ติดตามสถานะการณ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.

  1. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,988
    ค่าพลัง:
    +97,149
    นายกฯ ยันทำ EIA โรงไฟฟ้าถ่านหินกระบี่ใหม่ ตั้งไตรภาคีคุย เซ็งโฆษกรัฐแจงไม่ได้เรื่อง
    เผยแพร่: 21 ก.พ. 2560 16:29:00
    [​IMG]

    นายกรัฐมนตรี ยันให้ทำรายงานผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมโรงไฟฟ้าถ่านหินกระบี่ใหม่ ถ้าทำไม่ได้ก็ไม่สร้าง ชง พ.ร.บ.คณะกรรมการระดับสูงเกี่ยวกับนโยบายยุทธศาสตร์ เพื่อให้รู้จะใช้ทรัพยากรอย่างไร ปัดถอยหลังแค่ชะลอให้มี กก.ไตรภาคี แนะใครไม่มีส่วนร่วมก็ร่วมเสีย ถ้าไม่มีไฟฟ้าใช้ก็ไม่รู้ ถ้าผ่านก็ได้ใช้งานปี 67 บอกไม่อยากดำเนินคดีกลุ่มต้าน ขออย่ายุแหย่ชาวบ้าน จวกสื่อไม่ศึกษาอย่ามาถาม ก่อนส่งเอกสารให้ทีมโฆษก เซ็ง "สรรเสริญ" ชี้แจงไม่ได้เรื่อง

    เมื่อเวลา 13.45 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ให้สัมภาษณ์ถึงการคัดค้านก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหิน จังหวัดกระบี่ว่า ได้ดำเนินการไปแล้วตามขั้นตอน ที่ผ่านมาต้องเข้าใจว่าเราให้มีการชะลอในเรื่องการทำรายงานผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ) ไว้ และวันนี้ไม่ต้องชะลอให้ไปศึกษาทำความเข้าใจกันใหม่ หากอีไอเอผลออกมาว่าทำไม่ได้ก็สร้างโรงไฟฟ้าไม่ได้ ทุกอย่างมีขั้นตอนทั้งการทำอีไอเอ และอีเอชไอเอ ขณะที่รัฐบาลก็เสนอเข้าไปที่รัฐสภา ใน พ.ร.บ.ให้มีคณะกรรมการระดับสูงเกี่ยวกับระดับนโยบายยุทธศาสตร์ เพื่อให้ทำอีไอเอเป็นโครงการ เพื่อให้รู้ว่าเราจะใช้ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้อย่างไร ทั้งการเกษตรและอุตสาหกรรม ต้องมีนโยบายด้านยุทธศาสตร์ขึ้นมา จึงจะมีแผนงานนโยบายลงมา และไปทำอีไอเอและอีเอชไอเออีกครั้งหนึ่ง

    “อย่าไปวิตกกังวล หรือมองว่ารัฐบาลถอยหลัง ซึ่งโครงการนี้จริงๆ มีมานานแล้ว เพียงแต่ชะลอให้มีคณะกรรมการ 3 ฝ่าย หรือที่เรียกว่าไตรภาคี และที่ผ่านมาอ้างว่าไม่ได้มีส่วนร่วมในไตรภาคีตอนนี้ก็ร่วมเสีย เดี่ยวเขาทำต่อก็ไปคุยกัน ทำได้ก็ได้ ทำไม่ได้ก็ไม่ได้ ก็ต้องไปหาวิธีการว่าจะทำอย่างไร เพราะรัฐบาลมีหน้าที่จัดหาพลังงานและแหล่งพลังงานให้กับประเทศ ถ้าทำไม่ได้ก็ไม่มีไฟฟ้าใช้ในอนาคตใครจะรับผิดชอบก็ไม่รู้เหมือนกัน ท้ายที่สุดจะกลับมาให้รัฐบาลนี้รับผิดชอบหรือเปล่า เพราะมีกฎหมายนี้มาตั้งแต่ปี 2550 อย่าหยิบยกมาเป็นประเด็นเลย พี่น้องเขากลับไปเขาพอใจแล้ว ก็ไปทำอีไอเอและอีเอชไอเอใหม่ ซึ่งต้องใช้เวลาเดิมถ้าทำผ่านจะใช้เวลาก่อสร้างกว่าจะได้ใช้งานประมาณปี 2565 ไม่ใช่ทำวันนี้ผ่านวันนี้แล้วพรุ่งนี้เสร็จ ปี 2565 โน้น ถ้าทำใหม่ต้องใช้เวลาอย่างน้อย 1 ปี ประมาณ 2566-2567 ถึงจะได้ใช้ หากสามารถสร้างได้ แต่จะทันต่อความต้องการการใช้ไฟฟ้าในพื้นที่ภาคใต้ฝั่งอันดามันหรือเปล่า ฉะนั้นไปดูรายละเอียดให้ดี” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

    พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า ส่วนกรณีกลุ่มเครือข่ายปกป้องอันดามันจากโรงไฟฟ้าถ่านหินมาชุมนุมหน้าทำเนียบรัฐบาลนั้น รัฐบาลนี้พยายามอย่างเต็มที่ที่จะรักษาความสงบเรียบร้อย การบังคับใช้กฎหมายก็ทำเท่าที่จำเป็น และเห็นว่าพี่น้องประชาชนเหล่านี้ยังมีความเข้าใจที่เป็นปัญหาอยู่ ดังนั้นจึงไม่อยากดำเนินคดีอะไรทั้งสิ้น จึงต้องมีมาตรา 44 ซึ่งสามารถจะปลดล็อคได้ ก็ส่งกลับไปหลังจากพูดจาทำความเข้าใจก็ถือว่าใช้หลักรัฐศาสตร์แล้ว ไม่ใช่เรื่องว่ากลัวหรือไม่กลัวมาตรา 44 ไม่เกี่ยว จะใช้ให้เต็มที่ไม่กลัวก็ให้รู้ไป เราก็อย่าไปยุงยงปลุกปั้นให้เขาปฏิบัติตามนี้

    “ของเดิมที่ทำไว้ยังตอบคำถามได้ไม่หมดทุกข้อ แล้วไปหยุดไม่ให้เขาทำต่อ วันนี้ก็ไปทำต่อ ทำได้ก็คือได้ มีตั้งหลายร้อยข้อที่จะต้องทำก็แค่นั้น ถ้าทำไม่ได้จะไปสร้างโรงไฟฟ้าแบบใหม่ที่ไหน ให้คุ้มค่ากับการลงทุน ตรงนี้สื่อต้องไปศึกษาข้อมูลรายละเอียดแล้วมาถามตน ไม่อ่านอะไรเลยแล้วเอาเหตุการณ์ต่อหน้าต่อตามาถาม มันไม่ใช่ ตนไม่ใช่รัฐบาลแบบนั้นจะตอบส่งเดชไม่ได้ วันนี้เอาไตรภาคีมาตั้งให้ รัฐบาลนี้ทำให้ทุกอย่าง และจะเอาอะไรอีก อย่าไปยุแหย่ประชาชนให้ขึ้นมา” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

    นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เรื่องโรงไฟฟ้าสื่อถ้าไม่อ่านอย่ามาถามตน ยินดีที่จะตอบทุกคำตอบ แต่ตอนนี้ยังตอบไม่ได้ว่าทำได้หรือไม่ ถ้าไม่ได้ก็ขาดไฟฟ้าไป ถ้าไม่ได้ก็ไม่ได้จะไปดันทุรังเสียเมื่อไร แต่ก็ต้องยอมรับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ของถามง่ายๆ ต้นทุนแก๊สถ้าซื้อไม่ได้จะเกิดอะไรขึ้น ประเทศไทยมีแก๊สเยอะหรือไม่ น้ำมันมีเยอะหรือไม่ วันหน้าถ้าต้องซื้อทั้งแก๊สทั้งน้ำมันจะมีปัญหาไหม เมื่อโลกเปลี่ยนแปลงราคาแก๊สสูงขึ้น พลังงานจะเดือดร้อนหรือไม่ รัฐบาลต้องคิดเผื่ออนาคต เช่น รถยนต์ จะต้องใช้พลังงานไฟฟ้าหรือไม่ ต้องพัฒนากันตั้งแต่วันนี้ แต่ไม่ได้หมายความว่าไปล้มเลิกรถแก๊ส รถน้ำมันในวันนี้มันไม่ใช่ แต่กลับเอาไปพันกันหมด

    “วันข้างหน้าถ้าค่าไฟฟ้าสูงขึ้น ก็ต้องไปบวกค่าไฟฟ้ามาอีก เพราะต้นทุนมันสูงขึ้น เพราะคงไม่มีอะไรได้มาฟรี วันนี้ต้องคิดว่าจะเอาอะไรมาเผาโดยที่ต้นทุนถูก ต้องฟังหลักการของทางราชการด้วย ถ้าคิดเองเออเองมันก็ผิด แล้วทำไม่ได้ใครจะรับ อย่าไปเขียนว่าตนอยากจะสร้าง เพราะจะสร้างหรือไม่สร้างไม่ใช่เรื่องของตน เพราะตนไม่ได้ประโยชน์ แต่ประเทศได้ประโยชน์ ผมทำเพื่อคนไทย ทำเพื่อประเทศไทยไม่ได้ทำเพื่อตัวเอง เพราะถ้าทำเพื่อตัวเองผมไม่เข้ามาหรอก นอนอยู่บ้านสบายกว่า” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

    ทั้งนี้ภายหลังแถลงข่าว พล.อ.ประยุทธ์ ส่งเอกสารการก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินให้กับทีมโฆษก เพื่อนำมาให้สื่ออ่านทำความเข้าใจ พร้อมกล่าวว่า “แสดงว่าการชี้แจงของโฆษกฯ ไม่ได้เรื่อง ผมพูดเองดีกว่า ชี้แจงอะไรไม่ได้เรื่องไม่เข้าใจสักอย่าง

    http://m.manager.co.th/Politics/detail/9600000018094
     
  2. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,988
    ค่าพลัง:
    +97,149
    จี้แก้กฎหมาย-ลดปัญหา'โรงไฟฟ้าชีวมวล' ชุมชนกำหนดที่ตั้ง-1เมกกะวัตต์ทำอีไอเอ หลายจว.มั่ว-ให้ผุดกลางหมู่บ้านมลพิษอื้อ

    วรลักษณ์ ศรีใย ศูนย์ข่าว TCIJ 30 เม.ย. 2555 | อ่านแล้ว ร
    รงไฟฟ้าชีวมวลได้ชื่อว่าเป็นพลังงานทางเลือก และเป็นความหวังอนาคตพลังงานของประเทศ แต่ปัจจุบันกลับสร้างปัญหาให้กับชุมชนหลายแห่งทั่วประเทศ นโยบายของโรงไฟฟ้าชีวมวลคือ เพื่อลดการใช้พลังงานเชื้อเพลิง น้ำมัน ก๊าซธรรมชาติ หรือถ่านหิน โดยรัฐบาลหันมาสนับสนุนการใช้เชื้อเพลิงจากกากหรือเศษวัสดุเหลือใช้จากการเกษตร ที่มีอยู่ตามชนบทของประเทศไทย ทั้งแกลบ ฟางข้าว ชานอ้อย ใบและยอดอ้อย เศษไม้ เส้นใย และกะลาปาล์ม กากมันสำปะหลัง ซังข้าวโพด กาบและกะลามะพร้าว ส่าเหล้า ขยะมูลฝอย น้ำเสียจากโรงงาน หรือมูลสัตว์ต่างๆ เนื่องจากประเทศไทยเป็นประเทศเกษตรกรรมอยู่แล้ว จึงมีศักยภาพสูงในการผลิตวัตถุดิบ

    ในปี 2544-2545 ประเทศไทยมีวัสดุเหลือใช้จากการเกษตรทั้งสิ้น 48,293,260 ตัน สามารถผลิตกระแสไฟฟ้าได้ 9,630 เมกะวัตต์ นับเป็นการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ และที่สำคัญโรงไฟฟ้าชีวมวลมีขนาดไม่ใหญ่มาก มลพิษจากการเผาไหม้น้อยกว่าโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่

    ด้วยปัญหาในการแปลงนโยบายไปสู่การปฏิบัติ ทำให้โรงไฟฟ้าชีมวลที่เกิดขึ้น มีปัญหาตามมา เช่น กฎหมายกำหนดว่า โรงไฟฟ้าชีวมวลที่มีกำลังการผลิตต่ำกว่า 10 เมกะวัตต์ ไม่ต้องทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ) ซึ่งช่องว่างของกฎหมาย ทำให้เกิดปัญหา เช่นที่ จ.ร้อยเอ็ด มีโรงไฟฟ้าชีวมวลที่มีกำลังการผลิตต่ำกว่า 10 เมกกะวัตต์ ติดกันถึง 3 โรง ตั้งอยู่กลางชุมชนทำให้เกิด “ฝุ่นดำ” คือ ฝุ่นจากโรงไฟฟ้าที่มาจากการเผากองแกลบดำที่กองไว้ และกองแกลบที่กองเตรียมไว้สำหรับเข้าสู่กระบวนการผลิต สร้างความเดือดร้อนให้ชาวบ้านเป็นอย่างมาก รวมไปถึงการแย่งชิงทรัพยากรโดยเฉพาะแหล่งน้ำจากชุมชน

    biomass-1.jpg

    สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (สช.) เปิดเวทีให้ชุมชนสะท้อนปัญหาผลกระทบที่เกิดขึ้นในพื้นที่ พร้อมทั้งเปิดโอกาสให้ได้แลกเปลี่ยนข้อมูลความคิดเห็นซึ่งกันและกันในทุกมิติ เพื่อนำไปสู่การขยายมุมมองการให้เหตุผลที่กว้างขวางมากยิ่งขึ้น และให้เห็นว่าข้อบกพร่องของนโยบายนี้คืออะไร และจะช่วยกันแก้ไขอย่างไร โดยเฉพาะกรณีของชุมชนที่ได้รับผลกระทบแล้ว เช่น จ.ร้อยเอ็ด และ จ.สุรินทร์ รวมถึงช่วยกันแสวงหามาตรการป้องกันผลกระทบ เพื่อมิให้เกิดขึ้นในพื้นที่อื่นๆอีก เช่น การพิจารณาความเหมาะสมที่ตั้งของพื้นที่ ที่อาจจะต้องควบคุมโดยข้อกำหนดของผังเมือง ความเหมาะสมของปริมาณวัตถุดิบที่จะนำมาใช้เป็นเชื้อเพลิง เพื่อลดผลกระทบจากการขนส่ง หรือการใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสม เพื่อเป็นเงื่อนไขในการพิจารณาประกอบในการให้ใบอนุญาต



    ระดมสมองแก้ปัญหาระบบไฟฟ้าชีวมวลทั้งนโยบายและปฏิบัติ



    น.พ.วิพุธ พูลเจริญ ประธานคณะกรรมการพัฒนาระบบและกลไกการประเมินผลกระทบด้านสุขภาพ กล่าวในการปาฐกถาว่า โรงไฟฟ้าชีวมวลมาจากแผนพลังงานทดแทน 15 ปี คือระหว่างปี 2551-2565 โดยเพิ่มการใช้พลังงานทดแทนร้อยละ 20 ให้เป็นพลังงานหลัก และลดการนำเข้าจากต่างประเทศ ซึ่งชีวมวลจะสามารถทดแทนได้ถึงร้อยละ 44

    อย่างไรก็ตาม แม้ว่าแผนโรงไฟฟ้าชีวมวลจะเป็นเรื่องที่ดี แต่เมื่อลงมาสู่การปฏิบัติกลับมีปัญหาเกิดขึ้นมาก โดยเฉพาะในเรื่องสุขภาพของประชาชน ซึ่งปัญหาที่เห็นได้ชัดเจน เช่น แผนพลังงานระดับประเทศที่กำหนดไว้ ไม่ได้ถูกแปลงสู่แผนการปฏิบัติในระดับภาคและท้องถิ่นอย่างเหมาะสม รวมถึงการเชื่อมโยงระหว่างศักยภาพการผลิตพลังงานชีวมวลในแต่ละพื้นที่ กับความต้องการใช้พลังงานของชุมชนและแผนอุตสาหกรรม และสิ่งสำคัญคือ ศักยภาพในการรองรับของพื้นที่ ทั้งด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ



    “วันนี้หลายพื้นที่มีโรงไฟฟ้าชีวมวลเกิดขึ้นและมีปัญหาตามมา ทำให้เกิดความขัดแย้งรุนแรงในพื้นที่ ซึ่งคงต้องหันกลับมาร่วมมือกันแก้ปัญหาว่า ในอนาคตอีก 10 ปีข้างหน้า เราจะช่วยกันแก้ปัญหาอย่างไร ชีวมวลไม่ใช่แค่พลังงานไฟฟ้าเท่านั้น แต่เป็นความอยู่รอดทั้งหมดของชุมชน ทุกคนต้องมีส่วนเกี่ยวข้อง”



    ทั้งนี้ประธานคณะกรรมการพัฒนาระบบและกลไกฯ กล่าวด้วยว่า ประเทศไทยควรจะมีการวางแผนพลังงานพอเพียง โดยจำแนกเป้าหมายรวมของการผลิตชีวมวลของประเทศไทย และมีการจัดวางเป้าหมายในระยะเวลา 15 ปี มีผู้รับผิดชอบชัดเจน นอกจากนี้ท้องถิ่นควรมีการวางขอบเขตพลังงานอย่างที่ควรจะเป็น เพื่อการผลิตพลังงานสำหรับใช้ในแต่ละพื้นที่ รวมถึงการวางผังเมืองให้สอดคล้องกับการผลิตและใช้พลังงาน

    biomass-4.jpg

    คนร้อยเอ็ดทนทุกข์เกือบ 10 ปีกับโรงไฟฟ้า 3 แห่ง

    จากนั้นเป็นการสะท้อนข้อมูลปัญหาต่างๆ ใน “เสียงจากชุมชน ผลกระทบต่อโรงไฟฟ้าชีวมวล” หนึ่งในเวทีแลกเปลี่ยนข้อมูลและผลกระทบจากโรงไฟฟ้าชีวมวล ทั้งที่สร้างแล้วและยังไม่ได้ก่อสร้าง กรณีที่ชัดเจนที่สุดคือ พื้นที่ต.เหนือเมือง อ.เมือง จ.ร้อยเอ็ด นายภูริธน นามลักษณ์ ในฐานะตัวแทนจากชุมชน เล่าว่า ร้อยเอ็ดเริ่มมีโรงไฟฟ้าชีวมวล เมื่อปี 2544 เป็นโรงไฟฟ้าขนาด 10 เมกกะวัตต์ บริเวณพื้นที่ 200 ตารางเมตร มีโรงไฟฟ้าถึง 3 โรง และเดินเครื่องแบบไม่มีพักเครื่อง

    กระทั่งปลายปี 2547 หลังจากโรงไฟฟ้าเปิดเดินเครื่องได้ประมาณ 2 ปี เกิดผลกระทบอย่างมาก มีฝุ่นละอองสีดำปลิวไปทั่วทั้งหมู่บ้าน ตกลงในจานข้าว เครื่องใช้ เสื้อผ้า โรงเรียนต้องหยุดเรียนหนึ่งสัปดาห์ ต้องสร้างหน้าต่างปิดในห้องเรียน นักเรียนต้องใส่ผ้าปิดจมูกเรียนหนังสือ แต่ชาวบ้านต้องอยู่ เพราะไม่ทราบว่าจะย้ายไปอยู่ไหน

    ปัญหาที่เป็นช่องโหว่ของโรงไฟฟ้าชีวมวลคือ การกำหนดโรงไฟฟ้าชีวมวลที่ 10 เมกะวัตต์ แต่ไม่มีการกำหนดจำนวนโรงในแต่ละพื้นที่ บทเรียนจากร้อยเอ็ดที่เกิดขึ้นคือ มีโรงไฟฟ้าชีวมวลถึง 3 โรงในพื้นที่เดียวกัน แต่ละโรงมีกำลังการผลิตไม่เกิน 10 เมกกะวัตต์ เป็นไปได้อย่างไรที่พื้นที่หนึ่งจะมีโรงไฟฟ้าถึง 3 โรง และที่สำคัญคือ โรงไฟฟ้าทั้ง 3 แห่ง ไม่มีชาวบ้านในพื้นที่เข้าทำงานแม้แต่คนเดียว เพราะคนที่ทำงานในโรงไฟฟ้าต้องจบวิศวกรรมไฟฟ้าเท่านั้น

    ‘บางคล้า’โอดกระทบมะม่วงพันธุ์ดี-ขาดทุนมาแล้ว 3 ปี

    ขณะที่ในพื้นที่ อ.บางคล้า จ.ฉะเชิงเทรา มีโรงไฟฟ้าชีวมวลขนาดใหญ่ประมาณ 474 เมกะวัตต์ น.ส.กอบมณี เลิศพิชิตกุล ผู้แทนชุมชน กล่าวว่า ปัญหาของพื้นที่บางคล้าคือ เดิมชาวบ้านส่วนใหญ่เป็นเกษตรกร มีสวนมะม่วง แต่ผลกระทบจากโรงไฟฟ้าชีวมวล ทำให้ผลผลิตมะม่วงลดลงกว่า 40 เปอร์เซ็นต์ของพื้นที่ปลูกมะม่วงทั้งหมด นอกจากนี้น้ำบ่อตื้นในพื้นที่ยังใช้ไม่ได้อีกด้วย ในขณะที่กำลังจะมีการสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินเพิ่มขึ้นมาอีก ชาวบ้านบางส่วนขายที่ดินให้กับบริษัทแล้ว เพราะทำนาไม่ได้ ซึ่งเป็นผลกระทบที่โยงมาจากโรงไฟฟ้าชีวมวล

    “ชาวบ้านกังวลเรื่องน้ำ เพราะทุกวันนี้การใช้น้ำในพื้นที่เต็มศักยภาพแล้ว ถ้ามีโรงไฟฟ้าอีก น้ำจะไม่พอใช้ ตอนนี้น้ำบ่อตื้นแทบจะใช้ไม่ได้แล้ว แปดริ้วเป็นแหล่งปลูกมะม่วงแหล่งใหญ่ของประเทศไทย จากกำไรปีละ 800,000 บาท แต่ 3 ปีที่ผ่านมาขาดทุนตลอด”

    อุบลฯยันไม่ได้ค้านแต่ศึกษาให้ดี อย่าแค่คิดเรื่องแพ้ชนะ

    หลังจากเสียงสะท้อนจากผู้แทนชุมชนในพื้นที่เกิดโรงไฟฟ้าชีวมวลแล้ว ในเวทียังมีผู้แทนจากชุมชนที่ได้รับผลกระทบจากโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าชีวมวล ซึ่งยังไม่เกิดขึ้นด้วย

    น.ส.สดใส สร่างโศก ผู้แทนจากอ.สว่างวีระวงศ์ จ.อุบลราชธานี เปิดเผยว่า บริเวณที่จะมีการก่อสร้างโรงไฟฟ้าชีวมวลมีพื้นที่ 150 ไร่ อยู่กลางหมู่บ้าน เป็นพื้นที่ของนายทุนที่กว้านซื้อไว้แล้ว ชาวบ้านส่วนหนึ่งสนับสนุนให้มีการก่อสร้าง เนื่องจากบริษัทนำผู้นำชุมชนไปดูงาน พร้อมกับบอกว่า หากมีการก่อสร้างโรงไฟฟ้าชีวมวล ชาวบ้านจะได้ขายแกลบ ใช้ไฟฟ้าฟรี และมีงานทำ

    biomass-3.jpg

    “ผู้เฒ่าผู้แก่ในหมู่บ้านไม่เห็นด้วย เพราะโรงไฟฟ้าจะตั้งอยู่กลางหมู่บ้าน ชาวบ้านจึงไปดูงานที่จ.ร้อยเอ็ด และพบว่า คนที่นั่นเจ็บป่วย เห็นผลกระทบที่เกิดขึ้น จึงจัดเวทีหาผู้เชี่ยวชาญไปให้ความรู้กับชาวบ้าน หลังจากนั้นชาวบ้านจึงทำหนังสือคัดค้าน ขอให้มีการศึกษาข้อมูลมากกว่านี้”

    น.ส.สดใสกล่าวต่อว่า แม้จังหวัดจะมีการตั้งคณะกรรมการเพื่อศึกษาถึงผลกระทบ และข้อดีข้อเสียของโรงไฟฟ้าชีวมวล แต่ในช่วงที่ประเทศกำลังเกิดความวุ่นวายทางการเมือง คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน หรือกกพ.ได้อนุมัติให้มีการก่อสร้างโรงไฟฟ้าชีวมวล ในจ.อุบลราชธานี ในขณะที่คณะทำงานที่จังหวัดตั้งขึ้นมา ยังไม่ได้มีการศึกษาความเหมาะสมแต่อย่างใด

    “เราไม่ได้ต่อต้านโรงไฟฟ้าชีวมวล แต่ควรคำนึงถึงชุมชนด้วย โรงไฟฟ้าจะอยู่กลางชุมชนได้อย่างไร คณะกำกับกิจการพลังงานมีอำนาจในการสั่งปิดโรงไฟฟ้า ควรจะสั่งปิดที่จ.ร้อยเอ็ด เพื่อแก้ปัญหาให้ได้ก่อนที่จะอนุมัติให้ก่อสร้างที่อื่น”

    น.ส.สดใสกล่าวอีกว่า ชีวมวลเป็นเรื่องของอนาคต หากเราจะไม่สร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ ดังนั้นวันนี้ยังมีเวลาเปิดโอกาสให้ชาวบ้านรับรู้ข้อมูล ได้เรียนรู้ร่วมกันว่า หากเกิดปัญหาขึ้นจะแก้ปัญหาได้อย่างไร ชาวบ้านไม่ได้ค้านโรงไฟฟ้า ที่สำคัญคือจะอยู่ด้วยกันได้อย่างไร ทั้งธุรกิจและชุมชน การต่อสู้เรื่องโรงไฟฟ้าชีวมวลไม่ใช่เรื่องของการแพ้ชนะ เรามีบทเรียนจากเขื่อนปากมูล การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ไม่ยอมแพ้ เพราะคิดว่าเป็นเรื่องการแพ้ชนะ เราพร้อมที่จะให้ความร่วมมือ ถ้ากกพ.ยอมถอยหลังมาทบทวนกับปัญหาที่เกิดขึ้น

    โวยโรงไฟฟ้าไม่จริงใจ-แจ้งจับชาวบ้าน‘เชียงราย’

    เช่นเดียวกับที่จ.เชียงราย นายบุญซ่น วงศ์คำลือ ผู้แทนจากจ.เชียงราย กล่าวว่า ขณะนี้อยู่ในขั้นเตรียมการเพื่อก่อสร้างโรงไฟฟ้าในพื้นที่ บริษัทไม่เคยให้ข้อมูลกับชาวบ้าน แต่ส่งตัวแทนเข้ามาขอซื้อที่ดิน โดยอ้างว่า จะสร้างโรงสีข้าวและรับซื้อข้าว แต่ตอนหลังมายอมรับว่า จะสร้างโรงไฟฟ้าชีวมวล ชาวบ้านจึงลุกขึ้นคัดค้าน และถูกแจ้งข้อหาแล้ว 4 คดี

    biomass-5.jpg

    “หลังจากคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงานอนุมัติโครงการ บริษัทไม่เคยเข้ามาให้ความรู้กับชาวบ้าน ว่าโรงไฟฟ้าดีหรือไม่ดี แต่จะไปพบกับแกนนำชุมชน มีการโทรศัพท์มาข่มขู่ชาวบ้านที่ไม่เห็นด้วย จนขณะนี้มีการฟ้องร้องดำเนินคดีกับชาวบ้านแล้ว 4 คดี โดยที่ชาวบ้านไม่รู้เรื่อง ล่าสุดศาลปกครองมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว โรงไฟฟ้าจึงยังไม่มีการดำเนินการใดๆ”

    นายบุญซ่นกล่าวว่า ชาวบ้านไม่ได้ตั้งเป้าคัดค้านโรงไฟฟ้า แต่โรงไฟฟ้าควรจะให้ข้อมูลผลดีผลเสีย การเข้ามาของโรงงานแสดงให้เห็นถึงความไม่จริงใจ และยังมีข้อมูลปัญหาจากโรงไฟฟ้า ในขณะที่ปัญหาหมอกควันในจ.เชียงราย เป็นปัญหาใหญ่ที่ยังแก้ไขไม่ได้ หากมีการสร้างโรงไฟฟ้าอาจจะทำให้มีปัญหามลพิษเพิ่มมากขึ้น ทำให้วิถีชุมชนเปลี่ยนไปด้วย

    ‘ยะลา’แฉขอซื้อที่ดินอ้างปลูกปาล์มแต่มาสร้างขวางทางน้ำ

    ด้านนายวีระ ภูพวก ผู้แทนจากจ.ยะลา กล่าวว่า ยะลามีโรงไฟฟ้าชีวมวล 1 โรง กำลังการผลิต 9.9 เมกกะวัตต์ ตั้งอยู่ระหว่าง 2 หมู่บ้านขวางทางเดินของน้ำ ทำให้น้ำท่วมสูงประมาณ 6 เมตรทุกปี และยังมีปัญหาฝุ่นละอองเพิ่มมากขึ้น ในขณะที่โรงไฟฟ้าใหม่กำลังจะสร้างในที่พักน้ำของชุมชน และหากมีการก่อสร้างจริง ชุมชนจะเดือดร้อนมาก

    “ยะลาเหมือนกับที่อื่นๆ คือบริษัทไม่เคยบอกความจริงว่า จะมาสร้างโรงไฟฟ้า แต่บอกว่าซื้อที่ดินเพื่อทำสวนปาล์ม ไม่มีการทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม ไม่เคยมีนักวิชาการลงมาให้ความรู้กับชาวบ้าน”

    biomass-6.jpg

    นักวิชาการชี้อุตสาหกรรมสกปรกจะมากขึ้น

    ดร.ชัชวาลย์ จันทรวิจิตร อาจารย์คณะเกษตรศาสตร์ ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยนเรศวร กล่าวถึงผลกระทบจากการก่อสร้างโรงไฟฟ้าชีวมวลว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นมาจากหลายด้าน มีทั้งเชิงนโยบายจากภาครัฐ และระดับโครงสร้าง ทั้งนี้ในระดับนโยบายไม่ได้มีการเตรียมตัวรับมือกับอุตสาหกรรม ในขณะที่อุตสาหกรรมจะเกิดกับประเทศเรามากขึ้น ประเทศที่เจริญแล้ว จะไม่ทำโครงการที่ส่งผลกระทบกับสิ่งแวดล้อม ดังนั้นอุสาหกรรมที่สกปรกจะมาประเทศไทยมากขึ้น โรงไฟฟ้าชีวมวลจะเกิดขึ้นตามความจำเป็นในด้านพลังงาน และจะต้องมีเกิดขึ้นอีก ซึ่งรัฐบาลต้องเตรียมการรองรับ เช่น เทคโนโลยี การจัดการความรู้ และโครงสร้างองค์กรรองรับ กฎหมาย กฎเกณฑ์ ที่ผ่านมาปัญหาที่พบคือ การจัดการที่ไม่เหมาะสม คือเมื่อมีการก่อสร้างโรงไฟฟ้าในพื้นที่ ทำให้ชาวบ้านเดือดร้อน ชาวบ้านจะร้องเรียนกับท้องถิ่น ท้องถิ่นจะส่งต่อมาที่จังหวัด จังหวัดจะส่งให้กระทรวงที่รับผิดชอบ ซึ่งเป็นระบบที่ซับซ้อน

    “ที่ผ่านมาเป็นเพราะโครงสร้างไม่สมดุลทำให้เกิดปัญหา หากรัฐบาลต้องการสนับสนุนให้เกิด แต่ไม่มีโครงสร้างหน่วยงานที่ควบคุมมารองรับ เพื่อแก้ปัญหาผลกระทบที่เกิดขึ้น ซึ่งโครงสร้างพื้นฐานปัจจุบันรองรับไม่ได้ ประเทศไทยยังขาดหน่วยงานที่ดูแลและจัดการเรื่องสิ่งแวดล้อมอย่างเต็มรูปแบบ ในขณะที่หน่วยงานสนับสนุนและคัดค้าน ป้องกันอยู่ในหน่วยงานเดียวกัน”

    แนะต้องทำอีไอเอตั้งแต่ 1 เมกกะวัตต์ หนุนกำหนดเป็นกิจกรรมอันตราย

    ทางด้าน นายศุภิจ นันทะวรการ นักวิชาการด้านพลังงาน มูลนิธินโยบายสุขภาวะ กล่าวว่า ปัจจุบันโครงการโรงไฟฟ้าชีวมวลทั้งหมด 306 โครงการ ในจำนวนนั้น 297 โครงการ ที่ไม่ต้องทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ) ซึ่งใน 306 โครงการนี้มีทั้งที่สร้างแล้ว อนุมัติให้สร้าง และโครงการอยู่ระหว่างการพิจารณา

    นายศุภกิจกล่าวถึงข้อเสนอสำหรับการพิจารณาอนุมัติโครงการโรงไฟฟ้าชีวมวล ในหลายประเด็น ประเด็นสำคัญคือเรื่องผังเมือง โดยระบุว่า พื้นที่ใดที่จะมีการก่อสร้างโรงไฟฟ้า ควรจะพิจารณาให้สอดคล้องกับร่างผังเมืองรวมของพื้นที่ โดยเฉพาะประเด็นการใช้ประโยชน์ที่ดิน นอกจากนี้ยังมีประเด็นระยะห่างที่กำหนดในระเบียบข้อบังคับ โดยกำหนดว่า โรงไฟฟ้าชีวมวลจะต้องห่างจากคอนโดมิเนียมหรือบ้านจัดสรรในระยะ 100 เมตร แต่ไม่มีการกำหนดระยะห่างกรณีของชุมชน ซึ่งควรจะมีการกำหนดให้เป็นมาตรฐานเพื่อบังคับใช้ก่อนพิจารณาอนุมัติโครงการด้วย

    “ที่สำคัญควรปรับข้อกำหนดการจัดทำอีไอเอจากเดิมโรงไฟฟ้าชีวมวลขนาดไม่เกิน 10 เมกกะวัตต์ไม่ต้องทำอีไอเอ ควรเปลี่ยนเป็นต้องทำอีไอเอตั้งแต่ 1 เมกกะวัตต์ รวมถึงให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นควรปรับข้อกำหนดให้โรงไฟฟ้าชีวมวล เป็นกิจกรรมที่เป็นอันตราย ตามพระราชบัญญัติการสาธารณสุขด้วย”

    นอกจากนี้ควรสร้างกระบวนการเรียนรู้ของชุมชนในพื้นที่ ด้วยการวางแผนพลังงานของจังหวัดร่วมกัน โดยความร่วมมือของทุกส่วนที่เกี่ยวข้อง ตั้งแต่ ประชาชน เอกชน หน่วยงานราชการ ภาควิชาการ เพื่อกำหนดแนวทางพลังงานของจังหวัด ก่อนจะตัดสินใจสร้างโรงไฟฟ้าชีวมวล

    biomass-7.jpg

    จี้รัฐบาลกำหนดกฎระเบียบ-หลักเกณฑ์ให้ชัดเจน

    ด้านนายสงกรานต์ ป้องบุญจันทร์ นักกฎหมาย จากโครงการนิติธรรมสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า จากที่ได้ฟังจากประชาชนในพื้นที่ สรุปได้ว่า โรงไฟฟ้าชีวมวลสร้างความขัดแย้งในพื้นที่ ตั้งแต่ก่อนที่จะก่อสร้าง โดยเฉพาะการเลือกพื้นที่ในการก่อสร้าง ชาวบ้านเห็นว่าพื้นที่ไม่เหมาะสม ในขณะที่หน่วยงานของรัฐและบริษัทที่จะก่อสร้างเห็นว่าควรสร้างในพื้นที่นั้น ในที่สุดชาวบ้านแพ้ ซึ่งเป็นการมองความเหมาะสมของพื้นที่จากคนละมุม คนกลางที่จะต้องเป็นผู้ตัดสินคือกฎหมาย

    “ที่ผ่านมาการมีส่วนร่วมของคนในพื้นที่หลายแห่ง มีการเปิดรับฟังความคิดเห็น แต่การสรุปหลังจากนั้นจะมี 3 แนวทางที่เห็นได้คือ พื้นที่เห็นด้วยและตกลงให้มีการก่อสร้าง พื้นที่ไม่เห็นด้วยจึงไม่มีการก่อสร้าง ข้อสุดท้ายคือ พื้นที่ไม่เห็นด้วยแต่หน่วยงานของรัฐคิดว่าปัญหาของชาวบ้านสามารถแก้ไขได้ จึงอนุมัติให้สร้าง อันนั้นจะเป็นปัญหา”

    ส่วนปัญหาที่เกิดหลังจากมีโรงไฟฟ้าแล้ว มาจากการที่ไม่มีมาตรการควบคุมที่เข้มแข็งจากหน่วยงานรัฐ ทำให้โรงไฟฟ้าลดต้นทุนการผลิต ผลกระทบจึงเกิดขึ้น นอกจากนั้นเข้ามาแก้ไขของหน่วยงานรัฐ ต้องเป็นกรณีที่ใหญ่และชัดเจน เช่น ขุดดินบ้านถล่ม แต่เพียงเรื่องฝุ่นละออง หน่วยงานของรัฐที่ดูแลรับผิดชอบจะเห็นว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย

    นายสงกรานต์กล่าวอีกว่า กฎเกณฑ์ที่ใช้บังคับในการดำเนินโรงไฟฟ้าชีวมวลยังเป็นปัญหา เช่นการพิจารณาพื้นที่ให้มีการก่อสร้างโรงไฟฟ้า ในขณะที่ผู้อนุมัติอนุญาตไม่มีกฎเกณฑ์ตายตัว ต้องใช้ดุลยพินิจในการพิจารณาตัดสินอนุมัติโครงการ โดยกฎหมายให้อำนาจ ที่ผ่านมายังไม่มีพื้นที่ไหนที่จะเหมาะสมในการก่อสร้างโรงไฟฟ้าชีวมวล ทุกพื้นที่ที่เกิดปัญหา ควรจะทำข้อเสนอให้มีการแก้ไขกฎหมายกฎเกณฑ์ ในการดำเนินการก่อสร้างโรงไฟฟ้าชีวมวลให้ชัดเจน อย่างชัดเจนและเป็นรูปธรรม ซึ่งรัฐบาลต้องดำเนินการ

    biomass-9.jpg

    เจ้าของโรงไฟฟ้าชี้ควรทำอีไอเอ-เลือกพื้นที่โดยชุมชน

    ด้าน นายนที สิทธิประศาสตร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอ.ที.ไบโอพาวเวอร์ จำกัด ในฐานะผู้ประกอบการโรงไฟฟ้าชีวมวล จ.พิจิตร กล่าวว่า ปัญหาผลกระทบจากโรงไฟฟ้าชีวมวล ที่เกิดขึ้นในพื้นที่ต่างๆนั้น ผู้ประกอบการต้องรับผิดชอบ แต่ขณะเดียวกันไม่ควรโทษเอกชนทั้งหมด เนื่องจากข้อกำหนด กฎเกณฑ์ต่างๆ ยังไม่มีความชัดเจน ซึ่งเมื่อไม่มีกฎเกณฑ์ ผู้ประกอบการจึงคำนึงถึงกำไรเป็นตัวตั้ง

    “ในฐานะที่ผมเป็นผู้บริหารโรงไฟฟ้าชีวมวล เห็นว่าทุกโครงการควรจะทำอีไอเอ แม้ว่าอาจจะเป็นเครื่องมือที่ไม่มีความหมาย แต่ยังเป็นกรอบทางกฎหมายที่ครอบคลุมบ้าง และที่สำคัญคือ การเลือกพื้นที่ที่เป็นปัญหามาก เอกชนไม่มีปัญหาหากรัฐจะเป็นผู้เลือกพื้นที่ให้ รัฐควรจะรับภาระในส่วนนี้ ด้วยการดูผังเมือง คุยกับคนในชุมชน ทั้งข้อดี ข้อเสีย และปัญหาที่จะเกิดขึ้น โดยให้เอกชนเป็นผู้ออกค่าใช้จ่าย ขณะเดียวกัน ผู้ประกอบการต้องจริงใจ โปร่งใส พูดความจริงกับชาวบ้าน ไม่ใช่ไปกว้านซื้อที่ดิน และบอกกับชาวบ้านว่าจะทำโครงการเกษตร แต่กลับสร้างโรงไฟฟ้า”

    ขณะที่ ผู้แทนจากองค์กรพัฒนาเอกชน นางวิจิตร ชูสกุล เครือข่ายพลังงานยั่งยืน จ.สุรินทร์ กล่าวว่า ขณะนี้สุรินทร์มีโรงไฟฟ้าแล้ว 2 โรง และกำลังจะเกิดขึ้นอีก 8 โรง จากการทำวิจัยในพื้นที่ สำรวจแกลบพบว่าแกลบที่มีอยู่ไม่เพียงพอสำหรับโรงไฟฟ้าที่เกิดขึ้นแล้ว และเป็นต้นทุนที่มีราคาถูก ซึ่งทรัพยากรในท้องถิ่นเป็นประเด็นสำคัญที่ต้องพิจารณา ที่ผ่านมาโรงไฟฟ้ามองข้ามความเป็นคนในพื้นที่ ประชาชนมีส่วนร่วมเพียงตอบคำถาม แต่ไม่มีส่วนร่วมในกระบวนการตัดสินใจ สุดท้ายนำไปสู่ข้อสรุปที่ว่า สร้างได้แต่มีแนวทางแก้ไข เราพูดถึงชีวมวล พลังงานสะอาด พลังงานทดแทน และต้องพูดถึงความเป็นธรรมของชุมชนด้วย เรารู้สึกเศร้าใจกับสิ่งที่คิดว่าเป็นทางเลือก เช่น โรงไฟฟ้าชีวมวล ซึ่งกระบวนการรับฟังความคิดเห็นไปไม่ถึงกระบวนการตัดสินใจ

    biomass-8.jpg

    ผังเมืองมั่วสับสนพื้นทีสร้างโรงไฟฟ้าทับที่ทำกิน

    ด้านนางภารณี สวัสดิรักษ์ เครือข่ายวางแผนและผังเมืองเพื่อสังคม กล่าวว่า โรงไฟฟ้าชีวมวลที่เกิดขึ้นแล้วที่มีทั้งที่ยังไม่ได้ผลิต ที่ได้รับการลงนามสัญญา และที่กำลังยื่นเรื่องขออนุญาตใหม่ ได้ขยายตัวเข้าไปในพื้นที่เกษตรกรรมและพื้นที่ชุมชนเกษตร จึงเป็นโจทย์ที่ท้าทายในการจัดการพื้นที่ และกำหนดการใช้ประโยชน์ที่ดิน เพื่อให้ชุมชนและการพัฒนาพลังงานทางเลือก สามารถดำเนินต่อไปโดยไม่ส่งผลกระทบต่อกันในทุกด้าน แม้ว่าโรงไฟฟ้าชีวมวลจะไม่ได้ถูกกำหนดพื้นที่ในผังเมืองก็ตาม แต่โรงไฟฟ้าชีวมวลจัดเป็นกิจกรรมอุตสาหกรรมการผลิตไฟฟ้า ซึ่งสามารถอยู่ในพื้นที่สีม่วงซึ่งเป็นพื้นที่อุตสาหกรรม

    อย่างไรก็ตามพบว่า ผังเมืองรวมจังหวัดที่ประกาศใช้แล้ว และอีกหลายจังหวัดที่รอการประกาศใช้ บางจังหวัดห้ามไม่ให้มีการสร้างโรงไฟฟ้าชีวมวลในพื้นที่ ซึ่งไม่ใช่พื้นที่อุตสาหกรรม หมายความว่า ไม่ให้มีการสร้างโรงไฟฟ้าในพื้นที่ชุมชนพักอาศัยและพื้นที่ชนบทเกษตรกรรม ในขณะที่บางจังหวัด ผังเมืองกำหนดให้สร้างโรงไฟฟ้าได้ ในพื้นที่ชนบทและเกษตรกรรม และพื้นที่อนุรักษ์ชนบทและเกษตรกรรม โดยไม่ระบุบริเวณที่ให้ทำได้ การกำหนดผังเมืองที่ไม่ชัดเจนและเปิดกว้างแบบนี้ จะเป็นช่องว่างทางผังเมือง ที่จะก่อให้เกิดการสร้างโรงไฟฟ้าชีวมวล ในพื้นที่ที่ไม่เหมาะสมและส่งผลกระทบต่อชุมชนในที่สุด

    ร่วมเป็นแฟนเพจเฟสบุ๊คกับ TCIJ ออนไลน์
    www.facebook.com/tcijthai

    http://www.tcijthai.com/news/2012/04/scoop/538
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 กุมภาพันธ์ 2017
  3. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,988
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ปอกเปลือก ทรราช
    สหรัฐส่งรองประธานาธิบดีไปไถค่าคุ้มครองจากสมาชิกแก๊งนาโต้: ความอดทนของสหรัฐมีจำกัดนะเฟ้ย พวกนาโต้รีบจ่ายมาซะดีๆก่อนสิ้นปีนี้
    ------------

    วันที่ 20 ก.พ.60 RT พาดหัวข่าวว่า "ความอดทนของสหรัฐจะยั่งยืนตลอดกาลหรอกนะ: เพ้นซ์สั่งให้นาโต้ควักกระเป๋าเพิ่มขึ้น ไม่งั้น..." (US patience 'won't endure forever': Pence tells NATO to spend more, or else)

    สหรัฐมีพันธกรณีต่อหุ้นส่วนนาโต้และอียู ยกเว้นเสียแต่ว่าเหล่าพันธมิตรจะรักษาสัญญาที่จะจ่ายเงินสำหรับการป้องกันตนเองภายในสิ้นปี 2017 นี้ นายไมค์ เพ้นซ์ รองประธานาธิบดีสหรัฐกล่าวระหว่างการเยือนกองบัญชาการนาโต้ในกรุงบรัสเซลส์

    ระหว่างที่ไปเยี่ยมกรุงบรัสเซลส์นั้น พล.อ. James Mattis รมว.กลาโหมสหรัฐได้พูดอย่างชัดเจนเกี่ยวกับความยุ่งยากของประชาชนชาวอเมริกันว่า ปัจจุบันนี้สหรัฐได้ให้การสนับสนุนด้านการเงินแก่นาโต้ถึง 70 เปอร์เซ็นต์ เพ้นซ์กล่าวกับผู้สื่อข่าวเมื่อวันจันทร์นี้ ในการแถลงข่าวร่วมกับพล.อ. Jens Stoltenberg เลขาธิการใหญ่ของกองทัพนาโต้

    "ผมไม่รู้หรอกว่าคำตอบมันคืออะไร หรือจะเป็นอย่างอื่น ผมรู้แต่ว่าความอดทนอดกลั้นของประชาชนชาวอเมริกันมีจำกัด" (I don’t know what the answer is to 'or else’, but I know that the patience of the American people will not endure forever.) เพ้นซ์กล่าว เมื่อนักข่าวถามว่าสหรัฐจะทำอย่างไรเป็นการเฉพาะหรือไม่ถ้าสมาชิกพันธมิตรนาโต้ล้มเหลวต่อเป้าหมาย (เบี้ยว หรือไม่เพิ่มงบกลาโหม)

    "มันเป็นเอกสิทธิ์ของผมที่จะแสดงการสนับสนุนอย่างเข้มแข่งต่อประธานาธิบดีทรัมปืและสหรัฐอเมริกาสำหรับนาโต้ และเหล่าพันธมิตรข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกของพวกเรา อเมริกาจะกระทำในส่วนของพวกเรา แต่การป้องกันของยุโรปต้องการความมุ่งมั่นของยุโรปมากพอๆกับเรา" รองประธานาธิบดีสหรัฐขู่นาโต้

    หลังจากเรียกความทรงจำให้กับนักข่าวว่าเหล่าผู้นำนาโต้ได้ตกลงว่าจะเพิ่มงบประมาณอย่างน้อย 2 เปอร์เซ็นต์ของ GDP ในกองทัพของแต่ละประเทศย้อนหลังไปในปี 2014 ในการประชุมสุดยอดที่เวลส์ (Wales) นายเพ้นซ์ได้ชี้ให้เห็นว่า หลายประเทศยังขาดแนวทางที่ชัดเจนและน่าเชื่อถือที่จะปฏิบัติให้บรรลุเป้าหมายขั้นต่ำ

    "หากพวกคุณยังไม่มีแผนการ ก็เลือกซักแผนสิ ขณะนี้โลกนี้ต้องการความเข้มแข็งและการเป็นผู้นำของนาโต้มากกว่าแต่ก่อน" เพ้นซ์กล่าว

    [ยกหางตัวเองอีกแล้วครับท่าน พวกนี้ต้องการจะเป็นผู้นำคนอื่น ต้องการจะล่าอาณานิคมเพิ่มขึ้น ต้องการจะส่งกองทัพของตนเองเข้าไปทั่วทุกมุมโลก แล้วอ้างว่าโลกต้องการนาโต้ ที่ถูกควรจะบอกว่าโลกต้องการให้นาโต้สลายตัวอย่างถาวรมากกว่ามั๊ง - ผู้แปล]

    + รัสเซียจะต้องแสดงความรับผิดชอบ
    ----------

    ในขณะที่กำลังพิสูจน์ถึงพันธกรณีของสหรัฐที่มีต่อพันธมิตร เพ้นซ์ได้อ่างถึงกองทัพสหรัฐที่ปัจจุบันนี้ประจำการอยู่ทั่วยุโรปตะวันออก "ในการสร้างความพยายามของรัสเซียที่จะวาดพรมแดนระหว่างประเทศใหม่โดยการใชักำลังกองทัพ"

    ในขณะที่กรุงวอชิงตันยังคงถือว่ารัสเซียต้องแสดงความรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ต่างๆในยูเครน เพ้นซ์กล่าวว่า ผู้นำสหรัฐจะ "คอยสวดมนต์ให้กับสันติภาพ" และได้เรียกร้องให้ "ทั้งสองฝ่ายปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงซึ่งได้เริ่มขึ้นแล้ววันนี้"

    [ส.ด.ไม่เคยเปลี่ยน พวกที่ไปทำให้ยูเครนเละเป็นโจ๊ก ยุยงปลุกปั่นให้ประชาชนเกิดความแตกแยกในยูเครนล้วนแล้วแต่มาจากแก๊งนาโต้นำโดยสหรัฐและอียูทั้งนั้น ใครอยู่เบื้องหลังการรัฐประหารของยูเครนในปี 2014? ก็สหรัฐและอียูตัวแสบนี่แหละ ใครคอยเชียร์และหนุนให้รัฐบาลกลางยูเครนใช้กำลังปราบปรามกบฏยูเครนตะวันออก? ก็แก๊งนาโต้อีกไม่ใช่หรือ? อ้อ… ใครขโมยทองคำ 20 กว่าตันของยูเครนไปช่วงที่เกิดความวุ่นวายในยูเครน? สหรัฐ!

    วันนี้รองประธานาธิบดีสหรัฐบอกว่า รัสเซียจะต้องแสดงความรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ต่างๆในยูเครน ถ้าสหรัฐต้องการจะให้รัสเซียแสดงความรับผิดชอบจริงๆ สหรัฐและอียูก็ถอยออกไปและให้รัสเซียเข้าไปจัดการสิ ก่อนที่สหรัฐและอียูจะเข้าไปสร้างความแตกแยกในยูเครน ทั้งรัสเซียและยูเครนก็รักกันดี ไม่มีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นเลย แต่พออียูปั่นหัวชาวยูเครนรุ่นใหม่ให้ปลุกกระแสอยากเข้าร่วมเป็นสมาชิกของอียูและนาโต้ เพื่อที่ว่านาโต้จะได้ยกกองทัพของตนเองเข้าไปประชิดชายแดนของรัสเซียโดยง่าย การตอบโต้จากรัสเซียจึงเกิดขึ้น - ผู้แปล

    + นาโต้เปลี่ยนมุกใหม่ ยกทัพประชิดชายแดนรัสเซียอ้างต้องการเป็นมิตร
    ------------

    [วันก่อนนี้นางแองเกล่า แมร์เคิล นายกรัฐมนตรีของเยอรมันกล่าวว่า "รัสเซียยังคงเป็นในเส้นแบ่งเขตแดนภายนอกและเป็นเพื่อนบ้านของพวกเรา และดิฉันจะไม่หยุดเรียกร้องให้มีการก่อตั้งความสัมพันธ์ที่ดีกับรัสเซีย แม้ว่าจะมีจุดยืนที่แตกต่างกันบ้าง สำหรับดิฉันแล้ว สิ่งนี้หมายถึงการเดินหน้าเพื่อให้เป็นไปตามกฎหมายที่กำหนดขึ้นโดยนาโต้และรัสเซีย ดิฉันคิดว่าท่านเลขาธิการของนาโต้จะมีการประชุมร่วมกันกับสภารัสเซีย-นาโต้" ผู้นำเยอรมันกล่าวเมื่อวันเสาร์นี้ในที่ประชุมเกี่ยวกับความมั่นคงที่มิวนิก (MSC) ประเทศเยอรมัน Sputnik รายงาน

    นายกฯหญิงของเยอรมันยังกล่าวถึงความต้องการร่วมมือกับรัสเซียในการต่อต้านขบวนการก่อการร้ายไอซิสด้วยว่า "พวกเราต้องการที่จะแสวงหาแนวทางร่วมในการต่อสู้ขบวนการก่อการร้ายไอซิส ณ จุดนี้พวกเราได้มีผลประโยชน์ร่วมกัน ที่ซึ่งพวกเราจะสามารถทำงานร่วมกันได้"

    เยอรมัน สหรัฐ และนาโต้ เคลื่อนกองทัพของตนองเข้าประชิดชายแดนของรัสเซีย ตอนแรกอ้างว่าเพื่อป้องกันภัยคุกคามจากรัสเซีย และเพื่อปกป้องพันธมิตรของตนเองในยุโรปตะวันออก รัสเซียก็จัดซ้อมรบครั้งใหญ่ในหลายพื้นที่ทั่วประเทศเพื่อตอบโต้การซ้อมรบของแก๊งนาโต้ใกล้รัสเซีย วันนี้นายกฯเยอรมันเล่นบทเจ้าแม่ปลาไหลดราม่าว่า ที่เยอรมันและนาโต้เคลื่อนกองทัพขนาดใหญ่เข้าใกล้รัสเซียนี้ก็เพราะต้องการจะมีสัมพันธ์ที่ดีกับรัสเซียนะ ในทางกลับกัน ถ้ารัสเซียเล่นมุกนี้บ้างเยอรมันและนาโต้อย่าร้องเจี๊ยกเชียวนะ

    ล่่าสุดวันที่ 19 ก.พ. 60 Sputnikรายงานข่าวว่า สหรัฐส่งทหาร 1,000 นายเข้าไปประจำการในโปแลนด์ อ้างว่าเพื่อยับยั้งภัยคุกคามจากรัสเซีย กรรม! นึกว่าจะเล่นมุกเดียวกับนางแมร์เคิลว่าเพราะต้องการจะเป็นมิตรกับรัสเซียซะอีก - ผู้แปล]

    The Eyes
    เพจ: ปอกเปลือก ทรราช
    https://www.facebook.com/fisont
    https://vk.com/theeyesproject
    21/02/2560
    ----------
    https://www.rt.com/usa/377972-pence-nato-russia-ukraine/
    https://www.rt.com/usa/377453-nato-mattis-increase-spending/
    https://www.rt.com/usa/377791-pence-trump-iran-nuclear/
    https://www.rt.com/news/377789-merkel-russia-eu-relations/
    https://sputniknews.com/…/201702181050815090-russia-merkel…/
    https://sputniknews.com/…/201702191050841466-us-soldiers-p…/
    http://tass.com/world/931589

    16832340_1943601149193349_6669702821530668530_n.jpg

    16830669_1943601005860030_6587579020843400556_n.jpg


    16832089_1943600965860034_5321259283740339206_n.jpg
    16681498_1943601365859994_6385077883627427157_n.jpg
     
  4. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,988
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ปอกเปลือก ทรราช
    คลิปข่าวไมค์ เพ้นซ์ รองประธานาธิบดีสหรัฐไถเงินนาโต้ จ่ายมาซะดีน้อง ความอดทนของสหรัฐมีจำกัดนะเฟ้ย! ครั้นจะบอกว่าตอนนี้สหรัฐถังแตก ช่วยจ่่ายงบกลาโหมหน่อยเถอะ ก็อายเขานิ
    ---------------------
    https://www.youtube.com/watch?v=JgsjCB768SA
     
  5. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,988
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ปอกเปลือก ทรราช
    คำคมท่านทูต Vitaly Churkin ผู้ล่วงลับของรัสเซียประจำสหประชาชาติ
    ------------
    1.) 29 สิงหาคม 2008 นาย Vitaly Churkin ตอบโต้นาย Zalmay Khalilzad เอกอัครราชทูตสหรัฐประจำยูเอ็นกรณีประณามรัสเซียว่ารุกรานจอร์เจียว่า "ผมใคร่จะถามผู้แทนที่เคารพของสหรัฐว่า ท่านได้พบอาวุธทำลายล้างสูงในอิรัคแล้วหรือยังครับ หรือว่าท่านยังคงควานหาอยู่?"
    2.) 3 กุมภาพันธ์ 2017 : "คืนหมู่เกาะ Malvinas (Falkland Islands ที่อังกฤษยึดไปจากอาเจนติน่า) คืนแหลมยิบรอนต้า (Gibraltar ที่อังกฤษยึดไปจากสเปน) ก่อนสิ จากนั้น บางทีมโนธรรมของคุณอาจจะชัดเจนขึ้นมาบ้าง และคุณถึงควรจะหารือในประเด็นอื่น"
    เอกอัครราชทูต Vitaly Churkin ของรัสเซียประจำยูเอ็นกล่าวตอบโต้นาย Matthew Rycroft เอกอัครราชทูตอังกฤษประจำสหประชาชาติที่เรียกจุดยืนของรัสเซียต่อยูเครนว่า "ตรงกันข้ามกับความเป็นจริง" และในการตอบโต้ต่อนาง Nikki Haley เอกอัครราชทูตของสหรัฐประจำสหประชาชาติที่เรียกร้องให้รัสเซียคืนเกาะไคร์เมียให้ยูเครน
    "ประชาชนชาวไคร์เมียได้แสดงเจตจำนงค์ของพวกเขาอย่างชัดเจนในการทำประชามติ" ทูตรัสเซียบอกนาง Haley โดยชี้ให้เห็นว่ารัฐธรรมนูญสหรัฐเริ่มต้นด้วยวลีที่ว่า "พวกเรา ประชาชน" (We, the people.)
    3.) 6 กุมภาพันธ์ 2014 : "และหล่อนเองก็ไม่ได้เข้าร่วมกับพวกเขา (ม็อบจิ๋มจลาจล Pussy Riot) ใช่ไหมหละ? บางทีพวกเขาน่าจะจัดทัวร์ระดับโลก: St. Peter's Cathedral ในกรุงโรม เม็กกะในซาอุดิอาระเบีย และ Wailing Wall ในเยรูซาเล็มด้วยเลย"
    ทูต Churkin ตอบโต้นาง Samantha Power อดีตเอกอัครราชทูตสหรัฐประจำยูเอ็นอย่างเผ็ดร้อน หลังจากหล่อนพูดถึงการประชุมของสมาชิกขบวนการ "จิ๋มจลาจล" (Pussy Riot) เมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2014 (ปีนี้สหรัฐจัดม็อบ "จิ๋มสีชมพู" (Pink Pussy) แทน)
    4.) 13 ธันวาคม 2016 : "สุนทรพจน์ของผู้แทนสหรัฐเป็นเรื่องที่แปลกประหลาดมากสำหรับผม หล่อนกล่าวสุนทรพจน์ประหนึ่งว่าหล่อนเป็นแม่ชีเทเรซ่าซะเอง"
    ท่านทูตแสดงความคิดเห็นต่อการกล่าวสุนทรพจน์ที่เต็มไปด้วยการใช้อารมณ์ของนาง Power เกี่ยวกับสถานการณ์ด้านมนุษยธรรมในจังหวัดอะเลปโป ที่ซึ่งพวกกบฏที่ได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐกำลังพ่ายแพ้ให้กับกองทัพฝ่ายรัฐบาลซีเรียซึ่งได้รับการสนับสนุนจากรัสเซีย
    ตอนที่พวกกบฏและผู้ก่อการร้ายยังอยู่ในอะเลปโปตะวันออก ทั้งสหรัฐ อียู นาโต้ ยูเอ็น ต่างก็ดิ้นจะเป็นจะตายที่จะส่งความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมไปให้พวกโจรเหล่านั้นโดยอ้างประชาชน แต่หลังจากที่กองทัพฝ่ายรัฐบาลซีเรียและรัสเซียถีบพวกโจรกบฏและผู้ก่อการร้ายออกจากอะเลปโปตะวันออกได้แล้ว กลับไม่เห็นหัวของพวกที่ออกมาเรียกร้องเรื่องการให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมเหล่านั้นก่อนหน้านี้เลย มีแต่รัสเซียและพันธมิตรของรัสเซียเท่านั้นที่ส่งทีมแพทย์ ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม และหน่วยเก็บกู้วัตถุระเบิดเข้าไปในพื้นที่ จนป่านนี้สหรัฐและอียูก็ยังไม่ได้ส่งขนมปังซักชิ้น หรือข้าวซักเม็ดเข้าไปในอะเลปโปตะวันออกเลย พิลึกไหมนั่น?
    5.) 27 ตุลาคม 2016 : "ถ้าผมต้องการฟังเทศนา ผมก็จะไปที่โบสถ์ หากผมต้องการฟังบทกวี ผมก็จะไปที่โรงละคร"
    ท่านทูต Churkin ตอบโต้รายงานเกี่ยวกับสถานการณ์ในอะเลปโปของนาย Stephen O’Brien ปฏิบัติหน้าที่เลขาธิการผู้ประสานงานกิจการด้านมนุษยธรรมและการให้ความช่วยเหลือบรรเทาทุกข์ฉุกเฉิน "กรุณาให้ข้อเท็จจริงกับเราซักอย่างเถอะครับ หรือไม่ก็เก็บเรื่องเล่าแบบนี้ไว้สำหรับการเขียนนวนิยายที่คุณอาจจะเขียนในภายหลังก็ได้" ทูต Churkin กล่าว
    6.) 11 พฤษภาคม 2016 : "บุคคลไม่ควรตัดผ้าห่มภูมิรัฐศาสตร์ใหม่ ด้วยการหันไปใช้กำลังกับรัฐบาลที่มีความชอบธรรมเหมือนที่เกิดขึ้นในยูเครน"
    ท่านทูต Churkin พูดในที่ประชุมสมัชชาใหญ่สหประชาชาติ เมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม 2016 โดยเรียกร้องให้บรรดาผู้นำโลกจดจำหลักการพื้นฐานขององค์กรแห่งนี้ไว้
    The Eyes
    เพจ: ปอกเปลือก ทรราช
    https://www.facebook.com/fisont
    https://vk.com/theeyesproject
    21/02/2560
    ----------
    https://www.rt.com/news/378041-vitaly-churkin-top-quotes/

    16830870_1943614112525386_4746622312804384224_n.jpg

    16832148_1943614189192045_2905607293117540290_n.jpg

    16831167_1943614145858716_2070000038985047795_n.jpg

    16831188_1943614439192020_3981871655645835169_n.jpg

    16832325_1943614182525379_1530926513558650036_n.jpg

    16807511_1943614235858707_6065681872990770780_n.jpg
     
  6. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,988
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ปอกเปลือก ทรราช
    กลาโหมรัสเซียสวนกลับกลาโหมอังกฤษกรณีลิเบีย: ไม่มีสัตว์ตัวใดในสวนสัตว์ตะวันตกที่จะมาสั่งให้หมีวิ่งไปมาได้หรอกนะ
    ------------

    วันที่ 21 ก.พ.60 TASS พาดหัวข่าวว่า "รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมเตือนว่าไม่มีสัตว์ตัวใดในสวนสัตว์ของตะวันตกที่จะมาเป็นเจ้านายสั่งให้หมีวิ่งไปรอบๆได้" (Defense minister warns 'no animals in Western zoos able to boss the bear around') รมว.กลาโหมรัสเซียเตือนอีกว่า "คำโบราณกล่าวเอาไว้ว่า: สิงโตทุกตัวล้วนเป็นแมวชนิดหนึ่ง แต่ไม่ใช่ว่าแมวทุกตัวจะเป็นสิงโต"

    "บรรดาสวนสัตว์ของตะวันตกขาดสัตว์ที่สามารถสั่งให้รัสเซียทำอะไรต่างๆ" พล.อ. Sergey Shoigu รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมรัสเซียตบนาย Michael Fallon รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมสหราชอาณาจักรเมื่อวันอังคารนี้ ที่ออกมาเตือนกรุงมอสโคว์ให้ถอน "อุ้งตีน" ออกจากลิเบีย [เป็นไงบ้างครับคุณ Michael Fallon รสชาติอุ้งตีนหมีรัสเซียอร่อยถูกปากไหมครับ? - ผู้แปล]

    "หากพวกเราเดินหน้าคุยกันเกี่ยวกับเรื่องสัตว์ต่อไป... พวกเขาจะใช้อะไรเป็นสัญลักษณ์หละ สิงโตอย่างนั้นหรือ? ก็เหมือนกับคำโบราณที่กล่าวไว้ว่า: สิงโตทุกตัวเป็นแมว แต่ไม่ใช่ว่าแมวทุกตัวจะเป็นสิงโต ให้ทุกคนจัดการแก้ไขปัญหาของพวกเขาด้วยตัวเขาเองสิ เราไม่คิดว่าสวนสัตว์ของพวกเราจะมีสัตว์ตัวใดที่สามารถออกคำสั่งให้หมีวิ่งไปรอบๆได้นะครับ" ท่านพล.อ.ซอยกูกล่าวกับนักศึกษาที่สถาบันความสัมพันธ์ระหว่างประเทศแห่งชาติกรุงมอสโคว์ในพิธีเปิดงานสัมนาเยาวชน

    ในการพูดในที่ประชุม Munich Security Conference (MSC) เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว นาย Michael Fallon รมว.กลาโหมอังกฤษได้ออกมาเตือนรัสเซียว่าไม่ให้แทรกแซงลิเบีย

    "ปูตินกำลังทดสอบตะวันตก เขากำลังทดสอบเหล่าพันธมิตร พวกเราไม่ต้องการให้หมีประทับรอยเท้าของเขาลงที่นั่น" นาย Michael Fallon เน้นย้ำ

    [แสบไหมหละ พวกผู้ดีเทียม! ทบทวนความจำกันหน่อยนะครับ พันธมิตรนาโต้นำโดยสหรัฐ ซึ่งรวมทั้งอังกฤษด้วยได้ยกกองทัพขนาดใหญ่ทั้งทางบก ทางน้ำ และอากาศเข้าไปถล่มประเทศลิเบียในวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2011 อ้างว่าเพื่อโค่นล้มรัฐบาลจอมเผด็จการกัดดาฟี่และเผยแพร่ประชาธิปไตยแบบตะวันตกให้ประชาชนชาวลิเบีย ใช้เวลาในการทำสงครามถึง 8 เดือนกว่า

    ผลก็คือแก๊งนาโต้สามารถสังหารกัดดาฟี่ได้สมใจปรารถนา ประชาชนทั้งประเทศเกิดความแตกแยก มีกลุ่มติดอาวุธหัวรุแรงตั้งแก๊งขบวนการก่อการร้ายขึ้นมานับจำนวนแก๊งไม่ถ้วน พวกนักการเมืองแย่งชิงอำนาจกันแบ่งเป็นสองรัฐบาล สองเมืองหลวง ลิเบียหนึ่งในสมชิกเศรษฐีน้ำมัน OPEC กลายเป็นประเทศอกแตก อยู่ในภาวะล้มละลาย ประชาชนอพยพหนีภัยสงครามและความรุนแรงไปยังยุโรป ไอซิสเข้่าไปแทรกในลิเบีย จนป่านนี้ก็ยังไม่พบคำว่า "ประชาธิปไตย" ในลิเบียเลย

    นั่นคือขี้ที่แก๊งนาโต้และพวกตะวันตกทิ้งไว้ในลิเบียด้วยวาทกรรมที่สวยหรูว่า ปฏิวัติลิเบียบ้าง ปฏิวัติสีบ้าง อาหรับสปริงบ้าง โค่นเผด็จการสร้างประชาธิปไตยบ้าง แต่ในความเป็นจริงอีกอย่างหนึ่งก็คือ พวกนักล่าเหล่านั้นได้เข้าไปฮุบน้ำมันดิบของลิเบียเรียบร้อยแล้ว ลิเบียกลายเป็นแหล่งปล่อยน้ำมันเถื่อนราคาถูกที่ใหญ่ที่สุดในโลกในตอนนี้ก็ว่าได้ หลังจากที่สุมหัวกันรุมกินโต๊ะลิเบียและทำให้ลิเบียเละเทะจนถึงปัจจุบัน วันนี้อังกฤษทำทีเป็นโฮ่งใส่รัสเซียว่า "อย่าแทรกแซงลิเบียนะเฟ้ย" ใครกันแน่ที่ "แทรกแซง" ลิเบียและทำให้ลิเบียฉิบหาย?

    สาเหตุที่อังกฤษและแก๊งนาโต้ออกมาโฮ่งๆใส่หมีรัสเซียก็เพราะว่า พักหลังนี้รัฐบาลกรุง Tripoli ของลิเบียได้เรียกร้องให้รัสเซียช่วยเข้าไปจัดการเก็บกวาดพวกขบวนการก่อการร้ายแก๊งต่างๆในลิเบียถี่ขึ้น

    ล่าสุดวันที่ 9 ก.พ.60 Sputnik พาดหัวข่าวว่า "ไม่มีใครที่จะสามารถทำสิ่งนั้นได้: อิตาลี่ขอความช่วยเหลือจากรัสเซียในการแก้ไขวิกฤตในลิเบีย" ('No One Else Can Do That': Italy Seeks Russia's Help in Resolving Libyan Crisis)

    รายงานข่าวบอกว่า รัสเซียกำลังได้รับการร้องขอให้รับบทบาทที่สำคัญในการทำให้ลิเบียมีเสถียรภาพ บทความใน The Times กล่าว หนังสือพิมพ์ฉบับนี้รายงานว่า อิตาลีกำลังหันไปขอความช่วยเหลือจากรัสเซีย ในการแก้ไขวิกฤตคนเข้าเมืองในยุโรปที่ทะลักมาจากผู้ลี้ภัยชาวลิเบีย

    นาย Mario Giro รมช.ต่างประเทศของอิตาลี่กล่าวว่า "อิตาลีมีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับรัสเซียเสมอ และขณะนี้พวกเราก็ต้องการให้ลิเบียสงบและเป็นเอกภาพ พวกเราจะยินดีเป็นอย่างยิ่ง ถ้ารัสเซียต้องการเช่นนั้น" หนังสือพิมพ์ The Times ของอังกฤษรายงาน

    วันเดียวกันนี้ The Guardian ของอังกฤษรายงานว่า "บรรดานักการทูตของยุโรปกำลังพยายามครั้งสุดท้ายเพื่อปรามไม่ให้รัสเซียให้ความช่วยเสริมความเข้มแข็งให้นายพล Khalifa Haftar เพื่อยึดอำนาจกองทัพทั้งหมดในลิเบีย" พล.อ. Khalifa Haftar เป็นผู้นำกองทัพของรัฐบาลกรุง Tobruk ฝั่งตะวันออกของลิเบียเคยขอความช่วยเหลือจากรัสเซียให้เข้าไปช่วยแก้ไขวิกฤตในลิเบียเมื่อปลายปีที่แล้ว

    และเมื่อเดือนที่แล้ว ตอนที่กองเรือบรรทุกเครื่องบิน Admiral Kuznetsov และเรือรบของรัสเซียกำลังจะเดินทางกลับบ้านจากทะเลเมดิเตอร์เรเนียนหลังเสร็จสิ้นภารกิจในการต่อต้านพวกไอซิสในซีเรีย พล.อ. Khalifa Haftar คนนี้ก็ได้เดินทางไปเยี่ยมชมเรือบรรทุกเครื่องบิน Admiral Kuznetsov ของรัสเซียในทะเลเมดิเตอร์เรเนียด้วย คาดว่าคงจะมีการพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องอาวุธและความร่วมมือระหว่างลิเบียกับรัสเซียด้วย

    นั่นแหละคือหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้แก๊งนาโต้นั่งไม่ติด รีบออกมาขู่รัสเซียว่าอย่าแหยมลิเบียของข้านะเฟ้ย! ล่าสุดวันที่ 21 ก.พ.60 TASS พาดหัวข่าวว่า "บริษัท Rosneft ของรัสเซียและบริษัทน้ำมันแห่งชาติของลิเบียได้ลงนามในข้อตกลงกรอบความร่วมมือกัน" (Russian Rosneft, Libyan National Oil Corporation ink cooperation framework agreement)

    รายงานข่าวบอกว่า Rosneft ของรัสเซียและ NOC ของลิเบียได้ลงนามในกรอบความร่วมมือในการลงทุนของบริษัท Rosneft ในภาคอุตสาหกรรมน้ำมันของลิเบียซึ่งรวมถึงการสำรวจและผลิตด้วย งานนี้เสร็จรัสเซียอีกแล้วครับท่าน ฮ่าๆ "หมีเปล่านะ เขามาเอง..." ฮี่ๆๆ นาโต้ดิ้นสิครับคราวนี้ ในอดีตนั้นลิเบียกับโซเวียตเคยเป็นพันธมิตรกันมาก่อน และโซเวียตก็เคยมีฐานทัพเรือของตนเองในกรุง Tripoli และ เมือง Tobruk ด้วย วันหนึ่งอาจจะได้เห็นรัสเซียกลับไปทวงตำแหน่งในลิเบียคืนแบบในซีเรียก็ได้ - ผู้แปล]

    The Eyes
    เพจ: ปอกเปลือก ทรราช
    https://www.facebook.com/fisont
    https://vk.com/theeyesproject
    22/02/2560
    ----------
    http://tass.com/politics/932135
    https://sputniknews.com/…/201702211050902082-fallon-shoigu…/
    https://sputniknews.com/…/201702211050911638-daesh-corrupt…/
    https://sputniknews.com/…/201702211050897619-russia-libya-…/
    https://sputniknews.com/…/201702171050802119-fallon-russia…/
    https://www.rt.com/news/378184-russia-uk-shoigu-fallon/
    https://www.rt.com/ne…/377750-arab-spring-anniversary-lybia/
    https://sputniknews.com/…/201702091050513465-russia-libya-…/
    http://www.thetimes.co.uk/…/russia-urged-to-intervene-in-li…
    https://www.theguardian.com/…/eu-russia-broker-libya-khalif…
    https://www.theguardian.com/…/libyan-general-khalifa-haftar…
    https://www.rt.com/news/378184-russia-uk-shoigu-fallon/
    http://tass.com/economy/932057

    16864121_1943880772498720_6035749161379415775_n.jpg

    16865215_1943880695832061_6785033564303985447_n.jpg

    16864708_1943880659165398_2080286187137735962_n.jpg

    16831157_1943880959165368_8911449662860228763_n.jpg

    16864553_1943880729165391_4277163030784814278_n.jpg

    16832065_1943880779165386_6592710850814560325_n.jpg

    16831874_1943880829165381_6723491277574018470_n.jpg

    16807373_1943880855832045_6800348013103108186_n.png
     
  7. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,988
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ปอกเปลือก ทรราช
    นาง Le Pen ผู้แข่งขันชิงตำแหน่งประธานาธิบดีฝรั่งเศสบอกยกเลิกการเดินทางไปพบผู้นำสูงสุดทางศาสนในเลบานอน หลังถูกขอร้องให้สวมผ้าฮิญาบ
    ------------

    โบราณว่า "เข้าเมืองตาหลิ่ว ต้องหลิ่วตาตาม" และถ้าไม่อยากหลิ่วตา ก็ไม่ต้องเข้าไปในเมืองตาหลิ่วสิ เรื่องของหญิงต่างศาสนาที่ไม่ใช่ชาวมุสลิมที่จะเดินทางไปยังตะวันออกกลางซึ่งประชากรส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลามกับการปฏิเสธคลุมศรีษะด้วยผ้าฮิญาบตามกฎระเบียบทางศาสนาอิสลาม ถือว่าเป็นการไม่ให้เกียรติเจ้าบ้าน หรือว่าเป็นการต่อต้านการกดขี่ผู้หญิงและเป็นเรื่องของศักดิ์ศรีของประเทศกันแน่?

    วันที่ 21 ก.พ. 60 Sputnik พาดหัวข่าวว่า "นางเลอ แปง ปฏิเสธสวมผ้าคลุมศรีษะ จุดประเด็นการถกเถียงในการเดินทางไปเยือนเลบานอน" (Le Pen Refuses Headscarf, Stirs Controversy in Lebanon Visit)

    นักการเมืองหญิงชาวฝรั่งเศสผู้สมัครแข่งขันชิงตำแหน่งประธานาธิบดีได้ยกเลิกการเดินทางไปพบกับ Sheikh Abdul Latif Derian ซึ่งเป็น Grand Mufti แห่งเลบานอนเมื่อวันอังคารนี้ เนื่องจากถูกกำหนดให้ต้องสวมผ้าคลุมศรีษะในขณะเข้าพบกับผู้นำทางศาสนา

    เดิมทีนางเลอ แปง มีกำหนดเดินทางไปเยือนเลบานอนเป็นเวลาสองวัน หนึ่งในประเทศที่มีความหลากหลายทางศาสนามากที่สุดในโลก ประชากรของชาวชีอะห์และชาวซุนนี (มุสลิม) มีขนาดพอๆกัน กล่าวคือประชาชนชาวเลบานอนที่นับถือศาสนาอิสลามมี 54% เป็นชีอะห์ 27% และเป็นซุนนี 27% มีผู้นับถือศาสนาคริสต์ 41% และที่เหลือนับถือศาสนาอื่นๆ นางเลอ แปงเคยพบกับประธานาธิบดี Michel Aoun ซึ่งเพิ่งจะได้รับเลือกตั้งให้เป็นผู้นำเลบานอนเมื่อเร็วๆนี้ ซึ่งเป็นชาวคริสเตียน และได้พบกับนาย Saad al-Hariri นายกรัฐมนตรี ซึ่งนับถือศาสนามุสลิมนิกายซุนนีมาแล้ว

    เมื่อถึงเวลาที่จะต้องเข้าพบกับ Derian ซึ่งเป็นบุคคลที่ทรงอิทธิพลที่สุดในชุมชนชุนนีของเลบานอน นางเลอ แปงได้รับการบอกกล่าวว่าเธอจะต้องสวมผ้าคลุมศรีษะ (ผ้าฮิญาบ) นักการเมืองหญิงฝรั่งเศสคนนี้ปฏิเสธคำร้องขอดังกล่าวโดยกล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า "ฝากพวกคุณส่งผ่านความเคารพของดิฉันไปถึงท่าน grand mufti ด้วย แต่ดิฉันจะไม่ปิดบังตัวเองหรอกนะ" (You can pass on my respects to the grand mufti, but I will not cover myself up.)

    "ดิฉันเคยพบกับท่าน Grand Mufti แห่ง Al-Azhar มาแล้ว" เธอกล่าวกับผู้สื่อข่าวโดยอ้างถึงการประชุมร่วมกันกับนาย Ahmed el-Tayeb เจ้าหน้าที่ซึ่งเป็นบุคคลสำคัญสูงสุดของฝ่ายซุนนีของอียิปต์ในปี 2015 "เจ้าหน้าที่สูงสุดของซุนนีไม่ได้กำหนดเรื่องแบบนี้เลย แต่นั่นไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไร"

    "ดิฉันพิจารณาว่า ผ้าคลุมศรีษะเป็นสัญลักษณะของการยอมจำนนของผู้หญิง" (I consider the headscarf a symbol of a woman's submission.) นาง Le Pen กล่าว "ดิฉันจะไม่คลุมผ่าปิดหน้านั้น" (I will not put on the veil.) Le Pen อ้างถึงคำพูดของนาง Michelle Obama ที่ปฏิเสธจะสวมผ้าคลุมศรีษะในประเทศซาอุดิอาระเบีย ซึ่งเป็นการตัดสินใจที่ได้รับการพิจารณาว่าน่าชื่นชม โดยสื่อ

    "[The Grand Mufti] ไม่ได้ยกเลิกการประชุมในครั้งนี้ ดังนั้นดิฉันคิดว่าพวกเขาควรจะยอมรับได้ว่าดิฉันจะไม่คลุมผ้านั่น... พวกเขาต้องการที่จะเอาผ้านั่นมาคลุมฉันไว้ เพื่อแสดงให้เห็นว่าดิฉันปล่อยเลยตามเลย ไม่มีใครมากำหนดให้ดิฉันแสดงตนแบบเลยตามเลยแบบนั้น" นาง Le Pen กล่าว

    นาย Khaldoun Awas จากสำนักโฆษกของ Derian กล่าวว่าเขารู้สึกประหลาดใจกับการปฏิเสธของนางเลอ แปง และว่า คนใกล้ชิดของเธอได้รับแจ้งให้ทราบเกี่ยวกับข้อกำหนดล่วงหน้า "ผมได้พบกับเธอเป็นการส่วนตัวที่ประตู Edict House และต้องการที่จะยื่นผ้าคลุมศรีษะสีขาวที่อยู่ในมือผมไปให้เธอ เธอปฏิเสธที่จะรับผ้าผืนนั้น"

    "ผมได้ขอร้องให้เธอสมผ้าดังกล่าว เธอปฏิเสธ และกล่าวว่าเธอจะไม่สวมมัน และก็เดินออกไปโดยไม่เข้าร่วมการประชุมกับท่าน Mufti ตามที่ได้ตกลงกันก่อนหน้านี้ Edict House รู้สึกเสียใจกับพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมเช่นนั้นในการประชุม" นาย Khaldoun Awas กล่าว

    ภายใต้การแบ่งแยกระหว่างศาสนจักรและอาณาจักรที่เข้มงวดของฝรั่งเศส ผู้คลุมศรีษะถูกห้ามในสถาบันต่างๆของรัฐบาลเช่นโรงเรียนรัฐเป็นต้น ในอดีตนาง Le Pen เคยถกถึงการห้ามใช้ผ้าคลุมศรีษะในที่สาธารณะอื่นๆด้วย

    [เรื่องมันก็ควรจะจบลงที่ตรงนี้ เพราะว่าหล่อนได้บอกยกเลิกการประชุมร่วมกับผู้นำทางศาสนาอิสลามนิกายซุนนีในเลบานอนไปแล้ว แต่ทางเลบอนนอนไม่ได้บอกยกเลิกการประชุม แสดงว่าอาจจะมีการพบกันระหว่างบุคคลสองสองนี้

    คราวนี้ก็มีชาวเลบานอนบางส่วนทั้งชายและหญิงออกมาถือป้ายประท้วงต่อต้านนาง Le Pen กล่าวหาเธอเป็นพวกฟาสซิสต์ (Fasicsm) มีทั้งภาพของปูติน เลอ แปง และทรัมป์รวมอยู่ด้วย พร้อมรับโลโก้ของลัทธินาซี Nazism ของฮิลเลอร์เป็นอีกเวอร์ชั่นหนึ่งของลัทธิ Fascism ของอิตาลี ซึ่งไม่ถูกกันกับ Marxism (ลัทธิมาร์ค) ที่ต่อมาเป็นรากฐานของลัทธิและระบอบการปกครองแบบคอมมิวนิสต์

    ผู้หญิงหลายคนที่เข้าร่วมกับม็อบต่อต้านนาง Le Pen และเรียกร้องให้ Le Pen คลุมศรีษะด้วยฮิญาบนี้ บางคนก็ไม่ได้สวมผ้าคลุมศรีษะเลย พิลึกไหมนั่น?

    ในอดีตมีบุคคลสำคัญทางการเมืองของตะวันตกหลายประเทศที่เดินทางไปเยือนผู้นำหรือผู้ทรงอิทธิพลทางการเมืองและศาสนาในกลุ่มประเทศมุสลิมในตะวันออกกลางโดยไม่คลุมศรีษะด้วยผ้าฮิญาบหลายคน เช่นนางมิเชล โอบามา อดีตสุภาพสุตรีหมายเลขหนึ่งของสหรัฐที่ไปพบกับคิงซาอุดิอาระเบีย นางแองเกล่า แมร์เกิล นายกรัฐมตรีหญิงของเยอรมัน และนาง Ursula von der Leyen รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมเยอรมันในซาอุดิอาระเบีย นาง Park Geun-hye ประธานาธิบดีหญิงของเกาหลีใต้ในซาอุดิอาระเบีย ในตอนที่เดินทางไปเยี่ยมมัสยิด Istiqlal ในกรุงจากาตา ประเทศอินโดนีเซียเดือนพฤศจิกายน 2010 นางมิเชล โอบามาก็คลุมผ้าฮิญาบด้วย บางครั้งนางฮิลลารี่ ก็คลุมศรีษด้วยฮิญาบบางครั้งก็ไม่คลุมในขณะที่เธออยู่ในซาอุดิอาระเบียหรือบางประเทศในตะวันออกกลาง

    ประเด็นก็คือว่า ทางศาสนจักรของเลบานอนหรือกลุ่มประเทศในตะวันออกกลางต้องการให้หญิงต่างศาสนาคลุมศรีษะเหมือนกับหญิงชาวมุสลิม เพื่อเป็นการแสดงความเคารพต่อศาสนาอิสลาม แต่ในมุมมองของฝ่ายเสรีนิยมแบบตะวันตกเขามองว่า กฎของพวกคุณก็ใช้กับคนของพวกคุณเองสิ คุณจะมาบังคับให้คนอื่นทำในสิ่งที่คุณต้องการแต่เจ้าตัวเขาไม่ต้องการได้อย่างไร ฝ่ายตะวันออกลางยืนยันว่า ถ้าคุณไม่ต้องการปฏิบัติตามกฎระเบียบของพวกเราคุณก็ไม่ต้องเข้ามาในประเทศของพวกเราสิ

    ฝ่ายตะวันตกสวนกลับว่า ดี… ถ้าอย่างนั้นฝรั่งเศสก็จะออกกฎหมายให้ผู้หญิงมุสลิมห้ามสวมผ้าคลุมศรีษะแบบมุสลิมบนชายหาดหรือขณะเล่นน้ำทะเล ก็เกิดกระแสต่อต้านและประท้วงขึ้นมาว่าเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนหรือสิทธิส่วนบุคคล หรือในเยอรมันกลุ่มผู้อพยพบอกว่าไม่ต้องการให้ลูกหลานของตัวเองเข้าครอสว่ายน้ำในสระว่ายน้ำที่มีทั้งเด็กผู้หญิงและเด็กผู้ชายเรียนร่วมกัน ต้องการให้แยกครอสหญิง-ชาย หรือแยกสระว่ายน้ำหญิง-ชาย อ้างผิดกฎศาสนา เป็นต้น - ผู้แปล]

    The Eyes
    เพจ: ปอกเปลือก ทรราช
    https://www.facebook.com/fisont
    https://vk.com/theeyesproject
    22/02/2560
    ----------
    https://sputniknews.com/…/201702211050920619-le-pen-headsc…/
    https://www.youtube.com/watch?v=n4LfbJZkb5Q
    http://www.express.co.uk/…/German-minister-Ursula-von-der-l…

    16649457_1943926629160801_3110802117985439467_n.jpg

    16864113_1943926569160807_5639719627237740051_n.jpg

    16831112_1943926429160821_4208257007133565658_n.jpg

    16830674_1943926452494152_8186311446861864193_n.jpg
     
  8. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,988
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ปอกเปลือก ทรราช
    1037476101.jpg
    Yakuza Wars: Is Japan on Verge of New Wave of Gang Fighting?

    อัยการญี่ปุ่นสั่งดำเนินคดีกับหัวหน้าแก๊งยากูซ่าญีปุ่น (ไม่ใช่ยามึงซ่า) วัย 70 ปีที่ก่อเหตุทำร้ายร่างการพยาบาลด้วยอาวุธมีดในจังหวัด Fukuoka เมื่อเดือนมกราคมปี 2013 เนื่องจากโกรธแค้นที่หมอผ่าตัดองคชาติไม่ถูกใจ.
    ----------
    https://sputniknews.com/.../201702221050924013-yakuza.../
     
  9. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,988
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ปอกเปลือก ทรราช
    ประธานาธิบดีของอาเซอร์ไบจานแต่งตั้งภริยาสุดที่เลิฟให้เป็นรองประธานาธิบดีคนที่หนึ่ง
    ------------

    โพสต์ที่แล้วพูดถึงเรื่องคลุมไม่คลุมผ้าฮิญาบไปแล้ว โพสต์นี้มีอะไรบางอย่างที่น่าสนใจเกี่ยวกับ "ผู้หญิงมุสลิม" ที่ไม่นิยมคลุมศรีษะด้วยฮิญาบบ้างนะครับ

    วันที่ 21 RT พาดหัวข่าวว่า "จากสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งเป็นรองประธานาธิบดีคนที่หนึ่ง: ปธน. Aliyev ผู้นำอาเซอร์ไบจานแต่งตั้งภริยาในตำแหน่างสูงสุด (มีภาพประกอบ)" (First lady turned first vice president: Azerbaijan leader Aliyev appoints wife to top post (PHOTOS))

    ประธานาธิบดีอิลฮาม อาลีเยฟ (Ilham Aliyev) แห่งอาเซอร์ไบจาน (ประเทศนี้อยู่ใกล้ๆกับใบถ้วยและใบชามหรือเปล่า? คริๆ) ได้แต่งตั้งภริยาของตนเองให้เป็นรองประธานาธิบดีอันดับที่หนึ่ง ซึ่งเป็นตำแหน่งที่เพิ่งจะกำหนดขึ้นมาใหม่ ซึ่งจะเข้าดูแดรับผิดชอบในฐานะผู้นำประเทศเป็นการชั่วคราวในกรณีที่ประธานาธิบดีก้าวลงจากตำแหน่ง หรือพิสูจน์ได้ว่าไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ [ที่ประเทศไทยสมัยหนึ่งเคยมี "สภาผัวเมีย" ในยุคทักแม้วครองเมือง วันนี้ที่อาเซอร์ไบจานกำลังมี "ทำเนียบผัวเมีย" ส่วนที่สหรัฐก็มี "ทำเนียบผัวเมีย" หรือ "ทำเนียบตระกูลทรัมป์" เช่นกัน - ผู้แปล]

    "คุณ Mehriban Aliyeva ได้มีบทบาทที่สำคัญใสังคม การเมือง และวัฒนธรรมของประเทศนี้มาเป็นเวลาหลายปี" ประธานาธิบดี Aliyev กล่าวในที่ประชุมสภาความมั่นคงแห่งอาเซอร์ไบจานเมื่อวันอังคารนี้ ในขณะประกาศแต่งตั้งภริยาของตนเอง

    รายงานข่าวบอกว่าคู่สมรสของประธานาธิบดีเป็นบุคคลแรกที่ได้รับตำแหน่งรองประธานาธิบดีอันดับที่หนึ่งของอาเซอร์ไบจาน เนื่องจากว่าตำแหน่งนี้เพิ่งจะมีจากการแก้ไขรัฐธรรมนูญ หลังการทำประชามติในปี 2016

    ประธานาธิบดีอาเซอร์ไบจานยังกล่าวอีกว่า สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งยังควบตำแหน่งรองหัวหน้าพรรค New Azerbaijan ซึ่งเป็นพรรคการเมืองหลักของประเทศนี้อีกด้วย ซึ่งก่อตั้งโดยนาย Aliyev และนาย Heydar Aliyev บิดาของเขาในปี 1992

    "พรรคนี้เป็นพรรคการเมืองที่ใหญ่ที่สุดใน South Caucasus ซึ่งมีสมาชิกเกือบ 700,000 คน" ปธน. Aliyev กล่าวโดยกล่าวเพิ่มเติมว่า ภริยาของตนเองก็เป็นส.ส.ในรัฐสภาอาเซอร์ไบจานตั้งแต่ปี 2005 ด้วย และดังนั้นเธอจึงมี "ภารที่ยิ่งใหญ่มาก"

    "ดิฉันเข้าใจถึงความจริงจังเป็นอย่างดีเกี่ยวกับความรับผิดชอบที่ได้รับมอบหมาย และเชื่อว่าดิฉันจะสามารถสร้างความมั่นใจให้กับ ฯพณฯ ประธานาธิบดี และความเชื่อมั่นของประชาชนทั้งหมดที่เชื่อมั่นในตัวดิฉันได้" รองประธานาธิบดีอันดับที่หนึ่งวัย 52 ปีกล่าว

    งานหลักๆของเธอก่อนหน้านี้คือดำแลมูลนิธิ Heydar Aliyev ด้านการกุศลซึ่งเป็น NGO ของเธอเอง นาง Mehriban Aliyeva เกิดที่กรุง Baku เมืองหลวงของประเทศอาเซอร์ไบจานในปี 1964 จบการศึกษาระดับอุดมศึกษาในฐานะคุณหมอ และยังมีดีกรีในสาขาปรัชญาด้วย ทำวิทยานิพนธ์ในเกี่ยวกับ "euthanasia" (การุณยฆาต การฆ่าให้ตายด้วยความสงบหรือด้วยความปราณี) เป็นเอกอัครราชทูต สันถวไมตรี ของ UNESCO และเคยได้รับฉายา "Woman of the Year" ในประเทศของเธอด้วย จบการศึกษาด้านการแพทย์จากกรุงมอสโคว์

    นาย Ilham Aliyev อายุ 55 ปีเป็นประธานาธิบดีของอาเซอร์ไบจานในปี 2003 ต่อจากนาย Heydar Aliyev พ่อของเขาซึ่งอยู่ในตำแหน่งนี้ตั้งแต่ปี 1993 ระหว่างปี 1969 - 1982 นาย Heydar Aliyev เป็นผู้นำอาเซอร์ไบจานแห่งสหพันธรัฐโซเวียต

    [ส่วนนาง Mehriban Aliyeva ก็มาจากตระกูลที่ทรงอิทธิพลในอาเซอร์ไบจานเช่นกัน สรุปประเทศนี้เป็นของตระกูล Aliyeva ตั้งแต่ยุคโซเวียตโน่นแล้ว สหรัฐและอียูหรือพวกโลกสวยกลับไม่บอกว่าตระกูลนี้สืบทอดอำนาจรุ่นต่อรุ่นเหมือนกับที่กล่าวหาตระกูลคิมแห่งเกาหลีเหนือ และพยายามกล่าวหาปูตินแห่งรัสเซียเลย

    คราวนี้กลับมาประเด็น "ฮิญาบ" ตามที่ได้เกริ่นไว้ในตอนต้นนะครับ อาเซอร์ไบจาจอยู่ติดกับทะเลแคสเปี้ยน มีชายแดนติดกับอิหร่าน อาร์เมเนีย จอร์เจีย และรัสเซีย เป็นคู่กัดกับอาร์เมเนียเนื่องจากความขัดแย้งในเรื่องของดินแดน

    มีประชากรประมาณ 9.75 ล้านคน (ปี 2016) ประชาชนส่วนใหญ่ 98% นับถือศาสนาอิสลาม นิกายชีอะห์ เหมือนกับอิหร่าน แต่มหามิตรที่แท้จริงของอาร์เซอร์ไบจานก็คือ "ตุรกี" ซึ่งเป็นซุนนี ใครบอกว่าซีอะห์กับซุนนีไม่ถูกกัน ต้องคิดใหม่แล้วหละ ยกเว้นแก๊งซาอุดิอาระเบียกับอิหร่าน ที่ชอบยกเรื่องนิกายมาเป็นข้ออ้างสร้างความขัดแย้งและก่อสงครามต่อกัน

    ทั้งๆที่อาเซอร์ไบจานก็เคยเป็นส่วนหนึ่งของโซเวียตมาก่อน แต่ทำไมถึงหันไปสนิทสนมกับตุรกีเป็นพิเศษ ก็คงจะเป็นเพราะว่า รัสเซียสนับสนุนอาร์เมเนีย ศัตรูของอาเซอร์ไบจาน และอาร์เซอร์ไบจานก็รู้ว่าลึกแล้วรัสเซียกับตุรกีซึ่งในอดีตก็คืออาณาจักรอ็อตโตมานไม่ค่อยจะกินเส้นกันเท่าไรนัก และอาร์เมเนียกับตุรกีก็ไม่ถูกกันด้วย (อาร์เมเนียเป็นคริสต์) "ศัตรูของศัตรูคือมิตรของเรา" ดังนั้นอาเซอร์ไบจานจึงหันไปคบกับตุรกี แม้จะต่างนิกายกันก็ตาม

    ทั้งประธานาธิบดี Aliyeva และสุภาพสุตรีหมายเลขหนึ่งของอาเซอร์ไบจานซึ่งเพิ่งจะควบตำแหน่งเป็นรองประธานาธิบดีอันดับที่หนึ่ง ต่างก็นับถือศาสนาอิสลาม นิกายชีอะห์ แต่จากการศึกษาประวัติของเธอโดยคร่าวๆ และดูภาพถ่ายของเธอในอินเตอร์เน็ทหลายแห่ง ก็พบว่าเธอเป็นผู้หญิงมุสลิมสมัยใหม่ ไม่ค่อยยึดติดกับกฎหรือประเพณีเก่าแก่เท่าไรนัก

    กล่าวคือเธอไม่นิยมคลุมศรีษะด้วยผ้าฮิญาบในที่สาธารณะเหมือนกับผู้หญิงมุสลิมทั่วไป เป็นอะไรที่น่าสนใจมาก ที่ประเทศซีเรีย คุณ Asma al-Assad สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งของซีเรียก็เป็นชาวมุสลิมเช่นกัน และนับถือนิกายซุนนี ส่วนประธานาธิบดีอัสซาดนับถือนิกาย Alawite นิกายย่อยของชีอะห์ คุณ Asma al-Assad ก็มีบุคลิกการแต่งตัวคล้ายกับคุณ Mehriban Aliyeva นี่แหละกล่าวคือไม่นิยมคลุมศรีษะด้วยฮิญาบ สังคมของทั้งสองประเทศนี้ก็ยอมรับได้ แต่ที่ประเทศอิหร่านไม่ว่าคุณจะนับถือศาสนาอะไรก็ตาม ถ้าคุณเป็นผู้หญิงและอยู่ในที่สาธารณะคุณจะต้องใช้ฮิญาบ นั่นเป็นกฎหมายชารีอะที่รัฐบาลคณะปฏิวัติอิสลามของอิหร่านกำหนดขึ้นมาตั้งแต่ปี 1979

    เมื่อเร็วๆนี้ น.ส. Dorsa Derakhshani เซียนหมากรุกหญิงวัย 18 ปีของอิหร่านถูกปลดออกจากทีมชาติของอิหร่านเนื่องจากเธอไม่ยอมคลุมศรีษะด้วยฮิญาบในการแข่งขันเกมหมากรุก ภายใต้กฎหมายของอิหร่าน RT รายงาน - ผู้แปล]

    The Eyes
    เพจ: ปอกเปลือก ทรราช
    https://www.facebook.com/fisont
    https://vk.com/theeyesproject
    22/02/2560
    ----------
    https://www.rt.com/…/378161-azerbaijan-mehriban-aliyeva-vi…/
    https://www.rt.com/sport/378130-iran-chess-player-hijab-ban/

    16681474_1943961222490675_9207810753916631106_n.jpg

    16831830_1943961255824005_3019744948183043573_n.jpg

    16649069_1943961535823977_690751845850309262_n.jpg

    16864636_1943961522490645_8812782600472061362_n.jpg

    16682042_1943961282490669_483871102106760983_n.jpg

    16807397_1943961322490665_2622893672206513071_n.jpg

    16649547_1943961359157328_637557943984529064_n.jpg

    16864844_1943961419157322_5772746701859224139_n.jpg

    16831009_1943961439157320_5616358343054216423_n.jpg
     
  10. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,988
    ค่าพลัง:
    +97,149
    การทูตและการทหาร Military & Diplomacy

    รัสเซียผิด!

    เมื่อไม่กี่วันก่อน สื่อเยอรมันรายงานข่าวว่ามีใครก็ไม่รู้ส่งอีเมล์ไปให้นักการเมืองและสื่อของประเทศลิทัวเนีย แจ้งว่าทหารเยอรมันที่มาประจำอยู่ในประเทศลิทัวเนียเป็นส่วนหนึ่งของกองกำลัง NATO ข่มขืนหญิงสาวในท้องถิ่น ซึ่งต่อมามีการพิสูจน์ว่าข้อกล่าวหานี้ไม่เป็นความจริง ทั้งเยอรมนีและ NATO ต่างก็ชี้นิ้วกล่าวหารัสเซียว่าอยู่เบื้องหลังอีเมล์ดังกล่าว ตั้งใจจะใช้ Fake News บ่อนทำลาย NATO ทั้งที่ไม่มีหลักฐาน อย่าว่าแต่ความเกี่ยวข้องกับรัสเซียเลย อีเมล์ที่ว่ามีอยู่จริงหรือเปล่าก็ไม่อาจทราบได้

    https://sputniknews.com/europe/201702211050899949-lithuania-bundeswehr-rape-allegation/

    ล่าสุดเอสโตเนียก็เป็นสมาชิก NATO อีกประเทศหนึ่งที่ออกมากล่าวหารัสเซียครับ โดยหัวหน้าหน่วยข่าวกรองเอสโตเนียบอกว่ารัสเซียจะส่งผู้หญิงมาแฝงตัวอยู่ตามผับในเอสโตเนีย เพื่อยั่วทหารอังกฤษที่จะมาประจำอยู่ในประเทศเอสโตเนียเป็นส่วนหนึ่งของกองกำลัง NATO เช่นกัน ให้เกิดเหตุทะเลาะวิวาทกับคนท้องถิ่น พร้อมกับล้วงข้อมูลไปในตัว (วิธีแบบนี้เรียกว่า honeytrap) เพื่อจะได้ใช้ Fake News บ่อนทำลาย NATO ตอนนี้สื่ออังกฤษกำลังเอาเรื่องนี้ไปตีข่าวอยู่

    เอสโตเนียยังกล่าวหารัสเซียด้วยว่าพยายามแทรกแซงการเลือกตั้งฝรั่งเศส, เยอรมนี และเนเธอร์แลนด์

    https://southfront.org/kremlin-hand...oke-nato-servicemen-to-scuffle-in-local-pubs/

    นี่เป็นข้อกล่าวหาล่าสุด ที่สมาชิก NATO กล่าวหารัสเซียครับ ถ้ารวมกับข้อกล่าวหาเดิมทั้งหมดก็คงยาวเป็นหางว่าว ผมมั่นใจว่าอีกไม่นานคงจะมีข้อกล่าวหาใหม่ๆออกมาอีก

    สวัสดี

    22.02.2017

    ภาพประกอบจาก Russia Insider เป็นภาพตัดต่อการลอบสังหารประธานาธิบดีอับราฮัม ลินคอร์น เป็นฝีมือของปูตินเช่นกัน

    16807338_421906671481344_5384967352604873267_n.png
     
  11. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,988
    ค่าพลัง:
    +97,149
    การทูตและการทหาร Military & Diplomacy

    รัสเซียจะทดสอบ S-500 ในปี 2020

    รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหมรัสเซีย Yuri Borisov เปิดเผยว่ารัสเซียจะเริ่มทดสอบระบบป้องกันภัยทางอากาศ S-500 Prometey หรือ 55R6M Triumfator-M ในปี 2020

    ระบบป้องกันภัยทางอากาศ S-500 พัฒนาโดยบริษัท Almaz Antey อ้างว่ามีระยะยิงไกลถึง 600 กิโลเมตร ยิงได้สูง 200 กิโลเมตร (ใช้ยิงใส่ดาวเทียมได้) สามารถสกัดขีปนาวุธข้ามทวีปหรือขีปนาวุธที่มีความเร็วระดับไฮเปอร์โซนิคได้พร้อมกัน 10 ลูก

    S-500 ที่จะเข้าประจำการหน่วยแรกจะมีหน้าที่ป้องกันกรุงมอสโก และภาคกลางของรัสเซีย

    สวัสดี

    21.02.2017

    ภาพ S-500 จากปฏิทินของบริษัท Almaz Antey

    อ้างอิง
    https://sputniknews.com/russia/201702191050842903-russia-missile-prototype/

    16830851_421499868188691_3867259267332207220_n.jpg
     
  12. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,988
    ค่าพลัง:
    +97,149
    การทูตและการทหาร Military & Diplomacy

    ชาวเมืองอเลปโปจัดพิธีอำลาหน่วยเก็บกู้วัตถุระเบิดของรัสเซีย หลังปฏิบัติหน้าที่เคลียร์ระเบิดแสวงเครื่อง (IED) ในเมืองเป็นเวลาถึง 3 เดือนเต็ม นอกจากนี้รัสเซียยังสอนทักษะการเก็บกู้วัตถุระเบิดให้เจ้าหน้าที่ของซีเรียสามารถพึ่งพาตนเองต่อไปได้ด้วย

     
  13. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,988
    ค่าพลัง:
    +97,149
    InPics: “หุ่นยนต์เทปโกตัวที่ 2” ถูก กัมมันตภาพรังสีระดับฆ่าคนในเสี้ยวนาที ละลายในเตาปฎิกรณ์ จนต้องทิ้ง อึ้ง !!“ไทยกินพีชนำเข้าจากฟูกุชิมะ” สูงอันดับ 2 ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดย MGR Online blank.gif 21 กุมภาพันธ์ 2560 18:33 น. (แก้ไขล่าสุด 21 กุมภาพันธ์ 2560 18:59 น.)
    blank.gif
    560000001877701.JPE
    สกอร์ปิโอนั้นถูกสร้างโดยบริษัทโตชิบา ที่มีหน้าที่เพื่อปฎิบัติการสำรวจในส่วนด้านใต้ของเตาปฎิกรณ์นิวเคลียร์ที่หลอมเหลว ซึ่งทางกลุ่มวิศวกรญี่ปุ่นต่างคาดว่า สกอร์เปียน อาจจะกำลังเข้าใกล้แกนของการระเบิด ที่ห่างออกไปร่วมกว่า 10 ฟุตจากเป้าหมายเดิมคือ “แท็งก์”
    blank.gif
    เอเจนซีส์/MGRออนไลน์ – บริษัทเทปโกล่าสุดส่ง สกอร์ปิโอ (Scorpio)หุ่นยนต์สำรวจที่ติดกล้องตัวที่ 2 เข้าไปภายในโรงไฟฟ้าฟูกุชิมะยูนิตที่ 2 ที่มีเตาปฎิกรณ์นิวเคลียหลอมเหลว แต่ทว่าสุดช็อกหุ่นยนต์นักสำรวจ "ถูกระดับกัมมันตภาตรังสีระดับเข้มข้นที่สามารถสังหารคนได้ภายในช่วงเสี้ยวนาที" ทำลายเสียหายอย่างหนัก จนบริษัทโรงไฟฟ้าตัดสินใจทิ้งไว้ด้านใน ช็อกยิ่งกว่า สื่อญี่ปุ่นเปิดเผย ไทยเป็นประเทศอันดับ 2 จาก 3 ชาติในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้นำเข้า “พีชที่ปลูกในเขตฟูกุชิมะ” สูงเป็นอันดับ 2 หรือราว 73.9% เป็นรองแค่มาเลเซียในปีที่ผ่านมา จากจำนวนทั้งหมดร่วม 30.6 ตันที่ญี่ปุ่นส่งออก

    สื่ออินเตอร์เนชันแนลบิสซิเนสไทม์ส รายงานเมื่อวานนี้(20 ก.พ)ว่า ภาพสุดช็อกที่ถูกเปิดเผยออกมาแสดงให้เห็นถึงสกอร์ปิโอ (Scorpio) หุ่นยนต์นักสำรวจที่ติดกล้องของบริษัทเทปโกถูกทำลายจากระดับรังสีเข้มขนภายในโรงไฟฟ้าฟูกุชิมะยูนิตที่ 2 จนใช้การไม่ได้ ส่งผลทำให้ทางบริษัทพลังงานไฟฟ้าญี่ปุ่นต้องตัดสินใจทิ้งหุ่นตัวนี้ไว้ด้านในโดยไม่มีปฏิบัติการเก็บกู้กลับมา

    ซึ่งพบว่าไม่ถึง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา สกอร์ปิโอถูกส่งเข้าไปสำรวจด้านในตัวเตาปฎิกรณ์นิวเคลียร์ที่หลอมเหลวเนื่องมาจากเหตุสึนามิที่เกิดจากแผ่นดินไหวเมื่อเดือนมีนาคม 2011 แต่กลับพบว่ากล้องที่ติดอยู่กับหุ่นยนต์เพื่อทำการบันทึกภาพถูกกัมมันตภาพรังสีความเข้มข้นสูงทำลายในลักษณะ “หลอมเหลวไปเรื่อยๆ” ในแค่ 2 ช.มนับตั้งแต่วินาทีแรกที่หุ่นยนต์ตัวนี้เริ่มต้นสำรวจในส่วนบริเวณที่ได้รับความเสียหาย และไม่มีมนุษย์สามารถเข้าไปได้ถึง

    สื่อธุรกิจชี้ว่า สกอร์ปิโอนั้นถูกสร้างโดยบริษัทโตชิบา ที่มีหน้าที่เพื่อปฎิบัติการสำรวจในส่วนด้านใต้ของเตาปฎิกรณ์นิวเคลียร์ที่หลอมเหลว ซึ่งทางกลุ่มวิศวกรญี่ปุ่นต่างคาดว่า สกอร์เปียน อาจจะกำลังเข้าใกล้แกนของการระเบิด ที่ห่างออกไปร่วมกว่า 10 ฟุตจากเป้าหมายเดิมคือ “แท็งก์”

    อย่างไรก็ตาม อินเตอร์เนชันแนลบิสซิเนสไทม์ส์ชี้ว่า ในการแถลง ทางเทปโกไม่ได้ออกมาเปิดเผยว่า ซากชิ้นส่วนหรือสารกัมมันตภาพที่ทำให้หุ่นยนต์สกอร์เปียนหยุดทำงาน โดยอ้างแต่ว่าในขณะนี้กำลังอยู่ในระหว่างการสอบสวน

    โดยในแถลงการณ์บริษัทเทปโกกล่าวว่า “ถึงแม้ว่าหุ่นยนต์จะไม่สามารถเข้าไปถึงพื้นที่ฐานล่างได้สำเร็จ ซึ่งเป็นเป้าหมายเดิมที่ทางเราต้องการสำรวจ แต่ทว่าข้อมูลที่ทรงคุณค่าที่ทางเราสามารถเก็บมาได้นั้น จะนำไปสู่แนวทางการพัฒนาเพื่อวางแผนการจัดการนำซากทั้งหมดแท่งพลังงานที่เสียหายโรงไฟฟ้าออกมาจากพื้นที่ได้ในอนาคต”

    ทั้งนี้ที่ผ่านมาทั้งเทปโกและรัฐบาลญี่ปุ่นต่างออกมายืนยันว่า กัมมันตภาพรังสีนั้นถูกควบคุมภายในทั่วทั้งบริเวณ และรวมไปถึงด้านนอกของเตาปฎิกรณ์นิวเคลียร์ และไม่เป็นอันตรายต่อสาธรณะ และส่งผลทำให้มีการนำพืชผักและผลไม่ที่ปลูกได้ภายในเขตฟูกุชิมะส่งออกไปขายทั่วญี่ปุ่น รวมไปถึงส่งออกไปยังต่างแดน โดยล่าสุดสื่อญี่ปุ่น เจแปนไทม์ส รายงานว่าพีชของฟูกุชิมะ สามารถเปิดประตูสู่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ใน 3 ประเท ที่รวมถึง ไทย ในปีที่ผ่านมา สร้างความหวังว่า ทางโตเกียวจะสามารถนำพืชผักจากเขตประสบภัยวิกฤตนิวเคลียร์ปี 2011 ส่งมาขายยังภูมิภาคนี้มากขึ้น

    โดยในรายงานของเจแปนไทม์สวันอาทิตย์(19 ก.พ) พบว่า ไทยเป็นชาติอันดับ 2 ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่นำเข้าพีชฟูกุชิมะสูงถึง 73.9% ในปี 2016 ในขณะที่มาเลเซียนำเข้ามากที่สุดอยู่ที่ 76.8% และอินโดนีเซีย 55.9% ตามลำดับ

    นอกจากนี้ยังพบว่า เมื่อพิจารณาถึงจำนวนโวลุม สื่อญี่ปุ่นชี้ว่าฟูกุชิมะส่งออกพีชที่ปลูกได้ในเขตของตัวเองมายัง 3 ประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึงสิงคโปร์ ในจำนวนรวม 30.6 ตัน สูงกว่าในปี 2010 ซึ่งเป็นปีก่อนเกิดวิกฤตนิวเคลียร์ โดยพบว่าในปี 2010 ฟูกุชิมะส่งออกพีชไปยังภูมิภาคนี้เพียงแค่ 23.9 ตันเท่านั้น

    เจแปนไทม์รายงานว่า ฟูกุชิมะถnอเป็นแหล่งปลูกพีชเป็นอันดับ 2 ของประเทศ ที่มียามานาชิ( Yamanashi) เป็นแหล่งปลูกพีชใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น ซึ่งที่ผ่านมาในอดีตตลาดพีชสำคัญของแดนอาทิตย์อุทัยคือ ไต้หวัน และฮ่องกง โดยพบว่ายอดส่งออกพีชญี่ปุ่นสูงสุดในปี 2008 อยู่ที่ 70 ตัน แต่ทว่าหลังจากเหตุวิกฤตโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟูกุชิมะเกิดขึ้นในปี 2011 ทำให้ตลาดการค้าพีชฟูกุชิมะนั้นกลายเป็นศูนย์เนื่องมาจากการถูกสั่งห้ามนำเข้าโดยสิ้นเชิง

    และทำให้แผนกสัมพันธ์ประจำเมืองฟูกุชิมะกลับไปวิจัยทางตลาด และหาลู่ทางการขายใหม่ โดยมุ่งไปเปิดตลาดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แทน ที่พบว่ามีบางประเทศในภูมิภาคนี้ยอมผ่อนปรนมาตรการห้ามนำเข้าสินค้าจากเขตฟูกุชิมะก่อนที่อื่นๆ สื่อญี่ปุ่นชี้

    โดยในเรื่องนี้พบว่า จากการรายงานของสื่อญี่ปุ่น FTV จากการเผยแพร่ทางยูทิวบ์ในวันที่ 8 กันยายน 2012 ชี้ว่า ไทยยอมนำเข้าพีชจากฟูกุชิมะเป็นครั้งแรก โดยพีชล็อตแรก 800 ผลจะถูกขายในห้างสรรพสินค้าชั้นนำของไทยตั้งแต่วันที่ 12 กันยายน 2012 ทั้งๆที่เหตุการณ์วิกฤตนิวเคลียร์ครั้งร้ายแรงเกิดขึ้น 1 ปีก่อนหน้านั้น

    แต่ทว่า ถึงแม้ฟูกุชิมะจะประสบความสำเร็จสามารถทำให้ทั้งไทย มาเลเซีย และอินโดนีเซีย ยอมรับในสินค้าพีชจากทางเมืองสำเร็จ แต่อย่างไรก็ตามทางเมืองฟูกุชิมะชี้กับเจแปนไทม์สว่า ไม่ถือว่าเป็นเรื่องง่ายที่จะทำให้ประเทศอื่นๆในภูมิภาคยอมคล้อยตาม 3 ประเทศนี้ โดยยกตัวอย่าง สิงคโปร์ ที่พบว่าในปี 2016 ฟูกุชิมะมีส่วนแบ่งในตลาดพีชเพียงแค่ 12% จากจำนวนพีชทั้งหมดซึ่งมีที่มาจากเมืองอื่นๆในญี่ปุ่น

    ซึ่งแสดงให้เห็นว่า คนสิงคโปร์ยังไม่ยอมรับในพีชซึ่งเป็นผลไม้จากฟูกุชิมะเท่าไหร่นัก แต่อย่างไรก็ตาม ทางเมืองฟูกุชิมะยังหวังว่า ยอดขายพีชที่สูงใน 3 ชาติจะช่วยทำให้ตลาดอื่นๆที่สำคัญ เป็นต้นว่า ไต้หวัน และฮ่องกง ให้มองเห็นว่า พีชที่มาจากเมืองฟูกุชิมะเป็นพีชที่ปลอดภัย แต่อย่างไรก็ตาม สื่อไชนาโพสต์ของไต้หวันรายงานในวันที่ 11 ตุลาคม 2016 ว่า หน่วยงานอาหารและยาไต้หวันยังคงยืนคำสั่งแบนการนำเข้าสินค้าและผลิตภัณฑ์จากเขตฟูกุชิมะต่อไป

    อย่างไรก็ตาม ในเดือนมิถุนายน 2016 หนังสือพิมพ์เดลีเทเลกราฟของอังกฤษรายงานในขณะนั้นว่า เป็นครั้งแรกหลังจากเกิดปัญหาวิกฤตนิวเคลียร์ญี่ปุ่น ฟูกุชิมะจะสามารถนำข้าวที่ปลูกได้ในเขตของตัวส่งออกมาจำหน่ายในกรุงลอนดอนได้เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2016 เป็นต้นไป ผลจากความพยายามการล็อบบี้อย่างหนักของทางตัวแทนจากญี่ปุ่น

    560000001877702.JPE
    blank.gif


    560000001877703.JPE
    blank.gif


    560000001877704.JPE
    blank.gif


    560000001877705.JPE
    ภาพก่อนสุดท้ายของสกอร์ปิโอ หุ่นยนต์นักสำรวจของเทปโก
    blank.gif


    560000001877706.JPE
    ภาพสุดท้ายที่ส่งออกมาในวิดีโอคลิปที่ถูกเผยแพร่
    blank.gif


    560000001877707.JPE
    (ล่าง) ภาพตัวอย่างฉลากสินค้าพีชที่ระบุว่ามาจากฟูกุชิมะ ญี่ปุ่น
    blank.gif


    560000001877708.JPE
    blank.gif









    http://www.manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9600000018170
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 กุมภาพันธ์ 2017
  14. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,988
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ปอกเปลือก ทรราช
    ผอ.หน่วยข่าวกรองเอสโตเนียเตรียมโบ้ยสายลับสาวสวยรัสเซียเป็นเหตุให้หทารอังกฤษแก๊งนาโต้ทะเลาะกับชาวบ้านในบาร์เหล้าเอสโตเนีย กรรม!
    ------------

    ข่าวไร้สาระจากสื่อดังของอังกฤษ วันที่ 21 ก.พ. 60 RT พาดหัวข่าวว่า "หัวหน้าหน่วยข่าวกรองเอสโตเนียเตือนอังกฤษระวัง 'ฮันนี่แทร็ป' สำหรับกองทัพอังกฤษในยุโรปตะวันออก - รายงานกล่าว" (Estonia’s spy chief warns UK against Russian ‘honeytraps’ for British troops in E. Europe - report)

    กองทัพอังกฤษที่มีกำหนดจะเดินทางมาถึงประเทศเอสโตเนียในส่วนหนึ่งของภารกิจนาโต้เพื่อยับยั้งการรุกรานของรัสเซียตามที่มีการกล่าวหา ควรจะเตรียมเผชิญหน้ากับภัยคุกคามต่างๆเช่น "Russian honeytraps" และ "การทะเลาะวิวาทในผับซึ่งได้มีการจัดฉากไว้" หัวหน้าหน่วยข่าวกรองเอสโตเนียเตือน

    รายงานข่าวบอกว่า หนึ่งในกลยุทธ์ที่น่ากลัวของรัสเซียในยุโรปตะวันออกก็คือ "การทำให้ทหารอังกฤษดูเหมือนเป็นอันธพาล" หนังสือพิมพ์ The Times ของอังกฤษรายงานเมื่อวันอังคารนี้ (มันคิดได้ยังไงนี่?) โดยอ้างคำพูดของนาย Mikk Marran หัวหน้าหน่วยข่าวกรองของประเทศเอสโตเนีย (EIB)

    ในการให้สัมภาษณ์กับสื่ออังกฤษนั้น ผอ.หน่วยข่าวกรองเอสโตเนียแนะนำว่า เมื่อกองทัพอังกฤษเข้ามาประจำการในประเทศของเขาในช่วงสิ้นเดือนมีนาคมที่จะถึงนี้ พวกเขาจะกลายเป็น "เป้าหมาย" ของกรุงมอสโคว์

    "จะมีทหารหนุ่มของอังกฤษจำนวน 800 นาย คนเหล่านี้จะเดินทางจากฐานทัพของตนเองไปยังเมืองต่างๆ บางทีพวกเขา [อาจจะ] มีการดื่มฉลองเฮฮากันในผับบ้าง (pub hopping) พวกเราไม่สามารถตัดการต่อสู้กันในบางครั้งซึ่งอาจจะจุดชนวนโดยทีมของฝ่ายตรงข้าม ตามที่พวกเราเรียกมันในเอสโตเนีย ยกตัวอย่างเช่น ฮันนี่แทร็ปแบบดั้งเดิม เป็นต้น" Marran กล่าวกับหนังสือพิพม์ The Times ของอังกฤษในสิ่งที่เขาเรียกว่า "การให้สัมภาษณ์ที่หาได้ยากอย่างยิ่ง" (a rare interview)

    หัวหน้าหน่วยข่าวกรองเอสโตเนียกล่าวอีกว่า เจ้าหน้าที่ของทั้งสองประเทศที่เป็นมิตรกัน ได้ปรึกษาหารือกันถึงภัยคุกคามเป็นเป็นเวลาหลายเดือนแล้ว เห็นได้ชัดว่า ได้มีความพยายามที่จะระบุให้ได้ถึงการรักษาความปลอดภัยให้กับบุคคลากรอังกฤษที่มีพันธกับเอสโตเนียจาก "เกมสายลับสไตล์สงครามเย็น" ตามที่ได้มโนเอาไว้

    "กล่องเครื่องมือของรัสเซียมีขนาดใหญ่มาก" นาย Marran กล่าว และเตือนอีกว่าทหารอังกฤษที่เข้าไปดื่มฉลองกันในผับในเอสโตเนียและเรื่องไร้สาระอื่นๆที่อาจจะเป็นไปได้ของเหล่ากองทัพนาโต้ในพื้นที่จะนำมาซึ่งการแบล็คเมล์ผ่านโซเชียลมีเดีย และจะทำให้กรุงมอสโคว์ฉวยโอกาสที่สวยงามเพื่อสร้างความประทับใจแบบผิดๆเกี่ยวกับความก้าวร้าวของพวกตะวันตกก็ได้

    พักหลังนี้นาโต้ได้ทุ่มเทแสนยานุภาพด้านการป้องกันตนเองตามแนวชายแดนฝั่งตะวันตกของรัสเซีย โดยการประกาศการประจำการอาวุธต่างๆ และกองทัพที่เข้มแข็งหลายชาติในกลุ่มประเทศบอลติกและโปแลนด์ กรุงมอสโคว์วิพากษ์วิจารณ์การเพิ่มกองกำลังทหาร (ของพวกนาโต้) อยู่บ่อยครั้ง ซึ่งมีขนาดใหญ่ที่สุดของนาโต้ในยุโรปตะวันออกนับตั้งแต่สมัยสงครามเย็น

    กระทรวงกลาโหมรัสเซียกล่าวว่า รัสเซียพร้อมจะใช้มาตรการตอบโต้แบบสมน้ำสมเนื้อ ซึ่งคาดว่าไม่น่าจะใช่ "honeytraps" ในการรับมือกับความท้าทายต่างๆนั้น รัสเซียกำลังจัดหายุทโธปกรณ์และระบบอาวุธที่ทันสมัยให้กับหน่วยต่างๆของกองทัพที่ปกป้องชายแดนฝั่งตะวันตก รวมทั้งการเพิ่มการฝึกซ้อมให้กับกองทัพด้วย

    [สรุป: ถ้าทหารขี้เมาอังกฤษฟาดปากกับคนท้องถิ่นหรือทหารเอสโตเนียในผับในบาร์ประเทศเอสโตเนีย ก็ให้รีบโวยวายว่าเป็นเพราะสาวๆรัสเซีย หรือเป็นความผิดของรัสเซีย มุกหากินของพวกนาโต้เขาหละ ขี้เยี่ยวไม่ออกก็โทษรัสเซีย เมาเหล้ากัดกันเองก็โทษรัสเซีย เพียงแค่นี้ทหารนาโต้ก็จะยังคงเป็นฮีโร่และรัสเซียก็จะยังคงเป็นผู้ร้ายเหมือนกับที่ปรากฎในหนังฮอลลีวูดตลอดไป - ผู้แปล]

    The Eyes
    เพจ: ปอกเปลือก ทรราช
    https://www.facebook.com/fisont
    https://vk.com/theeyesproject
    22/02/2560
    ----------
    https://www.rt.com/news/378192-british-troops-estonia-honeytraps-russia/
    https://sputniknews.com/europe/201702211050912394-russian-honeytrap-agents-estonia-concerns/
    https://southfront.org/kremlin-hand...oke-nato-servicemen-to-scuffle-in-local-pubs/
    http://www.thetimes.co.uk/article/b...-by-russian-honeytrap-and-fake-news-ss07crhp2
     
  15. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,988
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ปอกเปลือก ทรราช
    มุกเดิมเปลี่ยนเทคนิกนิดหน่อย: คอนวอยสิ่งของบรรเทาทุกข์ของยูเอ็นถูกโจมตีและดักปล้นโดยกลุ่มติดอาวุธไม่ทราบฝ่ายในเขตของพวกกบฏจังหวัด Homs
    ------------

    วันที่ 21 ก.พ.60 Sputnik พาดหัวข่าวว่า "ขบวนการก่อการร้ายอัลนุสราฟรอนท์โจมตีคอนวอยขนสิ่งของช่วยเหลือของยูเอ็นด้วยปืนครกและปืนกลในซีเรีย" (Al-Nusra Front Attacks UN Aid Convoy With Mortars, Machine-Guns in Syria)

    "วันที่ 20 กุมภาพันธ์ ขบวนคอนวอยขนสิ่งของช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมของยูเอ็นและขององค์กรช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมหลายองค์กรจากจังหวัดฮอมส์เข้าไปยังเขรต al-Waer ซึ่งเป็นเขตยึดครองของกลุ่มติดอาวุธผิดกฎหมายหลายกลุ่มรวมทั้งขบวนการก่อการร้ายอัลนุสราด้วย เจ้าหน้าที่จากกองทัพรัสเซียประจำศูนย์สร้างความปรองดองซีเรียที่เดินทางไปกับคอนวอย" แหล่งข่าวทางการทูตกล่าวกับสำนักข่าว Sputnik เมื่อวันอังคารนี้

    ข้อมูลจากแหล่งข่าวบอกว่าการขนส่งของช่วยเหลือถูกซุ่มโจมตีจากผู้ก่อการร้าย พวกผู้ก่อการร้ายในการโจมตีแบบโล่มนุษย์ ดังนั้นกองทัพฝ่ายรัฐบาลซีเรียจึงไม่สามารถยิงตอบโต้ได้

    "ผลจากการโจมตีโดยพวกผู้ก่อการร้าย พลเรือนในครั้งนี้ พลเรือนและทหารฝ่ายรัฐบาลซีเรียถูกสังหารและได้รับบาดเจ็บ พวกผู้ก่อการร้ายใช้ปืนครกและพลแม่นปืนและปืนกลยิงต่อสู้ ผู้แทนของรัสเซียไม่ได้รับบาดเจ็บ แคมเปญจ์จัดส่งความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมไปให้กับประชาชนในพื้นที่ al-Waer ต้องหยุดชะงัก" แหล่งข่าวกล่าว

    แหล่งข่าวเน้นย้ำว่า "นี่เป็นครั้งที่สามที่คอนวอยจากจังหวัดฮอมส์ถูกซุ่มโจมตีโดยผู้ก่อการร้าย" [มีความรู้สึกว่ามันแปร่งๆ ยังไงอยู่นะ - ผู้แปล]

    ต่อมาในวันเดียวกันนี้ (21 ก.พ.60) Sputnik พาดหัวข่าวอีกว่า "มือปืนไม่ทราบฝ่ายยกเค้าสิ่งของบรรเทาทุกข์ที่ตั้งใจส่งไปให้พื้นที่ al-Waer ในซีเรีย" (Unidentified Gunmen Loot UN Humanitarian Aid Intended for Syria's al-Waer)

    กลุ่มคนติดอาวุธไม่ทราบฝ่ายได้ยึดสิ่งของช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมซึ่งเตรียมจะจัดส่งไปในพื้นที่ al-Waer ในจังหวัด Homs ซีเรีย หลังจากการจัดส่งล้มเหลวเนื่องจากมีการต่อสู้กันอย่างหนักในพื้นที่ การชาดสากล (ICRC) กล่าวกับสำนักข่าว Sputnik เมื่อวันอังคารนี้ [แปร่งอีกแล้วครับท่าน ถูกปล้น ถูกยกเค้าจริงอ่ะ? - ผู้แปล]

    "วันที่ 19 กุมภาพันธ์ คอนวอยผสมของ ICRC/SARC/UN จะต้องส่งความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมไปยังพื้นที่ al-Waer ในจังหวัด Homs… วันที่ 20 กุมภาพันธ์ หลังได้รับการรับประกันความปลอดภัยครั้งใหม่จากทุกฝ่ายแล้ว ทีมงานผสมจึงดำเนินการเคลื่อนไปยัง al-Waer แต่ความพยายามในครั้งนี้ล้มเหลว เนื่องจากมีการขยายการสู้รบในพื้นที่" นาง Jennifer Tobias โฆษกหญิงของการชาดสากลกล่าว

    นาง Jennifer Tobias กล่าวอีกว่า "ในขณะที่ทีมงานกำลังเดินทางกลับมาที่จังหวัด Homs นั้น รถบรรทุกบางคันถูกสั่งให้หยุดโดยกลุ่มคนติดอาวุธไม่ทราบฝ่าย และสิ่งของบรรเทาทุกข์ก็ถูกยึดไป... ขณะนี้พวกเรากำลังทำการประเมินสถานการณ์อีกครั้งจากฝ่ายต่างๆบนภาคพื้นดิน และจะดำเนินการส่งคอนวอยเข้าไปใหม่ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เมื่อสภาพแวดแล้มเอื้ออำนวย" [ที่หล่อนบอกว่าถูกปล้นกลางทางนั้น มีใครเชื่อคำพูดของเจ้าหล่อนบ้างครับ? - ผู้แปล]

    ส่วนสำนักข่าว AMN ของเลบานอนพาดหัวข่าวว่า "คอนวอยขนสิ่งของช่วยเหลือซีเรียถูกปล้นด้วยปืนนอกอำเภอที่พวกกบฏยึดครองในจังหวัด Homs" (Syrian aid convoy robbed at gunpoint outside rebel-held district in Homs)

    โฆษกหญิงของยูเอ็นกล่าวว่ามีรถบรรทุกจำนวน 22 คันจากทั้งหมด 35 คันถูกยึดไปโดยกลุ่มชายติดอาวุธ และปล้นในระยะเผาขนเมื่อวันจันทร์นี้ใกล้ตัวเมืองจังหวัด Homs ข้าวของเหล่านี้เตรียมจะจัดส่งไปแจกจ่ายให้กับประชาชนที่อยู่อาศัยในพื้นที่โดยรอบเขต al-Waer ที่ถูกปิดล้อม

    โฆษกหญิงจากสำนักงานเพื่อความร่วมมือด้านกิจการให้ความช่วยเหลือมนุษยธรรมของยูเอ็นจากกรุงดามัสกัสกล่าวว่า "สหประชาชาติรู้สึกตกใจกับพื้นที่ด้านมนุษยธรรมในซีเรียที่หดตัวลงเรื่อยๆ และขอประณาม ในแง่ที่รุนแรงที่เป็นไปได้มากที่สุดกับความเฉยเมยต่อการปกป้องคนงานขนสิ่งของช่วยเหลือมนุษยธรรมในครั้งนี้นี้"

    [หล่อนกำลังด่าและใครอยู่ครับ? กำลังประณามโจรผู้ก่อการร้ายที่ก่อเหตุโจมตีและปล้นในครั้งนี้ใช่ไหมครับ? เปล่าครับ! หล่อนดราม่าด่าฝ่ายรัฐบาลซีเรียและกองทัพรัสเซียว่าไม่ปกป้องคนของหล่อนที่ขนข้าวปลาอาหารไปให้พวกผู้ก่อการร้ายนะสิครับ - ผู้แปล]

    ส่วนพวกนักกิจกรรมฝ่ายค้าน [Opposition activists พวกไม่ใช่แค่ชูป้ายประท้วงนะครับ มีอาวุธปืนและมีพฤติกรรมไม่ต่างจากผู้ก่อการร้ายเลย บางครั้งรับจ็อบเขียนข่าวโฆษณาชวนเชื่อ เขาจึงเรียกพวกนี้ว่า "นักกิจกรรม" - ผู้แปล] ได้กล่าวหากลุ่ม Liwa al-Rida ซึ่งเป็นกลุ่มติดอาวุธฝ่ายโปรรัฐบาลว่าวางแผนก่อเหตุการณ์ในครั้งนี้

    พื้นที่ al-Waerเป็นอำเภอเดียวเท่านั้นที่พวกบฏยังคงยึดครองอยู่ในเมืองฮอมส์ นับตั้งแต่พวกฝ่ายค้านและผู้ก่อการร้ายย้ายออกไปจากเขตเมืองเก่า (Old Homs) จากการเข้าร่วมการหยุดยิงทั่วประเทศเมื่อเดือนพฤษภาคม 2014 และปลายปี 2015 คณะผู้เจราจาจากฝ่ายกบฏและฝ่ายรัฐบาล ก็ได้หารือกันถึงการยอมมอบตัว แต่จนบัดนี้ก็ยังคงไม่บรรลุผล

    [ก่อนหน้านี้ พวกกบฏและผู้ก่อการร้ายบางส่วนในพื้นที่โดยรอบเขต al-Waer ได้ยอมวางอาวุธและขอย้ายไปอยู่ที่อื่นแทน เหลือแต่พวกอัลนุสราฟรอนท์ใน al-Waer ที่ยังคงใช้ชื่อ "กบฏสายกลางซีเรีย" หากิน และมีกาชาดสากล องค์กรจันทร์เสี้ยวแดงซีเรีย และยูเอ็นคอยส่งข้าว ส่งน้ำ เวชภัณฑ์ พร้อมทั้งอาวุธและเชื้อเพลิงให้อยู่เรื่อยๆ

    พออาวุธหรือเสบียงของพวกผู้ก่อการร้ายใกล้จะหมด ก็จะเห็นยูเอ็นและสารพัดองค์ NGO ออกมาเรียกร้องให้ส่งความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมเข้าไปในพื้นที่ของพวกผู้ก่อการร้ายด่วน อ้างประชาชนที่ติดอยู่ภายในพื้นที่ปิดล้อมกำลังจะอดตายแล้ว ในพื้นที่อื่นก่อนที่จะได้รับการปลดปล่อยจากผู้ก่อการร้ายโดยกองทัพฝ่ายรัฐบาลซีเรีย แก๊งพวกนี้ก็เล่นมุกนี้เช่นกัน เช่นในอะเลปโปตะวันอออก

    แต่หลังจากที่กองทัพฝ่ายรัฐบาลซีเรียและรัสเซียเตะโด่งพวกกบฏและผู้ก่อการร้ายออกจากพื้นที่ได้แล้ว ประชาชนชาวซีเรียเจ้าของบ้านตัวจริงทะยอยเดินทางกลับมาซ่อมแซมบ้านเรือนของตัวเองที่ถูกพวกผู้ก่อการร้ายยึดไปเป็นรังโจรก่อนหน้านี้ ไม่เห็นว่าจะมีหน่วยงานไหนของยูเอ็น กาชาดสากล และองค์กรจันทร์เสี้ยวแดงซีเรียส่งความช่วยเหลือไปให้ประชาชนในพื้นที่ที่ปลอดผู้ก่อการร้ายเลย พิลึกไหม?

    เมื่อปีที่แล้ว เกิดการสร้างสถานการณ์โจมตีคอนวอยความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมของยูเอ็นในพื้นที่ของพวกกบฏและผู้ก่อการร้ายในจังหวัดอะเลปโป ทั้งรัฐบาลและสื่อกระแสหลักของตะวันตกนำโดยสหรัฐและบางหน่วยงานของยูเอ็น รวมทั้งแก๊งหมวกกันน็อกข่าวต่างก็ดาหน้าออกมาพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า เป็นการโจมตีทางอากาศจากเครื่องบินรบของรัสเซียหรือไม่ก็ของฝ่ายรัฐบาลซีเรีย รัสเซียปฏิเสธ และถีบให้ไปหาหลักฐานมา อย่าใส่ร้ายคนอื่นลอยๆแบบนี้

    จากนั้นยูเอ็นก็ทำรายงานการตรวจสืบสวนสอบสวนเกี่ยวกับเหตุการณ์ดังกล่าว และยืนยันว่า ไม่มีหลักฐานชี้ชัดว่าเป็นฝีมือของรัสเซียหรือฝ่ายรัฐบาลซีเรีย กล่าวคือไม่ทราบว่าเป็นฝีมือของใคร แต่สันนิษฐานว่า (แปลว่า "ขอมโนว่า") อาจะเป็นฝีมือของรัสเซียก็ได้ อ้างคำบอกเล่าของแก๊งหมวกกันน็อกขาวจอมเต้าข่าวโฆษณาชวนเชื่อของพวกกบฏและผู้ก่อการร้ายในพื้นที่

    วันนี้ใช้วิธีเดียวกันคือ ขั้นแรกดักซุ่มโจมตีด้วยปืนครก แต่ครั้งนี้มีทหารของฝ่ายรัสเซียและฝ่ายรัฐบาลซีเรียติดตามไปด้วย ถ้าจะบอกว่าเป็นการโจมตีทางอากาศจากรัสเซียและซีเรียมันก็ฟังไม่ขึ้น ขั้นที่สองคราวนี้ขนไปกันเองแล้วก็บอกว่า "ถูกปล้น" ไปซะแล้ว ก็ตั้งใจขนไปส่งให้ถึงที่ขนาดนั้นแล้วก็บอกว่าถูกปล้นนี่นะ? จากนั้นก็หันมาเล่นมุกเดิม กล่าวคือโวยวายและโทษรัสเซียและฝ่ายรัฐบาลซีเรียว่าไม่ยอมคุ้มกันคอนวอยให้กับยูเอ็น ส่วนพวกกบฏและผู้ก่อการร้ายก็รับมุก และชิงกล่าวหาว่าต้องเป็นฝีมือกลุ่มติดอาวุธฝ่ายโปร-รัฐบาลแน่เลย ไม่ด่าน - ผู้แปล]

    The Eyes
    เพจ: ปอกเปลือก ทรราช
    https://www.facebook.com/fisont
    https://vk.com/theeyesproject
    22/02/2560
    ----------
    https://sputniknews.com/middleeast/201702211050893529-nusra-un-convoy-syria/
    https://sputniknews.com/middleeast/201702211050909600-un-convoy-al-waer-syria/
    https://www.almasdarnews.com/articl...ed-gunpoint-outside-rebel-held-district-homs/
     
  16. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,988
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ปอกเปลือก ทรราช
    รัสเซียบรรลุข้อตกลงขายจรวดต่อต้านรถถัง (anti-tank missiles) ให้กับสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) มูลค่า $700,000,000 ชักจะเริ่มเป็นห่วงเหล่านักรบฮูติแห่งเยเมนแล้วนะนี่
    -----------
    https://sputniknews.com/military/201702221050930015-uae-russia-anti-tank-missiles/
    .
     
  17. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,988
    ค่าพลัง:
    +97,149
    การเกิดของโรงไฟฟ้าถ่านหินกระบี่ หรือจะเป็นจุดเริ่มต้นของจุดจบของ กฟผ. ในที่สุด / พายัพ วนาสุวรรณ โดย พายัพ วนาสุวรรณ [​IMG]23 กุมภาพันธ์ 2560 10:17 น.
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    หลายคนอาจตกใจกับหัวข้อนี้ว่า แรงไปมั้ย

    แต่มั่นใจว่าในที่สุดแล้ว กฟผ.จะต้องถึงคราวที่ต้องเปลี่ยนแปลงไปในที่สุด คงไม่ใช่ใน 2-3 ปีนี้หรอก แต่คงจะเป็นช่วงชีวิตที่เราจะได้เห็นแน่ๆ และคงจะไม่นานเกินรอ!

    และในที่สุดของการเปลี่ยนแปลงของ กฟผ. ในวันข้างหน้า ถ้าจะดูย้อนหลังไป เชื่อว่า โรงไฟฟ้าถ่านหินกระบี่ คือองค์ประกอบที่สำคัญมากๆ ถ้าไม่ใช่สำคัญที่สุด

    ไม่รู้ว่าใครวางแผนการรุกโรงไฟฟ้าถ่านหินนี้ (ขอใช้ตัวย่อว่า รฟฟถห) และตรรกะในการรุกตลอดจนในการตอบโต้ฝ่ายคัดค้าน มันช่างเหมือนปรัชญาของ MBA จริงๆ ที่มองแค่คุ้มหรือไม่คุ้มในแง่การลงทุนเท่านั้น

    รฟฟถห กระบี่มีส่วนคล้ายและแตกต่างกับที่แม่เมาะ เพียงแต่ข้อแตกต่างมันมากเหลือเกิน ขณะที่แม่เมาะมีชุมชนเป็นชาวบ้านที่เมื่อได้รับการเยียวยาจาก กฟผ. แล้ว ทุกข์ก็อาจจะบรรเทาลงไปจนเกือบหมด หรือหมดไป

    แต่กระบี่มันมีมากกว่าชุมชน มันเป็น ICON ของการท่องเที่ยวของไทยและอาจจะเป็นหนึ่งใน ICON ของแหล่งท่องเที่ยวโลกได้เลย และกระบี่เต็มไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติของการท่องเที่ยวที่สามารถทำรายได้ให้ชุมชนและประเทศตราบชั่วฟ้าดินสลาย

    ถ้าวันหนึ่งการท่องเที่ยวของกระบี่ต้องพังทลายลงไปในที่สุด (ซึ่งคิดว่าต้องมาแน่ 5 ปี-10 ปี-15 ปี?) วันนั้นคงมีคน กฟผ. นักวิชาการฝ่ายสนับสนุน ตลอดจนผู้มีชื่อเสียงทั้งหลายที่ชอบใช้ชุดภาษาว่า ไฟฟ้าไม่พอใช้ เราไม่มีทางเลือก (เพราะเรารับผิดชอบในการหาไฟฟ้า-ยังดีที่ไม่ถึงขั้นพูดว่าพระพุทธเจ้าได้อนุโมทนาให้ กฟผ.ผูกขาดการหาไฟฟ้า) ต่างพากันบอกว่า ผมไม่ได้พูด และต่างฝ่ายก็จะชี้นิ้วตำหนิอีกฝ่าย ทั้งๆ ที่เคยเป็นพวกเดียวกัน

    การถกเถียงกันและหาเหตุผลมางัดค้านกันมักจะจบตรงที่ กฟผ.บอกว่า ต้องใช้ถ่านหิน เพราะต้นทุนมันถูก

    ฝ่ายตรงข้ามบอกว่าใช้อย่างอื่นได้ไหม? น้ำมันเตา น้ำมันปาล์ม (โดยบอกว่า แถบนั้นมีโรงงานน้ำมันปาล์ม 18 โรง)

    กฟผ.ยังไงก็ไม่ยอม ทั้งนักวิชาการ กฟผ. ผู้ใหญ่ กฟผ.ที่รับผิดชอบเรื่องแผนนโยบาย ก็ออกมายืนยัน เรื่องถ่านหิน เพราะคำว่า คุ้มที่สุด

    จนในที่สุดก็เลยเล่นมุข ถ่านหินสะอาด ตรงนี้เองขำไม่ออกจริงๆ! แต่ต้องยกนิ้วให้คนคิดวลีเด็ดนี้ เพราะมันทำให้การถกเถียงเบี่ยงเบนไปมิติอื่นเพราะ ถ่านหินสะอาด

    แต่น่าสนใจมากๆ และไม่มีใครรุกเรื่องนี้เลยว่า กฟผ.ช่วยบอกหน่อยว่าได้ติดต่อเรื่องถ่านหินจากอินโดนีเซียมานานแค่ไหนแล้ว?
    ติดต่อตั้งแต่คิดจะทำ?
    หรือติดต่อแล้วค่อยมาวางแผนว่าต้องทำ?
    ใครเป็นคนติดต่อ?
    แล้วต้องซื้อถ่านหิน + ค่าขนส่งคิดเป็นเงินปีละเท่าไหร่?
    ถ่านหินของอินโดนีเซียเป็นของบริษัทอะไร?
    ใครเป็นผู้ถือหุ้น?
    ถ้าโปร่งใสจริงขอดู E-Mail ที่ติดต่อกันย้อนหลังไปตั้งแต่เริ่มติดต่อ?

    มันมีความเป็นไปได้ไหม ! นี่ถามจริงๆ เลยนะ
    มันมีขบวนการจะกินค่าหัวคิวถ่านหินอินโดฯ มาตั้งแต่ต้นแล้ว เป็นไปได้ไหม?

    เป็นไปได้แน่นอน!!!
    ถ้าสินบนโรลส์รอยซ์เป็นไปได้ ทำไมเรื่องนี้จะเป็นไปไม่ได้ !!!

    ถ้าเป็นไปได้ นี่คือการกินระยะยาวเป็น 10ๆ ปี

    และกลุ่มคนที่สนับสนุนอย่างหัวชนฝาให้เกิดคงต้องเป็นขบวนการเลยทีเดียว!!

    ที่ไม่เข้าใจ ถ้าประเทศทางยุโรปตะวันตกเขายกเลิกโรงไฟฟ้าถ่านหินไม่ว่าจะเป็นเบลเยี่ยม ฝรั่งเศส ฯลฯ แสดงว่าเขารู้ดีว่าถ่านหินคือตัวการสร้างมลภาวะที่ทำให้โลกร้อน และทำลายสิ่งแวดล้อม!!

    พวกประเทศทางยุโรปที่ยกเลิกโรงไฟฟ้าถ่านหิน คงไม่เคยได้ยินมันมี ถ่านหินสะอาด”!!! หรือว่าวิศวกรเขาโง่กว่าเรามาก ทำไม กฟผ.ไม่เสนอถ่านหินสะอาดให้พวกเขาบ้าง??? เผื่อเขาจะได้ฉลาดแบบนักวิศวฯ และผู้บริหาร กฟผ.บ้าง!!

    แต่ประเด็นสำคัญที่ กฟผ.ไม่ได้ทำและไม่สนใจทำคือการแสดงออกถึงความโปร่งใสในการใช้พลังงานขับเคลื่อนโรงไฟฟ้าที่กระบี่ ประชาชน และชุมชนตลอดจนคนไทยและคนทั่วโลกที่รักความงดงามของกระบี่กำลังสงสัยว่า มันไม่มีทางเลือกอื่นเลยหรือในการใช้พลังงานที่ไม่ใช่ถ่านหินมาเป็นขับเคลื่อนโรงไฟฟ้า

    กฟผ.ได้แต่ท่อง นโมตัสสะ อยู่แต่คำว่า “มันไม่คุ้ม”

    ทำไม กฟผ.ไม่แสดงให้ประชาชน เห็นว่า ถ้าใช้พลังงานอย่างอื่นแล้วค่าไฟมันจะตกหน่วยละเท่าไหร่ เมื่อเทียบกับถ่านหิน!!!??

    แน่นอนที่สุดต้องเอาผู้เชี่ยวชาญที่เป็นกลางหรือบุคคลที่ 3 เข้ามาคำนวณ

    ถ้าค่าไฟมันสูงขึ้น แต่สามารถทำให้ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมคงสภาพเดิม ประชาชนอาจจะยอมจ่ายค่าไฟสูงขึ้นก็ได้??

    ทั้งหมดนี้มันเป็นรากเหง้าของการผูกขาดของ กฟผ. ที่ไม่ผิดถ้าทำเพื่อส่วนรวมจริงๆ แต่กรณี รฟฟถห กระบี่ มันลึกลับ ซับซ้อน ซ่อนเงื่อนมากจนเกินไป และมีข้อสงสัยที่มากมายและ กฟผ.ก็ไม่สามารถและไม่ต้องการให้คำตอบ

    ที่น่าเจ็บช้ำน้ำใจมากที่สุด คือคำว่า ไม่คุ้ม

    อยากเห็นจริงๆ ถึงการวิเคราะห์ของความคุ้มของ กฟผ.ในการใช้ถ่านหิน และความไม่คุ้มของสิ่งแวดล้อม ที่พังทลายลงไป ระหว่างโรงไฟฟ้าหนึ่งกับอนาคตของสิ่งแวดล้อมธรรมชาติที่สวยงดงาม ที่อาจจะล่มสลายไปตลอดนิรันดรกาล

    [​IMG]
    [​IMG]
    ใครคิดตรงนี้ไม่ออกก็แย่แล้ว!!!

    การท่องเที่ยว ความงดงามทางธรรมชาติ มั่นคง ยั่งยืนตลอดชีวิตต่อไปทุกรุ่น ทุกๆ ลมหายใจของมนุษยชาติ

    ทั้งหมดนี้มันจะพังทลายลงไปเพราะ ตรรกะที่ว่าโรงไฟฟ้าใช้ถ่านหินคุ้มที่สุด

    เราจะตีมูลค่าของ ธรรมชาติความงาม ด้วยอะไร?

    มันตีเป็นมูลค่าไม่ได้!!
    อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวทำเงินให้เราที่กระบี่ไปอีกชั่วลูกชั่วหลานชั่วเหลนชั่ว......ฯลฯ

    นี่ยังไม่นับถึงสภาพจิตใจ ความเป็นอยู่ของคนท้องถิ่น

    บางทีมันอาจจะถึงเวลาที่ต้องมีการตรวจสอบแล้วนะว่าต้นทุนของ กฟผ.จริงๆ แล้วมันเท่าไหร่กันแน่??

    มีนักวิชาการทางถ่านหิน (ไม่รู้ กฟผ.ไปหาจากไหนมา) จากจุฬาฯให้สัมภาษณ์ว่า ถ่านหินไม่เป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อม ไม่มีข้อพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ว่าอันตราย ให้ดูที่มาบตาพุดซิ

    ฟังแล้วอ้าปากหวอจริงๆ!!

    พุทธัง ธัมมัง สังฆัง!!
    กฟผ.จะใช้ใครออกมาสนับสนุนก็กรุณาเลือกหน่อยซิ
    แม่เมาะยังเป็นบทเรียนให้ไม่พออีกหรือ?
    มาบตาพุด-ระยองล่มสลายทั้งจังหวัด!!
    โรงเรียนและชุมชนทั้งมาบตาพุดและระยองต้องปิดบ้าน ปิดโรงเรียน ย้ายถิ่นฐานเพราะมลพิษในบริเวณนั้น
    อาจารย์ นักวิชาการคนนี้ไปอยู่ที่ไหนมานี่?

    ถ้า กฟผ.ไม่ทำตัวเป็น เทพเจ้าแห่งการผูกขาดในการผลิตไฟ

    ป่านนี้เราจะมีพลังงานทดแทน และผู้ผลิตไฟมากมาย ที่สามารถจะชดเชยส่วนที่ขาดได้

    แต่ทุกครั้งที่พูดเรื่องนี้ กฟผ.ก็จะออกมาโต้ว่า พลังงานทดแทนมันปริมาณน้อย

    มันไม่น้อยได้ยังไง? เพราะราคารับซื้อจากเขามันถูกเกิน เราต้องรับซื้อไฟจากเขาในราคาสูงขึ้น เพื่อให้มีการกระตุ้นการลงทุนในด้านพลังงานเช่นนี้มากขึ้น

    หรืออีกนัยหนึ่ง ส่วนต่างของ กฟผ.ก็คงต้องแคบลง

    ทำเพียงแค่นี้ และขจัดความคิดที่ว่า กฟผ. คือ เทพเจ้าแห่งไฟ ในเทพนิยายกรีก ส่งเสริมให้เอกชนลงทุน และเปิดกว้างให้เขาขายไฟให้ในราคาที่เขามีสัดส่วน การคืนทุนเขาอย่างน้อยปีละ 8-12% รับรองว่า ในไม่เกิน 10 ปี ทุกอย่างจะราบรื่น

    กฟผ.ก็คงจะเป็นผู้กำหนดกติกา และคุมดูแลสายส่ง

    ยุคสมัยการผูกขาดตั้งแต่หัวถึงหางมันหมดไปแล้ว!! แต่กฟผ.ก็ยังหลงยุคอยู่

    วันหนึ่งข้างหน้าถ้าสิ่งแวดล้อมและธรรมชาติที่งดงามของกระบี่มันเสื่อมโทรมลง วันนั้นทุกคนในสังคมก็จะชี้นิ้วหาคนรับผิดชอบเหตุที่เกิด

    เชื่อได้เลยว่าคนที่ต้องรับหนักที่สุดคือ กฟผ.

    เชื่อได้อีกเช่นกัน พล.อ.ประยุทธ์ฯ (ถึงเวลานั้นอาจจะตายไปแล้ว) ก็จะบอกว่าเพราะ กพช.เสนอแนะนำมา กรรมการ กพช.ก็จะบอกว่าเพราะ กฟผ.นั่นเองแหละคือตัวการ

    เรื่องนี้ไม่ต้องจบคณะนิวเคลียร์ฟิสิกส์ ก็สามารถจะทำนายได้อย่างถูกต้อง!!!

    ความจริงแล้วการผลักดันโรงไฟฟ้าถ่านหินที่กระบี่นั้น คือเชื่อกที่คล้องคอ กฟผ.โดยไม่รู้ตัวเอง

    โรงไฟฟ้ากระบี่อาจจะคุ้มเพราะใช้ถ่านหิน แต่เชื่อได้ว่านี่จะเป็นจุดเริ่มต้นของจุดจบที่ กฟผ.ในอนาคตต้องถูกย่อยสลายลงไป

    น่าเสียดายถึงวันนั้น ถึงแม้ กฟผ.จะตายไปแล้ว แต่ใครเล่าจะมากู้ความงามตามธรรมชาติของกระบี่ที่หายไปตลอดกาล!

    http://manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9600000018742
     
  18. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,988
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ปอกเปลือก ทรราช
    โฆษกหญิงก.ต่างประเทศรัสเซียแนะให้ยูเครนไปจัดระเบียบความยุ่งเหยิงในบ้านตัวเองให้ดีก่อนแล้วค่อยมาพูดถึงเรื่องระหว่างประเทศ หลังยูเครนเสนอให้ปลดอำนาจวีโต้ของรัสเซียในยูเอ็นออก
    ------------

    วันที่ 22 ก.พ.60 TASS พาดหัวข่าวว่า "กรุงเคียฟเสนอให้ปลดอำนาจวีโต้ของรัสเซียในคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ" (Kiev proposes removing Russia’s veto power in UN Security Council)

    นาย Pavel Klimkin รัฐมนตรีต่างประเทศยูเครนเสนอให้ถอดสิทธิ์ในการวีโต้ (คัดค้าน) ของรัสเซียในคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติออก ในการตัดสินใจเกี่ยวกับสถานการณ์ในยูเครน โดยอ้างว่ากรุงมอสโคว์มีส่วนเกี่ยวข้องในความขัดแย้งในภูมิภาคดอนบาสส์ รัฐมนตรียูเครนกล่าวในที่ประชุมคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติเมื่อวันอังคารนี้ ซึ่งชัดเจนว่าควรจะเริ่มดำเนินการในบทบัญญัติต่างของกฎบัตรสหประชาชาติ

    "พวกเราจำเป็นต้องมีการปฏิรูปคณะมนตรีความมั่นคงเป็นการด่วน เพื่อถอดการละเมิดอำนาจวีโต้ คณะมนตรีความมั่นคงควรจะมีศักยภาพในการพูดถึง 'ความขัดแย้งนองเลือด' (bloody conflicts) อย่างมีประสิทธิภาพ โดยไม่คำนึงถึงการมีอยู่ที่เป็นไปได้ของฝ่ายหนึ่งต่อความขัดแย้งบนโต๊ะนี้ ในฐานะสมาชิกถาวรคณะมนตรีความมั่นคง" นาย Klimkin กล่าว

    [ยูเครนเป็นหนึ่งในสมาชิกชั่วคราวในคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติจากทั้งหมด 10 ประเทศ ซึ่งมีวาระในการดำรงค์ตำแหน่งเป็นเวลา 2 ปี จะหมดวาระในปี 2017 นี้ ส่วนสมาชิกถาวรคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติมีทั้งหมด 5 ประเทศคือ สหรัฐ อังกฤษ ฝรั่งเศส รัสเซีย และจีน เรียกว่า "P5" ทั้งห้าประเทศนี้มีสิทธิ์พิเศษในการใช้อำนาจ "วีโต้" เพื่อคัดค้านบางมติของที่ประชุมคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ซึ่งประเทศสมาชิกชั่วคราวทั้ง 10 ประเทศไม่มีอำนาจในการใช้สิทธิ์นี้ - ผู้แปล]

    ก่อนหน้านี้ นาย Vitaly Churkin อดีตผู้แทนถาวรของรัสเซียประจำสหประชาชาติได้กล่าวว่า "ความเพลิดเพลินในริเริ่มใดๆที่จะฝ่าฝืนสิทธิ์ในการวยับยั้งต่อสมาชิกถาวรในคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติทั้งห้าประเทศ สำหรับรัสเซียแล้วเป็นเรื่องไม่อาจจะยอมรับได้"

    ต่อมา วันที่ 22 ก.พ.60 Sputnik พาดหัวข่าวว่า "กรุงเคียฟควรจะ 'จัดการกับความยุ่งเหยิงในบ้านของตนเอง' ก่อนออกมาร้องขอให้หั่นอำนาจวีโต้ของรัสเซีย" (Kiev Should 'Sort Out Mess at Home' Before Asking to Strip Russia of Veto Power)

    นาง Maria Zakharova โฆษกหญิงกระทรวงต่างประเทศรัสเซียเรียกร้องให้กรุงเคียฟมุ่งความสนใจไปที่กิจการภายในของยูเครนแทนที่จะเสนอให้มีการกีดกันกรุงมอสโคว์จากการใช้สิทธิ์คัดค้านในคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ

    "อย่างแรกเลยนะคะ คุณควรจะไปจัดการกับปัญหาที่วุ่นวายที่บ้านตัวเองก่อนนะคะ ทำทุกอย่างให้เข้าที่เข้าทางก่อนนะคะ จากนั้นค่อยสะเออะมาพูดถึงการปรับปรุงกลไกระหว่างประเทศนะคะ" (First you need to sort out the mess at home, get everything on the right track there, then take up the improvement of international mechanisms.) โฆษกหญิงกระทรวงต่างประเทศรัสเซียกล่าวในการแถลงข่าวประจำสัปดาห์

    โฆษกหญิงกล่่าวอีกว่า "ณ ตอนนี้ กลไกต่างๆระหว่างประเทศกำลังทำงานได้ดีพอสมควร โดยไม่มีคุณ Klimkin" และได้เรียกร้องให้กรุงเคียฟโฟกัสไปที่กิจการภายในของตนเอง อีกครั้ง

    นาย Klimkin เรียกการเป็นสมาชิกของรัสเซียในคณะมนตรีความมั่นคงแห่งยูเอ็นว่า "เป็นปัญหาพื้นฐาน" และกล่าวหารัสเซียอีกครั้งว่าเติมเชื้อไฟลงในความขัดแย้งในยุโรป

    [นั่นไง! สงสัยพวกนี้จบจากโรงเรียนเดียวกันแหงๆ ขี้เยี่ยวไม่ออกก็ก็ต้องโทษรัสเซียเอาไว้ก่อน ยุโรปเกิดความขัดแย้งแล้วมันเกี่ยวอะไรกับรัสเซีย?

    อย่าบอกนะว่า สาเหตุที่อังกฤษทะเลาะกับอียูและถอนตัวออกจากการเป็นสมาขิกของสหภาพอียูนั้นมาจากรัสเซีย ฮิ้วววว หรือจะบอกว่า การที่เยอรมันใช้นโยบายเปิดประตูรับผู้อพยพแบบไม่อั้น แล้วก็กำลังนั่งกุมกระบาลตัวเองเกี่ยวกับวิกฤตผู้อพยพจากตะวันออกกลางและแอฟริกามาจากรัสเซีย หรือจะบอกว่าวิกฤตหนี้สินของกรีซก็มีสเหตุมาจากรัสเซีย

    หรือจะอ้างแบบผอ.หน่วยข่าวกรองของเอสโตเนียว่า ถ้าทหารขี้เมาของอังกฤษฟาดปากกันกับคนท้องถิ่นในบาร์เหล้าในเอสโตเนียเพราะแย่งหญิงกันหรือเพราะอะไรก็แล้วแต่ ให้บอกว่าเป็นเพราะ (สายลับสาวสวย) ของรัสเซีย (honeytrap) หรือจะบอกว่าการที่สหรัฐกำลังทะเลาะกับกลุ่มอียูในเรื่องการเพิ่มงบกลาโหมของแก๊งนาโต้ เพราะรัสเซียเป็นต้นเหตุ เหมือนกับที่นางฮิลลารี่ และพรรคเดโมแครทของสหรัฐแพ้เลือกตั้งให้กับทรัมป์ แล้วก็บอกว่าเพราะรัสเซียแทรกแซง

    หรือจะบอกว่ากรณีตำรวจฝรั่งเศสตุ๋ยเด็กผิวสี จนนำไปสู่การประท้วงและก่อจลาจลในกรุงปารีสเมื่อเร็วๆนี้ ก็เป็นฝีมือของรัสเซีย ม็อบหัวรุนแรงก่อเหตุเผารถยนต์หลายสิบคันในกรุง Stockholm ประเทศสวีเดนวันก่อนนี้ก็เพราะว่ารัสเซียอยู่เบื้องหลังทั้งหมดอีกสิ - ผู้แปล]

    The Eyes
    เพจ: ปอกเปลือก ทรราช
    https://www.facebook.com/fisont
    https://vk.com/theeyesproject
    23/02/2560
    ----------
    https://sputniknews.com/…/201702221050932811-russia-ukrain…/
    https://sputniknews.com/…/201702221050944613-ukraine-russi…/
    http://tass.com/world/932271
    http://www.un.org/en/sc/members/
    https://www.rt.com/news/378291-sweden-police-riot-rinkeby/


    https://www.rt.com/…/377882-scuffles-kiev-maidan-anniversa…/
    https://www.rt.com/…/377838-donetsk-ukraine-agreement-anni…/

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]
     
  19. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,988
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ปอกเปลือก ทรราช
    ตุรกียกเลิกการห้ามผู้หญิงในกองทัพคลุมฮิญาบ รัฐบาวาเรียในเยอรมันเตรียมออกกฎหมายแบนชุด Burqa ของผู้หญิงมุสลิม
    ------------

    [​IMG]

    สองข่าวสองกระแสเกี่ยวกับการแต่งกายของหญิงมุสลิม ข่าวแรก วันที่ 24 ก.พ.60 BBC พาดหัวข่าวว่า "ตุรกีแก้กฎหมายห้ามสวมผ้าคลุมศรีษะสำหรับเจ้าหน้าหญิงในกองทัพ" (Turkey reverses female army officers' headscarf ban) รัฐบาลตุรกีสั่งยกเลิกการห้ามผู้หญิงมุสลิมในกองทัพสวมฮิญาบ

    กองทัพเป็นสถาบันสุดท้ายที่ได้มีการยกเลิกการห้ามคลุมฮิญาบ ซึ่งกฎระเบียบนี้มีมายาวนานในรัฐธรรมนูญของตุรกี การสวมผ้าคลุมศรีษะในหน่วยงานต่างๆของรัฐบาลถูกห้ามตั้งแต่ปี 1980s

    แต่ประธานาธิบดีแอร์โดกัน (Recep Tayyip Erdogan) ผู้นำตุรกีแย้งว่า "ข้อห้ามดังกล่าวเป็นร่องรอยของความใจแคบในอดีต" ได้มีการโต้เถียงกันเกี่ยวกับเรื่องนี้ในตุรกีมาเป็นเวลาหลายปีแล้ว

    ฝ่ายฆราวาสนิยม (Secularists) มองว่าผ้าคลุมศรีษะเป็นสัญลักษณ์ของลัทธิอนุรักษ์นิยมทางศาสนา (religious conservatism) และได้กล่าวหาประธานาธิบดีแอร์โดกันว่า เดินหน้าผลักดันวาระของอิสลามิสต์ การเปลี่ยนโรงเรียนรัฐหลายแห่งให้เป็นโรงเรียนสอนศาสนาเป็นส่วนหนึ่งของคำสัญญาเพื่อปลุก "คนรุ่นใหม่ให้เคร่งศาสนา"

    [ขบวนการกูเลน ของนาย Gülen Hareketi นักสอนศาสนาที่ขณะนี้ลี้ภัยอยู่ในประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งแอร์โดกันเชื่อว่าเป็นหนึ่งในผู้อยู่เบื้องหลังแผนการพยายามก่อรัฐประหารในตุรกีเมื่อปีที่แล้ว ก็มีนโยบายที่คล้ายกับของแอร์โดกันในตอนนี้ ซึ่งขยายอิทธิพลทางการเมืองของตนเองและขบวนการโดยการใช้ศาสนาเป็นเครื่องมือ แต่เป็นศัตรูตัวฉกาจของแอร์โดกัน - ผู้แปล]

    ฝ่ายอนุรักษ์นิยมกล่าวว่า พวกเขาถูกมองว่าเป็นพลเมืองชั้นสองมาเป็นเวลานานแล้ว และผ้าคลุมศรีษะก็เป็นการแสดงออกถึงเสรีภาพส่วนบุคคล

    [รายงานข่าวไม่ได้บอกว่า ผู้หญิงมุสลิมทุกคนในกองทัพจะต้องสวมฮิญาบหรือไม่ หลังจากการยกเลิกการห้ามคลุมฮิญาบในครั้งนี้ และถ้ามีผู้หญิงมุสลิมบางคนในตุรกีปฏิเสธฮิญาบโดยอ้างเรื่องเสรีภาพส่วนบุคคลบ้างหละ? - ผู้แปล]

    ข่าวที่สองวันที่ 22 ก.พ.60 RT พาดหัวข่าวว่า "รัฐบาลท้องถิ่นรัฐบาวาเรียเสนอให้แบนชุดเบอร์ก้าสำหรับข้าราชการพลเรือนและในสถานที่สาธารณะ" (Bavarian govt proposes burqa ban for civil servants & in public places)

    รัฐบาลรัฐบาวาเรียแห่งสหพันธรัฐเยอรมันได้เดินหน้าผลักดันร่างกฎหมายที่เสนอให้มีการห้ามใช้ผ้าปกปิดใบหน้าทั้งหมดในสถานที่สาธารณะบางแห่งและสำหรับพนักงานของรัฐด้วย แผนการนี้ทำให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์ในโซเชียลมีเดียของแต่ละขั้ว

    "การปกปิดใบหน้าของตัวเองจะถูกห้ามในพื้นที่สาธารณะต่างๆเช่น ในโรงเรียนมัธยม โรงเรียนทั่วไป โรงเรียนอนุบาล ในพื้นที่ที่เกี่ยวกับการรักษาความปลอดภัยทั่วไปและในช่วงที่มีการเลือกตั้ง" รัฐบาลบาวาเรียประกาศหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี

    "การติดต่อสื่อสารกันเกิดขึ้นไม่ใช่เฉพาะผ่านคำพูดเท่านั้น แต่ยังผ่านการสบตากัน การแสดงออกทางสีหน้า และท่าทางด้วย นี่เป็นบรรทัดฐานเกี่ยวกับการปฏิสัมพันธ์ของพวกเรากับคนอื่น และเป็นพื้นฐานของสังคมของพวกเรา และเป้นระเบียบแบบประชาธิปไตยเสรีของพวกเรา" นาย Joachim Hermann รมว.มหาไทยของรัฐบาวาเรียกล่าว

    เมื่อเร็วๆนี้ รัฐบาลเยอรมันได้นำเสนอร่างกฎหมายสั่งห้ามสวมชุด burga สำหรับพนักงานของรัฐ เจ้าหน้าที่ศาล และทหาร อย่างไรก็ตามนาย Thomas de Maiziere รัฐมนตรีมหาดไทยของรัฐบาลกลางเยอรมันได้แนบบันทึกไว้กับร่างกฎหมายฉบับนี้ว่าอาจจะขัดรัฐธรรมนูญก็ได้

    ชุด burqa และผ้าคลุมศรีษะอื่นๆของผู้หญิงมุสลิมกำลังกลายเป็นประเด็นถกเถียงกันในยุโรป บ่อยครั้งที่ถูกมองว่าเข้ากันไม่ได้กับคุณค่าแบบฆราวาสนิยม

    ฝ่ายอนุรักษ์นิยมกล่าวว่า การห้ามสวมชุด burqa หรือ niqab "อาจจะถูกมองว่าเป็นการละเมิดสิทธิพื้นฐานและเสรีภาพทางศาสนา"

    [ต่างฝ่ายต่างก็อ้างเสรีภาพ ฝ่ายที่ต้องการสวมก็บอกว่า มันเป็นเสรีภาพของฉันที่จะปฏิบัติตามกฎข้อบังคับทางศาสนา ฝ่ายคัดค้านแย้งว่า กฎและการแต่งตัวแบบนั้นมันขัดกับหลักการเสรีภาพแบบฆราวาสนิยมและแบบตะวันตก นี่คือจุดเริ่มต้นของ "clash of civilizations" - ผู้แปล]

    รายงานข่าวบอกว่า ประเทศฝรั่งเศสเป็นประเทศแรกที่สั่งห้ามปกปิดใบหน้าทั้งหมดในปี 2011 โดยอ้างหลักการของฆราวาสนิยม (secularism) ต่อมาเบลเยี่ยมก็เอาอย่างฝรั่งเศสบ้าง

    ป.ล. ภาพนินจาญี่ปุ่นไม่เกี่ยวกับข่าวนี้นะครับ แอ็ดมินจับมาใส่เฉยๆ อ้อที่อิหร่านผู้หญิงบางคนนิยมฝึกเป็นนักรบนินจาแบบญี่ปุ่นด้วยนะครับ

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]


    The Eyes
    เพจ: ปอกเปลือก ทรราช
    https://www.facebook.com/fisont
    https://vk.com/theeyesproject
    23/02/2560
    ----------

    https://www.rt.com/news/378208-germany-bavaria-burqa-ban/
    https://sputniknews.com/…/201702221050952761-bavaria-burka…/
    http://en.people.cn/102774/8319628.html
    http://en.people.cn/90777/8319563.html
    https://sputniknews.com/art_living/201504171021041708/
     
  20. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,988
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ปอกเปลือก ทรราช
    ผอ.หน่วยข่าวกรองเอสโตเนียเตือนทหารนาโต้ให้ระวัง honeytrap จากสายลับสาวรัสเซีย อาจจะเป็นสาเหตุให้ทหารอังกฤษเมาทะเลาะวิวาทกันในบาร์ก็ได้ ฮิ้ววว
    [​IMG]
     

แชร์หน้านี้

Loading...