยม ทำพิธีขอขมาสรีระท่านฯ เมื่อเสร็จพิธีแล้วนำสรีระท่าน ขึ้นรถอีมูแลน เมื่อขบวนรถพร้อมแล้ว เวลา ๑๐:๒๐ น.รถนำขบวนออกเดินทางออกจาก โรงพยาบาลบำรุงราษฏร์
เวลา ๑๓:๓๐ น.ขบวนรถมาถึงวิหารแก้ว ๑๐๐ เมตร มีคณะพระสงฆ์ ญาติโยม คณะครูนักเรียนโรงเรียนพระสุธรรมยานเถระ วิทยา ตั้งแถวสองข้างทาง จากนั้นเคลื่อนสรีระท่านฯ ออกจากรถเข้ามหาวิหารฯ เมื่อถึงด้านหน้าห้องกระจก ที่เก็บสรีระหลวงพ่อพระราชาพรหมยาน คณะพระสงฆ์ และญาติโยม ทำพิธีขอขมา เมื่อพิธีเสร็จแล้วเคลื่อนสรีระท่านฯ เข้าไปห้องด้านหลังวิหาร เพื่อรอทำพิธีในวันพรุ่งนี้














ที่มา มูลนิธิหลวงพ่อปาน-พระมหาวีระ ถาวโร

 

เตรียมเคลื่อนสู่มหาวิหาร
ที่มา มูลนิธิหลวงพ่อปาน-พระมหาวีระ ถาวโร

 

กำหนดการค่ำวันนี้
วันจันทร์ที่ ๑๒ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๖๑
เวลา ๑๙:๐๐ น.พิธีสวดพระอภิธรรม เพื่ออุทิศถวายแด่ พระราชภาวนาโกศล ที่มหาวิหาร ๑๐๐ ปี หลวงพ่อพระราชพรหมยาน

พิธีบำเพ็ญกุศลสวดพระอภิธรรม เพื่ออุทิศถวายแด่
พระราชภาวนาโกศล วิ. (อนันต์ พทฺธญาโณ เสนสกุล)
อดีตเจ้าอาวาสวัดจันทาราม (ท่าซุง)
ณ มหาวิหาร ๑๐๐ ปี หลวงพ่อพระราชพรหมยาน (ศาลา ๑๒ ไร่) วัดจันทาราม (ท่าซุง)
อำเภอ เมืองอุทัยธานี จังหวัด อุทัยธานี

สืบเนื่องจากการมรณภาพของพระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชภาวนาโกศล อดีตเจ้าอาวาสวัดจันทาราม (ท่าซุง) ทางวัดได้จัดงานบำเพ็ญกุศลสวดพระอภิธรรมเพื่ออุทิศถวายแด่ท่าน ซึ่งทางวัดได้กำหนดให้มีการสวดพระอภิธรรม โดยจะเริ่มพิธีในเวลา 19.00 น. ของทุก ๆ วัน ตั้งแต่วันที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2561 เป็นต้นไป

สำหรับท่านที่มีความประสงค์จะเป็นเจ้าภาพสวดพระอภิธรรมเป็นการเฉพาะนอกเหนือจากเวลาที่กำหนดไว้ สามารถแจ้งความประสงค์เป็นเจ้าภาพสวดพระอภิธรรมรอบพิเศษ ได้ตั้งแต่ เวลา 09.00 น. – 10.30 น. และ 12.00 น. – 17.00 น. ของทุก ๆ วัน ตั้งแต่วันที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2561 เป็นต้นไป

โดยสามารถติดต่อจองเป็นเจ้าภาพสวดพระอภิธรรม ได้ที่กองอำนวยการ ณ มหาวิหาร ๑๐๐ ปี หลวงพ่อพระราชพรหมยาน (ศาลา ๑๒ ไร่) วัดจันทาราม (ท่าซุง)

เบอร์โทรศัพท์ติดต่อ

พระชูชัย สุธมฺมคุณวโร โทร. 089-668-8671

Line ID : CHEE2244

ติดต่อจองเป็นเจ้าภาพโรงทาน

พระใบฏีกาพิษณุ สุธมฺมธโร โทร. 082-998-2145



ที่มา มูลนิธิหลวงพ่อปาน-พระมหาวีระ ถาวโร