ดูแลครรภ์ให้ดี มีชัยไปกว่าครึ่ง

ในห้อง 'จิตวิทยา & สุขภาพ' ตั้งกระทู้โดย PalmPlamnaraks, 16 กุมภาพันธ์ 2005.

  1. PalmPlamnaraks

    PalmPlamnaraks เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มกราคม 2005
    โพสต์:
    764
    ค่าพลัง:
    +5,790
    ดูแลครรภ์ให้ดี มีชัยไปกว่าครึ่ง

    อาหารสมอง วีรกร ตรีเศศ Varakorn@dpu.ac.th มติชนรายสัปดาห์ วันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2547 ปีที่ 24 ฉบับที่ 1259

    ถ้าท่านเป็นคนที่ทนไม่ได้หากมีการกล่าวโทษพาดพิงไปถึงแม่ท่าน กรุณาอย่าอ่านข้อเขียนต่อไปนี้ แต่ถ้าท่านสนใจเรื่องราวของสุขภาพ โอกาสในการป่วยไข้ในอนาคตที่อาจโยงใยไปถึงเรื่องในอดีตบ้างอย่างเป็นวิทยาศาสตร์ก็สมควรอ่านอย่างยิ่งครับ

    บัดนี้ นักวิทยาศาสตร์มีหลักฐานมากยิ่งขึ้นทุกวัน ว่า การเป็นโรคมะเร็ง โรคหลอดเลือดหัวใจ และโรคกระดูกผุ มีสาเหตุย้อนหลังไปถึงตั้งแต่ขณะยังเป็นเด็กทารก เป็นเด็กเล็ก หรือแม้แต่ยังอยู่ในครรภ์มารดา โดยแทบจะไม่เกี่ยวพันกับ DNA (ซึ่งเปรียบเสมือนโค้ดคอมพิวเตอร์กำกับการทำงานของแต่ละสิ่งมีชีวิต) ที่ถ่ายทอดมาจากบิดามารดาเลย

    ความคิดหลักในปัจจุบันก็คือเรื่องสุขภาพนั้นโยงใยกับอดีตเป็นสำคัญ ในงานวิจัยชิ้นหนึ่งประมาณการว่าปัจจัยแวดล้อมจากตอนที่อยู่ในครรภ์มารดานั้นมีส่วนอธิบายถึง ร้อยละ 10 ถึง 20 ของการเป็นโรคหัวใจ และเบาหวานในเวลาที่โตขึ้นเป็นผู้ใหญ่

    และถ้าหากรวมปัจจัยตอนเป็นเด็กในครรภ์มารดา ตอนเป็นเด็กทารกและตอนเป็นเด็กเข้าด้วยกันทั้งหมดแล้วอาจมีน้ำหนักถึงร้อยละ 50 ถึง 60

    พูดอย่างนี้ก็หมายความว่าสภาพแวดล้อมก่อนเข้าโรงเรียนอนุบาล มีน้ำหนักในการกำหนดสุขภาพของผู้ใหญ่ พอๆ กับการควบคุมอาหาร และแบบแผนการดำรงชีวิตในตอนเป็นผู้ใหญ่ทีเดียว

    นักวิจัยสองคนคือ Caleb Finch กับ Eileen Crimmins จาก University of Southern Colifornia พบว่า นับตั้งแต่ปี ค.ศ.1751 เป็นต้นมา หากพิจารณาอัตราการตายของคนชั่วคนเดียวกันหนึ่งกลุ่ม (ประชากรศาสตร์เรียกคนกลุ่มหนึ่งที่พิจารณาว่า Cohorts) แล้วจะเห็นว่าหากกลุ่มนี้มีอัตราการตายตอนเป็นทารกและเด็กที่ต่ำแล้ว ก็มักมีอัตราการตาย อัตราการเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจ อัตราการเป็นโรคมะเร็งที่ต่ำเช่นเดียวกัน ณ ทุกระดับอายุเมื่อเติบโตขึ้น

    ข้อเท็จจริงนี้ก็หมายความว่าในกลุ่มเดียวกันถ้าตอนเป็นเด็กมีอัตราการตายน้อย ตอนโตขึ้นก็จะมีอัตราการเป็นโรคต่างๆ ดังกล่าวน้อยไปด้วย นั่นแสดงว่าปัจจัยตอนเป็นเด็กมีผลโยงใยกับต่อช่วงเวลาต่อมา

    ข้อเท็จจริงนี้ขัดแย้งกับความเชื่อที่มีกันอยู่ในปัจจุบันว่าสุขอนามัยที่ดีอาหารที่เพียงพอและการดูแลทางการแพทย์ มีผลอย่างสำคัญต่อการเป็นโรคเหล่านี้และการมีชีวิตยืนยาว

    Finch มีความเห็นแตกต่างออกไป เขาเชื่อว่าสิ่งที่เกิดขึ้นตอนอยู่ในวัยทารก และวัยเด็กมีผลต่อเนื่องไปถึงการเจ็บป่วยในวัยสูงอายุต่อมาอีกหลายปี

    Finch สงสัยว่าเด็กที่มีการอักเสบบวมจากโรคติดเชื้อ ซึ่งทำให้เกิดสารที่เรียกว่า C-Reactive Protein ในเลือด อาจทำให้มีสารนี้สูงในตอนเป็นผู้ใหญ่และทำให้มีโอกาสที่จะเป็นมะเร็ง โรคหัวใจ และโรคร้ายแรงอื่นๆ ได้มากกว่าเด็กปกติ

    มีงานวิจัยชิ้นหนึ่งพบว่าทหารอเมริกันวัยหนุ่มที่รบในสงครามกลางเมืองเมื่อราว 150 ปีมาแล้วและเป็นโรคติดเชื้อ มีโอกาสมากกว่าคนอื่นที่จะเป็นโรคหัวใจหลังจากอายุ 50 ปี

    แม้แต่โรคท้องร่วงบ่อยๆ (ซึ่งเป็นเรื่องของการติดเชื้อ) ตอนเป็นทารกก็เกี่ยวพันกับโอกาสเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจตอนเป็นผู้ใหญ่ ในภาพรวม นักวิจัยกลุ่มนี้เชื่อว่าคนในวัย 50-60 ปี มีโอกาสที่จะเป็นโรคเกี่ยวกับหลอดเลือดหัวใจมากขึ้นร้อยละ 15 มีโอกาสเป็นโรคมะเร็งมากขึ้นหนึ่งเท่าตัว ถ้าตอนเป็นเด็กเคยเป็นโรคติดเชื้อในระดับร้ายแรง

    ทั้งนี้ เนื่องจากการอักเสบไปกระตุ้นการทำงานของภูมิต้านทานในร่างกายในด้านลบ

    การติดเชื้อในวัยเด็กทารกก่อให้เกิดความเสี่ยงที่จะเจ็บป่วยในเวลาอีกหลายสิบปีต่อมา ซึ่งอาจเป็นตัวอธิบายปรากฏการณ์ที่เมื่อประชากรมีการลดลงของการอักเสบใสวัยต้นชีวิตแล้ว จะทำให้เกิดการลดลงของอัตราการตาย ที่เป็นผลพวงจากการเจ็บป่วยยาวนานในวัยสูงอายุ

    นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าความโยงใยนี้ย้อนไปไกลถึงตอนอยู่ในครรภ์มารดาด้วยซ้ำ มีการพบว่าผู้ชายที่ตอนเกิดมีน้ำหนักต่ำกว่า 5.5 ปอนด์ โดยเฉลี่ย มีโอกาสเสียชีวิตด้วยโรคหัวใจมากกว่าผู้ชายที่มีน้ำหนักมากกว่าเมื่อแรกเกิดร้อยละ 50 (สำหรับผู้หญิงในกรณีเดียวกันนี้คนเกิดมามีน้ำหนักน้อยมีความเสี่ยงเป็นโรคมากกว่าประมาณร้อยละ 23)

    นอกจากนี้ นักวิทยาศาสตร์ยังพบอีกว่ามีความเชื่อมโยงระหว่างน้ำหนักเมื่อแรกเกิดกับโอกาสในการเป็นโรคเบาหวานประเภท 2 (เบาหวานชนิดไม่ใช่เกิดจากกรรมพันธุ์) อีกด้วย

    น้ำหนักตัวเมื่อแรกเกิดเกี่ยวพันอย่างไรกับการเป็นโรคดังกล่าว ? ถ้าเด็กในครรค์ขาดแคลนสารอาหารบางอย่าง เช่น วิตามิน B12 และ Folate ได้รับแคลอรีจากโปรตีนต่ำเกินไปหรือไขมันมากเกินไป จะมีผลกระทบด้านลบต่อระบบการทำงานของตับ ไต หัวใจ กระดูก ในอีกหลายทศวรรษต่อมา

    การขาดแคลนอาหารจะลดจำนวนเซลล์ในไตลง ดังนั้นเซลล์แต่ละตัวจึงต้องทำงานหนักขึ้นในการกลั่นกรองเลือดและควบคุมความดันโลหิต เซลล์จึงอาจหมดสภาพไปเร็วขึ้นจนทำให้เกิดสภาพความดันโลหิตสูง และตามมาด้วยโรคหัวใจ

    อย่างไรก็ดี ในเรื่อง DNA ยีนตัวหนึ่งบน DNA ที่มีชื่อว่า PPAR-GAMMA-2 จะเพิ่มความเสี่ยงในการเป็นโรคเบาหวานประเภท 2 ถ้าตอนเกิดมามีน้ำหนักน้อยผิดสังเกต ถ้าขณะอยู่ในครรภ์ประสบกับ "สภาพที่ไม่เหมาะสม" ยีนตัวนี้ก็จะไม่มีผลในทางลบ แต่ถ้าอยู่ใน "สภาพเหมาะสม" ยีนตัวนี้ก็จะถูกปิดไม่ให้อาละวาดได้

    "สภาพที่เหมาะสม" ของขณะอยู่ในครรภ์ก็คือ การดูแลตัวเองของแม่ขณะตั้งครรภ์อย่างดี บริโภคอาหารอย่างพอเพียงอย่างถูกสุขลักษณะ หลีกเลี่ยงสารเคมีให้มากที่สุด และอยู่ไกลเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แม้เล็กน้อยก็ตาม อีกทั้งมีสภาพจิตใจดี ไม่มีอะไรรบกวนจนปั่นป่วนเกินปกติ

    การที่เกิดมามีน้ำหนักน้อยไม่ได้หมายความว่าทุกคนจะเป็นไปตามที่นักวิจัยสรุป หากแต่ว่ามีโอกาสที่จะเป็นเช่นนั้น คล้ายกับนักขับรถแข่งมีโอกาสประสบอุบัติเหตุมากกว่าคนขับรถแบบชาวบ้านธรรมดา แต่ก็ไม่ได้หมายความว่านักขับรถแข่งจะตายด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์เสมอไป บ่อยครั้งที่คนขับรถแบบชาวบ้านตายก่อน

    คนตอนเกิดมามีน้ำหนักน้อยมีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคเบาหวานประเภท 2 (ต่างจากสาวประเภท 2) ดังนั้น จึงควรดูแลน้ำหนักตัวเองเป็นพิเศษ และถ้าตอนเกิดมาผอม ท้องแฟบมาก ตับอาจมีขนาดเล็กเกินไปในการเคลียร์คอเลสเตอรอลจากเลือด ดังนั้น จึงจำเป็นต้องระวังเป็นพิเศษเกี่ยวกับระดับคอเลสเตอรอล โดยต้องมีวินัยในเรื่องอาหารและการออกกำลังกายเป็นพิเศษ

    อย่างเดียวที่ไม่ควรทำก็คือ โทษแม่ของท่านว่าทำไมไม่ดูแลตัวเองให้ดีตอนท้อง อย่าลืมว่าในตอนนั้นท่านยังไม่รู้ความ (ถ้ารู้ความผมคงต้องขอพบเพื่อเอาข้อมูลมาเขียน) จึงไม่มีทางรู้ข้อเท็จจริงและสภาพแวดล้อมขณะที่แม่ท่านท้องได้

    แม่นั้นรักลูกเสมอ แต่สภาพร่างกายในด้านชีวเคมีและสิ่งแวดล้อมภายนอกในด้านสังคมและเศรษฐกิจในตอนนั้น อาจประกอบกันจนทำให้ท่านมีน้ำหนักน้อยตอนเกิดก็เป็นได้

    เมื่อรู้ความเสี่ยงอย่างนี้แล้วจะนั่งอยู่เฉยๆ และโทษแม่ท่านหรือ รีบดูแลตัวเองเพื่อแก้ไขสถานการณ์โดยลดความเสี่ยงน่าจะเป็นหนทางที่ฉลาดกว่านะครับ

    เครื่องเคียงอาหารสมอง

    ท่านผู้อ่านสุภาพสตรีคงเคยรู้สึกเขินเมื่อใช้ห้องน้ำสาธารณะในการทำธุระเบาและหนัก เพราะอาจมีทั้งกลิ่นและเสียงลอดออกมา (ยกเว้นรูปและรสเท่านั้น) ให้คนข้างนอกได้ทราบความลับของสถานการณ์ท่าน คนที่รู้สึกเช่นเดียวกับท่านแต่เขินกว่ามากๆ ก็คือผู้หญิงญี่ปุ่น

    จากการสอบถามนักศึกษาหญิงของมหาวิทยาลัย FUKUOKA เกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาเสียงดังกล่าว พบว่าในแต่ละครั้งที่ทำธุระ ร้อยละ 90 จะกดปุ่มให้น้ำชักโครกไหลเพื่อกลบเสียงในขณะที่นั่งทำธุระไปด้วยไม่ต่ำกว่า 2 ครั้ง ร้อยละ 6 บอกว่าไม่ต่ำกว่า 3 ครั้ง วัตรปฏิบัติเช่นนี้เป็นที่ทราบกันดีในหมู่ผู้หญิงญี่ปุ่นทั้งประเทศ

    การเขินอายจากเสียงดังกล่าวเชื่อว่าโยงใยกับคำสอนเด็กหญิงญี่ปุ่นไม่ให้ปล่อยเสียงออกจากร่างกาย ไม่ว่าการผายลม การเรอ ฯลฯ ต่อหน้าคนอื่น และคำสอนนี้คงฝังต่อเนื่องไปจนถึงการทำธุระในห้องน้ำเมื่อโตขึ้นด้วย

    แต่ปัญหาก็คือ มันนำไปสู่การสิ้นเปลืองน้ำอย่างมาก เพราะในการชักโครกแต่ละครั้งต้องใช้น้ำระหว่าง 10-15 ลิตร

    กลไกตลาดของญี่ปุ่นก็ทำงานหาประโยชน์จากสถานการณ์เขินอายนี้ มีการผลิตสินค้าที่มีชื่อว่า OTO-HIME (แปลตามตัวว่า Sound Princess) ซึ่งเป็นเครื่องเทปส่งเสียงน้ำไหลของชักโครกที่เหมือนจริงมาก โดยติดไว้บนฝาผนังใกล้โถถ่าย ผู้ทำธุระเพียงเอามือโบกผ่านก็จะมีเสียงออกมา มีแสงบอกว่าเมื่อไหร่จะจบ และถ้าทำธุรกิจชนิดใหญ่โตยาวนานก็แถมเสียงให้อีกรอบด้วย

    ปรากฏว่า OTO-HIME ขายดิบขายดีเป็นเทน้ำเทท่า ในครึ่งปีแรกนี้ขายไปแล้ว 500,000 ชุด ยอดขายพุ่งขึ้นร้อยละ 125 ต่อปี การสำรวจหญิงสาวในวัย 20 พบว่าร้อยละ 48 ใช้เป็นประจำ ร้อยละ 39 ใช้เป็นบางครั้ง การเห็นช่องว่างระหว่างความต้องการและสิ่งที่มีอยู่คือสาเหตุของการเกิดธุรกิจ

    มีคนคิดจะเอาไปติดห้องน้ำผู้ชายบ้าง แต่จากการสำรวจก็พบว่าไม่มีผู้ชายสนใจใช้เพราะมีความเขินอายน้อยกว่ามาก

    มหาวิทยาลัยหญิงแห่งหนึ่งในโตเกียวประหยัดค่าน้ำได้ถึงปีละ 170,000 เหรียญสหรัฐ

    และบริษัท Matsushita Electric ซึ่งมี 43 ออฟฟิศทั่วประเทศรวมกันประหยัดน้ำได้ปีละเกือบ 600,000 เหรียญสหรัฐ จาก OTO-HIMI

    เรื่องไม่ได้จบแค่ Sound Princess เท่านั้น บัดนี้มีการขายสเปรย์น้ำหอมพลางกลิ่นหลังทำธุระหนักที่บ้านเพื่อนอีกด้วย มีการขายคุกกี้ที่ช่วยย่อยจนแน่ใจว่าจะไม่มีเสียงผายลมออกมาเวลาไปสัมภาษณ์เข้าทำงานหรืออยู่ในลิฟต์ หรืออยู่กับคนที่กำลังจีบกัน (เป็นแฟนกันแล้วไม่สำคัญเพราะรักย่อมเข้าใจในกลิ่น)

    ปัญหาปวดหัวที่เกิดตามมาสวนทางกับประโยชน์ที่ได้จากการใช้ Sound Princess ทำนอง "โลกนี้ไม่มีอะไรฟรี" ก็คือ เจ้าเครื่องนี้มันทำเสียงน้ำชักโครกได้เหมือนจริงมาก

    จนหญิงสาวบางคนลืมชักโครกหลังจากทำธุรกิจขนาด SME หรือขนาด Corporate เสร็จแล้ว

    น้ำจิ้มอาหารสมอง

    The reason why worry kills more people than work is that more people worry than work.

    (Robert Frost)

    เหตุที่ความกังวลฆ่าคนได้มากกว่าการทำงาน ก็เพราะมีคนที่กังวลมากกว่าคนที่ทำงาน
     
  2. PalmPlamnaraks

    PalmPlamnaraks เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มกราคม 2005
    โพสต์:
    764
    ค่าพลัง:
    +5,790
    ...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 26 มกราคม 2006
  3. พรายแสง

    พรายแสง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กันยายน 2004
    โพสต์:
    833
    ค่าพลัง:
    +371
    ไม่อ่ะ... ไม่นานมานี้เพิ่งดูรูปพวกอสุภะ เป็นภาพคนคลอดลูก อะโหไม่อยากจะบรรยายเลยว่าน่ากลัวขนาดไหน (ผู้ชายคงเฉย ๆ แต่สำหรับผู้หญิงเรื่องนี้เป็นเรื่องที่น่ากลัวสุด ๆ ) นึกกี่ทีก็ยังกึ๋ย...ทุกครั้งเลย แต่หากว่าเราต้องเล่นบทเป็นแม่จริง ๆ ก็คงต้องทำให้ดีสุดแหละ
     
  4. Jin

    Jin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    2,996
    ค่าพลัง:
    +3,342
    ไม่เฉยอ่ะครับ รากเเตกเหมือนกันจ๊ะ
     
  5. PalmPlamnaraks

    PalmPlamnaraks เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มกราคม 2005
    โพสต์:
    764
    ค่าพลัง:
    +5,790
    ...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 26 มกราคม 2006

แชร์หน้านี้

Loading...