ติดตามสถานะการณ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.

  1. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,989
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ปอกเปลือก ทรราช
    สื่อรัฐบาลจีนกล่าวว่าในกรณีที่เกาหลีเหนือโจมตีสหรัฐก่อน จีนจะขอเป็นกลาง แต่ถ้าสหรัฐและเกาหลีใต้โจมตีเกาหลีเหนือก่อน จีนจะปกป้องเกาหลีเหนือ (จี๊ดไหมทรัมป์?)

    FB_IMG_1502595464889.jpg FB_IMG_1502595461053.jpg FB_IMG_1502595470145.jpg FB_IMG_1502595479002.jpg

    ---------
    วันที่ 11 ส.ค.60 RT พาดหัวข่าวว่า "จีนจะขัดขวางสหรัฐชิงโจมตีเกาหลีเหนือก่อน - หนังสือพิมพ์รัฐบาลจีนกล่าว" (China will prevent US first strike against North Korean regime – govt daily)
    ข่าวนี้สื่อรัฐบาลรัสเซียเอามาจากบทความฉบับหนึ่งจากเว็บไซต์ของหนังสือพิมพ์หรือสำนักข่าว The Global Times ของรัฐบาลจีน ดังนั้นจึงขอแปลจากต้นฉบับ (สื่อจีน) นะครับ
    The Global Times พาดหัวข่าวว่า "เกมบ้าบิ่นเหนือคาบสมุทรเกาหลีมีความเสี่ยงที่จะเกิดสงครามจริง" (Reckless game over the Korean Peninsula runs risk of real war)
    สหรัฐและเกาหลีเหนือต่างก็เพิ่มความร้อนแรงในการสร้างวาทกรรมข่มขู่กันไปมา เพนตากอนได้เตรียมเครื่องบินทิ้งระเบิดยุทธศาสตร์ (นิวเคลียร์) B-1B เพื่อชิงโจมตีที่ตั้งขีปนาวุธของเกาหลีเหนือก่อน นาย James Mattis (ฉายา "หมาบ้า" (Mad Dog)) รมว.กลาโหมของสหรัฐได้ยื่นคำขาดโฮ่ง! ใส่เกาหลีเหนือเมื่อวันพุธนี้ว่า "จะต้องหยุดการพิจารณาในการดำเนินการใดๆที่จะนำไปสู่การสิ้นสุดของรัฐบาลตนเอง (เกาหลีเหนือ) และการทำลายประชาชนของตนเอง"
    [ข่าวล่าสุดรายงานว่า หลังจากสหรัฐส่งเครื่องบิน B-1B ไปบินบนเล่นและเติมน้ำมันกลางอากาศแถวคาบสมุทรเกาหลี 10 ชั่วโมง โดยมีเครื่องบินรบ KF-16 ของเกาหลีใต้และ F-2 ของญี่ปุ่น (ซึ่งก็คือ F-16 เวอร์ชั่นญี่ปุ่นนั่นเอง) ทำหน้าที่เป็นบอดี้การ์ดให้ ไม่รู้ว่าเพื่อขู่เกาหลีเหนือหรือว่าขู่เกาหลีใต้กันแน่ จากนั้นก็บินกลับเกาะกวมแล้ว ครั้งก่อนก็ส่งกองเรือบรรทุกเครื่องบินไปยังคาบสมุทรเกาหลี อ้างว่าเพื่อขู่เกาหลีเหนือ แต่สุดท้ายกลับได้ที่ดินจากเกาหลีใต้สองแห่งเพื่อสร้างฐานทัพของตนเองในเกาหลีใต้ และสามารถกรรโชกทรัพย์รัฐบาลเกาหลีใต้เป็นค่าขีปนาวุธ THAAD ได้ประมาณ $1,000 ล้าน โดยที่กองทัพเกาหลีใต้ไม่มีสิทธิ์แตะต้องขีปนาวุธดังกล่าวด้วย คิมน้อยขำก๊ากเลย - ผู้แปล]
    ในขณะเดียวกัน ทางเกาหลีเหนือก็ได้เปิดเผยแผนการยิงขีปนาวุธพิสัยกลางเพื่อโจมตีน่านน้ำประมาณ 30-40 กม. โดยรอบเกาะกวม (คลังเก็บอาวุธนิวเคลียร์ขนาดใหญ่อีกแห่งหนึ่งของสหรัฐ) และประกาศว่าแผนการนี้จะเสร็จสิ้นในกลางเดือนสิงหาคมนี้ (สื่อรัฐบาลเกาหลีเหนือกล่าว)
    [หลังจากที่ทางรัฐบาลของคิมน้อยออกมาขู่สหรัฐด้วยแผนการโจมตีเกาะกวม สหรัฐผู้อวดอ้างตัวเองว่าเป็น "เจ้าโลก" ก็กระโดดลงมาทะเลาะกับเด็กวัยรุ่นท้ายซอย ด้วยการเปิดเผยว่า ตนเองก็มีแผนการที่จะถล่มเกาหลีเหนือเช่นกัน เจ้าหน้าที่ระดับสูงในกองทัพออกมาให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ NBC ของสหรัฐเกี่ยวกับแผนการโจมตีเกาหลีเหนือโดยใช้เครื่องบินทิ้งระเบิดหนักความเร็วเหนือเสียง Rockwell B-1 Lancer จากฐานทัพอากาศ Andersen บนเกาะกวมว่า…
    "ในบรรดาตัวเลือกทางทหารทั้งหมด... ที่ [ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์] อาจจะพิจารณานั้น นี่อาจจะเป็นเพียงหนึ่งในสองหรือสาม (ตัวเลือก) ที่อย่างน้อยที่สุดมีความเป็นไปได้ในการไม่ขยายสถานการณ์ให้ตึงเครียด" พล.ร.อ. James Stavridis อดีตผู้บัญชาการสูงสุดของกองทัพพันธมิตรยุโรปกล่าวกับสำนักข่าว NBC (ตรรกะของสหรัฐก็คือสร้างสงครามเพื่อไม่ให้เกิดความตึงเครียดหรือเพื่อไม่ให้สถานการณ์ตึงเครียดบานปลาย จัดไปสิครับคุณคิม! นุกเกาะกวม นุกกรุงวอชิงตันก่อน เพื่อไม่ให้สถานการณ์ตึงเครียด แบบที่สหรัฐต้องการ) - ผู้แปล]
    กลับมาที่ข่าวจากสื่อจีนต่อนะครับ... สื่อจีนรายงานว่า บางคนบนเกาะกวมได้แสดงความกังวลออกมาเป็นครั้งแรกแล้วหลังยุติสงครามเย็น สหรัฐได้เผชิญหน้าอย่างเลวร้ายที่สุดกับเกาหลีเหนือ
    (แต่) หลายคนก็เชื่อว่ามีความเป็นไปได้น้อยมากที่จะเกิดสงคราม ถ้าสงครามปะทุขึ้นมาจริงๆ สหรัฐแทบจะไม่สามารถเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ด้านยุทธศาสตร์ใดๆได้เลย และเกาหลีเหนือก็จะเผชิญกับความเสี่ยงอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนด้วย เกาหลีเหนือมีจุดมุ่งหมายเพื่อผลักดันให้สหรัฐเข้าร่วมการเจรจา ในขณะเดียวกันฝ่ายสหรัฐก็ต้องการที่จะควบคุมเกาหลีเหนือให้ได้ (put North Korea in check) จะไม่มีฝ่ายไหนบรรลุถึงเส้นชัยของตนเอง ดังนั้นพวกเขาจึงแข่งกันขยายความตึงเครียด แต่ก็ไม่ฝ่ายไหนต้องการที่จะเริ่มก่อสงครามก่อน
    อันตรายที่แท้จริงก็คือ เกมที่บ้าบิ่นขาดสติแบบนั้นอาจจะนำไปสู่การคำนวณที่ผิดพลาดและ "สงคราม" ทางยุทธศาสตร์ก็ได้ กล่าวคือทั้งกรุงวอชิงตันและกรุงเปียงยางต่างก็ไม่ได้ต้องการสงครามกันจริงๆหรอก แต่สงครามก็อาจจะปะทุขึ้นมาได้เสมอ เนื่องจากพวกเขาไม่มีประสบการณ์เกี่ยวกับการเล่มเกมสุดโต่งแบบนี้ให้อยู่ภายใต้การควบคุม
    ในอนาคตอันใกล้นี้ มันอาจจะเป็นเรื่องที่อ่อนไหวมากๆ หากเครื่องบินรบ B-1B ของสหรัฐบินเหนือคาบสมุทรเกาหลี หรือเกาหลีเหนือเริ่มปล่อยขีปนาวุธไปทางเกาะกวม ทั้งสองฝ่ายอาจจะอัพเกรดการแจ้งเตือนภัยของตนเองในระดับสูงสุด ความไม่แน่นอนในคาบสมุทรเกาหลีกำลังเติบโตขึ้น
    กรุงปักกิ่งไม่สามารถเกลี้ยกล่อมให้ทั้งกรุงวอชิงตันและกรุงเปียงยางถอยกลับได้ในเวลานี้ มีความจำเป็นที่จะต้องทำให้จุดยืนของตนเองต่อทั้งสองฝ่ายมีความชัดเจน และทำให้พวกเขาเข้าใจว่า เมื่อการกระทำใดๆของพวกเขาเป็นอันตรายต่อผลประโยชน์ของจีน (jeopardize China's interests) จีนก็จะตอบโต้ด้วยมือที่หนักแน่น
    จีนควรจะมีความชัดเจนว่ ถ้าเกาหลีเหนือปล่อยขีปนาวุธที่คุกคามแผ่นดินสหรัฐก่อน และสหรัฐก็ตอบโต้ จีนจะยังคงเป็นกลาง (if North Korea launches missiles that threaten US soil first and the US retaliates, China will stay neutral.) (แต่) ถ้าสหรัฐและเกาหลีใต้ทำการโจมตีรัฐบาลเกาหลีเหนือก่อน และเปลี่ยนโครงสร้างทางการเมืองของคาบสมุทรเกาหลี จีนก็จะขัดขวาง ไม่ให้พวกเขาทำแบบนั้นได้ (If the US and South Korea carry out strikes and try to overthrow the North Korean regime and change the political pattern of the Korean Peninsula, China will prevent them from doing so.) [ต้องใช้ตรรกะแบบนี้ มันถึงจะถูกกับจริตของสหรัฐ - ผู้แปล]
    จีนคัดค้านการแพร่กระจายอาวุธนิวเคลียร์ (nuclear proliferation) และสงคราม ของทั้งสองฝ่ายในคาบสมุทรเกาหลี ไม่สนับสนุนฝ่ายไหนให้ก่อความขัดแย้งทางทหารขึ้นมา และจะต่อต้านทุกฝ่ายที่ต้องการจะเปลี่ยนสถานะเดิมของพื้นที่ที่เกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ของจีนอย่างเต็มที่
    หวังว่าทั้งกรุงวอชิงตันและกรุงเปียงยางจะสามารถยับยั้งชั่งใจได้ คาบสมุทรเกาหลีเป็นที่ที่ผลประโยชน์ทางยุทธศาสตร์ของทุกฝ่ายมาบรรจบกัน และไม่ควรมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเป็นผู้ครอบครองหลักในภูมิภาคแห่งนี้
    [นี่คือท่าทีล่าสุดของจีนในการพยายามประนีประนอมทุกฝ่าย และพยายามสกัดสงครามรอบใหม่ในคาบสมุทรเกาหลี ในโพสต์ต่อไปจะพูดถึงท่าทีที่บ้าคลั่งของสหรัฐผู้กระหายสงครามและการเคลื่อนไหวของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีนต่อกรณีนี้ รวมทั้งการเคลื่อนไหวจากฝั่งเกาหลีใต้และญี่ปุ่นด้วย - ผู้แปล]
    The Eyes
    เพจ: ปอกเปลือก ทรราช
    https://www.facebook.com/fisont
    https://vk.com/theeyesproject
    12/08/2560
    -----------
    https://www.rt.com/news/399310-china-prevent-us-strike-nkorea/
    http://www.globaltimes.cn/content/1060791.shtml
    https://sputniknews.com/asia/201708111056393942-us-air-force-bombers-guam/
    http://www.pacaf.af.mil/News/Articl...rmen-arrive-ready-to-fight-tonight-from-guam/
    https://www.rt.com/usa/399181-us-plan-korea-guam/
    https://sputniknews.com/asia/201708111056395306-china-stay-neutral-dprk-attack/
    https://sputniknews.com/politics/201708121056403092-china-north-korea-crisis/
     
  2. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,989
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ปอกเปลือก ทรราช
    ทรัมป์เดินหน้าทำสงครามน้ำลายกับเกาหลีเหนือต่อ... จาก "Fire and Fury (เพลิงพิโรธ)" เป็น "Locked and Loaded (บรรจุกระสุนเตรียมยิง)"

    FB_IMG_1502595780758.jpg FB_IMG_1502595787797.jpg FB_IMG_1502595795140.jpg FB_IMG_1502595800005.jpg FB_IMG_1502595810271.jpg FB_IMG_1502595815852.jpg

    ---------
    มาสำรวจสุขภาพจิตของผู้นำเจ้าโลกจากวาทกรรมเชิงกระหายสงครามและบ้าอำนาจ วันที่ 10 ส.ค.60 Sputnik พาดหัวข่าวว่า "ทรัมป์กล่าวว่า: ผมอยากจะลดนุกทั่วโลกลง แต่สหรัฐจะยังคงเป็นมหาอำนาจสูงสุดทางนิวเคลียร์" (Trump: 'I'd Like to De-Nuke the World', but US Will Remain Top Nuclear Power)
    ระหว่างการให้สัมภาษณ์สื่อเมื่อวันพฤหัสบดีในเมือง Bedminster รัฐ New Jersey ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐได้แสดงออกถึงความปรารถนาของตนเองว่า ต้องการจะลดอาวุธนิวเคลียร์ทั่วโลกลง โดยอ้างเหตุผลว่าอาวุธนิวเคลียร์เป็นภัยคุกคามที่ร้ายแรงที่สุดต่อมนุษยชาติ อย่างไรก็ตาม จนกว่าประเทศอื่นๆจะปลดอาวุธ (นิวเคลียร์ของตนเอง) ให้หมดซะก่อน สหรัฐจะยังคงเป็นมหาอำนาจด้านนิวเคลียร์ที่สูงที่สุดเหนือประเทศใดๆในโลกนี้ ทรัมป์กล่าว
    [สหรัฐเป็นประเทศแรกที่คิดค้นอาวุธมหาประลัยล้างโลกนี้ขึ้นมา และสหรัฐก็เป็นประเทศแรกที่ใช้อาวุธนิวเคลียร์สังหารหมู่ประชาชนชาวญี่ปุ่นหลายแสนคนมาแล้วในสมัยสงครามโลก พอตัวเองได้ครอบครองอาวุธร้ายแรงชนิดนี้แต่เพียงผู้เดียว สหรัฐก็เที่ยวข่มขู่ชาวบ้านว่าจะนุกประเทศนั้นประเทศนี้ ถ้าไม่ยอมเป็นขี้ข้าของสหรัฐ ด้วยเหตุนี้หลายประเทศจึงหาทางพัฒนาอาวุธชนิดเดียวกันนี้ขึ้นมาเพื่อป้องกันตนเองและเพื่อถ่วงดุลอำนาจจากสหรัฐ
    ถ้าสหรัฐใช้อาวุธนิวเคลียร์กับประเทศอื่นที่มีอาวุธนิวเคลียร์ ประเทศนั้นก็มีสิทธิ์ที่จะใช้อาวุธนิวเคลียร์กับสหรัฐเช่นกัน เกาหลีเหนือผู้เคยถูกสหรัฐข่มขู่ด้วยนุกมาแล้ว ย่อมเข้าใจถึงความจำเป็นที่จะต้องมีอาวุธชนิดนี้ไว้ในครอบครองและก็ทำได้สำเร็จ ดังนั้นเกาหลีเหนือจึงเรียกอาวุธชนิดนี้ว่า "อาวุธแห่งสันติภาพ" ปัจจุบันนี้ประเทศที่มีนุกมากที่สุดก็คือรัสเซีย (7,000 กว่าลูก) ส่วนสหรัฐเป็นอันดับที่สอง (มีเกือบ 7,000 ลูก) แต่สหรัฐบอกว่าข้านี่แหละคือเจ้าโลกผู้ครอบครองนุกมากที่สุด - ผู้แปล]
    ต่อมาทรัมป์ก็ขู่เกาหลีเหนือว่า จะทำให้เกาหลีเหนือเจอกับเพลิงพิโรธ (Fire and Fury) แบบที่ไม่เคยเจอมาก่อน ฝ่ายเกาหลีเหนือก็ตอบโต้ทันควันว่า เออ… เราจะถล่มฐานทัพของสหรัฐบนเกาะกวมกลายด้วยไฟบรรลัยกัลป์ ทรัมป์ของขึ้น และขู่เกาหลีเหนือกลับไปอีกด้วยวาทกรรมใหม่ว่า "locked & loaded"
    วันที่ 11 ส.ค.60 RT พาดหัวข่าวว่า "ทรัมป์: แก้ปัญหาด้วยวิธีทางทหาร 'บรรจุกระสุนเตรียมยิง' ถล่มเกาหลีเหนือ" (Trump: Military solutions ‘locked & loaded’ against North Korea)
    อีกครั้งที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐได้ราดน้ำมันใส่ไฟท่ามกลางวิกฤตเกาหลีเหนือ โดยกล่าวว่า กรุงเปียงยาง "กระทำการที่ไม่ฉลาดเลย" (ที่ไม่ยอมเป็นขี้ข้าอเมริกาเหมือนเกาหลีใต้และญี่ปุ่น?) กรุงวอชิงตันมีวิธีการแก้ไขปัญาด้วยแนวทางทหาร "locked and loaded" ว้อยยย!
    "ณ บัดนาว การแก้ไขปัญหาด้วยวิธีการทางทหารอยู่ในตำแหน่งเรียบร้อยแล้ว บรรจุกระสุนและเตรียมยิงได้ เกาหลีเหนือกระทำตัวไม่ฉลาดเลย หวังเป็นอย่างยิ่งว่าคิม จอง-อึน จะพบหนทางอื่นนะ!" ทรัมป์โพสต์ข้อความผ่านทวิตเตอร์ของตนเอง
    "ผมหวังว่าพวกเขาจะเข้าใจเป็นอย่างดีถึงแรงดึงดูดของสิ่งที่ผมได้พูดไป และสิ่งที่ผมพูดไปนั้นก็คือสิ่งที่ผมหมายถึงนั่นแหละ" ทรัมป์ผายลมในการให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวในตอนกลางวันของวันศุกร์นี้ ในช่วงที่กำลังพักผ่อนวันหยุดอยู่ที่ Bedminster รัฐ New Jersey
    ผู้นำสหรัฐได้เล่นลิ้นในการวิพากษ์วิจารณ์กรณีเกาหลีเหนือว่า "ประชาชนของประเทศนี้หลายสิบล้านคน" กำลังมีความสุขกับเขาในยืนหยัดเพื่อสหรัฐและพันธมิตร
    ถ้าคิม จอง-อึน คุกคามเกาะกวม สหรัฐ หรือพันธมิตรใดๆอีกครั้ง "เขาจะเสียใจอย่างแท้จริงแน่นอน และเขาก็จะเสียใจเร็วด้วย"
    ["ธ่อ! เห็นกันอยู่หลัดๆ ไม่น่าด่วนจากไปเลยนะทรัมป์ เรารู้สึกเสียใจกับการจากไปอย่างเร่งด่วนของนายจังเลย" อาการเสียใจของคิมน้อย? - ผู้แปล]
    ความเคลื่อนไหวจากฝั่งญี่ปุ่น: วันที่ 11 ส.ค.60 Sputnik รายงานว่า ญี่ปุ่นกำลังพิจารณาเพิ่มระบบขีปนาวุธป้องกันภัยทางอากาศ Patriot PAC-3 เพื่อปกป้องเกาะกวมให้กับสหรัฐจากการถูกโจมตีด้วยขีปนาวุธของเกาหลีเหนือ สื่อท้องถิ่นรายงาน มีรายงานข่าวแจ้งอีกว่าทางกองทัพของญี่ปุ่นเริ่มขยับรถบรรทุก Patriot PAC-3 ในประเทศของตนเองแล้ว หลังเกาหลีเหนือประกาศแผนจะถล่มเกาะกวม
    [แหม… พวกขี้ข้านี่ช่างขยันทำงานและขยันเสนอหน้าออกปกป้องนายใหญ่จังเลย นึกว่าจะเพิ่มจรวด Patriot เพื่อปกป้องมาตุภูมิของตนเองซะอีก - ผู้แปล]
    ปัจจุบันนี้ญี่ปุ่นมีระบบขีปนาวุธ Patriot PAC-3 พิสัยใกล้ประจำการอยู่ 34 ชุด ขีปนาวุธเหล่านี้ถูกติดตั้งอยู่ในพื้นที่ที่มีประชากรหนาแน่น ไม่ครอบคลุมพื้นที่ทั้งสามจังหวัด การเพิ่มระบบสกัดกั้นจะช่วยปิดช่องว่างเหล่านั้น หนังสือพิมพ์ Yomiuri Shimbun ของญี่ปุ่นกล่าว
    สื่อญี่ปุ่นรายงานอีกว่า ทางการกำลังพิจารณาการประจำการเรือพิฆาตที่ติดตั้งระบบป้องกันภัยทางอากาศ Aegis เพิ่มอีกหลายลำ ซึ่งใช้สำหรับทำลายขีปนาวุธวิถีโค้งพิสัยใกล้-ถึง-กลาง (short- to medium-range ballistic missiles)
    วันที่ 23 มิ.ย. 2017 CNN พาดหัวข่าวว่า "เจ้าข้าเอ๊ยยยยยย! สหรัฐและญี่ปุ่นประสบความล้มเหลวในการทดลองการสกัดกั้นขีปนาวุธ" (US, Japan missile interception test fails)
    ส่วน RT ของรัสเซียพาดหัวข่าวว่า "ไชโย! กองทัพเรือสหรัฐล้มเหลวในการทดลองระบบป้องกันขีปนาวุธนอกชายฝั่งฮาวาย" (US Navy missile defense test fails off Hawaii)
    รายงานข่าวแจ้งว่า เรือพิฆาต USS John Paul Jones (DDG 53) ซึ่งติดตั้งระบบเรดาร์ AN/SPY-1 ส่วนหนึ่งของระบบอาวุธ Aegis Baseline 9.C2 เพื่อสกัดกั้นขีปนาวุธวิถีโค้ง เรือพิฆาตลำนี้ได้ยิงขีปนาวุธนำวิถี SM-3 Block IIA เข้าใส่เป้าหมายซึ่งเป็นขีปนาวุธ ICBM จำลอง แต่พลาดเป้า จบ!
    [CNN โม้ว่า ระบบเรด้า AN/SPY-1 สามารถติดตามขีปนาวุธได้ถึง 100 ลูกในเวลาเดียวกัน เรือพิฆาต USS Fitzgerald ของสหรัฐที่ชนกับเรือบรรทุกสินค้า ACX Crystal ของฟิลิปปินส์ซึ่งมีขนาดใหญ่กว่าเรือรบสหรัฐถึง 3 เท่า เมื่อวันที่ 17 มิ.ย.60 ในน่านน้ำของญี่ปุ่น ก็ติดตั้งระบบเรดาร์รุ่นนี้ (AN/SPY-1D 3D) ด้วย จึงไม่แปลกใจอะไรเลยที่ระบบ Aegis ของสหรัฐจะยิงไม่ถูกเป้าหมายที่เล็กนิดเดียว ขนาดเรือบรรทุกสินค้ายาว 222.6 เมตร และกว้าง 30.1 เมตร มันยังมองไม่เห็นเลย
    ปัจจุบันนี้กองทัพญี่ปุ่นมีทั้งจรวด Patriot PAC-2 และ PAC-3 ความเร็วของจรวดอยู่ที่ 4.1 มัค รัศมีทำการของ PAC-2 อยู่ที่ 96-160 กม. ส่วน PAC-3 ต่อต้านบอลลิสติกมิสไซล์ รัศมีอยู่ที่ 20-35 กม. ญี่ปุ่นอยู่ห่างจากเกาะกวมประมาณ 2,390 กม. มันเป็นไปได้ค่อนข้างยากมากๆ ที่จรวด Patriot ของญีปุ่นจะสามารถสกัดกั้นขีปนาวุธจากเกาหลีเหนือที่มุ่งตรงไปยังเกาะกวม และที่สำคัญ เกาหลีเหนือก็มีเรือดำน้ำที่สามารถปล่อยขีปนาวุธวิถีโค้งติดหัวรบนิวเคลียร์ได้ด้วย เคยทดลองมาแล้วเมื่อไม่กี่เดือนมานี้ (ไม่ได้ติดตั้งนุก) ประสบความสำเร็จในการทดลอง - ผู้แปล]
    + ความเคลื่อนไหวจากผู้นำจีน
    วันที่ 12 ส.ค.60 RT รายงานว่าประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีนได้หารือกันกับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐทางโทรศัพท์ เกี่ยวกับวิกฤตคาบสมุทรเกาหลี โดยเรียกร้องให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องมีความยับยั้งช่างใจอดทนอดกลั้น ผู้นำสหรัฐและผู้นำจีนมีความเห็นร่วมกันว่า เกาหลีเหนือจะต้องหยุดพฤติกรรมการยั่วยุและขยายความตึงเครียด แถลงการณ์จากทำเนียบขาวและสื่อรัฐบาลจีนรายงาน
    + ความเคลื่อนไหวจากฝั่งเกาหลีใต้
    ในขณะที่สหรัฐเรียกร้องให้เกาหลีเหนือหยุดพฤติกรรมยั่วยุเช่นการทดลองขีปนาวุธของตนเอง (เพราะว่าคนอเมริกัน คนเกาหลีใต้ และคนญี่ปุ่น โดยเฉพาะพวกนักการเมืองและฝ่ายทหาร อาจจะเกิดอาการช็อคหัวใจวายจายก็ได้?) รายงานข่าวแจ้งว่า กองทัพสหรัฐและเกาหลีใต้เดินหน้าจัดซ้อมรบร่วมกันท่ามกลางความตึงเครียดกับเกาหลีเหนือ
    + ความเคลื่อนไหวจากฝั่งเกาหลีเหนือ
    วันที่ 12 ส.ค.60 RT รายงานว่ามีประชาชนชาวเกาหลีเหนืออย่างน้อย 3.5 ล้านคนซึ่งรวมทั้งทหารปลดเกษียรด้วยออกมาแสดงพลังรวมกันในกรุงเปียงยางว่าจะเข้าร่วมกับกองทัพเกาหลีเหนือ เพื่อต่อสู้ในกรณีที่เกิดสงครามกับสหรัฐ สื่อรัฐบาลรายงาน และกล่าวต่ออีกว่า ประชาชนจะพากันลุกขึ้นเพื่อตอบโต้ต่อการรุกรานจากสหรัฐ
    [ดูเหมือนว่างานนี้คิมน้อยจะทันเกมของสหรัฐ โดยใช้ประชาชนให้ลุกฮือขึ้นต่อต้านการรุกรานจากสหรัฐ ให้ประชาชนออกหน้า พวกนักล่าที่ชอบอ้างสิทธิมนุษยชนจากฝั่งตะวันตกนำโดยสหรัฐก็ต้องคิดหนัก ทั่วโลกกำลังจับตาดูว่าสหรัฐจะกล้าแสดงความป่าเถื่อนของตนเองในการสังหารหมู่และฆ่าล้างเผ่าพันธุ์คนเกาหลีเป็นล้านๆคนอีกหรือไม่?
    อันที่จริง คิมน้อยเองยังไม่ได้ออกมาเอ่ยปากตอบโต้การทำสงครามน้ำลายกับทรัมป์เลยซักคำ ในส่วนของเกาหลีเหนือนั้น ฝ่ายที่ออกมาตอบโต้กับทรัมป์ก็คือสื่อของรัฐบาลและนายทหารของเกาหลีเหนือบางคนเท่านั้น คิมน้อย เท่าที่ดูจากข่าวประจำวันจากสื่อเกาหลีเหนือ พบกว่าผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนือออกปฏิบัติภารกิจดูแลสารทุกข์สุขดิบของประชาชน และไปตรวจงานตามสถานที่ต่างๆ บางวันก็พาสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งไปเปิดงานแข่งขันกีฬา และดูการแข่งขัน
    บางวันก็ไปดูการก่อสร้างศูนย์การศึกษาสำหรับเยาวชน บางวันก็ไปดูการก่อสร้างศูนย์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ ล่าสุดไปดูงานเกี่ยวกับกิจการรถไฟของเกาหลีเหนือ ไม่มีการให้สัมภาษณ์หรือแถลงตอบโต้คำขู่ของทรัมป์เลย อันนี้ความจริง สื่อเกาหลีเหนือลงคลิปในยูทูปให้ดูเรื่อยๆ เดี๋ยวรัฐบาลสหรัฐก็คงจะส่งให้ google ปิดช่องยูทูปของสำนักข่าวเกาหลีเหนืออีกแน่ ปิดไปหลายครั้งแล้วก็เปิดใหม่ ฮ่าๆๆ - ผู้แปล]
    The Eyes
    เพจ: ปอกเปลือก ทรราช
    https://www.facebook.com/fisont
    https://vk.com/theeyesproject
    12/08/2560
    -----------
    https://www.rt.com/usa/399298-trump-north-korea-military-threat/
    https://sputniknews.com/us/201708101056364030-trump-nuclear-weapons-removal-desire/
    https://www.rt.com/usa/393621-navy-missile-defense-test-fail/
    http://edition.cnn.com/2017/06/22/politics/us-missile-intercept-test-fails/index.html
    https://sputniknews.com/world/201708111056368762-japan-interceptors-guam-missiles/
    https://www.rt.com/news/399382-xi-trump-north-korea-crisis/
    https://www.rt.com/news/399336-us-korea-drills-trump/
    https://www.rt.com/news/399389-north-korea-millions-fight-us/
     
  3. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,989
    ค่าพลัง:
    +97,149
    Thanong Fanclub
    ทรัมป์โดนลูบคมจนไม่รู้จะตอบโต้อย่างไร
    ทรัมป์ท้าคิมน้อยชก คิมน้อยบอกได้เลย เข้ามาเลย แล้วจะเจอดี ทรัมป์กลับเงียบเฉยไปเลย
    ไม่เคยมีครั้งใดในประวัติศาสตร์ที่ผู้นำประเทศเล็กๆจะกล้าตอบโต้ประธานาธิบดีของมหาอำนาจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก โดยที่ทรัมป์จำต้องใบ้แดก เดินไม่ถูก
    บทบรรณาธิการของสื่อของเกาหลีเหนือ เขียนในวันเสาร์ที่ผ่านมาว่า "สหรัฐพบตัวเองอยู่ในสถานการณ์ที่คาบลูกคาบดอกที่เลวร้ายลงทุกขณะ จากการก่อความมั่นคงที่ไม่สงบโดยฝีมือของDPRK สุขนาฏกรรมและโศกนาฏกรรมที่ผสมโรงในเรื่องนี้เป็นการก่อเหตุของสหรัฐทั้งสิ้น ถ้าหากว่าทรัมป์ไม่ต้องการให้จักรวรรดิอเมริกันต้องประสบกับหายนะที่น่าเศร้า พวกเขาควรที่จะพูดคุย และมีการกระทำที่เหมาะสม"
    ในขณะเดียวกัน รัฐบาลเกาหลีเหนือสั่งประชาชน ทหาร พนักงานรัฐทุกคนให้ตั้งอยู่ในความพร้อมและเตรียมตัวที่จะทำสงครามกับจักรวรรดิอเมริกา เพื่อรักษาเอกราชและอำนาจอธิปไตยของมาตุภูมิ
    http://www.foxnews.com/politics/201...ys-in-response-to-trumps-latest-warnings.html
    โดนเกาหลีเหนือสวนกลับอย่างนี้ทรัมป์จะว่าอย่างไร เล่นกับใครไม่เล่น เล่นกับคนที่ไม่กลัวตาย
    thanong
    13/7/2017
     
  4. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,989
    ค่าพลัง:
    +97,149
    Thanong Fanclub

    FB_IMG_1502596397267.jpg

    เมื่อรบแล้วไม่ชนะ เจรจาดีกว่า
    แม้ว่าสหรัฐถล่มเกาหลีเหนือด้วยระเบิดที่ไม่ใช่นิวเคลียร์ คิมน้อยจะถือว่าเป็นการประกาศสงคราม และสามารถโต้ตอบได้ด้วยขีปนาวุธนิวเคลียร์ข้ามทวีป
    หลังจากทรัมป์ขู่ว่าจะบอมบ์เกาหลีเหนือด้วยไฟนรก และความเกรี้ยวกราด คิมน้อยสวนกลับทันทีว่า ได้เลย มาเลย เพราะว่ากองทัพเกาหลีเหนือได้เล็งขีปนาวุธพิสัยไกลไปยังเกาะกวม ที่เป็นฐานทัพที่สำคัญของสหรัฐในมหาสมุทรแปซิฟิค
    ที่ผ่านมา สหรัฐแอบขนอาวุธยุทโธปกรณ์ต่างๆ รวมทั้งเรือรบต่างๆเข้ามาในเกาะกวมเพียบตามนโยบายปักหมุดของโอบามา ขีปนาวุธที่ติดตั้งที่เกาะกวมเล็งไปที่ทั้งเกาหลีเหนือ จีนและรัสเซีย
    คิมน้อยขู่กลับมาช่วงสัปดาห์หน้า รอพ้นวันแม่ไปก่อน อาจจะส่งของขวัญไปให้ชาวเกาะกวมดูเล่นๆสักชิ้นหนึ่ง
    สื่ออเมริกันนำเสนอข่าวเกาะกวมกันยกใหญ่ว่าเป็นเป้าจริง หรือเป้าหลอกกันแน่
    มีความเสี่ยงของสงครามนิวเคลียร์ เพราะว่าถ้าหากสหรัฐโจมตีเกาหลีเหนือก่อน คิมน้อยสามารถตอบโต้ด้วยอาวุธนิวเคลียร์ทันที
    ปัญหาใหญ่ของสหรัฐที่ผ่านมาคือ ทำสงครามนอกบ้านมาตลอด ไม่เคยรบในบ้าน ด้วยแสนยานุภาพทางทหารที่เกรียงไกร สหรัฐไม่เคยคิดว่า สักวันหนึ่งอาจจะต้องตั้งรับในบ้าน ด้วยเหตุนี้ระบบป้องกันของสหรัฐจึงไม่ได้รับการพัฒนาให้ดี เท่ากับระบบจู่โจม
    สหรัฐเหมือนทีมฟุตบอลที่กองหน้ากองกลางเก่ง กองหลังและผู้รักษาประตูไม่ค่อยได้เล่น เพราะว่าลูกบอลเขี่ยไปเขี่ยมาในแดนคู่ต่อสู้
    แต่จีน รัสเซีย และเกาหลีเหนือสามารถพัฒนาอาวุธแบบจู่โจมได้ดีไม่แพ้สหรัฐแล้วในเวลานี้ ทำให้ถ้ากองทัพสหรัฐบุกเกาหลีเหนือเพลิน อาจจะโดนลูกสวนกลับของคิมน้อย พอกองหลังว่าง คิมน้อยสามารถเลี้ยงเดี่ยวเข้าไปยิงประตูแบบเผาขน
    ถ้าคิมน้อยยิงนิวเคลียร์ สหรัฐจำต้องตอยโต้ด้วยนิวเคลียร์มันเลยจะไปกันใหญ่ ทั้งโลกเละเป็นจุลแน่ๆ ไม่นานไดโดนเสาร์ หรือวานรจะกลับมาครองโลกแทนมนุษย์
    อดีตผู้อำนวยการข่าวกรองสหรัฐ พลโทJames Clapper เป็นคนที่พูดมีเหตุมีผลที่สุด เมื่อเขาให้สัมภาษณ์CNNว่า เกาหลีเหนือถูกรายล้อมด้วยศัตรูที่มีแสนยานุภาพที่เข้มแข็งกว่า ไม้ตายอย่างเดียวที่เกาหลีเหนือมีอยู่คืออาวุธนิวเคลียร์ เนื่องจากความอยู่รอดของเกาหลีเหนือและรัฐบาลคิมน้อยคืออาวุธนิวเคลียร์ ดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องเป็นไปไม่ได้ที่จะให้เปียงยางล้มเลิกโครงการ หรืออาวุธนิวเคลียร์ที่มีอยู่
    เขาแนะนำว่า ด้วยเหตุนี้ทางที่ดีที่สุดสำหรับสหรัฐให้ดำเนินนโยบายปิดล้อมเกาหลีเหนือ หรือป้องกันไม่ให้สงครามเกิดต่อไป
    เราจำเป็นต้องการการพูดคุยกับพวกเขา (เกาหลีเหนือ) แต่ต้องยอมรับความจริงว่าเกาหลีเหนือเป็นมหาอำนาจทางนิวเคลียร์" Clapperกล่าว
    http://nationalinterest.org/feature...-nuclear-war-against-north-korea-21841?page=2
    ชัดเจนว่า จากการประเมินของอดีตผู้อำนวยการข่าวกรองแห่งชาติของสหรัฐว่า สหรัฐไม่มีทางเอาชนะเกาหลีเหนือได้ทางทหาร ต้องพูดคุยหรือเจรจา หรือดำเนินนโยบายปิดล้อม และป้องกันสงครามระหว่างกันไม่ให้เกิดไปก่อน
    ทรัมป์ใบ้แดกแล้วอย่างที่บอก เพราะว่ามือไวปากไวทวิทเตอร์ไวโดยไม่ได้มีความรู้ทางทหาร หรือยุทธศาสตร์
    ประเด็นคือพวกทหารที่ยึดอำนาจจากทรัมป์ไปแล้วจะว่าอย่างไร ไม่ว่าจะเป็นนายพลเจมส์ แมตติส รมวกลาโหม หรือนายพล John Kelly ผู้คุมทำเนียบข่าวในตำแหน่งChief of Staff หรือเป็นประธานาธิบดีน้อยคนปัจจุบัน เพราะว่าเหล่าทหารยังคงกระหายสงคราม
     
  5. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,989
    ค่าพลัง:
    +97,149
    Thanong Fanclub
    ทรัมป์เตรียมก่อสงครามการค้ากับจีน
    ทรัมป์เตรียมที่จะทำสงครามการค้ากับจีน หลังจากแซงชั่นรัสเซีย อิหร่าน และเกาหลีเหนือเรียบร้อยแล้ว รวมท้ังเตรียมมาตรการทางทหารที่จะเข้าไปล้มรัฐบาลมูโดโรของเวเนซูเอล่า
    ในวันศุกร์ที่ผ่านมา ทรัมป์โทรแจ้งสี จิ้นผิง ผู้นำจีนว่าเขาได้สั่งให้ผู้แทนการค้าตรวจสอบการดำเนินนโยบายทางการค้าที่ไม่เป็นธรรมของจีน ขอให้เตรียมรับมือให้ดีๆ เพราะว่าที่คุยกันก่อนหน้านี้กับสี ให้สีช่วยปรามคิมน้อยแต่ไม่ทำอะไรเลย เมื่อคุยกันไม่รู้เรื่อง จำเป็นที่ทรัมป์ต้องตอบโต้จีนด้วยสงครามการค้า
    ทรัมป์ได้มอบหมายให้สำนักงานตัวแทนการค้า (US Trade Representative) ให้ไปรวบรวมข้อมูลการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาของสินค้าจีน และการที่จีนบีบให้บริษัทอเมริกันให้ส่งผ่านเทคโนโลยี่ให้บริษัทจีนอย่างไม่เป็นธรรม (forced transfer of technology)ในการทำธุรกิจ
    อย่างที่บอก เกาหลีเหนือเป็นเพียงเป้าหลอกของทรัมป์ เป้าจริงคือจีน เพราะว่าจีนกำลังเดินหน้าเพื่อแซงสหรัฐเพื่อเป็นเบอร์1ของโลกทางเศรษฐกิจ ทรัมป์ต้องทำทุกอย่างเพื่อสกัดไม่ให้จีนไปถึงดวงดาว การปั่นคิมน้อยให้เป็นกระแสภัยคุกคามความมั่นคงของสหรัฐก็เพื่อที่จะไปให้ถึงเป้าหมายหลักคือการจัดการกับจีนทางด้านเศรษฐกิจแลัการค้าในเบื้องต้น จีนรู้เกมตื้นๆของทรัมป์ดี จึงเล่นผสมโรงด้วยการสนับสนุนคิมน้อยอย่างเต็มที่ในการขู่ทรัมป์กลับด้วยสงครามนิวเคลียร์
    สำนักงานUSTRจะสอบสวนจีนตามมาตร301ของกฎหมายการค้าสหรัฐว่าจีนดำเนินนโยบายการค้าที่ไม่เป็นธรรมหรือไม่ ถ้าพบว่าไม่เป็นธรรม ซึ่งก็ต้องหาเรื่องให้เจออยู่แล้ว ทรัมป์จะลงนามตอบโต้จีนด้วยการขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากจีนตามรายการที่แล้วแต่จะเลือกเอาตามใจสอบ เพื่อให้จีนขายของในตลาดสหรัฐไม่ได้
    ต้องคอยดูว่าจีนจะตอบโต้สงครามการค้ากับสหรัฐอย่างไร ช่วงนี้ทรัมป์หน้าหงายเพราะเห็นขีปนาวุธนิวเคลียร์ของคิมน้อยแล้วขนลุกเหมือนกัน จึงอาจจะเบนความสนใจมายังจีนก่อน เพื่อให้เพนตากอนได้มีโอกาสตั้งหลักคิดแผนการที่จะจัดการกับจีนและเกาหลีเหนือไปพร้อมๆกันไปเลย
    http://www.nbcmontana.com/news/trump-to-china-trade-probe-is-coming-monday/603744666
    thanong
    13/7/2017
     
  6. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,989
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ปอกเปลือก ทรราช
    สงครามม็อบเหยียดผิวปะทะกันในสหรัฐ: ขับรถพุ่งชนฝูงชน ฮ.ตำรวจตก เสียชีวิตอย่างน้อย 3 คน (Make America Great Again with Fire and Fury?)

    FB_IMG_1502606212420.jpg FB_IMG_1502606227247.jpg FB_IMG_1502606241329.jpg FB_IMG_1502606244749.jpg FB_IMG_1502606248036.jpg FB_IMG_1502606217657.jpg FB_IMG_1502606233970.jpg FB_IMG_1502606237489.jpg

    ---------

    ในขณะที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐกำลังเมาน้ำลายกระหายจะทำสงครามนิวเคลียร์กับเกาหลีเหนือ และขู่ว่าจะใช้กำลังทหารกับเวเนซูเอลา เนื่องจากเลือกตั้งสมาชิกร่างรัฐธรรมนูญโดยไม่ได้รับอนุญาตจากสหรัฐ สหรัฐบอกว่าไม่เป็นประชาธิปไตย แต่สถานการณ์ในบ้านของตนเองกลับกำลังลุกเป็นไฟ ไม่ใช่ด้วยไฟบรรลัยกัลป์ของเกาหลีเหนือ แต่เป็น "Fire and Fury" ของพวกชาตินิยมผิวขาวนีโอนาซี (โปรทรัมป์) ปะทะกับฝ่ายต่อต้านฟาสซิสต์ (anti-fascist) ซึ่งมีทั้งกลุ่มผิวสีและผิวขาวที่ไม่เห็นด้วยกับชาตินิยมผิวขาวนีโอนาซี มีการประท้วงและเผชิญหน้ากันของม็อบทั้งสองฝ่ายในหลายจุดในเมือง Charlottesville

    วันที่ 12 ส.ค.60 RT รายงานว่ามีผู้เสียชีวิตอย่างน้อยหนึ่งคน บาดเจ็บ 19 คนจากเหตุคนร้ายชื่อ James Alex Fields Jr อายุ 20 ปี เป็นคนผิวขาว ได้ขับรถเก๋งพุ่งชนฝูงชนที่รวมกันประท้วงต่อต้านม็อบชาตินิยมผิวขาวนีโอนาซี (white supremacists) ในเมือง ชาร์ลอตต์สวิลล์ (Charlottesville) รัฐเวอร์จิเนีย

    เหตุการณ์ที่สองในเมือง Charlottesville ก็คือเฮลิคอปเตอร์ของตำรวจที่กำลังบินปฏิบัติหน้าที่สังเกตการณ์กลุ่มผู้ประท้วงตกในพื้นที่ป่า เจ้าหน้าที่สองนายบนเครื่องเสียชีวิต

    ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐออกมาแถลงการณ์ประณามการการใช้ความรุนแรงและการแสดงออกซึ่งความเกลียดชัง และกล่าวว่า "จะต้องหยุดความแตกแยกแบ่งฝ่าย" (the division must stop)

    [สหรัฐคุ้นเคยกับการยุแหย่ให้เกิดความแตกแยก แบ่งฝักแบ่งฝ่ายในหมู่ประชาชนในประเทศต่างๆ เพื่อเปิดทางไปสู่การเข้าแทรกแซงประเทศเป้าหมาย เช่นที่ยูเครน อิรัค ลิเบีย ซีเรีย และเวเนซูเอลาในขณะนี้ วันนี้กลับกระแดะทำเป็นประณามการสร้างความแตกแยกของภาคประชาชนที่เกิดขึ้นในบ้านของตนเอง - ผู้แปล]

    The Eyes
    เพจ: ปอกเปลือก ทรราช
    https://www.facebook.com/fisont
    https://vk.com/theeyesproject
    13/08/2560
    -----------
    https://www.rt.com/usa/399430-car-plows-through-protesters-virginia/
    https://www.rt.com/usa/399444-driver-charged-murder-charlottesville/
    https://www.rt.com/usa/399437-intentional-attack-eyewitness-virginia/
    https://www.rt.com/usa/399438-police-helicopter-crash-charlottesville/
    https://www.rt.com/usa/399442-trump-condemns-charlottesville-violence/
    http://edition.cnn.com/2017/08/12/us/charlottesville-white-nationalists-rally/index.html

    https://sputniknews.com/art_living/201708131056416641-police-helicopter-crash-in-charlottesville/
    https://sputniknews.com/art_living/201708131056416601-charlottesville-racism-draws-tragedy-anger/
     
  7. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,989
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ปอกเปลือก ทรราช

    FB_IMG_1502606713240.jpg FB_IMG_1502606717768.jpg FB_IMG_1502606721498.jpg FB_IMG_1502606725715.jpg FB_IMG_1502606729891.jpg FB_IMG_1502606734686.jpg FB_IMG_1502606739685.jpg FB_IMG_1502606743108.jpg

    Oops! ประชาธิปไตยแบบอเมริกัน ตำรวจ-ทหาร ใช้ปืนกดหัวประชาชนที่รวมตัวกันจุดไฟจะเผาบ้านเผาเมืองและปะทะกันรหว่างม็อบชาตินิยมผิวขาวนีโอนาซีกับฝ่ายต่อต้านฟาสซิสต์ ที่เมือง Charlottesville รัฐ Virginia (Aug. 12, 2017) ถ้าอยากได้ M-79 หรือ RGD5 ก็บอกแก๊ง...ได้นะครัช
    -----------------
    http://news.xinhuanet.com/english/2017-08/13/c_136521267.htm
     
  8. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,989
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ปอกเปลือก ทรราช
    ข่าวบันเทิง: เรือบรรทุกเครื่องบินลำใหม่และใหญ่ที่สุดและยังใช้ระบบปฏิบัติการ Windows XP ของราชนาวีอังกฤษไม่สามารถตรวจจับโดรนนิรนามที่แอบลงจอดบนเรือได้

    FB_IMG_1502613367759.jpg FB_IMG_1502613371228.jpg FB_IMG_1502613378969.jpg FB_IMG_1502613384304.jpg

    ---------

    1.) วันที่ 12 ส.ค.60 RT พาดหัวข่าวว่า "กำลังมีการทบทวนมาตรการรักษาความปลอดภัยของเรือบรรทุกเครื่องบินที่ใหญ่ที่สุดของกองทัพเรืออังกฤษหลังมือสมัครเล่นส่งโดรนไปลงบนเรือโดยไม่มีใครตรวจพบได้" (Largest UK Navy carrier security under review after amateur lands drone on deck undetected)

    รายงานข่าวแจ้งว่าจะมีการทบทวนเกี่ยวกับมาตรการรักษาความปลอดภัยของเรือบรรทุกเครื่องบิน HMS Queen Elizabeth หลังมีการเผยแพร่ภาพถ่ายโดรนขนาดเล็กแอบลงจอดบนเรือของกองทัพเรือโดยไม่มีใครจับได้ กระทรวงกลาโหมอังกฤษแถลง

    เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในขณะที่เรือ HMS Queen Elizabeth ซึ่งกำลังจะเข้าประจำการในกองทัพเรือของสหราชอาณาจักรในปลายปีนี้ เข้าเทียบท่าที่ Invergordon ในสก็อตแลนด์ เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา

    ตากล้องมือสมัครเล่นได้พบว่าเป็นโอกาสเหมาะเหม็งที่จะได้ถ่ายคลิปเรือรบลำนี้ซึ่งมีมูลค่าถึง 3 พันล้านปอนด์สเตอริง (ประมาณ US$3.9 พันล้าน หรือประมาณ 1.32 แสนล้านบาท ถูกกว่าเงินที่เกิดจากความเสียหายในโครงการโกงจำนำข้าวของรัฐบาลเผาไทยราวครึ่งหนึ่ง - ผู้แปล) ที่เดินทางไปถึง

    ชายคนดังกล่าวซึ่งยังไม่เปิดเผยชื่อ ได้กล่าวกับหนังสือพิมพ์ The Daily Mail ของอังกฤษว่า ตนเองรู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมาก จึงจัดการส่งโดรน DJI Phantom (ของจีน) ไปลงจอดบนเรือที่มีระวางขับน้ำถึง 70,000 กว่าตัน จากนั้นก็นำโดรนบินออกมาโดยไม่ถูกจับได้

    "ไม่มีใครแสดงท่าทีจะขัดขวางมันไม่ให้ลงจอดเลย แม้ว่าจะมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยอยู่บนเรือเล็กหลายลำรอบๆ ซึ่งโบกมือให้กับโดรนอีกต่างหาก... เมื่อผมนำโดรนลงจอดไม่มีใครอยู่แถวนั้นซักคน ราวกับว่ามันเป็นเรือผี (it was like a ghost ship.)" ช่างภาพมือสมัครเล่นกล่าวกับ The Daily Mail

    [ในอนาคต ทร.อังกฤษจะประจำการเครื่องบินรบยุคที่ห้า F-35B และอากาศยานอื่นๆบนเรือบรรทุกเครื่องบินลำนี้ ซึ่งสามารถบรรทุกอากาศยานได้ราว 40 กว่าลำ ก่อนหน้านี้มีรายงานข่าวเปิดเผยว่าระบบปฏิบัติการคอมพิวเตอร์บนเรือบรรทุกเครื่องบินลำใหม่เอี่ยมลำนี้ของ ทร.อังกฤษยังคงใช้ Windows XP อยู่ ซึ่งง่ายต่อการถูกแฮ็กและเจาะระบบมาก - ผู้แปล]

    The Eyes
    เพจ: ปอกเปลือก ทรราช
    https://www.facebook.com/fisont
    https://vk.com/theeyesproject
    13/08/2560
    -----------
    https://www.rt.com/uk/399419-uk-carrier-drone-landing/
    http://www.telegraph.co.uk/news/201...ds-detection-lands-vehicle-3bn-hms-elizabeth/
    http://www.telegraph.co.uk/news/201...ds-detection-lands-vehicle-3bn-hms-elizabeth/
    https://en.wikipedia.org/wiki/HMS_Queen_Elizabeth_(R08)
     
  9. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,989
    ค่าพลัง:
    +97,149
    สงครามจีน – พม่า ยุทธภูมิสยบมังกร

    FB_IMG_1502624477351.jpg FB_IMG_1502624481424.jpg FB_IMG_1502624485710.jpg FB_IMG_1502624490090.jpg FB_IMG_1502624494980.jpg

    จีนกับพม่ามีอาณาเขตติดต่อกันมาตั้งแต่ยุคสามก๊ก หลังจากที่เสนาบดีข่งหมิง (ขงเบ้ง) แห่งแคว้นสู่ (จ๊กก๊ก) ขยายอำนาจสู่ดินแดนทางใต้ (มณฑลหยุนหนาน หรือ ยูนนาน) ปราบปรามเมิ่งฮั้ว (เบ้งเฮก) ผู้นำชาวหมาน จนกระทั่งอีกเกือบพันปีต่อมา ในช่วงปลายราชวงศ์พุกาม ซึ่งเป็นราชวงศ์แรกของชาวพม่าสงครามเต็มรูปแบบระหว่างจีนกับพม่าก็เกิดขึ้น โดยกองทัพจีนในยุคราชวงศ์หยวนของชาวมองโกลได้เข้ารุกรานและล้มราชวงศ์พุกามลง ก่อนแบ่งดินแดนพม่าเป็นสองส่วนและขึ้นกับจีน จนต่อมา กลุ่มผู้นำพม่าเชื้อสายไทใหญ่ก็ขับไล่กองทัพจีน-มองโกล ออกไป
    ในยุคราชวงศ์ที่สองของพม่า คือ ราชวงศ์ตองอู ซึ่งตรงกับราชวงศ์หมิงอันเป็นราชวงศ์ของชาวจีนแท้ๆ พม่ากับจีนได้มีการทำสงครามกันหลายครั้ง โดยมากจะเป็นการปะทะกันบริเวณชายแดนแถบสิบสองปันนา จนกระทั่งถึงช่วงที่ราชวงศ์หมิงได้ล่มสลาย อู๋ซานกุ้ยแม่ทัพจีนที่สวามิภักดิ์ต่อชาวแมนจูได้นำกองทัพเข้าโจมตีพม่าเพื่อตามจับตัวอดีตจักรพรรดิหมิงที่มาลี้ภัยอยู่ที่พม่า ซึ่งสงครามครั้งนั้น ทำให้พม่าเสียหายเป็นอันมากจากการรุกรานของกองทัพจีน
    ทว่าสงครามครั้งใหญ่ที่สุดของพม่าและจีนเกิดขึ้นในยุคราชวงศ์ชิงของชาวแมนจูที่เข้ามาปกครองแผ่นดินจีน โดยตรงกับรัชสมัยของจักรพรรดิเฉียนหลงแห่งต้าชิง ส่วนพม่านั้น ตรงกับสมัยของกษัตริย์มังระแห่งราชวงศ์คองบองซึ่งเป็นราชวงศ์ที่สามและราชวงศ์สุดท้ายของพม่า
    สงครามครั้งนี้ มีเหตุมาจากความขัดแย้งระหว่างพม่ากับจีนในเรื่องหัวเมืองไทใหญ่ ซึ่งกองทัพพม่าได้ยกเข้าดินแดนไทใหญ่ และรุกคืบไปเรื่อย ๆ ทำให้พวกเจ้าฟ้าไทใหญ่ได้ไปขอความช่วยเหลือจากจีน ใน ปี ค.ศ.1759 ทว่าในช่วงแรก ทางจีนมองว่า เป็นเพียงสงครามระหว่างพม่ากับไทใหญ่ที่ยังไม่มีผลกระทบโดยตรงกับจีน องค์จักรพรรดิจึงไม่ทรงอนุญาตให้ส่งทัพเข้าแทรกแซง เพียงแค่ให้การสนับสนุนด้านเสบียงอาวุธแก่ฝ่ายไทใหญ่เท่านั้น จนเมื่อผ่านไปนานวันและสถานการณ์เริ่มรุนแรงขึ้น ทำให้ราชสำนักจีนเริ่มระแวงว่า ทัพพม่าอาจได้ใจและรุกเข้ามาจนเป็นภัยคุกคามชายแดน
    ใน ปี ค.ศ.1764 หลังทราบว่า กษัตริย์มังระแห่งพม่าได้ส่งทัพใหญ่ไปทำสงครามกับสยาม (สงครามเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่สอง) ราชสำนักชิงได้เห็นเป็นโอกาสที่จะกำราบความโอหังของพม่า จักรพรรดิเฉียนหลงจึงมีพระบัญชาให้เสนาบดีหลิวเจ้า นำกำลังพลจากกองธงเขียว (กองธงที่ทหารในหน่วยล้วนเป็นชาวฮั่น ซึ่งตั้งขึ้นหลังจากราชวงศ์ชิงครองแผ่นดินจีนแล้ว) 3500 นาย ไปช่วยพวกไทใหญ่ขับไล่กองทัพพม่า โดยร่วมกับทัพไทใหญ่อีก 1500 นาย
    กองทัพชิงเปิดศึกกับพม่าใน ปี ค.ศ.1765 ที่เมืองเชียงตุง ทว่าหลิวเจ้าถูกเนเมียวสีหตู แม่ทัพพม่าประจำเชียงตุงซึ่งมีทหารเพียงสองพัน หลอกให้ทัพชิงเข้ายึดเมืองและไล่ตามเข้าไปในป่าเขาจนทหารจีนอ่อนกำลังและถูกตัดทางถอย ก่อนถูกทัพพม่าโจมตีจนแตกพ่ายและถอยกลับไปอย่างยับเยิน ทำให้หลิวเจ้าต้องปลิดชีพตนเองเพื่อหนีความอัปยศ ความพ่ายแพ้ที่เชียงตุง ทำให้จักรพรรดิเฉียนหลง ทรงเห็นว่า เป็นความอัปยศของต้าชิง ที่ปล่อยให้แคว้นป่าเถื่อนเล็ก ๆ อย่างพม่ามาหยามหมิ่นได้ จึงทรงมีพระบัญชา ให้ หยางอิงจวี่ ขุนนางใหญ่ผู้มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับสถานการณ์ภาคใต้ เข้ารับตำแหน่งข้าหลวงอวิ๋นกุ้ยและปฏิบัติภารกิจพิชิตพม่าแทนหลิวเจ้า
    หลังรับพระบัญชา หยางอิงจวี่ก็นำทหารสองหมื่นห้าพันนาย โดยเป็นทหารกองธงเขียวหนึ่งหมื่นสี่พัน ที่เหลือเป็นทหารไทใหญ่ เดินทัพสู่แนวหน้าในฤดูร้อน ปี ค.ศ.1766 โดยหยางอิงจวี่ไม่เพียงจะช่วยพวกไทใหญ่ขับไล่ทัพพม่าเท่านั้น แต่ยังหมายจะพิชิตพม่าให้เด็ดขาดด้วยการจู่โจมกรุงอังวะ เมืองหลวงของพม่าด้วย ! ทว่าฝ่ายพม่ารู้ว่า ครั้งนี้ ต้าชิงจะต้องบุกมาถึงกรุงอังวะ เพื่อแก้แค้นความพ่ายแพ้ครั้งก่อนและเส้นทางที่จะรุกสู่อังวะจากทางเหนือได้เร็วที่สุด คือมาตามลำน้ำอิระวดี ราชสำนักพม่าจึงวางแผนรับศึก โดยให้แม่ทัพพลามินดิน มาตั้งมั่นที่เมืองปูเตา ริมแม่น้ำ อิระวดี ซึ่งเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญที่ทัพชิงต้องผ่าน หากจะยกทัพมาทางน้ำ นอกจากนี้ ยังมีทัพของมหาสีหตูกับเนเมียวสีหตู คอยซุ่มกระหนาบทัพชิงและมีทัพของอะแซ หวุ่นกี้ คอยตัดทางถอย โดยเมื่อวางกำลังพร้อมแล้ว ทัพพม่าก็รอการมาของข้าศึกอย่างใจเย็น
    ทัพชิงเข้าโจมตีปูเตาอย่างดุเดือด ทว่าทหารพม่าได้ต่อต้านอย่างสุดกำลัง จนทัพชิงต้องล้มเหลวและเสียรี้พลไปมาก ประกอบกับสภาพอากาศเปลี่ยนแปลงและโรคมาลาเรียระบาด จึงทำให้ทหารเจ็บป่วยล้มตายเป็นจำนวนมาก เมื่อเห็นกองทัพจีนอ่อนกำลังจนถึงขีดสุด ทัพพม่าจึงฉวยโอกาสเปิดศึกทันที โดย เนเมียวสีหตูได้นำทัพเข้าจู่โจมทัพชิงที่ล้อมเมืองปูเตาอย่างดุเดือด ฝ่ายพลามินดินซึ่งรักษาปูเตา ก็นำทัพออกมาตีกระหนาบทัพชิง จนแตกพ่ายและล่าถอย ทว่ากองทัพจีนก็ถูกทัพของอะแซหวุ่นกี้ที่รออยู่ ตีกระหนาบซ้ำ จนเสียหายยับเยิน
    เมื่อหนีกลับมาถึงยูนนานแล้ว หยางอิงจวี่ก็ส่งรายงานเท็จถึงราชสำนักว่า ตนได้รับชัยชนะยิ่งใหญ่ สังหารข้าศึกไปนับหมื่นและทางฝ่ายพม่าได้ขอเจรจาสงบศึก แต่จักรพรรดิเฉียนหลงมิทรงเชื่อ จึงมีพระบัญชาให้หยางอิงจวี่มาเข้าเฝ้าเมื่อสอบถามความจริง หยางอิงจวี่เมื่อรับราชโองการแล้ว ก็เกรงกลัวความผิดจึงตัดสินใจฆ่าตัวตายในที่สุด หลังความพ่ายแพ้ถึงสองครั้ง จักรพรรดิเฉียนหลงทรงเห็นว่า เพียงกำลังพลและแม่ทัพชาวฮั่นยังมีศักยภาพไม่พอชนะศึก จึงควรให้ใช้กำลังทัพแปดธงอันเกรียงไกรของแมนจูออกโรงเอง ดังนั้น จักรพรรดิจึงทรงมีพระบัญชาให้พระนัดดา หมิงรุ่ย แม่ทัพแมนจูผู้เคยมีประสบการณ์สู้รบกับชาวเติร์กในเอเชียกลางมาแล้วอย่างโชกโชน รับตำแหน่งข้าหลวงอวิ๋นกุ้ยและแม่ทัพพิชิตพม่า
    หมิงรุ่ยเดินทางมาถึงยูนนาน พร้อมด้วยทหารจากทัพแปดธง สามหมื่นนายพร้อมทหารกองธงเขียวอีกหนึ่งหมื่นสองพัน มาสมทบกับกองทัพพันธมิตรเจ้าฟ้าไทใหญ่ ในเดือนเมษายน ปี ค.ศ.1769 โดยมีไพร่พลรวมทั้งสิ้นห้าหมื่นนาย ! ทว่าแม้จะใช้กองทัพชั้นเยี่ยมอย่างทัพแปดธง แต่สภาพป่าเขาอันทุรกันดารของพม่าก็เป็นอุปสรรคสำคัญต่อการรบของทัพชิง ทำให้ศักยภาพของกองทัพต้องด้อยลง อย่างไรก็ตาม ศึกนี้ ก็สร้างแรงกดดันใหญ่หลวงแก่พม่า เพราะนอกจากทัพชิงจะใหญ่และแข็งแกร่งกว่าครั้งก่อน ๆ แล้ว ยังมาในขณะที่พม่าขาดแคลนกำลังพล เนื่องจากทัพใหญ่ยังติดพันสงครามกับสยาม
    แม่ทัพหมิงรุ่ยได้แบ่งทัพเป็นสองส่วน โดยทัพที่หนึ่ง ซึ่งหมิงรุ่ยนำทัพเอง จะโจมตีทางแสนหวี ก่อนล่องใต้ตามลำน้ำนัมตู ส่วนทัพที่สองจะรุกตามเส้นทางเดิมของหยางจิงอวี่ ล่องใต้ตามลำน้ำอิระวดี โดยไปบรรจบกันที่กรุงอังวะ ขณะที่ฝ่ายพม่าได้ให้เนเมียวสีหตูไปรับทัพที่สองของต้าชิง ส่วนทัพที่หนึ่ง ให้เป็นหน้าที่ของอะแซหวุ่นกี้และมหาสีหตู
    เดือนพฤศจิกายน ค.ศ.1767 ทัพของหมิงรุ่ยได้ยึดแสนหวีเป็นที่มั่น โดยทิ้งทหารไว้ห้าพันและระดมกำลังหนึ่งหมื่นห้าพันนายบุกต่อไป โดยทัพของหมิงรุ่ยสามารถตีทัพพม่าถ่อยร่นและสามารถรุกเข้ามาอยู่ห่างกรุงอังวะเพียงสามสิบไมล์ ทว่าการที่หมิงรุ่ยบุกลึกเข้ามา ไกลจากที่มั่นในแสนหวี เป็นระยะทางหลายร้อยไมล์ ทำให้การส่งกำลังบำรุงทำได้ลำบาก จึงเป็นโอกาสของอะแซหวุ่นกี้ในการตอบโต้ โดยส่งทหารซุ่มโจมตีกองลำเลียงของต้าชิงอย่างต่อเนื่อง จนทำให้สถานการณ์ของฝ่ายหมิงรุ่ยเริ่มย่ำแย่ ขณะเดียวกัน ทัพที่สองของต้าชิง ซึ่งเคลื่อนพลมาทางลำน้ำอิระวดี ก็เผชิญการต่อต้านอย่างหนักที่ปูเตา จนเสียหายอย่างมากและจำต้องถอยทัพกลับยูนนานโดยพลการ
    ขณะนั้น ทัพใหญ่ของเนเมียวสีหบดีซึ่งเสร็จศึกที่อยุธยา ก็กลับมาถึงอังวะ ทำให้อะแซหวุ่นกี้สามารถระดมกำลังเข้ายึดแสนหวีคืนจากต้าชิงได้สำเร็จ ทัพจีนจึงถูกตัดทางถอยโดยปริยาย พอเข้าสู่เดือนมีนาคม ทัพหมิงรุ่ย ก็ต้องเผชิญกับโรคมาลาเรียระบาด ทำให้หมิงรุ่ยผู้เคยหมายจะกรีธาทัพเข้าสู่อังวะอย่างผู้ชนะ มาบัดนี้แม้จะกลับยูนนานก็ยังทำไม่ได้ ฝ่ายพม่าได้ระดมกำลังกว่าหมื่นคน เข้าปิดล้อมทัพของหมิงรุ่ยและทำการรบขั้นแตกหักที่เมย์เมียว ห่างจากกรุงอังวะห้าสิบไมล์ การสู้รบครั้งนี้ ดุเดือดรุนแรงขนาด เลือดไหลนองเป็นสายธาร ในที่สุดกองทัพของหมิงรุ่ย ก็พ่ายแพ้ยับเยิน ความปราชัยครั้งนี้ ทำให้หมิงรุ่ยในฐานะแม่ทัพใหญ่ผู้มีผลงานในการศึกมาไม่น้อย ไม่มีหน้ากลับไปยังแผ่นดินจีนอีก ในที่สุดเขาก็ตัดสินใจผูกคอตายล้างความอัปยศในครั้งนี้ ที่แดนพม่านั่นเอง
    หลังทรงทราบข่าวความพ่ายแพ้ของหมิงรุ่ย จักรพรรดิทรงตกพระทัยและกริ้วยิ่งนัก จึงทรงมีรับสั่งเรียกตัวองคมนตรีฟู่เหิง ซึ่งเป็นลุงของหมิงรุ่ย ผู้เคยมีประสบการณ์ในการรบกับมองโกล พร้อมด้วยแม่ทัพแมนจูอีกหลายนาย เช่น เสนาบดีกรมกลาโหม อากุ้ย แม่ทัพอาหลีกุ่น รวมทั้งเอ้อหนิง สมุหเทศาภิบาลมณฑลยูนนานและกุ้ยโจว ให้เตรียมการยกทัพเข้าโจมตีพม่าเป็นครั้งที่สี่ โดยอาศัยกำลังทั้งจากทัพแปดกองธงและกองธงเขีย ปี ค.ศ.1769 หลังเตรียมการพร้อมสรรพ ฟู่เหิงก็นำทัพมุ่งสู่แดนพม่า โดยแบ่งเป็นทัพบกและทัพเรือ โดยทัพบกเคลื่อนมาทางฝั่งตะวันตกของแม่น้ำอิระวดี ส่วนทัพเรือล่องมาตามแม่น้ำ โดยมีกำลังพลทั้งสิ้นหกหมื่นคน ประกอบด้วยทหารแปดธงสี่หมื่นและทัพธงเขียวกับทหารไทใหญ่อีกสองหมื่น
    ฝ่ายพม่านั้น พระเจ้ามังระโปรดให้ อะแซหวุ่นกี้เป็นแม่ทัพใหญ่ มีพลามินดินเป็นผู้ช่วย โดยยุทธศาสตร์หลักคือ ต้องยันทัพชิงไว้ที่ชายแดน ไม่ให้บุกลึกเข้ามาในพม่าได้อีก นอกจากนี้ ฝ่ายพม่ายังเตรียมกองทัพเรือเพื่อสู้ศึกกับทัพเรือต้าชิงและเสริมกำลังด้วยกองทหารปืนใหญ่ชาวฝรั่งเศส ที่นำ ปีแอร์ เดอ มิลลาร์ด อีกด้วย โดยเมื่อจัดทัพพร้อมแล้ว อะแซหวุ่นกี้ก็เคลื่อนพลทางเรือล่องตามลำน้ำอิระวดีสู่เมืองพะมอ ซึ่งเป็นชัยภูมิที่จะใช้ตั้งรับกองทัพต้าชิง
    ข้างฝ่ายทัพบกของฟู่เหิงก็เริ่มพบความยากลำบากในการเคลื่อนทัพ เนื่องจากเข้าฤดูฝน ทำให้เส้นทางส่วนใหญ่ซึ่งเป็นป่าเขา เต็มไปด้วยโคลนเลน การขนย้ายสัมภาระทำได้ลำบาก ซ้ำยังเกิดโรคระบาดต่าง ๆ โดยเฉพาะมาเลเรียตามมา อีกทั้งเจอการต้านทานอย่างหนักจากกองทหารพม่า ฟู่เหิงจึงเปลี่ยนเส้นทางเดินทัพ โดยข้ามแม่น้ำมาทางตะวันออกแทน ส่วนทัพเรือต้าชิงก็ต้องสู้รบกับกองทหารพม่าตามจุดต่าง ๆ ในแถบลุ่มอิระวดีมาอย่างต่อเนื่องขณะที่เคลื่อนทัพมา
    วันที่ 10 ตุลาคม ทัพจีนและพม่าเปิดศึกกันที่ซินเจีย ทางฝั่งตะวันออกของแม่น้ำอิระวดี โดยทัพเรือได้ปะทะกันก่อน กองเรือพม่าได้ถอยลงไปทางใต้ ยึดสันดอนทรายเป็นที่มั่นและหันกลับมาสู้กับทัพเรือต้าชิงอย่างดุเดือด สามารถสังหารทหารชิงได้สองพันกว่านาย จมเรือรบได้หกลำ ขณะเดียวกัน ทางบก ฝ่ายต้าชิงก็ส่งทัพม้าเข้าปะทะกับทัพพม่าอย่างดุเดือด สังหารข้าศึกไปพันห้าร้อยกว่าคน หลังการรบ ทัพพม่าได้ถอยลงใต้ ทำให้ทัพชิงเข้ายึดซินเจียได้ กองทัพต้าชิงยังรุกต่อทั้งทางบกและทางน้ำ แต่ก็ถูกทัพพม่าต้านทานอย่างเหนียวแน่น และเมื่อน้ำในแม่น้ำอิระวดีเริ่มแห้งขอด ทัพเรือชิงก็ติดสันดอนทราย จนไม่อาจเคลื่อนที่ได้ ขณะกองทัพบกก็ถูกกองทัพพม่าปิดล้อม ทัพชิงได้ทุ่มกำลังเพื่อตีฝ่าวงล้อม แต่ก็ถูกทัพพม่าวางกลซุ่มโจมตีจนต้องล่าถอย
    การรบยืดเยื้อถึงเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 1769 ทหารพม่าก็ได้ส่งทูตมาเจรจาขอพักรบชั่วคราว ทางฝ่ายต้าชิงก็เหนื่อยล้าเต็มทีเช่นกัน จึงตัดสินใจยอมรับการเจรจา เพราะต่างเห็นแล้วว่า การทำศึกยืดเยื้อต่อไปไม่เป็นผลด ถึงตอนนั้น ทัพต้าชิงได้รับความเสียหายหนัก ตลอดการสู้รบที่ผ่านมา ทหารกว่าสามหมื่นนายเสียชีวิตเพราะการรบและการเจ็บป่วย แม้แต่ตัวฟู่เหิงกับอาหลีกุ่นผู้เป็นแม่ทัพใหญ่และรองแม่ทัพใหญ่ก็ยังล้มป่วยด้วยไข้มาเลเรีย การเจรจาสงบศึกเสร็จสิ้นในเดือนกรกฎาคม ค.ศ.1770 จากนั้นทัพชิงก็เคลื่อนกลับปักกิ่ง ส่วนฟู่เหิงกับอาหลีกุ่น ซึ่งกำลังป่วยหนักอยู่นั้น ไม่นานก็ถึงแก่อสัญกรรมทั้งคู่ และแม้ว่า ทั้งจักรพรรดิเฉียนหลงและพระเจ้ามังระจะไม่พอพระทัยกับการสงบศึกที่แม่ทัพสองฝ่ายกระทำไว้ แต่สองฝ่ายก็ไม่ได้ทำสงครามกันอีก จากนั้นอีกเกือบยี่สิบปีต่อมา จีนและพม่าจึงได้ฟื้นฟูความสัมพันธ์ทางการทูตอีกครั้ง โดยพม่ายอมส่งบรรณาการให้ต้าชิง ทำให้จักรพรรดิเฉียนหลงทรงอ้างชัยชนะในสงครามครั้งนี้ ทว่า ชัยชนะนี้ ก็แลกมาด้วยชีวิตของแม่ทัพนายกองพร้อมกับไพร่พลอีกกว่าเจ็ดหมื่นคนที่ต้องมาทิ้งไว้ในสมรภูมิแห่งอิระวดี นับว่าเป็นสงครามชายแดนที่มีความสูญเสียมากที่สุดของราชวงศ์ชิง

    ที่มา Komkid
     
  10. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,989
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ปอกเปลือก ทรราช
    ไม่พึงปรารถนา: จีนถีบ BBC กระบอกเสียงของพวกตะวันตกออกจากเกาะฮ่องกง เตรียมให้สื่อของรัฐบาลกลางเข้าเสียบแทน

    FB_IMG_1502692660168.jpg FB_IMG_1502692663676.jpg

    -----------
    วันที่ 13 ส.ค.60 Sputnik พาดหัวข่าวว่า "กรุงปักกิ่งเตรียมยุติการออกอากาศทางวิทยุรายการ BBC WorlD Service ที่เผยแพร่ตลอด 24 ชั่วโมงในฮ่องกง" (Beijing to End 24-hour BBC World Service Broadcast in Hong Kong)
    หลังจากสิ้นสุดการเป็นเมืองขึ้นของอังกฤษนานถึง 99 ปี ในปี 1997 และเวลา 20 ปีในการรับประกันการปรับสภาพกลับสู่การแผ่นดินแม่อีกครั้งในฐานะที่เป็นเมืองๆหนึ่งของสาธารณรัฐประชาชนจีน รัฐบาลท้องถิ่นของเกาะฮ่องกงได้ทำการเปลี่ยนถ่ายอีกก้าวหนึ่งโดยการแทนที่สถานีวิทยุ BBC World Service (ที่พยายามปลุกปั่นและล้างสมองคนจีนรุ่นใหม่ในเกาะฮ่องกง) ซึ่งก่อตั้งมานานถึง 39 ปี ด้วยโปรแกรมข่าวจากสื่อของรัฐบาลกรุงปักกิ่งโดยตรง
    โปรแกรมข่าวจากสถานีวิทยุและโทรทัศน์ฮ่องกง (Radio Television Hong Kong (RTHK)) จะเริ่มการเผยแพร่ข่าวโดยสถานีวิทยุแห่งชาติของจีนฉบับฮ่องกง (China National Radio Hong Kong Edition) เท่านั้นในวันที่ 4 กันยายนนี้ ซึ่งเป็นเครือข่ายโปรแกรมการออกอากาศข่าวเป็นภาษาจีนกลาง (Mandarin - ภาษาฮั่น) (คนฮ่องกงส่วนใหญ่พูดภาษาจีนกวางตุ้ง - Cantonese)
    RTHK สื่ออย่างเป็นทางการของรัฐบาลจีนประจำฮ่องกงกล่าวในแถลงการณ์ว่า การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวได้ถูกกำหนดให้ตรงกับวันสิ้นสุดของบริการออกอากาศทางออดิโอดิจิตอล (DAB) ในเดือนกันยายน
    [กรุงปักกิ่ง] ได้ประกาศในเดือนมีนาคมว่า ช่องดิจิตอลทั้งหมดจะต้องถูกปิด กรุงปักกิ่งยืนยันว่าอินเดอร์เน็ทได้เข้ามาแทนที่วิธีการกระจายข่าวสารแบบเดิมแล้ว
    RTHK แถลงว่า โปรแกรมการรายงานข่าวสดตลอด 8 ชั่วโมงของ BBC World Service จะยังคงอยู่ที่สถานี Radio 4 ระหว่างเวลา 23.00 น. - 7.00 น.
    เมืองฮ่องกงที่อยู่ภายใต้หลักการ "หนึ่งประเทศ สองระบบ" (one country, two systems) ของกรุงปักกิ่ง ได้รับความเป็นอิสระทางกฎหมายในการปกครองตนเองค่อนข้างสูง
    ตามรายงานข่าวแจ้งว่ามากกว่าครึ่งของเจ้าของสื่อในฮ่องกงต่างก็มีส่วนร่วมในวงการการเมืองของจีน ซึ่งแสดงให้เห็นว่าพวกเขาไม่ยินดีที่จะต่อต้านแนวทางของพรรคการเมืองจากกรุงปักกิ่ง
    [เดิมทีเกาะฮ่องกงก็เป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรจีนอยู่แล้ว ตกเป็นเมืองขึ้นของอังกฤษสมัยพวกตะวันตกออกล่าเมืองขึ้น ระหว่างปี 1842–1941 ต่อมาถูกญี่ปุ่นยึดครองระหว่างปี 1941–45 หลังญี่ปุ่นแพ้สงครามให้กับสหรัฐในสงครามโลกครั้งที่สอง อังกฤษก็กลับเข้ามายึดเกาะฮ่องกงอีกครั้ง (1945–1997) ช่วงนั้นที่แผ่นดินใหญ่ก็กำลังเกิดสงครามกลางเมืองระหว่างพรรคก๊กมินตั๋งและฝ่ายคอมมิวนิสต์นำโดยเหมา เจ๋อตุง
    ช่วงนั้นรัฐบาลกลางของจีนไม่สามารถส่งกำลังทหารมาดูแลเกาะฮ่องกงได้ อีแอบอังกฤษจึงถือโอกาสยึดซ้ำ ไม่มีเงาของ "ประชาธิปไตย" ปรากฎบนเกาะฮ่องกงทั้งในสมัยที่ถูกญี่ปุ่นและอังกฤษยึดครอง มีสถานะเป็นเมืองทาสของต่างชาติที่เข้าไปเอารัดเอาเปรียบและแสวงหาผลประโยชน์และกอบโกยจากคนท้องถิ่นเท่านั้น หลังจากที่จีนได้รับเกาะฮ่องกงคืนจากอังกฤษแล้ว อังกฤษยังได้บังคับให้จีนต้องเซ็นสัญญาอีกหนึ่งฉบับที่กำหนดว่าจะต้องให้ฮ่องกงปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตยอย่างน้อย 50 ปี ทั้งๆที่สมัยที่ตนเองปกครองฮ่องกงนั้นไม่ปรากฎประชาธิปไตยในฮ่องกงเลย
    ทางอังกฤษคงจะคาดหวังเอาไว้ว่าภายในช่วงเวลา 50 ปีนี้จะต้องล้างสมองคนจีนที่นี่ให้ต่อต้านการปกครองจากกรุงปักกิ่งและก่อตั้งประเทศใหม่ได้แน่นอน จีนทุกวันนี้ไม่เหมือนแต่ก่อน สมัยก่อนนี้ที่ยอมพวกตะวันตกก็เพราะว่าอาวุธสู้พวกนักล่าไม่ได้ แต่สมัยนี้จีนกลายเป็นหนึ่งในมหาอำนาจโลกทั้งด้านเศรษฐกิจและอาวุธแล้ว ดังนั้นอังกฤษและสหรัฐจึงรวมหัวกันปลุกม็อบวัยผลัดขนที่ไม่ได้ศึกษาประวัติศาสตร์ของจีนและฮ่องกงเลย พูดเป็นอยู่แค่ "ประชาธิปไตย" และ "เสรีภาพ" และ "สิทธิมนุษยชน" แต่ไม่รู้ความหมายและหลักการว่ามันคืออะไร ให้ลุกฮือประท้วงต่อต้านรัฐบาลกลาง แต่สุดท้ายก็ถูกปราบเรียบ งบหมด คนก็หาย
    และหนึ่งในเครื่องมือหลักที่พวกตะวันตกนักล่าเมืองขึ้นจะใช้ล้างสมองวัยผลัดขนของฮ่องกงก็คือ "BBC" นี่แหละ เฮ่อๆ… จีนก็ดูเกมออกเหมือนกัน ลาก่อนนะ BBC ปิ้ววววว! ไปช่วยเรียกร้องประชาธิปไตย เสรีภาพ และสิทธิมนุษยชนให้กับชาวอเมริกันที่เมือง Charlottesville โน่นเถอะ! - ผู้แปล]
    The Eyes
    เพจ: ปอกเปลือก ทรราช
    https://www.facebook.com/fisont
    https://vk.com/theeyesproject
    14/08/2560
    -----------
    https://sputniknews.com/art_living/201708131056417744-beijing-ends-hongkong-bbc-broadcasts/
    http://www.independent.co.uk/news/w...ng-media-24-hour-radio-40-years-a7888101.html
    https://www.theguardian.com/media/2...ast-of-bbc-world-service-dropped-in-hong-kong
     
  11. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,989
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ปอกเปลือก ทรราช
    ยูโกสลาเวีย อิรัค และลิเบีย ที่ไม่มีอาวุธนิวเคลียร์ไว้ในครอบครอง คือบทเรียนที่ล้ำค่าสำหรับเกาหลีเหนือ (ตอนที่ 1/2)

    FB_IMG_1502761071641.jpg FB_IMG_1502761077270.jpg FB_IMG_1502761081561.jpg

    -----------

    วันนี้มีข่าวเด็ดๆหลายข่าวมาก เรื่องฮาร์ปูน (Harpoon) ที่กำลังฮ็อตอยู่ในขณะนี้ก็น่าสนใจ แต่ถ้าแอ็ดมินเขียนแล้ว เกรงว่าโปรอเมริกาจะฮาไม่ออกนะจิ คริๆ แต่ไปอ่านเจอบทความฉบับหนึ่งจาก RT ซึ่งเขียนโดย Neil Clark เป็นนักข่าวจากอังกฤษเขียนให้กับสื่อหลายสำนัก ครั้งนี้เขาเขียนเกี่ยวกับกรณีสหรัฐ-เกาหลีเหนือ ได้อย่างน่าสนใจมาก จึงถือวิสาสะ (เหมือนปรกติ) แปลมาให้แฟนเพจอ่าน (ค่อนข้างยาว แต่เป็นข้อเท็จจริงที่สมเหตุสมผลล้วนๆ)

    บทความชื่อ "North Korea has learnt the brutal lessons of US regime change and will not disarm" (เกาหลีเหนือได้เรียนรู้บทเรียนต่างๆเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงระบอบโดยสหรัฐ และจะไม่ (โง่) ปลดอาวุธตนเองเด็ดขาด)

    สงครามโลกครั้งที่สาม (World War III) จะเริ่มในสัปดาห์นี้เนื่องจากการกระทำของผู้นำคนหนึ่งที่ชอบการรบราฆ่าฟันกัน (buffoonish) ซึ่งมีทรงผมเพิงหมาแหงน และรัฐอันธพาลจอมกระหายสงครามนิวเคลียร์ที่น่าขนลุกของเขาหรือไม่? หรือว่านายโดนัลด์ ทรัมป์และสหรัฐจะถือขัดขวางได้?

    [ประโยคแรกเหมือนจะเหน็บคิมน้อย แต่ทั้งเรื่องทรงผมและนิวเคลียร์ทั้งคิมน้อยและทรัมป์ต่างก็ไม่เป็นสองรองใคร คำตอบจึงซ่อนอยู่ที่ประโยคที่สองนั่นเองว่าผู้เขียนหมายถึงใคร - ผู้แปล]

    แน่นอนครับ ในสายตาของสื่อตะวันตกมิตรของกระทรวงต่างประเทศ (สหรัฐ) นั้น มันก็คือเกาหลีเหนือและผู้นำของเกาหลีเหนือนั่นแหละที่แสดงบทบ้้าๆบอๆอยู่เป็นประจำ แต่คุณก็ไม่ต้องถึงกับถือคบเพลิงให้กับรัฐบาลเกาหลีเหนือ หรือเป็นคนถือบัตรของสมาคมคนนิยมคิม จอง-อึน เพื่อแสดงการยอมรับว่าผู้นำของประเทศเกาหลีเหนือได้ประพฤติปฏิบัติตนอย่างมีเหตุผลเป็นประจำหรอกนะ เพราะว่าประวัติศาสตร์เมื่อเร็วๆนี้ได้บอกกับพวกเราว่า "วิธีที่ดีที่สุดในการยับยั้งการโจมตีจากสหรัฐและเหล่าพันธมิตรของเขาก็คือ อย่าปลดอาวุธตนเองเด็ดขาด" แต่งตัวให้พร้อม เหมือนกับที่จอห์น เลนนอน (John Lennon) ได้พูดในแถลงการต่างๆเกี่ยวกับว่ายิ่งคุณปรารถนาสันติภาพมากขนาดไหน ก็ให้ทำในสิ่งที่ตรงกันข้ามนั่นแหละ

    เมื่อย้อนกลับไปดูถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในยูโกสลาเวีย อิรัค และลิเบียแล้ว ก็เหมือนกับ DPRK (เกาหลีเหนือ) กล่าวคือทั้งสามประเทศต่างก็ตกเป็น "รัฐเป้าหมาย" (target states) ของสหรัฐ และทั้งสามประเทศนี้ก็ถูกทำลายไปแล้ว ผู้นำของพวกเขาต่างก็ถูกสังหารไปแล้ว พวกเราคิดจริงๆหรือว่าประเทศเหล่านี้จะถูกโจมตี ถ้าพวกเขาครอบครองนุกหรือขีปนาวุธที่สามารถจะยิงไปถึงเป้าหมายต่างในสหรัฐได้? แน่นนอนครับว่า "ไม่"

    การวิเคราะห์อย่างละเอียดถึงความขัดแย้งเหล่านี้ได้แสดงให้เราทราบว่า จักรวรรดิ (อเมริกา) จะหาทางผ่านหน้าผาต่างๆไปโดยการใช้กำลังทางทหาร ก็ต่อเมื่อเขาคิดว่ามีความเสี่ยงน้อย หรือไม่มีเลย ถ้าเขาเชื่อว่ามีความเสี่ยงสูง เขาก็จะถอยกลับ และก็เริ่มพูดถึงความต้องการที่จะ "เจรจากัน" และ "การทูต" แทน

    เพื่อให้เข้าใจว่าการกระทำแบบผู้ต้องการครองโลกแต่เพียงผู้เดียว (global hegemon acts) นั้น ในเวทีนานาชาติแล้วพวกเราไม่จำเป็นจะต้องไปศึกษาตำราเรียนที่หนาปึกหรอก เพียงแค่จำสิ่งที่เกิดขึ้นในสนามเด็กเล่นที่โรงเรียนได้ก็พอแล้ว

    1.) บทเรียนที่หนึ่ง กรณียูโกสลาเวีย (Yugoslavia)

    ในปี 1999 ประธานาธิบดี Slobodan Milosevic แห่งยูโกสลาเวียไม่เพียงแต่ไม่มีขีปนาวุธข้ามทวีป (ICBM) เท่านั้น แต่ยังมีพันธมิตรนานาชาติที่เข้มแข็งผู้พร้อมที่จะยืนเคียงข้างกับประเทศของเขาในช่วงเวลาที่จำเป็นอีกด้วย แม้ว่ากรองทัพรัสเซียจะพยายามช่วยเหลือพันธมิตรเชื้อสายสลาวิกของตนเองในกรุง Belgrade ก็ตาม แต่ประธานาธิบดี Yeltsin และพวกอีลิทฝ่ายปกครองในรัสเซียก็ถูกล่อใจด้วยความช่วยเหลือทางการเงินให้อย่างห่างจากเรื่องนี้ ไม่ว่ามันจะจริงหรือไม่ก็ตาม การอนุมัติเงินกู้ก้อนใหม่จาก IMF ให้รัสเซียก็ผ่านได้โดยง่ายหลังจากแก๊งนาโต้เริ่มแคมเปญจ์ทิ้งระเบิดทางอากาศโจมตียูโกสลาเวียโดยผิดกฎหมาย

    สหรัฐคาดหวังการดำเนินการทางทหารเท่านั้นสำหรับช่วงเวลาเพียงไม่กี่วันก่อนที่ Slobo จะพังและยอมรับสิทธิ์ของพวกพันธมิตรทางทหารของพวกตะวันตกในการเข้ายึดครอง Kosovo ที่อุดมไปด้วยแร่ต่างๆ และก็สามารถเข้าถึงพื้นที่ทั้งหมดของยูโกสลาเวียได้โดยอิสระ

    แต่ Slobo และ Serbs ไม่ได้ล่มสลายด้วย ในขณะที่กำลังระดมการทิ้งระเบิดอย่างต่อเนื่องอยู่นั้น ก็เกิดรอยร้าวขึ้นในแก๊งนาโต้กับฝ่ายเหยี่ยว ซึ่งประกอบด้วยสหรัฐและอังกฤษ และประเทศอื่นจากทวีปยุโรปที่ต้องการการเจรจากับกรุง Belgrade (ปัจจุบันนี้เป็นเมืองหลวงของเซอร์เบีย)

    วันที่ 15 เมษายน 1999 The Guardian ของอังกฤษรายงานว่า "พวกเจ้าหน้าที่อเมริกันปฏิเสธแผนสันติภาพหกจุดของเยอรมันซึ่งรวมทั้งพักการทิ้งระเบิดตลอด 24 ชั่วโมงด้วย การใช้กองกำลังรักษาสันติภาพของยูเอ็น และพลเรือนในการจับตาเฝ้าระวัง"

    ความป่าเถื่อนของนาโต้ เช่นการสังหารหมู่พลเรือนจำนวน 16 คนในการทิ้งระเบิดใส่สถานีโทรทัศน์ของรัฐบาลเซอร์เบีย - เป็นการก่ออาชญากรรมสงครามอย่างชัดเจน (แต่ไม่มีใครสามารถเอาผิดแก๊งนาโต้ได้) - และการทิ้งระเบิดใส่ขบวนรถไฟโดยสารและคอนวอยพลเรือนของชาวอัลบาเนียนเชื้อสายโคโซโว การทิ้งระเบิดโจมตีพลเรือนเหล่านี้ได้นำไปสู่การต่อต้านปฏิบัติการด้านมนุษยธรรมจากภาคประชาชน เนื่องจากสงครามไม่ได้เป็นไปตามที่ได้วางแผนเอาไว้ เป็นอีกครั้งหนึ่งที่สหรัฐจะแสดงการคุกคาม การเริ่มการกดดันต่อประธานาธิบดี Milosevic ของยูโกสลาเวียถูกฟ้องว่าเป็นการก่ออาชญากรรมสงครามอย่างหนึ่ง

    [แต่สุดท้ายพวกแก๊งนาโต้ก็เป็นฝ่ายชนะ ยูโกสลาเวียล่มสลาย แตกออกเป็นประเทศเล็กประเทศน้อยราว 9 ประเทศ ปัจจุบันนี้ประเทศเหล่านั้นยอมเป็นขี้ข้านาโต้เข้าร่วมแก๊งนาโต้ เหลือแต่เซอร์เบียเท่านั้นที่ยังยืนหยัดอยู่ได้ด้วยความช่วยเหลือของรัสเซีย และทางนาโต้เองก็จ้องจะกลืนเซอร์ให้ได้ด้วย การก่อสงครามรุกรานยูโกสลาเวียเกิดขึ้นในสมัยประธานาธิบดีบิล คลินตัน ของสหรัฐ - ผู้แปล]

    นาย Victor Chernomyrdin ทูตของประธานาธิบดี Yeltsin แห่งรัสเซีย ได้บินไปยังกรุง Belgrade เพื่อเกลี้ยกล่อมให้ปธน. Milosevic ยอมรับเงื่อนไขของนาโต้ หรือไม่ก็เผชิญกับการขยายสงครามออกไป

    เจ็ดปีต่อมาในขณะที่อดีตประธานาธิบดี Milosevic ถูกจองจำอยู่ในคุกของพวกนาโต้ในข้อหาก่ออาชญากรรมสงคราม และปฏิเสธที่จะทานยารักษาอาการโรคหัวใจ ได้เปิดเผยว่าเขารู้สึกเสียใจที่ไม่พูดว่า "nyet" (no) ต่อนาย Chernomyrdin ทูตของรัสเซียในปี 1999 และกล่าวว่ามันเป็นการโกหกหลอกลวงของกรุงวอชิงตัน

    2.) บทเรียนที่สอง กรณียูอิรัค (Iraq)

    สี่ปีต่อมาก็ถึงคราวของอิรัคหนึ่งในประเทศที่ร่ำรวยด้วยน้ำมันถูกโจมตีโดยแก๊งนาโต้นักล่ากลุ่มเดิม ประธานาธิบดี Saddam Hussein และนาย Tariq Aziz รองนายกรัฐมนตรีของอิรัคต่างก็พากันยืนยันต่อสื่อทั่วโลกว่าประเทศของเขาไม่มีอาวุธร้ายแรงที่มีอานุภาพทำลายล้างสูง (WMD) ตามที่อังกฤษและสหรัฐใส่ร้าย

    [หน่วยข่าวกรองของอังกฤษทำรายงานเท็จขึ้นมาฉบับหนึ่งโดยอ้างว่าอิรัคครอบครอง WMD เป็นภัยคุกตามต่อสันติภาพโลกและมนุษยชาติ ต้องกำจัด! ต่อมาทางการอังกฤษเปิดเผยว่าเกิดความผิดพลาดในข่าวกรองดังกล่าว หลังซัดดัมถูกสังหารและอิรัคเละอย่างที่เป็นอยู่ในปัจจุบันนี้ - ผู้แปล]

    ทั้งสองคนถูกกล่าวหาด้วยคำโกหกจากพวกนีโอคอนตะวันตก แต่การล็อบบี้สงครามที่ไม่มีวันสิ้นสุดต่างก็รู้ว่าผู้นำของอิรัคพูดความจริง "ประเทศของซัดดัมถูกโจมตีไม่ใช่เพราะว่าตนเองครอบครองอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูง แต่เพราะว่าอิรัคไม่มีมันต่างหาก" (Saddam’s country was attacked not because it possessed weapons of mass destruction, but because it didn’t.)

    ระบบป้องกันภัยทางอากาศของอิรัคได้รับความเสียหายอย่างหนักหลังการทิ้งระเบิดของพวกพันธมิตรนักล่าแห่งแก๊งนาโต้หลายปี และกองทัพอากาศของอิรัคก็ยับเยินตั้งแต่สมัยสงครามอ่าวครั้งแรก อิรัคจึงไม่ต่างอะไรกับเป็ดง่อยตัวหนึ่ง ทั้ง Bush และ Blair (สอง B ดับเบิ้ล bad) ได้รวมหัวกันโกหกว่าประเทศอิรัคเป็น "ภัยคุกคาม" และในที่สุดประชาชนชาวอิรัคก็เสียชีวิต (อย่างน้อย) 1 ล้านคน (จากสงครามแก๊งนาโต้รุกรานอิรัคด้วยข้อหาบ้าบอคอแตก)

    [หลังจากสังหารซัดดัมได้แล้ว สหรัฐก็หว่าานเมล็ดพันธุ์ประชาธิปไตยและเสรีภาพลงไปในอิรัค ปรากฏว่ามันกลับงอกขึ้นมาเป็น "กองทัพปีศาจไอซิส" แทน และก็เปิดทางให้สหรัฐและเดอะแก๊งก่อสงครามในอิรัคต่อไปอย่างมาจนถึงทุกวันนี้ ในอนาคตถ้าไอซิสถูกกำจัดหมดจากอิรัคแล้ว ก็ยังจะมีสงครามระหว่างรัฐบาลกลางและกับกองกำลังชาวเคิร์ด (ที่ได้รับการสนับสนุนจากแก๊งนาโต้) ในอิรัคอีก ซีเรียก็ตกอยู่ในชะตากรรมเดียวกันนี้

    ปัจจุบันนี้มีใครเห็นเงาของประชาธิปไตย เสรีภาพ และสิทธิมนุษยชนในอิรัคบ้าง? พวกเคิร์ดมีการเลือกตั้งผู้นำของตนเองตามระบอบประชาธิปไตยแบบตะวันตกไหม? ไม่มี แต่งตั้งโดยแก๊งนาโต้ล้วนๆ สหรัฐบอกว่า นี่แหละว้อยประชาธิปไตยของจริง - ผู้แปล]

    The Eyes
    เพจ: ปอกเปลือก ทรราช
    https://www.facebook.com/fisont
    https://vk.com/theeyesproject
    14/08/2560
    -----------
    https://www.rt.com/op-edge/399474-north-korea-nuclear-us/
     
  12. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,989
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ปอกเปลือก ทรราช
    ยูโกสลาเวีย อิรัค และลิเบีย ที่ไม่มีอาวุธนิวเคลียร์ไว้ในครอบครอง คือบทเรียนที่ล้ำค่าสำหรับเกาหลีเหนือ (ตอนที่ 2/2)

    FB_IMG_1502761433959.jpg FB_IMG_1502761418496.jpg FB_IMG_1502761423429.jpg FB_IMG_1502761428118.jpg

    -----------

    3.) บทเรียนที่สาม กรณียูลิเบีย (Libya)

    ลิเบียเป็นหนึ่งหนึ่งประเทศที่ร่ำรวยน้ำมัน (หนึ่งในสมาชิกกลุ่ม OPEC) นักวิเคราะห์มองว่าประธานาธิบดี Muammar Gaddafi ได้กระทำการสรุปที่ผิดพลาดอย่างร้ายแรงเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นในประเทศอิรัค ผู้นำลิเบียพยายามเป็นอย่างยิ่งในการที่จะทำให้สหรัฐยุติการคว่ำบาตรต่อประเทศของเขา และเขาก็โง่ที่ไปทำข้อตกลงเพื่อยุติโครงการพัฒนาอาวุธร้ายแรง (WMD) ในเดือนธันวาคม 2003 (ปีเดียวกันที่สหรัฐและแก๊งนาโต้รุกรานอิรัค)

    กั๊ดดาฟี่ควรจะตอบโต้แบบ Shock and Awe (ที่ต้องทำให้สะดุ้งตกใจแบบขนพองสยองกล้าไปเลย) ด้วยการสร้างคลังแสน (อาวุธร้ายแรง) ของตนเองขึ้นมา แทนที่จะไปหลงกลกับคำสัญญาของพวกผู้นำตะวันตกที่ปากว่าตาขยิบไม่รักษาคำพูด (silver-tongued promises) ที่อ้างว่ากำลังจะยุติการโดดเดี่ยวประเทศลิเบีย (ถ้าลิเบียยอมทำลายอาวุธร้ายแรงของตนเองทิ้งหมดซะก่อน) แต่กั๊ดดาฟี่ก็ทำตรงกันข้าม

    [กล่าวคือแทนที่จะเสริมกองทัพของตนเองให้เข้มแข็ง แต่กลับไปทำลายแสนยานุภาพในการป้องกันประเทศของตนเอง เพราะโลกสวย เชื่อว่าพวกนักล่าจะไม่เล่นงานตนเอง ผิดถนัด! ตอนนี้สหรัฐ เกาหลีใต้ ญีุ่ปุ่นและยูเอ็นภายใต้การชักใยของสหรัฐก็พูดแบบเดียวกันนี้กับเกาหลีเหนือ คือให้เกาหลีเหนือยอมยุติการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์และขีปนาวุธที่ทันสมัยต่างๆซะ จากนั้นก็ค่อยมาเจรจากัน เมื่อเกาหลีเหนือไม่มีมีอาวุธที่จะใช้ป้องกันการรุกรานจากพวกนักล่าแล้ว ทำไมสหรัฐและเดอะแก๊งจะต้องการการเจรจาอีกต่อไป บอมบ์แม่มเลย! เข้าตำราเดิม - ผู้แปล]

    ประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุช ได้ยกย่องการตัดสินใจของกั๊ดาฟี่ว่า "เป็นความฉลาดและเป็นตัวเลือกที่สมเหตุสมผล"

    [แหงหละ ก็สันดานของพวกนักล่ามันเป็นแบบนั้นอยู่แล้วนิ สมัยก่อนพวกตะวันตกเดินทางขัามน้ำข้ามทะเลไปจับคนพื้นเมืองผิวสีจากทวีปแอฟฟริกามาเป็นทาส และขายในตลาดทาส และยกกองทัพไปเข่นฆ่ารุกรานแผ่นดินของชาวอินเดียนแดง และประเทศอื่นๆ ทั่วโลก ฆ่าคนท้องถิ่นทิ้งไปเป็นจำนวนมาก พวกนี้ก็บอกว่าตนเองฉลาดและทำถูกต้อง - ผู้แปล]

    ส่วนนายโทนี่ แบลร์ อดีตนายกฯของอังกฤษก็พูดว่า "การตัดสินใจที่กล้าหาญ โดยพันเอกกั๊ดดาฟี่ ถือว่าเป็นครั้งที่สำคัญในประวัติศาสตร์ ผมขอปรบมือให้ครับ มันจะทำให้ภูมิภาคนั้นและทั่วโลกมีความปลอดภัยมากขึ้น" [หลังจากที่กัดดาฟี่ยุติโครงการพัฒนาอาวุธร้ายแรงของตนเองแล้ว ผลที่ตามมาก็คือแก๊งนาโต้รวมหัวกันรุมกินโต๊ะลิเบียทันที - ผู้แปล]

    แต่ว่า แน่นอนครับ มันไม่ได้เป็นแบบนั้นเลย มันเป็นเพียงการกรุยทางไปสู่การทำลายล้างประเทศของท่านกั๊ดดาฟี่โดยพวกผู้นำของกลุ่มประเทศกลุ่มเดิมกับที่พากันยกย่องเขาว่า "ฉลาด" และ "สมเหตุสมผล" เมื่อไม่กี่ปีก่อนหน้านี้

    แปดปีต่อมา ในขณะที่กัดดาฟี่กำลังซ่อนตัวอยู่ใต้ดินและกำลังพยายามหลบหนีจากการไล่ล่าของพวกกบฏที่ได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐ (ซึ่งต่อมาได้สังหารเขาอย่างป่าเถื่อนที่สุด) เขาคงจะรู้สึกเสียใจกับการตัดสินใจของตนเองที่ยอมปลดอาวุธตนเอง แล้วคิดว่าจะพบกับสันติภาพ

    4.) กลับมาที่กรณีของเกาหลีเหนือ (North Korea)

    มันชัดเจนแล้วว่า คิม จอง-อึน ได้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นต่อ Milosevic, Saddam และ Gaddafi และหายนะที่เกิดขึ้นกับประเทศของบรรดาผู้นำเหล่านั้น และได้ปฏิบัติอย่างสอดคล้อง ยุทธศาสตร์ของเกาหลีเหนืออยู่บนความเชื่อของตนเองที่ชัดเจนมาก อาศัยเหตุการณ์ต่างๆดังที่ได้พรรณามาข้างตนนี้ ที่ว่า "สหรัฐเป็นจอมอันธพาลที่โจมตีเฉพาะประเทศที่อ่อนแอกว่าเท่านั้น" (US is a bully which only attacks the weak.)

    ดังนั้น การกวัดแกร่งร่ายรำกระบี่และเล่นให้สูงเข้าไว้ จึงเป็นหนทางที่ดีที่สุดที่จะหลีกเลี่ยงการโจมตี (จากพวกแก๊งนักล่าจอมกระหายสงคราม ภายใต้หน้ากากประชาธิปไตย เสรีภาพ สิทธิมนุษยชน) เราจะต้องจดจำไว้ด้วยว่าเกาหลีเหนือได้สูญเสียประชาชนของตนเองไปแล้วราว 1 ล้านคน ในสงครามเกาหลี ระหว่างปี 1950-1953 ส่วนใหญ่เกิดจากแคมเปญจ์ทิ้งระเบิดอย่างบ้าคลั่งจากสหรัฐ (และพันธมิตร)

    แน่นอน พวกนีโอคอนในกรุงวอชิงตันจะไม่ชอบใจเลยที่มีบางประเทศกล้าที่จะลุกขึ้นยืนต่อหน้าพวกเขาในลักษณะนี้ นั่นคือเหตุผลที่ว่าทำไมอดีตประธานาธิบดี Mahmoud Ahmadinejad ของอิหร่าน ผู้ไม่เคยลดการป้องกันลงแม้แต่วินาทีเดียวถึงได้เจอกับแรงกดดันอย่างแสนสาหัสแบบนั้น (และอิหร่านก็รอดมาได้เหมือนกับเกาหลีเหนือ) อิหร่านแสวงหาการป้องกันจากการตกเป็น "ประเทศเป้าหมาย" (target states) ด้วยการพัฒนาศักยภาพอาวุธนิวเคลียร์ เนื่องจากอิหร่านรู้ดีว่า ถ้าพวกเขาพวกเขาทำแบบนั้น ก็จะไม่มีใครสามารถคุกคามพวกเขาได้

    เป็นที่น่าสังเกตเป็นอย่างยิ่งว่า ผู้ที่ให้การสนับสนุนที่เข้มแข็งที่สุดต่อ "การยับยั้งด้วยอาวุธนิวเคลียร์" ในตะวันตก ต่างก็เป็นฝ่ายตรงข้ามที่เข้มแข็งที่สุดของหลายประเทศ เช่นอิหร่านหรือเกาหลีเหนือที่มีอาวุธนิวเคลียร์

    พวกเราต้องการนุก ก็เพื่อป้องกันตนเองจากการถูกโจมตี แต่มันกลับถูกมองว่าเป็นเรื่องที่อุกอาจมาก และมองว่าพวกเราได้คุกคามบนหลักการปรกติ แต่ประเทศต่างๆในซีกใต้ของโลกกลับมีอาวุธเหล่านั้นไว้ในครอบครองได้ด้วยเหตุผลเดียวกัน

    [กล่าวคือเหล่ามหาอำนาจตะวันตกอ้างว่าเพื่อป้องกันการรุกรานจากต่างชาติ จึงต้องมีอาวุธนิวเคลียร์และอาวุธร้ายแรงไว้ในครอบครอง พออิหร่านและเกาหลีเหนืออ้างเหตุผลเดียวกันนี้บ้าง กลับถูกพวกตะวันตกนำโดยสหรัฐชี้หน้าประณามว่าบ่อนทำลายสันติภาพโลกและละเมิดกฎมติบ้าบอของยูเอ็นที่ห้ามเฉพาะสองประเทศนี้ - ผู้แปล]

    เพื่อยับยั้งการโจมตีจากสหรัฐ เกาหลีเหนือหรืออันที่จริงประเทศใดๆก็ตามที่อยู่ในแนวไฟนี้ จะต้องโน้มน้าวให้พวกจอมกระหายสงครามต่อเนื่อง (the serial warmongers) ในกรุงวอชิงตันว่า ราคาบของการหัวเราะเยาะในการโจมตีแบบนั้นอาจจะสูงมาก การบอกว่า "ว่าง่าย" และร้องเพลง "Give Peace a Chance" (ให้โอกาสแก่สันติภาพ) ไม่ได้ช่วยอะไรหรอก และจงจำไว้ด้วยว่าจอห์น เลนนอน ผู้ที่แต่งและร้องเพลงนั้นก็เสียชีวิตจากการถูกยิงเช่นกัน

    ในขณะที่ประธานาธิบดีซัดดัมวิงวอนต่อพวกตะวันตกว่า "เชื่อผมเถอะครับ ผมไม่มีอาวุธ WMD ที่ว่านั้นหรอก"

    [และเขาก็ไม่มีจริงๆ หลังจากสังหารซัดดัมได้แล้ว ยูเอ็นส่งเจ้าหน้าที่ไปค้นหาอาวุธ WMD ที่หน่วยข่าวกรองของอังกฤษและสหรัฐมโนขึ้นมาในรายงานฉบับหนึ่ง ทั่วประเทศอิรัคอยู่ครึ่งปี ก็ไม่สามารถค้นพบอาวุธที่ว่านั้นเลย ผ่านไปสิบกว่าปี และจนป่านนี้ก็ยังไม่พบ - ผู้แปล]

    คิม จอง-อึน (คิมน้อย) ได้กระทำในสิ่งที่ตรงกันข้าม และยังได้ประกาศก้องโลกด้วยว่าประเทศเกาหลีเหนือมีศักภาพนะเฟ้ย อย่างไรก็ตาม คิมน้อยก็รู้ว่าคำพูดอย่างเดียวนั้นไม่เพียงพอ ดังนั้นคิมน้อยจึงจำเป็นต้องสาธิตจรวดต่างๆของเกาหลีเหนือที่สามารถคุกคามต่อสหรัฐได้ให้ดูดเป็นตัวอย่าง

    ดังนั้นสื่อของรัฐบาลเกาหลีเหนือจึงได้ประกาศว่ากำลังพิจารณาอย่างละเอียดละอดถึงแผนการในการยิงขีปนาวุธสี่ลูกไปตกในทะเลห่างจากชายฝั่งของเกาะกวม (ราว 30-40 กิโลเมตร) ซึ่งเป็นที่ตั้งของฐานทัพอากาศและฐานทัพเรือและคลังเก็บอาวุธนิวเคลียร์ของสหรัฐในมหาสมุทรแปซิฟิก (หลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐข่มขู่ว่าจะเล่นงานเกาหลีเหนือด้วย Fire and Fury และด้วยวาทกรรมว่า Locked and Loaded)

    [ตอนที่ทรัมป์ขู่เกาหลีเหนือ พวกนักการเมืองเกาหลีใต้พากันออสาก แต่พอเกาหลีเหนือขู่กลับไปบ้าง นักการเมืองเกาหลีใต้แหลว่า เกาหลีเหนือไม่ควรใช้วาทกรรมที่รุนแรงนะ ซะงั้น - ผู้แปล]

    แน่นอนครับ ยุทธศาสตร์ของกรุงเปียงยางมีความเสี่ยงสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับบุคคลที่อารมณ์ปวนแปรแบบนายโดนัลด์ ทรัมป์ ที่ดูเหมือนว่าจะสิ้นหวังในการทำให้พวกแก๊งนีโอคอนอนุมัติหลีกเลี่ยงการถอดถอนออกจากตำแหน่งที่อาจจะเป็นไปได้ - ในทำเนียบขาว

    ประวัติศาตร์เมื่อเร็วๆนี้ได้สอนเกาหลีเหนือว่า มีแต่การกำกำปั้นของตนเองเอาไว้ให้แน่น และเดินหน้าการโบกสะบัดขีปนาวุธของตนเองเท่านั้นคือสิ่งที่ถูกต้องที่สุด แน่นนอว่าบทเรียนที่ยิ่งใหญ่จากช่วงเวลาสามสิบปีมานี้ก็คืองานด้านการพัฒนาเครื่องมือยับยั้ง (deterrence works)

    ถ้าคุณตกเป็น "รัฐเป้าหมาย" เมื่อไร และก็ไม่สามารถที่จะยับยั้งพวกกระหายสงครามในกรุงวอชิงตันได้ คุณจะเจอกับอันตรายที่ร้ายแรงแน่ ไปถามผี Slobodan Milosevic, Saddam Hussein และ Muammar Gaddafi ดูสิ

    The Eyes
    เพจ: ปอกเปลือก ทรราช
    https://www.facebook.com/fisont
    https://vk.com/theeyesproject
    14/08/2560
    -----------
    https://www.rt.com/op-edge/399474-north-korea-nuclear-us/
     
  13. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,989
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ปอกเปลือก ทรราช
    ฮาร์ปูน ฮาปลิ้น: ขีปนาวุธต่อต้านเรือรบ Harpoon ของสหรัฐ vs Kumsong-3 (Kh-35) ของเกาหลีเหนือ ใครเจ๋งกว่ากัน?

    FB_IMG_1502761753018.jpg FB_IMG_1502761757291.jpg FB_IMG_1502761760742.jpg FB_IMG_1502761763974.jpg FB_IMG_1502761767367.jpg FB_IMG_1502761783565.jpg FB_IMG_1502761787228.jpg

    -----------

    เมื่อ 2-3 วันมานี้เห็นมีรายงานข่าวเกี่ยวกับขีปนาวุธต่อต้านเรือรบ (Anti-ship missile) Harpoon ของค่ายสหรัฐตามสื่อหลักของไทย ก็รู้สึกแปลกใจนิดหน่อยว่า เอ๊ะ! พอมีข่าวทร.ไทยซื้อขีปนาวุธ Harpoon จากค่ายสหรัฐ ทำไมถึงไม่เห็นพวกโปรอเมริกาออกมาต่อต้านตามโซเชียลมีเดียเหมือนกรณีเรือดำน้ำจีนบ้างเลยนะ? คำตอบซ่อนอยู่ในคำถามอยู่แล้ว จึงมีความสนใจอยากจะรู้ว่าเจ้าฮาปลิ้น เฮ้ย… ฮาร์ปูนนี่มันเป็นอย่างไร และถ้าเทียบสเปคกับ Kumsong-3 ของคิมน้อยที่ได้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยีจากท่านปูตินแล้วมันจะเป็นอย่างไร น่าสนใจใช่ไหมครับ

    1.) เริ่มที่ Harpoon ก่อนนะครับ มันเป็นชื่อของวัตถุโบราณชนิดหนึ่ง (อ๊ะ!… ล้อเล่นนะครัช) จริงๆแล้วมันเป็นชื่อของจรวดร่อนนำวิถี (cruise missile) ต่อต้านเรือรบ (anti-ship) พัฒนาขึ้นโดยบริษัท McDonnell Douglas ของสหรัฐเข้าประจำการตั้งแต่ปี 1977 ถึงปัจจุบัน มีหลาย variants มีการพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง รุ่นล่าสุดคือ Harpoon Block III และ Harpoon Block II+ ER

    นำวิถีด้วยระบบเรดาร์ พิสัยทำการอยู่ที่ 124 - 248 กม. ความเร็วอยู่ที่ 864 km/h, 240 m/s; 0.71 - 0.85 มัค มีทั้งชนิดปล่อยจากภาคพื้น เรือรบ อากาศ และจากเรือดำน้ำ ได้รับความนิยมในหลายประเทศ ราคาอยู่ที่ลูกละประมาณ US$1,527,416 (ประมาณ 52 ล้านบาท) มีอยู่เวอร์ชั่นหนึ่ง AGM-84H/K รัศมีอยู่ที่ 280 กม. AGM-84F (Block 1D) รัศมีอยู่ที่ 315 กม. (รุ่นที่ยิงได้ไกลสุดสหรัฐจะไม่ขายให้ต่างประเทศ)

    2.) คราวนี้มาดู Kumsong-3 (KN-19) ของคิมน้อยบ้างนะครับ เมื่อวันที่ 8 มิ.ย.60 ที่ผ่านมาสำนักข่าวต่างประเทศหลายสำนักต่างก็พากันรายงานเกี่ยวกับการทดลองขีปนาวุธต่อต้านเรือรบของเกาหลีเหนือ ซึ่งอ้างข่าวจากสำนักข่าว KCNA ของรัฐบาลเกาหลีเหนือ ที่รายงานว่า เมื่อวันพฤหัสบดีนี้ กรุงเปียงยางได้ปล่อยขีปนาวุธ anti-ship หลายลูก (สี่ลูก) ออกจากจุดปล่อยจรวดบนบก โดยขีปนาวุธร่อนออกไปทำลายเป้าหมายที่เป็นเรือรบจำลองซึ่งอยู่ห่างออกไปในทะเลประมาณ 200 กิโลเมตร (124 ไมล์) ข้อมูลจากวิกิพีเดียระบุว่ารัศมีทำการของขีปนาวุธ Kumsong-3 ประมาณ 130-250 กม.

    ขีปนาวุธได้พุ่งเข้าสู่เป้าหมายด้วยความแม่นยำ สื่อเกาหลีเหนือเผยแพร่ภาพนิ่งขณะที่ขีปนาวุธ Kumsong-3 พุ่งเข้าหาเรือรบและทะลุไปอีกด้านหนึ่งของเรือรบ จากนั้นก็ระเบิดข้างนอกเรือรบ (ของเขาแรงมาก) คิมน้อย ผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนือควบคุมดูแลการทดลองในครั้งนี้ด้วยตัวเอง สื่อเกาหลีเหนือรายงานว่าการทดลองประสบความสำเร็จ (เพจนี้เคยนำเสนอข่าวนี้มาแล้วรอบหนึ่ง) สองเดือนต่อมา (วันที่ 8 ส.ค.60) Sputnik ของรัสเซียรายงานว่า เกาหลีเหนือได้ทำการติดตั้งขีปนาวุธต่อต้านเรือรบบนเรือลาดตระเวนชายฝั่งแล้วแล้ว

    3.) ขีปนาวุธ Kumsong-3 ของเกาหลีเหนือพัฒนาต่อยอดมาจากขีปนาวุธ Kh-35 ของรัสเซียสมัยโซเวียต ซึ่งเริ่มพัฒนาในปี 1983 และเข้าประจำการในกองทัพในปี 2003 เป็นขีปนาวุธประเภทเดียวกันกับ Harpoon ของสหรัฐ มีหลาย variants ทั้งปล่อยจากภาคพื้นดิน เรือรบ และอากาศยาน (ทั้งจากเครื่องบินรบและจากเฮลิคอปเตอร์) มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง รุ่นใหม่ล่าสุดคือ Kh-35U เวอร์ชั่นส่งออกคือ Kh-35UE พิสัยทำการอยู่ที่ 130-300 กม. ความเร็วอยู่ที่ 0.8 – 0.95 มัค นำวิถีสองระบบในลูกเดียวคือด้วยระบบ inertial guidance และ ARGS-35E X-band terminal active radar homing ระยะแรกจะใช้ระบบดาร์ในการนำวิถี พอเข้าใกล้เป้าหมาย (20-50 กม.) ก็จะลดระดับการร่อนลงมาจาก 10-15 เมตรเหนือผิวน้ำเป็น 3-4 เมตรด้วยระบบ inertial guidance มีระบบป้องกันการแจมสัญญาณจากฝ่ายตรงข้าม

    รายงานจาก Sputnik เมื่อวันที่ 12 พ.ค.60 บอกว่าเครื่องบินรบ Su-57 (T-50 PAK-FA) ของรัสเซียก็จะติดตั้งขีปนาวุธ Kh-35 ด้วย

    สื่อรัสเซียเปิดเผยว่า ความลับสุดยอดของขีปนาวุธรุ่นนี้ก็คือ มันมีความสามารถที่จะสกัดกั้นการรบกวนหรือการแจมสัญญาณจากศัตรูได้ สมัยหนึ่งสหรัฐเคยติดต่อเพื่อขอซื้อเทคโนโลยีการป้องกันการแจมสัญญาณในขีปนาวุธรุ่นนี้จากรัสเซียเพื่อนำไปติดตั้งกับขีปนาวุธ Harpoon ของตนเอง แต่รัสเซียปฏิเสธ เวียตนามได้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยีจากรัสเซียให้สามารถผลิตขีปนาวุธรุ่นนี้ได้เองโดยใช้ชื่อว่า KCT-15 ข้อมูลเบื้องต้นระบุอีกว่า ส่วนรุ่น Kh-37 หรือ Kh-39 อาจจะติดตั้งหัวรบนิวเคลียร์ด้วย (โชคดีนะครับสหรัฐ)

    [อ้อ… พม่าก็ใช้ Kh-35 ของรสเซียด้วย ราคาของขีปนาวุธ Kh-35 ของรัสเซียอยู่ที่ประมาณลูกละ $500,000 (ประมาณ 17,000,000 บาท) ถ้าซื้อ Harpoon ของสหรัฐ 1 ลูก จะสามารถซื้อ Kh-35 ของรัสเซียได้ถึง 3 ลูกทั้งๆที่คุณภาพก็พอๆกันของรัสเซียสูงกว่านิดหน่อย 17 ล้านบาทแต่สามารถจมเรือรบราคาเป็นพันๆหรือหมื่นล้านบาทได้นี่ คุ้มสุดๆเลยนะ - ผู้แปล]

    [ส่วนของเรายังคงเดินหน้าซื้อ Harpoon ของสหรัฐต่อไปแม้จะไม่มีโอกาสที่จะได้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยีตัวนี้เลยก็ตาม จะไม่ซื้อก็ไม่ได้เดี๋ยวมะกันก็จะหาเรื่องคว่ำบาตรทางการค้าเราอีก ที่สำคัญเราซื้อมาเพื่อติดตั้งบนเรือฟริเกตที่ต่อโดยเกาหลีใต้ ซึ่งแหงแซะหละว่ามันจะต้องใช้ระบบและขีปนาวุธของค่ายสหรัฐเท่านั้น อนึ่งถ้าเราผลิตได้เอง แล้วสหรัฐจะขายให้ใครหละ? - ผู้แปล]

    สรุป ในเรื่องของรัศมีทำการนั้น Harpoon ไปได้ไกลกว่า Kh-35 และ Kumsong-3 เล็กน้อย ส่วนเรื่องความเร็ว ของค่ายรัสเซีย (รวมเกาหลีเหนือด้วย) เหนือกว่าของค่ายสหรัฐ และที่ Kh-35 เหนือกว่า Harpoon อีกอย่างก็คือเทคโนโลยีการป้องกันการแจมสัญญาณจากฝ่ายตรงข้าม

    The Eyes
    เพจ: ปอกเปลือก ทรราช
    https://www.facebook.com/fisont
    https://vk.com/theeyesproject
    15/08/2560
    -----------
    https://sputniknews.com/military/201705121053551612-kh35-anti-ship-missile-designer-interview/
    https://www.rt.com/news/391527-pyongyang-cruise-missile-test/
    http://edition.cnn.com/2017/06/07/asia/north-korea-missiles-launch/index.html
    http://www.bbc.com/news/world-asia-40196925
    http://www.reuters.com/article/us-northkorea-missiles-idUSKBN18Z2YI
    https://maps.southfront.org/north-korea-tested-new-anti-ship-missile/
    https://fas.org/man/dod-101/sys/smart/agm-84.htm
    https://en.wikipedia.org/wiki/Korean_People's_Army_Strategic_Force
    https://missilethreat.csis.org/missile/kumsong-3-kh-35-variant/
    https://en.wikipedia.org/wiki/Kh-35
    https://en.wikipedia.org/wiki/Harpoon_(missile)
    http://thediplomat.com/2015/02/north-koreas-new-anti-ship-missile-cutting-edge-threat-or-no/
    https://sputniknews.com/military/201708081056271282-north-korea-anti-ship-missiles/
     
  14. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,989
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ปอกเปลือก ทรราช
    ข่าวบันเทิง: เพนตากอนโวยลั่นโลกว่า "บินไม่ปลอดภัยและไม่เป็นมืออาชีพ" หลังโดรนสอดแนมไม่ติดอาวุธของอิหร่านบินโฉบเข้าใกล้เรือบรรทุกเครื่องบินของสหัฐ, เครื่องบินรบ A-10 ของสหรัฐลงจอดกระแทกพื้นแบบมืออาชีพโดยไม่กางล้อ (ระบบขัดข้อง)

    FB_IMG_1502762137047.jpg FB_IMG_1502762140948.jpg FB_IMG_1502762145455.jpg FB_IMG_1502762150974.jpg

    -----------

    1.) วันที่ 14 ส.ค.60 Sputnik พาดหัวข่าวว่า "อิหร่านและอากาศยานของสหรัฐเผชิญหน้ากันแบบ 'ไม่ปลอดภัยและไม่เป็นมืออาชีพ' อีกครั้งในอ่าวเปอร์เซีย" (Iranian, US Aircraft Had Another ‘Unsafe and Unprofessional’ Encounter in Gulf)

    ส่วน RT พาดหัวข่าวว่า "เรือบรรทุกเครื่องบินสหรัฐถูกโดรนอิหร่านบี้ในอ่าวเปอร์เซีย - กองทัพเรือสหรัฐกล่าว" (Carrier buzzed by Iranian drone in Persian Gulf - US Navy)

    กองทัพเรือของสหรัฐโวยวายอีกครั้งกับสิ่งที่ตนเองเรียกว่า "วิธีการที่ไม่ปลอดภัยและไม่เป็นมืออาชีพ" (unsafe and unprofessional approach) โดยอากาศยานไร้คนขับของอิหร่านเหนือเรือบรรทุกเครื่องบิน USS Nimitz พลังงานนิวเคลียร์ของสหรัฐในน่านน้ำสากลในอ่าวเปอร์เซียเมื่อวันอาทิตย์นี้ นี่เป็นเหตุการณ์ครั้งที่สองในการเผชิญหน้ากันระหว่างเรือ USS Nimitz และโดรนสอดแนมของอิหร่านในหนึ่งสัปดาห์

    "โดรน QOM-1/Sadegh-1 ของอิหร่านได้ดำเนินการด้วยวิธีที่ไม่ปลอดภัยและไม่เป็นมืออาชีพต่อเรือบรรทุกเครื่องบิน USS Nimitz" ร.ท. Ian McConnaughey โฆษกกองบัญชาการกลางของทัพเรือสหรัฐ (NAVCENT) กล่าวในแถลงการณ์

    แถลงการณ์กล่าวต่ออีกว่า "ความล้มเหลวของ UAV ของอิหร่านต่อการปฏิบัติตามมาตรฐานสากล การใช้แสงไฟในการเดินเรือในทะเลที่ได้รับการยอมรับโดยนานาชาติ ในช่วงกลางคืนในขณะที่เข้าใกล้เรือบรรทุกอากาศยานของสหัฐที่ปฏิบัติการในการบินจะทำให้เกิดสถานการณ์ที่เป็นอันตรายที่อาจจะก่อให้เกิดการชนกัน และไม่สอดคล้องกับระเบียบปฏิบัติและกฎหมายระหว่างประเทศ"

    เว็บไซต์ The Washington Post หนึ่งในสำนักข่าว Fake News ระดับต้นๆของสหรัฐรายงานว่า โดรนของอิหร่านไม่ตอบสนองต่อการสื่อสารทางวิทยุที่เรียกไปหลายครั้ง และได้บินเข้าใกล้เครื่องบินรบ F/A-18E ของสหรัฐในรัศมี 1,000 ฟุต (300 เมตร) ถือว่าทำให้นักบินของสหรัฐตกอยู่ในความเสี่ยง อ้างคำพูดของกองทัพเรือสหรัฐ

    [อเมริการู้จักเคารพกฎหมายระหว่างประเทศกับเขาด้วยหรือ? ปีที่แล้วก็ส่งนาวิกโยธินแอบย่องเข้าไปในน่านน้ำของอิหร่านจนถูกจับได้สิบกว่านาย บางครั้งก็แอบส่งโดรนสอดแนมของตนเองเข้าไปบินเหนือน่านฟ้าของอิหร่านจนถูกแจมสัญญาณและจับได้โดยอิหร่าน ยังกล้าอ้างกฎหมายระหว่างประเทศโดยไม่รู้สึกกระดากปากตัวเองบ้างเลยน้อ? พอโดนเอาคืนนิดๆหน่อยจากอิหร่านบ้าง ทำเป็นโวยวายเรียกฟ้องชาวโลกซะงั้น ฟ้องให้อายหมาทำไม? - ผู้แปล]

    เมื่อวันที่ 8 สิงหาคมนี้ โดรนรุ่นเดียวกันนี้ของอิหร่านได้บินเข้าใกล้เครื่องบินรบ F/A-18E Super Hornet ลำหนึ่งของกองทัพเรือสหรัฐในรัศมี 100 ฟุต (31 เมตร) และอยู่เหนือ F/A-18E ราว 200 ฟุต (62 เมตร) ทำให้ F/A-18E ของสหรัฐต้องรีบลงจอดบนเรือบรรทุกเครื่องบิน ทางเพนตากอนก็ออกมาโวยวายว่าการกระทำของอิหร่าน "มีลักษณะไม่ปลอดภับยและไม่เป็นมืออาชีพ" เพนตากอนรายงานว่าการเผชิญหน้ากันในลักษณะนี้ระหว่างอิหร่านกับกองทัพสหรัฐในปี 2016 เกิดขึ้นถึง 35 ครั้ง [ตั้ง 35 ครั้งยังไม่ชินอีกรึ? แน่นอนว่าสหรัฐก็โวยวายแบบเดิมทุกครั้งด้วย - ผู้แปล]

    2.) ข่าวที่สอง คราวนี้มาดูมืออาชีพแบบอเมริกันขับเครื่องบินรบกันบ้างนะครับ วันที่ 15 ส.ค.60 Sputnik พาดหัวข่าวว่า "นักบินสหรัฐนำเครื่องบินรบ A-10 ลงจอดแบบกระแทกพื้นโดยไม่กางล้อ (มีภาพประกอบ)" (US Pilot Belly-Lands A-10 Warthog (PHOTOS))

    รายงานข่าวแจังว่านักบินของสหรัฐนายหนึ่งในรัฐ Michigan ถูกบังคับให้ต้องทำการตัดสินใจที่เลวร้ายที่สุดจากตัวเลือกที่ไม่ดี หลังจากการสื่อสารทางวิทยุไม่สามารถใช้งานได้ ฝาครอบส่วนหน้าของห้องนักบินหลุดหาย และล้อเครื่องบินไม่กาง

    Capt. Brett DeVries จากกองทัพอากาศของสหรัฐได้นำเครื่องบินรบโจมตีภาคพื้นดิน A-10 ลงจอดฉุกเฉินในวันที่ 20 กรกฎาคมหลังจากเจอกับพายุสภาพอากาศที่เลวร้าย

    [อันนี้เป็นเหตุสุดวิสัยจริงๆ พี่แกขับเครื่องบินผ่าพายุ และกระจกที่ครอบห้องนักบินก็ปลิวหายไปกับพายุ ระบบการสื่อสารเดี้ยง แลนดิ้งเกียร์ไม่ทำงาน แต่เขาก็ยังสามารถนำเครื่องบินลงจอดได้อย่างปลอดภัยโดยไม่ได้ดีดตัวออกจากเครื่องบิน - ผู้แปล]

    เมื่อวันก่อนนี้ก็มีรายงานข่าวว่าเครื่องบินรบ F/A-18E ของสหรัฐเกิดความผิดพลาดทางเทคนิคในขณะที่กำลังบินอยู่กลางอากาศ นักบินจึงนำเครื่องบินลงจอดฉุกเฉินที่สนามบินนานชาติบาห์เรน นักบินบังคับเครื่องไม่ได้ เครื่องจึงพุ่งออกนอกรันเวย์ นักบินปลอดภัย

    [ไม่มีรายงานข่าวว่าโดรนสอดแนมทั้งลำ (หรืออาจจะเป็นลำเดียวกันก็ได้) ของอิหร่านได้รับความเสียหายหรือไม่ - ผู้แปล]

    The Eyes
    เพจ: ปอกเปลือก ทรราช
    https://www.facebook.com/fisont
    https://vk.com/theeyesproject
    15/08/2560
    -----------
    https://sputniknews.com/middleeast/201708141056457786-iranian-us-aircraft-unsafe-encounter/
    https://www.rt.com/usa/399594-us-navy-iran-drone/
    https://sputniknews.com/military/201708151056462986-us-pilot-belly-lands-warthog/
    http://www.businessinsider.com/a-10-pilot-belly-landing-gear-malfunction-gun-2017-8
    https://www.washingtonpost.com/worl...0fa8d7a0db6_story.html?utm_term=.c272afee1a6d
     
  15. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,989
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ปอกเปลือก ทรราช
    นักท่องเที่ยวชาวจีนสองคนแสดงท่าเคารพแบบทหารนาซีที่หน้าอาคาร Reichstag สถานที่สำคัญทางประวัติศาสต์ของเยอรมันในกรุงเบอร์ลิน ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจเยอรมันจับกุมและปรับ $1,000 ไม่กี่วันต่อมา นักท่องเที่ยวชาวอเมริกันคนหนึ่งแสดงท่า "เฮล์ ฮิตเลอร์" หลายครั้ง ในคาเฟ่แห่งหนึ่งที่เมือง Dresden แบบเดียวกันกับที่นักท่องเที่ยวชาวจีนทำ แต่ถูกชาวบ้านท้องถิ่นบางคนต่อย เจ้าหน้าที่ตำรวจเยอรมันขอโทษนักท่องเที่ยวชาวอเมริกัน และบอกว่าจะตรวจสอบกรณีที่เขาแสดงท่าเคารพแบบนาซี และกล่าวอีกว่านักท่องเที่ยวชาวอเมริกันคนนั้นเมา

    (แปลว่าไอ้กันไม่ผิด คนจีนผิด! เพราะอะไร เพราะว่า "จีน" เป็นคอมมิวนิสต์ และนาซีกับคอมมิวนิสต์ไม่ถูกกัน ส่วนฮิตเลอร์มาจากการเลือกตั้งแบบประชาธิปไตย เป็นผลิตผลของประชาธิปไตยโดยตรง ลัทธินาซีคลอดมาจากประชาธิปไตย ดังนั้นสมัยนี้คนอเมริกันจึงคลั่งและนิยมนาซีมากขึ้น แต่นาซีอเมริกันไม่ได้เกลียดยิวเหมือนนาซีเยอรมัน เขาเกลียดพวกผิวสี)
    -----------
    https://www.rt.com/news/399476-us-tourist-drunken-nazi-salute/
    https://www.rt.com/viral/398776-chinese-tourists-arrested-in-berlin/
     
  16. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,989
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ปอกเปลือก ทรราช
    เครื่องบินรบยุคที่ห้า (stealth) F-35B ของกองทัพเรืออังกฤษที่ขึ้น-ลงแนวดิ่งได้ ฝึกการขึ้นบินแบบปรกติสำหรับเรือบรรทุกเครื่องบิน HMS Queen Elizabeth
    -----------

    วันที่ 15 ส.ค.60 Sputnik พาดหัวข่าวว่า "ชม: การฝึก F-35 สำหรับบินจากเรือบรรทุกเครื่องบินของอังกฤษ" (WATCH: F-35 Practices For Launch From UK Aircraft Carrier)

    เจ้าหน้าที่จากบริษัทผู้รับเหมาและจากกองทัพกำลังดำเนินการปรับปรุงระบบเทคออฟแบบ ski-jump (แบบเดียวกับที่ใช้บนเรือบรรทุกเครื่องบินของรัสเซียและจีน ที่พวกตะวันตกดูถูกว่าล้าสมัย แต่เรือบรรทุกเครื่องบินลำใหม่ล่าสุดของทร.อังกฤษก็ใช้ระบบนี้ด้วย) ก่อนที่จะประจำการเครื่องบินรบยุคที่ห้า F-35B บนเรือบรรทุกเครื่องบิน HMS Queen Elizabeth

    ศักยภาพในการขึ้นบินระยะสั้นและแนวดิ่งของเครื่องบินรบ F-35B หมายความว่ามันสามารถขึ้นบินจากเรือบรรทุกเครื่องบินโดยไม่ใช้รันเวย์แบบ ski-jump ก็ได้ สื่อรายงานว่า การใช้ ski-jump จะทำให้อากาศยานที่บรรทุกอาวุธจำนวนมากบินขึ้นสู่ท้องฟ้าเพื่อปฏิบัติภารกิจโจมตีใส่เป้าหมายหลายแห่งได้ แต่ก็สิ้นเปลืองเชื้อเพลิงมาก ข้อดีคือเพิ่มความปลอดภัยให้กับการขึ้นบินมากขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับระบบทางเรียบที่ปล่อยจากเรือบรรทุกเครื่องบินของสหรัฐ และยืดอายุการใช้งานเครื่องได้ด้วย (IHS Janes กล่าว)

    ในคลิปวีดีโอนี้ (
    ) ได้แสดงให้เครื่องบินรบ F-35B ลำหนึ่งที่บรรทุกขีปนาวุธอากาศ-สู่-อากาศ และอากาศ-สู่-ภาคพื้น กำลังขึ้นบินจากลานบินแบบ ski-jump เป็นครั้งแรก เว็บไซต์ IHS Janes รายงานเมื่อวันเสาร์นี้

    การฝึกซ้อมการบินในครั้งนี้ดำเนินการเมื่อต้นเดือนสิงหาคมนี้ที่ฐานทัพอากาศของกองทัพเรือ Naval Air Station Patuxent River ในรัฐ Maryland ประเทศสหรัฐอเมริกา

    [เมื่อต้นเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา สหรัฐได้ส่งมอบเครื่องบินรบ F-35B Lightning II จำนวนสองลำไปให้กับกองทัพอังกฤษ เพื่ออวดคนอังกฤษว่าขอแสดงความดีใจด้วยที่ขณะนี้ประเทศของท่านได้รับเครื่องบินรบล่องหนรุ่นใหม่ล่าสุดแต่ยังไม่พร้อมสำหรับการใช้งานจำนวนสองลำ จากนั้นก็นำกลับมาฝึกที่ Maryland ในสหรัฐอีกครั้ง เมื่อมันสามารถขึ้นบินและลงจอดในแนวดิ่งแบบเฮลิคอปเตอร์ได้ แล้วทำไมถึงต้องแล่นทะยานจากรันเวย์ด้วยหละ? อันที่จริงแล้ว ถ้าขึ้นบินในแนวดิ่งมันจะกินเชื้อเพลิงมากกว่าขึ้นบินแบบปรกติ เนื่องจากต้องใช้ทั้งสองเครื่องยนต์เพื่อยกตัวเครื่องบินขึ้นจากพื้น และไม่แน่ใจด้วยว่ามันจะสามารถขึ้นบินได้ในแนวดิ่งในกรณีที่แบกอาวุธไปเต็มพิกัดขนาดนั้น

    ที่สำคัญ ถ้าติดอาวุธข้างนอกตัวเครื่องแบบเต็มพิกัดแบบนั้น แน่นอนว่าคุณสมบัติสเตลธ์ (ล่องหน/ตรวจจับด้วยเรดาร์จากฝ่ายตรงข้ามได้ยาก) ก็จะหายไปด้วย เครื่องบินของข้าศึกก็มองเห็นจากระยะไกลด้วยเรดาร์ทันที บอกได้เลยว่าเสร็จ Su-35 ของรัสเซียแหง็มๆ เพราะว่าคุณสมบัติด้านการบินและเรดาร์ของ Su-35S ของรัสเซียสูงกว่า F-35 ทุกด้าน ยกเว้นเรื่องสเตลธ์ ราคาล่าสุดของ F-35B รวมเครื่องยนต์อยู่ที่ลำละ US$122.8 ล้าน

    ถ้าไม่ขายเครื่องยนต์ด้วยจะซื้อไปทำรางปลูกสะระแหน่หรือไง? ส่วน Su-35 และ Su-57 ของรัสเซียราคาอยู่ที่ลำละประมาณ $50-$82 ล้าน F-35B หนึ่งลำมีราคาเท่ากับ Su-57 สเตลธ์รุ่นใหม่ล่าสุดของรัสเซียที่เหนือกว่า F-35B ได้ถึง 2 ลำ - ผู้แปล]

    The Eyes
    เพจ: ปอกเปลือก ทรราช
    https://www.facebook.com/fisont
    https://vk.com/theeyesproject
    15/08/2560
    -----------
    https://sputniknews.com/military/201708151056464881-f-35-practice-launch-uk-carrier/
    http://www.forces.net/news/navy/britain-takes-delivery-10th-f-35-stealth-jet
    http://www.janes.com/article/73080/uk-launches-externally-loaded-f-35b-from-ski-jump-for-first-time
     
  17. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,989
    ค่าพลัง:
    +97,149
    สำนักทรงในความทรงจำ...ย้อนตำนาน “การลงทรง” ที่เคยสร้างปรากฏการณ์ฮือฮาในสังคมไทย "นักสื่อวิญญาณ"...ที่เหลือเพียงตำนานเล่าขานสืบมา Publish 2017-08-15 12:21:21

    ย้อนตำนาน การทรงญาณสิ่งศักดิ์สิทธิ์ “หลวงพ่อบ๋าวเอิง วัดญวน สะพานขาว”

    (บทความพิเศษ โดย “ทิพยจักร”)

    จะเล่าให้ฟัง

    เรื่องร่างทรงในปัจจุบันนี้ถ้าใครที่ติดตามจากทางเฟสบุ๊ค ก็จะรู้จักตำนานการลงมาประทับทรงของหลวงปู่อิเกสาโรว่าเมื่อยามท่านประทับทรงแล้วสามารถสร้างปาฏิหาริย์เรียกพระจากกลางอากาศ และทำปาฏิหาริย์อีกมากมาย ในปัจจุบันร่างประทับของหลวงปู่อิเกสาโรได้สิ้นไปแล้วการประทับทรงก็เป็นอันยุติลงไป

    วันนี้เราจะลองย้อนเวลานึกถึงสำนักทรงที่โด่งดังตั้งแต่ก่อนพ.ศ.2500 กันดู

    ที่แรกตามภาพเลยครับ วัดญวน สะพานขาว ตั้งแต่ช่วงปี 2491 หลังจากที่หลวงพ่อบ๋าวเอิงลองใช้คาถาเชิญวิญญาณในพิธีกงเต๊ก ลองเชิญเจ้าพ่อกวนอูประทับทรงสำเร็จมาแล้ว ท่านจึงได้ลองทำพิธีเชิญดวงวิญญาณอื่นๆ คราวต่อๆมา ท่านจึงสามารถติดต่อกับพระพรหม พระอิศวร พระอุมา นางสนองโอษฐ์พระศรีอุมา เจ้ากรุงพาลี พระฤๅษีนารอด ปู่ชีวกโกมารภัจจ์ ทั้งนี้ท่านได้ขอความรู้และเทพมนต์จากเทพเทวาต่างๆผ่านการประทับทรง คนไทยช่วงนั้นจึงเกิดค่านิยมในการบูชาพระอิศวร พระอุมา พระพรหม ขึ้นมาอย่างแพร่หลายซึ่งก่อนหน้านี้ไม่มี

    a8108338_n.jpg

    ถัดมาในช่วงปี 2515 ร่างทรงที่โด่งดังมากคือคุณศศิธร เมธางกูร ประทับทรง หลวงพ่อเสือ วัดไผ่สามกอ พระโพธิสัตว์ชั้นดุสิต แสดงฤทธิ์ผาดโผนพิสดารไม่เป็นสองรองใคร เช่นเอาผ้ามาบิดเป็นเกลียวแล้วใช้มืดรูดจากหัวจรดปลาย ผ้าก็กลายเป็นสร้อยคอทองคำแท้ๆ คว้าพระจากกลางอากาศ เอากาวลาเท็กบีบลงไปในผลส้มแล้วใช้ปากกาแทงสวนขึ้นมาปรากฏมีพระพุทธรูปองค์เล็กติดปลายปากกาขึ้นมาได้ เคี้ยวหมากคายหมากออกมาเป็นพระเครื่อง รักษาโรคสารพัดชนิดทั้งคุณไสยและโรคทั่วไปให้ประชาชน

    ตัวคุณศศิธร เองเป็นโรคมะเร็งในเม็ดเลือดขาวมาแต่เด็กแต่ด้วยพลังเหนือโลกระดับโพธิสัตว์จึงต่ออายุและบำบัดรักษาคุณศศิธรจนทุกวันนี้ท่านยังสุขภาพแข็งแรงผ่องใสดี ในปัจจุบันคุณศศิธรไม่ได้ประทับทรงแล้ว ทำหน้าที่สอนพระอภิธรรมเพียงอย่างเดียว

    kk(3).jpg

    (ดร.คลุ้ม วัชโรบล)

    ในระยะปีใกล้ๆกัน 2518 เกิดสำนักอันเป็นตำนานอีกสองสำนัก คือสำนักปู่สวรรค์ ช่วงนั้นนักวิทยาศาสตร์ระดับแนวหน้าอย่าง ดร.คลุ้ม วัชโรบล ให้ความศรัทธาและสนับสนุน ทั้งนี้ในช่วงต้นร่างที่ทำหน้าที่ประทับทรงหลวงปู่ทวด หลวงปู่โต ทำการรักษาคนเจ็บไข้ได้ป่วยให้หายได้อย่างน่าอัศจรรย์ ต่อมาจึงมีการประทับทรงท้าวมหาพรหมชินะปัญชะระเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งองค์ ปัจจุบันทางสำนักไม่มีการทรงแล้วคงมีแต่กิจกรรมสวดมนต์เท่านั้น ปัจจุบันร่างที่ทำหน้าที่ได้สิ้นชีวิตลงไปแล้ว

    สำนักค้นคว้าทางจิตวิญญาณ ของ อาจารย์พร รัตนสุวรรณ ย่านวัดสังเวชก็เป็นอีกหนึ่งสำนักที่โด่งดังมาก ร่างทรงคือคุณเพ็ญศรี จตุทะศรี ผมทิพยจักรเคยสัมภาษณ์ท่านราวปี 2539 โดยคุณเพ็ญศรีสามารถติดกับพ่อปู่ฤๅษีได้และที่ผ่านมาท่านเป็นผู้ติดต่อกับดวงวิญญาณพ่อขุนผาเมือง สมเด็จพระนเรศวรเป็นต้น

    ในช่วงปี 2518 อีกเช่นกันทางนครพนมมีการประทับทรงพญานาคทั้ง ๗ แสดงฤทธิ์ผาดโผนในการรักษาสารพัดโรค คนที่เดินขึ้นมาคิดอะไรในใจร่างจะตอบก่อนที่จะถาม คนที่เป็นนิ่วเวลาร่างรักษาจะแสดงฤทธิ์คายนิ่วในตัวคนไข้ออกมาทางปากของร่าง ฉับพลันคนไข้ที่เป็นนิ่วก็จะปัสสาวะราด ณ ตรงนั้นทันที สภาพของวัดพระธาตุพนมยุคนั้นไม่ผิดกับโรงพยาบาล อีกทั้งรักษาฟรีไม่มีค่าครูไม่ต้องบนอีกด้วย

    นี่คือส่วนหนึ่งในยุค 40 กว่าปีที่แล้ว ย้อนไปถึงก่อน 2500 ตำนานสำนักทรงที่อยู่ในความทรงจำที่เคยสำแดงปาฏิหาริย์โปรดช่วยเหลือคนมานักต่อนัก ซึ่งปัจจุบันนี้จะหาแบบนี้ก็ยากเต็มที บางทีหาเข็มในมหาสมุทรยังจะง่ายกว่า


    280668.jpg



    อยู่อย่างปล่อยวาง ... หรือจะเดินสู่หนทาง “ร่างทรง”

    ร่างทรงหรือสื่อกลางของสิ่งศักดิ์สิทธิ์เป็นสิ่งที่มีมานานควบคู่ไปกับสังคมโลก ร่างทรงมีอยู่ทุกมุมโลกทุกวัฒนธรรม

    ผู้เป็นร่างส่วนใหญ่มีชื่อเสียงขึ้นมาจากความแม่นในการทำนายทายทักและการช่วยสงเคราะห์ผู้คนแล้วได้ผล และร่างทรงส่วนใหญ่ที่เป็นของแท้ก็มักแพ้กิเลสตนเองทำให้สูญสิ้นความศักดิ์สิทธิ์และชื่อเสียงของตน

    ในอดีตที่เพชรบูรณ์เคยมีคนพิการทำหน้าที่เป็นร่างทรงพ่อขุนผาเมือง จากพิการจนๆภายในไม่กี่ปีกลับร่ำรวยขึ้นมาเพราะความแม่นยำในการทำนายทายทักและเมื่อถึงจุดหนึ่งร่างเริ่มเห็นแก่รายได้ ใช้คำของตนความต้องการของตนแต่อ้างว่าเป็นคำและความต้องการของเบื้องบน สุดท้ายเขาก็กลับมาจนใหม่และจนลงยิ่งกว่าเดิมสุดท้ายก็ตายไปอย่างน่าเวทนา

    อุทธาหรณ์แบบนี้มีมากผมเองสมัยที่ไปเรือนไทยที่ภูเก็ต เจ้าของบ้านเป็นร่างทรงพระพิฆเนศ ทำนายทายทักคนที่ไปหาแม่นอย่างกับเข้าไปนั่งในใจของคนๆนั้น แต่ในที่สุดเขาก็หมดตัวและล้มป่วยด้วยโรคอัมพฤกษ์ เหตุแห่งความวิบัติก็เพราะเอาคำตนเองไปอ้างว่าเป็นคำของพระเจ้าอีกเช่นกัน

    คนเก่งมีจริง คนเคยเก่งก็เยอะ เมื่อโลกนี้ไม่ได้มีขาวกับดำไม่ได้มีชั่วกับดี แต่มีชั่วแกมดีหลากสีอยู่ด้วย ดังนั้นการพบเจอร่างทรงจึงพึงสังวรว่า คำของเขาไม่ใช่คำของพระเจ้าไปเสียทั้งหมด และหลายคำอาจเป็นการสนองกิเลสของตัวเขาเอง

    การเข้าหาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ผ่านตัวกลางคือร่างทรงจึงควรระมัดระวังให้หนัก. การเข้าถึงพระเป็นเจ้าด้วยคามคิดของเราก็เช่นกันอาจทำให้เราเข้าข้างตัวเองตามกิเลสที่หลอกตัวเอง

    ปล่อยวางกับเรื่องพวกนี้ดีที่สุดครับ



    เรียบเรียงโดย

    ทิพยจักร จันทร์โพธิ์ศรี : สำนักข่าวทีนิวส์


    http://www.tnews.co.th/contents/ax/347752

     
  18. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,989
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ปอกเปลือก ทรราช
    ยังไงหละนี่? รายงานพิเศษแฉ... ญี่ปุ่นแอบทำสัญญาลับอนุญาตให้สหรัฐติดตั้งอาวุธนิวเคลียร์บนเกาะโอกินาวาได้เพื่อแลกกับการคืนสิทธิ์ในการปกครองเกาะ

    FB_IMG_1502844819897.jpg FB_IMG_1502844823654.jpg FB_IMG_1502844828465.jpg FB_IMG_1502844838009.jpg FB_IMG_1502844840914.jpg

    -----------
    วันที่ 14 ส.ค.60 RT พาดหัวข่าวว่า "ญี่ปุ่นอนุญาตให้สหรัฐนำอาวุธนิวเคลียร์บนเกาะโอกินาวาได้อย่างเป็นทางการ ก่อนคืนเกาะให้ญี่ปุ่น - รายงานเปิดเผย" (Japan officially allowed US to bring nuclear weapons to Okinawa ahead of island's reversion – report)
    [เกาะโอกินาวาที่ตั้งฐานทัพหลายแห่งของสหรัฐอีกแห่งในญี่ปุ่น อยู่ระหว่างเกาหลีเหนือกับเกาะกวม คาดว่าสหรัฐคงจะใช้ติดตั้งระบบขีปนาวุธป้องกันภัยทางอากาศเพื่อสกัดกั้นขีปนาวุธของเกาหลีเหนือหากเกาหลีเหนือยิงโจมตีเกาะกวมทางอากาศ แต่ถ้าเกาหลีเหนือเลือกโจมตีจากเรือดำน้ำ เกาะกวมก็อาจจะหายไปจากแผนที่โลกก็ได้ - ผู้แปล]
    ญี่ปุ่นได้ยินยอมอย่างเป็นทางการต่อสหรัฐเพื่อให้นำอาวุธนิวเคลียร์ไปติดตั้งบนเกาะโอกินาวาในช่วงระยะเวลาสั้นๆได้ ก่อนทำสนธิสัญญาทวิภาคีในปี 1969 ซึ่งได้นำไปสู่การคืนเกาะแห่งนี้ให้อยู่ภายใต้การปกครองของญี่ปุ่นอีกครั้งในปี 1972 อ้างอิงจากเอกสารที่เปิดเผยเมื่อเร็วๆนี้
    บันทึกความเข้าใจของสหรัฐที่ลงวันที่ 17 พฤศจิกายน 1969 ได้แสดงให้เห็นว่านาย Hiroto Tanaka เจ้าหน้าที่จากกระทรวงต่างประเทศของญี่ปุ่นได้กล่าวกับนาย Henry Kissinger ที่ปรึกษาฝ่ายความมั่นคงของทำเนียบขาวว่า "ญี่ปุ่นไม่มีความเห็นขัดแย้งกับสหรัฐ" ในการนำอาวุธนิวเคลียร์ไปไว้ที่เกาะโอกินาวาภายใต้สถานการณ์ฉุกเฉิน หนังสือพิมพ์ The Japan Times ของญี่ปุ่นรายงาน
    [ถามว่าสถานการณ์ในคาบสมุทรเกาหลีตอนนี้ฉุกเฉินไหม? กำลังเดือดระอุเลยหละ ถ้าสหรัฐจะนำนุกไปซุกไว้ที่โอกินาวาก็ย่อมจะทำได้อยู่แล้ว ใครจะไปรู้หละว่าสหรัฐอาจจะนำนุกไปไว้ที่นั่นแล้วก็ได้ ตัวเลือกระหว่างการปล่อยนุกถล่มเกาหลีเหนือจากแผ่นดินใหญ่ของสหรัฐกับการปล่อยจากญี่ปุ่น อย่างไหนจะทำให้สหรัฐปลอดภัยหรือมีความสูญเสียน้อยที่สุด? แหงหละ ต้องอย่างหลังอยู่แล้ว ญี่ปุ่นก็เป็นทัพหน้าคอยรับนุกจากเกาหลีเหนือแทนสหรัฐ ดีดลูกคิดแล้ว สหรัฐมองว่าคุ้มว่ะ - ผู้แปล]
    รายงานข่าวเปิดเผยอีกว่า แม้ว่าจะรู้กันโดยทั่วไปอยู่แล้วว่าญี่ปุ่นและสหรัฐได้บรรลุข้อตกลงลับเกี่ยวกับอาวุธนิวเตลียร์เพื่อแลกกับการได้เกาะโอกินาวาคืน แต่เอกสารที่เปิดเผยออกมานี้ก็ได้พิสูจน์เป็นครั้งแรกว่า กรุงโตเกียวได้แสดงจุดยืนของตนเองผ่านช่องทางการทูตอย่างเป็นทางการ
    อย่างไรก็ตาม เอกสารของสหรัฐได้แสดงให้เห็นว่าการเจรจาระหว่างนาย Tanaka กับนาย Kissinger เกิดขึ้นหลายวันหลังจากที่นายกรัฐมนตรี Eisuke Sato ของญี่ปุ่นและประธานาธิบดี Richard Nixon ได้บรรลุข้อตกลงลับที่อนุญาตให้ติดอาวุธนิวเคลียร์ (ที่ญี่ปุ่น) ได้ และสองวันก่อนที่จะมีการส่งมอบเกาะโอกินาวาคืนให้ญี่ปุ่น
    หนังสือพิมพ์ The Japan Times เปิดเผยว่า Kiichi Aichi รมว.ต่างประเทศและรัฐมนตรีคนอื่นของญี่ปุ่นไม่ได้รับรู้ข้อตกลงลับฉบับนี้เลย และเห็นได้ชัดว่าต่างก็กลัวว่าการเจรจาคืนเกาะจะไม่สำเร็จ ดังนั้น ทางกระทรวงจึงพบว่ามันมีความจำเป็นที่จะต้องทำให้ชัดเจนว่ากรุงโตเกียวยินดีที่จะปฏิบัติตามความต้องการของสหรัฐ
    นาย Tanaka (ผู้แทนการเจรจาฝ่ายญี่ปุ่น) กล่าวว่า เรื่องอาวุธนิวเคลียร์นี้เป็นเรื่องที่สำคัญต่อญี่ปุ่น และสำเร็จหรือล้มเหลวของนายกฯ Sato ในการเดินทางไปเยือนสหรัฐจะเป็นตัวตัดสินต่อคำถามนี้
    "เขา คุณ Tanaka ได้คุยกับรัฐมนตรีต่างประเทศ และยอมรับว่าญี่ปุ่นไม่มีความเห็นขัดแย้งกับสหรับในเรื่องสสาร" หรือเรื่องนิวเคลียร์ เอกสารของสหรัฐระบุ ซึ่งได้รับโดยสำนักข่าว Kyodo News ที่ห้องสมุดและพิพิธภัณฑ์ประธานาธิบดีริชาร์ด นิกสัน ในแคลิฟอร์เนีย
    นาย Tanaka กล่าวว่าจะไม่มีการเปิดเผยเรื่องข้อตกลงนิวเคลียร์ต่อสาธารณชน เนื่องจากมีกระแสต่อต้านนิวเคลียร์ที่สูงมากในประเทศญี่ปุ่น และได้ขอให้สหรัฐยอมรับแถลงการณ์ร่วมฉบับหนึ่งที่อาจจะนำไปสู่การปรึกษากันล่วงหน้า
    เอกสารที่ไม่ลับ (declassified document) ฉบับนี้ได้แสดงให้เห็นว่า บรรดาผู้นำของญี่ปุ่นได้ตกลงอย่างเป็นทางการในช่วงสงครามเย็นเพื่อละเมิดหลักการไม่แพร่กระจายอาวุธนิวเคลียร์ (Non-Nuclear Principles) สามประการ ซึ่งกำหนดขึ้นโดยนายกฯ Sato ในปี 1967 แม้ว่าจะบอกกับภาคประชาชนว่าจะไม่มีการนำอาวุธนิวเคลียร์มาไว้ที่จังหวัดโอกินาวาก็ตาม
    หลักการต่างๆที่ระบุว่าประเทศญี่ปุ่นจะไม่ครอบครอง ผลิต หรืออนุญาตให้มีอาวุธนิวเคลียร์บนแผ่นดินของตนเอง ได้ปูพื้นฐานสำหรับการกำหนดนโยบายเกี่ยวกับอาวุธนิวเคลียร์ของญี่ปุ่นนับตั้งแต่ได้มีการกำหนดหลักการเหล่านี้ขึ้นมา ดังนั้นจึงทำให้นาย Sato ได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพในปี 1974
    [ฮ่าๆ… แอบตกลงลับกับสหรัฐให้ติดตั้งอาวุธนิวเคลียร์ที่ญี่ปุ่นได้ จากนั้นก็แถลงข่าวตอแหลต่อประชาชนของตนเองและต่อประชาคมโลกว่า "ญี่ปุ่นต่อต้านอาวุธนิวเคลียร์ ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่ปลอดอาวุธนิวเคลียร์" นายแสดงได้ดีมาก สหรัฐขอมอบรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพให้เป็นรางวัลนักแสดงยอดเยี่ยม ส่วนคิมน้อยประกาศก้องโลกว่า "ผมก็มีอาวุธนิวเคลียร์" ทำไมถึงไม่มีใครมอบรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพให้ผมบ้าง? - ผู้แปล]
    ข้อตกลงคืนเกาะโอกินาวา (Okinawa Reversion Agreement) ระหว่างสหรัฐและญี่ปุ่นได้กระทำร่วมกันโดยผู้นำของทั้งสองประเทศในปี 1969 และลงนามร่วมพร้อมกันทั้งในกรุงวอชิงตันและกรุงโตเกียวในวันที่ 17 มิถุนายน 1971 เกาะแห่งนี้ได้กลับคืนสู่อ้อมกอดแผ่นดินใหญ่ญี่ปุ่นอีกครั้งในวันที่ 15 พฤษภาคม 1972 หลังจากที่ถูกสหรัฐยึดไปครอบครองเป็นเวลา 27 ปี
    สหรัฐยังคงประจำการกองทัพของตนเองอยู่บนเกาะโอกินาวาต่อไปแม้ว่าจะคืนอำนาจการบริหารเกาะแห่งนี้ให้ญี่ปุ่นแล้วก็ตาม ปัจจุบันนี้เกาะแห่งนี้เป็นที่ตั้งฐานทัพของสหรัฐเกือบครึ่งหนึ่งของกองทัพสหรัฐทั่วญี่ปุ่น ผู้ว่าเกาะโอกินาวาและประชาชนชาวญี่ปุ่นที่อาศัยอยู่บนเกาะแห่งนี้ไม่เห็นด้วยกับการที่กองทัพสหรัฐมาตั้งฐานทัพอยู่ที่นั่น จึงได้ก่อการประท้วงขนาดใหญ่หลายครั้งรวมทั้งการดำเนินการฟ้องร้องทางกฎหมายด้วย แต่ก็ไม่สามารถขับไล่กองทัพสหรัฐให้ออกไปจากเกาะแห่งนี้ได้
    The Eyes
    เพจ: ปอกเปลือก ทรราช
    https://www.facebook.com/fisont
    https://vk.com/theeyesproject
    15/08/2560
    -----------
    https://www.rt.com/news/399592-us-nuclear-weapons-okinawa/
    http://www.japantimes.co.jp/wp-content/uploads/2017/08/n-document-b-20170815.jpg
    https://www.japantimes.co.jp/?post_type=news&p=1250711#.WZL2u-mmDsM
     
  19. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,989
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ปอกเปลือก ทรราช

    FB_IMG_1502845084479.jpg

    อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ ช่วยกองทัพสหรัฐคิดค้นและผลิตอาวุธนิวเคลียร์จนสำเร็จเป็นครั้งแรกในโลก และสหรัฐก็ใช้อาวุธนี้ไปถล่มญี่ปุ่นเป็นครั้งแรกถึงสองลูก ไอน์สไตน์ได้รับรางวันโนเบลสาขาสันติภาพ

    FB_IMG_1502845285198.jpg

    นายกรัฐมนตรี Eisuke Sato ของญี่ปุ่น แอบทำสัญญาลับกับสหรัฐให้สหรัฐไปติดตั้งอาวุธนิวเคลียร์ที่ญี่ปุ่น ได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ

    FB_IMG_1502845499616.jpg
    #ภายใต้การนำของประธานาธิบดีโอบามา สหรัฐก่อสงครามและทิ้งระเบิดสังหารพลเรือนในหลายประเทศ รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ

    FB_IMG_1502845664013.jpg

    #ปธน. JFK ของสหรัฐผู้ไม่เอาสงคราม เสียชีวิตจากการถูกลอบสังหาร
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 สิงหาคม 2017
  20. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,989
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ปอกเปลือก ทรราช
    มีนุกไว้ในครอบครองแล้วได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ ใครบ้างที่จะไม่อยากจะมี

    FB_IMG_1502845949968.jpg FB_IMG_1502845957981.jpg FB_IMG_1502845964485.jpg FB_IMG_1502845972506.jpg

    ------------
    ขนาดประเทศญี่ปุ่นที่ไม่สามารถพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ได้เอง แต่แอบทำข้อตกลงลับกับสหรัฐเพื่อให้สหรัฐนำอาวุธนิวเคลียร์มาติดตั้งไว้ที่ประเทศญี่ปุ่น อดีตนายกรัฐมนตรี Eisuke Sato ของญี่ปุ่นยังได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพเลย งั้นพวกเราก็มาช่วยท่านผู้นำสูงสุดพัฒนาค้นคว้าทางวิทยาศาสตร์เพื่อพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์และขีปนาวุธต่อรวมทั้งระบบดาวเทียมและเทคโนโลยีอวกาศให้กับประเทศของพวกเรากันเถอะ เผื่อว่าสหรัฐจะมอบรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพให้กับท่านผู้นำฯ คิม จอง-อึน บ้าง คริๆ
    -----------
    http://uriminzokkiri.com/index.php?ptype=photo&pagenum=&no=4979
     

แชร์หน้านี้

Loading...