ความหมายของ การภาวนาที่เราอาจเข้าใจยังไม่เพียงพอ

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย ธรรมแท้ว่าง, 29 พฤศจิกายน 2016.

  1. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,293
    ค่าพลัง:
    +12,622
    ...การภาวนานี้ มิใช่ท่านหมายเอาการเดินจงกรมตลอดวัน
    นั่งสมาธิตลอดคืน
    ความจริงแล้วท่านหมายเอา
    ผู้ที่มีสติจดจ่ออยู่
    กายกับใจทุกอิริยาบถ ยืน เดิน นั่ง นอน
    เป็นประจำอยู่...

    พระเดชพระคุณ หลวงปู่คำดี ปภาโส
     
  2. SegaMegaHyperSuperCyberNeptune

    SegaMegaHyperSuperCyberNeptune "โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านกระทู้ผม"

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2011
    โพสต์:
    4,087
    ค่าพลัง:
    +3,394
    ยุบหนอ พองหนอ พุธโธๆ ย่างซ้ายหนอ ย่างขวาหนอ
     
  3. บ้องแบ้ว

    บ้องแบ้ว นางฟ้าผู้น่ารัก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    3,294
    กระทู้เรื่องเด่น:
    105
    ค่าพลัง:
    +5,301
    สติกำหนดรู้อยู่ที่จิต

    อุปสรรคคือดิฉันจะชอบคิดวิเคราะห์ ในหัวจะมีคำว่าทำไมเสมอ ซึ่งสติจะไม่เกิด

    ลพ.พุธท่านไม่ให้ไปวิพากย์วิจารณ์ฟุ้งซ่านอย่างไร้สติ ซึ่งเหมือนง่าย แต่ต้องระลึกถึงคำสอนของท่านเสมอแล้วจะทำได้ ทำได้3-4วันใน7วันก้อยังดีกว่าเลวทั้ง7วันค่ะ เปรียบเทียบเฉยๆนะคะ

    ครูอ้อยบอกว่า จิตใต้สำนึกทุกคนไม่มีใครอยากเป็นคนเลวค่ะ แต่เค้าไม่รู้ว่าเค้ามีทางเลือก...
     
  4. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,293
    ค่าพลัง:
    +12,622
    เอาคำสอนครูอ้อยกะคำสอนหลวงพ่อพุธมายำรวม
    กันในสมอง.....แล้วจะทำให้เกิดมีสติพิจารณา
    ทุกอิริยาบถได้ไหม ถ้าได้ก็ยำกันเลย555
     
  5. บ้องแบ้ว

    บ้องแบ้ว นางฟ้าผู้น่ารัก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    3,294
    กระทู้เรื่องเด่น:
    105
    ค่าพลัง:
    +5,301
    ป่าวค่ะ แค่นึกถึงคำสอนไหน ก้อพิมพ์ออกมา แต่รู้อยู่แล้วว่าต้องเจริญรอยตามพระอริยสงฆ์ผู้เป็นสาวกของพระพุทธเจ้าค่ะ
     
  6. บ้องแบ้ว

    บ้องแบ้ว นางฟ้าผู้น่ารัก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    3,294
    กระทู้เรื่องเด่น:
    105
    ค่าพลัง:
    +5,301
    ที่ยกคำครูอ้อยมาเพื่อจะสนับสนุนค่ะว่าปฏิบัติได้น้อยดีกว่าไม่ปฏิบัติเลย ส่วนถ้าปฏิบัติได้เต็มร้อยก้อคงสำเร็จในไม่ช้า
     
  7. pinit417

    pinit417 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มีนาคม 2016
    โพสต์:
    189
    ค่าพลัง:
    +164
    การทำสมาธิเค้าก็ไม่ได้ห้ามไม่ให้คิดนี่ครับ เพียงแต่ต้องคิดให้ถูกเวลาและพิจารณาให้เป็นไปตามไตรลักษณ์
    ถูกเวลาคือ หลังจากจิตสงบไม่ฟุ้งซ่านจิตมีกำลัง
    พอจิตสงบ มีกำลัง นั่นก็หมายถึงจิตพร้อมที่จะเรียนรู้... แล้วใครเป็นครู...ก็เรานั่นแหละเป็นครูสอนจิตของเรา... สอนยังไง...ก็สอนเป็นไปตามไตรลักษณ์ ให้พิจารณาเพื่อให้จิตเรียนรู้ว่าทุกอย่าง เป็นอนิจจัง คือความไม่เที่ยง คือ ทุกสิ่งต้องมีการเสื่อม และสลายไป... เป็นทุกขัง คือ เมื่อยึดติดอยู่ในความไม่เที่ยงนี้ ก็ต้องเป็นทุกข์เป็นธรรมดา เพราะสิ่งไม่เที่ยงนี้ไม่มีวันอยู่กับเราได้ตลอด มีลาภเสื่อมลาภ มีพ่อแม่สามีภรรยาและลูกซักวันเราไม่จากเขาไป เขาก็ต้องจากเราไป ซึ่งทำให้เรารู้ว่านี่คือ อนัตตา ไม่มีอะไรเป็นของเรา ไม่มีตัวเรา ไม่มีของเรา มันเกิดจากธรรมชาติและมันก็ต้องกลับคืนสู่ธรรมชาติ
     
  8. ชมทรัพย์

    ชมทรัพย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มิถุนายน 2015
    โพสต์:
    552
    ค่าพลัง:
    +248
    งั้นต้องขอเรียนรู้เรื่อง สติ ก่อน
    ตาเห็นรูป หูได้ยินเสียง จมูกดมกลิ่น ลิ้นรับรส กายสัมผัสเย็นร้อนอ่อนแข็งตึงไหว รับรู้ที่ใจไม่ยินดียินร้าย แบบนี้ใช่ไหมสติ ?
     
  9. ชมทรัพย์

    ชมทรัพย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มิถุนายน 2015
    โพสต์:
    552
    ค่าพลัง:
    +248
    อยากจะรู้จักอาการที่สมมุติเรียกว่า สติ
    ก็เรายังเป็นมนุษย์อยู่กับโลก อยู่กับภพชาติเป็นทุกข์แบบประเสริฐ ไม่ได้เปนคนอายตนะบอดใบ้หนวก
    ถ้าหนีโลกก็จะเป็นวิภวะตัณหาใช่ไหม ?
     
  10. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,293
    ค่าพลัง:
    +12,622
    ถ้าเข้ากรรมมัฏฐานได้มาสักแว๊บครึ่งแว๊บ
    คงไม่มากเรื่อง
    มากความอย่างร๊อก
     
  11. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,053
    ค่าพลัง:
    +3,465
    ไม่ใช่

    อันนี้ เรียก เพ่งจ้อง ปัญญามันล้ำหน้า สติมันจ้าเกินไป ตาแข็ง ใจแข็ง
    ไม่นุ่มนวล มีน้ำหนัก มีปิติจิตก็แกว่งตก มีสุขสว่างก็เอ๊อะอ๊ะตกใจ

    ให้พิจารณา ยินดี ยินร้าย เฉยๆ ยกเป็น กองเวทนา แล้ว ตามระลึก
    ความเกิดดับ เอาปัญญาล้ำหน้ามาตรึก เห็นเวทนาเกิดดับ ใช้สัญญา
    ปัญญาหมายล้ำหน้าให้กลายเป็นทุน ....จนกว่า จิตจะเห็นสภาวะธรรมได้ จึงจะเกิด "....."

    พอเห็น ยินดี ยินร้าย เฉยๆ เป็นเพียง สภาวะธรรม จิตจะไม่หมาย
    เอาเวทนามาเป็นเรา ความพอใจในการหมายๆ จ้องๆ เพ่งๆ จะถูกกำหนด
    รู้ลงเป็นไตรลักษณ์ จนจิตแยกจากเวทนา ไม่เห็นเราพอใจ เราไม่พอใจ
    เราอะเฉยๆ เป็นเพียง สิ่งหน้าสันติที่หลอกลวง วางเวทนาลง ไม่เห็น
    เป็นเราของเรา ค่อยว่ากันต่อ " สติ " อยู่ตรงไหน

    ปล.กำหนดรู้เวทนา จะไม่ ปรารภ กลัว วิภวตัณหา จนหัวหดแบบนั้น แต่...
    เจอ "สติ" หรือยัง ต้องไปฝึกมาก่อน เราจะดู "คำถาม" ถ้าทำมา จะถาม
    เป็น ถ้าไม่ทำมา เอาแต่ปัญญาล้ำหน้า เอาแต่จะเอาส้นตี ยัดปากคนสอน
    ก็คงได้แต่ถาม "สติ" เป็นอย่างไร อยู่อย่างนั้น จนตายเปล่าไป
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 พฤศจิกายน 2016
  12. ชมทรัพย์

    ชมทรัพย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มิถุนายน 2015
    โพสต์:
    552
    ค่าพลัง:
    +248
    ตกลง สติ หน้าตา อาการเปนไง มีเหตุให้เกิดไหม
     
  13. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,053
    ค่าพลัง:
    +3,465
    เมื่อแยก เวทนา " ยินดี ยินร้าย อัพพยากตา " เป็น สภาวะธรรม เป็นกองขันธ์

    ค่อยกลับมา พิจารณา

    " ตาเห็นรูป หูได้ยินเสียง จมูกดมกลิ่น ลิ้นรับรส กายสัมผัสเย็นร้อนอ่อนแข็งตึงไหว "

    ซึ่ง.........หาก ภาวนา แยกธาตุ แยกขันธ์ ถูกต้อง จะไม่เกิด การเพ่งจ้อง เอา
    เฉย เอาไม่เฉย

    แต่จะเกิด ภูมิธรรม ในการพิจารณา ราคะ โทษะ โมหะ ที่เกิดหลังจาก การ
    เห็น ตาเห็นรูป หูได้ยินเสียง จมูกดมกลิ่น ลิ้นรับรส กายสัมผัสเย็นร้อนอ่อนแข็งตึงไหว

    ว่าจิตไหลไปทางรูป เพราะ ราคะ โทษะ หรือ โมหะ
    จิตไหลไปทางเสียง เพราะ ราคะ โทษะ หรือ โมหะ
    .........................

    มีการ พิจารณา กิเลส สาสวะ ภวสวะ อาสวะ ร่วมกับ การระลึกได้

    งานเกิดตรงที่ เห็น อกุศลมูลจิต งานจะไม่เกิดหากไปเพ่งตา หู จมูก ฯลฯ

    เมื่อจิตเห็นราคะ ....แล้วไม่ถลำไป ยินดี ยินร้าย หรือ เอาเฉย จะเกิด
    การเห็น กิเลส เป็น สิ่งเกิดดับ

    เมื่อเห็นกิเลส เกิดดับ สภาวะธรรม นามรูป นิทาน จะกระจายตัวออก
    เป็น ผัสสะ เวทนา วิญญาณ สังขาร ชัดขึ้นเรื่อยๆ

    เมื่อชำนาญในการเห็น จิตปราศจาก ราคะ จิตเกิด ปิติ เพราะเป็นสุญญตา
    จิตจะจำสาภวะ ฌาณจิตได้ ....ทำให้ ชำนาญใน ปฐมฌาณ ที่ประกอบ
    จิตได้มากขึ้น พอชำนาญมากๆ จะสามารถ โน้มจิตไปใน องค์ฌาณ ได้ทันที
    ไม่ต้องไป พิจารณา ราคะ อีก(เพราะ ไม่ได้เกิดเสมอไป)

    จะอาศัย สัญญาสูตร ระลึกเข้าไปที่ จิตที่มี องค์ฌาณชนิดต่างๆ ได้ตามกำลัง
    ในการเห็น อุกศลมูลจิต พอจิตเห็นโทษะ โมหะ ได้ จิตก็ก้าวข้าว ปฐมฌาณ
    ไปสู่ สัญญาในทุตยฌาณ ตติยฌาณ หรือ จตุถฌาณ ตามแต่ ความเพียร
    หมั่นประกอบ ด้วยปัญญา แผ่ปิติ แผ่สุข เห็นปัสสัทธิ หน่วงเหนี่ยวจิตให้
    เจริญ โพฌชงค์ เพื่อวิชา เพื่อวิมุตติ

    ปล. การเห็น เวทนา เกิดดับ หลังจาก หน่วงเหนี่ยว ฌาณจิต ตรงนี้ จิตจะมี
    กำลังในลักษณะ ประหานกิเลส แบบตทังคะบ้าง ปหานนะบ้าง ซึ่งจะเห็น
    แล้วว่า จิตเกืดทางตาดับทางตา จิตเกิดทางหูดับทางหู กิเลสเกิดทางใจก็
    ดับตรงใจ กระทบผัสสะด้วย"อาการสักแต่ว่า"(จะเริ่มเข้าใจ การล่วงส่วน
    การทำให้กิเลสไม่เกิดอีก)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 พฤศจิกายน 2016
  14. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,053
    ค่าพลัง:
    +3,465
    โมหะ มูลจิตนั้น เป็น สภาวะธรรม ที่โน้น อรหัตถผล จึง ปราศจากโมหะ

    สติ มีเท่าไหร่ก็ไม่พอ หากยังไม่ สำเร็จกิจ

    เสียเวลา ไปถกเถียง สติ หน้าตาเป็นยังไง

    กว่าจะรู้ ก็ตายเปล่า

    ถ้ามุ่งเอา การถกเถียง ลาก สติ มากระทืบให้เห็น จะ จะ ตรงหน้า
    ก็มีหวัง ตายเปล่า
     
  15. ชมทรัพย์

    ชมทรัพย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มิถุนายน 2015
    โพสต์:
    552
    ค่าพลัง:
    +248
    สงสัยจะตายเปล่าจริงๆ
     
  16. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,053
    ค่าพลัง:
    +3,465
    การฟังธรรม ไม่ใช่ ฟังเพื่อเชื่อ คนข้างนอก แล้วเอาไปทำ

    การฟังธรรม จะต้องอาศัย ความเจ็บแค้นในกิเลสในตน เป็นทุน

    เมื่อเห็นอยู่กว่า กิเลสในตนนั้นมีอยู่ จิตจะแสวงหา การพ้นทุกข์
    พร้อมการ สดับธรรมอยู่ที่จิต กำหนดเห็นกิเลสมีอยู่ในตน ไม่เสียสติ
    เสียสมัปชัญญะ ไปไล่กระทืบคนสอน เอาเชื่อจากคนสอน

    ธรรมภายนอก จะเป็นเพียง ผัสสะ ความสุข อนุเคราะห์ บรรเทา
    จิตที่ตนกำหนดรู้อยู่ว่ามีกิเลส

    พอธรรมภายนอก อนุเคราะห์ หากกำหนดรู้ราคะ โทษะ โมหะอยู่
    สติจะเกิด ไม่ได้ยาก


    ทียาก เพราะไม่ปฏิบัติ

    ที่ยาก เพราะมัวแต่มุ่งฟังเพื่อขอกระทืบปากคนสอน
     
  17. ชมทรัพย์

    ชมทรัพย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มิถุนายน 2015
    โพสต์:
    552
    ค่าพลัง:
    +248
    เริ่มรู้สึกอยากตื๊บคนละ ฮา
    อยากตื๊บคนมีสติไหม
     
  18. บ้องแบ้ว

    บ้องแบ้ว นางฟ้าผู้น่ารัก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    3,294
    กระทู้เรื่องเด่น:
    105
    ค่าพลัง:
    +5,301
    ถ้าคิดเกี่ยวกับการงานท่านไม่ได้ห้ามค่ะ แต่เรื่องสภาวะธรรมที่เกิดแก่จิตท่านไม่ให้ปรุงแต่งต่อ ท่านแค่ให้ใช้สติกำหนดรู้ เหมือนที่คุณคนไร้บ้านบอกแหละค่ะ
     
  19. บ้องแบ้ว

    บ้องแบ้ว นางฟ้าผู้น่ารัก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    3,294
    กระทู้เรื่องเด่น:
    105
    ค่าพลัง:
    +5,301
    ท่านใช้คำว่าสติกำหนดรู้อยู่ที่จิต คุณคิดว่าหมายความว่าอย่างไรคะ ? ดิฉันไม่เข้าใจจริงๆ
     
  20. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,293
    ค่าพลัง:
    +12,622
    ตั้งสติให้มั่นเพื่อการเพ่งไปจับที่จิตว่าเสวยอารมย์อะไรอยู่
    โดยปกติถ้าต้องการจะได้สมาธิก็ต้องคุมจิตให้ตั้งมั่นกับลมหายใจเข้า- ออกเพียงอย่างเดียว
    ไม่ให้ส่ายแส่ไปเสพอารมย์อื่นใด
    นอกจากมุ่งดูลมเข้าออกเท่านั้น
    จะเป็นการเจริญสติและสมาธิไปพร้อมๆ กัน
     

แชร์หน้านี้

Loading...