ติดตามสถานะการณ์

In Clip : รัฐสภาฝรั่งเศสยกมือผ่าน “กม.ต้านก่อการร้ายใหม่” ใช้แทนกม.ภาวะฉุกเฉินอายุ 2 ขวบตั้งแต่โจมตีปารีสปี 2015
เผยแพร่: 19 ต.ค. 2560 20:29:00


เอเจนซีส์ - เมื่อวานนี้(18 ต.ค) รัฐสภาฝรั่งเศสยกมือผ่านร่างกฎหมายต่อต้านก่อการร้ายใหม่ ด้วยมติ 244 ต่อ 22 เพื่อใช้แทนกฎหมายภาวะฉุกเฉินที่กำลังจะหมดอายุ หลังเริ่มต้นใช้นาน 2 ปีตั้งแต่เกิดเหตุก่อการร้าย IS โจมตีกรุงปารีสพร้อมกันหลายจุดปี 2015 ท่ามกลางความวิตก กฎหมายต้านก่อการร้ายใหม่จะจำกัดเสรีภาพพลเมืองแดนน้ำหอม

RT สื่อรัสเซีย รายงานวันนี้(19 ต.ค)ว่า สภาสูงฝรั่งเศสได้ผ่านร่างกฎหมายต่อต้านก่อการร้ายใหม่ ซึ่งเป็นการผ่านที่เกิดขึ้นในการอภิปรายการประชุมครั้งที่ 2 เมื่อวานนี้(18 ต.ค)

โดยสื่อรัสเซียชี้ว่า กฎหมายต้านก่อการร้ายใหม่ของแดนน้ำหอม จะเพิ่มอำนาจให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจในการสู้กับขบวนการก่อการร้าย โดยมติผ่านด้วยเสียง 244 ต่อ 22 ซึ่งก่อนหน้าในช่วงต้นเดือนนี้ สภาล่างฝรั่งเศสได้ผ่านร่างกฎหมายเดียวกันนี้อย่างล้นหลามเช่นกัน

ทั้งนี้พบว่าในปัจจุบันนี้ฝรั่งเศสยังคงอยู่ภายใต้กฎหมายภาวะฉุกเฉินที่เริ่มมาตั้งแต่หลังเกิดเหตุการโจมตีปารีสในปี 2015 ทำให้มีผู้เสียชีวิตหลายร้อย และในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา พบว่ากฎหมายภาวะฉุกเฉินถูกยึดระยะเวลาบังคับใช้ออกไปถึง 6 ครั้ง และครั้งสุดท้ายนั้นจะหมดอายุลงในวันที่ 1 พ.ยที่จะถึงนี้

เนื้อหากฎหมายต่อต้านก่อการร้ายใหม่มีจุดใหญ่ 6 ข้อสำคัญ รวมไปถึง การอนุญาตให้ตำรวจสามารถบุกค้นบ้านผู้ต้องสงสัยคดีก่อการร้าย และเปิดโอกาสสามารถกักตัวคนเหล่านี้ได้ 4 ช.ม นอกจากนี้พบว่า ทางตำรวจสามารถการยึดข้อมูล เอกสาร และวัตถุอื่นๆที่เกี่ยวข้องได้ ที่อาจรวมไปถึงการดักฟังการสนทนาทางโทรศัพท์ หรือทางอีเมล

กฎหมายใหม่ยังอนุญาตให้เจ้าหน้าที่สามารถสั่งกักผู้ต้องสงสัยให้อยู่แต่ภายในเมืองที่คนเหล่านั้นอาศัยนาน 1 ปี และอนุญาตให้เจ้าหน้าที่ออกคำสั่งให้ต้องมารายงานตัวต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกวัน

และความเคลื่อนไหวอื่นนอกเหนือจากนี้ ผู้ต้องสงสัยต้องสวมกำไลติดตามตัวเพื่อให้ทางเจ้าหน้าที่ฝรั่งเศสรู้พิกัด

สื่อรัสเซียชี้ว่า และในส่วนเจ้าหน้าที่ท้องถิ่น พบว่ากฎหมายต่อต้านก่อการร้ายใหม่อนุญาตให้เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นระดับสูงสามารถออกคำสั่งปิดสถานที่ทางศานาได้นานถึง 6 เดือน หากพบว่านักบวช หรือนักการศาสนาของสถานที่เหล่านั้น ทำการยุยงให้เกิดความรุนแรง หรือแสดงการสนับสนุนต่อการก่อการร้าย

RT ชี้ว่า คำสั่งปิดสถานที่ทางศาสนานี้สามารถเกิดขึ้นได้โดยไม่ต้องมีหลักฐานประกอบอย่างชัดเจน ซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้หากทางตำรวจหรือเจ้าหน้าที่ฝรั่งเศสคิดว่า บรรดานักการศาสนาและบรรดาผู้สนับสนุน “มีแนวคิดและการสนับสนุนร่วม” ไปในทางนั้น

ตำรวจฝรั่งเศสยังได้รับอำนาจให้เรียกหยุดและทำการตรวจค้นต่อบุคคลใดก็ตามในพื้นที่ล่อแหลม เป็นต้นว่า บริเวณพรมแดน สถานีรถไฟเมโทร หรือสนามบิน

อย่างไรก็ตาม มีเสียงออกมาคัดค้านกฎหมายต่อต้านก่อการร้ายใหม่ โดยผู้เชี่ยวชาญชี้ว่า อาจเป็นการจำกัดสิทธิและเสรีภาพทางพลเมืองของประชาชนฝรั่งเศส ซึ่งมีการเกรงว่าชนกลุ่มน้อยฝรั่งเศสอาจตกเป็นเหยื่อการใช้อำนาจของเจ้าหน้าที่ตำรวจแดนน้ำหอมในการเข้ากวาดล้าง โดยเฉพาะในส่วนของมุสลิมเชื้อสายอาหรับในฝรั่งเศส และทำให้คนกลุ่มนี้ต้องหันไปเข้ากับกลุ่มก่อการร้ายในที่สุด

ทั้งนี้ก่อนหน้าที่จะมีการลงมติผ่านกฎหมายฉบับนี้ พบว่าประธานาธิบดีฝรั่งเศส เอ็มมานูแอล มาครง ได้ประชุมตำรวจฝรั่งเศสทุกหน่วยรวม 500 นายที่ทำเนียบรัฐบาลฝรั่งเศส กรุงปารีส

ซึ่งในการประชุม พบว่าทางผู้นำฝรั่งเศสได้ออกมาปกป้องร่างกฎหมายต่อต้านก่อการร้ายใหม่ พร้อมยังเปิดเผยแผนการปฎิรูปการรับมือก่อการร้าย โดยให้สัญญาที่จะให้เครื่องมือไฮเทคที่เหมาะสมเพื่อช่วยเหลือการปฎิบัติหน้าที่ รวมไปถึงการฃการเปิดตำแหน่งใหม่เพื่อเพิ่มกำลังพลให้กับตำรวจฝรั่งเศสอีก 10,000 นาย และการเพิ่มมาตรการทำให้การส่งตัวผู้ก่อการร้ายออกนอกฝรั่งเศสรวดเร็วมากขึ้น

https://mgronline.com/around/detail/9600000106797

 

รัฐมนตรีมหาดไทยโปรตุเกสลาออก แสดงความรับผิดชอบกรณีไฟป่าทำคนตายเป็นร้อย เผยแพร่: 19 ต.ค. 2560 17:25:00

เอเจนซีส์ - รัฐมนตรีมหาดไทยของโปรตุเกส ตัดสินใจลาออกจากตำแหน่งท่ามกลางเสียงวิจารณ์ตำหนิรัฐบาลเกี่ยวกับการรับมือไฟป่าหลายครั้งในช่วง 4 เดือนที่ผ่านมา จนทำให้มีคนตายไปมากกว่า 100 ราย

คอนสแตนกา เออร์บาโน เดอ ซูซา ได้ยื่นใบลาออกให้กับนายกรัฐมนตรี อันโตนิโอ คอสตา เมื่อวันพุธ (18 ต.ค.) และยอมก้มหัวให้กับแรงกดดันทางการเมืองที่เพิ่มมากขึ้น จากการที่มีผู้เสียชีวิตจำนวนมากเพราะไฟป่า

ตอนแรกคอสตานั้นปฏิเสธข้อเรียกร้องที่จะให้ซูซาออกจากตำแหน่ง แต่ก็ยอมในภายหลัง พร้อมทั้งยอมรับว่าเจ้าหน้าที่รัฐบกพร่องอย่างมากในการรับมือกับปัญหาไฟป่า

ขณะเดียวกัน รัฐบาลโปรตุเกสก็ได้ประกาศเมื่อวันพุธว่า เอดูอาร์โด คาบริตา คือผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีมหาดไทยแทนซูซา

หน่วยงานป้องกันภัยพลเรือนเปิดเผยว่า เมื่อวันอาทิตย์ เกิดไฟป่าขึ้นหลายจุดในภาคกลางและภาคเหนือของโปรตุเกส ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิต 42 ราย ได้รับบาดเจ็บอีก 71 ราย

เมื่อเดือนมิถุนายนก็มีไฟป่าลักษณะคล้ายกัน ทำให้มีผู้เสียชีวิต 64 ราย ได้รับบาดเจ็บอีก 250 ราย ใกล้กับแคว้น เปโดรเกา กรานเด ซึ่งถือเป็นไฟป่ารุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ของประเทศ

ข้อมูลจากกลุ่มสังเกตการณ์ของยุโรป ระบุว่า มีพื้นที่ป่ามากถึง 690,000 เอเคอร์ ในแคว้นปินฮาลทางตอนกลางของประเทศที่ถูกไฟป่าเผาทำลายไปในปีนี้ เป็นภัยธรรมชาติครั้งเลวร้ายของประเทศ

หลังโศกนาฏกรรมเมื่อเดือนมิถุนายน รัฐบาลโปรตุเกสก็ถูกตำหนิอย่างมาก ถึงความล้มเหลวในด้านกลยุทธจัดการไฟป่า แล้วเสียงด่าก็ยิ่งหนักหน่วงมากขึ้น เพราะเหตุไฟป่าเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา

https://mgronline.com/around/detail/9600000106731

 

ผู้เชี่ยวชาญ UN ชี้นโยบายปล่อยกู้ของ IMF บั่นทอนสิทธิมนุษยชน
เผยแพร่: 19 ต.ค. 2560 16:31:00



เอเอฟพี - นโยบายปล่อยกู้กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) มีส่วนบ่อนทำลายเป้าหมายด้านการพัฒนาและยกระดับสิทธิมนุษยชนขององค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ผู้เชี่ยวชาญอิสระซึ่งได้รับมอบหมายจากยูเอ็นให้ทำการศึกษาวิจัย ระบุวานนี้ (18 ต.ค.)

ในหลายประเทศที่เผชิญวิกฤตความยากจนและสาธารณสุข เงื่อนไขปล่อยกู้ของไอเอ็มเอฟมีส่วนทำให้การใช้จ่ายทางสังคม (social spending) ลดลง ก่ออุปสรรคต่องานด้านสิทธิมนุษยชนในประเทศเหล่านั้น และยังทำให้จำนวนคนว่างงานเพิ่มขึ้น มาตรฐานแรงงานต่ำลง ตลอดจนทำลายสุขภาวะของประชาชนและสิ่งแวดล้อม

“มิติด้านสิทธิมนุษยชนซึ่งเป็นผลมาจากการปล่อยกู้นั้นไม่ควรถูกละเลย” อัลเฟรด เดอ ซายาส ผู้เชี่ยวชาญอิสระซึ่งคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนยูเอ็นมอบหมายให้ศึกษาแนวทางส่งเสริมความเป็นธรรมในระเบียบสากล ระบุ

“ผมขอตำหนิแนวทางการปล่อยกู้ของสถาบันการเงินระหว่างประเทศหลายแห่ง ซึ่งบางครั้งขัดต่อวัตถุประสงค์ของสหประชาชาติ ไม่ใช่แค่ในด้านสิทธิมนุษยชนเท่านั้น แต่รวมถึงเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals) ด้วย”

ในรายงานฉบับนี้ เดอ ซายาส ได้ชี้ถึงผลในด้านลบของนโยบายไอเอ็มเอฟที่ส่งเสริมการแปรรูปรัฐวิสาหกิจ (privatization) และบีบให้ประเทศลูกหนี้ต้องรัดเข็มขัดเข้มงวด

เดอ ซายาส อ้างถึงวิกฤตการเมืองและหนี้สินของกรีซ อาร์เจนตินา และตูนิเซีย และการที่ไอเอ็มเอฟกำหนด “เงื่อนไขปลดล็อกเงินกู้แบบสุดโต่ง” เช่น บังคับให้รัฐบาลตัดลดรายจ่ายทางสังคม ทั้งที่ประชาชนหลายล้านคนยังไม่สามารถเข้าถึงบริการสาธารณสุข หรือไม่มีสิทธิ์ได้เงินอุดหนุนกรณีว่างงาน

ปีนี้ ไอเอ็มเอฟ ยังระงับวงเงินปล่อยกู้งวดใหม่แก่ตูนิเซีย แต่เรียกร้องให้มีการแปรรูปธนาคารของรัฐ และให้ปลดพนักงานของรัฐออกถึง 10,000 ตำแหน่ง

ผู้เชี่ยวชาญยูเอ็นรายนี้ยังอ้างอิงบทความวิชาการซึ่งระบุว่า เงื่อนไขปล่อยกู้ของไอเอ็มเอฟที่กำหนดให้ประเทศลูกหนี้ต้องกระตุ้นเศรษฐกิจให้เติบโตเร็วๆ และใช้นโยบายการคลังแบบอนุรักษนิยม (conservative fiscal policy) มีส่วนบั่นทอนศักยภาพของกลุ่มประเทศแอฟริกาในการยับยั้งวิกฤตการแพร่ระบาดของไวรัสอีโบลาเมื่อปี 2014

ผู้แทนไอเอ็มเอฟปฏิเสธที่จะให้ความเห็นเกี่ยวกับรายงานชิ้นนี้ และขอให้ผู้สื่อข่าวเอเอฟพีไปอ่านถ้อยแถลงเมื่อเร็วๆ นี้ของคณะกรรมการขับเคลื่อนกองทุน ซึ่งกล่าวชื่นชมที่ไอเอ็มเอฟสนับสนุนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของยูเอ็น ซึ่งตั้งเป้าขจัดปัญหาความยากจนให้หมดสิ้นไป

https://mgronline.com/around/detail/9600000106691

 

มะกันย้ำ “รบ.สมานฉันท์ใหม่” ของปาเลสไตน์ต้องยอมรับอิสราเอล-ปลดอาวุธฮามาส เผยแพร่: 19 ต.ค. 2560 14:19:00

เอเอฟพี – ที่ปรึกษาระดับสูงของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ระบุในวันนี้ (19) ว่า รัฐบาลสมานฉันท์ที่เพิ่งก่อตั้งใหม่ของปาเลสไตน์ต้องยอมรับอิสราเอลและปลดอาวุธกลุ่มฮามาส ภายหลังข้อตกลงปรองดองฉบับสำคัญถูกลงนามเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

“รัฐบาลชุดใดก็ตามของปาเลเสไตน์ต้องผูกมัดกับการไม่ใช้ความรุนแรงอย่างโปร่งใสและชัดแจ้ง ยอมรับสถานะของอิสราเอล และยอมรับข้อตกลงและข้อผูกมัดระหว่างผ่านต่างๆ ก่อนหน้านี้ รวมทั้งปลดอาวุธผู้ก่อการร้าย และผูกมัดกับการเจรจาสันติภาพ” เจสัน กรีนแบลตต์ ผู้แทนพิเศษด้านการเจรจาระหว่างประเทศของทรัมป์ กล่าวในถ้อยแถลง

“หากกลุ่มฮามาสจะมีบทบาทใดๆ ก็ตามในรัฐบาลปาเลเสไตน์ พวกเขาต้องยอมรับเงื่อนไขขั้นพื้นฐานนี้” เขากล่าวเสริมในการตอบสนองครั้งแรกของสหรัฐฯต่อข้อตกลงสมานฉันท์ปาเลสไตน์เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

ถ้อยแถลงจากกรีนแบลตต์คล้ายกับการตอบสนองของรัฐบาลอิสราเอลในสัปดาห์นี้ที่ประกาศว่าจะไม่เจรจากับรัฐบาลสมานฉันท์ของปาเลเสไตน์ที่มีกลุ่มฮามาส หากกลุ่มอิสลามิสต์กลุ่มนี้ไม่ยอมรับเงื่อนไขต่างๆ

เงื่อนไขต่างๆ นั้นรวมถึงการยอมรับอิสราเอลและประณามความรุนแรง

ขบวนการฟาตาห์ของประธานาธิบดี มาห์มูด อับบาส แห่งปาเลสไตน์ลงนามข้อตกลงปรองดองกับกลุ่มฮามาสในกรุงไคโรเมื่อหนึ่งสัปดาห์ที่แล้วเพื่อยุติความแตกแยกนาน 10 ปี

องค์กรปลดแอกปาเลเสไตน์ (Palestine Liberation Organisation) ที่นำโดยอับบาสอมรับอิสราเอล แต่กลุ่มฮามาสไม่ยอมรับและถูกขึ้นบัญชีเป็นองค์กรก่อการร้ายโดยสหรัฐฯและสหภาพยุโรป

อิสราเอลและฮามาสเคยทำสงครามกัน 3 ครั้งนับตั้งแต่ปี 2008 และฉนวนกาซาอยู่ภายใต้การปิดล้อมของอิสราเอลมานานานกว่าสิบปี

อียิปต์ยังคงปิดชายแดนส่วนใหญ่ที่อยู่ติดกับฉนวนกาซาในช่วงไม่กี่ปีมานี้

ฮามาสบริหารจัดการฉนวนกาซานับตั้งแต่ยึดครองมันได้ในสงครามกลางเมืองกับกลุ่มฟาตาห์เมื่อปี 2007 ภายหลังข้อพิพาทเกี่ยวกับการเลือกตั้งที่กลุ่มฮามาสได้รัยชัยชนะ

https://mgronline.com/around/detail/9600000106603

 

Imm Journal

หน่วยข่าวกรองเยอรมันเตือน อันตรายจากคนรุ่นใหม่ของไอซิสในประเทศ!!!

หน่วยสืบราชการลับเยอรมันเตือนเมื่อวันพฤหัสบดี เกี่ยวกับการก่อตัวของกองกำลัง ไอสิสรุ่นใหม่ที่กลับมาจากซีเรียและอิรัก

Sky News รายงานว่า สำนักข่าวกรองภายในประเทศของเยอรมนีกล่าวว่า : 950 คนจากประเทศเยอรมนีเดินทางไปประเทศซีเรียและอิรักเพื่อเข้าร่วมกลุ่มก่อการร้ายไอซิส ซึ่งประมาณ 20% เป็นสตรีและ 5% เป็นเด็ก

Hans Georges Masneur ผู้อำนวยการหน่วยสืบราชการลับ(สำนักข่าวกรองภายในประเทศ)เยอรมันกล่าวว่า " ในขณะที่กลุ่มผู้ก่อการร้ายไอซิสพ่ายแพ้ในซีเรียและอิรัก ซึ่งคาดว่าผู้หญิงหลายคนเหล่านี้จะเดินทางกลับประเทศเยอรมนีพร้อมลูก ๆ

เขาเสริมว่าเยอรมนีควรเตรียมพร้อมรับมือกับความเสี่ยงในการแพร่กระจายความรุนแรงในหมู่เด็ก ๆ

ผู้อำนวยการหน่วยสืบราชการลับ(สำนักข่าวกรองภายในประเทศ)เยอรมันกล่าวว่า อันตรายจากเด็กในที่นี้คือ พวกเขากลับมาเยอรมนีหลังจากที่ได้อยู่กับผู้ก่อการร้ายและได้รับการฝึกฝนทักษะต่างๆ ซึ่งสามารถสร้างผู้ก่อการร้ายรุ่นใหม่ได้ที่นี่
http://www.irna.ir/fa/News/82702005

 

Imm Journal

รายงานชี้ : ผู้ลี้ภัยชาวซีเรียหลายล้านคนได้เดินทางกลับมายังประเทศของตน...!



สื่อต่างประเทศเปิดเผยกรณีการกลับมาของผู้ลี้ภัยชาวซีเรียนับล้านคนไปยังประเทศของตนตั้งแต่เริ่มต้นการสู้รบกับการก่อการร้ายในประเทศซีเรีย

ผู้ลี้ภัยชาวซีเรียจำนวนมากกว่าหนึ่งล้านหกแสนห้าหมื่นคนได้กลับไปยังบ้านของตนนับตั้งแต่เริ่มมีกวาดล้างและการต่อสู้กับการก่อการร้ายในซีเรีย Sputnik กล่าวในรายงาน

ตามรายงานระบุว่า สิ่งเหล่านี้อันเป็นผลมาจากการเจรจาประนีประนอมของการดำเนินงานในประเทศซีเรียและตั้งแต่เดือนกันยายนปี 2015 ผู้ลี้ภัยชาวซีเรียจากประเทศอื่น ๆ กว่า 232,000 คนได้กลับมายังบ้านของตนในปีนี้

รายงานยังระบุว่า นอกจากนี้ตั้งแต่ต้นปี 2017 ผู้อพยพชาวซีเรียจำนวนกว่า 480,000 คนที่อาศัยอยู่ในค่ายพักพิงชั่วคราวหรือที่อยู่อาศัยของญาติและญาติของพวกเขาได้กลับมายังบ้านของตน

http://www.mehrnews.com/news/4119210/بیش-از-یک-میلیون-آواره-سوری-به-کشورشان-بازگشته-اند

 

Wudhichai Maitreesophone ได้แชร์โพสต์ของ Al-Masdar News



เมื่อครึ่งชั่วโมงที่ผ่านมา กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐแถลงยอมรับแล้ว ว่าผู้ก่อการร้ายกลุ่ม Jabhat Al-Nusra ที่ร่วมอยู่ในกลุ่มก่อการร้าย Hay'at Tahrir Al-Sham ได้ใช้อาวุธเคมีโจมตีพลเรือน ในจังหวัด Idlib
ตลอดเวลาที่ผ่านมา รัฐบาลสหรัฐกล่าวหาว่า ทหารรัฐบาลซีเรียใช้อาวุธเคมีโจมตีประชาชนของตัวเอง ซีเรียปฏิเสธอย่างไร เอาหลักฐานให้ดูอย่างไร ก็ไม่เคยเชื่อ
แต่คราวนี้น่าจะโดนเข้ากับตัวเอง เพราะกองกำลังสหรัฐผสมเคิร์ด อยู่ไม่ไกลจาก Idlib คงโดนเข้าด้วยตัวเอง ถึงได้ออกมาประกาศ โดยไม่มีใครขอร้องเลย
โฆษก กระทรวงกลาโหมรัสเซีย Maj. Gen. Konashenkov บอกผู้สื่อข่าวว่า นี่เป็นครั้งแรกที่สหรัฐยอมรับออกมาเองว่า ผู้ที่ใช้อาวุธเคมี คือผู้ก่อการร้าย Jabhat Al-Nusra ที่สหรัฐใช้งานอยู่
https://www.almasdarnews.com/articl...nt-terrorists-use-chemical-weapons-syria-mod/

 

Wudhichai Maitreesophone ได้แชร์โพสต์ของ Al-Masdar News



เช้านี้ (6:50 A.M.) กองทัพบกซีเรีย โดยกองกำลังของกองทัพภาคที่ 5 ด้วยการสนับสนุนของกองพลยานเกราะที่ 4 รุกเข้าไปยังเขตอุตสาหกรรม ในฝั่งตะวันออกของแม่น้ำยูเฟรติส ฝั่งตรงข้ามตัวเมือง Deir Ezzor สามารถยึดคืนโรงงานกระดาษ และพื้นที่กำลังก่อสร้างมาได้แล้ว โดยผู้ก่อการร้าย ISIS ที่ยึดครองอยู่หนีไป

ในขณะที่กองกำลังของรัฐบาลซีเรียเข้ายึดพื้นที่นี้ ทำให้เวลานี้กองทัพซีเรีย กับกองทัพชาวเคิร์ดวางแนวป้องกันไว้ชิดกันมาก

https://www.almasdarnews.com/article/syrian-army-scores-new-advance-along-eastern-bank-euphrates/

 

Wudhichai Maitreesophone



สำนักข่าว SouthFront สรุปรายงานเรื่อง
Stealth Fighter F-35 ของอิสราเอลถูกยิงด้วย SAM S-200 เมื่อ 16 ตุลาคม 2560 เหนือน่านฟ้าซีเรีย แต่อิสราเอลบอกว่าบินอยู่ในน่านฟ้าเลบานอน

https://southfront.org/is-israel-hi...by-syrian-s-200-missile/#sthash.RXzFEPmq.gbpl

 

Rachen Voraman
#มีการเอาคืน



...ปูตินหนุนคาตาลัน กระตุ้นสหภาพอียูที่สนับสนุนโคโซโวในการแบ่งแยกดินแดน
"ประเทศในสหภาพยุโรปช่วยหนุนความเชื่อมั่นในการแบ่งแยกดินแดนในยุโรปเมื่อพวกเขาก้มหัวให้สหรัฐและผลักดันโคโซโวออกจากเซอร์เบีย ตอนนี้ก็ต้องรับผลกระทบเช่นวิกฤตคาตาลัน"ปูตินกล่าว
"เราได้เห็นการลงประชามติรับอิสรภาพอย่างเป็นเอกฉันท์ของชาวดาตาลัน"ปูตินพูด "เกี่ยวกับเรื่องนี้ผมต้องพูด - ก่อนหน้านี้พวกคุณควรจะคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้"

https://www.rt.com/news/407203-eu-separatist-sentiment-kosovo/

 

Imm Journal



รัฐมนตรีสงครามของระบอบไซนิสต์พบปะกับรัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐอเมริกา “ถกประเด็นอิหร่าน”

Avigdor Lieberman รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสงครามอิสราเอล ได้พบกับ เจมส์ แมตทิส รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐ และเฮอร์เบิร์ต แม็คมาสเตอร์ ที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐ ในระหว่างการเดินทางไปวอชิงตัน

Lieberman และ Metis ได้พูดคุยเกี่ยวกับประเด็นต่างๆในรภูมิภาคตะสันออกกลาง เช่นอิหร่านและซีเรีย ตลอดจนวิธีการเสริมสร้างความเข้มแข็งทางทหารการรักษาความปลอดภัยและความร่วมมือด้านข่าวกรองของอิสราเอล

เขาขอบคุณประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกา โดนัลด์ ทรัมป์ สำหรับคำพูดของเขาที่ตอบโต้อิหร่านในวันศุกร์ที่ 20 ต.ค. และเรียก Methis ว่าเป็น "เพื่อนแท้ของอิสราเอล"

รัฐมนตรีสงครามอิสราเอลยังกล่าวหาอิหร่านว่า "อิหร่านมีแนวโน้มที่จะเข้าไปสร้างแนวรบในซีเรียเพื่อเป็นสนามในการสู้รบกับอิสราเอลและมีส่วนร่วมในการก่อสร้างฐานทัพอากาศและทะเลที่มีกลุ่มติดอาวุธจำนวนมากอยู่ในนั้น"

ลีเบอร์แมนยังเสริมอีกว่า: "เราไม่ยอมรับสถานการณ์ที่อิหร่านและพันธมิตรของเขากำลังเข้าประจำการอยู่บนพรมแดนของเรา เราจะจัดการเรื่องนี้ด้วยวิธีที่เราเห็นสมควร "
http://www.farsnews.com/newstext.php?nn=13960728000029

 

Imm Journal

ฟิลิปปินส์ จับกุม หญิงไอซิสวัย 36 ปี แกนนำสรรหาเยาวชนเข้าร่วมกลุ่มก่อการร้ายไอซิสในฟิลิปปินส์... !



หลังจากสองวันที่กองกำลังรักษาความปลอดภัยฟิลิปปินส์ สามารถปลดปล่อยเมือง 'มาราวี' จากเงื้อมมือของผู้ก่อการร้ายไอซิส ได้มีข่าวเปิดเผยกรณีที่สามารถจับกุมตัวแกนนำที่เป็นปัจจัยสำคัญในการสรรหาผู้ก่อการร้ายไอซิส ซึ่งเป็นการกระทำที่บางคนเชื่อว่าเป็นขั้นตอนสำคัญในการกำจัดการก่อการร้ายในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้นี้

หนังสือพิมพ์ “สตาร์” รายงานว่า กองกำลังรักษาความปลอดภัยได้จับกุมตัวหญิงชาวฟิลิปปินส์ ที่ชื่อ Casan Ayza Hamidoun อายุ 36 ปีที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นแกนนำในการสรรหาผู้ก่อการร้าย ISIL ผ่านสื่อสังคมออนไลน์จากทั่วโลก

ผู้หญิงคนนี้ถูกจับโดยกองกำลังพิเศษของฟิลิปปินส์ในเมือง Tagighg ซึ่งตั้งอยู่ห่างประมาณหนึ่งชั่วโมงจากกรุงมะนิลาซึ่งเป็นเมืองหลวงของฟิลิปปินส์

Vitalião Aguirre รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมฟิลิปปินส์ ยืนยันข่าว และกล่าวว่า หญิงสาวคนนี้เป็นภรรยาของ Mohammed Shamim Mohammad Sediq ซึ่งเคยเป็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของสิงคโปร์ที่ถูกจับในปี 2015 ในข้อหาเตรียมการเข้าร่วมกับกลุ่มก่อการร้ายไอซิสและใช้เครือข่ายสังคมเพื่อจุดประสงค์ในการใช้ความรุนแรง

รายงานระบุว่า หลังจากนั้นเธอแต่งงานกับชาวฟิลิปปินส์ ที่ชื่อ 'Mohammad Mad Jafar Magoud' ซึ่งเป็นผู้นำกลุ่ม Ansar al-Khalifa ในประเทศและถูกสังหารเมื่อต้นปีที่ผ่านมาในการปะทะกับกองกำลังรักษาความปลอดภัย

ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมฟิลิปปินส์ระบุ ผู้หญิงคนนี้ยังมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับ Musa Crantañoนักเทศน์ชาวออสเตรเลียผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในการสรรหากองกำลังสำหรับกลุ่มผู้ก่อการร้ายไอซิสอีกด้วย

Casan Ayasha Hamidoun ถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้ก่อความไม่สงบ ในการเชื่อมต่อกับ 296 บทความที่ตีพิมพ์ในเครือข่ายสังคมออนไลน์ที่มุ่งสรรหากองกำลังเพื่อเข้าร่วมสมทบกับกลุ่มก่อการร้ายในเมืองมาราวี

ในมือถือของหญิงชาวฟิลิปปินส์นี้ ยังมีชื่อชาวต่างประเทศอีก 250 คน ซึ่งถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้ก่อการร้าย

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมของฟิลิปปินส์กล่าวว่าในขณะที่เพื่อนทหารของเธอกำลังสู้รบในเมืองมาราวี เธอนั้นมีบทบาทในการดึงดูดและสรรหากองกำลังเสริม

http://www.irna.ir/fa/News/82701427

 

Imm Journal



เจ้าหน้าที่มาเลเซีย เผย : ไอซิส เล็งมาเลเซียในการเสริมสร้างฐานของตนในภูมิภาค

รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยของมาเลเซียกล่าวว่า มาเลเซียเป็นประเทศอิสลามที่มีสันติภาพและความมั่นคง จึงเป็นเหตุให้กลุ่มผู้ก่อการร้ายไอซิส ตั้งเป้าหมายที่จะเสริมสร้างสถานะในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และเล็งประเทศมาเลเซียในการดึงดูดผู้เข้าร่วมให้มากขึ้น

Nour Eslom Mohammed รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยของมาเลเซีย ยืนยันว่าผู้ก่อการร้ายหลายคนคิดว่ามาเลเซียเป็นสถานที่เพื่อดึงดูดสมาชิกใหม่ และได้รับการสนับสนุนจากประชากรมุสลิมในภูมิภาค

เขากล่าวเสริมว่า นอกจากนี้หากมีการโจมตีของผู้ก่อการร้ายเกิดขึ้นที่นี่ กลุ่มต่างๆเช่นไอซิส ถือว่าเป็นความสำเร็จของพวกเขาในการสร้างความปั่นป่วนและสามารถต้านอำนาจการป้องกันของเรา

 

"เตือนวัยรุ่นอย่าคิดลอง เสพยาซอมบี้ ตายแล้ว 130 คน!เรื่องโดย Nation TV | ภาพโดย Nation TV19 ตุลาคม 2560 12:04 น.



จากกรณีคลิปที่มีชายและหญิงต่างชาติ ลักษณะคลุ้มคลั่ง คาดว่ามาจากการใช้ยาซอมบี้ อย.เตือนวัยรุ่นอย่าริลองใช้ยาตัวนี้ อันตรายถึงชีวิต พบรายงานผู้เสียชีวิตจากการใช้ยาซอมบี้ในต่างประเทศกว่า 130 ราย สำหรับในประเทศไทย ขณะนี้อยู่ระหว่างการเสนอ (ร่าง) ประกาศกระทรวงสาธารณสุขเพื่อควบคุมให้เป็นยาเสพติดให้โทษประเภท 1

นายแพทย์วันชัย สัตยาวุฒิพงศ์ เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เผยว่า จากกรณีที่มีการแชร์คลิปชายชาวต่างประเทศที่มีลักษณะคลุ้มคลั่งเหมือนไม่ใช่คน ใช้ศีรษะโขกกระจกหน้ารถเมล์อย่างบ้าคลั่ง และคลิปหญิงสาวนั่งอยู่ที่กระบะรถตำรวจ ตาแข็ง ลักษณะคล้ายคนเมา โดยสันนิษฐานว่าเกิดจาก ยาเสพติดที่เรียกว่า Flakka (ฟลัคก้า), Bath Salts หรือยาซอมบี้

สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ได้ตรวจสอบข้อมูลพบว่า ฟลัคก้า ซึ่งมีชื่อทางเคมีว่า -Pyrrolidinovalerophenone (-PVP,อัลฟ่า-พีวีพี) ถูกควบคุมตามอนุสัญญาว่าด้วยวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตประสาท ค.ศ.1971 มีลักษณะเป็นผง สีขาวคล้ายเกลือ ไม่มีกลิ่น มีฤทธิ์กระตุ้นระบบประสาท

ทำให้หัวใจเต้นเร็ว รูม่านตาขยาย ประสาทหลอน กล้ามเนื้อกระตุก ชักเกร็ง โรคจิตหวาดระแวง ระบบการหายใจบกพร่อง การทำงานของตับผิดปกติ ไข้ขึ้นสูง เจ็บหน้าอก เกิดอาการชัก ในต่างประเทศพบว่ามีการเสียชีวิตมากกว่า 130 คน มีรายงานการได้รับพิษแบบเฉียบพลัน

บางรายเกิดผลต่อระบบประสาท หลอดเลือดและหัวใจ และอาจท าให้เกิดพฤติกรรมการแสดงออกทางจิตที่รุนแรง รูปแบบที่ใช้ส่วนใหญ่อยู่ในรูปของผงและเม็ด จ าหน่ายทางอินเทอร์เน็ตและในตลาดขายยาผิดกฎหมาย ทั้งนี้ อย. ได้เสนอให้ควบคุมสารอัลฟ่า-พีวีพี เป็นยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 โดยผ่านการพิจารณาจากคณะกรรมการควบคุมยาเสพติดให้โทษแล้ว

โดยขณะนี้อยู่ในระหว่างการเสนอ (ร่าง) ประกาศกระทรวงสาธารณสุข ให้รัฐมนตรีสาธารณสุข ลงนาม เลขาธิการฯ อย. กล่าวในตอนท้ายว่า อย. ขอแจ้งเตือนไปยังวัยรุ่นหรือผู้ที่คิดจะลองยาเสพติด อย่าได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดชนิดนี้ ซึ่งจะส่งผลเสียต่อสุขภาพของผู้เสพ ครอบครัว รวมถึงสังคมไทยด้วย

หากผู้บริโภคได้รับอันตรายจากการใช้ผลิตภัณฑ์สุขภาพหรือมีข้อสงสัยในเรื่องผลิตภัณฑ์สุขภาพ สามารถร้องเรียนได้ที่สายด่วน อย. 1556 หรือ E-mail: 1556@fda.moph.go.th หรือ ตู้ ปณ. 1556 ปณฝ. กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี 11004 หรือผ่านทาง Oryor Smart Application หรือสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศ เพื่อ อย. จะได้ด าเนินการปราบปรามและด าเนินคดีทางกฎหมายกับผู้กระทำผิดอย่างเคร่งครัดT
อ่านต่อที่: http://www.nationtv.tv/main/content/social/378576649/

http://www.nationtv.tv/main/content/social/378576649/

 

ปอกเปลือก ทรราช
โอล่ะพ่อ! กต.สหรัฐยอมรับว่ากลุ่มก่อการร้ายอัลนุสราฟรอนท์ (อัลเคด้า) ที่รัฐบาลโอบามาขนานนามให้ซะหรูว่า "กบฏสายกลางซีเรีย" ใช้อาวุธเคมีในจังหวัดอิดลิบประเทศซีเรีย - กลาโหมรัสเซียแถลง



---------

วัน 20 ต.ค. 60 Sputnik พาดหัวข่าวว่า "กระทรวงต่างประเทศสหรัฐยอมรับว่าผู้ก่อการร้ายอัลนุสราฟรอนท์ใช้อาวุธเคมีในซีเรีย - กห.รัสเซียแถลง" (US State Dept. Admits Nusra Front Terrorists Use Chemical Weapons in Syria - MoD)

กระทรวงกลาโหมของรัสเซียแถลงว่า ในที่สุดกระทรวงต่างประเทศสหรัฐก็ยอมรับว่ากลุ่มก่อการร้ายอัลนุสราฟรอนท์ที่ฉาวโฉ่ ซึ่ง (ปัจจุบันนี้) ควบคุมพื้นที่ในจังหวัดอิดลิบของซีเรีย ภายใต้ชื่อใหม่ว่า "HTS" ซึ่งเปลี่ยนมาจาก "อัลเคด้า" ไม่เพียงแต่มีอาวุธเคมีเท่านั้น แต่ยังได้ใช้อาวุธเคมีต่อพลเรือนด้วย

"กลุ่มก่อการร้าย Hayat Tahrir al-Sham (HTS) ซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับกลุ่ม "Jabhat al-Nusra" (อันที่จริงเป็นกลุ่มเดียวกันแต่เปลี่ยนชื่อใหม่) ใช้อาวุธทั้งขนาดเล็กและใหญ่ ประกอบวัตถุระเบิดหลายชนิด และใช้อาวุธเคมี ปฏิบัติการในพื้นที่จังหวัด Idlib นี่เป็น "การยอมรับ" อย่างเป็นทางการครั้งแรก โดยกระทรวงต่างประเทศ [สหรัฐ] ซึ่งไม่เพียงแต่เป็นการแสดงให้เห็นเท่านั้น แต่ผมขอเน้นย้ำว่า การใช้อาวุธเคมีโดยพวกผู้ก่อการร้าย Jabhat al-Nusra ในพื้นที่ประเทศซีเรียเป็นการโจมตีของผู้ก่อการร้าย ซึ่งเราได้เตือนครั้งแล้วครั้งเล่า" พล.ท. Igor Konashenkov โฆษกกระทรวงกลาโหมรัสเซียกล่าว

พล.ท. Igor Konashenkov ยังได้ช่วยฟื้นความจำอีกว่า "ในจังหวัดอิดลิบนั้น มีเพียงเคสเดียวเท่านั้นที่ใช้อาวุธเคมีตามที่ทราบกันดีอยู่แล้ว ซึ่งก็คือที่เมือง Khan-Sheikhun"

"อย่างไรก็ตาม สหรัฐได้กล่าวหากองทัพของฝ่ายรัฐบาล [ซีเรีย] ว่า [ดำเนินการ] การโจมตีด้วยอาวุธเคมีในครั้งนี้ และพวกที่วางแผนก่อเหตุในครั้งนี้ตัวจริงนั้น กลับถูกเรียกว่า ฝ่ายค้านสายกลาง (moderate opposition)" โฆษกกลาโหมของรัสเซียกล่าว

พล.ท. Igor Konashenkov ได้เน้นย้ำว่า "ในขณะเดียวกันก็มีการกล่าวหากองทัพอากาศของรัสเซียว่าทิ้งระเบิดโจมตีจังหวัดอิดลิบ ณ จุดนี้ กระทรวงต่างประเทศ [ของสหรัฐ] เข้าใจผิด และพลเมืองชาวอเมริกันก็ไม่มีอะไรที่จะต้องหวาดกลัวด้วย ปฏิบัติการด้วยอากาศยานของรัสเซียในซีเรียไม่ได้โจมตีเขตที่อยู่อาศัย แต่ในทางตรงกันข้าม มีแต่สหรัฐและกองกำลังพันธมิตรเท่านั้น (ที่ทำแบบนั้น)"

[จริงแท้แน่นอน ดูที่เมืองรัคคาก็ได้ เละ! รัสเซียและกองทัพฝ่ายรัฐบาลซีเรียไม่ได้เข้ายุ่งในพื้นที่แห่งนั้นเลย มีแต่เครื่องบินรบฝ่ายพันธมิตรนำโดยสหรัฐเท่านั้นที่บอมบ์บ้านเรือนประชาชนชาวซีเรียในรัคคา แต่พอเครื่องบินรบทิ้งระเบิดและเรือรบของรัสเซียปล่อยขีปนาวุธถล่มรังของพวกผู้ก่อการร้ายอัลนุสราฟรอนท์ในพื้นที่ชานเมืองจังหวัดอิดลิบ-ฮามา พวกผู้ก่อการร้ายอัลนุสราฟรนอท์ในนาม "กบฏสายกลายซีเรีย" รีบฟ้องสหรัฐว่า รัสเซียโจมตีพื้นที่อยู่อาศัยของพลเรือนทันที

เกี่ยวกับเหตุการณ์มีผู้เสียชีวิตจำนวนประมาณ 74 คนรวมทั้งเด็กๆด้วย จากการได้รับสารเคมีที่เมือง Khan-Sheikhun จังหวัดอิดลิบ ซีเรีย เมือวันที่ 4 เมษายน 2560 ฝ่ายกบฏ ผู้ก่อการร้าย รัฐบาลและสื่อกระแสหลักของค่ายตะวันตกนำโดยสหรัฐ รีบกล่าวหาว่าเป็นการโจมตีด้วยอาวุธเคมีจากเครื่องบินรบของฝ่ายรัฐบาลซีเรียหรือรัสเซียทันที และเรียกร้องให้มีการคว่ำบาตรลงโทษรัฐบาลซีเรียและรัสเซีย พร้อมกับกล่าวหาว่าเป็นการก่ออาชญากรรมสงคราม

ฝ่ายรัฐบาลซีเรียและรัสเซียปฏิเสธข้อกล่าวหาเหล่านั้น รัฐบาลสหรัฐภายใต้การนำของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ สั่งให้โจมตีฐานทัพอากาศ Shayrat ด้วยขีปนาวุธโทมาฮ็อกจากเรือรบของสหรัฐสองลำในทะเลเมดิเตอร์เรเนียนในเวลาหนึ่งสัปดาห์กว่าหลังเกิดเหตุ โดยไม่มีการสืบสวนสอบสวนใดๆ ตามหลักการความยุติธรรมแบบ "ยิงก่อนถามทีหลัง" สไตล์อเมริกันขนานแท้ อ้างว่าเพื่อเป็นการสั่งสอนฝ่ายรัฐบาลซีเรีย เพราะว่าฝ่ายรัฐบาลซีเรียใช้ฐานทัพแห่งนี้ส่งเครื่องบินรบไปทิ้งระเบิดใส่พวกผู้ก่อการร้ายในจังหวัดอิดลิบ

แต่จากคำชี้แจงของกองทัพฝ่ายรัฐบาลและรัสเซียระบุว่า เครื่องบินรบของซีเรียและรัสเซียไม่ได้ใช้อาวุธเคมีในครั้งนี้หรือครั้งไหนๆเลย ใช้แต่ระเบิดธรรมดาเท่านั้น แล้วมันเกิดสารเคมีกระจายจนมีประชาชนเสียชีวิตเป็นจำนวนมากในจุดที่มีการโจมตีโดยเครื่องบินรบของฝ่ายรัฐบาลซีเรียได้อย่างไร?

คำตอบที่ได้จากฝ่ายรัฐบาลซีเรียและรัสเซียก็คือ คาดว่าจุดที่เกิดเหตุนั้นเป็นคลังเก็บอาวุธเคมีของกลุ่มก่อการร้ายและพวกกบฏ และเป็นการสร้างสถานการณ์โดยกลุ่มก่อการร้ายเพื่อให้เกิดเหตุการณ์เช่นนั้นเพื่อจะได้ใช้เป็นข้ออ้างในการกล่าวหาฝ่ายรัฐบาลซีเรีย และให้นานาชาติช่วยเล่นงานรัฐบาลอัสซาดให้หนักกว่าเดิม ในขณะที่พวกผู้ก่อการร้ายและพวกกบฏกำลังได้รับความพ่ายแพ้ในหลายสนามรบ ระเบิดจากเครื่องบินรบของซีเรียหล่นใส่คลังเก็บอาวุธเคมีของพวกผู้ก่อการร้ายในพื้นที่ เกิดการแพร่กระจายของสารเคมี ทำให้มีผู้เสียชีวิต นั่นคือบทสรุปที่น่าจะเป็นไปได้

สหรัฐและอียูพยายามขัดขวางการแต่งตั้งคณะกรรมการกลางจากองค์กร OPCW ซึ่งเป็นองค์กรระหว่างประเทศในการเกี่ยวกับการห้ามการใช้อาวุธเคมีภายใต้การอุปถัมภ์ของยูเอ็น จนกระทั่งบัดนี้ OPCW ก็ยังไม่สามารถสรุปได้ว่าเป็นฝีมือของใคร แต่อาศัยการฟังความข้างเดียวจากฝ่ายผู้ก่อการร้ายและพวกกบฏ จึงสันนิษฐานว่าน่าจะเป็นฝีมือของฝ่ายรัฐบาลซีเรีย โดยไม่มีหลักฐานสนับสนุนข้อกล่าวหานี้ - ผู้แปล]
https://sputniknews.com/middleeast/201710201058392067-syria-russia-chemical-weapons/

The Eyes
เพจ: ปอกเปลือก ทรราช
https://www.facebook.com/fisont
https://vk.com/theeyesproject
20/10/2560
---------
https://sputniknews.com/middleeast/201710201058392067-syria-russia-chemical-weapons/

 

ดูเตอร์เตเผยว่าที่ผู้นำคนใหม่ISสาขาอาเซียนถูกเด็ดหัวตามลูกพี่แล้ว
เผยแพร่: 19 ต.ค. 2560 23:36:00 โดย: MGR Online

เอเอฟพี - ประธานาธิบดีโรดิโก ดูเตอร์เต แห่งฟิลิปปินส์ ระบุในวันพฤหัสบดี(19ต.ค.) นักรบชาวมาเลเซียที่ถูกยกว่าจะก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำคนใหม่ของกลุ่มรัฐอิสลาม(ไอเอส) ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ถูกปลิดชีพแล้ว

มะห์มูด อะหมัด ถูกกองทัพฟิลิปปินส์ระบุว่าเป็น "เป้าหมายที่มีค่าสูง" เป็นผู้สนับสนุนเงินทุนพวกนักรบฝักใฝ่ไอเอสโจมตีเมืองมาราวี ทางภาคใต้ของฟิลิปปินส์ในเดือนพฤษภาคม และเป็นตัวเชื่อมระหว่างพวกก่อความไม่สงบท้องถิ่นกับพวกญิฮาดในตะวันออกกลาง

ดูเตอร์เต บอกว่า มะห์มูด เป็นผู้นำนักรบคนล่าสุดที่ถูกสังหารในเหตุสู้รบที่เมืองมาราวี ที่ยืดเยื้อมาเกือบ 5 เดือน หลังการเสียชีวิตของ อิสนิลอน ฮาปิลอน แกนนำไอเอสในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และโอมาร์คายัม มาอูเต คู่หูของเขาเมื่อวันจันทร์(16ต.ค.)

"ตอนนี้ อีกคนหนึ่ง คนที่พวกเขาเรียกว่า "ด็อค" จากทั้งหมด 3 คนได้แก่ ฮาปิลอน, โอมาร์ และ ด็อค ถูกปลิดชีพเมื่อบ่ายวันนี้ และนี่คือเรื่องราวทั้งหมด" ดูเตอร์เต กล่าว ณ เวทีสัมมนาทางธุรกิจหนึ่งในกรุงมะนิลา ซึ่งเรียกร้องปรบมือจากผู้เข้าร่วมรับฟัง

ไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้านี้ เสนาธิการทหาร พลเอกเอดูอาร์โด อาโน ระบุว่าทางกองทัพเริ่มมีความมั่นใจมากขึ้นว่า มะห์มูด เป็นหนึ่งในนักรบ 13 คนที่เสียชีวิตในเหตุปะทะเมื่อคืนวันพุธ(18ต.ค.) โดยอ้างข้อมูลที่ได้จากตัวประกันที่ได้รับอิสรภาพ

ขณะที่ทางโฆษกของกองทัพบอกว่าจะมีการตรวจดีเอ็นเอเพื่อระบุตัวตนศพต่อไป

กลุ่มมือปืนฝักใฝ่ไอเอส บุกยึดพื้นที่บางส่วนของมาราวี เมืองที่มีชาวมุสลิมเป็นชนกลุ่มใหญ่ในประเทศที่ผู้คนนับถือศาสนาคริสต์นิกายคาทอลิกมากที่สุด เมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม กระตุ้นให้เกิดการสู้รบอันดุเดือด คร่าชีวิตผู้คนมากกว่า 1,000 ศพและทำลายแถบใจกลางเมืองจนเหลือแต่ซากหักพัง

เมื่อวันอังคาร(17ต.ค.) ดูเตอร์เต ประกาศว่าเมืองมาราวี ได้รับการปลดแอกจากอิทธิพลของกลุ่มก่อการร้ายแล้ว แต่ทางโฆษกกองทัพระบุว่ายังคงต่อสู้กับพวกนักรบที่ยังเหลืออยู่ราวๆ 20 คน

หลังการเสียชีวิตของ ฮาปิลอน ผู้เชี่ยวชาญด้านก่อการร้ายอย่าง อาห์หมัด คูมาร์ รามากฤษณา จากสถาบันศึกษานานาชาติเอส.ราชารัตนัม ของสิงคโปร์ บอกว่าหาก มะห์มูด ยังคงมีชีวิตอยู่ ดูเหมือนว่าเขาจะก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำของพวกนักรบฝักใฝ่ไอเอสในพื้นที่ภาคใต้ของฟิลิปปินส์
https://mgronline.com/around/detail/9600000106828

 

ปอกเปลือก ทรราช
เครื่องบินรบ F-16 ของ UAE ร่วงในเยเมน นักบินเสียชีวิตทั้งสองนาย



----------

วันที่ 18 ต.ค.60 AMN ของเลบานอนรายงานว่า เครื่องบินรบของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ประสบอุบัติเหตุในพื้นที่ภาคใต้ของเยเมนเมื่อวันอังคารนี้ อ้างประสบปัญหาขัดข้องทางเทคนิคระหว่างการบินระยะสั้น [จริงดิ ไม่ใช่ไปจูบกับขีปนาวุธต่อต้านอากาศยานของนักรบฮูติเข้าหรอกรึ? - ผู้แปล]

กระทรวงกลาโหมของ UAE แถลงว่า เครื่องบินรบ F-16 ลำหนึ่งกำลังปฏิบัติภารกิจ นักบินได้สูญเสียการควบคุมอากาศยานเนื่องจากเกิดปัญหาขัดข้องทางเทคนิค (technical malfunctions) กลาโหมของ UAE รายงานเปิดเผยอีกว่า นักบินสองนายเสียชีวิตในอุบัติเหตุขณะนำเครื่องลงจอด (R.I.P.)

[อันที่จริง F-16 ของ UAE ถือว่าเป็นเครื่องบินรบที่อัพเกรดได้ทันสมัยที่สุดในเครื่องบินรบตระกูลนี้แล้วนะ มีระบบเรดาร์และเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาก แต่เอ... หรืออาจจะเป็นเพราะว่ามันทันสมัยหรือล้ำสมัยเกินไป มันจึงเกิดปัญหาขัดข้องทางเทคนิค? - ผู้แปล]

The Eyes
เพจ: ปอกเปลือก ทรราช
https://www.facebook.com/fisont
https://vk.com/theeyesproject
20/10/2560
---------
https://www.almasdarnews.com/article/uae-fighter-jet-crashes-yemen-2-pilots-killed/

 

จวกเละ! ผอ.ซีไอเอ “ทึกทัก” อ้างหน่วยข่าวกรองสหรัฐฯ ไม่พบ “รัสเซีย” แกว่งผลเลือกตั้ง
เผยแพร่: 20 ต.ค. 2560 14:53:00


ไมค์ ปอมเปโอ ผู้อำนวยการสำนักงานข่าวกรองกลาง (ซีไอเอ)
รอยเตอร์ - ไมค์ ปอมเปโอ ผู้อำนวยการสำนักงานข่าวกรองกลาง (ซีไอเอ) กำลังถูกวิพากษ์จารณ์อย่างหนัก หลังออกมาพูดทึกทักว่าหน่วยข่าวกรองอเมริกันได้สรุปแล้วว่า การแทรกแซงของรัสเซีย "ไม่กระทบ" ผลเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ เมื่อปี 2016

คำพูดของ ปอมเปโอ ถูกวิจารณ์ว่าย้อนแย้งกับความจริง เพราะประชาคมข่าวกรองสหรัฐฯ ระบุเอาไว้เมื่อเดือน ม.ค. ว่า “ไม่ขอประเมิน” ว่าแผนโจมตีทางไซเบอร์และโฆษณาชวนเชื่อของรัฐบาลหมีขาวส่งผลกระทบอย่างไรบ้าง แต่ยืนยันว่ารัสเซียได้ลงมือจริง โดยมีเจตนาช่วย ทรัมป์ ให้เป็นฝ่ายชนะ ฮิลลารี คลินตัน

ปอมเปโอ ซึ่งเคยเป็น ส.ส. รีพับลิกันและหนุนหลัง ทรัมป์ มาโดยตลอด ถูกผู้สื่อข่าวยิงคำถามที่งานอีเวนต์ในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ว่า เขาจะยืนยันชัดๆ ได้หรือไม่ว่าการแทรกแซงของรัสเซียนั้นไม่ได้แกว่งคะแนนเสียงให้ไปเข้าทางฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ซึ่ง ปอมเปโอ ตอบว่า “แน่นอน ประชาคมข่าวกรองก็ประเมินแล้วว่าการแทรกแซงที่เกิดขึ้นไม่ได้กระทบผลเลือกตั้ง”

อดัม ชิฟฟ์ แกนนำ ส.ส.เดโมแครตในคณะกรรมาธิการข่าวกรองแห่งสภาผู้แทนราษฎร ออกมาวิจารณ์ ปอมเปโอ ว่าพูดจาบิดเบือน

“ผมรู้สึกผิดหวังอย่างยิ่งกับคำพูดของผู้อำนวยการ ปอมเปโอ ซึ่งท่านได้ออกมาอ้างวันนี้ว่า ประชาคมข่าวกรองสหรัฐฯ สรุปแล้วว่าการแทรกแซงของรัสเซียไม่กระทบผลเลือกตั้ง อันที่จริงประชาคมข่าวกรองไม่เคยสรุปเช่นนั้น และทำไม่ได้ด้วย” ชิฟฟ์ แถลง

“นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ผู้อำนวยการ ปอมเปโอ พยายามกลบเกลื่อนความร้ายแรงของสิ่งที่รัสเซียทำ แต่ผมขอให้มันเป็นครั้งสุดท้าย”

หลังจากนั้นไม่นาน ซีไอเอได้ออกคำแถลงชี้แจง ซึ่งเหมือนจะเป็นการปลีกตัวจากคำพูดของ ปอมเปโอ

“ข้อสรุปของประชาคมข่าวกรองสหรัฐฯ ต่อกรณีรัสเซียแทรกแซงเลือกตั้งยังไม่เปลี่ยนแปลง และผู้อำนวยการ ปอมเปโอ ก็ไม่ได้มีเจตนาสื่อว่ามีความเปลี่ยนแปลงใดๆ เกิดขึ้น” ดีน บอยด์ ผู้อำนวยการสำนักงานกิจการสาธารณะของซีไอเอ ระบุ

รัสเซียยืนกรานปฏิเสธข้อมูลของประชาคมข่าวกรองสหรัฐฯ มาโดยตลอด ขณะที่ ทรัมป์ เองก็ยืนยันว่า ทีมหาเสียงของเขาไม่เคยสมคบคิดกับเจ้าหน้าที่หมีขาว

วุฒิสภาและสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ต่างตั้งคณะกรรมการสอบสวนเรื่องนี้ รวมไปถึง โรเบิร์ต มุลเลอร์ อดีตผอ.เอฟบีไอ ซึ่งได้รับแต่งตั้งเป็นอัยการพิเศษดูแลคดีรัสเซียโดยเฉพาะ

ข้อครหานี้บั่นทอนความน่าเชื่อถือของรัฐบาล ทรัมป์ ตลอดระยะเวลาเกือบ 1 ปีที่บริหารประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อ ทรัมป์ สั่งปลด เจมส์ โคมีย์ ออกจากตำแหน่งผอ.เอฟบีไอ เมื่อเดือน พ.ค.

ผู้นำสหรัฐฯ เคยยอมรับกับสื่อเอ็นบีซีว่า “คิดถึงเรื่องรัสเซีย” ระหว่างที่ตัดสินใจปลด โคมีย์
https://mgronline.com/around/detail/9600000106999

 

ลูกไฟที่สว่างไสวพร้อมด้วยโซนิคบูม

ได้รับรายงานว่ามีการตกผ่านท้องฟ้ายามราตรีเหนือศรีลังกาประมาณ 15:30 UTC (เวลาท้องถิ่นไทย 22.30น.) เมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2560


ผู้คนจำนวนมากจากจังหวัดภาคใต้ของประเทศรายงานการระเบิดดังที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ในขณะที่ผู้อยู่อาศัยตามชายฝั่ง Matara กล่าวว่าพวกเขาได้เห็นวัตถุที่เปล่งประกายไฟและตกลงไปในทะเลนอกชายฝั่ง


ตามที่ Arthur C Clarke Institute for Moder Technologies แสงไฟและการระเบิดของเมื่อวานนี้เป็นดาวตกอย่างแน่นอน


Nibiru Facts/Elenin Facts/2012/NWO/FEMA/Earth Quakes/T Cyclones etc



A bright fireball accompanied by a sonic boom was reported streaking through the night sky over Sri Lanka around 15:30 UTC (21:00 local time) on October 18, 2017.

Numerous people from the Southern Province of the country reported loud explosion associated with the event while residents along the Matara coast say they witnessed an object emitting a bright light and falling into the seas off the coast.

According to the Arthur C Clarke Institute for Moder Technologies, yesterday's bright light and explosion was most certainly a meteor.


https://watchers.news/2017/10/19/sri-lanka-meteor/

 

Weekend Focus: พันธมิตรมะกันยึดคืน “ร็อกเกาะห์” ตอกฝาโลง “ไอเอส” ในซีเรีย เผยแพร่: 21 ต.ค. 2560 09:09:00



กองกำลังประชาธิปไตยซีเรีย (SDF) ชูธงประกาศชัยชนะ หลังสามารถยึดเมืองร็อกเกาะห์กลับคืนมาจากกลุ่มไอเอส เมื่อวันที่ 17 ต.ค.
กองกำลังประชาธิปไตยซีเรีย (SDF) ซึ่งได้รับการหนุนหลังจากสหรัฐฯ ยึดเมืองร็อกเกาะห์กลับคืนมาจากกลุ่มติดอาวุธรัฐอิสลาม (ไอเอส) ได้อย่างสมบูรณ์ เมื่อวันที่ 17 ต.ค. นับเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงการสิ้นอำนาจของพวกนักรบญิฮาดหัวรุนแรงซึ่งเคยสถาปนาที่นี่เป็นเมืองหลวงของ “รัฐคอลีฟะห์” และยังใช้เป็นฐานบัญชาการก่อเหตุโจมตีในต่างประเทศ

เสียงยิงปืนเฉลิมฉลองดังกึกก้องขึ้นในเมืองใหญ่ซึ่งตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำยูเฟรตีส นักรบกองกำลัง SDF พากันโบกธงสัญลักษณ์สีเหลืองขณะที่ขบวนรถหุ้มเกราะขับตะลุยเข้าไปถึงวงเวียน อัล-นาอีม ใจกลางเมืองร็อกเกาะห์ ซึ่งเคยถูกพวกไอเอสใช้เป็นลานประหาร

ภารกิจจู่โจมครั้งนี้กินเวลานานกว่า 4 เดือน ก่อนที่ไอเอสจะถูกขับไล่ออกจากเมืองหลวงและฐานที่มั่นหลักแห่งสุดท้ายของพวกเขาในซีเรีย

ร็อกเกาะห์เคยเป็นศูนย์บัญชาการใหญ่ที่ไอเอสใช้วางแผนโจมตีชาติตะวันตก ตัวประกันต่างชาติหลายคนถูกคุมขังและฆ่าทิ้งอย่างโหดเหี้ยมที่นี่ ขณะที่ผู้หญิงและเด็กชาวยาซิดีก็ถูกไอเอสจับขายเป็นทาส

แกนนำไอเอสซึ่งเล็งเห็นความพ่ายแพ้ได้ตัดสินใจทิ้งร็อกเกาะห์ไปตั้งแต่หลายเดือนก่อน โดยมุ่งหน้าลงใต้ไปยังพรมแดนอิรักแถบจังหวัดเดอีร์เอซซอร์ โดยเฉพาะที่เมืองมายาดีน (Mayadeen) ซึ่งถูกกองทัพรัฐบาลซีเรียยึดคืนได้ตั้งแต่วันเสาร์ (14)

มุสตาฟา บาลี โฆษกกองกำลัง SDF ประกาศยึดร็อกเกาะห์ทั้งเมืองไว้ได้เมื่อวันอังคาร (17) โดยสนามกีฬาขนาดใหญ่เป็นสถานที่สุดท้ายที่ได้รับการปลดปล่อย และเวลานี้นักรบ SDF ก็กำลังเร่งเคลียร์พื้นที่และทำลายกับระเบิด เพื่อเปิดถนนสายหลักให้สามารถใช้สัญจรได้อีกครั้ง

ด้านกลุ่มพันธมิตรสหรัฐฯ คาดว่าอาจจะยังมีนักรบไอเอสกบดานอยู่ภายในเมืองอีกราวๆ 100 คน

“เราเข้าใจว่ายังมีพื้นที่อีกประมาณ 10% ที่ต้องเข้าไปเคลียร์ และอาจมีการต่อสู้ขัดขืนด้วย” และ พ.อ. ไรอัน ดิลลอน โฆษกกองทัพสหรัฐฯ ที่กรุงแบกแดดของอิรักให้สัมภาษณ์

คาราวานรถกระบะของกองกำลัง SDF ขณะแล่นผ่านเมืองอัยน์อิซซา (Ain Issa) ในซีเรีย เมื่อวันที่ 16 ต.ค.
การสูญเสียเมืองร็อกเกาะห์ถือเป็นความพ่ายแพ้ครั้งใหญ่สำหรับไอเอส ซึ่งฝ่ายสหรัฐฯ ระบุว่าได้เสียดินแดนในอิรักและซีเรียไปแล้วถึง 87% ของทั้งหมดที่เคยยึดไว้ได้เมื่อปี 2014 ขณะที่นักรบไอเอสหลายร้อยคนก็ตัดสินใจทิ้งอาวุธมอบตัว

ก่อนหน้านี้ ทหารอิรักเพิ่งจะยึดคืน “โมซุล” เมืองใหญ่อันดับ 2 ของอิรักกลับคืนจากไอเอสได้เมื่อเดือน ก.ค. ทำให้นักรบญิฮาดถูกบีบให้ไปกระจุกตัวอยู่ตามเมืองเล็กๆ ตลอดแนวชายแดน 2 ประเทศ

แม้รัฐคอลีฟะห์ซึ่งเคยมีพื้นที่พอๆ กับประเทศอังกฤษ และถือเป็นเครื่องมือโฆษณาชวนเชื่อที่ทรงพลังที่สุดของไอเอสจะถูกทำลายลงไปแล้ว แต่ผู้บัญชาการทหารสหรัฐฯ เตือนว่า การล่มสลายของรัฐคอลีฟะห์ยังไม่ใช่จุดจบของแนวคิดสุดโต่งที่ปลุกเร้าให้ผู้สนับสนุนไอเอสลุกขึ้นมาก่อเหตุโจมตีแบบหมาป่าโดดเดี่ยว (lone wolf) ตลอดช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา นอกจากนี้ นักรบไอเอสบางกลุ่มก็เริ่มปฏิวัติตัวเองเป็นกลุ่มก่อความไม่สงบที่เน้นปฏิบัติการแบบกองโจรมากขึ้น และมีสาขาอยู่ทั้งในตะวันออกกลาง แอฟริกา รวมถึงเอเชีย

ผู้นำไอเอสซื้อใจชาวอาหรับสุหนี่ด้วยการแสดงตัวปกป้องพวกเขาจากรัฐบาลท้องถิ่นที่ทุจริตและกดขี่ แม้ว่าประชาชนอาจจะไม่เห็นด้วยกับการตีความกฎหมายชารีอะห์แบบสุดโต่งก็ตาม นักวิเคราะห์ชี้ว่าความรู้สึกคับแค้นใจเช่นนี้ยังไม่หายไปไหน และอาจจะถูกใช้เป็นเครื่องมือได้อีกในอนาคต

“ผมเข้าใจว่าเวลานี้นักรบเคิร์ดซีเรียคงกำลังตื่นเต้นที่ยึดเมืองคืนได้ แต่ความรู้สึกเคลิบเคลิ้มและลุ่มหลงกับชัยชนะมากจนเกินไปเป็นสิ่งที่ต้องพึงระวัง” ปีเตอร์ แมนดาวิลล์ อดีตที่ปรึกษากระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ซึ่งเคยมีส่วนร่วมกำหนดยุทธศาสตร์ต่อสู้ไอเอสช่วงปี 2015-2016 ระบุ

กองกำลัง SDF ซึ่งได้รับการหนุนหลังจากปฏิบัติการโจมตีทางอากาศของกลุ่มพันธมิตรสหรัฐฯ เริ่มปฏิบัติการชิงคืนเมืองร็อกเกาะห์เมื่อต้นเดือน มิ.ย. การสู้รบด้วยอาวุธหนักอย่างดุเดือดได้คร่าชีวิตผู้คนไปอย่างน้อย 3,250 คน เป็นพลเรือน 1,130 คน และยังมีผู้สูญหายไม่ทราบชะตากรรมอีกหลายร้อย ตามข้อมูลของศูนย์สังเกตการณ์สิทธิมนุษยชนซีเรียซึ่งมีฐานที่กรุงลอนดอน

ชาวบ้านหลายร้อยคนที่เคยถูกไอเอสใช้เป็น “โล่มนุษย์” สบโอกาสหนีออกจากเมืองได้ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา หลังจากมีการทำข้อตกลงระหว่างผู้นำชนเผ่าและสภาจังหวัด ซึ่งส่งผลให้นักรบหัวรุนแรงในท้องถิ่น 275 คนพร้อมครอบครัวยอมวางอาวุธด้วย

อย่างไรก็ตาม ยังมีชาวซีเรียอีกราว 270,000 คนที่หนีตายออกจากร็อกเกาะห์ และยังคงใช้ชีวิตอยู่ในค่ายผู้ลี้ภัยด้วยสภาพที่ขาดแคลนทั้งอาหาร น้ำดื่ม และยารักษาโรค




สภาพความเสียหายของอาคารบ้านเรือนในย่านใจกลางเมืองร็อกเกาะห์ หลังได้รับการปลดปล่อยจากเงื้อมมือกลุ่มรัฐอิสลาม

“สงครามทำให้บ้านเรือนทั้งภายในและรอบๆ เมืองร็อกเกาะห์เสียหายยับเยิน ครอบครัวชาวซีเรียส่วนใหญ่จึงไม่มีบ้านให้กลับ และอาจจะต้องพักอยู่ในค่ายผู้ลี้ภัยอีกหลายเดือน หรืออาจจะเป็นปีๆ นับจากนี้” มูลนิธิ เซฟ เดอะ ชิลเดรน แถลงเมื่อวันอังคาร (17) พร้อมระบุว่ายังมีชาวซีเรียในจังหวัดเดอีร์เอซซอร์ที่ทิ้งบ้านเรือนหนีตายอีกกว่า 10,000 คนต่อวัน หลังพวกนักรบไอเอสหลั่งไหลเข้าไปยึดพื้นที่แถบนั้น

แม้จะได้รับการปลดปล่อยแล้ว ทว่าอนาคตของร็อกเกาะห์ยังเป็นสิ่งที่ยากจะคาดเดา หลังจากนี้อาจมีการจัดตั้ง “สภาพลเรือนร็อกเกาะห์” (Raqa Civil Council) ที่ประกอบด้วยชาวเคิร์ดและอาหรับขึ้นบริหารกิจการภายในเมือง ทว่าประธานาธิบดี บาชาร์ อัล-อัสซาด แห่งซีเรียก็คงไม่ละความพยายามยึดดินแดนกลับไปอยู่ภายใต้อำนาจปกครองของดามัสกัสดังเดิม

ฮีทเธอร์ เนาเอิร์ท โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ชี้แจงเมื่อวันอังคาร (17) ว่า ภารกิจขั้นต่อไปสำหรับสหรัฐฯ จะจำกัดอยู่แค่การฟื้นฟูสาธารณูปโภคและโครงสร้างพื้นฐานในเมืองร็อกเกาะห์ เช่น ระบบไฟฟ้าและน้ำประปา แต่จะไม่ข้องเกี่ยวกับกระบวนการสร้างความเป็นชาติ (nation-building) อย่างที่เคยทำกับประเทศอื่นๆ

สมาชิกรัฐสภาสหรัฐฯ บางคนยังเตือนทุกฝ่ายว่าไม่ควรย่ามใจกับความสำเร็จที่ร็อกเกาะห์ จนเผลอรามือในการทำสงครามกวาดล้างกลุ่มก่อการร้าย

“เราควรเฉลิมฉลองที่เมืองหลวงไอเอสล่มสลาย และดีใจกับชาวซีเรียที่ได้รับการปลดปล่อย แต่อย่าลืมว่ายังไม่ถึงเวลาที่เราจะวางมือได้” ส.ว.เบน แซสส์ หนึ่งในคณะกรรมการกิจการกองทัพแห่งวุฒิสภาสหรัฐฯ ระบุ

https://mgronline.com/around/detail/9600000107183