ตัวกระทำไม่ตายเวรกรรมมีจริงทุกสิ่งเป็นกลางตามธรรมชาติ

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย นายวิชัย มณีรัมย์, 17 เมษายน 2017.

  1. นายวิชัย มณีรัมย์

    นายวิชัย มณีรัมย์ สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2017
    โพสต์:
    670
    ค่าพลัง:
    +1
    ประสบการณ์จริง ตามธรรมชาติ นักปฏิบัติต้องกล้าได้และกล้าเสีย เพื่อความรู้เห็นในสิ่งสงสัย ยอมแลกชีวิต กับบางสิ่งที่เราอยากรู้เห็น เพื่อหายความสงสัย ในสิ่งเหล่านั้น คือ อยากเห็นในที่สูง ต้องกล้าเสี่ยงตาย ได้ทุกเวลา อุปมาเหมือน คนขึ้นต้นไม้ ถ้าไม่เก่ง ก็ต้องตกต้นไม้ตาย ถ้าไม่ตาย ก็ได้เห็น สิ่งที่สูง บนยอดไม้ จากต้นไม้นั้น จากการที่เรายอมเสี่ยงตาย จากการขึ้นต้นไม้นั้น เราต้องเป็นที่พึ่งของตัวเราเอง ไม่มีใครช่วยเราให้เรา ขึ้นต้นไม้นั้นได้ ถ้าเราตกจากต้นไม้นั้น ที่เราปีน เพราะความผิดพลาด เพราะความประมาท เราก็ต้องตาย คนอื่นไม่ตาย เพราะเขาไม่กล้าปฏิบัติเหมือนเรา เขากลัวตายเขาจึงไม่ตาย แต่ถ้าเราไม่ตกจากต้นไม้นั้น เพราะความฉลาด เพราะมีสติ เพราะความมีปัญญา เราก็ไม่ตาย เพราะฉะนั้นแล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างทั้งหลายทั้งปวง ที่เราปฏิบัติ เรายอมเสียสละ ในสิ่งที่ต้องทำ คือกล้าได้ต้องกล้าเสีย เพราะทุกสิ่งทุกอย่าง ทำกับเรา เกิดขึ้นกับเรา เราเป็นผู้ปฏิบัติ เรารับผลแต่เพียงผู้เดียว ไม่ตายก็รอด ถ้ารอดก็ไม่ตาย เห็นถูกต้องตามความเป็นจริง ในสิ่งทั้งปวง คนที่อยู่สูง ย่อมเห็นได้ในสิ่งสูง ที่เกิดจากการปฏิบัติ การเสียสละ จากตัวของเขาเอง
     
  2. นายวิชัย มณีรัมย์

    นายวิชัย มณีรัมย์ สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2017
    โพสต์:
    670
    ค่าพลัง:
    +1
    ธรรมชาติได้จัดการสร้างสรรค์ สร้างทุกสิ่งทุกอย่าง ในสิ่งทั้งหลายทั้งปวง จัดสร้างทุกอย่าง โดยการอาศัย พึ่งพาซึ่งกันและกัน โดยความสมบูรณ์แบบ ในทุกๆด้านโดยมีความวิจิตรพิสดาร มีความมหัศจรรย์ เหนือคำอธิบายใดๆ ที่จะอธิบายได้อย่างลงตัว ผู้ที่เรียนรู้เรื่องของธรรมชาติ ย่อมเข้าถึง ย่อมรู้เรื่อง ในทุกสิ่งทุกอย่าง ทั้งหลายทั้งปวง ของธรรมชาติ ได้อย่างถูกต้อง ตามความเป็นจริงในสิ่งทั้งหลายทั้งปวง โดยความสมบูรณ์แบบได้เหมือนกัน ธรรมชาติได้ให้โอกาส ในทุกสรรพสิ่ง ได้เกิดขึ้น ได้ตั้งอยู่และได้ดับไป โดยมีความผาสุข ที่เกิดจากการสรรสร้าง ทุกสิ่งทุกอย่างทั้งหลายทั้งปวง ของธรรมชาติผู้ยิ่งใหญ่ เพื่อให้ทุกสิ่งทุกอย่างเกิดมีขึ้น เพื่อให้มาช่วยเหลือ เกื้อกูลพึ้งพาอาศัยซึ่งกันและกัน โดยมีครบองค์ประกอบ ในทุกสิ่งในทุกๆด้าน ผลหมากรากไม้ทั้งหลายทั้งปวง หมูเห็ดเป็ดไก่ทั้งหลายทั้งปวง
    พืชพันธุ์ ธัญญาหาร ทุกสิ่งทุกอย่างทั้งหลายทั้งปวง ที่มีอยู่เกิดขึ้นอยู่ในโลกมนุษย์นี้ ธรรมชาติได้สร้างสรรค์ จัดเต็มโดยมีความสมบูรณ์แบบ วิจิตรพิสดาร มหัศจรรย์ ลึกลับสลับซับซ้อน ซ่อนเร้น งดงามงอกงามเหนือคำบรรยายใดๆ แต่ก็มีสิ่งเลวร้าย น่ากลัวซ่อนตัวลึกลับ ซับซ้อนซ่อนเร้น มีอยู่ในตัวของธรรมชาติ อย่างมากมายมหาศาลเช่นกัน
     
  3. นายวิชัย มณีรัมย์

    นายวิชัย มณีรัมย์ สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2017
    โพสต์:
    670
    ค่าพลัง:
    +1
    สิ่งที่เป็นธรรมชาตินั้น ยิ่งใหญ่มหาศาล ไม่มีขอบเขตุใดๆมากั้นกลาง สิ่งที่เป็นธรรมชาติ คือความมีอิสระเสรีที่ยิ่งใหญ่ ไมมีใครทำร้ายใคร ไม่มีใครทำให้ใคร เพราะทุกคนคืออิสระเสรี แต่ธรรมชาติก็ยังให้ความจริงอยู่สิ่งหนึ่ง ในความเป็นอิสระเสรี นั้นก็คือมีความอาศัยพึ่งพาซึ่งกันและกัน เพราะทุกสิ่งไม่ได้มีสิ่งเดียว มีหลายสิ่ง อยู่ในธรรมชาตินั้น ในที่สุดในธรรมชาติ จึงมีอิสระเสรี มีประชาธิปไตย ใครจะทำอะไรก็เป็นเรื่องของบุคคลผู้นั้น ไม่มีใครบังคับใคร เพราะทุกสิ่งทุกอย่างในธรรมชาติ เป็นอิสระสำหรับผู้กระทำ รู้ก็ได้ไม่รู้ก็ได้ มีก็ได้ไม่มีก็ได้ ปีศาจร้ายคนดีมีศีลธรรม ก็ล้วนแต่เป็น ไปตามทางของธรรมชาติ ธรรมชาติแห่งความเลว หรือธรรมชาติของความดี กุสะลาธัมมา อกุสะลาธัมมา ธรรมชาติทั้งหลายมีทั้งขาวและดำ ธรรมที่เป็นฝ่ายดี และธรรมที่เป็นฝ่ายชั่ว ธรรมที่เป็นฝ่ายดี ย่อมให้ผลในสิ่งที่เป็นสุข ธรรมที่เป็นฝ่ายชั่ว ย่อมให้ผลในสิ่งที่เป็นทุกข์ ดีชั่วสุขทุกข์ ธรรมชาติคือผู้ให้ผล ทุกสิ่งทุกอย่างทั้งหลายทั้งปวง ล้วนเป็นไปตามธรรมชาติ ตามความเป็นจริงในสิ่งทั้งหลายทั้งปวง ดีชั่ว สูงต่ำ ดำขาว สุขทุกข์ มีหรือไม่มี เกิดตาย ดับหรือไม่ดับ เป็นหรือไม่เป็น เห็นหรือไม่เห็น รู้หรือไม่รู้ ทุกสิ่งทุกอย่างทั้งหลายทั้งปวง ธรรมชาติคือผู้ตัดสิน เพราะทุกสิ่งทุกอย่าง ทั้งหลายทั้งปวง เกิดขึ้นที่เรา ตั้งอยู่ที่เรา ดับลงที่เรา เราคือธรรมชาติธรรมชาติคือเรา
     
  4. นายวิชัย มณีรัมย์

    นายวิชัย มณีรัมย์ สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2017
    โพสต์:
    670
    ค่าพลัง:
    +1
    เหตุผลในธรรมชาติ มีความหลากหลายมิติ ไม่มีที่สิ้นสุด เราเรียนรู้ตั้งแต่เราเกิดขึ้นมา จนถึงวันที่เราตาย ตายแล้วเกิด เกิดแล้วตาย ไม่ว่าจะกี่ชาติ ไม่ว่าจะกี่ภพ หาสิ่งสิ้นสุดไม่ได้ในธรรมชาติ ไม่มีคำว่าสิ้นสุด เพราะในธรรมชาตินั้น มีสิ่งทั้งหลาย มากมายมหาศาล เกินกว่าจะคาดเดา ตั้งแต่สิ่งที่มองไม่เห็นได้ด้วยตาเปล่า จนถึงสิ่งที่มองเห็นได้ด้วยตาเนื้อ และสิ่งทั้งหลายที่มองเห็นได้ด้วยตาจิต โดยอาศัยวิปัสสนากัมมัฏฐาน เป็นตัวนำทางชี้ทางสว่างให้เห็น ตรงกลางระหว่างจิตและกาย ของตัวผู้ปฏิบัติ เพื่อสู่หนทางแห่งความรู้แจ้ง ตามความเป็นจริง ในสิ่งที่เป็นธรรมชาติ โดยความสมบูรณ์ ตาจิตของผู้วิปัสสนากัมฐาน จะรู้เห็นได้ในมิติใด ย่อมไม่มีทาง ที่จะสิ้นสุดในมิตินั้น เพราะธรรมชาติมีหลากหลายมิติ ตั้งแต่มิติเล็กไปจนถึงมิติกลาง และในที่สุดก็หาที่สิ้นสุด ในมิติที่ใหญ่ที่สุด ที่เกิดมีในธรรมชาติ ไม่พบเจอ อย่างแน่นอน ตั้งแต่วันเกิดจนถึงวันตาย ผู้รู้ธรรม กับผู้ไม่รู้ธรรม ในที่สุดก็ตายเสมอกัน ไม่มีใครใหญ่ไม่มีใครเล็ก เพราะสิ่งใหญ่สิ่งเล็กคือธรรมชาติ ตามความเป็นกลางในสิ่งทั้งปวง ดั่งคำที่ว่า ธรรมชาติทั้งหลายทั้งปวง หาจุดเริ่มต้นไม่ได้ หาจุดท่ามกลางไม่มี หาที่สิ้นสุดไม่เจอ อะจินไตย อะจินไตย อะจินไตย ไม่ใช่สิ่งที่ต้องคิด ไม่มีสิทธิ์ตัดสินในสิ่งใด ที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ ตามความเป็นจริง ในสิ่งทั้งปวง
     
  5. นายวิชัย มณีรัมย์

    นายวิชัย มณีรัมย์ สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2017
    โพสต์:
    670
    ค่าพลัง:
    +1
    ทุกสรรพสิ่ง ถ้าเกิดมีความเข้าใจกัน ซึ่งกันและกัน ในทุกสรรพสิ่งล้วนมีความสุข ทุกสรรพสิ่ง ที่เข้าใจกันอาศัยพึ่งพาซึ่งกันและกัน ย่อมหมดความทุกข์ ทุกสิ่งทุกอย่างต้องเป็นไป ภายใต้ของสิ่งที่เป็นธรรมชาติ คือมีความอาศัย พึ่งพาซึ่งกันและกัน ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน มีกฏระเบียบในการปฏิบัติ ทุกสิ่งทุกอย่าง ล้วนเกิดมาเพื่อทำหน้าที่เป็นแบบอย่าง แห่งการเสียสละ ในสิ่งเกื้อกูล เป็นแบบอย่างของสิ่งที่ได้มา จากสิ่งที่เกื้อกูล ทุกสิ่งทุกอย่าง ล้วนต้องพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน เราอยู่ได้เขาก็อยู่ได้ เราอยู่ไม่ได้เขาก็อยู่ไม่ได้ นี่คือสัจจะแห่งความจริงในสิ่งทั้งหลายทั้งปวง ตนตกอยู่ในตน พ้นไม่พ้นคือสิ่งที่ตนปฏิบัติ ตนเห็นตน ในสิ่งที่ตนปฏิบัติ ย่อมรู้ชัด ในทุกสิ่งที่เกิดตาย ที่มีในตน ดีชั่วอยู่ที่ตัวกระทำ สิ่งที่เป็นกรรม ผู้กระทำ รับผล
     
  6. นายวิชัย มณีรัมย์

    นายวิชัย มณีรัมย์ สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2017
    โพสต์:
    670
    ค่าพลัง:
    +1
    ข้าพเจ้า นายวิชัย มณีรัมย์ ขอขอบคุณท่าน มุมไบ, ิอิอิอิอิ ,raider-c, GenerationXXX และสมาชิกทุกท่าน ที่ได้อนุเคราะห์ เสียเวลาในการอ่านบทความ ที่ข้าพเจ้าได้เขียนขึ้น หวังว่าทุกท่าน คงได้รับประโยชน์บ้าง ไม่มากก็น้อย
    นายสมส่วน ทองสุขนอก, นายวิชัย มณีรัมย์
    บทความเรื่องนี้ ตัวกระทำไม่ตาย เวรกรรมมีจริง ทุกสิ่งเป็นกลางตามธรรมชาติ
    ขอนอบน้อมยกถวาย แด่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพื่อเป็นธรรมทาน บุญกุศลทั้งหลาย ที่เกิดขึ้นจากบทความนี้ ขอส่งตรงถึง เทวดาที่ปกปักษ์รักษา ตัวของข้าพเจ้า ตลอดจนคุณบิดามารดา ครูอาจารย์ ทั้งเจ้ากรรมนายเวร ในทุกภพทุกชาติ จงได้รับผลบุญนี้ อีกทั้งท่านท้าวเวสสุวรรณ ก็จงได้รับในผลบุญนี้
    ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ข้าพเจ้าคิดในสิ่งใด ขอให้ได้สมความมุ่งมาดปรารถนา ในทุกสิ่งทุกประการด้วยเทอญ ขออำนาจแห่งคุณพระรัตนตรัยทั้ง3 มีคุณพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ขอบุญบารมี วาสนาบารมี ญาณบารมี ทั้งหลาย ทุกภพทุกชาติ จงมาบังเกิด รวมตัวเป็นหนึ่ง ในชาติปัจจุบันนี้ด้วยเถิด
     
  7. นายวิชัย มณีรัมย์

    นายวิชัย มณีรัมย์ สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2017
    โพสต์:
    670
    ค่าพลัง:
    +1
    การกระทำที่เกิดจากการปฏิบัติ ไม่ว่าดีหรือชั่ว ย่อมให้ผลเท่าที่เราปฏิบัติ มากหรือน้อย เราเป็นผู้ปฏิบัติ เราเป็นผู้รับผล
     
  8. นายวิชัย มณีรัมย์

    นายวิชัย มณีรัมย์ สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2017
    โพสต์:
    670
    ค่าพลัง:
    +1
    กรรมทั้งหลาย เกิดขึ้นจากเรา เกิดจากกายเรา เกิดจากวาจาเรา เกิดจากใจเรา ไม่ว่ากรรมนั้นจะเป็นกรรมดี หรือกรรมชั่ว เราเป็นคนสร้าง เราจึงต้องเป็นผู้รับผล ในกรรมทั้งหลายเหล่านั้น ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายดีหรือฝ่ายชั่ว เราได้รับผล จากการกระทำของเราอย่างแน่นอน เราทุกคนที่เกิดมา ล้วนเป็นไปตามกรรม ไม่มีใครหนีกรรมพ้น ทุกคนล้วนได้รับผลกรรม อันเกิดจากการกระทำของตนเองทั้งสิ้น ดั่งคำภาษิตที่ว่า คิดดี ทำดี สร้างดี ย่อมได้ดี มีแต่ความสุข สุขกาย สุขใจ คิดชั่วทำชั่ว สร้างชั่ว ย่อมได้ชั่ว มีแต่ความทุกข์กาย ทุกข์ใจ ไม่สิ้นสุด
     
  9. นายวิชัย มณีรัมย์

    นายวิชัย มณีรัมย์ สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2017
    โพสต์:
    670
    ค่าพลัง:
    +1
    ใจจิตนี้ เกิดเป็นมีได้ ในทุกสิ่งทั้งหลายทั้งปวง ที่เกิดเป็นมี
    ใจจิตนี้ ดับลงได้ ในทุกสิ่งทั้งหลายทั้งปวง ที่ดับลง
    จิตเป็นใหญ่ เหนือจักรวาลย์ใดๆ ในสิ่งทั้งหลายทั้งปวง ใจเป็นประธาน ในสิ่งทั้งหลายทั้งปวง
    เกิดขึ้นได้ที่ใจจิต ที่ใจจิตเกิดขึ้นได้ ในสิ่งทั้งปวง ดับลงได้ที่ใจจิต ที่ใจจิต ดับลงได้ ในสิ่งทั้งปวง
     
  10. นายวิชัย มณีรัมย์

    นายวิชัย มณีรัมย์ สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2017
    โพสต์:
    670
    ค่าพลัง:
    +1
    สายปฏิบัติ แจ่มแจ้งชัด ที่ถูกตรง ต้องครบองค์ ประกอบพร้อม เพียงกัน สิ่งทั้งหลาย น้อมนำมาปฏิบัติ ในเวลาเดียวกัน พร้อมเพียงกัน เกิดสิ่งชัด สว่างไสวขึ้น ที่ใจจิตเรา ธาตุทั้ง4 ขันธ์ทั้ง5 น้อมนำมาถึงการปฏิบัติ เห็นแจ้งชัดในพรหมวิหารธรรม4 น้อมนำให้เต็มที่ สติปัฏฐาน4 ให้ผูกมัด เพื่อเข้าสู่ ในองค์อริยะสัจจ์4 โดยความมั่นคง เพื่อมุ่งตรง ไปสู่โลก ธรรม8ที่แผดเผา จิตเห็นจิต น้อมผูกจิต ติดใจเรา น้อมนำเข้าไปสู่ทาน ในการปฏิบัติ แจ่มแจ้งชัด ปฏิบัติศีล รักษาใจจิต สิ่งผูกใจจิต ภาวนาไว้อย่าให้ขาด สิ่งฉลาดสมาธิ มีเข้าถึง ปล่อยวาง ว่างเย็น เห็นความว่างเปล่า ปํญญาแจ้ง เห็นสิ่งเกิด จำรัสแสง ประกายแจ้ง ส่องสว่าง ขึ้นที่ใจจิตเรา น้อมนำเข้า เต็มเปลี่ยม สู่กฎไตรลักษณ์ ประจักษ์จิต ประจักษ์ใจ ทุกข์ขัง สิ่งทั้งหลายทั้งปวงธาตุ4ขันธ์5เป็นทุกข์ อนิจจัง ธาตุทั้ง4 ขันธ์ทั้ง5 เป็นของไม่เที่ยง เกิดขึ้นตั้งอยู่ แล้วดับไป อนัตตา ธาตุ4ขันธ์5 เป็นของไม่ไช่ตัว ไม่ไช่ตน ไม่มีตัวไม่มีตน ฟ้าเห็นฟ้าคือฟ้า ดินเห็นดินคือดิน สิ้นสุดไม่มีของปลอม เห็นแต่ของจริง มีแต่ของจริง ในสิ่งทั้งหลายทั้งปวง
     
  11. นายวิชัย มณีรัมย์

    นายวิชัย มณีรัมย์ สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2017
    โพสต์:
    670
    ค่าพลัง:
    +1
    สิ่งที่ข้าน้อยผู้ด้อยในสายธรรม คิด เห็น รู้ มีสิ่งประเสริฐที่สุดในโลก เหนือสิ่งใดๆในโลก ขอนอบน้อมด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจ สุดเศียรเกล้า
    พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ
    ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ
    สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ
    ทุติยัมปิ พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ
    ทุติยัมปิ ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ
    ทุติยัมปิ สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ
    ตติยัมปิ พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ
    ตติยัมปิ ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ
    ตติยัมปิ สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ
    พุทธัง ชีวิตตัง ยาวะนิพพานัง สะระณัง คัจฉามิ
    ธัมมัง ชีวิตตัง ยาวะนิพพานัง สะระณัง คัจฉามิ
    สังฆัง ชีวิตตัง ยาวะนิพพานัง สะระณัง คัจฉามิ
    ทุติยัมปิ พุทธัง ชีวิตตัง ยาวะนิพพานัง สะระณัง คัจฉามิ
    ทุติยัมปิ ธัมมัง ชีวิตตัง ยาวะนิพพานัง สะระณัง คัจฉามิ
    ทุติยัมปิ สังฆัง ชีวิตตัง ยาวะนิพพานัง สะระณัง คัจฉามิ
    ตติยัมปิ พุทธัง ชีวิตตัง ยาวะนิพพานัง สะระณัง คัจฉามิ
    ตติยัมปิ ธัมมัง ชีวิตตัง ยาวะนิพพานัง สะระณัง คัจฉามิ
    ตติยัมปิ สังฆัง ชีวิตตัง ยาวะนิพพานัง สะระณัง คัจฉามิ
     
  12. นายวิชัย มณีรัมย์

    นายวิชัย มณีรัมย์ สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2017
    โพสต์:
    670
    ค่าพลัง:
    +1
    สายธาร แห่งธรรม ที่ปฏิบัติ
    พากำจัด สิ่งเลวร้าย ที่ถาโถม
    เกลียวคลื่นซัด กระหน่ำซ้ำ สิ่งโศกตรม
    ได้ชื่นชม น้ำใสเย็น สงบนิ่งกลางดวงใจ
     
  13. นายวิชัย มณีรัมย์

    นายวิชัย มณีรัมย์ สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2017
    โพสต์:
    670
    ค่าพลัง:
    +1
    ความพลัดพราก ต้องตายจาก กันแน่แท้
    เป็นจริงแน่ ในสัจจ์ธรรม วัฏสงสาร
    มนุษย์สัตว์ เกิดตั้งอยู่ ได้ไม่นาน
    เมื่อถึงกาล กายชีพดับ คืนสู่ดิน
    คุณพ่อจ๋า คุณแม่จ๋า ลูกลาแล้ว
    โอ้ลูกแก้ว เมียขวัญ พ่อลาลับ
    ทั้งปู่ย่า ตาและยาย ไปไม่กลับ
    กายชีพดับ เป็นผุยผง ลงสู่ดิน
    ความพลัดพราก ตายจากนี้ มีทุกโศก
    ทั่วทั้งโลก วิปโยค ใจโศกสัญญ์
    มนุษย์สัตว์ มีความตาย เสมอกัน
    คืนและวัน เคลื่อนลาลับ สู่ดับตาย
    ชีวิตโลก ที่โศกสัญญ์ คือวันพราก
    เกิดตายจาก ในทุกคน ต้องได้เห็น
    ทุกชีวิต ที่เกิดมา ล้วนต้องเป็น
    ทุกข์ขังเห็น รู้อนิจจัง เป็นอนัตตา
    ตายก่อนตาย หมายดู รู้ทันโลก
    หมดทุกข์โศก โลกทั้งผอง มองให้เห็น
    ทุกสิ่งอย่าง เมื่อปล่อยวาง ก็ว่างเย็น
    สิ่งรู้เห็น แดนสงบ เกิดที่ใจ
    สิ่งทั้งหลาย เกิดดับได้ ในสงสาร
    เกิดนิพพาน จากเมล็ด เป็นเหคุผล
    ปัญญาชัด สิ่งปฏิบัติ เกิดในตน
    สิ่งหลุดพ้น ตนพึ่งตน จึงพ้นภัย
    อยากรู้ใน ทุกสิ่งอย่าง ต้องค้นหา
    น้อมธรรมมา ปฏิบัติ ตามเหตุผล
    ทานศีลภาวนา สมาธิปัญญา เกิดจากตน
    ศรัทธาตน ศรัทธาใจ ได้นิพพาน
     
  14. นายวิชัย มณีรัมย์

    นายวิชัย มณีรัมย์ สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2017
    โพสต์:
    670
    ค่าพลัง:
    +1
    วิถีธรรม นำจิต สว่างใจ
    วิถีใจ นำจิต สว่างธรรม
    วิถีโลก สุขทุกข์โศก ตามเวรกรรม
    วิถีธรรม นำหนทาง หมดกรรมเวร
     
  15. นายวิชัย มณีรัมย์

    นายวิชัย มณีรัมย์ สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2017
    โพสต์:
    670
    ค่าพลัง:
    +1
    วิถีธรรม นำสู่ทาง สว่างศรี
    เหตุผลมี วิถีบุญ กุศลสร้าง
    วิถีใจ วิถีจิต ตามสายกลาง
    วิถีทาง น้อมใจจิต จิตน้อมใจ
    น้อมมาไว้ ในสิ่งดี มีกุศล
    น้อมนำตน สู่หนทาง สว่างไสว
    น้อมนำจิต เพื่อเข้าสู่ น้อมนำใจ
    น้อมมาไว้ ทั้งใจจิต ประสิทธิเมในมรรคผล
    ธรรมโลก รู้ทุกสิ่งทุกอย่างหมดทั้งโลก โลกธรรม ปัญญาแจ้งเหนือสิ่งใดๆในโลกนี้
    กุตระโลก รู้ทุกสิ่งในโลกตามความเป็นจริง เหตุผลของความเป็นกลาง
    โลกกุตระ ปัญญาแจ้งที่ใจจิต ปฏิบัติตามสายกลาง ปัญญาแจ้งที่ใจจิต รู้เท่าทันในสิ่งที่โลกเป็น ชนะใจในทุกสิ่ง สงบนิ่งจิตรู้ทัน
     
  16. นายวิชัย มณีรัมย์

    นายวิชัย มณีรัมย์ สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2017
    โพสต์:
    670
    ค่าพลัง:
    +1
    ใจบุญล้น กุศลสร้าง สว่างจิต
    ใจเพ่งพิจ จิตพิจารณา หาสิ่งผล
    สิ่งทั้งหลาย สุขทุกข์โศก เกิดที่ตน
    สิ่งกุศล ผลบุญบาป เรารับกรรม
    จิตศรัทธา ใจมุ่งสร้าง ทางกุศล
    จงพาตน สู่สายกลาง ทางปฏิบัติ
    ค้นหาจิต ค้นหาใจ ให้เด่นชัด
    คือทางลัด รู้ใจจิต พิชิตมาร
    รู้อะไร ไม่สู้ รู้ใจจิต
    เห็นถูกผิด ที่จิตใจ เกิดเหตุผล
    แจ้งอะไร ไม่สู้ แจ้งจิตตน
    ตามเหตุผล สิ่งทั้งหลาย เกิดที่เรา
    เพราะมีเหตุ จึงมีปัจจัย เป็นแดนเกิด
    การที่จะดับ สิ่งทั้งหลาย ก็ต้องดับที่เหตุ โลก กุตตระ ธรรม อธรรม ฉันใดก็ฉันนั้น
    ก้าวย่างเดิน ไม่เต็มบาท ขาดสลึง
    รู้เห็นจึง แจ้งมัวหมอง จ้องสงสัย
    รู้แจ้งโลก มีทุกข์โศก เต็มจิตใจ
    กล่าวไปใย ธรรมปฏิบัติ ชัดแจ้งเรา
    ฝึกแต่เขลา เฝ้าปฏิบัติ ในสิ่งผิด
    ทั้งใจจิต ยึดมั่น สิ่งทั้งผอง
    รู้แจ้งโลก รู้แจ้งธรรม สิ่งตนมอง
    ธรรมทั้งผอง สิ่งถูกผิด มืดมิดใจ
    หวังแต่ได้ ไม่เอาเสีย เปรียบเหมือนเรือ
    ขาดสายน้ำ พระสัทธรรม ที่มืดบอด
    คือธรรมของผู้ไม่ปฏิบัติ รู้ตามเขาว่า เห็นตามเขาว่า เกิดปัญญา รู้แจ้งเหนือสิ่งใดๆ ในจักรวาลย์ มีแต่ได้ ไม่มีเสีย
    พอกพูนธรรมฝ่ายชั่ว ยกย่องตัว ว่าประเสริฐ เกิดแต่สิ่งชั่ว ยกย่องตัวว่าทำถูก พูดถูก คิดถูก เห็นถูก ในสิ่งทั้งหลายทั้งปวง ทั้งในโลก และจักรวาลย์
     
  17. นายวิชัย มณีรัมย์

    นายวิชัย มณีรัมย์ สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2017
    โพสต์:
    670
    ค่าพลัง:
    +1
    ทานศีลภาวนา มาบรรจบ จุติครบองค์
    อริยะชาติ คือนักปราชฌ์ สัมมาทิฐิ
    สมาธิปัญญาเกิด ประเสริฐใจ ตนในตน
    หลุดพ้นในวัฏสงสาร ประหารดับกิเลส ให้หมดศูนย์ เหตุและผลเกิดมี สว่างไสว ในใจตน เข้าถึงความหลุดพ้น สงบนิ่งไม่หว้่นไหวอย่างแท้จริง
    ทาน ศีล ภาวนาขาด เวียนเกิดในทุกชาติ คือนักปราชฌ์ มิจฉาทิฐิ
    สมาธิปัญญาดี มีจิตใจ วิ่งไปหลงในวัฏสงสาร
    กิเลสพอกพูนเกื้อหนุนในจิตใจ เหตุและผลมีแต่ความมืดบอด เห็นผิดเป็นถูก เห็นถูกเป็นผิด จิตใจเต็มไปด้วยสุขทุกข์ โลกทั้งโลกใจยึดครอง
     
  18. นายวิชัย มณีรัมย์

    นายวิชัย มณีรัมย์ สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2017
    โพสต์:
    670
    ค่าพลัง:
    +1
    ขอบคุณ(*ท่านเปาอย่างสูง ที่ท่านเมตตา อนุเคาะถามเหตุของวิบากกรรม เราขอตอบท่าน ด้วยจิตที่เที่ยงตรง มั่นคงในเรื่องวิบากกรรม
    วัวนางเขียวมีใจซื่อตรง ในผลของบาปบุญ เชื่อในเรื่องกฏแห่งกรรม จิตยึดมั่นเพราะหนี้เวร สมัยมีชีวิตเจ้าหนี้ทวงถามหนี้ ทวงแล้วทวงอีก เพราะเขาก็อยากได้เงินของเขา กลับคืนมา พอสิ้นใจลง
    จิตติดพันสิ่งที่เจ้าของหนี้ทวง จึงได้ไปเกิดเป็นวัวนางเขียว เพราะผลวิบากกรรม
    เจ้าของหนี้เมื่อเห็นลูกหนี้ตายไป ก็เกิดความสงสาร มีเมตตาเกิดขึ้นในกระแสจิต จึงอโหสิกรรมยกหนี้ให้ แต่ไม่เป็นผลเสียแล้ว เพราะเขาทำผิด จึงให้ผิด คนรับจึงไม่ได้รับผล ด้วยเหตุและผลของความจริง ถ้าเขายกหนี้ให้ตอนมีชีวิตอยู่ ทั้งผู้รับผู้ให้ย่อมได้ผลบุญทั้ง2ฝ่าย เหตุผลก็คือ เมื่อคิดถูกการกระทำก็ถูก เมื่อคิดผิดการกระทำก็ผิด
    วัวนางเขียวอโหสิกรรมทุกเรื่อง ยอมรับวิบากกรรมที่ต้องชดใช้ ไม่ได้อาฆาตอย่างที่ท่านเปาคิด ท่านเป็นถึงท่านเปา รู้เด่นชัดเรื่องวิบากกรรม อ่านเรื่องลาวแล้ว น่าจะเข้าใจเหตุผล เรื่องกฏแห่งกรรม ท่านปัญญาอ่อนมาก อย่าใช้ชื่อท่านเปา เพราะข้าพเจ้า นายวิชัย มณีรัมย์ มีความศรัทธาในปัญญาอันเที่ยงตรงของท่าน ตัดสินคดีความ ตามวิบากกรรม ผิดคือผิด ถูกคือถูก อย่าเห็นผิดเป็นถูก อย่าเห็นถูกเป็นผิด มันจะทำให้ท่านตายในสายหลักของปัญญา ที่เที่ยงตรง ถูกต้องตามความเป็นจริง ในเรื่องกฏแห่งกรรม
     
  19. นายวิชัย มณีรัมย์

    นายวิชัย มณีรัมย์ สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2017
    โพสต์:
    670
    ค่าพลัง:
    +1
    ไม่มีสมาธิใดมั่นคงเท่า สมาธิที่เกิดจากทาน ศีล ภาวนา ไม่มีปัญญาใด สว่างไสวเท่าปัญญา ที่เกิดจากทาน ศีล ภาวนา สมาธิ เป็นปัญญาแห่งความรู้แจ้ง อันเกิดจาก อริยะบุคคล ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ชัดแจ้งเด่นชัด ดุจดั่งแสงแห่งพระอาทิตย์ สว่างจ้าโชติช่วง ชัชวาลย์ ส่องสว่างถึงดวงจิตดวงใจ ที่อยู่ภายใน ไม่มีใครเห็น เป็นอริยะทรัพย์ ที่เกิดจากผู้ปฏิบัติโดยแท้ เกิดมีได้กับทุกๆท่าน ที่ปฏิบัติ มีความพรากเพรียร วิริยะอุตสาหะ สร้างสมความเพียร มีศรัทธาอันมั่นคง ต่อองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ในกาลทุกเมื่อ เกิดตามกาล รู้ตามกาล เห็นได้ตามกาล เห็นได้เฉพาะบุคคล จำเพาะเจาะจง ผู้ปฏิบัติ จงน้อมเข้ามาดู เอาเองเถิด ทุกสิ่งทุกอย่างในสายธรรม ก็จะเกิดในท่านผู้ประเสริฐทุกท่าน
    ปริยัติ ปฏิบัติ ปฏิเวช ในทานนำไปเกิดศีล ปริยัติ ปฏิบัติ ปฏิเวช ในศีลนำไปเกิดภาวนา ปริยัติ ปฏิบัติ ปฏิเวชในภาวนา นำไปเกิดสมาธิ ปริยัติ ปฏิบัติ ปฏิเวช ในสมาธิ นำไปเกิดปัญญา เกิดปัญญาใจจิตของผู้ปฏิบัติ เกิดปัญญาจิตใจ ของผู้ปฏิบัติ แสงธรรมหลั่งไหล จิตใจรู้เห็น พระสัทธรรมที่บริสุทธิ์ ตั้งสถิต ทั้งใจจิตเห็นรู้ สิ่งทั้งหลาย เวียนเกิดวัฏสงสาร ตามดูเพื่อรู้เห็น ปล่อยวาง สิ่งทั้งหลายเวียนดับ วัฏสงสารตามดูเพื่อรู้เห็น ปล่อยวาง
    ปล่อยวาง หรือไม่ปล่อยวางทุกสิ่งอย่าง เกิดที่ภายใน จิตใจใจจิตของผู้ปฏิบัติ
    ผู้เข้าถึงองค์ อริยะสัจจ์ จะรู้ได้เฉพาะตน ผู้โง่เขลา เที่ยวตามหาอริยะสงฆ์
    ที่อยู่ภายนอกตัวของเขา เป็นแต่ของผู้อื่น ผู้ฉลาดเผ้าตามหา องค์อริยะสัจจ์ ที่ใจจิตที่จิตใจ ที่อยู่ภายใน ตัวของเขาเอง

    หลักธรรมสอน ของนักปราชฌ์ ผู้ประเสริฐ นำก่อเกิด อริยะบุคคล ผู้ปฏิบัติ ชี้สายกลาง กล่าวบอกทาง อย่างแจ้งชัด สิ่งปฏิบัติ เกิดจากตน สิ่งหลุดพ้นใจจิตเรา อย่าหลงทาง หลงใจจิต คิดให้เห็น สิ่งที่เป็น สิ่งที่เกิด จากธาตุขันธ์ ทั้งใจจิต ทั้งจิตใจ อยู่ด้วยกัน สุขแปรผัน ทุกข์สับสน ตนคือเหตุ
    ดับเหตุก็ดับตน เกิดเหตุก็เกิดตน มีเหตุจึงมีผล ไม่มีเหตุจึงไม่มีผล
     
  20. นายวิชัย มณีรัมย์

    นายวิชัย มณีรัมย์ สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2017
    โพสต์:
    670
    ค่าพลัง:
    +1
    ใจจิตนี้ คือนักปราชฌ์ ผู้มีปัญญาอันประเสริฐ คืออริยะบุคคล ผู้ปฏิบัติ
    ธาตุทั้ง4 ขันธ์ทั้ง5 คือบ้านหลังใหญ่
    อันวิจิตรพิศดาร พรหมวิหารธรรม4 คืออาภรณ์ เครื่องประดับกาย เครื่องนุ่งห่ม อันวิจิตร สติปัฏฐาน4 คือรั้วบ้านอันวิเศษ มีเดชานุภาพ มหาศาลเหนือสิ่งใดๆ อริยะสัจจ์4 คือทรัพย์อันประเสริฐ มรรคมีองค์8 คือข้อปฏิบัติอันงดงาม มีความเที่ยงตรง เที่ยงธรรม ไม่เบียดเบียนใครๆ กฏไตรลักษณ์ คืออาวุธทรงคุณอันวิเศษมีอานุภาพมาก มีฤิทธานุภาพมากเหนืออาวุธใดๆในจักรวาลย์นี้
     

แชร์หน้านี้

Loading...