ตถาคตทรงอนุญาตไว้พระศาสนาได้ 5,000 ปี

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย บ้องแบ้ว, 7 มกราคม 2017.

  1. บ้องแบ้ว

    บ้องแบ้ว นางฟ้าผู้น่ารัก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    3,294
    กระทู้เรื่องเด่น:
    105
    ค่าพลัง:
    +5,301
    ตถาคตทรงอนุญาตไว้พระศาสนาได้ 5,000 ปี

    แต่เมื่อล่วงไป 500 ปี แล้ว ก็จะไม่มีนางภิกษุณี ครั้นล่วงไปได้ 1,000 ปี ก็จะไม่มีพระอรหันต์เหาะเหินเดินอากาศได้

    ล่วงไป 2,000 ปี ก็จะไม่มีนักปราชญ์เรียนพระไตรปิฎกจนจบ

    ครั้นล่วงได้ 3,000 ปี ไม่มีพระสงฆ์เป็นคณะปรกมาประชุมทำอุโบสถ

    ครั้นล่วงไป 4,000 ปี จะหาพระสงฆ์ที่ทรงไตรจีวรก็มิได้มี

    เมื่อล่วงไป 5,000 ปี ก็จะมีแต่ผ้าเหลืองน้อยห้อยหูแลผูกพันคอ ก็เรียกว่าสงฆ์

    อันว่าศาสนาขององค์สมเด็จพระพุทธเจ้าของเราก็จะอันตรธานสูญสิ้นเพียงนี้

    อนึ่งเมื่อจะพรรณนา เดือนก็ได้ 6 หมื่นเดือนมากครามครัน ถ้าจะพรรณนาวันก็ได้ล้านโกฏิ 8 แสนปีเป็นกำหนด จะนับก็ได้สองหมื่นอุโบสถ ถ้ากำหนดฤดูกาล ก็ได้ หมื่น 1 กับ 5,000 ฤดู

    อันว่าศาสนาของสัพพัญญูก็มิได้เคลื่อนคลาด พระพุทธศักราชศาสนาฝ่ายว่าพระสารีริกธาตุเรี่ยรายอยู่ทั่วจักรวาล จะมาประชุมกันเป็นองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ณ สถานโพธิ์บัลลังก์ แล้วก็เที่ยวตรัสพระสัทธรรมเทศนาโปรดสัตว์อยู่ถ้วนกำหนด 7 วัน 7 คืน แล้วก็เข้าสู่พระนิพพาน พระศาสนาก็อันตรธานสูญแต่นั้นมา

    ต่อเมื่อมหาปฐพีสูงโยชน์หนึ่ง 8,000 วาแล้ว .....” (๑๖ กม.)


    พระเมตเตยโย

    “...... ลำดับนั้น จึงมีพระพุทธเจ้าอีกองค์หนึ่งทรงพระนามว่า

    พระศรีอาริยเมตไตรย์

    เสด็จลงมาจากดุสิตสวรรค์ มาบังเกิดในเมืองเกตุวะดีศรีมหานคร
    พระบิดรทรงพระนามว่า สุพรหมพราหมณ์
    พระมารดาชื่อว่า พรหมวดีพราหมณี
    พระชนมายุพิธีคือ อายุของพระองค์ได้ 8 หมื่นปี
    อันว่า พระศรีอาริยเมตไตรย์นี้ เมื่อได้ตรัสในโลกนี้แล้วก็เป็นมหายศอันใหญ่ยิ่งแก่มหาชนทั้งหลาย อันได้บังเกิดในศาสนาของพระองค์

    ครั้นจุติจากมนุษย์โลกนั้นแล้วก็ได้บังเกิดใน สวรรค์สุคติทั้งสิ้น

    เพราะเหตุว่า เขาได้กระทำบุญให้ทาน
    ได้สดับตรับฟังพระธรรมเทศนา
    เขาได้สวดมนต์ภาวนา
    ได้รักษาศีลเป็นนิจนิรันดร์
    ให้รุ่งเรืองสุกใสในศาสนาของพระองค์

    อนึ่ง คณนาพระบวรกายสูงได้ 80 ศอก เสด็จออกไปตรัสยังควงไม้กากะทิง อันสูงตั้งแต่พื้นแผ่นดินขึ้นไปได้ 128 ศอก มีกิ่งงอกเป็นปัญจสาขา 5 กิ่ง กิ่งหนึ่งยาวได้ 128 ศอก มีใบฤดูดอกออกเป็นกงจักร เกสรหล่นเดียรดาษวันละ 5 ทะนาน มีกลิ่นรสหอมหวานมิรู้วาย

    ด้วยเดชบารมีพระบรมโพธิสัตว์ เมื่อยังมิได้ตรัสเป็นพระพุทธเจ้านั้น พระองค์เสวยรมย์สมบัติอยู่ในคฤหัสน์เพศได้ 4 หมื่น

    มีพระอัครมเหสีเอกชื่อว่า พระจันทมุขีเป็นประธาน แก่นางนักสนมนารีทั้งหลาย 7 แสน เป็นบริวาร โฉมพระจันทมุขีนั้นเป็นที่แสนเสน่ห์แห่งพระบรมโพธิสัตว์เป็นที่สุด

    จึงมีพระราชบุตรพระองค์หนึ่ง ทรงพระนามว่า พราหมณ์วัฒนกุมาร

    แล้วพระองค์ทรงพิจารณาเห็นพระอนิจจัง พระทุกขัง พระอนัตตา จึงเห็นเวทนาในสงสาร พระองค์จึงทรงสละเมียในเที่ยงคืนสงัด ตรัสเรียกให้ผูกม้าแก้ว แล้วพระองค์ก็เสด็จขึ้นหลังม้าแก้วอัศดร ออกจากนครไปยังแม่น้ำอ้นดาษมหานที

    ฝ่ายพระนางจันทมุขีเทวีได้เอาข้าวมธุปายาศใส่ถาดยกออกไปถวายแก่พระ พุทธองค์ พระพุทธองค์ก็ทรงฉัน แล้วเสด็จขึ้นนั่งเหนือรัตนบัลลังก์อาสน์

    พระองค์ทรงอธิษฐานสุวรรณถาดทอง ให้ลอยขึ้นเหนือน้ำได้ 40 ศอก ถาดนั้นก็กลับกลอกฉวัดเฉวียนอยู่ไปมา แล้วถาดนั้นก็ดังเสียงตะละหนึ่งฟ้าร้อง

    อันว่าฝูงเทพยดาทั้งหลายก็อัศจรรย์หวั่นไหวอยู่ไปมา ทั้งนางพระธรณี คงคาก็มาตีฆ้องร้องป่าวอยู่ไปมา ทั้งเขาสุเมรุภูผา ก็มาเอนอ่อนระทวยทอด ท้าวพระยานิกรทั้งหมดก็เอาดอกไม้ชูสลอนอยู่เฉิดฉับ ฉาย ย่อมเรี่ยรายถวายแล้วก็บูชา ฝูงสัตว์ฝูงคนก็เกลื่อนกลาดอยู่ไปมา เทวดาทั้งหลายก็พากันโปรยปรายเงินทองเป็น ข้าวตอกดอกไม้

    บางหมู่ก็ยกมือไหว้บูชา พากันชื่นชมพระบรมโพธิสมภาร

    ทั้งพระอินทร์ พระพรหม พระยม พระกาฬ นกหกทั้งหลายก็มาร่ำร้อง ถวายเสียงอยู่บนอากาศ บางหมู่ก็บินโผนผาดไปจับยอดเขา บางหมู่นั้นเล่าจับฝั่งคงคา ฝูงสัตว์ทั้งหลายมากมายนักหนา ชักชวนกันมาชมโพธิสมภาร

    เมื่อพระบรมโพธิสัตว์ได้ตรัสข้ามสงสาร ได้ตรัสแล้วมินาน

    เดชะบารมีสัจจาธิษฐาน ถาดนั้นก็ลอยขึ้นเหนือน้ำตามธรรมเนียมพระพุทธเจ้ามา สร้างโพธิสมภารแต่ก่อนมาทุก ๆ พระองค์ ถาดนั้นก็ลอยล่มจมลงไปยังเมืองพระยานาคพิภพ

    ท้าวเธอจึงยกถาดกกุสันโธขึ้นไว้แล้ว เธอจึงยกถาดพระพุทธโกนาคมขึ้นไว้อีกเล่า เธอจึงยกเอาถาดพระพุทธกัสสปขึ้นไว้อีก เธอจึงยกเอาถาดพระศิริศากยมุนีโคดมขึ้นอีกเล่า ถาดทั้งสี่นั้นกระทบกันได้ยินลงไปในเมืองพระยานาคราช

    นาคราชเธอจึงตื่นขึ้นจากหลับแล้วออกอุทานว่า โอ....... เมื่อวานนี้ได้ตรัสองค์หนึ่งแล้ว มาวันนี้ก็ได้ตรัสอีกองค์หนึ่งเล่า โอโลนเกนโต............... ก็เล็งแลดูถาดทั้ง 4 ซ้อนกัน อยู่เหนือถาดพระศรีอาริยเมตไตรย์

    เทวดาทั้งหลายเอาข้าวตอกดอกไม้มาถวายบูชา พระพุทธเจ้าก็ตรัสพระธรรมเทศนา

    แลบุคคลผู้ใดได้เล่าเรียนเขียนอ่านในพระพุทธศาสนา ของสมเด็จพระพุทธเจ้า 5 พระองค์ ก็จะได้อานิสงส์ส่งให้ผู้นั้นได้บรรลุแก่โสดา

    ผู้ใดได้ก่อกรรมกระทำมา ตั้งแต่น้อยจนใหญ่ก็จะหายหมดสิ้น

    ครั้นจุติจากมนุษย์โลกแดนดิน
    ก็จะได้ไปสู่สวรรค์ชั้นดุสิตเป็นเที่ยงแท้

    ถ้าแลบุคคลใด ได้กำลังอำนาจแห่งศีลนี้
    ประมาณได้หมื่นโยชน์ก็ดี
    ศีลนี้ย่อมหอมไปตามลม
    ถึงที่จะแกล้วกล้าจึงบ่ายหน้าพากาย
    หลีกลัดออกจากวัฏสงสาร

    ในกาลหนึ่งแล ศีลนั้นก็ย่อมหอมฟุ้งขจรทวนลมขึ้นไป
    ศีลหนึ่งเล่าไซร้ ศีลนั้นย่อมหอมฟุ้ง
    อุตสาหะสมาทานศีล 5 ประการ ศีล 8 ประการ
    ใต้ลมเหนือลมตลอดแล่นถึงแดนมนุษย์
    พรหมต่าง ๆ นานา
    ก็จะบ่ายหน้าเข้าสู่นัคเรศ
    ประเทศเมืองแก้ว
    กล่าวแล้วคือพระนฤพาน........”

    เครดิต เฟสบุ้ค การเกิดเป็นทุกข์อย่างยิ่ง เดินทางสู่ความว่างแห่งปัญญา FB_IMG_1483794058357.jpg
     

แชร์หน้านี้

Loading...