คาถาเงินล้านออนไลน์

ในห้อง 'บทสวดมนต์ - คาถา' ตั้งกระทู้โดย mastertana, 27 มิถุนายน 2006.

  1. ji

    ji เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มกราคม 2005
    โพสต์:
    42
    ค่าพลัง:
    +389
  2. ji

    ji เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มกราคม 2005
    โพสต์:
    42
    ค่าพลัง:
    +389
    เขาบอกว่าพุทธอิสระเป็นพระอรหันต์ทำไมค้านคาถาที่หลวงพ่อได้มาจาก พระ? ....ทำไมต้องตั้งฉายาให้ตนเอง เช่น ยันตระ, ภาวนาพุทโธ หรือพุทธอิสระ
     
  3. paang

    paang เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 เมษายน 2005
    โพสต์:
    9,492
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +34,325
    อนุโมทนาในกุศลจิต ที่ตั้งใจเผยแพร่ธรรมะ
    สาธุ สาธุ สาธุ ขอให้เจริญในธรรมยิ่งๆ ขึ้นไปค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 กรกฎาคม 2006
  4. Nakamura

    Nakamura Moderator ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กันยายน 2005
    โพสต์:
    2,003
    ค่าพลัง:
    +17,625
    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  5. ji

    ji เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มกราคม 2005
    โพสต์:
    42
    ค่าพลัง:
    +389

    คาถาเงินล้านหรือเปล่าคะ <O:p></O:p>
    ฮ้า ตอนนี้มีมาบ้างไหมนี่ <O:p></O:p>
    มีค่ะ ท่องได้ด้วยนะคะ <O:p></O:p>
    เอ้า ลองรวมหัวกันท่องดูซิ โดยไม่ต้องทำกินสัก 3 วัน <O:p></O:p>
    ท่องมา 2 ปีแล้ว ไม่เห็นล้านซักทีค่ะ <O:p></O:p>
    มีแต่หัวล้านใช่></O:p>ไหม
    <O:p
    ไปดูทีนี่หน่อย เป็นคำพูดของพุทธอิสระ ทำไมพูดแบบนี้หนอ?
    http://www.dhamma-isara.org/bk_nature_12million.html
     
  6. ji

    ji เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มกราคม 2005
    โพสต์:
    42
    ค่าพลัง:
    +389
  7. landends

    landends เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2006
    โพสต์:
    173
    ค่าพลัง:
    +477
    ขอบพระคุณมากครับ ...ขอให้ร่ำรวยบุญกันทุกคนนะครับ อนุโมทนาครับ
     
  8. ji

    ji เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มกราคม 2005
    โพสต์:
    42
    ค่าพลัง:
    +389
    ในภาวะเศรษฐกิจของบ้านเราแบบนี้อยากให้ทุกท่านที่เป็นสัมมาฐิถิท่องคาถาเงินล้านให้ได้วันละอย่างน้อย33 จบ และต้องใส่บาตรพระทุกวัน(จำเป็นอย่างยิ่ง) เวลาท่องอย่านึกอยากได้ลาภใดๆทั้งสิ้นต้องทำใจให้นิ่ง ผู้ปฏิบัติจะรู้ด้วยตัวเอง
     
  9. ji

    ji เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มกราคม 2005
    โพสต์:
    42
    ค่าพลัง:
    +389
    ความมหัศจรรย์แห่งกุศลกรรม<?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:eek:ffice" /><o:p></o:p>
    ตอนที่ ๑<o:p></o:p>
    กำเนิดบุญ<o:p></o:p>
    สทฺธา สาธุ ปติฏฐิตา<o:p></o:p>
    ศรัทธาตั้งมั่นแล้ว ยังประโยชน์ให้สำเร็จ
    ข้าพเจ้าก็เริ่มมาพิจารณาคำสอนของพระท่านสอนว่า อยากรวยให้ทำทาน อยากสวยให้รักษาศีล อยากฉลาดหรือดีให้ภาวนา แต่ข้าพเจ้ากลับมาพิจารณาว่า เรามีทุกข์เรื่องความจน พระท่านสอนว่าอยากรวยให้ทำทาน พระสอนว่า ธรรมะพระพุทธเจ้าพิสูจน์ได้ และนิสัยของข้าพเจ้าก็คือต้องพิสูจน์ว่าจริงหรือเปล่า ทำทานแล้วรวย ข้อนี้สนใจมาก ขอพิสูจน์ข้อนี้ก่อน<o:p></o:p>
    จากนั้นเป็นต้นมา ข้าพเจ้าก็ลงมือพิสูจน์สัจธรรมว่า ทำทานแล้วรวย วันหนึ่งในเดือนตุลาคม ๒๕๒๕ ข้าพเจ้าได้ข่าวว่า หลวงพ่อฤาษีลิงดำจะมาที่บ้านซอยสายลม เพราะเป็นวันเกิดท่าน มีพระธาตุแจกแก่ญาติโยมด้วย ข้าพเจ้าจึงรีบออกเดินทางไปแต่เช้า ปรากฏว่าผู้คนหลั่งไหลมาแน่นขนัด ข้าพเจ้ามีเงินติดตัวอยู่ประมาณ ๓๐๐ บาท จึงถวายเงินทำบุญวันเกิดหลวงพ่อฤาษีลิงดำ ๑๐๐ บาท ได้รับแจกพระธาตุและคาถาหลวงพ่อปานมาอ่านแล้วก็พับใส่กระเป๋าถือ ไม่ได้สนใจใยดี<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    ช่วงนั้นข้าพเจ้าเริ่มมีบ้านอยู่ เริ่มจะผ่อนส่งเดือนละ ๕,๐๐๐ บาท แต่เงินเดือนเพียง ๓,๐๐๐ บาทเศษ ทุกข์ใจเหลือเกิน เงินในธนาคารก็จะหมดแล้ว พอดีเห็นกระดาษพับอยู่ในกระเป๋าถือ เป็นคาถาหลวงพ่อปาน ก็นำมาอ่าน<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    “คาถาเรียกทรัพย์” พุทธะ มะอะอุ นะโมพุทธายะ วิระทะโย วิระโคนายัง วิระหิงสา วิระทาสี วิระทาสา วิระอิตถิโย พุทธัสสะ มานีมามะ พุทธัสสะ สวาโหม ท่องทุกวันวันละ ๓ จบ ๕ จบ ๙ จบ แล้วให้ใส่บาตรทุกวันก่อนไปทำงานหรือท่องคาถาแล้วเอาเงินใส่กระปุกทุกวันแล้วนำเงินไปถวายเป็นค่าอาหารพระ ขณะนั้นกำลังจนตรอก เงินจะขาดมือแล้ว เราแย่แน่ ๆ จึงตัดสินใจว่า ลองดู จะรวยได้อย่างไรมองไม่เห็น แต่ท่านสั่งให้เราท่องเราก็ท่อง แล้วก็ตั้งหน้าตั้งตาท่องคาถาหลวงพ่อปานทุก ๆ วันแล้ว นำกระปุกมาติดป้าย “พุทธะมะอะอุ” กันไว้ ไม่ให้เผลอหยิบเงินไปใช้ นำเงินเหรียญ ๕ ใส่กระปุกทุกวัน ยามนั่งรถเมล์ก็ท่องคาถาเพราะกลัวว่า ท่องน้อยไปจะไม่พอ เพราะรถติด ๑ ชม. กว่าจะถึงที่ทำงาน ท่องคาถาพุทธะมะอะอุ ประมาณ ๑๐-๑๕ นาที เวลาเหลือก็สวดอิติปิโส ๒-๓ จบ จากนั้นแผ่เมตตา นั่งเพลิน ๆ ก็ถึงที่ทำงาน ทำอย่างนี้อยู่ ๒ สัปดาห์ ความอัศจรรย์ก็เกิด เพราะมีคนอาศัยอยู่หมู่บ้านเดียวกันแต่อยู่ซอย ๕ ได้มาหาทั้ง ๆ ที่ไม่รู้จัก มาชวนไปทำงานพิเศษ เขาเคยเห็นข้าพเจ้า ๒ ครั้ง และคิดว่าจะต้องชวนมาทำงานพิเศษคือ ขายน้ำยาทำความสะอาดบ้าน เช่น น้ำยาซักผ้า น้ำยาล้างรถ น้ำยาขัดพื้น น้ำยาล้างเครื่องเงิน เครื่องทองเหลือง ล้างเพชรพลอย ชื่อน้ำยา.....................ผลิตจากประเทศสหรัฐอเมริกา น้ำยาแต่ละอย่างมีราคาสูงขวดละ ๑๐๐ บาทเศษ ซึ่งเทียบค่าเงินสมัยนั้นจัดว่าแพง ข้าพเจ้าหนักใจ แต่ก็พิจารณาว่าเป็นอาชีพสุจริต แล้วเราจะมาจนอยู่อย่างนี้ไม่ได้ ต้องขยัน จะเหนื่อยเท่าใดไม่ว่า ขอเราได้เงินมาผ่อนบ้าน เราก็มีความสุขแล้ว ก็จัดแจงนำน้ำยานั้นมาทดลองใช้ประมาณ ๕-๖ วัน ตามสรรพคุณที่เขียนไว้เป็นภาอังกฤษ และได้เข้าอบรมที่บริษัทในวันหยุด (วันเสาร์) และพยายามหาจุดเด่นของน้ำยา ว่าต่างจากยี่ห้ออื่น ๆ อย่างไร เมื่อพบแล้วก็ตื่นเต้นมาก รู้ว่าต่อนี้ไปเราจะได้เงินแล้ว จึงมาพิจารณาหาลูกค้า ค่อย ๆ วางแผนทำงาน คิดพิจารณาว่าจะพูดกับลูกค้าอย่างไรจึงให้เขาสนใจ จะต้องไปหาใครบ้าง ก็ทบทวนไปมาจนแน่ใจจึงเริ่มจากเพื่อนสนิทก่อน เวลานั้นเงินติดตัวหมดแล้วจึงขอยืมเพื่อน ๒๐๐ บาท มาซื้อนำยา ชั่วระยะเวลาผ่านไป ๗ วัน ก็มีกำไรมา ๒,๐๐๐ บาท ตื่นเต้นเป็นที่สุด นำเงินไปคืนเพื่อน เพื่อนถามว่าเธอทำไมไม่มาหาฉันเหมือนก่อนนี้ หายไปไหน จึงตอบว่า เวลาว่างไม่มีแล้ว ไม่มีเวลาคุยไม่มีเวลาเที่ยวเตร่เวลานอนพักก็ไม่มี ทีวีก็ไม่ดู เพราะต้องหาเงินมาผ่อนส่งค่าบ้าน เวลาเย็น ๆ และเสาร์-อาทิตย์ จึงทำงานหนักมาก<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    แต่ทุกเช้าก็ยังทองคาถาหลวงพ่อปานเหมือนเดิม พอรวมเงินได้มา ๕๐ บาทก็นำไปซื้ออาหารถวายพระและเนื่องจากพระที่เลื่อมใสอยู่ต่างจังหวัดหมด จึงได้คิดว่าจะต้องส่งทางไปรษณีย์ดีที่สุด เงิน ๕๐ บาทเพิ่มเป็น ๑๐๐ บาทต่อสัปดาห์ วัดที่ส่งไปเป็นวัดปฏิบัติธรรมทั้งสิ้น เช่น หลวงพ่อจำเนียร วัดถ้ำเสือ จ.กระบี่ วัดปิบผลิวนาราม บ้านค่าย จ.ระยอง (หลวงพ่อกัสสปมุนี) หลวงพ่อวิชัย วัดถ้ำผาจม จ.เชียงราย และหลวงพ่อจรัญ วัดอัมพวัน จ.สิงห์บุรี บางครั้งก็รวบรวมถวายผ้าป่า เมื่อรู้ว่ามีพระอริยเจ้าท่านได้มาพำนักในกรุงเทพฯ หรือฝากเพื่อนนำไปถวายเป็นสังฆทาน<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    ส่วนการทำงานนั้น เมื่อมีเวลาว่างช่วงเย็น หรือเสาร์-อาทิตย์ ข้าพเจ้าจะต้องไปหาลูกค้าที่เป็นเพื่อน ๆ ญาติพี่น้อง เพื่อสาธิตการใช้นำยาในวันหยุด การทำงานนั้นหนักเหน็ดเหนื่อยมาก ต้องพูดทั้งวัน ไม่ค่อยมีเวลานอนพัก ว่างจากไปหาลูกค้าก็ต้องทำงานบ้าน เวลาทำงานบ้านก็จะเปิดเทปธรรมะฟังไปด้วย มิฉะนั้นจะหาเวลาว่างไม่ได้เลย ส่วนลูกค้านั้นเมื่อใช้นำยาแล้วก็ติดใจมากเพราะเป็นของคุณภาพดี ใช้แล้วใช้ติดต่อโดยตลอด กลายมาเป็นขาประจำ ข้าพเจ้าจึงได้ลูกค้าเก่า ๆ มากและลูกค้าใหม่ที่ได้จากการแนะนำต่อ ๆ กันไป ข้าพเจ้าก็เริ่มมีเงินมาผ่อนบ้าน ๕,๐๐๐ บาททุกเดือน อีกทั้งเงินทำบุญก็สามารถทำได้ครั้งละ ๑๐๐-๒๐๐ บาท เมื่อส่งไปรษณีย์ไปครั้งใหม่จะเพิ่มเป็น ๒๐๐ บาท<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    ข้าพเจ้าได้รับนิตยสารโลกทิพย์เป็นประจำ ได้เปิดดูคอลัมน์ที่บอกข่าวทำบุญ จึงเริ่มส่งเงินไปสร้างวิหาร ทานตามจังหวัดต่าง ๆ แห่งละ ๑๐๐ บาท ได้ส่งไปเดือนละ ๒-๓ วัด ในแต่ละเดือนนั้นจะเน้นเรื่องสร้างโบสถ์กุฏิกรรมฐานและซื้อที่ดินถวายวัดเพราะข้าพเจ้ายังมีทุกข์ ที่เป็นหนี้ผ่อนส่งบ้านอยู่ จึงคิดว่า อานิสงส์ผลบุญนี้คงจะเกิดแก่เราในอนาคต เมื่อมีโอกาสไปวัดต่างจังหวัด เห็นว่ามีการบอกบุญเรื่องซื้อที่ถวายวัด จะรีบทำทันทีไม่ให้ตกหล่นเลย ไม่มีการรังเกียจหรือปฏิเสธบุญแต่อย่างใด ต่อมาอานิสงส์เหล่านี้ได้ส่งผลมาให้ข้าพเจ้ากลายเป็นผู้มีเงินทอง ทรัพย์สิน มีบ้านช่องหลายหลังและที่ดินหลายแปลงอย่างมหัศจรรย์<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    ในการทำงานนั้น ข้าพเจ้ามีนิสัยอย่างหนึ่ง คือต้องทำงานให้ได้ระดับดาวหรือดีเด่น เพราะถือว่าเขามีมือมีสมอง เราเหมือนเขาทุกอย่างจะให้ต่างกันไม่ได้ คนเราแพ้ชนะตรงความขยันเท่านั้น ในระยะเวลานั้น เพื่อนฝูงจะชวนเที่ยวเตร่ ข้าพเจ้าไม่ยอมไป หาเงินอย่างเดียว และตั้งเป้าหมายว่าจะพึ่งตนเองเท่านั้น ไม่ยอมงอมืองอเท้าให้ใครมาสมเพชเวทนา เป็นกฎธรรมดาอย่างหนึ่งที่จะต้องเจอมารผจญ ในระยะนั้นมีเพื่อนที่ทำงาน เจ้านายบางคน มองดูด้วยความดูถูกเหยียดหยามว่า ต่ำต้อย ยากจนต้องทำงานพิเศษหาเงิน พากันหาทางกลั่นแกล้งต่าง ๆ นานา บางอย่างไม่จริงก็ใส่ความให้เสียหาย พูดว่าร้ายต่าง ๆ แต่ก็อดทนไม่เคยต่อปากต่อคำ เพราะที่ทำงานคนส่วนใหญ่เสวยบุญเก่า คือพ่อแม่ร่ำรวย มีรถขับมาทำงาน มีเงินใช้ฟุ่มเฟือยจากค่าดอกเบี้ยบ้าง จากกิจการใหญ่โตบ้าง คนขึ้นรถเมล์จึงมีปมด้อย ดังนั้นจึงเป็นเรื่องทุกข์ใจของคนที่ไม่มีรถ ต้องตะเกียกตะกายหารถมาขับ ทั้ง ๆ ที่รายได้ก็ไม่มีแต่ต้องทำไป เป็นเรื่องของเกียรติยศ<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    ช่วงที่ข้าพเจ้าทำงานหนักมากทั้งราชการ ทั้งงานพิเศษ ทั้งงานบ้าน แต่ก็สามารถอยู่ได้อย่างมีความสงบสุข ไม่เคยทะเลาะกับใคร ไม่ด่าว่าใคร เพราะจิตใจเป็นสุข โดยมีธรรมะเป็นพี่เลี้ยงสิ่งหล่อเลี้ยงข้าพเจ้าอีกประการหนึ่งคือ ยิ่งนับวันผ่านไป ทานบารมีที่สั่งสมไว้ทุก ๆ สัปดาห์ ทุกเดือน ก็ส่งผลงอกงามขึ้นทีละน้อย ข้าพเจ้ามีความชื่นชมมาก จึงไม่เคยใส่ใจต่อการนินทาว่าร้ายของใคร แม้ในระยะที่วิกฤตนั้น ข้าพเจ้ายังคงเย็บปากสนิท สวดมนต์แผ่เมตตานั่งสมาธิตามโอกาส แต่ส่วนใหญ่จะกำหนดจิตในอิริยาบถต่าง ๆ ซึ่งได้รับการสอนจากหลวงพ่อพุธ วัดป่าสาละวัน หนึ่งในจำนวนธรรมะพระอริยเจ้าที่เปรียบเสมือนกำแพงกั้นข้าพเจ้าให้พ้นจากการถูกทำลายต่าง ๆ นานา ก็คือธรรมะของหลวงพ่อจรัญ ท่านเขียนจดหมายมาสอนให้แผ่เมตตาหนัก ๆ สวดมนต์อโหสิกรรม และสอนให้ขยันมาก ๆ พึ่งแต่ตนเองเท่านั้น<o:p></o:p>
    ในปีนั้น อธิษฐานจิตว่าขอให้ไปญี่ปุ่น ปรากฏว่าสมาชิกข้าพเจ้าได้ทำงานขายเครื่องสำอางได้สูงเกินเป้าหมายที่ข้าพเจ้าวางไว้ โดยข้าพเจ้าไม่รู้เรื่องเลย เพราะต่างคนต่างติดต่อเข้าบริษัทเอง ไม่ต้องผ่านมาที่ข้าพเจ้า ตามที่ข้าพเจ้าสอนงานไว้ ดังนั้น แม้งานราชการจะหนักหนาสาหัสเพียงใด แต่อีกด้านหนึ่ง ลูกทีมสมาชิกข้าพเจ้ากลับทำงานทะลุเป้าหมาย ข้าพเจ้าสังหรณ์ใจว่า เราทำงานหนักขนาดนี้จนงานเกือบหมดแล้ว แต่วันรุ่งขึ้นกลับมีงานสุมลงมาบนโต๊ะแบบไม่รู้จบอีก เขาเอาเราให้ตายแน่ ก็เป็นความจริง แล้วคำสั่งก็มาถึงข้าพเจ้าว่า ไม่ขึ้นเงินเดือนให้ ยังความตกตะลึงแก่เพื่อนฝูงญาติพี่น้องเป็นอย่างยิ่ง โดยมีเหตุผลว่า ผลงานต่ำกว่าเกณฑ์ นี่คือรางวัลที่เขาเจตนาจะให้ข้าพเจ้าโดยแท้จริง ข้าพเจ้ารู้สึกขมขื่นเป็นที่สุด รู้ว่าวันนี้จะต้องมาถึง<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    โลกธรรมแปด ครั้งนี้หนักมาก เพื่อนฝูงได้ยุให้ข้าพเจ้าต่อสู้ขอความเป็นธรรมโดยให้ตั้งกรรมการสอบสวน ข้าพเจ้าทุกข์ใจมากเพราะทุกคนก็อยากให้ต่อสู้ทางโลกทั้งสิ้น แต่ข้าพเจ้าเองนั้นไม่ปรารถนาจะเรียกร้องสิ่งใด เพราะรู้ดีว่าหากต่อสู้ไปแล้วเรื่องราวจะหาข้อยุติไม่ได้ ผู้ใหญ่ที่เกี่ยวข้องจะต้องถูกกระทบกระเทือน ระหว่างนั้นก็มีเทปธรรมะเป็นที่พึ่ง<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    รุ่งขึ้นช่างน่าอัศจรรย์ ได้รับจดหมายจากหลวงพ่อจรัญ วัดอัมพวัน ท่านสอนให้อดทน อดกลั้น สวดมนต์ แผ่เมตตา ไม่โกรธใคร พึ่งตนเองดีที่สุด เมื่อข้าพเจ้าได้อ่านจดหมายแล้วน้ำตาแทบร่วง ท่านช่างรู้ใจเราเหลือเกิน อย่างน้อยเราก็มีครูบาอาจารย์ที่เป็นพระอริยเจ้า รู้เห็นการกระทำของเรา ว่าดี-ชั่วประการใด เรายังมีที่พึ่ง กำลังใจและสติก็คืนมาทันที เอาจดหมายให้ใคร ๆ ดูบอกว่า ฉันเชื่อพระอริยเจ้า ท่านสอนมาอย่างนี้ ถือเป็นมงคล ฉันไม่เชื่อใคร ฉันไม่ต่อสู้ แต่จะให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ต่อไป<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    ด้านหนึ่งที่กำลังถูกทำลายชื่อเสียง กลั่นแกล้งในเรื่องการงานต่าง ๆ นั้น ข้าพเจ้ากลับอยู่ในความสงบ ยึดคำของครูบาอาจารย์เป็นแนวปฏิบัติ แม้ว่าเพื่อนฝูงญาติพี่น้องจะต้องการให้ข้าพเจ้าลุกขึ้นต่อสู้บ้าง แต่ข้าพเจ้ากลับเฉย ไม่ต่อปากต่อคำแต่อย่างใด ช่วงนั้นข้าพเจ้าอธิษฐานจิตว่า ด้วยบุญกุศลที่ข้าพเจ้ากำลังทำงานหนักอยู่นี้ ต้องอยู่ทำราชการถึง ๒-๓ ทุ่ม เป็นเวลากว่า ๓ เดือนนี้ โดยยกเงินค่าล่วงเวลาทั้งหมดให้ราชการ ไม่เอาแม้แต่บาทเดียวเพราะถือว่ามีรายได้พิเศษแล้ว แต่ขอให้ข้าพเจ้ามีโอกาสเดินทางไปต่างประเทศ คือประเทศญี่ปุ่นด้วย เมื่ออธิษฐานจบก็บันทึกไว้ว่า เชื่อมั่นในผลบุญของตนแล้วเว้นที่ว่างไว้ เผื่อกลับมาบันทึกว่าคำอธิษฐานสัมฤทธิ์ผลหรือไม่<o:p></o:p>
    ปรากฏว่างงานพิเศษที่เคยทำอยู่นั้น ข้าพเจ้าได้เปลี่ยนแปลงย้ายมาเป็นแผนกบริหารของบริษัทเครื่องสำอางย่อห้อหนึ่ง มีหน้าที่เป็นผู้ให้คำแนะนำปรึกษาในงานขายของพนักงานซึ่งสังกัดในทีมงานข้าพเจ้า ประมาณ ๓๐๐ คน การบริหารงานนั้นไม่ได้ยุ่งยากแต่ประการใด เพราะทางบริษัทให้งบประมาณสำหรับข้าพเจ้าที่จะจัดสถานที่ฝึกบรรยายแก่สมาชิกทั้งหลายในวันเสาร์-อาทิตย์ ตามโรงแรมใหญ่ ๆ การพบปะพูดคุยแก้ไขข้อข้องใจ อบรมให้ความรู้ด้านการขายกับสมาชิกต่าง ๆ ทั่วประเทศ จึงเป็นเรื่องที่ต้องรู้จักใช้ศิลปะการพูดให้คนจำนวนมาก ๆ เข้าใจ และในเวลาเดียวกันนั้น สมาชิกที่อยู่ต่างจังหวัดที่ได้รับคำบรรยายพร้อมภาพประกอบและอัดเทปการสอนงานจากข้าพเจ้า ทำให้งานขายในต่างจังหวัดรุดหน้าไปมาก แม้สมาชิกของข้าพเจ้าไม่เคยพบเห็นกัน ก็สามารถทำงานขายที่จังหวัดตนเองได้มีประสิทธิภาพสูง ได้รับรางวัลสร้อยคอทองคำไปหลายคน เมื่อข้าพเจ้าคิดค้นวิธีการสอนงานได้แล้ว นั่งอยู่ที่ใดข้าพเจ้าไม่เคยอยู่นิ่งคิดเรื่องงานตลอด<o:p></o:p>
    ระหว่างที่งานราชการหนักมาก ด้วยว่าถูกสั่งให้ไปทำงาน ๒ สายงาน งานจึงประดังเข้ามาจนแทบไม่ไหว แต่ที่ไม่ปริปากใจก็สู้ และเห็นความผิดปกติของการสั่งให้ทำงานแบบสาหัสนี้ รู้ว่าถูกมารผจญแล้ว สภาพจิตธรรมะนั้น จึงมีที่ยึดเหนี่ยวและมั่นใจในคุณธรรมที่ตนเองกระทำมา ใครจะด่าว่า กลั่นแกล้ง เราก็เฉยเสีย วันหนึ่งเขาจะรู้เอง<o:p></o:p>
    จากนั้นประมาณอีก ๑ สัปดาห์ ข้าพเจ้าก็ฝันได้ไปเที่ยวญี่ปุ่น ในความฝันนั้น ผู้บริหารของบริษัทถามว่า ทำไมเธอไม่ออกไปเที่ยวข้างนอก มานั่งอยู่ในห้องโถงของโรงแรมทำไม ข้าพเจ้าตอบว่า เนื่องจากมาญี่ปุ่นแบบกะทันหัน จึงเอาเสื้อผ้ามาแค่ ๓ ชุด กำลังรอให้เขาส่งมาให้ ขณะนี้รอกระเป๋าเสื้อผ้าจากเมืองไทย ผู้บริหารบริษัทถามว่า เธอรู้ตัวแล้วว่าจะมาญี่ปุ่น เหตุใดจึงรีบร้อนขนาดเก็บเสื้อผ้ามาไม่ทัน ข้าพเจ้าก็เฉยแล้วตกใจตื่น อีก ๒-๓ วันได้รับโทรศัพท์ให้ไปงานเลี้ยงฉลองรางวัลผู้ที่จะไปญี่ปุ่นโดยจะมีการประกาศรายชื่อผู้ได้ไปด้วย ข้าพเจ้าก็ไปงานเลี้ยงที่โรงแรมเซ็นทรัล ที่จัดขึ้นในวันเสาร์ การประกาศรางวัลเข้มข้นมาก เพราะทางบริษัทได้จำกัดจำนวนคนไปต่างประเทศให้ลดลงกว่าทุกครั้ง จึงเหลือเพียง ๑๕ คนเท่านั้น ข้าพเจ้ามานั่งฟังการประกาศด้วยใจระทึกผ่านไปแล้ว ๑๐ คนก็ยังไม่มีชื่อข้าพเจ้า เพราะตัวเก็งที่ยังไม่ได้ประกาศรอคิวอีกหลายคน ข้าพเจ้าใจไม่ดี<o:p></o:p>
    เมื่อประกาศมาถึงคนที่ ๑๔ ก็ยังไม่ใช่ข้าพเจ้า ใจข้าพเจ้าหล่นวูบลง พร้อมคิดว่าหลวงพ่อ (พระ) ทำไมลูกขอไว้ไม่ให้ลูก ลูกอยากไปเที่ยวญี่ปุ่น เพราะขณะนี้ทุกข์ใจไม่อยากอยู่เมืองไทย ลูกทำงานหนักมากทั้ง ๒ ด้าน การไปญี่ปุ่นนั้น เพียงทัศนศึกษาไม่อยากอวดว่าโก้หรูแต่ประการใด โฆษกไม่ยอมประกาศชื่อคนที่ ๑๕ ทำให้คนที่รอฟังผลกระวนกระวายใจ สักครู่หนึ่งก็พูดว่าคนที่ ๑๕ เป็นคนที่ผู้บริหารบริษัทแทบจะไม่เคยเห็นตัว พวกเราก็ไม่เคยเห็นเขาโผล่มาที่บริษัทในช่วงเย็น วันหยุดก็ไม่เคยเห็น ไม่รู้มีดีอะไรจึงสามารถทำให้ทีมงานชนะเป้าหมายในครั้งนี้ ได้รางวัลไปต่างประเทศบ่อย ๆ แล้วก็ประกาศชื่อข้าพเจ้าเป็นคนสุดท้าย พร้อมกับมีหลายคนหน้าซีดและแทบเป็นลม เพราะไม่มีใครคาดหมายว่าครั้งนี้ข้าพเจ้าจะได้ไปต่างประเทศ<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    เพราะในขณะที่งานประจำที่ทำอยู่กองท่วมจนเต็มตัว ข้าพเจ้ายุ่งมากนอนดึกตลอด แต่เหตุใดครั้งนี้จึงได้รับรางวัลไปต่างประเทศอีกแล้ น้ำตา ๒-๓ หยดของข้าพเจ้าก็ร่วงออกมา ที่สุดแล้วข้าพเจ้าก็สมปรารถนา จึงสอบถามทางบริษัทว่า ทีมงานข้าพเจ้าเป็นอย่างไร ทางฝ่ายบัญชีเล่าว่า สมาชิกที่สังกัดในทีมงานที่ข้าพเจ้าอบรมอยู่นั้นต่างก็ส่งยอดจำหน่ายที่สูง ๆ เข้าบริษัทด้วยตนเองจำนวนมากมาย ก่อนการแข่งขันจะสิ้นสุดลง จึงทำให้ยอดแข่งขันข้าพเจ้า พุ่งขึ้นสูงมากจนแซงหน้าคนไปจำนวนหลายสิบคน ข้าพเจ้าจึงลาพักร้อนไปญี่ปุ่น ๗ วัน เมื่อกลับจากญี่ปุ่นแล้ว ก็กลับมาเติมข้อความที่บันทึกค้างไว้ว่าจากคำอธิษฐานจิตนั้น สมปรารถนาแล้ว บัดนี้กลับมาจากญี่ปุ่นแล้ว จึงบันทึกไว้เป็นหลักฐาน ๒๘ พฤศจิกายน ๒๕๓๐ ความมั่นคงในคำสั่งของครูบาอาจารย์มีผลให้ข้าพเจ้ามั่นใจเป็นที่สุด ข้าพเจ้าต่อสู้อยู่ในความสงบมาตลอดและแน่นอนที่สุด ไม่มีใครเห็น เทวดา สิ่งศักดิ์สิทธิ์ก็ต้องเห็น การอธิษฐานของข้าพเจ้าจะกระทำในกรณีสำคัญ ๆ เท่านั้น<o:p></o:p>
    ส่วนที่เล่ามานั้นเป็นเพียงเสี้ยวหนึ่งที่ข้าพเจ้าต้องผ่านความลำบาก การถูกกระทบกระทั่งมาตลอด แม้บัดนี้จะพ้นพงหนามแล้ว ก็ระลึกย้อนดูว่า หากไม่มีธรรมะครูบาอาจารย์เป็นที่ยึดเหนี่ยวแล้วสภาพจิตของข้าพเจ้าจะเป็นฉันใด<o:p></o:p>
    วันนี้ วันที่ข้าพเจ้าสมปรารถนาในทุกสิ่งที่ตนต้องการ ได้สั่งสมบารมีคุณความดีมาตลอด และมาเสวยบุญในวันนี้ มีคนจำนวนมากรู้สึกประหลาดใจ อัศจรรย์ใจในการต่อสู้ของข้าพเจ้า อัศจรรย์ในการเกิดกุศลและอานิสงส์จากผลบุญที่ข้าพเจ้าได้รับ และขอให้ข้าพเจ้าแนะนำแก่เขา ความจริงแล้วธรรมะนั้นเราทุกคนก็ได้รับฟังกันบ่อย ๆ แต่เราได้นำไปประพฤติปฏิบัติหรือไม่ เราจริงจังแค่ไหน พระท่านเทศน์สอนเราก็ไปฟัง ฟังแล้วหล่นอยู่ตรงประตูวัด ไม่ได้เอากลับบ้านด้วย เราจะดีไปได้อย่างไร หรือส่วนมากทำดีในระยะแรก ๆ ต่อมาก็ลดหย่อนยานไปเรื่อย ๆ ก็คืนสู่สภาพเดิม คือทำแบบเล่น ๆ ไม่จริงจัง ดังนั้นผลกุศลก็คือได้นิดหน่อย ไม่เป็นสาระอะไร เราก็ได้ตามกรรมที่เราทำไว้นั่นเอง <o:p></o:p>
    จากเหตุที่ข้าพเจ้าต้องการพิสูจน์ ทำทานแล้วรวย ก็ยิ่งงอกงามใหญ่โต ใน พ.ศ. ๒๕๓๒ ข้าพเจ้าได้หล่นลงสู่วงการซื้อขายที่ดินโดยไม่รู้ตัว ไม่รู้เรื่องไม่เข้าใจ ก็ให้จำเป็นต้องรู้ต้องเข้าใจ เพราะเหตุว่ามีเพื่อนได้ไปซื้อที่ดินที่ต่างจังหวัดและถูกโกง ทำให้ข้าพเจ้าต้องเข้าไปช่วยเหลือ จนกระทั่งจากการที่ไม่เข้าใจกลายเป็นเข้าใจ ข้อมูลต่าง ๆ จึงได้ถูกซึมซาบทีละน้อย ๆ และทำให้ต้องมาซื้อที่ดินขายที่ดินอย่างเหลือเชื่อ และได้กลับกลายเป็นเจ้าของที่ดินจำนวนหลายแปลง ในระยะเวลาเพียง ๒ ปีเท่านั้น จนเพื่อนฝูงตกใจมาก ข้าพเจ้าจึงพิจารณาทบทวนว่าเป็นเพราะเหตุใด แล้วก็เกิดความปีติว่า เราเข้าใจแล้ว เราเห็นแล้ว ทำกรรมใดไว้ก็จะมาเสวยกรรมนั้น ก็เพราะเหตุว่าปี ๒๕๒๒ ข้าพเจ้ายังผ่อนค่าบ้านและผ่อนที่ดินอยู่ <o:p></o:p>
    จนทุกข์ใจมากพยายามสร้างกุศลด้วยการซื้อที่ดินถวายวัดและสร้างวิหารทาน (โบสถ์ วิหาร ศาลาการเปรียญ กุฏิกรรมฐาน ขุดสระ ซื้อแท้งค์น้ำให้วัด) ข้าพเจ้าขยันทำกุศลผ่านไปตั้งแต่ปี ๒๕๒๒ จวบจนปี ๒๕๓๒ เริ่มเสวยบุญนั้นกินเวลา ๑๒ ปี ทำบุญจนจำชื่อวัดไม่ได้ เพราะเป็นร้อยแห่งโดยเริ่มตั้งแต่ ๑๐ บาท มาบัดนี้เมื่อจะสร้างวิหารทานที่ใด ก็สามารถช่วยเหลือทางวัดได้ครั้งละ ๑๐๐,๐๐๐ – ๒๐๐,๐๐๐ บาท ก็ระลึกย้อนไปว่า วันนั้นในอดีต ข้าพเจ้าได้เตรียมเงินใส่ซอง ๆ ละ ๒๐ บาท เพื่อถวายพระอริยเจ้าตามวัดต่าง ๆ พร้อมทั้งรำพึงว่าเรานี้วาสนาน้อยนัก จะทำบุญกับพระดี ๆ ก็มีเงินแค่นี้ เมื่อใดเรามีบุญวาสนาเราจักถวายปัจจัยให้มาก เพราะพระอริยเจ้า พระที่ปฏิบัติดี เป็นโคตรเพชรเม็ดใหญ่ไม่มีไฝฝ้า ไร้รอยตำหนิ เป็นบุคคลที่หาได้ยากยิ่ง สมควรที่เราจะบำรุงท่าน ช่วยเหลือการงานของท่าน พระสงฆ์ไม่มีรายได้ จึงเป็นหน้าที่ของเราต้องหาเงินมาช่วยท่าน ข้าพเจ้าจึงตั้งปณิธานว่าทำมาหากินที่ใด ได้เงินทองมาจะต้องแบ่งเงินนั้นไปบำรุงวัดวาอารามในเขตนั้น ๆ และอีกส่วนแบ่งไปให้กับวัดที่ดี ๆ ทั่วประเทศไทย โดยทำการคัดเลือกวัดเอง โดยท่านไม่มีส่วนรู้เห็น ท่านรู้เมื่อข้าพเจ้ามาถวายปัจจัยแล้ว เพื่อให้สมกับที่ท่านเมตตาห่วงใยมาตลอด พยายามปฏิบัติตามคำสอนของท่าน มีการพัฒนาจิตใจสูงขึ้น ตามกาลเวลาที่ผ่านไปพร้อมกับความเจริญทางด้านการดำเนินชีวิต การงานเจริญรุ่งเรืองมีความเป็นอยู่สุขสบายไม่ทุกข์ยาก เป็นคนดีในสังคม<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
     
  10. จันครู 'ทิตย์

    จันครู 'ทิตย์ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    7
    ค่าพลัง:
    +29
    "ข้าพเจ้าต่อสู้อยู่ในความสงบมาตลอดและแน่นอนที่สุด ไม่มีใครเห็น เทวดา สิ่งศักดิ์สิทธิ์ก็ต้องเห็น"...

    สาธุ ชอบคำนี้ครับ

     
  11. ตักศิลา

    ตักศิลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    498
    ค่าพลัง:
    +440
    อนุโมทนาครับ จงทำตามในสิ่งที่ดีจงเชื่อมั่นในสิ่งที่ศรัทธา
     
  12. kook1519

    kook1519 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    874
    ค่าพลัง:
    +3,159
    " มาบัดนี้เมื่อจะสร้างวิหารทานที่ใด ก็สามารถช่วยเหลือทางวัดได้ครั้งละ ๑๐๐,๐๐๐
     
  13. AA_TT_NN

    AA_TT_NN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    84
    ค่าพลัง:
    +254
    ..ครับ....
     
  14. ธรรมวิวัฒน์

    ธรรมวิวัฒน์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    26,272
    กระทู้เรื่องเด่น:
    82
    ค่าพลัง:
    +115,095
    เป็นบทสวดที่ดีมากครับ
     
  15. Manbiki

    Manbiki เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    152
    ค่าพลัง:
    +528
    ขอบคุณมากครับท่าน อนุโมทนา สาธุ....



    ข้าพเจ้าขออโหสิกรรม กรรมใดที่ทำแก่ผู้ใดในชาติใดๆ ก็ตาม ขอให้เจ้าเวรและนายกรรม จงอโหสิกรรมให้แก่ข้าพเจ้า อย่าได้จองเวรจองกรรมต่อไปเลย

    แม้แต่กรรมที่ใครๆทำแก่ข้าพเจ้าก็ตาม ข้าพเจ้าขออโหสิกรรมให้ทั้งสิ้น ยกถวายพระพุทธเจ้าเป็นอภัยทาน เพื่อจะได้ไม่มีเวรกรรมต่อไปด้วยอานิสงส์แห่งอภัยท่านนี้
    <O:p</O:p


    ขอให้ข้าพเจ้า ครอบครัว บุตรหลาน ตลอดจนวงษาคณาญาติและผู้อุปการคุณของข้าพเจ้า มีความสุขความเจริญ ปฏิบัติแต่สิ่งที่ดี และสิ่งที่ชอบด้วยเทอญ



    [​IMG]


    [​IMG]


    [​IMG]


    [​IMG]
     
  16. sunjiaa

    sunjiaa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    670
    ค่าพลัง:
    +2,755
    ไม่ทราบว่า ตอนที่สวดขึ้นต้นนั้น ใช้ สัมปะจิตฉามี หรือสัมปะติจฉามิครับ
    ขอทราบ อันที่ถูกด้วยครับ
     
  17. Pew Pew

    Pew Pew เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    670
    ค่าพลัง:
    +1,807
    คาถาบทเร่งรัดผลน่าจะเป็น สัมปะติฉามิ หรือเปล่าครับ ผมดูจากที่มาของคาถาเงินล้านที่คุณ Ji โพสไว้

    http://www.firstbuddha.com/Buddha/dharma1.html
     
  18. jdrennan

    jdrennan Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    29
    ค่าพลัง:
    +29
    คาถาเงินล้าน

    ขออนุโมทนา ด้วยค่ะ
    คาถาพระปัจเจกพุทธเจ้า




    นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ (ตั้งนะโม ๓ จบ)



    พุทธะ มะอะอุ นะโมพุทธายะ วิระทะโย วิระโคนายัง วิระหิงสา วิระทาสี วิระทาสา วิระอิตถิโย พุทธัสสะ มานี มานะ พุทธัสสะ สวาโหม

    คาถาเงินล้าน

    นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุท



    ธัสสะ (ตั้งนะโม ๓ จบ)


    สัมปะจิตฉามิ นาสังสิโม


    พรหมมาจะ มหาเทวา สัพเพยักขา ปะรายันติ พรหมา จะ มหาเทวา อภิลาภา ภะวันตุ เม มหา

    ปุญโญ มหาลาโภ ภะวันตุ เม มิเตพาหุหะติ ​





    พุทธะ มะอะอุ นะโมพุทธายะ วิระ


    ทะโย วิระโคนายัง วิระหิงสา วิระทาสี วิระทาสา วิระอิตถิโย พุทธัสสะ มานี มานะ พุทธัสสะ สวาโหม


    สัมปะติจฉามิ ​


    เพ็ง เพ็ง พา พา หา หา ฤา ฤา


    [/quote]
     
  19. jsoc

    jsoc Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    65
    ค่าพลัง:
    +54
    ขอให้ทุกท่านร่ำรวยในเร็ววันครับ
     
  20. ธรรมวิวัฒน์

    ธรรมวิวัฒน์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    26,272
    กระทู้เรื่องเด่น:
    82
    ค่าพลัง:
    +115,095
    วิธีการใช้พระคาถาของพระปัจเจกะโพธิ์ ให้ได้ผล มี 7 ข้อ ดังนี้

    (ว่า "นะโม ฯลฯ" ๓ จบ)
    พุทธะมะอะอุ นะโมพุทธายะ (พระคาถา บทนำ ว่าครั้งเดียว)
    "วิระทะโย วิระโคนายัง วิระหิงสา วิระทาสี วิระทาสา วิระอิตถิโย พุทธธัสสะ มาณี มามะ พุทธัสสะ สวาโหม"
    (พระคาถาพระปัจเจกะโพธิ์ ว่า ๓ จบ หรือ ๕ จบ หรือ ๗ จบ หรือ ๙ จบ ก็ได้ แต่ต้องสม่ำเสมอจึงจะเกิดผล)


    1. ผู้ปฏิบัติตามให้ถูกต้องพระคาถานี้ จะต้องเป็นผู้ที่ใส่บาตรแก่พระสงฆ์อยู่เสมอเป็นนิจ ตั้งแต่หนึ่งองค์ขึ้นไปทุกๆ วันมิได้ขาด รักษาศีล หมั่นสวดมนต์ และสวดพระคาถานี้ เวลาเช้าตื่นนอน ให้ว่าพระคาถานี้ ๓,๕,๗,๙ จบ

    2.เมื่อใส่บาตรให้ระลึกถึง พระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณ พระปัจเจกะโพธิ์ ท่านครูผึ้ง ท่านพระครูวิหารกิจจานุการ (หลวงพ่อปาน) วัดบางนมโคเป็นที่สุดก่อน แล้วจงจบข้าวที่จะใส่บาตร (บทจบทานมีอยู่ด้านล่างแล้ว)

    คาถาสำหรับจบทานต่างๆ(เมื่อถวายพระหรือให้ทานทั่วไป)
    ตั้ง "นะโม ฯลฯ" ๓ จบ
    อิทัง ทานัง สีละวันตาทีนัง นิยาเทมิ, สุทินนัง วะตะเม ทานัง
    อาสะวักขะยาวะหัง โหตุ นะโม อายุ วัณโณ สุขัง พะลังฯ


    ทุติยัมปิ อิทัง ทานัง สีละวันตาทีนัง นิยาเทมิ, สุทินนัง วะตะเม ทานัง
    อาสะวักขะยาวะหัง โหตุ นะโม อายุ วัณโณ สุขัง พะลังฯ


    ตะติยัมปิ อิทัง ทานัง สีละวันตาทีนัง นิยาเทมิ, สุทินนัง วะตะเม ทานัง
    อาสะวักขะยาวะหัง โหตุ นะโม อายุ วัณโณ สุขัง พะลังฯ


    3.แล้วว่าพระคาถาพระปัจเจกะโพธิ์ ๓,๕,๗,๙ จบ เมื่อใส่บาตรเสร็จแล้ว ให้ระลึกถึง พระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณ พระปัจเจกะโพธิ์ ท่านครูผึ้ง ท่านพระครูวิหารกิจจานุการ (หลวงพ่อปาน) วัดบางนมโคเป็นที่สุด ขอจงมาโปรดข้าพเจ้าด้วย (หมายถึงผู้ที่กำลังกระทำอยู่)

    4.เสร็จแล้วจัดหาน้ำที่สะอาดมาตรวจน้ำ เพื่อแผ่ส่วนกุศลผลบุญที่ได้กระทำไป อุทิศแก่ ปู่-ยา-ตา-ยาย-บิดา-มารดา-ญาติ ที่ล่วงลับไปแล้วด้วย ตลอดจนถึงผู้ที่มีพระคุณทั้งหลาย อีกทั้งเจ้ากรรม นายเวร ขอจงได้รับส่วนกุศลโดยถ้วยทั่วกัน (บทตรวจน้ำมีในหนังสือนี้)
    ตั้ง นะโม ฯลฯ ๓ จบ

    คำกรวดน้ำ
    อิทัง โน มาตาปิตุ อาทีนัง สุขัง โหตุ

    (คำแปล)
    "อิทัง ปุญญะผะลัง" อันว่าผลแห่งบุญนี้
    "สุขัง" จงเป็นสุข
    "มาตาปิตุ อาทีนัง" แก่ท่านทั้งหลายทั่วๆ ไป มีมารดาบิดาเป็นต้น
    "โน" แห่งข้าพเจ้าทั้งหลาย
    "โหตุ" จงมี

    5. เมื่อตรวจน้ำเสร็จแล้ว นำไปเจริญ (เท) ควรเป็นที่สะอาดเหมาะสม และใช้ใบไม้รองด้วย แล้วให้ปรารถนาตามความประสงค์ (คำปรารถนามีในหนังสือนี้)

    คำปรารถนามาถึงซึ่งพระนิพพาน ทั้งหญิงและชาย
    อิมินา ปุญญะกัมเมนะ นิพพานัง ปะระมังสุขัง อะนาคะเตกาเลฯ
    (คำแปล) ข้าพเจ้าขอจงได้ถึงซึ่งพระนิพพาน ด้วยผลกรรมอันเป็นบุญ จะมีในอนาคตกาลเบื้องหน้า


    6.เวลาค่ำสวดมนต์ไหว้พระ ให้สวดพระคาถานี้ต่อท้าย ๓,๕,๗,๙ จบ

    7.ถึงเวลานอนเข้าในที่ๆ นอน กราบพระที่หมอน แล้วสวดพระคาถานี้ ๓,๕,๗,๙ จบ


    ถ้าปฏิบัติได้ดังนี้ เป็นนิจแล้ว จะมีความสุข ความเจริญ มีลาภยศสรรเสริญ เพราะท่านพระครูวิหารกิจจานุการ (หลวงพ่อปาน) วัดบางนมโค จะโปรดบุคคลทั้งหลายทั่วไปที่ยากจน เพื่อให้พ้นทุกข์จากความอดอยาก

    แต่ท่านห้ามประพฤติความชั่ว ต้องรักษาศีลอย่างน้อย ๒ ข้อ คือ ศีลข้อ ๒ อทินนาทาน เว้นจากการลักทรัพย์ หรือหยิบฉวยสิ่งของที่เจ้าของเขาไม่อนุญาต กับศีลข้อ ๕ สุราเมรยมัชชปมา เว้นจากการเสพสุรายาเมาทุกชนิด กับห้ามในทางมิจฉาชีพทุกชนิด และการพนันต่างๆ ด้วย

    ผู้ใดปฏิบัติดังนี้แล้ว จะเห็นคุณภายใน ๖ เดือน ถ้าปฏิบัตินานๆ หลายปี จะมีความสุขความเจริญยิ่งขึ้น ทั้งชาตินี้และชาติหน้า ผู้ปฏิบัติจงกระทำใจให้ผ่องแผ้ว ระลึกถึงคุณพระรัตนตรัย พระปัจเจกะโพธิ์ให้เที่ยงแท้ (อย่าได้ระแวงหรือสงสัย) ให้สังเกตดูให้ละเอียดดังนี้

    คือให้ตวงข้าวสารที่เคยรับประทาน เดือนนึงหมดเปลืองเท่าไร ปฏิบัติพระคาถานี้แล้ว เดือนนึงจะเหลือข้าวเท่าไร ปฏิบัติต่อไปทุกเดือน ข้าวสารจะหมดเปลืองน้อยลงเท่าไร ข้าวที่หุงเหลือไว้จะไม่บูด ผู้ที่ตกข้าวเปลือกจะขนข้าวเข้ายุ้ง ตวงถังแรกว่าพระคาถานี้ ๓,๕,๗,๙ จบ ตวงถังสุดท้าย ให้ว่าพระคาถาอีกเช่นกัน แล้วจดไว้ว่าได้เท่าไร ครั้นเวลาขนออกจากยุ้ง ให้กระทำอย่างเวลาขนเข้า คือ ตวงถังแรกว่าพระคาถา และถังสุดท้ายให้ว่าพระคาถา แล้วสังเกตดูว่า ข้าวเปลือกจะงอกออกไปเท่าไร ก็คงจะรู้คุณของพระคาถานี้ได้ ผู้ที่ทำนา เมื่อหว่านข้าวกำแรก ว่าพระคาถานี้ กำสุดท้ายว่าพระคาถา ข้าวจะงอกงาม แมลงหรือสัตว์ที่เป็นภัยอันตรายแก่ต้นข้าว จะไม่มารบกวนเลย
    <!-- / message --><!-- sig -->
    <!-- / message --><!-- sig -->

    ____________________________________________________________
    ร่วมบูชาพระเครื่องและวัตถุมงคล รายได้สร้างพระถวายหลวงพ่อสิริ ไว้แจกเป็นทานบารมี
    บูรณะพระอุโบสถเก่าวัดทอง และสร้างพระถวายหลวงพ่อสิริ รับพระสมเด็จผงเก่าสมเด็จโต

    ทำบุญแล้วอย่าลืมส่งบุญให้แก่เทวดาประจำตัวและอาชีพนะครับ

    อย่าลืม!! ก่อนนอนให้จุดธูป 3 ดอก บอกกล่าวหลวงปู่ใหญ่ หลวงปู่ทวด หลวงปู่โต หลวงปู่เงิน หลวงปู่สุข หรือพระอริยะ ที่ทุกท่านนับถือให้ช่วยคุ้มครองประเทศไทยให้พ้นจากพายุฝน และอุทกภัยต่างๆ
    <!-- / sig -->
     

แชร์หน้านี้

Loading...