ช่วงนี้ดวงไม่ดีเลยครับ ไปหาหมอพระดูท่านว่า เจ้ากรรมนายเวรรังควาญ

ในห้อง 'ดูดวง และ ทำนายฝัน' ตั้งกระทู้โดย Code:097, 28 สิงหาคม 2017.

  1. Code:097

    Code:097 สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 สิงหาคม 2017
    โพสต์:
    1
    ค่าพลัง:
    +3
    จะต้องบวช สัก1ปี ไม่มีทางแก้อื่น
    ผมทำงานเอกชน ลาปีนึงไม่ได้ครับ
    มีพระที่กันเจ้ากรรมนายเวรได้มั้ยครับ
    ปกติผมหมั่นทำบุญสังฆทาน โลงศพ ไม่ได้ขาด ปีนึงทำ6-10ครั้ง
    เป็นอย่างนี้ประจำมา5ปีแล้ว
    แต่เมื่อวันเกิด พค ที่ผ่านมา
    ฝันร้ายตลอด ฝันเห็นผี เห็นอุจจาระ เห็นศพ เห็นน้ำท่วม จมน้ำตลอด
    นอนไม่หลับเลย ยิ่งช่วงนี้ ถูกโกงเงินอีก แถมโดนนายด่าว่า ถึงขั้นตัดเงินเดือน
    เข้าหน้าผู้ใหญ่ไม่ติด ล่าสุดแฟนที่คบกันมา3ปี ไปมีคนใหม่
    เพื่อนแนะนำให้ไปดูดวงสะเดาะเคราะห์ จึงเป็นที่มาของกระทู้นี้ครับ

    ผมห้อยพระนะครับห้อยถึง3องค์มีเหรียญหลังท้าวเวสสุวรรณที่ได้มาจากซอยสายลมด้วย แต่ดวงเป็นอย่างนี้ขอไม่บอกแล้วกันว่าห้อยอะไร เดี๋ยวจะมีคนว่า ว่ามาโจมตี

    กลุ้มใจมากครับ แนะนำแนวทางให้ที
     
  2. yanjai_makmy

    yanjai_makmy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    198
    ค่าพลัง:
    +397
    ดูในกระทู้หัวข้อ มีวิธีฆ่าผีไหมครับ เพราะโดนผีตามรังควาน ที่คุณ nopphakan ตอบอันสุดท้ายเห็นบอกว่ามีพระท่านพอช่วยได้ในเรื่องแบบนี้ เรื่องแบบนี้ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะหาวิธีช่วยยังไงเพราะตัวเองก็ยังไปไม่รอด 555 เจ้ากรรมนายเวรมันไม่กลัวพระเครื่องอะไรทั้งนั้นแหละ แต่ผมเชื่ออยู่อย่างหนึ่งว่ากรรมแก้ได้ด้วยการอโหสิกรรมถ้าคุณไปหาพระเกจิท่านเก่งๆท่านมีวิธีอยู่แล้วแหละ รู้สึกว่าท่านจะเป็นลูกศิษย์หลวงปู่มั่นด้วยหรือปล่าวพระท่านที่คุณ nopphakan แนะนำน่ะผมว่าไม่ธรรมดาหรอกครับลูกศิษย์ปู่มั่นเก่งๆทั้งนั้นแหละ
     
  3. Tanya R

    Tanya R เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กรกฎาคม 2013
    โพสต์:
    389
    ค่าพลัง:
    +875
    ขอให้จขกท.ผ่านพ้นเรื่องร้ายๆไปได้นะคะ ช่วงเวลาที่ชีวิตเจอวิบากกรรมเล่นงานก็มักจะท้อแท้ วิธีที่ง่ายที่สุดถ้าเราจะแนะนำจากประสบการณ์ชีวิตครอบครัวเราที่เคยเกือบจะถูกยึดโรงงาน โดนเอเจ้นต์มาไล่ออกจากบ้านเช่า โดนเพื่อยขโมยรถ ฯลฯ อันนี้เกิดเหตุการณ์แย่ๆติดๆกัน จนทำให้เราได้มีโอกาสได้มารู้จักเวปพลังจิตเลย (ห้องกฎแห่งกรรม ภพภูมิ) จากนั้นเลยทำให้เราหันมาสวดมนต์นั่งสมาธิ เริ่มแรกๆทำไม่ค่อยได้หรอกเพราะมันทุกข์ บ้านไม่มีจะอยู่ รถไม่มีขับ ลูกเพิ่งคลอด แต่เราค่อยๆฝืนสวดมนต์กับนั่งสมาธิสั้นๆ ทำไปทุกวันจนวันนึงไปเจอบท "มหาเมตตาใหญ่" บทนี้ยาวมาก แต่เราสวดมนต์บทนี้ 14 วันติดกันช่วงลูกหลับ จนมีนนึงเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิด คือรถที่ถูกเพื่อนขโมยไปขายได้คืนมาง่ายๆเลย แล้วอะไรๆที่ติดๆขัดๆในชีวิตมันค่อยๆหาทางออกง่าย แบบไม่คาดฝันเลย

    เงินทองเราไม่มีพอจะไปทำบุญสังฆทานหรือไปวัด ทุกข์มากช่วงนั้น มีเงินแค่พอซื้อข้าวให้ลูกกะแฟนกิน แต่การสวดมนต์นั่งสมาธิ (เอาแค่วันละสั้นๆก็พอเริ่มจากวันละ 2-3-5 นาทีค่อยๆเพิ่มไปตามกำลังใจเรา) นี่มันเปลี่ยนชีวิตเราจริงๆไม่ต้องใช้เงินทอง แต่ใช้กำลังใจของเราเอง ทำให้เจ้ากรรมนายเวรเค้าก็ค่อยๆอโหสิกรรมเราด้วย เค้าถึงผ่อนปรนให้เรามีโอกาสได้ลืมตาอ้าปากได้อีกครั้ง แต่ช่วงนั้นทุกข์ที่สุดในชีวิตแล้ว

    ยังไงก็ให้จขกท.หันมาสวดมนต์นั่งสมาธิ (สั้นๆ)แบบเราลองดู โดยเราทำตามนี้ (ได้แนวทางจากคุณนบ Nopphakan ในเวปนี่หล่ะ)
    1. ก่อน+หลังให้อุทิศส่วนกุศลให้จิตญาณทั้งหลายได้มีส่วนในบุญที่เราตั้งใจทำ จะเอ่ยหรือกรวดน้ำร่วมด้วยก็ดี
    2. พาจิตญาณทั้งหลายกล่าวขอขมากรรมก่อน ประมาณว่าถ้าเราๆทั้งหลายได้เคยไปปรามาสพระรัตนตรัยหรือพระโพธิสัตว์ หรือผู้มีพระคุณทั้งหลาย ก็ขอให้ท่านๆอโหสิกรรมเราด้วย
    3. หลังสวดมนต์นั่งสมาธิเสร็จทุกขั้นตอนก็ให้เอาน้ำประมาณ เหยือกนึงไปกรวดลงดิน
    4. ก่อนกรวดน้ำก็ให้นึกในใจคำว่า "อโหสิ" 3 ครั้ง แล้วนึกถึงคำว่า "โส" ให้ออกจากลิ้นปี่พร้อมกับกรวดน้ำลงไป อันนี้เป็นแนวทางจากหลวงพ่อโพธิ์ศรีสุริยะ เขมรโตท่านแนะนำมาซึ่งเราก็รู้ผ่านมาจากป๋านบนี่หล่ะ

    ขอให้มีกำลังผ่านพ้นวิบากกรรมไปได้นะคะ สู้ๆ
     
  4. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,425
    ค่าพลัง:
    +35,019
    เยี่ยมอโหสิกรรมต่อกันดีที่สุดครับ
    และตนแลเป็นที่พึ่งแห่งตนครับ
    จริงๆจะบอกทุกคนตั้งแต่
    ครั้งแรกที่แนะนำกรณีเป็นวิบากเฉพาะ
    แล้วครับ
    แต่หลังๆถ้าเห็นใครมาบ่น
    แถมมีความคิดออก
    ไปในทางใช้ความรุนแรงซึ่งส่วนตัว
    ไม่นิยม และยิ่งเป็นวิบากเฉพาะยิ่ง
    ไม่แนะนำให้ความรุนแรง
    แถมซ้ำจะแนะนำให้อุทิศส่วนกุศล
    ซ้ำไปเรื่อยๆด้วยครับ
    จึงเป็นที่มาให้ลองไปหาท่านที่จิตไวก่อนครับ

    และท่านที่ส่วนตัวแนะนำไป
    ไม่ใช่สาย ลป. ม ครับ
    ถ้า คุณได้ไปหาท่าน
    คุณจะเข้าใจและสัมผัสได้เอง
    มีรูปตามผนังให้ดูอยู่ครับ
    ตลอดจนจะเข้าใจว่า
    ทำไมส่วนตัวเรียกฉายาท่านว่า จิตไวครับ
    ในเวบนี้เจอมาหลายคนแล้ว
    แล้วจะเข้าใจว่า ความละเอียดรอบรู้
    ต่างกับฆารวาส ที่ชอบหลงตัวเอง
    ว่าเก่ง แต่ความสามารถใช้งานได้จริง
    ระดับกะดอแมวทั่วไปอย่างไรครับ

    สาย ลป.ม นั้นแม้เก่งมาก
    มีความสามารถมากก็ตาม
    แต่ร้อยละ ๙๙.๙๙
    จะนำไปหนุนทางปัญญาทางธรรม
    หรือวิปัสสนาแทนครับ ทำให้แต่ละท่าน
    จะเด่นมากทางด้านถ่ายทอดการสอนธรรม
    ด้านปัญญาครับ

    ปล ท่านนี้ถามได้ทุกเรื่องครับ
    อยากรู้อะไรถามได้หมดครับ
    แม้แต่เรื่องคน
    ที่กำลังแนะนำคุณอยู่
    ถ้าคุณยังไม่ฉลาดพอที่จะ
    เข้าใจว่าใครเป็นอย่างไร
    จากการคำแนะนำหรือ
    การใช้คำพูดของบุคคลนั้น
    ที่ถ่ายทอดออกมาได้ครับ (^_^)
     
  5. yanjai_makmy

    yanjai_makmy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    198
    ค่าพลัง:
    +397
    ไว้ว่างๆผมจะแวะไปเยี่ยมท่านบ้าง...การได้เจอครูบาร์อาจารย์เก่งๆมักได้ข้อคิดคำแนะนำดีๆกลับมาเสมอผมอยากได้แค่นั้นแหละ..เหมือนที่ผมหลุดวงโคจรของเรื่องที่ไปหาใครก็แก้ไม่ได้มาหลายปีแต่แค่คำพูดอาจารย์แค่ไม่กี่คำทำให้ผมไม่เจอเรื่องแบบนั้นอีกเลย..ส่วนใหญ่ท่านจะพูดเป็นปริศนาธรรมใครใคร่ได้ก็ได้ใครปัญญาไม่ถึงก็ไม่ได้เพราะปกติก็สอนทีละหลายคน
     
  6. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,425
    ค่าพลัง:
    +35,019
    ถ้าเรา ไม่ระลึกขึ้นมา ไม่นึกขึ้นมา ไม่คิดมันขึ้นมา
    และไม่ไปปรุงแต่งร่วมอะไรกับมัน
    ก็จะไม่มี กระแสวิบากอะไร หรือใครที่จะมา
    ทำให้เราปรุงแต่งอะไรได้ครับ
    ปัญหาคือ ทำได้หรือไม่ได้ เท่านั้นเองครับ...


    และไม่ว่าจะดีหรือไม่ดี(ล้วนแล้วแต่เป็นการปรุงแต่งไปแล้วครับ)
    มันเป็นสิ่งที่เรามักจะคุ้นกันที่เค้าเรียกว่าความรู้สึกครับ
    ซึ่งมันของเป็นฝ่ายอารมย์ และเป็นนามธรรมครับ

    ซึ่งสาเหตุมันเกิดขึ้นได้จากภายในใจของเราเองที่มันผุดขึ้นมาเอง
    หรือเกิดจากเราไปดึงสิ่งต่างๆที่มีอยู่แล้วเป็นปกติภายนอกเข้ามา
    จนกลายเป็นอารมย์ขึ้นมาได้อย่างไม่รู้ตัว....
    และไม่ว่าจะเกิดจากภายในหรือภายนอก
    ก็มักจะมีการปรุงแต่งต่อด้วยการไปคิดปรุงร่วมไปกับมันจน
    ทำให้เกิดเป็นความรู้สึกต่างๆขึ้นมา
    และก็กลายเป็นตัดสิน ชี้ชัด เลือกข้าง ว่า ใช่หรือไม่ใช่
    ดีหรือไม่ดี ฝั่งซ้ายหรือฝั่งขวานั่นหละครับ....
    ประเด็นที่ส่งผลให้เรา ก็คือ ใจเราจะไม่เป็นกลาง
    เพราะมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ไม่ว่ากุศลหรืออกุศลปรุงร่วมอยู่ครับ...
    ถ้าเป็นอกุศลเราจะเรียกว่า เป็นกระแสร้อนหรือฝ่ายร้อน
    หากเป็นฝ่ายเย็นเราจะเรียกว่า ฝ่ายกุศลครับ

    ถ้าสังเกตุจะทราบว่าเหตุมันเริ่มต้นจากนามธรรม
    เริ่มก่อที่ตัวจิตเรา เมื่อเราไม่รู้จักคลาย จักละ จักทิ้งตรงนี้
    ต่อมามันก็จะส่งผลต่อร่างกายของเรา กลายเป็นเวทนาทางกาย
    ทำไมถึงส่งผล เพราะจิตกับกายมันอาศัยกันอยู่นั่นเองครับ


    รู้ไหมทำไม่เราถึงถูกสอนให้รู้จักทำบุญ ทำทาน ให้อภัย
    หรือเอื้อเฝื่อเผื่อแผ่ครับ เพราะว่า พวกนี้ล้วนแล้วแต่สร้าง
    นามธรรม ที่เป็นกระแสฝ่ายเย็นให้ขึ้นมาในใจเรานั่นเองครับ
    และด้วยจิตเราปกติธรรมดา ถ้าไม่ได้รับการฝึกมา
    เกือบทุกคนมักจะคิดไปในทางฝ่ายอกุศลซึ่งเป็นฝ่ายร้อนครับ
    ดังนั้น เกิอบทุกดวงจิต หากเกิดกระแสฝ่ายร้อนขึ้นมา
    ไม่ว่าจะทุกข์ เคร้า โศก เสียใจ ผิดหวัง หรืออารมย์เชิง
    ลบต่างๆ ฯลฯ ขึ้นมา
    หากได้ไปทำบุญ สร้างกุศล อุทิศส่วนกุศล
    ก็จะพบว่า รู้สึกเย็นขึ้นมาได้ รู้สึกเบาสบายใจขึ้นมาได้
    เพราะได้กระแสกุศลตรงนี้นี่หละครับ เข้าไปแทนที่
    กระแสฝ่ายร้อนก่อนหน้านั้นยังไงหละครับ....

    แต่สังคมเรา กลับเอาเรื่องกุศลต่างๆเหล่านี้มาเป็นจุดขาย
    เอามาเป็นตัวล่อ เพื่อให้เราเกิดความอยากที่จะมีกระแสเย็น
    เหล่านี้ขึ้นมาครับ...
    โดยลืมเข้าใจว่า แท้จริงแล้ว กุศลหรือกระแสเย็นต่างๆ
    เหล่านี้ ไม่ว่าใครก็สามารถทำให้เกิด
    มีได้ด้วยตัวเองทั้งนั้นหละครับ

    แต่เราถูกปลูกฝั่ง ว่าต้องมีสื่อในการนำให้เข้าถึง
    กระแสเย็นเหล่านี้ ด้วยวัตถุ
    ด้วยความเชื่อต่างๆ ด้วยพิธีกรรมต่างๆ........
    ซึ่งมันสร้างความคาดหวังให้เกิดในใจเราอย่างไม่รู้ตัวครับ

    พอเราเจอปัญหาอะไร เข้ามา เมื่อสิ่งเหล่านั้น
    เหมือนช่วยเราไม่ได้ ทำให้เรากลับไปเพิ่งโทษ
    ที่วัตถุ พิธีการ วิธีการ ตัวบุคคลและอื่นๆซึ่งล้วนแล้ว
    แต่เป็นภายนอกทั้งนั้นครับ....

    เป็นเหตุให้เราลืมมองข้ามสิ่งหนึ่งก็คือ
    ตัวใจของเราเองครับ ที่เป็นตัวสร้างเหตุต่างๆ
    ให้เกิดขึ้นมา โดยที่เราคาดไม่ถึงครับ...

    ซึ่งเราก็มัวแต่ไปมองภายนอก
    เพื่อให้เป็นแนวทางเดินของเรา
    และไปคาดหวังกับสิ่งภายนอกต่างๆเหล่านั้น
    โดยที่เราลืมปล่อยวาง และกลับมาดูที่ใจเราเองครับ
    โดยที่ลืมไปว่า ตัวเราเองนี่หละครับ
    ที่เป็นอาจารย์คอยพร่ำสอนตัวเราครับ....
    เหตุจากภายในเราก็แก้ที่ภายในซิครับ
    เหตุจากภายนอก เราก็ใช้สติพากายไปแก้ปัญหาซิครับ
    อะไรที่ไม่ดี ที่มันนำเราไปสู่ความคิดฝ่ายร้อน ฝ่ายกุศล
    ที่ทำให้จิตใจเรามันเศร้าหมอง เป็นทุกข์ เราก็ปรับปรุง
    แก้ไขมันซะ อย่าไปคิด ไปปรุงร่วมกับมันครับ
    และถ้ามันทำให้เราเกิดกุศล ทำให้เราเย็น
    เราก็อย่าไปยึดมั่นถือมั่นกับมันครับ

    และต่อให้สุดยอดผู้ปฏิบัติเป้าหมายก็คือ
    ความหลุดพ้นครับ ผลพิเศษที่มันเกิดขึ้น
    ระหว่างทางนั้น พวกนี้มันแค่เรื่องกระโหลกกะลา
    ที่เกิดขึ้นได้ปกติ ตามเนื้อหาหรือตามการสะสม
    มาของดวงจิตดวงนั้นๆครับ..

    จะหลุดพ้นได้ ก็คือ ตัวจิตต้องไม่มีสิ่งยึดเกาะต่างๆ
    ที่ตัวจิตได้เลยครับ ซึ่งโดยทั่วไปเรามักจะไม่เข้าใจ
    ในเรื่องการเดินไปถึงยังจุดนี้ จึงได้มีอุบายต่างๆ
    ฝ่ายกุศล เพื่อมาหนุนส่งเสมือนเป็นเสบียงนั่นเอง
    แต่ก็จะได้ยินว่า ท้ายสุดก็คือปล่อยวาง
    ก็แค่นั้น ก็แค่ธรรมชาติที่มีปกติ หรือทุกสิ่งทุกอย่างธรรมดา
    ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกล้วนเป็นธรรม
    ก็เพื่อ เป็นอุบายให้จิตมันเริ่ม ทิ้ง เริ่ม ละ ภาพมายา
    กลจิตต่างๆ การปรุงร่วมต่างๆ จิตก็จะเริ่มคลายตัว
    คือไม่ยึดเกาะสิ่งต่างๆได้เลย จากหลักวินาที
    แล้วพัฒนาขึ้นไปเรื่อยๆ....

    ปล.เมื่อเราไม่ไปสร้างวิบากทางจิต ด้วยการไประลึก ไปรู้
    ไปนึก ไปคิด ไปปรุงมันขึ้นมา แล้วมันจะส่งผลต่อทางกาย
    ส่งผลต่อทางจิตเราได้อย่างไรหละครับ....
    ตัดไฟ ควรตัดตั้งแต่ต้นลมครับ.......

    เล่าให้ฟังภาพรวมๆ ถ้าเรายังไม่เข้าใจ
    อะไรที่มันเป็นฝ่ายกุศล ที่สร้างแล้วมันหนุน
    ให้จิตเราคลายตัว และหลุดพ้นจากอารมย์
    ปรุงแต่งทั้งหลายได้ เราก็ทำไปซะ สร้างไปซะ

    ไม่ว่าจะฝึกเจริญสติ ฝึกสมาธิ ทำบุญอุทิศส่วนกุศล
    อโหสิกรรม ทำทาน เสียสละต่อส่วนร่วมมัน
    เป็นการสะสมบารมี อะไรที่เป็นการสร้างวิบาก
    ให้จิตมันเกิด และเป็นฝ่ายร้อน ฝ่ายอารมย์ ฝ่ายเศร้าหมอง
    ก็อย่าไประลึก ไปรู้ ไปนึก ไปคิด
    มันขึ้นมา.....ร้อนมากๆ เจอเย็นบ่อยๆ
    เด่วมันก็เย็นได้ของมันเองนั่นหละครับ
    เราจะไปหวังว่า เย็นที่เราเคยทำมา
    แล้วจะมาดับร้อน ที่เข้ามาเพราะเราเผลอ
    ไปสร้างมันทุกวี่ทุกวัน แล้วมันจะช่วยได้เลยครั้งสองครั้ง
    ได้อย่างไรหละครับดังนั้น
    ค่อยๆทำไป อย่าไปคาด ไปหวังอะไรนะครับ

    วิธีอื่นๆ มีคน มีท่านทำได้หมดนั่นหละครับ
    แต่มันไม่ใช่วิธีการแก้ปัญหาที่แท้จริง........
    แล้วเราก็จะวกวนกลับมาเจอปัญหาเดิมๆได้อีกครับ

    ตนแลเป็นที่พึ่งแห่งตนครับ
    พอเข้าใจนะครับ...



     
  7. วงกรตน้ำ

    วงกรตน้ำ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2015
    โพสต์:
    810
    กระทู้เรื่องเด่น:
    12
    ค่าพลัง:
    +2,432
    จิตพาใจจะคิดอกุศลตลอดเวลา เราจะทำอย่างไร??
    -บางครั้งอยากปล่อยให้คิดๆไป จนกว่ามันจะคลายออกเอง ดังเช่นที่เคยได้ยินมาว่า เราเป็นเพียงผู้ดู ปล่อยความคิดฟุ้งซ่านไป แล้วเอาความคิดนั้นมาพิจารณาเพื่อดับทุกข์ แต่ไม่สามารถทำได้ เพราะมันจะรู้สึกละอายความคิดตัวเอง
    - กับหยุดความคิดนั้นซะ !! เปลี่ยนโหมดไปคิดอย่างอื่นทันทีเมื่อรู้ทันฝ่ายอกุศล แต่มันคงช่วยได้เป็นระยะๆ ไม่ขาดหายจากเรื่องนั่นๆ รบกวนไขข้อข้องใจให้ด้วยค่ะ

    เพิ่มเติมนิดค่ะ ส่วนการขออโหสิกรรม ที่ทุกท่านแนะนำนั้นเข้าใจแล้วค่ะ เพียงแต่ติดขัดระหว่างเหตุเท่านั้น
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 31 สิงหาคม 2017
  8. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,425
    ค่าพลัง:
    +35,019
    คำแบบถามข้างบน เกิดจากการเริ่มปฏิบัติธรรม
    แบบคนฉลาด ฉลาดในการคิด ฉลาดในการวิเคราะห์
    ฉลาดในการวิพากษ์ ฉลาดในการวิจารณ์
    ฉลาดในการแยกแยะ ฉลาดในการตีความ
    เลยส่งผลให้ โง่ในทางปฏิบัติ ไม่มีความเข้าใจ
    ในทางด้านนามธรรมอะไร จึงได้ผุดคำถามแนวๆนี้ขึ้นมา

    ที่พูดไม่ได้ดูแรงนะ....แต่คนเรามันไม่ควรจะต้องให้มาแนะ
    มาสอนในเรื่องเดิมๆ มากเกินไป....
    รู้ไหม ทางภพภูมิ ไม่มีหรอกคำว่า แนะครั้งที่ ๒
    แต่ทางโลก ไม่รู้มนุษย์ทำมันถึงได้ เข้าใจอะไรยากจัง
    ถ้าไม่ฉลาดตั้งแต่แรก
    แล้วทำจิตให้โง่ๆเป็นบ้าง ป่านนี้คงไม่เกิดคำถาม
    โง่ๆอย่างนี้ ผุดขึ้นมาจากจิตหรอก......

    ดีนะว่าเป็น ญ แค่ด่าก็พอ ถ้าเป็นผู้ชาย
    ต้องโดนตบบ้องหู และกระทืบอีก ๒ ถึง ๓ ที
    เหมือนที่คนสมัยก่อนเค้าเรียนกันคงจะแก้โง่ได้บ้าง

    จิตโดยปกติชอบส่งออก คือชอบไปรับรู้ แล้วดึงมาคิด
    ชอบไปดึงสิ่งต่างๆภายนอกเข้ามาแล้วเข้ามาปรุงร่วม
    จนเกิดเป็นความรู้สึกขึ้นมา ส่งผลต่อร่างกายตนเอง
    ในลำดับต่อมาเพราะกายกับจิตมันอาศัยกันอยู่
    ดังนั้นเราจะต้องมาสร้างเครื่องมือ
    ตัวหนึ่ง ที่ได้จากการจากการเจริญในชีวิตประจำวัน
    ให้มันต่อเนื่อง เราเรียกว่า
    สติทางธรรม เป็นเครื่องมือ ที่จะคอยควบคุมความคิด
    ควบคุมพฤติกรรมของจิต ไม่ให้ไปปรุงแต่งต่างๆนาๆ
    ตัวนี้ให้เกิดขึ้นมาก่อน


    ตัวนี้เราไม่สร้าง ลูบๆคล้ำ แล้วยังอยากจะเข้าใจนามธรรมต่างๆ
    แล้วมันจะเป็นไปได้อย่างไรหละ... เราจะเอาอะไร
    ไปควบคุมความคิด เอาอะไรไปควบคุมการปรุ่งแต่ง
    ต่อให้เราไปนึกไปคิด ตัวควบคุม ตัวแก้เหตุต่างๆ
    จากการอ่าน การได้ยินมาก็ตาม มันก็ล้วนแล้วแต่
    เป็นการวิปัสสนึกเอาทั้งนั้น
    เพราะเราไม่มีกำลังสติทางธรรม ที่จะไปแยกความคิด
    ให้ออกจากจิต ไปคลายความคิดจากจิตตรงนี้
    ไปคลายอารมย์ ไปคลายความคิดที่ผุดขึ้นมา
    โดยไม่ได้ตั้งที่มักเป็นเรื่องราวที่ผ่านมาแล้วหรือเป็นอดีตทั้งสิ้นได้

    และความคิดนั้นอยู่ดีๆ เราจะนึกดับนึกหยุดมันไม่ได้หรอก
    เราต้องเข้าใจว่า
    จิตเราไปปรุงร่วมกับความคิดมันนานมากแค่ไหน
    การที่จิตไปคิดไปปรุงร่วม มันคือการไปสร้างกำลังให้เค้า
    อย่างไม่รู้ตัวลองเทียบเวลาที่เราไปคิดปรุงเทียบ
    กับเวลาที่เรามาระลึกรู้ลมหายใจในแต่ละวันซิ....
    แล้วอยู่ดีๆจะเอาอะไรไปดับมันได้



    . ถ้าเราไม่มีกำลังสติทางธรรมตรงนี้ไปควบคุมมัน
    ไว้ก่อน และนำสมาธิสะสมเล็กๆน้อย ที่ได้ในระหว่างการ
    เจริญสติในระหว่างวันตรงนี้ก่อน
    เพื่อมาใช้สำหรับกำหนดดับความคิดที่เคยปรุงมาแล้ว
    มันย่อมที่จะเป็นไปได้ยาก..กลายเป็นที่มา
    ของภาษาโลก เรียกกัน ว่า '' บ่น '' พอ บ่นแล้ว
    ก็เดือดร้อน ชาวโลกที่จะมาคอยรับฟัง.....

    ปล. จิตกับความคิด มันอยู่คู่กันมาตั้งแต่เราจำความได้
    ดังนั้น จึงจำเป็นต้องที่จะสร้าง กำลังสติทางธรรมให้มัน
    มีเกิดมาให้ได้ก่อน ไม่งั้น ความเข้าใจทางนามธรรม
    เราก็จะเลี้ยวซ้ายทีเลี้ยวขวาที พักตรงนั้นที พักตรงนี้ที
    และก็ไม่เข้าใจอะไร ในทางด้านนามธรรมด้วยตัวเองซักที
    ทั้งๆที่เรื่องแบบนี้ พูดแนะมาตั้งกี่ปีแล้ว...
    ความเข้าใจทางด้านนามธรรมก็ยังเหมือนๆเดิน
    คือยังไม่เริ่มคลานนั่นหละ.....

    จะปฏิบัติได้ดี อย่าฉลาดที่จะไปคิด ไปวิเคราะห์ ไปแยกแยะ
    ไปวิพากษ์ ไปวิจารณ์ อย่าไปอยากรู้ อยากเข้าใจ
    ในสิ่งที่ ไม่รู้ได้จากจิตตนหรือประสบการณ์ตนเอง
    จิตจะต้องโง่เป็น ไม่รู้อะไรเลย ต้องทิ้งสัญญาทุกอย่างที่เคยได้ยิน
    ได้ฟัง ได้รู้มา มันถึงจะเริ่มต้นที่จะมีตัวไปคิด
    ในภาคส่วนของนามธรรมได้ นั่นก็คือ สติทางธรรม
    เข้าใจเนาะ...
    พวกที่ปฏิบัติมาหลายๆปี หลายๆสิบปี แต่ไม่มีการพัฒนา
    ทางจิตต่างๆ ไม่ว่าด้านนามธรรม ด้านความสามารถต่างๆ
    ในการเข้าถึงผลสำเร็จของกรรมฐานกองต่างๆในระดับใช้งาน
    ได้เลย รวมถึงกมลสันดานในทางที่ดีขึ้น
    .....ได้แต่หลงตัวเองจาก กิริยาระหว่างกระโหลกกะลา
    ไก่กา ที่เกิดเป็นปกติ
    ของกรรมฐานกองนั้นๆ ก็เพราะเข้าใจว่า
    การคิด วิเคราะห์ แยกแยะ วิพากษ์ วิจารณ์ เป็นความฉลาด
    เป็นการพัฒนาทางจิตตนเองนั้นหละ....
    ปฏิบัติไม่ใช่เรียนหนังสือ มันคิดเอาไม่ได้..
     
  9. วงกรตน้ำ

    วงกรตน้ำ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2015
    โพสต์:
    810
    กระทู้เรื่องเด่น:
    12
    ค่าพลัง:
    +2,432
    ขอบพระคุณค่ะ ^_^
    ปล.การได้อ่านอะไรที่จริง แล้วย้อนดูตัวเอง แล้วรู้สึกว่า " เออ..ใช่!! " ทำให้กิเลสที่เกิดขึ้นในใจมันหดหาย ละลายไปได้เหมือนกันค่ะ
     
  10. ์Napun2764

    ์Napun2764 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2017
    โพสต์:
    57
    ค่าพลัง:
    +107
    อะไรดลใจให้เข้ากระทู้นี้
    โดนใจอย่างแรงส์..
    ตาสว่างโร่เลยค่ะ..
    ปล.โมทนาค่ะ คณนพฯ
     
  11. ์Napun2764

    ์Napun2764 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2017
    โพสต์:
    57
    ค่าพลัง:
    +107
    คุณนพคะ? ดิฉันขอความช่วยเหลือหน่อยค่ะ
    อยากทราบว่า วิชาสัจจะมีจริงมั้ย
    ถ้าเราโดนสาปแช่งจากพวกมีวิชา เราจะแก้ไขแบบไหนดีคะ?
    ปล.ตอนนี้กำลังแย่ค่ะ ช่วยด้วยยยย:(
     
  12. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,425
    ค่าพลัง:
    +35,019
    ไม่มีหรอกครับ วิชานี้ แต่ผลของสัจจะนะมี
    และที่มีคือมีแต่ผลของจิตดวงนั้นๆ
    พูดคิดอะไรเป็นอย่างนั้น เป็นคุณสมบัติของดวงจิต
    ที่จะไปถึงระดับจิตธาตุ และคุณสมบัติของดวงจิต
    ที่จะไปถึงระดับจิตธาตุ คือ จิต แทบจะไม่ยึดในลาภ
    ยศ สุข สรรเสริญเลยครับ ซึ่งที่จะทำได้
    เรียกว่า หายตัวได้ เรียกของจากอากาศ เล่นแร่แปรธาตุ
    ได้เป็นปกติครับ ส่วนมากที่เคยเห็นมีแต่ ห่มเหลืองครับ

    นอกนั้นที่เห็นจะมี จะเป็นมุขของบางกลุ่ม
    ที่เอาไว้โชว์แสดงกล้ามตรูดเฉยๆครับ
    เพราะยึด ในลาภ ในยศ ในสุข ในสรรเสริญ
    อย่างใดอย่างหนึ่งนั่นหละครับ

    วิธีแก้ ง่ายๆเลยก็คือ ทิ้งสัญญาตรงนี้จากจิตเราไปซะ
    ด้วยการ ไม่ไประลึก นึกถึง นึกขึ้นมา คิดขึ้นมา
    ตัวช่วยในการ รู้การระลึก การนึก การคิด การคิดขึ้นมา
    ก็คือ ตัวสติทางธรรมนั่นหละครับ

    นึกวงจรเรื่องสัญญาออกไหม จะยกตัวอย่างให้ฟังนะ
    เช่น เราเห็นผีตนหนึ่ง(พลังงานอย่างหนึ่ง)
    ถามว่าทำไมเราถึงเห็นเป็นผีได้
    เพราะพลังงานตรงนั้น ส่งพลังงานมาเชื่อมกับจิตเรา
    และจิตเราไปรับรู้โดยไม่ตัดตรงนี้ เลยเกิดเป็นภาพผีขึ้นมา
    ส่วนจะเป็นภาพผีหน้าตาอย่างไร ก็มาจากสัญญาความจำได้
    ที่มันฝั่งอยู่ในตัวจิตเรานั่นหละครับ เรียกว่า พลังงานจาก
    ภายนอกนั้น มันมากระตุ้นสัญญาที่อยู่ในจิตเรานั่นไงหละครับ
    เมื่อจิตรับรู้จากตัว วิญญานการรับรู้ที่จิตตรงนี้ บวกกับสัญญาแล้ว
    ก็จะเกิดเป็นการปรุงแต่งขึ้นมา(สังขาร) ปรุงแต่งไปมา
    หากว่าชอบก็กลายเป็น เวทนาที่ดี หากไม่ชอบก็เป็นเวทนาไม่ดี
    และถ้าหากว่า ยังระลึก นึกขึ้น คิดได้อยู่ ก็แสดงว่า จิตมัน
    ยังไม่ปล่อยพลังงานพวกนี้ พอไม่ปล่อยพลังงานพวกนี้
    ก็กลายเป็นว่า พลังงานพวกนี้ มาทำให้ร่างกายพร่อง
    ส่งผลให้เกิดเวทนาทางกายต่อนั่นเองครับ
    พอมองกระบวนการเกิดขึ้น ของมันออกหรือยังครับ


    ดังนั้นเราก็ตัดไฟตั้งแต่ต้นลม ซิครับ สติทางธรรมรู้ปั๊บ
    ก็ดับมันปุ๊บ เมื่อดับมันบ่อยๆ ต่อให้ภายนอกมันจะพยายาม
    ส่งมาแล้วส่งมาอีก แต่จิตมันจะเอากำลังที่
    ไหนมาเกิดขึ้นได้หละ เมื่อตัดตั้งแต่กระบวนการเกิด
    ที่จะส่งผลกระทบตามมาตามที่เล่าให้ฟังข้างต้น.....

    ดังนั้น หากมีเครื่องมือสติทางธรรมตัวนี้ ไม่ดับตัววิญญาน
    การรับรู้จากจิตตัวนี้ได้ตั้งแต่ต้น........

    ต่อให้ใครก็ตาม ที่โม้ว่า เป็นจอมคาถาระดับโลก
    และไม่ว่า เรื่องอะไรก็ตาม ก็จะไม่ส่งผลกระทบต่อตัวจิต
    ของเราที่มักจะลืมทิ้งจนเกิดเป็นเวทนาทางกายได้นั่นหละครับ

    สัญญาเช่น ฝรั่งเห็นเทวดาอย่าง ต่อให้ผีไทยอยู่ข้างๆ
    ฝรั่งพยายามส่งสัญญานมาจิตฝรั่ง ยังไงฝรั่งก็ไม่รับรู้
    ไม่เห็นเพราะไม่มีสัญญาในจิต เลยไม่มีส่งตัววิญญานไปรับรู้
    ยังไงหละครับ. ซึ่งพี่ ไทยก็มีสัญญาและ
    เห็นอีกอย่างนั่นหละครับ
    ตัดขบวณการเกิดตั้งแต่ต้น ก็ไม่มีอะไร จากภายนอก
    มาทำอะไรจิตเราได้ครับ พวกนี้รวมเรื่องนามธรรมต่างๆ
    เช่น กุศล อกุศล อารมย์ต่างๆ ลาภ ยศ สุข สรรเสริญ
    หลักการเดียวกันนั่นหละครับ....

    ปล.มันคนละแบบกับ วิบาก(กรแสจร)ที่สร้างกับดวงจิตดวงหนึ่ง
    ที่ส่งไปกระทบกับจิตที่มีกำลังจิต มีการขยายตัวออกไปข้างนอก
    มากกว่าทำให้จิตไม่ยึดไม่ติด แล้วผลคือ สะท้อนกลับ
    จิตที่ไม่มีกำลังที่สร้างวิบากนะครับ
    เหมือนเอามะม่วงไปให้คนอื่นๆ แต่เจ้าของไม่รับ เพราะล๊อกบ้านอยู่ แม้วางไว้หน้าบ้าน แต่ถ้าไม่มีคนในบ้านมาเก็บ ก็ยังเป็น
    ของผู้นำมาให้อยู่เหมือนเดิม
    ผู้ที่มีกำลังจิตมากกว่า จิตขยายมากกว่า
    ถ้าเปรียบ เหมือนผู้ที่นำมะม่วง ไปไว้ในบ้าน
    ที่ไม่ได้ล๊อกกุญแจ แม้เจ้าของบ้านจะไม่รับ ไม่สนใจ
    แต่ยังไง มะม่วงก็อยู่ในบ้านนั้นเอง โดยปริยาย
    แต่ยังไงก็ต้องนำมะม่วงไปทิ้ง และเมื่อจับมะม่วง
    เมื่อไร ก็จะถือว่า เป็นเจ้าของมะม่วงทันที
    ที่เรารู้กัน ในเรื่อง กรรมจากการปรามาสนะครับ




     
  13. ์Napun2764

    ์Napun2764 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2017
    โพสต์:
    57
    ค่าพลัง:
    +107
    ขอบคุณ คุณนพฯมากกกกกๆค่ะ สำหรับคำชี้แนะ
    แล้วถ้าเค้าบล้อคจิตเราไว้ล่ะค่ะ
    เราจะมีวิธีแก้ยังไงดี
    ปล.นักพลังจิตสามารถทำได้มั้ยคะ
    เช่นรู้จักชื่อจริงหรือ จากรูปถ่ายค่ะ:rolleyes:
     
  14. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,425
    ค่าพลัง:
    +35,019
    ฝึกให้จิตมีอิสระ จากการไปรับรู้สิ่งต่างๆจากภายนอก
    และฝึกควบคุมไม่มีสิ่งที่ส่งออกจากจิตเราไปเชื่อมกับภายนอก
    ตัวจิตเราก็ไม่มี ใครอะไรมาทำอะไรได้แล้วครับ
    อย่างที่บอก ต่อให้เก่งระดับโลก ก็ทำอะไรไม่ได้
    เพราะเราจะไม่มีสัญญาที่ออกจากจิต ไปให้ใครเชื่อมได้ไงคับ

    ไอ้กิริยาบล๊อกจิตนะครับ จะเล่าให้ฟังเล่นๆ
    มันเหมือนคนมีอาวุธ(มีสมาธิบ้าง) ที่ถูกกฏหมาย
    แต่ว่า เอาอาวุธ(ผลของสมาธิ)นั้นไปขู่คนให้กลัว
    ร่วมกับคำพูด(บทคาถา)ประกอบการใช้อาวุธนั่นหละครับ
    ทั้งๆที่รู้ว่า มันใช้ทำร้ายอะไรใครไม่ได้
    เพราะมันก็ต้องอยู่ภายใต้กฏหมาย
    (ครูบาร์อาจารย์พระรัตนตรัย).....

    ส่วนตัวมองพวกนี้ว่า ไก่กา กระโหลกกะลามากครับ
    ถ้าใครอยากทำ ก็ปล่อยไปเลยครับ
    พวกชื่อ ของที่เราใช้ รูปถ่าย เป็นเพียงแค่
    เครื่องมือเชื่อมโยง ในการเชื่อมของเค้าเฉยๆครับ

    ถ้าจิตเราเป็นอิสระ ยังไงก็ไม่มีอะไรมาทำอะไรเราได้ครับ
    ถ้าอยากจะเดินภายนอกบ้านได้ปลอดภัย
    ก็สร้างภูมิต้านทานเราให้ดี
    บวกกับสร้างพันธมิตรทางภพภูมิให้ดี
    ให้ในระดับสูงๆมีฤิทธิ์ก็เกรงใจและนับเราเป็นเพื่อน
    นอกจากความเมตตาและการรู้จักให้ด้วยการอุทิศ
    ส่วนกุศลเป็นทุนครับ
    พวกนี้ บางที เราอุทิศส่วนกุศลให้ไปเลย
    เด่วในระบบภาคทิพย์ ท่านๆจะมีวิธีจัดการได้เองหละครับ
     
  15. ์Napun2764

    ์Napun2764 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2017
    โพสต์:
    57
    ค่าพลัง:
    +107
    อ่านแล้วพลังใจมาเพียบ
    ขอบคุณๆๆๆๆคุณนพฯมากค่ะ
     
  16. yanjai_makmy

    yanjai_makmy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    198
    ค่าพลัง:
    +397
    เพิ่งเคยได้ยินมีวิธีบล๊อคจิตกันได้วยด้วยหรือ วิชาสัจจะอีกไม่เคยได้ยินเลยความรู้ใหม่ แต่ถ้าวิชาเรียกจิตคนออกจากร่างมีแน่นอน ส่วนมนต์ที่เรียนแล้วมีข้อห้ามคือต้องมีสัจจะอันนี้มีแน่ แต่วิชาไม่เคยได้ยินเลย แต่เหมือนจะเคยได้ยินมาเหมือนกันเรื่องแช่งคนแล้วจะเป็นตามที่แช่งนี่แต่เกี่ยวกับเรื่องสัจจะนี่แหละแต่ก็ไม่ใช่มนต์ไว้ระลึกได้จะมาเล่าให้ฟัง
     
  17. ์Napun2764

    ์Napun2764 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2017
    โพสต์:
    57
    ค่าพลัง:
    +107
    เป็นตามที่แช่ง แล้วคนที่แช่งคนอื่นจะไ้ด้รับกรรมแบบไหนคะ?
     
  18. นทีบุญ

    นทีบุญ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    939
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +795
    อยากได้ความรู้น่ะคะ เข้ามาเล่าไวไวเด้อ
     
  19. นทีบุญ

    นทีบุญ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    939
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +795
    ก็ให้กำลังใจ จขกท.ให้ผ่านไปได้นะคะ หมั่นสร้างกุศลเยอะๆ โดยเฉพาะ "มโนกรรมในฝ่ายกุศล" เราเชื่อว่า มโนกรรมมีผลมากและให้ผลเร็ว ถ้าประกอบกับการเจริญกรรมฐานด้วยแล้ว ยิ่งให้ผลที่เร็วขึ้น แม้ในความเป็นจริงมันจะทำยากอยู่เพราะต้องเผชิญกับปัญหาต่างๆในชีวิตประจำวัน แต่เราเชื่อว่าเธอทำได้นะคะ คนเราเมื่อมันถึงจุดที่พีคสุดๆ มันต้องเปิดช่องอะไรสักอย่างให้เราจนได้นั่นแหละ เรื่องมโนกรรมลองหาอ่านดูของหลวงปู่ดู่นะคะ เหมือนเคยได้อ่านอยู่ และอีกอย่าง อุปสรรคทำให้เกิดปัญญาค่ะ ถึงมันจะทำให้เราเหนื่อย แต่ในด้านหนึ่งเราก็ได้กำไรไม่น้อยเลยนะคะ สู้ๆเนอะ ถ้าชอบสวดมนต์ แนะนำ ...เมตตาพรหมวิหาร..

    ทีนี้ตาเราถามบ้าง..555 ใครมีความรู้ก็ช่วยตอบบ้างก็ได้นะคะ สักหนึ่งคำถาม คือปีที่แล้ว เราฝันบางอย่างว่ามีคนตัวอ้วนๆ นุ่งผ้าเตี่ยว หัวโล้น ลอยขึ้นมาตรงหน้าต่างห้องนอน สักพักก็เข้ามาในห้องกลายเป็นตุ๊กตาดินปั้น เหมือนที่เขาทำของใส่กันอ่ะคะ ในฝันเรารู้ว่ามันเป็นของพวกคุณไสย เลยหยิบตุ๊กตานั้นขึ้นมา แล้วก็ขย้ำๆมันจนแตกละเอียด.. พอวันต่อมา ช่วงสายๆเกิดอาการเวียนๆหัวมึนๆ กระอักกระอ่วนตอนบ่ายๆก็อวกพุ่งทีเดียวหมดไส้หมดพุงเลย คือเราไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน... ตอนแรกไม่ได้คิดอะไรเลย จนมารู้ทีหลังว่าน่าจะเกิดจากที่ฝัน มีคนปล่อยของมาป่าว?!! และก็มีคนถามเราว่าที่เราอ๊วกน่ะ ก่อนอ๊วกได้ท่องคาถาอะไรไหม คือเราไม่ได้ท่องอะไรนะ มันอ๊วกออกมาเอง แต่เราสวดมนต์ทำสมาธิประจำ ก็น่าจะมีผลให้สิ่งเหล่านี้มันออกไปเองป่าวคะ หรือว่ายังไง? และช่วงนั้นก็ฝันถึงท้าวเวสสุวรรณค่อนข้างบ่อย น่าจะมีผลในการช่วยเรื่องนี้หรือเปล่า... เราก็บูชาท่านอยู่
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 กันยายน 2017
  20. ์Napun2764

    ์Napun2764 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2017
    โพสต์:
    57
    ค่าพลัง:
    +107
    หายไปไหนล่ะ กลับมาเล่าไวๆนายyanjai:cool:
     

แชร์หน้านี้

Loading...