ติดตามสถานะการณ์

ปอกเปลือก ทรราช
กลาโหมรัสเซียปล่อยคลิปที่สองวินาทีขีปนาวุธ Kalibr ของรัสเซียที่ปล่อยจากเรือดำน้ำ Krasnodar และเรือรบ Admiral Essen และ Admiral Grigorovich จากทะเลเมดิเตอร์เรเนียนนอกชายฝั่งซีเรียพุ่งเข้าโจมตีเป้าหมายกองทัพปีศาจไอซิสในพื้นที่จังหวัด Hama ประเทศซีเรียเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา เข้าเป้าทุกเม็ด เสียใจด้วยนะครับสหรัฐ นี่สิถึงจะเรียกว่ามืออาชีพของจริง ไม่ใช่อเมริกาที่ยิงจรวดโทมาฮอว์ค 59 ลูกถล่มฐานทัพอากาศของซีเรียแต่เข้าเป้าเพียง 23 ลูกเท่านั้น (25 มิ.ย.60)
-----------

https://www.almasdarnews.com/article/syria-mod-footage-shows-kalibr-missiles-obliterating-targets/

 

คาถาปโชตา
______________ข้อมูล ของคาถาปโชตาได้กระจัดกระจายอยู่ในเอกสารล้านนาหลายฉบับและมีอยู่หลากหลาย รูปแบบ ทั้งบทสวดที่เป็นบาลีและตัวเมือง บางฉบับบอกถึงประวัติ บ้างแสดงเป็นนิสัยแปลบาลียกศัพท์ มีกลบทที่ผูกเป็นเรือนยันต์ บ้างก็นำไปประยุกต์ใช้กับงานพุทธศิลป์และศิลปกรรมเช่น ก่อพระเจ้า(สร้างพระพุทธรูป) ผ้ายันต์ เสื้อยันต์ ยันต์โขงชาตา(ยันต์ผูกดวง) เป็นต้น
______________จาก เอกสารล้านนา พับขนานอริยวงศ์ วัดหนองเงือก ต.แม่แรง อ.ป่าซาง จ.เชียงใหม่ ที่เป็นเอกสารหลักในการใช้ศึกษา มีใจความสอดคล้องกับเอกสารฉบับอื่นๆและฉบับธัมม์ใบลานของ “ครูบาจีนาเมืองหอด” (ลูกศิษย์ครูบาเจ้าศรีวิไชย) มีข้อความหลักทับซ้อนกันทุกประการ แตกต่างเพียงรายละเอียดปลีกย่อยเท่านั้น ปริวรรตได้ว่า…

“…จุทฺทสมคาถา ๑๔ บทนี้เกิดใน เมืองลังกา อรหันตาเจ้าขอดไว้ในเมืองลังกา หื้อพระญาสัทธาติสสะจำเริญไหว้ พระญาสัทธาติสสะได้จำเริญยังคาถา ๑๔ บทนี้ค็วุฑฒินัก เสิวยรามสัมปัตติในเมืองลังกาทวีปเสี้ยงจิรกาลเมินนาน อายุค็ยืนหาพยาธิโรคาบ่ได้ ปราบแพ้ข้าเสิกทังมวลแล กาละนั้นพระเจ้าเรานิพพานแล้วได้ ๒๑๘ ปลีแล ตั้งอยู่ในเมืองลังกาเมินนาน ลำดับสืบสืบมาเถิงกาละเมื่อ จุฬสกราชได้ ๘๐๐ ปลาย(พ.ศ.๑๙๘๕) พระญาติโลกได้เสวยราชสัมปัตติในเมืองเชียงใหม่ ยังมีมหาเถรเจ้าตน๑ ชื่อว่า เชยยมังคละ อยู่วัดมหาธาตุเจ้าหริภุญเชยย์ ได้ไพไหว้พระทันตธาตุในเมืองลังกา แล้วแสวงหายังสวาตรสิปปธัมม์อันประเสริฐในสำนักแห่งครูบานักปราชญ์เจ้าทัง หลาย แล้วครูบานักปราชญ์เจ้าทัหลายค็หื้อคาถา ๑๔ บทนี้แก่มหาเถรเจ้าตนชื่อ เชยยมังคละแล
______________เชย ยมังคละเถรเจ้าค็แต้มเขียนเรียนเอาคุรุปเทศวิธีทังมวล แล้วค็คืนสู่เมืองหริภุญเชยย์อยู่วัดหลวงเปนตนอุปปัฏฐากมหาธาตุเจ้าหริภุญ เชยย์ ได้หื้อพระญาติโลกจำเริญสวาดธิยาย พระญาติโลกได้จำเริญสวาดธิยายไหว้พระเจ้าด้วยคาถาทังหลาย ๑๔ บทฝูงนี้ค็วุฑฒินัก เสิวยราชสัมปัตติในเมืองเชียงใหม่เสี้ยงจิรกาลเมินนาน อายุค็ยืนหาพยาธิโรคาบ่ได้ ปราบแพ้ข้าเสิกทังมวล ได้เลิกยกยอส้างแปลงยังพุทธสาสนาเมืองเชียงใหม่หื้อรุ่งเรือง มีมหาธาตุเจ้าหริภุญเชยย์เปนต้นแล ถัดนั้นแม่นเสนาอามาตย์เจ้าขุนผู้น้อยผู้ใหย่ ผู้ใดจำเริญถือทือค็วุฑฒิด้วยโภคะเข้าของสัมปัตติ ยัสสะ สิริ เตชะ อายุ วัณณะ สุขุ พละ ชู่อัน แม่นไพร่ชาวเมืองผู้ใดได้จำเริญถือทือวุฑฒินัก บ่ถอยจากสัมปัตติ แม่นสมณะชีป่า มหานาคเจ้าทังหลาย คือสมเด็จราชครูสังฆราชสามีชีเถรเจ้าทังหลายขึ้นใจจำเริญส้างเปนยันต์ถือทือ ค็วุฒิจำเริญด้วยสิกข์โยมคุรุปัฏฐากมากหลาย มีวิสารทะธารณะปัญญาแล อันนี้ว่ตามอัตถบาฬี อันโบราณจริยเจ้าแต้มไว้ในใบลาน
______________ปัญญาวชิรอรัญญวาสีหากพิจารณาไขแต่บาฬีออกไว้ในใบลานเพื่อให้เปนหิตสุขประโยชนะแก่คระหัฏฐ์แลนักบวชเจ้าทังหลายแล…”

______________ใน ตอนท้ายยังได้กล่าวถึง มหาป่าเจ้าปัญญาวชิรอรัญญวาสี เป็นผู้แปลออกมาจากพระบาลีที่ปรากฎในคัมภีร์ใบลานเพื่อให้เป็นประโยชน์แก่ คฤหัสถ์และนักบวชทั้งหลาย มหาป่าเจ้าองค์นี้ในมีหลักฐานปรากฎใน ตำนานพื้นเมืองเชียงใหม่ ว่า”…อยู่มาเถิงสักกราชได้ ๑๑๖๘ ตัว(พ.ศ.๒๓๔๙)เปนวันพระญาวัน ได้หดหล่อน้ำมุทธาราชภิเสกยังสวาธุเจ้าปัญญาวชิระมหาป่าเจ้าขึ้นเปนสมเด็จ เสฏฐอัคควรราชเปนสังฆนายกะ…”คือได้รับการแต่งตั้งเป็นสังฆราชาราชครูหลวง เมืองเชียงใหม่…”

ปโชตา ที่ปรากฏในตำราพระเวทพิสดาร ภาค ๑
________ตำราพระเวทพิสดาร ภาค๑ เรียบเรียงโดยอาจารย์เทพย์ สาริกบุตร กล่าวถึงประวัติของพระคาถาปโชตา ไว้ดังนี้…

“…สิทธิการิยะ พระคาถาทั้ง ๑๔ บทนี้ บังเกิดในเมืองลงกาทวีป นักปราชญ์แลผู้วิเศษทั้งหลายมีความปรารถนาจักให้บังเกิดความเจริญแก่พระมหา กษัตริย์ คือพระเจ้าเทวานัมปิยดิษ จึงเลือกเอาพระพุทธคุณที่วิเศษ ประกอบขึ้นเป็นพระคาถา ๑๔ บทนี้ถวายแก่พระเจ้าทวานัมปิยดิษ พร้อมทั้งอุปเท่ห์ด้วย
______________พระ เจ้าเทวานัมปิยะดิษเธอก็ทรงเล่าเรียนพระคาถานี้ไว้ แล้วทรงสวดมนต์ภาวนาเป็นเนืองนิตย์ ก็ได้บังเกิดพระยศพระเกียรติตบะเดชะ ปรากฏไปทั่วทิศานุทิศ เสวยราชสมบัติยืนนานจีรังกาลอยู่ในเมืองอนุราธบุรีลังกานั้น
จึงมีพระมหาเถรเจ้าองค์หนึ่ง ชื่อพระมหาชัยยมงคลเถรเธอมีศีลบริสุทธิ์ได้ไปไหว้พระทันตธาตุถึงเมืองลังกา เธอมีความปรารถนาจะให้เป็นประโยชย์แก่พระมหากษัตริย์ในชมพูทวีป เธอจึงขอเอาพระคาถาทั้ง ๑๔ บทนี้ มาถวายแก่สมเด็จพระพรหมไตรโลกเจ้า สมเด็จพระพรหมไตรโลกเจ้า จึงถวายแก่พระมหากษัตริย์ในชมพูทวีป และพระมหากษัตริย์ก็ได้เล่าเรียนทรงเอาไว้ สวดมนต์ภาวนาเป็นนิจกาลก็ได้จำเริญพระยศพระเกียรติปรากฏไปทั่วต่างประเทศ ต่างก็อ่อนน้อมมาสู่พระราชสมภารมิอาจจะขัดแย้งอยู่ได้เลย ด้วยเดชานุภาพพระพุทธมนต์ ๑๔ บทนี้แล
______________อธิบาย ว่าท้าวพระญามหากษัตราธิราช และสมณชีพราหมณ์ เศรษฐีคหบดีกฎุมภีทั้งหลาย ผู้ใดปรารถนาซึ่งประโยขน์และสุขในโลกทั้งสามนี้ไซร้ ให้เรียนซึ่งคาถาอันนี้ โดยอุปเท่ห์กระทำให้ชำนาญแลสังวัททยายไว้ทุกวันเป็นเนืองนิจมิได้ประมาท แลกษัตริย์ พราหมณ์ เศรษฐีคหบดีกฎุมภีทั้งหลาย ก็ถึงซึ่งความสิริสวัสดิภาพ หาโรคาพยาธิมิได้แล อาจกระทำให้เป็นที่เกรงขามแก่ศัตรู มีอายุยืนยาววัฒนาถาวรมีชัยชนะแก่ข้าศึก ปรากฏไปในทิศานุทิศต่างๆบรรดาคนทั้งปวงมาอยู่ในอำนาจแห่งตนด้วยเดชะพระคาถา นี้ คนทั้งหลายก็ต่างน้อมนำเอาบรรณาการมาให้ ได้รับความสุขตราบเท่าถึงกาลกำหนดสิ้นชนม์มายุด้วยอำนาจพระคาถา ๑๔ บทนี้แล…”

______________ปโช ตา บางฉบับได้แสดงเรือนยันต์ทั้ง ๑๔ บท พร้อมทั้งคำอธิบายที่ผูกไว้เป็นภาษาบาลีบางบท พร้อมทั้งบอกชื่อกลบทที่ใช้ในการลงยันต์และระบุชื่อบุคคลสำคัญทั้งทาง พุทธจักรและอาณาจักร นำยันต์แต่ละบทไว้สักการบูชานับถือครอบครอง(ทือ)เป็นยันต์ประจำตนด้วย พร้อมกันนี้ ผมได้นำบทสวด จุททสมคาถา(ปโชตา)ทั้ง ๑๔ บทในสำนวนบาลีที่ปรากฎใน พับสาสัททาพินทุหลวง ของครูบาเตชะ วัดหนองเงือก ต.แม่แรง อ.ป่าซาง จ.ลำพูน มานำเสนอประกอบกันเพื่อความเข้าใจ และผู้ที่สนใจอยากนำไปท่องสวดสาธยายต่อไป สามารถจำแนกได้ดังนี้

๑.ชื่อ อทฺธราม ปถมคาถา
ปโชตา ธมฺมภา โหตุ โชติวโร สตาวโห
ตาวริโย สุวตาภา ธโร โยโค จ สุ สมฺมา
สังฆราชาพระสิงกุกาม มหานันทารามะชาวใต้ ทือ(ครอบครอง) ค้ำชู ยส สรี สัมปัตติข้าวของแล ฯ

๒.ชื่อ สพฺพโตภทฺร ทุติยคาถา
โภโนชิโย โยชิโนโภ โนปาตุโส โสตุปาโน
ชิตุโนม มโนตุชิ โยโสนภิ ภิมโสโย
มหาพูกาม มหาสีเกียร ทือ ค้ำชู ยส สรี สัมปัตติข้าวของดั่งปฐมะคาถาแล ฯ

๓.ชื่อ อฏฺฐกฺขจกฺก ตติยคาถา
นมามิตํ นรวรํ นเยหิส นรามรํ
เนตฺวา มตํ ปรติรํ นิพฺพุตฺโต สพฺภิโย ปรํ
มหาธัมมสาเจติยะทือแล ห้ามอุปัทวะอนตรายทั้งมวลแล ฯ

๔.ชื่อ ราสีจกฺก จตฺตุตฺถคาถา
โนธิโร มุนิโน มโน โนมโน ทมโน ธิโน
โนธิ โนตฺถํ คมาโน โนโตมาโร ธิโน อูโน
ห้ามอุปัทวะ ดั่งตติยคาถาแล ฯ

๕.ชื่อ ปทุมฏล ปญฺจมคาถา
กรุณาธิ กจิตฺตตฺโถ กตาตฺโถ สกธมฺมโท
กตนเม กพุทฺธสฺส กตญฺชุลึ(ลิง) กโรมิหํ
มหาราชครูป่าแดงแปลงหื้อแสนขนานกอมทือ พระญาแก้วทือ
เปนที่รักจำเริญใจแก่ฅนแลเทวตาทั้งหลาย แลจำเริญด้วยข้าวของสัมปัตติทั้งมวลแล ฯ

๖.ชื่อ จตุกฺก ฉฏฺฐมคาถา
มโนชิโต มโตชิโน มโนภิโต มโตภิโน
มโนธิโร มโรธิโน มโรตฺตโน มโนตฺตโร
ราชโมลีหมื่นทือ แล ท้าวมหาพรหมทือ ไว้ในเวียงกุมกามค็วุฑฒิด้วยเข้าของมากนัก
ชนะข้าเสิ้กสัตรู ฅนอันมีใจคดเลี้ยวทั้งมวลแล ฯ

๗.ชื่อ โคมูตฺตวลี สตฺตมคาถา
นมามิ นาถํ วรทํ วราทํ อโนมเกหาภินตํ ภวคฺคํ
กุมารนาสํ วราทํ นรานํ อกามเทหาภินตํ ภชฺชนนฺติ
มหาสัทธะโพธิแสนกัง มหาสิริมํคลเจติยะทือ แล มหาแสนตมกิวัดมหาเจติยะหลวง
เพื่อประจญแพ้(ชนะ)แก่ฅนทั้งหลายผู้มีใจคดเลี้ยว มายาสาไถย บ่ซื่อแก่เราแล ฯ

๘.ชื่อ สกฺขบุพฺพ อฏฺฐมคาถา
โย โพธิปตฺเต วรโท นรานํ เทวาติเทโวภิตมารนาโส
โยคาธิมุตฺโต สรโส มรานํ โอวาทเทตํ ภินมามินาถํ
มหาสังฆราชาวัดปราสาททือ มหาญาณกุฏีฅำทือ สวาดธิยายมีเตชะมากนัก
ปราบแพ้(ชนะ)แก่ฅนทั้งหลายผู้มีใจคดเลี้ยว มายาสาไถย บ่ซื่อแก่เราแล ฯ

๙.ชื่อ นวมคาถา สรีขคฺคเชยฺย
โย เทติเทวเทโวคฺคํ มคฺคํ โนคฺคํผลํตโต
นมามิตํ รหมคฺคํ โนโสปาเลตฺวาปายโต
สังฆราชาหมื่นพล้าว สังฆราชาเชียงหมั้นทือ ลงดาบสรีกัญไชย
เพื่อประจญข้าเสิ้กสัตรูทังมวลแล ฯ

๑๐.ชื่อ อนฺตยมก ทสมคาถา
นมามิพุธฺธํ ตมหํธิโย ธิโย นมามิธมฺมํ ตมหํชิโย ชิโย
นมามิสงฺฆํ ตมหํริโย ริโย นมามิติคฺคํ ตมหํ ภิยฺโย ภิยฺโย
สรีเชยฺยโตมมํคล สังฆราชาพระสิงหื้อขนานกอมทือแล
มหาขนานอาดใต้สังฆราชาหื้อแก่ขนานกอมทือ มันธารุราชทือ
ไว้ค้ำชูสรีเตชะหื้อรุ่งเรือง ไพสงครามค็จักชนะข้าเสิ้กสัตรูแล ฯ

๑๑.ชื่อ วํสฐานจกฺก เอกาทสมคาถา
นมามิตํ โย วินายสฺส นายเก นรามเรหิ ภินโต วินายโก
ชิโนริเชยฺโย วิมโล วิโมจโก ปชฺชามพุเชติ พุทฺโธ ปโพธโก
มหาแสนทอง ปุพพารามทือ หื้อข้าเสิ้กสัตรูมีใจหลิ่งน้อมแล ฯ

๑๒.ชื่อ นาคปาส ทวฺาทสมคาถา
มุนิโน วทนาภาย ปโพเธตุ ปชฺชาปชฺชํ
มุนิโน วทนาภาย ปโพเธตุ ปชฺชาปชฺชํ
มหาสัทธัมมทัสสีฝ่ายเรา(ป่าแดง)ทือแล
รักษาเข้าของสัมปัตติบ่หื้อข้าเสิ้กสัตรูครุบชิงเอาได้ยแล ฯ

๑๓.ชื่อ สรีธชวิชวฑฺฒน เตรสมคาถา
สิริกิรณ กิรโฐ ภาสปาททฺวอคฺคํ สิริกิรณภิมานํ มารมนฺตํ วิธิสตํ
สิริกิรณนิเกตํ เกตุเมกญฺจ ติโลเก สิริกิรณกรคฺคํ โลกนาถํ นมามิหํ
มหาปุสสเทพพหมื่นสารทือแล วุฒินัก พระญาหลวงแสนตะยาย(เมือง)หังสาทือ ดีนักแล
เปนที่รักจำเริญใจแก่ฅนทั้งหลาย แลชนะข้าเสิ้กสัตรู จำเริญด้วย เตชะ ยส ข้าวของสัมปัตติทังมวลแล ฯ

๑๔.ชื่อ สรีวิเชฺชยฺยอาวุทฺธ จุทฺทสมคาถา มหาปุสสเทพพฝ่ายเราทือแล
ติโลกมคฺคาหนโก มตํ นเย สวาสนํ โย ห มลํ ปธํสยิ
ติโลกมคฺคา หนโกมตํ นเย ปเคว นิพฺพานปุรํ ปเวสิเย
หื้อลงใส่ดาบเถี่ยนอันเปนมังคละ คุณดั่งเตรสมคาถาแล/เปตยมกวํสฐาคาถา

บทนี้ มีคุณูปการมากนักแล ฯ

ที่มา: https://montra9mahawed.wordpress.com/2012/02/14/คาถาปโชตา/

https://board.postjung.com/860837.html

 

ปอกเปลือก ทรราช
ประชาชนชาวซีเรียจำนวนมากเข้าแถวรอรับแจกความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมจากกองทัพซีเรียที่เมือง Al Waer จังหวัดฮอมส์ (Homs) หลังจากที่พื้นที่แห่งนี้ได้รับการปลดปล่อยจากพวกผู้ก่อการร้ายโดยกองทัพฝ่ายรัฐบาลซีเรียและรัสเซียเมื่อไม่นานมานี้ นอกจากนี้แล้ว กองทัพรัสเซียยังส่งคอนวอยอาหารและทีมแพทย์รวมทั้งเวชภัณฑ์ต่างๆไปแจกจ่ายและดูแลประชาชนชาวซีเรียในพื้นที่ด้วย เคยเห็นสหรํฐและเดอะแก๊งทำแบบนี้กับประชาชนชาวซีเรียบ้างไหม? ไม่มี! และข่าวแบบนี้ก็จะไม่มีทางได้ปรากฏในสื่อกระแสหลักของพวกตะวันตกโดยเด็ดขาด รัสเซียต้องรับบทเป็นผู้ร้ายเท่านั้น ต้องลงข่าวว่ารัสเซียบอมบ์ประชาชนชาวซีเรียถึงจะถูกต้องในสายตาของพวกตะวันตก การลงข่าวที่ทหารรัสเซียช่วยเหลือประชาชนแบบนี้ มันไม่ถูกต้อง มันไม่ใช่เหมือนกับที่เขียนไว้ในสคริปหนังฮอลลิวูต สหรัฐรับไม่ได้! (26 มิ.ย.60)
------------

https://sputniknews.com/middleeast/201706261054973171-russia-syria-hospital/

 

ปอกเปลือก ทรราช



รถหุ้มเกราะของกองทัพท่านดูเตอร์เต้ แบบนี้อุ่นใจขึ้นเยอะ! ทหารฟิลิปปินส์เสริมเกราะป้องกันการถูกโจมตีจากจรวด RPG ของพวกผู้ก่อการร้ายไอซิสในเมืองมาราวีให้กับยานเกราะ Cadillac Gage Commando V-150 (4X4) ที่ซื้อมาจากสหรัฐ ด้วยแผ่นกระดานหนาและลังบรรจุกระสุน เกราะเหล็กไม่ค่อยมั่นใจสักเท่าไร เสริมเกาะไม้เข้าไปอีกชั้น กันเหนียวดีกว่า รัฐบาลก่อนๆนี้หั่นงบกองทัพตลอด "จะซื้อไปทำไปรถถังและอาวุธต่างๆ สมัยนี้เขาไม่รบกันแล้ว เขาทำสงครามเศรษฐกิจกัน" อย่าสร้างกองทัพให้แข็งแกร่งเลย เดี๋ยวจะมายึดอำนาจพวกนักการเมืองคอรัปชั่น ให้สหรัฐส่งกองทัพเข้าไปคุ้นกันแทนกองทัพฟิลิปปินส์ดีกว่า และไอซิสก็บุกฟิลิปปินส์ ปธน.ดูเตอร์เต้ประกาศกฎอัยการศึกเพื่อปราบพวกกองทัพปีศาจไอซิส พวกโลกสวยและพวกโปร-กบฏ-ผู้ก่อการร้ายรีบเสนอหน้าประท้วงทันทีว่า "ว้ายยยยย! ละเมิดสิทธิมนุษยชน" แต่ไม่เคยส่งเสียงประณามพวกไอซิสที่ฆ่าตัดคอพลเรือนและสังหารหมู่พลเรือนไปแล้วถึง 26 คน และทหารเสียชีวิตไปแล้วหลายสิบนาย
--------------
http://www.popularmechanics.com/military/weapons/a26804/wooden-armor-tank-rockets/
https://en.wikipedia.org/wiki/Cadillac_Gage_Commando
http://newsinfo.inquirer.net/907313...cial&utm_source=Facebook#link_time=1497982220

 

ปอกเปลือก ทรราช
งามไส้! สุดยอดระบบเรดาร์ของเรือพิฆาต USS Fitzgerald สหรัฐมองไม่เห็นเรือบรรทุกสินค้า ACX Crystal ขนาดใหญ่จนเกิดเหตุโศกนาฏกรรมเรือชนกันใกล้ชายฝั่งญี่ปุ่นทำให้ลูกเรือสหรัฐเสียชีวิตถึง 7 นาย
----------

วันที่ 26 มิ.ย.60 RT พาดหัวข่าวว่า "เรือพิฆาตของสหรัฐล้มเหลวในการตอบสนองต่อการแจ้งเตือนก่อนจะชนกันสาหัส - กัปตันเรือบรรทุกสินค้ากล่าว" (US destroyer failed to respond to warnings before fatal collision – cargo ship captain)

เรือรบสหรัฐที่ถูกชนโดยเรือบรรทุกสินค้าของฟิลิปปินส์ (เช่าเหมาลำโดยบริษัทของญี่ปุ่น) ในน่านน้ำญี่ปุ่นล้มเหลวในการตอบสนองต่อสัญญาณแจ้งเตือน (warning signals) หรือดำเนินการใดๆก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์เรือชนกัน รายงานของกัปตันเรือพาณิชย์คู่กรณีกล่าว

เรือพาณิชย์ชื่อ ACX Crystal ของฟิลิปปินส์ได้ส่งสัญญาณไปยังเรือพิฆาต USS Fitzgerald จากกองเรือที่ 7 ของสหรัฐโดยการส่องไฟหลังจากเรือรบสหรัฐได้เปลี่ยนเส้นทาง "กระทันหัน" โดยแล่นตัดหน้าเรือบรรทุกสินค้า รายงานของกัปตัน Ronald Advincula ประจำเรือ ACX Crystal ซึ่งบริษัท Dainichi Investment Corporation ของญี่ปุ่นเป็นเจ้าของกล่าว สำนักข่าวรอยเตอร์รายงาน (ผู้ก่อตั้งสำนักข่าวรอยเตอร์เป็นชาวยิวจากเยอรมัน อพยพไปอยู่ที่อังกฤษ เปลี่ยนไปนับถือศาสนาคริสต์และเปลี่ยนชื่อใหม่ และก่อตั้งสำนักข่าวแห่งนี้ขึ้นมา ปัจจุบันสำนักงานใหญ่อยู่ที่แคนาดา - ความรู้เสริม)

รายงานข่าวกล่าวอีกว่า เรือบรรทุกสินค้าได้พยายามหลีกเลี่ยงเรือรบของสหรัฐ แต่ก็ชนเข้ากับเรือรบของสหรัฐจนได้ รายงานของกัปตันกล่าว

กองทัพเรือสหรัฐปฏิเสธที่จะแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับรายงานฉบับนี้ รอยเตอร์ไม่สามารถตรวจสอบความน่าเชื่อถือของกัปตันได้โดยอิสระ (รอยเตอร์ไม่ได้บอกว่าสามารถตรวจสอบความน่าเชื่อถือของกองทัพสหรัฐได้อย่างอิสระหรือไม่)

[เมื่อวันที่ 17 มิถุนายน 2017 เรือพาณิชย์ ACX Crystal ของฟิลิปปินส์ได้ชนเข้ากลางลำของเรือพิฆาต USS Fitzgerald ของสหรัฐ นอกใกล้ชายฝั่งของญี่ปุ่น ทำให้เรือพิฆาตของสหรัฐได้รับความเสียหาย ด้านบนเรือระบบวิทยุสื่อสารไม่สามารถใช้งานได้ ส่วนด้านล่างถูกชนอย่างหนักเกิดรูรั่ว ทำให้น้ำเข้าไปภายในตัวเรือพิฆาตของสหรัฐ ในบริเวณห้องนอนของลูกเรือห้องหนึ่ง

ลูกเรือพยายามช่วยกันไม่ให้หรือพิฆาตจม จึงต้องปิดห้องดังกล่าว ทำให้ลูกเรือบางส่วนออกไปไม่ได้ จึงจมน้ำเสียชีวิตภายในห้องดังกล่าวจำนวน 7 นาย เหตุการณ์เกิดขึ้นเวลาประมาณ 1:30 น. (ตีหนึ่งครึ่ง ข้อมูลบางแห่งบอกว่าเวลาประมาณ 02:30 น.) ตามเวลาท้องถิ่น

รายงานก่อนหน้านี้จาก BBC ของอังกฤษซึ่งอ้างข้อมูลเกี่ยวกับเส้นทางการเดินเรือของบริษัทเอกชนรายหนึ่่งบอกว่าเรือพาณิชย์ ACX Crystal ของฟิลิปปินส์ลำนี้ได้ออกนอกเส้นทางปรกติไปได้ประมาณ 25 นาที และก็เลี้ยวกับมายังจุดเกิดเหตุ และเดินทางต่อไปยังจุดหมายที่ท่าเรือแห่งหนึ่งในกรุงโตเกียว ในขณะเดียวกันเรือพฺิฆาต USS Fitzgerald ของสหรัฐก็กำลังมุ่งหน้าไปยังฐานของตนเองที่เมือง Yokosuka ก่อนถึงกรุงโตเกียว

เหมือนกับสื่ออังกฤษรายนี้พยายามจะบอกว่า เรือพาณิชย์เป็นฝ่ายผิด ที่แล่นมาชนกับเรือพิฆาตสุดหรูของสหรัฐ แต่ในข่าวดังกล่าว BBC ไม่ได้บอกว่าเรือพาณิชย์ได้เปลี่ยนเส้นทางก่อนหรือหลังเกิดเหตุการณ์เรือชนกัน - ผู้แปล]

วันที่ 23 RT พาดหัวข่าวว่า "เรือบรรทุกสินค้าที่ชนเรือพิฆาตของสหรัฐใกล้ญี่ปุ่นใช้ระบบนำทางอัตโนมัติ ข้อมูลระบุ" (Cargo ship that hit US destroyer near Japan was on autopilot, data shows)

รายงานข่าวแจังว่าเรือบรรทุกสินค้าติดธงชาติฟิลิปปินส์ (เรือ ACX Crystal) ที่ชนเรือพิฆาต USS Fitzgerald ของสหรัฐนอกชายฝั่งญี่ปุ่นเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว (17 มิ.ย. 2560) ได้ใช้ระบบออโต้ไพล็อตในขณะนั้น ข้อมูลเกี่ยวกับการติดตามเรือในการตรวจสอบระบุ

ในขณะที่กองทัพเรือสหรัฐกำลังทำการสืบสวนสอบสวนเรื่องนี้ เจ้าหน้าที่ที่มีความคุ้นเคยกับผล (การตรวจสอบเบื้องต้น) ก่อนหน้านี้กล่าวว่า เรือบรรทุกสินค้า ACX Crystal อยู่ภายใต้การควบคุมด้วยระบบนำทางโดยคอมพิวเตอร์ ในขณะที่เรือบรรทุกสินค้าลำนี้ชนกับเรือพิฆาตของสหรัฐห่างจากชายฝั่งญีปุ่นประมาณ 64 ไมล์

Washington Free Beacon รายงานว่าในขณะที่เกิดเหตุไม่มีลูกเรือปฏิบัติหน้าที่บังคับเรือสินค้า ผลจากการตรวจสอบไม่พบว่าการชนกันครั้งนี้เกิดขึ้นจากความตั้งใจ

ขณะนี้ฝ่ายตรวจสอบจากกองทัพเรือสหรัฐกำลังพยายามหาคำตอบว่าทำไมระบบเรด้าและเซ็นเซอร์ของเรือพิฆาต USS Fitzgerald ของสหรัฐถึงตรวจจับเรือบรรทุกสินค้าในเวลานั้นเพื่อหลีกเลี่ยงอุบัติเหตุเรือชนกันไม่ได้ [คำตอบก็คือ ระบบมันห่วยไงครับ มีแต่ราคาคุย - คิมน้อยไม่ได้กล่าว ฮ่าๆ]

รายงานข่าวเปิดเผยอีกว่า เรือพิฆาต USS Fitzgerald ชั้น Arleigh Burke ติดตั้งขีปนาวุธนำวิถี และติดตั้งระบบเรด้านำทาง AN/SPS-64 และระบบเรด้าพาณิชย์ด้วย มีลูกเรือเกือบ 300 นายประจำการอยู่บนเรือ และได้ลูกเรือประจำอยู่บนบริดจ์ (ห้องควบคุมเรือ) อยู่ตลอดเวลา

ส่วนเรือพาณิชย์ ACX Crystal มีลูกเรือประมาณ 20 คนในขณะที่เกิดเหตุการณ์เรือชนกัน ลูกเรือพาณิชย์ไม่ได้รับบาดเจ็บซักคน และก็ใช้ข้อมูลระบุตำแหน่ง AIS ของตนเองด้วย ซึ่งลูกเรือ USS Fitzgerald ควรจะมองเห็น

[ข้อมูลเบื้องตันระบุว่า เรือ ACX Crystal ต่อที่เกาหลีใต้ และมีขนาดใหญ่กว่าเรือพิฆาต USS Fitzgerald ของสหรัฐ สามเท่า เรือ ACX Crystal แล่นด้วยความเร็ว น็อต ส่วนเรือพิฆาตของสหรัฐใช้ความเร็วประมาณ 14.6 น็อต (27km/h) ในขณะที่เกิดเหตุ - ผู้แปล]

The Eyes
เพจ: ปอกเปลือก ทรราช
https://www.facebook.com/fisont
https://vk.com/theeyesproject
26/06/2560
-----------
https://www.rt.com/usa/394098-uss-fitzgerald-collision-warnings/
https://en.wikipedia.org/wiki/USS_Fitzgerald

https://www.rt.com/usa/393768-fitzgerald-collision-freighter-autopilot/
http://freebeacon.com/national-security/freighter-autopilot-hit-us-destroyer/
https://sputniknews.com/military/201706241054932111-automated-guidance-system-ship-fitzgerald/
https://sputniknews.com/news/201706161054711598-us-navy-destroyer-ship-japan/

?

 

ปอกเปลือก ทรราช
หลังจากสหรัฐขู่ว่าจะถอนตัวออกจากสนธิสัญญากำจัดขีปนาวุธนิวเคลียร์พิสัยกลาง (INF Treaty) เพื่อเปิดทางให้สหรัฐสามารถขายอาวุธนิวเคลียร์ให้กับพันธมิตรของตนเองได้ วันต่อมารัสเซียก็ทดลองยิงขีปนาวุธข้ามทวีปจากเรือดำน้ำในทะเลบาเรนท์ไปเป้าหมายในพื้นที่ทดลองอาวุธนิวเคลียร์ของรัสเซียในตะวันออกไกลซะเลย เข้าเป้าอย่างแม่นยำ
----------
วันที่ 26 มิ.ย.60 RT พาดหัวข่าวว่า "เรือดำน้ำของรัสเซียทดลองยิงขีปนาวุธข้ามทวีป (ICBM) ข้ามยูเรเซีย" (Russian sub test-fires ICBM across Eurasia)
เรือดำน้ำของรัสเซียประสบความสำเร็จในการปล่อยขีปนาวุธจากทะเลบาเรนท์ใกล้ประเทศนอร์เวย์ไปยังสถานที่ทดลองในคาบสมุทรคัมชัตก้า (Kamchatka) ในตะวันออกไกลของรัสเซีย กระทรวงกลาโหมรัสเซียรายงาน
"เรือดำน้ำ Yuri Dolgoruky (K-535 Project 955) พลังงานนิวเคลียร์ชั้น Borey ประสบความสำเร็จในการปล่อยขีปนาวุธ Bulava (R-30 Bulava) วิถีโค้งข้ามทวีป (ICBM) จากพื้นที่ที่มีการกำหนดไว้ในทะเลบาเรนท์ไปยังเขตทดลองขีปนาวุธ Kura ใน Kamchatka" กลาโหมแถลง
แถลงการณ์กล่าวอีกว่า "การปล่อยขีปนาวุธในครั้งนี้ดำเนินการจากตำแหน่งใต้น้ำ ตามแผนการฝึกสู้รบ ตามข้อมูลที่มีการยืนยันจากหน่วยควบคุมภารกิจนี้ หน่วย ICBM ได้เสร็จสิ้นโปรแกรมการต่อสู้อย่างสมบูรณ์ และประสบความสำเร็จในการโจมตีเป้าหมายในพิสัยดังกล่าว"
ขีปนาวุธ Bulava มีรัศมีทำการที่ 9,300 กิโลเมตร (ประมาณ 5,770 ไมล์) จะต้องเดินทางเป็นระยะทางอย่างน้อย 4,600 กิโลเมตรข้ามพื้นที่ในส่วนเอเซียเกือบทั้งหมดของรัสเซียเพื่อโจมตีเป้าหมาย (ในพื้นที่ทดลอง) Sputnik รายงานว่า ขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นนี้บรรจุหัวรบนิวเคลียร์จำนวน 10-40 หัวรบ (หัวรบละ 150 กิโลตัน)
เรือดำน้ำ Yuri Dolgoruky ปล่อยลงสู่ทะเลในปี 2008 (เข้าประจำการในปี 2013) เป็นเรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์ชั้น Borey (Borei) ลำที่สาม ซึ่งประจำการอยู่ในกองเรือภาคเหนือของรัสเซีย
เรือดำน้ำชั้น Borey สามารถบรรทุกขีปนาวุธข้ามทวีปชนิดที่ปล่อยจากเรือรบได้ถึง 16 ลูก และได้มีการกำหนดให้เป็นแบบแผนสำหรับกองทัพนิวเคลียร์ทางทะเลด้านยุทธศาสตร์ของรัสเซียในอนาคตด้วย นอกจากเรือ Yuri Dolgoruky แล้ว กองทัพเรือรัสเซียยังมีเรือดำน้ำชั้นนี้อีกสองลำ และกำลังต่อเพิ่มอีก 5 ลำ คาดว่าในปี 2020 กองทัพเรือรัสเซียจะมีเรือดำน้ำชั้น Borey ติดตั้งอาวุธเข้าประจำการถึง 8 ลำ
เรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์ ชั้น Borey เป็นรุ่นหรือชั้นที่ใหญ่ที่สุดของรัสเซียในขณะนี้ ยาว 170 เมตร กว้าง 13.5 เมตร กินน้ำลึก 10 เมตร ความเร็วสูงสุดผิวน้ำ 15 น็อต (28 km/h; 17 mph) ความเร็วสูงสุดขณะดำน้ำ 30 น็อต (56 km/h; 35 mph) ระวางขับน้ำผิวน้ำที่ 14,720 ตัน ขณะดำน้ำที่ 24,000 ตัน มีลูกเรือทั้งหมด 107 นาย ระยะปฏิบัติการไม่จำกัด (1 ปีขึ้นไป) ขึ้นอยู่กับข้อจำกัดด้านเสบียงอาหารที่เก็บสำรองไว้ ดำน้ำลึกสุดประมาณ 450 เมตร นอกจากติดตั้งขีปนาวุธข้ามทวีปติดหัวรบนิวเคลียร์แล้ว ยังมีตอร์ปิโดสำหรับยิงจรวดร่อน (ครูซมิสไซล์) RPK-2 Viyuga ขนาด 533mm จำนวน 6 ท่อ รัศมีทำการ 45 กม. (28 ไมล์) ติดตั้งหัวรบนิวเคลียร์หนัก 5 กิโลตัน
The Eyes
เพจ: ปอกเปลือก ทรราช
https://www.facebook.com/fisont
https://vk.com/theeyesproject
27/06/2560
-----------
https://www.rt.com/news/394177-russian-sub-icbm-test-kamchatka/
https://sputniknews.com/military/201706261054986632-russia-bulava-icbm-test/
http://tass.com/defense/953398

 

ปอกเปลือก ทรราช
ในขณะที่ประธานาธิบดีบัชชาร์ อัล-อัสซาด (Bashar al-Assad) ผู้นำซีเรียพร้อมด้วยครอบครัวลงพื้นที่เยี่ยมเยือนประชาชนและทหารที่ได้รับบาดเจ็บจากการสู้รบกับพวกผู้ก่อการร้ายและพวกกบฏในเขตชนบทจังหวัด Hama สหรัฐตัวอิจฉาก็ออกมาปล่อยข่าวว่ารัฐบาลซีเรียอาจจะใช้อาวุธเคมีกับประชาชนอีกก็ได้
----------
วันที่ 27 มิ.ย.60 สำนักข่าว SANA ของรัฐบาลซีเรียพาดหัวข่าวว่า "ประธานาธิบดีอัลอัสซาดและครอบครัวเดินทางไปเยี่ยมเจ้าหน้าที่ทหารที่ได้รับบาดเจ็บในเขตชนบทจังหวัดฮามา" (President al-Assad and his family visit injured army personnel in Hama countryside)
ประธานาธิบดี Bashar al-Assad และสภาพสตรีหมายเลขหนึ่งพร้อมด้วยลูกๆ (ลูกชายสองคนและลูกสาวหนึ่งคน) ได้เดินทางไปเยี่ยมครอบครัวทหารและบุคคลากรในกองทัพที่ได้รับบาดเจ็บจากการปราบปรามพวกกบฏและผู้ก่อการร้าย ที่หมู่บ้าน Tal Aafar จังหวัด Hama
ประธานาธิบดีซีเรียได้เดินทางไปเยี่ยมและให้กำลังใจนาย Mohammad Ahmad Khalil ทหารผ่านศึกและครอบครัวซึ่งได้รับบาดเจ็บสาหัสและพิการทางร่างกายถึง 90% ตลอดชีวิต และยังได้สนับสนุนโครงการ " Jarih al-Watan" เพื่อให้ความช่วยเหลือเหล่าทหารที่ได้รับบาดเจ็บจากการทำสงครามเพื่อปกป้องมาตุภูมิในซีเรียด้วย โครงการนี้ริเริ่มโดยประธานาธิบดีอัสซาดในปี 2014 เพื่อให้ความช่วยเหลือเหล่าทหารหาญที่ได้รับบาดเจ็บให้สามารถกลับมาใช้ชีวิตตามปรกติให้ได้มากที่สุด
นอกจากนี้แล้ว ประธานาธิบดีอัล-อัสซาดยังได้เดินทางไปยังหมู่บ้านอื่นๆเช่นหมู่บ้าน Matna และ Deir Shmail เพื่อเยี่ยมเหล่าทหารผ่านศึกและครอบครัวอีกหลายหลัง ทั้งได้สนทนากับทหารเหล่านั้น ร่วมรับประทานอาหารกับประชาชนในบ้านของทหารเหล่านั้นด้วย
บรรยากาศเต็มไปได้ความรัก ความอบอุ่น เป็นกันเองมาก ระหว่างครอบครัวผู้นำประเทศซีเรียและประชาชนชาวซีเรีย ประธานาธิบดีอัสซาดขับรถยนต์พาครอบครัวออกเยี่ยมประชาชนด้วยตนเอง และนี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่ผู้นำซีเรียเดินทางไปเยี่ยมประชาชนในพื้นที่ชนบทแบบนี้ ประธานาธิบดีอัสซาดทำแบบนี้ติดต่อกันมาหลายปี
ดังนั้นจึงไม่แปลกใจเลยว่า ทำไมประชาชนชาวซีเรียจำนวนมากถึงได้รักและสนับสนุนประธานาธิบดีอัสซาด ทั้งๆที่พวกกบฏฝ่ายค้านและนักการเมืองและสื่อค่ายตะวันตกนำโดยสหรัฐต่างก็พยายามกล่าวหา ใส่ร้าย และนำเสนอภาพลักษณ์ที่เป็นลบต่อประธานาธิบดีอัสซาดไปทั่วโลกก็ตาม เช่นด้วยการกล่าวหาว่าอัสซาดเป็นจอมปีศาจเผด็จการ โหดร้าย ป่าเถื่อน เข่นฆ่าประชาชนของตนเอง ฯลฯ ต้องโค่นล้มอัสซาดให้ได้
แต่ในความเป็นจริง สิ่งที่ประชาชนในพื้นที่ที่ได้สัมผัสโดยตรงจากผู้นำของพวกเขา มันไม่ใช่อย่างสื่อกระแสหลักทั่วโลกพากันประโคมข่าวเลยแม้แต่น้อย
พอสื่อฝ่ายรัฐบาลซีเรีย รัสเซีย และอิหร่านเผยแพร่ข่าวผู้นำซีเรียและครอบครัวไปเยี่ยมเยียนประชาชน ตัวอิจฉาหัวร้อนขึ้นมาทันที โดยทำเนียบขาวออกแถลงการณ์ว่า "สหรัฐได้ระบุว่ามีความเป็นไปได้ในการเตรียมการเพื่อการโจมตีด้วยอาวุธเคมีอีกครั้ง โดยระบอบอัสซาด ซึ่งดูเหมือนว่าอาจจะทำให้มีพลเรือนฆาตกรรมหมู่เป็นจำนวนมาก ซึ่งรวมทั้งเด็กๆด้วย กิจกรรมต่างๆที่เหมือนกับการเตรียมการที่รัฐบาลได้กระทำก่อนการโจมตีด้วยอาวุธเคมีในวันที่ 4 เมษายน 2017"
"ตามที่พวกเราได้แถลง (เต้าข่าว) ก่อนหน้านี้ สหรัฐอยู่ในซีเรียก็เพื่อกำจัดขบวนการก่อการร้ายไอซิสในอิรัคและซีเรีย อย่างไรก็ตาม ถ้านายอัสซาดกระทำการโจมตีด้วยการฆาตกรรมหมู่โดยใช้อาวุธเคมีอีกครั้ง เขาและครอบครัวของเขาจะต้องจ่ายด้วยราคาที่แสนแพง" แถลงการณ์ของทำเนียบขาวกล่าว
นาง Nikki Haley เอกอัครราชทูตสหรัฐประจำยูเอ็นแหลผ่านทวีตเตอร์ว่า "การโจมตีใดๆต่อประชาชนชาวซีเรียไม่เพียงแต่จะต้องตำหนิอัสซาดเท่านั้น จะต้องรวมถึงซีเรียและอิหร่านที่ให้การสนับสนุนการสังหารพลเรือนของตนเองด้วย"
[เมื่อเร็วๆนี้ ทั้งยูเอ็นและกองทัพสหรัฐออกมาเปิดเผยว่าพันธมิตรนำโดยสหรัฐได้สังหารประชาชนชาวซีเรียไปแล้วอย่างน้อย 300-400 กว่าคน ทั้งโดยตั้งใจและอ้างว่าผิดพลาดทางเทคนิค รมต.กลาโหมสหรัฐยอมรับว่าเครื่องบินรบของสหรัฐได้สังหารหมู่ประชาชนชาวซีเรีย 100 กว่าคนจริง แต่ก็ย้ำว่า "สหรัฐเป็นคนดี" สหรัฐและพวกพวกสังหารหมู่ประชาชนชาวซีเรียและอิรัคเป็นจำนวนมาก นางนิกกี้บอกว่า จะต้องโทษอัสซาด รัสเซีย และอิหร่าน
ปากก็บอกว่าเข้าไปในซีเรียเพื่อปราบไอซิส แต่เครื่งบินรบของสหรัฐก็ยิงเครื่องบินรบของกองทัพซีเรียตกในขณะที่กำลังถล่มพวกไอซิสแถวเมืองรัคคา โดยไม่รอผลการสืบสวนสอบสวนการเกี่ยวกับการโจมตีด้วยอาวุธเคมีที่จังหวัดอิดลิบเมื่อต้นเดือนเมษายนนี้ จากองค์กรระหว่างประเทศที่มีหน้าที่โดยตรง นายทรัมป์ก็สั่งให้เรือรบของสหรัฐในทะเลเมดิเตอร์เรียนยิงขีปนาวุธโทมาฮาว์ค 59 ลูกถล่มฐานทัพอากาศแห่งหนึ่งของกองทัพซีเรีย
จนป่านนี้องค์กร OPCW ของยูเอ็นก็ยังไม่สามารถสรุปได้ว่าเป็นฝีมือของใครกันแน่ที่ก่อเหตุในจังหวัดอิดลิบ และ OPCW ก็ปฏิเสธที่จะแต่งตั้งคณะกรรมการร่วมจากหลายประเทศอย่างเป็นกลางเพื่อเข้าไปตรวจสอบพื้นที่เกิดเหตุ แต่อังกฤษกับฝรั่งเศสกลับแอบส่งคนของตนเองไปยังตุรกี อ้างว่าเพื่อเก็บหลักฐานจากนั้นก็ออกรายงานฉบับหนึ่งอ้างคำกล่าวหาของพวกกบฏว่าเป็นฝีมือของเครื่องบินรบฝ่ายรัฐบาลซีเรีย
ทางซีเรียบอกว่า ได้โจมตีทางอากาศในพื้นที่ดังกล่าวจริง แต่ไม่ได้ใช้อาวุธเคมี ระเบิดที่ทิ้งลงไป ไปถูกคลังเก็บอาวุธเคมีของพวกกบฏและผู้ก่อการร้ายจึงเกิดเหตุโศกนาฏกรรมขึ้นมา อีกเหตุการณ์หนึ่งเกี่ยวกับการโจมตีด้วยอาวุธเคมีในซีเรียในปี 2013 หลังการสืบสวนสอบสวนโดย OPCW รายงานไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นฝีมือของใคร
ต่อมาหลังสหรัฐและนานาชาติรวมทั้งรัสเซียได้ขนอาวุธเคมีทุกชนิดจากฐานทัพต่างๆในซีเรียที่อยู่ในการควบคุมของกองทัพฝ่ายรัฐบาลซีเรียไปทำลายทิ้งหมดแล้ว ปธน.โอบามาออกมาแถลงเองว่าได้ทำลายอาวุธเคมีในส่วนของรัฐบาลซีเรียหมดแล้ว ไม่มีเหลืออีกแล้ว แต่ทั้งสหรัฐและยูเอ็นก็ยอมรับว่าไม่ได้ทำลายในส่วนที่พวกกบฏครอบครองเอาไว้ และมันก็เกิดเหตุการณ์ขึ้นในจังหวัดอิดลิบเมื่อต้นเดือนเมษายนนี้ พวกกบฏ สหรัฐ และอียูชี้หน้าด่ารัฐบาลอัสซาดทันที - ผู้แปล]
ต่อข้อกล่าวหาโดยไร้หลักฐานของรัฐบาลสหรัฐในครั้งนี้และครั้งอื่นๆ นาย Ali Haidar รัฐมนตรีกระทรวงสร้างความปรองดองสมานฉันท์แห่งชาติได้จวกกลับทำเนียบขาวว่า "กรุงดามัสกัสไม่เคยใช้และจะไม่ใช้อาวุธเช่นนั้น แถลงการณ์ของทำเนียบขาวเป็นการวางก้ามการเปิดศึกทางการทูตต่อซีเรียในยูเอ็น"
นาย Dmitry Peskov โฆษกทำเนียบเครมลินของรัสเซียกล่าวว่า กรุงมอสโคพิจารณาว่าทางการสหรัฐกำลังคุกคามต่อผู้นำที่มีความชอบธรรมตามกฎหมายของซีเรีย และเป็นเรื่องที่ยอมรับไม่ได้ รัฐบาลซีเรียไม่ยอมรับเหตุการณ์ในวันที่ 4 เมษายน เพราะว่าข้อเรียกร้องของรัสเซียที่ปราศจากอคติที่เสนอไปก่อนหน้านี้ไม่ได้รับการนำไปปฏิบัติ
The Eyes
เพจ: ปอกเปลือก ทรราช
https://www.facebook.com/fisont
https://vk.com/theeyesproject
27/06/2560
-----------
http://sana.sy/en/?p=108825
https://en.news-front.info/2017/06/...ily-paid-visit-to-injured-servicemen-in-hama/
https://syrianfreepress.wordpress.com/2017/06/27/al-assad-and-family/
http://www.presstv.ir/Detail/2017/06/26/526616/syria-assad-family-wounded-troops
https://www.rt.com/usa/394194-us-syria-another-chemical-weapons-attack/
https://www.rt.com/news/394231-us-syria-chemical-threat-kremlin/
https://sputniknews.com/middleeast/201706271055004025-syria-us-claims-chemical-attack/
https://sputniknews.com/middleeast/201706271055002138-kremlin-us-threats-syria/

 

ปอกเปลือก ทรราช
ประธานาธิบดีบัชชาร์ อัล-อัสซาด (Bashar al-Assad) เดินทางไปเยี่ยมฐานทัพอากาศของกองทัพรัสเซียในจังหวัดลาตะเกีย ประเทศซีเรีย



----------
ข่าวว่า Su-35 นี่นั่งแล้วนิ่มเหมือนกับรถยนต์สปอร์ตสุดหรู จะจริงอย่างที่เขาล่ำลือกันหรือเปล่า ไหน… ขอขึ้นไปนั่งดูหน่อยซิ อ้าว… แหล่มจริงๆด้วย ขอยืมไปไฟ้ท์กับ F/A-18 ของสหรัฐเพื่อแก้แค้นให้กับ Su-22 ของกองทัพอากาศซีเรียได้ไหมครับท่านประธานาธิบดีปูติน ("จัดไป! เผื่อด้วยนะครับ" ปูตินไม่ได้กล่าว)
วันที่ 27 มิ.ย.60 ประธานาธิบดี Bashar Assad แห่งซีเรียและคณะผู้ติดตามได้เดินทางไปเยี่ยมฐานทัพอากาศ Hmaymim ของรัสเซียที่อำเภอ Jableh จังหวัด Latakia โดยมี พล.อ. Valery Gerasimov เสนาธิการกองทัพรัสเซียให้การต้อนรับ สำนักข่าว SANA ของรัฐบาลซีเรียรายงาน
ในการนี้ประธานาธิบดีของซีเรียได้ทดลองขึ้นไปนั่งบนเครื่องบินรบของกองทัพอากาศรัสเซียตามคำเชิญของทหารรัสเซียด้วย จากนั้นก็เดินสำรวจอาวุธยุทโธปกรณ์ต่างๆที่ทันสมัยของรัสเซีย ซึ่งทางกองทัพรัสเซียนำมาจัดแสดงสำหรับผู้นำซีเรีย
มีแววว่า ผู้นำซีเรียอาจจะสั่งซื้อฝูงบินรบสมัยใหม่ตระกูล Su ให้กับกองทัพอากาศของซีเรียนะนี่ อิสราเอล สหรัฐ และเดอะแก๊งมีหนาวแน่งานนี้
The Eyes
เพจ: ปอกเปลือก ทรราช
https://www.facebook.com/fisont
https://vk.com/theeyesproject
27/06/2560
-----------
https://sputniknews.com/middleeast/201706271055014048-assad-hmeymim-base-russia/
https://www.almasdarnews.com/articl...ent-visits-russian-airbase-us-regime-threats/

 

ปอกเปลือก ทรราช
เอา Su-35 ลำนี้แหละครับท่านปูติน... ขอยืมไปสอย F/A-18 ของสหรัฐที่ละเมิดอธิปไตยของซีเรียซักฝูงก่อนนะครับ แล้วจะรีบเอามาคืนแบบไม่บุบสลาย (27 มิ.ย.60)
---------------

 

ปอกเปลือก ทรราช
จีนบริจาคเงินสดจำนวน 15 ล้านเปโซให้รัฐบาลฟิลิปปินส์เพื่อช่วยเหลือบรรเทาทุกข์และฟื้นฟูเมืองมาราวี



----------
วันที่ 27 มิ.ย.60 สำนักข่าว ABS-CBN News ของฟิลิปปินส์รายงานว่า จีนได้บริจาคเงินจำนวน 15 ล้านเปโซ (ประมาณ 10.3 ล้านบาท) ให้กับรัฐบาลฟิลิปปินส์เพื่อสนับสนุนปฏิบัติการบรรเทาทุกข์และความพยายามในการฟื้นฟูเมืองมาราวีที่ถูกพวกผู้ก่อการร้ายไอซิสยึดครอง
ทำเนียบรัฐบาลฟิลปปินส์แถลงว่า นาย Zhao Jianhua เอกอัครราชทูตจีนประจำปิลิปปินส์ได้มอบเช็คเงินสดมูลค่า 15 ล้านเปโซให้กับประธานาธิบดีโรดริโก ดูเตอร์เต้แห่งฟิลิปปินส์เมื่อวันอังคารนี้
ความช่วยเหลือในครั้งนี้จากจีนเกิดขึ้นหลังจากที่ประธานาธิบดีดูเตอร์เต้ประกาศความตั้งใจของท่านว่าจะช่วยทำให้เมืองมาราวีกลับมาเหมือนเดิมอีกครั้ง หลังกองทัพฟิลิปปินส์พยายามต่อสู้พวกขบวนการก่อการร้ายเมาเต้และอาบูซายัฟเครือข่ายไอซิสในเมืองมาราวีเป็นเวลาหนึ่งเดือนกว่า ทำให้บ้านเรือนประชาชนในพื้นที่ได้รับความเสียหายเป็นจำนวนมาก เนื่องจากพวกผู้ก่อการร้ายได้ใช้บ้านเรือนประชาชนและสถานที่ราชการเป็นแหล่งกบดานและต่อสู้กับกองทัพฝ่ายรัฐบาล กองทัพจึงต้องทิ้งระเบิดทางอากาศใส่ตำแหน่งเหล่านั้นเพื่อสังหารพวกผู้ก่อการร้าย
"เงินบริจาคจำนวนนี้จากจีนที่มอบให้กับฟิลิปปินส์ ถือว่าเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของความเฟื่องฟูในมิตรภาพระหว่างสองประเทศ และความมุ่งมั่นร่วมกันที่มีต่อสันติภาพอย่างยั่งยืนในภูมิภาคนี้" สำนักโฆษกทำเนียบฯ กล่าวในแถลงการณ์
ก่อนหน้านี้ ออสเตรเลียได้บริจาคเงินจำนวน 34.5 ล้านเปโซ (ประมาณ 23.8 ล้านบาท) ให้กับรัฐบาลฟิลิปปินส์ อ้างว่าเพื่อสนับสนุนด้านอาหารและอื่นๆแก่ครอบครัวของประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการย้ายที่อยู่ชั่วคราวจากเหตุการณ์ในเมืองมาราวี ต่อมากองทัพและรัฐบาลฟิลิปปินส์ก็เปิดทางให้ออสเตรเลียร่วมส่งเครื่องบินลาดตระเวนสอดแนม AP-3C Orion ของออสเตรเลียเข้าไปร่วมปฏิบัติการในฟิลิปปินส์ได้ ล่าสุดกองทัพฟิลิปปินส์แจ้งว่าเครื่องบินสอดแนมของกองทัพออสเตรเลียยังไม่ได้เข้าไปปฏิบัติการในมาราวี
ช่วงต้นเดือนมิถุนายนี้ เพื่อให้กองทัพฟิลิปปินส์เปิดทางให้สหรัฐส่งหทารของตนเองเข้าไปมีบทบาทในเมืองมาราวีได้ สหรัฐได้มอบอาวุธจำนวนหนึ่งให้กับกองทัพฟิลิปปินส์ฟรี ซึ่งประกอบด้วย ปืนไรเฟิล M4 carbine จำนวน 300 กระบอก ปืนพกสั้น Glock 21 จำนวน 200 กระบอก ปืนกล M134D จำนวน 4 กระบอก และเครื่องยิงลูกระเบิด M203 จำนวน 100 กระบอก และต่อมาก็ส่งเรือยางสำหรับต่อสู้ (Combat Rubber Raiding Craft) จำนวน 25 ลำไปให้กองทัพฟิลิปปินส์อีกด้วย
ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ รัฐบาลฟิลิปปินส์ขอซื้ออาวุธปืนไรเฟิลจำนวนประมาณ 27,000 กระบอกจากสหัฐเพื่อนำมาใช้ในการปราบปรามแก๊งค้ายาเสพติดและพวกผู้ก่อการร้าย แต่รัฐบาลสหรัฐปฏิเสธที่จะขายอาวุธจำนวนนี้ให้กับฟิลิปปินส์ โดยอ้างว่าปธน.ดูเตอร์เต้ละเมิดสิทธิมนุษยชนในการทำสงครามปราบยาเสพติด
ผู้นำฟิลิปปินส์จึงตัดสินใจเดินทางไปยังรัสเซียเพื่อเจรจาการจัดซื้ออาวุธและความร่วมมือด้านทหารระหว่างสองประเทศ ยังไม่ทันได้พกบกับประธานาธิบดีปูติน แห่งรัสเซีย และเพิ่งจะเดินทางไปถึงกรุงมอสโควันแรก พวกผู้ก่อการร้ายไอซิสก็บุกยึดเมืองมาราวีและได้สังหารโหดพลเรือนไปในวันแรกจำนวน 9 คน ปธน.ดูเตอร์เต้ประกาศกฎอัยการศึกขณะที่ตนเองยังอยู่ที่กรุงมอสโค
ปูตินเลือนกำหนดการปฏิบัติภารกิจตามปรกติของตนเองและรีบเดินทางไปพบกับประธานาธิบดีดูเตอร์เต้พร้อมด้วยคณะอย่างเร่งด่วนเพื่อเจรจากันและลงนามในข้อตกลงหลายฉบับเกี่ยวกับความร่วมมือระหว่างรัสเซียกับฟิลิปปินส์ จากนั้นปธน.ดูเตอร์เต้ก็รีบขึ้นเครื่องบินเดินทางกลับไปจัดการปัญหาภายในประเทศของตนเองทันที
สหรัฐทราบเรื่องว่าดูเตอร์เต้ไม่ง้อสหรัฐ และหันไปซื้ออาวุธจากรัสเซียและจีนแทน เพราะว่าตัวเองเล่นตัวมากเกินไป เพื่อเอาใจกองทัพฟิลิปปินส์ สหรัฐจึงแอบ่งอาวุธเพียงเล็กน้อยไปให้กองทัพฟิลิปปินส์ และส่งหน่วยรบพิเศษเข้าไปในมาราวีโดยที่ประธานาธิบดีดูเตอร์เต้ไม่รู้เรื่องด้วย ดูเตอร์เต้ทำอะไรมากไม่ได้ จำใจต้องตามน้ำ เพราะไม่ต้องการแตกคอกับกองทัพของตนเอง
นอกจากปืนไรเฟิลแล้ว สิ่งที่ประธานาธิบดีดูเตอร์เต้ต้องการจะปรับปรุงกองทัพของฟิลิปปินส์ให้มีความเข้มแข็งในการรับมือกับพวกกบฏแบ่งแยกดินแดนและพวกผู้ก่อการร้ายก็คือ "เฮลิค็อปเตอร์โจมตี" ขีปนาวุธและเครื่องบินของรัสเซีย (ต่อมาก็น่าจะเป็นรถถัง ซึ่งตอนนี้กองทัพฟิลิปปินส์ขาดแคลนมาก จะบอกว่าไม่มีรถถังใช้งานได้เลยก็ว่าได้ มีสมัยของพระเจ้าเหา แต่ไม่อะไหร่เปลี่ยน ขาดการดูแลซ๋อมบำรุงเนื่องจากไม่มีงบประมาณ)
ปัจจุบันนี้กองทัพของฟิลิปปินส์อ่อนแอมากๆ ถ้าเจอพวกไอซิสแบบซีเรียที่มีทั้งรถถัง จรวดหลายลำกล้อง ขีปนาวุธต่อต้านรถถังสมัยใหม่ รับรองได้เลยว่า ไอซิสสามารถยึดฟิลิปปินส์ได้ทั้งประเทศแน่นอน
The Eyes
เพจ: ปอกเปลือก ทรราช
https://www.facebook.com/fisont
https://vk.com/theeyesproject
28/06/2560
-----------
http://news.abs-cbn.com/news/06/27/17/china-donates-p15-m-for-marawi-relief-rehab
http://news.abs-cbn.com/news/06/26/17/military-has-yet-to-deploy-australian-patrol-planes-to-marawi
http://news.abs-cbn.com/news/06/27/17/duterte-marawi-will-rise-again
http://www.philstar.com/headlines/2017/06/06/1707224/afp-gets-new-weapons-us
https://sputniknews.com/military/201706081054428879-philippines-russia-arms-deal/
https://sputniknews.com/asia/201706191054755751-russia-philippines-intel-sharing/

 

ปอกเปลือก ทรราช
คลิปประธานาธิบดีอัสซาดแห่งซีเรียขับรถพาครอบครัวไปเยี่ยมเยียนทหารผ่านศึกและประชาชนชาวซีเรียในจังหวัด Hama (27 มิ.ย.60)
--------------

.

 

ปอกเปลือก ทรราช
ทหารซีเรียที่รักษาความปลอดภัยให้กับประชาชนในหมู่บ้านแห่งหนึ่งในจังหวัด Hama ของซีเรียดีใจมากที่เห็นประธานาธิบดีของตนเองตัวเป็นๆขับรถพาครอบครัวออกเยี่ยมเยียนประชาชนและเหล่าทหารหาญที่ได้รับบาดเจ็บจากการต่อสู้พวกผู้ก่อการร้ายเพื่อปกป้องมาตุภูมิของตนเอง (27 มิ.ย.60)
---------------

.

 

มะกันเปิดทำเนียบขาวรับผู้นำอินเดีย ชูสัมพันธ์ระยะยาว-บีบโมดีเปิดตลาด
เผยแพร่: 27 มิ.ย. 2560 19:34:00


รอยเตอร์ – ทรัมป์เรียกร้องให้ผู้นำอินเดียผ่อนคลายอุปสรรคการค้าระหว่างการหารือในทำเนียบขาวเมื่อวันจันทร์ (26 มิ.ย.) ที่ดูเหมือนผู้นำทั้งคู่พยายามละเว้นประเด็นขัดแย้ง และเน้นย้ำความสำคัญของสัมพันธภาพอเมริกา-อินเดีย

ในการพบกันที่ถูกจับตาอย่างใกล้ชิด ดูเหมือนประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ และนายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดีของอินเดีย เข้ากันได้เป็นอย่างดี

โมดีนั้นแสดงความชื่นชมที่ทรัมป์มุ่งมั่นกระชับสัมพันธ์สองประเทศ และเชื่อมั่นว่าภายใต้ยุคสมัยของทรัมป์ การเป็นพันธมิตรเชิงยุทธศาสตร์ร่วมกันจะพัฒนาสู่ระดับใหม่ที่เข้มแข็งและสร้างสรรค์ยิ่งขึ้น

ทรัมป์ให้การต้อนรับอบอุ่นไม่แพ้กัน แต่สำทับว่า ต้องการเห็นความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างอเมริกาและอินเดียที่สมดุลขึ้น ซึ่งเป็นการยืนยันคำสัญญาของตนเองในการขยายการส่งออกและเพิ่มการจ้างงานในอเมริกา โดยในปีที่ผ่านมาอเมริกาขาดดุลการค้าอินเดียเกือบ 31,000 ล้านดอลลาร์

ผู้นำเมืองลุงแซมเสริมว่า ต้องการความสัมพันธ์ทางการค้าแบบต่างตอบแทนและเป็นธรรม ซึ่งสิ่งสำคัญคือ อินเดียต้องผ่อนคลายอุปสรรคเพื่อเปิดรับสินค้าอเมริกันมากขึ้น เพื่อให้อเมริกาสามารถลดยอดขาดดุลการค้ากับอินเดีย

อย่างไรก็ตาม ทรัมป์แสดงความพอใจที่สายการบินของอินเดียสั่งซื้อเครื่องบินอเมริกัน 100 ลำ พร้อมทั้งบอกว่า อเมริกากำลังมองหาลู่ทางส่งออกพลังงาน ซึ่งรวมถึงสัญญาระยะยาวในการขายก๊าซธรรมชาติ

สำหรับโมดี การเดินทางสู่วอชิงตันมีเป้าหมายในการชุบชีวิตความสัมพันธ์ที่งอกงามในยุคอดีตประธานาธิบดี บารัค โอบามา แต่ดูเหมือนเฉาลงทันตาหลังจากทรัมป์ไปตีสนิทกับจีน ซึ่งเป็นศัตรูของอินเดีย เนื่องจากต้องการโน้มน้าวให้ปักกิ่งช่วยจัดการกับเปียงยาง

โมดีพรั่งพรูยกย่องทรัมป์ว่ามีประสบการณ์กว้างขวางและประสบความสำเร็จในโลกธุรกิจ เป็นผู้นำที่ยิ่งใหญ่สำหรับสัมพันธภาพสหรัฐฯ-อินเดีย

ประมุขแดนภารตะเสริมว่า นโยบาย “อินเดียใหม่” ต่างจากคำขวัญระหว่างการหาเสียงของทรัมป์เรื่องการทำให้อเมริกายิ่งใหญ่อีกครั้งเล็กน้อยเท่านั้น และเขามั่นใจว่าการบรรจบกันของทั้งสองนโยบายจะเพิ่มมิติใหม่ให้ความร่วมมือของสองประเทศ

ขณะเดียวกัน ทรัมป์ไม่ได้พาดพิงถึงจุดยืนที่แตกต่างระหว่างอเมริกาและอินเดียทั้งเรื่องนโยบายคนเข้าเมืองและข้อตกลงลดโลกร้อน แต่ย้ำว่า อนาคตการเป็นพันธมิตรอเมริกา-อินเดียไม่เคยสดใสเท่านี้มาก่อน

ภายหลังการหารือ ทำเนียบขาวแถลงว่า ทรัมป์ตอบรับคำเชิญไปเยือนอินเดีย ทว่ายังไม่มีการกำหนดเวลาที่ชัดเจน

ระหว่างที่ผู้นำของทั้งสองประเทศพบกัน กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ได้อนุมัติข้อตกลงที่อาจนำไปสู่การขายเครื่องบินขนส่งซี-17 ของโบอิ้ง 1 ลำ มูลค่า 366 ล้านดอลลาร์

อเมริกายังเสนอขายเครื่องบินไร้คนขับพรีเดเตอร์ของ "เจเนอรัล อะตอมมิกส์ แอโรนอติคัล ซิสเต็มส์" ผู้รับเหมาสัญญากลาโหมของอเมริกา ภายใต้ข้อตกลงที่อาจมีมูลค่ามากกว่า 2,000 ล้านดอลลาร์

อเมริกาถือเป็นซัพพลายเออร์อุปกรณ์การทหารชั้นนำของอินเดีย โดยมีการลงนามสัญญามูลค่ากว่า 15,000 ล้านดอลลาร์นับจากปี 2008

ช่วงค่ำวันจันทร์ ทรัมป์ดินเนอร์กับโมดี ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ผู้นำสหรัฐฯ เป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหารค่ำอาคันตุกะทรงเกียรติจากต่างชาติในทำเนียบขาว

แม้บรรยากาศการพบกันเป็นไปอย่างชื่นมื่น ทว่าการค้ายังเป็นประเด็นที่สร้างความขุ่นเคือง โดยเฉพาะหลังจากที่สมาชิกรัฐสภาชั้นนำคนหนึ่งของอเมริกา ร้องเรียนในจดหมายที่ส่งถึงทรัมป์เมื่อวันเสาร์ (25 มิ.ย.) ว่าการติดต่อในระดับสูงไม่สามารถขจัดอุปสรรคการค้าที่มีต่อสินค้านำเข้าและการลงทุนของอเมริกา ไม่ได้ขัดขวางไม่ให้อินเดียเพิ่มอุปสรรคการค้าใหม่ๆ

อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่อินเดียยืนยันว่า แนวทาง “ผลิตในอินเดีย” ของโมดี ไม่ใช่ลัทธิกีดกันการค้า แถมร้องเรียนกระบวนการทางกฎหมายสำหรับยาสามัญและกฎการนำเข้าผลไม้ของสหรัฐฯ พร้อมเตือนให้วอชิงตันตระหนักถึงความสำคัญของตลาดขนาดใหญ่ของอินเดียที่มีต่อบริษัทอเมริกัน และการเติบโตอย่างชัดเจนในภาคการบิน ซึ่งหมายถึงโอกาสสำคัญสำหรับผู้ผลิตแดนอินทรี

ทั้งนี้ หนึ่งในบรรดานักธุรกิจที่ร่วมเดินทางไปวอชิงตันกับโมดีครั้งนี้คือ อาเจย์ ซิงห์ ประธานกรรมการสไปซ์เจ็ต สายการบินราคาประหยัดของอินดียที่ทำข้อตกลงซื้อเครื่องบิน 205 ลำจากโบอิ้ง รวมมูลค่า 22,000 ล้านดอลลาร์เมื่อเดือนมกราคม ซึ่งจะช่วยสร้างงานในอเมริกาถึง 132,000 ตำแหน่ง

ซิงค์อวดอ้างว่า การขยายตัวของเศรษฐกิจอินเดียอาจช่วยสร้างงานให้คนอเมริกันอีกมากมาย ขณะที่โบอิ้งคาดว่า แดนภารตะจะต้องการเครื่องบินใหม่ 1,850 ลำ มูลค่า 2,036 ล้านดอลลาร์ในปี 2036 เพื่อตอบสนองดีมานด์การเดินทางทางอากาศ

https://m.manager.co.th/Around/detail/9600000065590

 

สื่ออังกฤษชี้ คณะมนตรีความร่วมมือรัฐอ่าวอาหรับ GCC ใกล้ล่มสลาย! โดย เอบีนิวส์ทูเดย์ - 28 มิถุนายน 2017

fa.alalam – หนังสือพิมพ์ Financial Times ได้ออกมาเตือนเกี่ยวกับการล่มสลายของคณะมนตรีความร่วมมือรัฐอ่าวอาหรับ (GCC) เนื่องจากมีสมาชิกของสภามีความขัดแย้งกับกาตาร์

หนังสือพิมพ์ Financial Times วันอังคารที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2560 ได้เขียนรายงานเรื่อง “ข้อพิพาทกับกาตาร์ เป็นภัยคุกคามต่อการอยู่รอดของ GCC ” ว่า Mohammed bin Salman มกุฎราชกุมารแห่งซาอุดิอาระเบีย ได้ให้สัญญาไว้ก่อนหน้านี้ว่า ถ้าคณะมนตรีความร่วมมือรัฐอ่าวอาหรับมีการดำเนินการอย่างถูกต้องในช่วงหลายปีข้างหน้า สภาแห่งนี้ก็จะกลายเป็นสภาทางเศรษฐกิจที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดในโลก แต่ทว่าหลังจาก 7 เดือนจากถ้อยแถลงดังกล่าว สภานี้ส่อสัญญาณแห่งการล่มสลายหลังจากที่ได้ตัดความสัมพันธ์กับกาตาร์

หนังสือพิมพ์อังกฤษฉบับนี้ ยังเขียนเสริมอีกว่า ซาอุดีอาระเบียและบางประเทศอาหรับเช่นบาห์เรนและสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ได้กล่าวหากาตาร์ว่าเป็นผู้จัดหาเงินทุนให้กับกลุ่มก่อการร้าย และได้ตัดความสัมพันธ์ทางการทูตและปิดล้อมการทุกด้าน ซึ่งมันเป็นการคุกคามรากฐานของสภาคณะมนตรีความร่วมมือรัฐอ่าวอาหรับ

เอบีนิวส์ทูเดย์
http://www.abnewstoday.com
เอบีนิวส์ทูเดย์ยินดีเป็นอย่างยิ่งให้นำข่าวและเนื้อหาอื่นๆ ของเราไปเผยแพร่ แต่อยู่ภายใต้เงื่อนไขที่จะต้องให้เครดิตกับเอบีนิวส์ทูเดย์สำหรับเนื้อหาทุกชิ้นที่นำไปเผยแพร่

http://www.abnewstoday.com/11279

 

ปอกเปลือก ทรราช
Oos! อาวุธมะกัน "ห่วย!" F/A-18E สหรัฐยิงขีปนาวุธ AIM-9 Sidewinder พิสัยใกล้ลูกแรกใส่เครื่องบินรบ Su-22 ของซีเรียพลาด ต้องซ้ำด้วย AIM-120C AMRAAM พิสัยกลางถึงสอย Su-22 ที่ไม่มีอาวุธป้องกันตนเองได้ สื่ออเมริกันปอกเปลือก
----------
วันที่ 25 มิ.ย.60 เว็บไซต์ The National Interest ทางทหารของสหรัฐพาดหัวข่าวว่า "ทำไม๊กองทัพที่ยิ่งใหญ่เกรียงไกรของอเมริกาถึงไม่สามารถครองอำนาจเหนือสนามรบได้?" (Why America’s Mighty Military Doesn't Always Dominate the Battlefield)
ส่วนเว็บไซต์ Popular Mechanics ของสหรัฐเช่นกัน พาดหัวข่าวว่า "งง… เครื่องบินรบอาวุธ 30 ปีหลบขีปนาวุธรุ่นล่าสุดของเพนตากอนได้อย่างไร?" (How Did a 30-Year-Old Jet Dodge the Pentagon's Latest Missile?)
[คำตอบนะครับ... คำเดียวสั้นๆ "ห่วย!" และเก่งแต่เรื่องหมาหมู่รอบกัดิ "เรื่องตบเด็ก เตะหมา รังแกคนชรา ด่าผู้หญิง ซ้อมคนพิการ งานถนัดของไอ้กันอันธพาลโลก" - ผู้แปล]
The National Interest เปิดเผยว่า กรณีกองทัพเรือสหรัฐยิงเครื่องบินรบ Sukhoi Su-22 Fitter ของกองทัพอากาศซีเรียตกใกล้เมือง Tabqah ในซีเรียเมื่อเร็วๆนี้เป็นตัวอย่างอธิบายความจริงในการทำศึกสงครามสมัยใหม่: อาวุธต่างๆไม่ได้เจ๋งอย่างที่โม้เอาไว้หรอกนะ (Weapons do not always work as advertised.) (อันนี้สื่อสหรัฐเขาเขียนเองนะครับ)
สื่อสหรัฐรายนี้พยายามอวยสหรัฐด้วยกันเองว่า ในช่วง "การเผชิญหน้ากัน/การปะทะ/การโจมตี" (engagement) ระหว่างเครื่องบินรบ Boeing F/A-18E Super Hornets (ของกองทัพเรือสหรัฐ) - ซึ่งบินขึ้นจากเรือบรรทุกเครื่องบิน USS George H.W. Bush (CVN-77) - และเครื่องบินรบ Fitter (Su-22 ของซีเรีย) ขีปนาวุธอากาศ-สู่-อากาศที่ทันสมัยของสหรัฐถูกหลอก (ด้วยพลุไฟ) ในการยิงระยะใกล้ อันที่จริง ตามที่ CNN (สื่อขยะเบอร์หนึ่งของสหรัฐ) รายงานนั้น เครื่องบินรบ Super Hornets (F/A-18E) ได้โจมตีอากาศยานโจมตีภาคพื้นดิน Su-22 วัตถุโบราณ (บินได้) ซึ่งพัฒนาขึ้นมาตั้งแต่ยุค 1970s ด้วย ขีปนาวุธ Raytheon AIM-9 Sidewinder นำวิถีด้วยแสงอินฟราเรด
[จริงๆ แล้ว พฤติกรรมของ F/A-18E ของสหรัฐในครั้งนี้ไม่สมควรเรียกว่า "การเผชิญหน้ากัน" หรือ "การเข้าปะทะกัน" (engagement) ดัวยซ้ำ ควรจะเรียกว่า "การลอบกัดอย่างไร้เกียรติ" มากกว่า เพราะว่า Su-22 ไม่มีอาวุธป้องกันตนเอง เป็นเครื่องบินรบประเภทโจมตีภาคพื้นดินเป็นหลัก เหมือน Su-24 และ Su-25 ปฏิบัติภารกิจทิ้งบอมบ์ใส่พวกไอซิสบนภาคพื้นดิน ไม่ได้ส่งขึ้นไปเพื่อทำยุทธเวหากับเครื่องบินรบของแก๊งนาโต้ และ Su-22 ก็ถูกล็อกเป้าจากระยะไกลด้วย - ผู้แปล]
เว็บไซต์ของนิตยสารของสหรัฐรายงานว่า แม้ว่าทางเพนตากอนจะไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดใดๆก็ตาม แต่ดูเหมือนว่าขีปนาวุธ Sidewinder จะเป็นรุ่น AIM-9X รุ่นล่าสุดของอาวุธที่มีประจำการมายาวนาน ซึ่งเป็นขีปนาวุธแบบ high off-boresight (HOBS) (ระบบ HOBS ก็คือการที่นักบินเห็นเป้าหมายหรือเครื่องบินของข้าศึกนอกระยะสายตาผ่านจอดิจิตอลที่หมวกกันน็อคและก็ปล่อยขีปนาวุธนำวิถีใส่เป้าหมาย ไม่ว่าเป้าหมายจะเคลื่อนที่ไปทางไหน ขีปนาวุธดังกล่าวที่ติดตั้งระบบนำวิถีด้วยอินฟราเรดหรือเรดาร์ก็จะไล่จี้ติดตามไปทุกแห่ง)
แม้ว่านักบิน F/A-18E จะยิงขีปนาวุธ Sidewinder ที่อยู่ห่างออกไปประมาณ 1.5 ไมล์ (2.4 กิโลเมตร) - สำหรับขีปนาวุธ AIM-9 (ที่มีรัศมีทำการไกลถึง 22 ไมล์หรือ 35.4 กม.) แล้ว ถือว่าเป็นระยะที่ใกล้มาก - แต่ว่าขีปนาวุธของสหรัฐรุ่นนี้กลับพลาดเป้าโดยพลุไฟ (flares) จากเครื่องบินรบ Su-22 รุ่นคุณปู่ของซีเรียที่สร้างขึ้นโดยโซรัสเซีย (สมัยโซเวียต)
นักบินจาก F/A-18E ของสหรัฐได้ยิงจรวด Raytheon AIM-120C AMRAAM - ซึ่งพิจารณาว่าเป็นอาวุธที่ทมีราคาแพงกว่าและนำวิถีด้วยระบบเรดาร์แบบแอคทีฟที่มีพิสัยทำการที่ไกลกว่า - เพื่อโจมตีเครื่องบินโบราณ Su-22 ของกองทัพอากาศซีเรียอีกครั้ง (แน่นอนว่า รอบนี้ขีปนาวุธของสหรัฐสามารถทำลายเป้าหมายได้ นักบินซีเรียดีดตัวออกได้)
สื่อสหรัฐกล่าวว่า "มีอยู่หนึ่งคำถามที่อาจจะถามก็คือ: นักบิน Su-22 สามารถใช้เป้าหลอกหลบขีปนาวุธ AIM-9 (ของสหรัฐ) ด้วยพลุไฟ ซึ่งทำให้ระบบค้นหาเป้าหมายด้วยอินฟราเรดของขีปนาวุธ Sidewinder ที่ทันสมัยได้อย่างไร?"
นิตยสารของสหรัฐรายงาน ร่ายยาวอีกว่า... อันที่จริงแล้ว เจ้าขีปนาวุธ AIM-9X นี้ได้รับการออกแบบมาเพื่อให้หลีกเลี่ยงการถูกหลอกด้วยเป้าหลอกเป็นการเฉพาะ ขีปนาวุธ Sidewinder ทุกรุ่นตั้งแต่ปี 1980s เป็นต้นมาต่างก็มีคุณสมบัตินี้ด้วยกันทั้งนั้น - และรุ่น 9X มีคุณสมบัติที่เหนือกว่ารุ่นก่อนๆซะอีก ปัญหาก็ "เทคโนโลยีนี้ไม่เฟอร์เฟคเลย (= ห่วย)" (The problem is that technology is never perfect) และก็บ่อยครั้งมากที่ศัตรูใช้เทคนิคของตนเองในการรับมือได้
ในสงครามเวียตนาม ขีปนาวุธ AIM-7 Sparrow ของสหัฐที่อ้างว่ามีความเป็นไปได้ในการสังหารอยู่ที่ 80-90 เปอร์เซ็นต์ แต่พอถึงเวลาใช้งานจริง ตัวเลขกับตกลงมาที่ 50-60 เปอร์เซ็นต์ที่นั่น
ในสมัยสงครามเวียตนามช่วงแรกๆ ในยุทธการ Rolling Thunder ขีปนาวุธ AIM-9 รุ่นแรกๆ ประสบความสำเร็จ (ในการโจมตีเป้าหมาย) เพียงแค่ 16 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นอย่างน่าหดหู่ใจ กล่าวคือจากการยิงขีปนาวุธรุ่นนี้ทั้งหมด 187 ลูก มีเพียง 29 ลูกเท่านั้นที่ทำลายเป้าหมายได้
สำหรับขีปนาวุธ AIM-7 Sparrow นำวิถีด้วยเรดาร์กึ่งแอคทีฟนั้น ยิ่งเลวร้ายกว่านี้อีก กล่าวคือมีเพียงแค่ 8 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นที่สามารถทำลายเป้าหมายได้ จากการยิงทั้งหมด 340 ลูก เข้าเป้าเพียง 27 ลูก
ในเฟสสุดท้ายของสงครามเวียตนาม ภายใต้ยุทธการ Linebacker I & II ระหว่างปี 1972-1973 ขีปนาวุธ AIM-7 ประสบความสำเร็จในการทำลายเป้าหมายเพียงแค่ 11 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น ในขณะที่ขีปนาวุธ AIM-9 ทำลายเป้าหมายได้เพียงแค่ 19 เปอร์เซ็นต์
ในสงครามอ่าวในตะวันออกกลางในปี 1991 ขีปนาวุธ AIM-7 เวอร์ชั่นใหม่ๆสามารถทำลายเป้าหมายได้ 51% ในขณะที่ขีปนาวุธ AIM-9 ทำลายเป้าหมายได้ที่ 67 เปอร์เซ็นต์ ข้อมูลจาก Center for Strategic and Budgetary Analysis
ในยุทธการ "พายุทะเลทราย" (Desert Storm) ในการรุกรานอิรัค (เพื่อโค่นล้มซัดดัม) สหรัฐและพันธมิตรได้ยิงขีปนาวุธ AIM-120 AMRAAM จำนวน 13 ลูก และเข้าเป้าเพียงแค่ 6 ลูกเท่านั้น (ประสบความสำเร็จปรมาณ 46 เปอร์เซ็นต์) ขีปนาวุธที่กล่าวมาข้างบนนี้ ได้ทำลายเครื่องบินรบ Su-22 ของซีเรีย แต่จากการยิงในระยะใกล้เท่านั้น
ป.ล. เครื่องบินรบ Sukhoi Su-22 ของกองทัพอากาศซีเรียพัฒนโดยอดีตสหภาพโซเวียต ขึ้นบินครั้งแรกในปี 1966 ประจำการในปี 1970 พัฒนาต่อจาก Su-17 ผลิตออกมาทั้งสิ้นประมาณ 2,867 ลำ เครื่องยนต์เดี่ยว มีประจำการในหลายประเทศทั่วโลก เป็นเครื่องบินรบสำหรับโจมตีภาคพื้นดิน (ground attacker) ไม่ใช่เครื่องบินรบประเภท "Fighter" หรือ "หลากบทบาท" (multi-role) หรือ "ขับไล่7คอรงน่านฟ้า/จ้าวเวหา" (air superiority fighter)
ส่วน F/A-18E/F Super Hornet ของสหรัฐเป็นเครื่องบินรบรุ่นใหม่ ขึ้นบินครั้งแรกในปี 1995 ประจำการในปี 1999 สองเครื่องยนต์ ราคาปี 2016 อยู่ที่ลำละประมาณ US$98.3 จัดอยู่ในกลุ่ม G4 หรือ G4++ คู่ปรับของ F/A-18 ควรจะเป็น Su-27, Su-30, Su-35, MiG-29 และ MiG-35 ถึงจะยุติธรรม (แต่สหรัฐคงสะกดคำนี้ไม่ถูกมั๊ง) การเอา F/A-18E ไปลอบสอย Su-22 ก็เหมือนกับการรถสิบค้าไปชนกับรถอีแต๋น และโซเฟอร์ 10 ล้อก็บอกว่า "ข้ายอดยุทธที่สุดในโลก!" นั่นแหละ นักบินอเมริกันสายเลือดนักรบคงจะมีความภาคภูมิใจมาก กับงานที่ไร้เกียรติและไร้ศักดิ์ศรีเช่นนี้
http://nationalinterest.org/blog/th...ighty-military-dont-always-dominate-the-21315
The Eyes
เพจ: ปอกเปลือก ทรราช
https://www.facebook.com/fisont
https://vk.com/theeyesproject
28/06/2560
-----------
http://nationalinterest.org/blog/th...ighty-military-dont-always-dominate-the-21315
http://csbaonline.org/uploads/documents/Air-to-Air-Report-.pdf
http://www.popularmechanics.com/military/aviation/news/a27094/su-22-dodge-aim-9x-sidewinder/
https://en.wikipedia.org/wiki/Sukhoi_Su-17
https://en.wikipedia.org/wiki/Boeing_F/A-18E/F_Super_Hornet
https://en.wikipedia.org/wiki/AIM-9_Sidewinder
http://en.farsnews.com/newstext.aspx?nn=13960406000415

 

ปอกเปลือก ทรราช
อุ๊ยส์! โทษที แบบว่าปืนมันลั่นเองอ่ะ... ขีปนาวุธต่อต้านรถถังนำวิถี (guided anti-tank missiles) ของนักรบฮูติแห่งเยเมนลั่นใส่พาหนะทหารซาอุดิอาระเบียสองคันติดๆกันนอกค่ายทหาร Ujbah ของซาอุดิอาระเบียบริเวณจังหวัด Jizan ทางภาคใต้ของซาอุอิอาระเบียติดกับชายแดนเยเมน คันแรกเป็นรถปิ๊กอัพติดปืนกลซึ่งถูกซุ่มโจมตีก่อน คันที่สองเป็นรถหุ้มเกราะวิ่งผ่านมาดูและแต่ไม่จอด จากนั้นก็ตีรถเลี้ยวกลับโดยไม่ยอมจอดช่วยทหารของตนเองที่ได้รับบาดเจ็บ คงกลัวว่าจะถูกซ้ำมั๊ง และไม่กี่วินาทีต่อมา รถหุ้มเกราะคันเดิมก็เลี้ยวกับมาอีกรอบหลังทหารสองคนวิ่งตามไปเรียกให้กลับมาช่วยเหลือเพื่อนทหารที่บาดเจ็บ นักรบฮูติไม่ผิดหวัง ปล่อยจรวดต่อต้านรถถังซ้ำไปอีกลูก คราวนี้เป้าหมายคือรถหุ้มเกราะคันนั้นนั่นแหละ บึ้ม! กระจาย รางวัลสำหรับผู้รุกรานอธิปไตยเยเมน (28 มิ.ย.60)
ป.ล. ตอนนี้หาดูคลิปแบบนี้ของการรบฝ่ายฮูติในยูทูปค่อนข้างยาก เพราะว่าแฉความชั่วและความล้มเหลวของกองทัพซาอุดิอาระเบียที่สังหารโหดประชาชนชาวเยเมนมากเกินไป ผิดนโยบายโลกสวยของ google เพราะว่าซาอุดิอาระเบียและสหรัฐไม่ชอบใจด้วยมั๊ง จึงถูกปิดไปหลายแอ็คเคาท์แล้ว แต่แอ็ดมินก็จะพยายามหาแหล่งข่าวอื่นๆมานำเสนอให้แฟนเพจได้รับทราบเกี่ยวกับสถานการณ์ในเยเมนโดยเฉพาะการสู้รบระหว่างเยเมนกับแก๊งซาอุดิอาระเบีย เท่าที่จะทำได้
----------

https://www.almasdarnews.com/articl...t-two-saudi-army-vehicles-anti-tank-missiles/

 

วอนขอความยุติธรรม!!ด.ญ.วัย 14พิการขาทั้ง2ข้าง สู้ชีวิตนั่งวีลแชร์ตระเวนขายของหาเงินเลี้ยงแม่ เผยครอบครัวถูกทนายโกงเงินเยียวยากว่า 5 ล้าน Publisher : 2017-06-29

เมื่อเวลา 20.00 น. วันที่ 28 มิ.ย. 2560 ที่วัดชลประทานรังสฤษดิ์ ต.บางตลาด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งว่ามีหญิงสาววัยกลางคนมักเข็นรถวีลแชร์ที่มีลูกสาวนั่งตระเวนขายของตามศาลาวัดแต่ละศาลาภายในวัดแห่งนี้เพื่อหาเงินเลี้ยงตัวเองและบุตรสาวในแต่ละวัน มีแขกเหรื่อที่มาร่วมในงานศพต่างพากันสงสารช่วยซื้อของจนเป็นที่ทราบกันดีของชาวบ้านใกล้เคียงรวมทั้งพระภิกษุสงฆ์จนถึงเด็กวัด เพราะเห็นถึงความรักของผู้เป็นแม่ที่มีต่อลูกและผู้เป็นลูกที่มีต่อแม่ โดยทั้งสองคนขายของภายในวัดชลประทานมานานหลายปีแล้วเพื่อหาเงินเลี้ยงชีพไปวันๆและไม่มีใครรู้เลยว่าชีวิตปูมหลังสุดแสนรันทดใจยิ่งกว่านิยายและละครเสียอีก

น.ส.พรทิพย์ จันทรัตน์ อายุ 44 ปี พักอยู่เลขที่ 3/39 หมู่ 7 ต.บางตลาด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี แม่ที่พา ด.ญ.ภัทรดา หรือน้องบีม แก้วผ่อง อายุ 14 ปี บุตรสาวที่พิการเดินไม่ได้ต้องนั่งรถวีลแชร์ตระเวรขายของ เปิดเผยถึงชีวิตที่แสนรันทดให้กับผู้สื่อข่าวฟังว่าเมื่อวันที่ 10 ก.พ.2548 ตนกับสามีคือนายอรุณรัตน์ แก้วผ่อง พร้อมน้องบีม บุตรสาวได้นั่งรถปิคอัพเพื่อนสามีไปประสบอุบัติเหตุชนกับรถพ่วง 18 ล้อ ที่อำเภอไชยา จ.สุราษฎร์ธานี สามีเสียชีวิตคาที่ ตัวเองบาดเจ็บสาหัส ส่วนน้องบีมกระดูกทับไขสันหลังกลายเป็นคนพิการเดินไม่ได้จนถึงทุกวันนี้ต้องนั่งอยู่แต่บนรถวีลแชร์ หลังจากนั้นทางครอบครัวได้รับการช่วยเหลือจากนายพิสิษฐ์ สัมมาเลิศ ทนายความที่รับอาสาว่าความให้จนกระทั่งต่อมาปี 2557 นายพิสิษฐ์แจ้งว่าศาลจังหวัดสุราษฎร์ธานีมีคำพิพากษาให้คู่กรณีจ่ายเงินให้ครอบครัวตนเอง 1 ล้านบาท โดยจะจ่ายให้เป็นงวดๆ งวดละ 40,000 บาท จากนั้นได้นำหนังสือมอบอำนาจมาให้ตนเซ็นโดยอ้างว่าตนเองไม่สะดวกเดินทางตนจึงได้เซ็นให้ไป และได้รับเงินเดือนละ 40,000 บาท เป็นเวลา 7 เดือน ก่อนจะหยุดให้ในเวลาต่อมา เมื่อตนทวงถามนายพิสิษฐ์จะบ่ายเบี่ยงและอ้างว่าทางคู่กรณียังไม่ได้จ่ายมา



นางสาวพรทิพย์ กล่าวด้วยน้ำตาคลอเบ้าว่าตนเองจึงได้ติดต่อไปที่บริษัทเพื่อสอบถามถึงสาเหตุแต่แล้วก็ต้องแทบช็อคหัวใจสลายเมื่อทราบว่าทางบริษัทรถพ่วง 18 ล้อ จ่ายเงินค่าเสียหายให้กับครอบครัวตนเองมา 5 ล้านบาทแล้ว โดยมีทนายพิสิษฐ์ เป็นผู้รับมอบอำนาจจากตนเองมา ตนจึงสอบถามเขาไปเขาก็ยอมรับและบอกว่าจะหาเงินมาใช้พร้อมนำดอกไม้ธูปเทียนมาขอขมา จากนั้นก็เปลี่ยนมือถือและติดต่อไม่ได้อีกเลย ตนเองไม่มีความรู้ด้านกฎหมายก็ไม่รู้ว่าจะไปสู้รบปรบมือกับเขาได้อย่างไร เคยร้องเรียนไปที่สภาทนายความ มูลนิธิประวีณา ศูนย์ดำรงธรรม แต่เรื่องก็เงียบหายไป "ถ้าทนายพิสิษฐ์ยังมีชีวิตอยู่และรู้ว่าตนเองกับลูกสาวลำบากขนาดไหนขอให้เขาคืนเงินให้กับตนเองและลูกด้วย เพราะน้องบีมไม่น่าที่จะต้องมามีชีวิตที่ลำบากขนาดนี้หากเขาไม่โกงเงินของตนกับลูกสาวไป" สำหรับ ด.ญ.ภัทรดา หรือน้องบีม แก้วผ่อง นั้นปัจจุบันเรียนอยู่ชั้น ม.2 โรงเรียนศรีสังวาลย์ ซึ่งเป็นโรงเรียนคนพิการในสังกัดกระทรวงพัฒนาการและความมั่นคงของมนุษย์ เป็นเด็กสาวหน้าตาสะสวย มีผลการเรียนที่ดีเกรดเฉลี่ย 3.8 เป็นหนึ่งในนักร้องคอรัสหมู่ที่ร่วมกับเพื่อนๆร้องเพลง "เคเซลา"ในโฆษณาของบริษัทไทยประกันชีวิต ที่มีความไพเราะแสนเศร้ากินใจคนฟังจนเป็นที่รู้จักกันดีในโฆษณาชุดนี้ที่แสดงออกถึงความรัก ความสามัคคี ความเข้มแข็ง ในการต่อสู้ชีวิตของคนพิการที่ไม่เคยย่อท้อนั่นเอง

ข่าว/ภาพ วิสันต์ ลือประดิษฐ ผู้สื่อข่าวภูมิภาค สำนักข่าวทีนิวส์ จ.นนทบุรี

http://m.tnews.co.th/contents/y/331960

 

1แชร์ 1 พลังบุญ!!เด็กม.1อาภัพป่วยไตวาย ครอบครัวยากจนเงินไม่พอรักษา แม่เชื่อปาฏิหาริย์ วอนคนใจบุญช่วยเหลือ..แม้แพทย์จะให้ความหวังไม่มาก!?! Publish 2017-06-29 10:20:23

อีกหนึ่งเรื่องราวที่น่าเห็นใจและควรช่วยเหลือ เมื่อเด็กนักเรียนชั้นม.1 ต้องป่วยเป็นโรคไตวาย ซึ่งตอนนี้เหลือไตอยู่เพียงข้างเดียวที่ใช้งานได้ ทำให้มีอาการท้องบวม โดยเด็กหญิงรายนี้อาศัยอยู่กับแม่แค่สองคน ทั้งนี้ค่าใช้จายในการรักษาค่อนข้างสูง ซึ่งทางคุณครูประจำชั้นของน้องและคุณแม่จึงอยากขอให้ผู้ใจบุญร่วมกันช่วยเหลือ เพื่อให้น้องกลับมาสดใสร่าเริงได้อีกครั้ง




โดยเรื่องราวนี้ได้รับการเปิดเผยผ่านบัญชีผู้ใช้เฟซบุ๊ก "‎อุไรรัตน์ ไร‎" ซึ่งได้โพสต์ภาพของน้องพร้อมข้อความระบุว่า "ข่าวประชาสัมพันธ์
*1แชร์1บุญ* ขออนุญาตแชร์เรื่องราวของลูกศิษย์ ด.ญ.แพรพิไล ยุทธหาร นักเรียนชั้น ม.1 รร.วัดใหม่ลำนกแขวก เขตมีนบุรี กทม. ซึ่งเป็นลูกศิษย์ที่บีเป็นครูที่ปรึกษาอยู่ #น้องป่วยเป็นโรคไตวายคะ อาการน้องตอนนี้ #ไตเหลือเพียงข้างเดียวที่ใช้งานได้มีอาการท้องบวมตัวบวม ในวันศุกร์ที่ 30 มิ.ย 60 นี้น้องจะต้องเจาะไตอีกข้างที่เหลือเพื่อเอาน้ำในท้องออก วันนี้หมอบอกรอดูอาการและพูดคุยกับคุณแม่ของน้องว่ามีโอกาสรอดแค่ 50% คุณแม่น้องเสียใจมากเพราะมีกันอยู่แค่สองคนแม่ลูก ตอนนี้น้องแพรรักษาตัวอยู่ที่ #โรงพยาบาลสถาบันเด็กแห่งชาติมหาราชินี อนุเสาวรีย์ฯกทม.


ที่บีแชร์เรื่องราวนี้เพราะว่าสงสารน้องและแม่อยากจะให้น้องหายแล้วกลับมาเรียน มาเล่นกับเพื่อนๆ อีกครั้งเพราะน้องบอกว่าคิดถึงคุณครูคิดถึงเพื่อนๆอยากกลับไปเรียน น้องนอนที่โรงพยาบาล 1 เดือนกว่าแล้ว น้องเป็นคนนิสัยดีน่ารัก เรียนเก่ง และเป็นที่รักของเพื่อนๆ และคุณครู อยากจะวอนผู้รู้และผู้ใจบุญที่อยากจะช่วยเหลือน้องและให้คำแนะนำว่าโรคของน้องจะมีสถานที่ไหนหรือวิธีการใดที่จะช่วยให้น้องอาการดีขึ้นและหายเป็นปรกติได้บ้าง ทางโรงเรียนคุณครูและเพื่อนๆ ก็ช่วยเหลือน้องอย่างเต็มที่ #แต่ด้วยฐานะทางบ้านของน้องค่อนข้างยากจนคุณแม่ทำงานคนเดียว #แต่แม่น้องต้องจ่ายค่าโปรตีนให้น้องทานวันละ 2 พัน (ส่วนต่าง) #น้องใช้สิทธิ์ 30 บาท เงินที่ได้มาก็ไม่เพียงพอต่อการรักษาตัว บีอยากจะวอนผู้ที่ใจบุญหรือประสงค์ที่จะช่วยเหลือน้องแพร สามารถที่จะบริจาคทุนทรัพย์หรือจะเป็นเครื่องอุปโภคบริโภคต่างๆแล้วแต่กำลังศรัทธา ติดจะช่วยได้โดยตรงเบอร์แม่น้อง 090-257-6191 ชื่อแม่แพร ช่วยแชร์เพื่อช่วยเหลือน้องด้วยนะคะ ขอบคุณทุกท่านๆล่วงหน้านะคะ
#ปล. #บีขออนุญาตทางครอบครัวของน้องแล้วในการโพสต์รูปและข้อความในครั้งนี้คะ (แอมหทัยราษฎร์)"













ขอบคุณเฟซบุ๊ก : "‎อุไรรัตน์ ไร‎"






http://www.tnews.co.th/contents/y/332017

 

ช่วงนี้ผมชอบปวดท้อง และท้องอืดมาก ท้องโตมากๆ เลยเข้าใจความทุกข์ของน้องเขา ใครพิจะช่วยน้องเขาได้คงได้บุญมาก อยากให้เข้าฟ้าเข้าแผ่นดินมาช่วยเหลือน้องเขา ผมขอให้ความตั้งใจของผมประสบผลด้วยเถิด สาธุ

 

ปอกเปลือก ทรราช
ความจริงใจต้องแบบนี้... จีนเกทับสหรัฐด้วยการบริจาคอาวุธปืนหลายพันกระบอกและกระสุนปืน 6 ล้านนัดมูลค่า 3.56 ร้อยล้านบาทให้ดูเตอร์เต้ถล่มผู้ก่อการร้ายไอซิส และเตรียมฝึกผสมระหว่างกองทัพสองประเทศเพื่อต่อต้านผู้ก่อการร้ายในมาราวีด้วย ดูเตอร์เต้ยิ้มแก้มแทบปริ
-----------

วันที่ 28 มิ.ย.60 สำนักข่าว Inquirer ของฟิลิปปินส์พาดหัวข่าวว่า "ดูเตอร์เต้รับอาวุธและกระสุนปืนมูลค่า 370 ล้านเปโซจากจีน" (Duterte receives P370-M worth of firearms, ammo from China)

เมื่อวันพุธนี้รัฐบาลฟิลิปปินส์ได้รับอาวุธปืนและเครื่องกระสุนจากจีนมูลค่า 370 ล้านเปโซ (ประมาณ 254,412,000 บาท) ประธานาธิบดีโรดริโก ดูเตอร์เต้แห่งฟิลิปปินส์ได้รับการบริจาคอาวุธล็อตใหญ่จากจีนที่ฐานทัพอากาศ Clark ในจังหวัด Pampanga ภาคกลางของฟิลิปปินส์ ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของกรุงมะนิลา โดยมีนาย Zhao Jinhua เอกอัครราชทูตจีนประจำฟิลิปปินส์เป็นตัวแทนของประเทศจีนในการส่งมอบของขวัญล้ำค่าให้กับฟิลิปปินส์

นาย Delfin Lorenzana รมว.กลาโหมฟิลิปปินส์่ประกาศว่า อาวุธและเครื่องกระสุนเหล่านี้มีมูลค่าประมาณ 50 ล้านหยวน หรือ 370 ล้านกว่าเปโซ เอกอัครราชทูตจีนกล่าวอีกว่า อาวุธล็อตที่สองจะมาถึงในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า

ก่อนหน้านี้เอกอัครราชทูตจีนได้บริจาคเช็คเงินสดจำนวน 15 ล้านเปโซ (ประมาณ 10 ล้านกว่าบาท) ให้กับรัฐบาลฟิลิปปินส์ เพื่อสนับสนุนความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่ประชาชนชาวฟิลิปปินส์ที่ประสบความเดือดร้อนจากกรณีขบวนการก่อการร้ายไอซิสยึดเมืองมาราวี และได้มอบเงินจำนวน 5 ล้านเปโซ (ประมาณ 3 ล้านกว่าบาท) ให้กับครอบครัวของเหล่าทหารหาญฟิลิปปินส์ที่เข้าร่วมรบในเมืองมาราวีด้วย

วันที่ 29 มิ.ย.60 สำนักข่าว PhilStar Global ของฟิลิปปินส์ พาดหัวข่าวว่า "จีนผลักดันการฝึกผสม รวบรวมข่าวกรองเกี่ยวกับผู้ก่อการร้ายร่วมกับฟิลิปปินส์" (China pushes joint training, intel gathering with Philippines )

รายงานข่าวแจ้งว่า เมื่อวานนี้จีนได้ผลักดันการฝึกทหารร่วมกันและเก็บรวมข่าวกรองร่วมกับฟิลิปปินส์ในการต่อสู้ขบวนการก่อการร้าย

นาย Zhao Jianhua ได้เน้นย้ำในพิธีส่งมอบอาวุธปืนและเครื่องกระสุนให้กองทัพฟิลปปินส์ที่จังหวัด Pampanga ว่า "ฝ่ายจีนยังปรารถนาที่จะสำรวจความเป็นไปได้ในการฝึกผสม งานด้านข่าวกรอง และซ้อมรบร่วมกันในพื้นที่ที่มีขบวนการก่อการร้ายด้วย"

ประธานาธิบดีดูเตอร์เต้ ได้รับความช่วยเหลือด้านทหารจากกระทรวงกลาโหมของจีนซึ่งในเบื้องต้นประกอบด้วยอาวุธปืนสามชนิด ได้แก่ปืนไรเฟิลสไนเปอร์ TY-85 7.62mm (เรียกโดยย่อว่า Type 85 และ Type 79 ซึ่งก็อปมาจากปืนไรเฟิล Dragunov SVD ของโซเวียต) ปืนไรเฟิล NORINCO CS/LR4A ที่มีความแม่นยำสูง (ของจีน) และปืน CQ-A5 5.56 (M16 เวอร์ชั่นจีน) พร้อมด้วยเครื่องกระสุนราว 6 ล้านนัด

สื่อฟิลิปปินส์เปิดเผยว่าจีนและฟิลิปปินส์ได้ลงนามในข้อตกลงเกี่ยวกับความร่วมมือทางทหารของทั้งประเทศจำนวนสองฉบับ ซึ่งมีมูลค่ารวม 519 เปโซ (ประมาณ 3.56 ร้อยล้านบาท) เพื่อสนับสนุนกองทัพและรัฐบาลฟิลิปปินส์ในการต่อต้านและปราบปรามขบวนการก่อการร้ายไอซิสในเมืองมาราวี

ช่วงต้นเดือนมิถุนายนี้ เพื่อให้กองทัพฟิลิปปินส์เปิดทางให้สหรัฐส่งหทารของตนเองเข้าไปมีบทบาทในเมืองมาราวีได้ สหรัฐได้มอบอาวุธจำนวนหนึ่งให้กับกองทัพฟิลิปปินส์ฟรี ซึ่งประกอบด้วย ปืนไรเฟิล M4 carbine จำนวน 300 กระบอก ปืนพกสั้น Glock 21 จำนวน 200 กระบอก ปืนกล M134D จำนวน 4 กระบอก และเครื่องยิงลูกระเบิด M203 จำนวน 100 กระบอก และต่อมาก็ส่งเรือยางสำหรับต่อสู้ (Combat Rubber Raiding Craft) จำนวน 25 ลำไปให้กองทัพฟิลิปปินส์อีกด้วย

[เพียงแค่นี้ทหารสหรัฐบางส่วนก็ได้รับไฟเขียวให้เข้าไปช่วยพวกไอซิส เอ๊ยยย! โทษๆๆ... ไปช่วยทหารฝ่ายรัฐบาลฟิลิปปินส์สอดแนมเกี่ยวกับไอซิสในมาราวีได้ จีนรู้ว่าทั้งประชาชนและทหารปินส์คลั่งอเมริกันมาก และก็ไม่ค่อยจะชอบจีนมากถึงมากที่สุด และก็ชอบดูถูกของจีนด้วย แต่ชอบใช้ iPhone ที่ผลิตในจีนโดยแรงงานจีน ดังนั้นจีนจึงบริจาคปืนตระกูลอเมริกันแต่ผลิตในจีนให้ซะเลย จริงๆแล้ว ปัจจุบันนี้กองทัพฟิลิปปินส์บางส่วนก็ใช้อาวุธจีนอยู่แล้วนะครับ แต่มีน้อยกว่าของค่ายสหรัฐ

สาเหตุที่คนฟิลิปปินส์มีทัศนคติที่ค่อนข้างเป็นลบต่อจีนก็มาจากความขัดแย้งในข้อพิพาทเกี่ยวกับเรื่องดินแดนในทะเลจีนใต้นั่นแหละ ถูกสหรัฐปั่นหัวจะมองว่าจีนเป็นศัตรู และรัฐบาลก่อนๆของฟิลปปินส์ก็โปร-อเมริกาเป็นอย่างมาก ทั้งๆที่ในอดีตนั้น จีนไม่เคยรุกรานฟิลิปปินส์เลย มีแต่สหรัฐและญี่ปุ่นนั่นแหละที่ยกกองทัพไปรุกรานอธิปไตยของฟิลิปปินส์ และเข่นฆ่าประชาชนชาวฟิลิปปินส์เป็นร้อยเป็นล้านคนมาแล้ว จากนั้นจากนั้นก็ครอบงำและชักใยรัฐบาลฟิลิปปินส์ สร้างภาพให้ตัวเองเป็นพระเอก ให้จีนเป็นผู้ร้ายแทน

วันนี้ดูเตอร์เต้เดินเกมใหม่ หันไปสานสัมพันธ์กับจีน (และรัสเซีย) แทน ไม่ได้ตัดสัมพันธ์กับสหรัฐ แต่เป็นเพราะว่าสหรัฐเป็นฝ่ายกดดันฟิลิปปินส์ก่อน รัฐบาลฟิลปปินส์พยายามจะซื้ออาวุธจากสหรัฐเพื่อรักษาไมตรี แต่สหรัฐเล่นตัวคิดจะโก่งราคาและไม่พอใจที่รัฐบาลดูเตอร์เต้ทำสงครามปราบยาเสพติด กล่าวหาปธน.ดูเตอร์เต้ว่าละเมิดสิทธิมนุษยชน ดูเตอร์เต้จึงด่าโอบามาว่า "ไอ้ลูกกระหลี่" พอดูเตอร์เต้จะหันไปใช้อาวุธค่ายจีนและรัสเซียบ้าง สหรัฐก็รีบขนปืนจำนวน 300 กระบอกไปให้ทหารฟิลิปปินส์ฟรีๆ (ไม่มีกระสุน ปืนบ่มีลูก ยิงถูกก็ไม่ตาย)

ส่วนจีนก็ขนทั้งปืนและลูกกระสุนมาให้เต็มเครื่องบินเลย (ล็อตแรก 6 ล้านนัด เอาไปให้พวกไอซิสมันกินให้ท้องแตกตายไปเลย) แถมเงินจำนวนหนึ่งให้อีกต่างหาก และจะส่งทหารจีนเข้าร่วมเด็ดหัวพวกไอซิสในมาราวีด้วย ฝันร้ายของสหรัฐและไอซิสชัดๆ! อ้อ… ที่ท่านดูเตอร์เต้หายไปหลายวันในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา คงไปทดลองซ้อมยิงปืนจีนอยู่นี่เองมั๊ง และอาจจะซุ่มเจรจาลับกับฝ่ายจีนก็ได้? - ผู้แปล]

The Eyes
เพจ: ปอกเปลือก ทรราช
https://www.facebook.com/fisont
https://vk.com/theeyesproject
29/06/2560
-----------
http://globalnation.inquirer.net/158500/duterte-receives-p370-m-worth-firearms-ammo-china
http://pcoo.gov.ph/president-duterte-thanks-china-for-donating-firearms-ammunition/
http://purefixion.com/the_amateur/Type 79-85, 7_62 mm Sniper Rifle.htm
http://www.asianpolicy.press/2017/06/look-p370-m-worth-of-high-powered-arms.html
http://www.globaltimes.cn/content/1054047.shtml
http://www.philstar.com/headlines/2...oint-military-drills-philippines-vs-terrorism
http://www.philstar.com/headlines/2...es-joint-training-intel-gathering-philippines
http://worlddefensereview.blogspot.com/2012/07/norinco-cslr4-762-mm-sniper-rifle.html
http://www.scmp.com/news/asia/south...e-thanks-good-friend-china-it-donates-weapons
http://news.abs-cbn.com/news/06/28/17/china-open-to-joint-military-exercises-with-ph