ตื่นโลกแตก พระ-ฆราวาส หนีขึ้นภูเขา

ในห้อง 'ข่าวพุทธศาสนา' ตั้งกระทู้โดย อวตาร., 23 มีนาคม 2011.

  1. เข้าหาธรรม

    เข้าหาธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มกราคม 2011
    โพสต์:
    166
    ค่าพลัง:
    +514
    ดิฉันคิดว่า พระนิพพานนั้นอยู่ภายในค่ะ เราต้องละ วาง อย่าไปยึดติด ทำอะไรมีสติรู้ตัวตลอดเวลา พอคิดอะไรก็รู้ทัน แล้วดับมันไป มีสติที่ว่าตอนนี้เราทำอะไรอยู่
    เอาเป็นว่า ขอไม่ออกความเห็น
    สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรมค่ะ
    สาธุ
     
  2. pichak

    pichak Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    309
    ค่าพลัง:
    +69
    สาธุ สาธุ
    -เรื่องผ้าเหลือง ปุตุชน มิควรเสี่ยงเอาตัวไปมีส่วน มีแต่เสมอตัว กับขาดทุน

    -แต่ที่แน่ๆ ท่านใดมีเจตนา ยุยง ช่วยเสนอให้สงฆ์แตกแยก ทางพุทธศาสนามีกรรมฝ่ายต่ำระบุไว้ชัดเจน

    -ให้กรมการศาสนาได้ตรวจสอบเอง เราเป็นผู้ดู เก็บเอาส่วนดี ๆ ไว้

    -ท่านใดจะยืนยันมีส่วนในการยุยง ส่งเสริม ให้สงฆ์แตกแยก ท่านเป็นศิษย์พระอาจารย์องค์ใด ท่านคงไม่กลับรับรองลูกศิษย์ของท่านเอง ว่ากาลหนึ่งเคยต่อสู้กับผ้าเหลืองมาแล้ว
     
  3. wara99

    wara99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    381
    ค่าพลัง:
    +898
    ปุ่มอนุโมทนาผมหายไปนานแล้ว

    เห็นด้วยอย่างยิ่งกับคุณ pichak ทำให้นึกถึงท่านพุทธทาส "มองในส่วนดีที่เรารับได้เถอะ"

    เน้นที่ตัวเรา เพราะความเชื่อของแต่ละคน อยู่ที่ตัวจิตของคนคนนั้น

    อันไหนรับได้ ก็รับไปน้อมไป ที่รับไม่ได้ แล้วจะไปรับทำไม วางซะ เพราะถ้าไปยึดรูปธรรมก็เห็นว่าผิด

    แต่ถ้าเข้าถึงนามธรรม ที่อยู่ที่ใจ มันจะผิดหรือถูก ไม่มีอะไรตัดสิน

    สงสัย บ้านเราต้องเรียนพุทธแบบเซนบ้าง จะได้ได้รู้ว่า อะไรก็แล้วแต่ "อยู่ที่ใจ"

    แล้วจะมองเปลือกทำไม
     
  4. took154

    took154 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    34
    ค่าพลัง:
    +53
    เหนือคำบรรยาย ไปดูที่เวปนั้นมีแต่อะไรก้อไม่รู้ นี่ระงับได้้วเหรอ เหนลูกศิษย์ไล่ด่ากันทุกเมนท์ ตั้งกระทู้ด่ากระแทกคนที่ไม่เชื่อบ้าง ว่าโง่กรรมเยอะ เชิญไปตกนรกเพราะยึดมั่นตั้งเอากะทางโลก แล้วไอ้รักตัวกลัวตาย ขายสมบัติ ไม่ยึดมั่นถือมั่นตรงไหน คนตำหนิพระอวดอุตรินั้นคุณว่าบาป แต่หมอดูที่เอาผ้าเหลืองมาครองกรรมคงไม่ต่างจากเทวทัตเปนแน่แท้ เห็นแล้วสลด พวกไล่ตามหาพระอริยะ หาจนเจอดี อย่าคิดว่าจะรอด จิตไม่ได้ยกสูงอย่างที่อวดอ้างระวังแผ่นดินจะสูบลงมาตายด้วยกัน ทุเรศลูกกะตาอุตสาห์หนีขึ้นไปตายตั้งไกล
     
  5. เมเฆนทร์

    เมเฆนทร์ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    179
    ค่าพลัง:
    +53
    ที่นั่น





    ถ้ามองในแง่ปรมัตถ์
    เนื้อหาธรรม
    ที่ท่านโพธิ์ศรีเทศน์
    ผ่านแล้ว
    หาฟังได้ยากแล้วในกลียุคนี้

    แต่ปุถุชน
    ผู้ยังไม่ตระหนักชัดถึงธรรมชาติ
    หากได้ฟังธรรมของท่าน
    ก็จะขัดหู








    แต่ที่ที่ไม่ผ่านคือ
    เนื้อหาแห่ง
    กรรมวิสัย






    เจตนาท่านน่ะ
    ประกอบไปด้วยเมตตา
    ที่จะโปรดสัตว์
    ให้ลุล่วง
    ไม่มีอะไรหรอก






    แต่เรื่องภัยภิบัติ
    ก็นะ
    ไม่เห็นด้วยกับท่าน
    ประโคมข่าวเกินไป
    ข่าวที่ออกไมค์ภายในวัดเองนั่นแหละ



    กรณีนี้
    ดูเอาเอง
    ภาคทิพย์ข้างบน
    ทำไมไม่ช่วยหลวงพ่อ
    เวลาถูกวิพากษ์แรงแบบนี้



    เกมส์ขึ้นเขียง
    ของข้างบนน่ะไม่ว่า








    ผมกรองเอาแต่ธรรม
    ของท่านเท่านั้น




    เรื่องอื่นๆ
    ไม่ดีกว่า
    ภัยพิบัติผมเชื่อว่าเกิดขึ้นจริง
    แต่
    มันค่อยๆบรรลัยไปเรื่อย





    ก็นะ
    ตัวใครตัวเผือก
     
  6. อวตาร.

    อวตาร. เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    411
    ค่าพลัง:
    +633
    สุวิทย์สั่งยึดที่ดิน ส.ป.ก.ถูกวัดพิลึกครอบครอง คืนรัฐ

    [​IMG]

    รมว.ทรัพยากรฯ “สุวิทย์” สอบวัดร่มโพธิธรรม จ.เลย พบครอบครองทั้งป่าสงวน-ส.ป.ก.สั่งยึดคืนรัฐ ขณะที่เจ้าคณะภาค 8 สั่งการเจ้าคณะ จ.เลย สอบว่าเป็นพระสงฆ์จริงหรือไม่ และให้เร่งดำเนินการเพราะทำคณะสงฆ์เสื่อมเสีย…
    กรณีมีผู้ร้องเรียนว่าพระสมชาย เขมรโต ประธานสงฆ์วัดร่มโพธิธรรม ต.หนองหิน อ.หนองหิน จ.เลย เทศนาว่าโลกจะแตก ทำให้ญาติโยมแห่กันไปปลูกสร้างบ้านพักและรีสอร์ทภายในวัดหนองหิน และมีการบุกรุกที่ป่าสงวนนั้น
    เมื่อวันที่ 30 มี.ค. นายสุวิทย์ คุณกิตติ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวถึงนี้ว่า ได้สั่งการให้กรมป่าไม้เข้าไปตรวจสอบในพื้นที่แล้วพบว่าว่าวัดร่มโพธิธรรม เข้าไปบุกรุกครอบครองพื้นที่ป่าสงวนและ ส.ป.ก.จำนวนมาก ซึ่งจัดให้กับเกษตรกรทำประโยชน์ ถือว่าผิดกฎหมาย ต้องคืนพื้นที่ให้กับราชการทั้งหมด ขณะนี้กำลังทำรังวัดพื้นที่เพื่อหาพื้นที่แน่ชัดว่ามีจำนานเท่าไร ส่วนชาวบ้านที่เข้าไปครอบครองที่ดิน ส.ป.ก.เพื่อปลูกอาศัยถือว่าผิดกฎหมายต้องดำเนินคดีต่อไป
    ด้านพระพรหมเวที เจ้าอาวาสวัดไตรมิตรวิทยาราม ในฐานะเจ้าคณะภาค 8 รับผิดชอบดูแลการปกครองคณะสงฆ์จังหวัดเลย กล่าวว่า ได้ให้พระราชวีราภรณ์ เจ้าอาวาสวัดศรีบุญเรือง ในฐานะเจ้าคณะจังหวัดเลย เข้าไปตรวจสอบความถูกต้องว่าพระสงฆ์ที่อยู่ในวัดเป็นพระสงฆ์จริงหรือไม่ เพราะการแต่งกายดูแล้วไม่น่าจะใช่พระ ส่วนที่อ้างว่าเป็นพระป่า ก็ไม่น่าจะใช่ พระป่าไม่ได้หมายความว่าต้องแต่งกายแบบรกรุงรัง ไว้หนวดไว้เครา จนแยกแยะไม่ชัดเจนระหว่างพระสงฆ์กับชาวบ้าน พระป่าที่ปฎิบัติดีปฎิบัติชอบ ก็ไม่ได้แต่งกายแบบพระวัดร่มโพธิธรรม ทั้งนี้ ให้เร่งดำเนินการเพราะทำให้คณะสงฆ์เสื่อมเสียชื่อเสียง.


    ข่าว
    สุวิทย์สั่งยึดที่ดิน ส.ป.ก.ถูกวัดพิลึกครอบครอง คืนรัฐ

    ที่มา ไทยรัฐออนไลน์


     
  7. อวตาร.

    อวตาร. เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    411
    ค่าพลัง:
    +633
    อย่างนี้เขาเรียกว่า เปรตในผ้าเหลือง ต่างหากละ อย่าเอาผ้าเหลือง
    มาปกปิดความเลวของตัวเองเลย บาปกั้ม บาปกรรม
    ที่ว่าเสมอตัวกับขาดทุน ผมว่ากำไรมากกว่า ที่ผมมีส่วนเผยแพร่
    และให้ความกระจ่างให้คนอื่นเห็นธาตุแท้พวกทำลายพระพุทธศาสนา
    หากินกับศรัทธาชาวบ้าน ส่วนที่ว่าเก็บส่วนดี ๆไว้นั้น ผมเห็นว่า
    ธรรมที่นำมาสอนล้วน มิจฉาทิฏฐิ ทั้งสิ้นทั้งปวงโดยนำพระสูตร
    มานำมาแสดงเริ่มก่อนแล้ว สรุปคำสอนตามทิฏฐิตัวเอง ผิดธรรม
    บิดเบือนธรรม จนเพี้ยนมากมาย
     
  8. pichak

    pichak Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    309
    ค่าพลัง:
    +69
    สาธุ สาธุ

    -ท่าน อวตาร หากท่านมีรูปบาอาจารย์ ลองเอาธรรมที่ท่านกล่าวถึงได้ไปกราบเรียนอาจารย์ของท่านพิจารณาดูก่อน เพราะอาจารย์ของท่านเดินทางมาก่อนคงทราบดีว่าคืออะไร พระหลาย ๆ รูปเป็น ร้อย ฟังเข้าใจ และผู้เดินทางมาก่อน ท่องเที่ยวมานาน แต่ไม่ได้อะไร ฟังก็เข้าใจ แต่ท่านฟังไม่เข้าใจก็อย่างพึ่งใช้พื้นฐานที่มีสรุปเอง

    -ให้คลื่นลมภายในสงบลงก่อน การฟังธรรมโลกุตร จะฟังได้ดีเข้าใจ (ลดฐิถิลง ยอมรับสิ่งที่ได้ยิน มิควรใช้อนุสัยฟังธรรม) เพราะมีประสพการณ์ที่ผ่านมาเป็นตัวเปรียบเทียบ

    -โลกุตรธรรม มิใช่ตาสีตาสาฟังแล้วจะรู้เรื่อง ต้องมีพื้นฐานในการเดินทางธรรมมาก ๆ ฟังแล้วเปรียบเทียบกับที่ตัวเองปฎิบัติมา แล้วจึงจะเข้าใจว่า จริงตามนั้น แล้ว วาง-ญาณ วาง-ชาญ เพราะที่สุดนิพพานต้องไม่มีอะไร ว่างอย่างเดียว (ว่างโดยไม่ยึด ภาวนาก็ไม่ยึด)

    -หลวงพ่อเมตตา ใช้คำง่าย ที่ชาวนาชาวไร่ฟังแล้วก็เข้าใจ เช่น แล้วๆไป ช่างมัน วางถ่ามกลาง เป็นการผ่อนคลายสภาวะ การรวมจิต ง่ายๆ

    -ฟังโลกุตรธรรม ก็เห็นหลาย ๆ คนที่ไปด้วยกัน หลับไม่รู้เรื่องก็มี ฟังแล้วงงก็มี ฟังแล้วต่อว่าก็มี ฟังแล้ว ยิ้มแย้มแจ่มใสก็เห็น แล้วจะเอาอะไรเป็นแก่นสาร รู้ได้แค่เฉพาะตน ฟังไม่รู้เรื่องเองจะไปโทษใคร

    -ผู้เดินทางธรรมที่เห็นๆ ก็ส่วนมากมีปัญหาชีวิตแล้วมาปฎิบัติธรรม พอมาทำแล้วก็ติด สุข ไม่ไปไหน ตื่นเต้นกับนิมิต เห้นแสงโน้นนี่ เอ๋อ อ๋ะ ชอบเพ่ง ติดรู้ ติดถอดจิตเที่ยว ชอบช่วย ติดบารมี มีเส้น มีสาย มีอาจารย์ฉันใครอย่าแตะต้องพูดดีๆ ไม่งั้นไปไกลๆ สภาวะเล่านี้ เป็นการติด ขัด ข้อง คา แช่ ทั้งสิ้น ไม่ยอมที่จะผ่านตลอด เป็นแค่ผู้ดู ไม่ต้องเข้าไปร่วมด้วย สิ่งเหล่านี้ หลวงพ่อเมตตาสรุปให้เห็นว่าเป็นจริง สิ่งที่ได้ก็คือปัญญาใหม่ ฆ่าปัญญาเก่า ไม่ต้องพยามเข้าไปกระทำ เป็นการล่นระยะเวลาการเดินทาง (บางส่วนก็คงตอบจะวางไม่ได้ ขอมีฤทธิ์ก่อน ขอเที่ยวก่อน ขอสิ่งที่อยากก่อน ก็มิผิดแต่อย่าพาคนที่เดินตามหลงตามไปด้วย ไม่ฉนั้นก็ต้องพากันไปร่วมเดินทางกันอีกนาน )

    -เดินทางคนเดียวอาจจะหลง ต้องมีเพื่อนร่วมเดินทางช่วยกันขัดเกลากัน เราเห็นอย่างแต่เพื่อนอาจจะเห็นอีกอย่าง หรือที่แบบสัมผัสก็คือระบบพระญาณ (ต้องเลือก ญาณพระ ไม่งั้นญาณอะไรมาเอาหมด ก็หลงอีกเข้าป่าไปเลย ) มีมาเมตตาสอน ก็จะตรงและเร็ว ระบบพระญาณ ก็แล้วแต่บุญสัมพันธ์ ร่วมกัน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 เมษายน 2011
  9. took154

    took154 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    34
    ค่าพลัง:
    +53
    ธรรมที่สอนคือให้รีบเร่งหนีตายขึ้นไปบนเขาโดยไว ให้ขายทรัพย์สินเปลี่ยนเปนทองคำ เพื่อความไม่ตั้งเอา แล้วก้มมามองสัตว์โลกที่ไม่เชื่อว่าโง่เขลาเบาปัญญาบาปหนา ต้องตายโดยจิตฟุ้งซ่าน และนิพพานไม่ต้องนับหนึ่งก้อนิพพานแล้ว กิจของสงฆ์ไม่ต้องสนเปนแค่กระพี้ ไม่ต้องบิณฑบาตร ไม่ต้องสวดมนต์ ฉันกี่มื้อก้อตามชอบ แล้วลูกศิษย์แต่ละตัวก้อปากจัดเกินบรรยาย ตอบไม่ได้ว่าขายสมบัติหนีตายไม่ตั้งเอาตรง ก้อแช่งคนไปตกนรก เถียงข้างๆคูๆ หาว่าไม่ประมาทต่างหาก ทุเรศ เที่ยวด่าชาวบ้านว่าห่วงทรัพย์สินตั้งเอาไม่สละ ก้ ไอ้พวกเดียวกันละวะ เกมือนจะสละทิ้งกิจการ แต่ขายไปเปนทองนะ สร้างบ้านหรูอยู่ อยูติดดินไม่ได้ นี่เรียกไม่ตั้งเอาของหลวงพ่อท่านใช่ไหม ถ้าไม่อะไรกับอะไรจะแตกตื่นหาอะไร ธรรมะที่ท่านว่าดี แต่มันขัดกับการกระทำนะ ถ้าเราบูชาเปรต เราก้อจะเปนเปรตไปด้วย หวังว่าคงจะได้นิพพานกันทั้งวัดนะ แค่คนเดียวจะมีหรือเปล่าไม่อยากจะอวดอุตริเดา
     
  10. pichak

    pichak Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    309
    ค่าพลัง:
    +69
    1.ธรรมที่สอนคือให้รีบเร่งหนีตายขึ้นไปบนเขาโดยไว ให้ขายทรัพย์สินเปลี่ยนเปนทองคำ เพื่อความไม่ตั้งเอา แล้วก้มมามองสัตว์โลกที่ไม่เชื่อว่าโง่เขลาเบาปัญญาบาปหนา ต้องตายโดยจิตฟุ้งซ่าน และนิพพานไม่ต้องนับหนึ่งก้อนิพพานแล้ว กิจของสงฆ์
    -ขอให้เข้าสู่กระแสธรรมก่อนจึงเข้าใจ คลื่นลมภายในไม่สงบ จะเห็นอะไรคือเหตุ อะไรคือปัจจัย จะรู้เห็นได้ด้วยตัวเอง มิต้องให้ใครแยกแยะให้เห็น

    2.ไม่ต้องสนเปนแค่กระพี้ ไม่ต้องบิณฑบาตร
    -ถ้าท่านลงทุนไปนอนค้าง แล้วตื่นเช้าที่วัด เช้าๆ ซัก ตี 5 จะเห็นจำนวนหนึ่งไม่มาก ออกบิณฑบาตร กรณีนี้เข้าไม่ติดใจกันแล้ว ผ่านได้แล้วครับ update เรื่องนี้ให้มาก หรือ ไปค้างที่วัด หลายๆ วัด ก็จะเห็นธรรมดามาก ๆ เรื่องจะบิณ หรือ ไม่บิน ถ้าญาติโยมนำมาถวายมากพอ ก็บิณน้อย ธรรมดา ธรรมดา แต่ไม่บิณฑบาตร ไม่เป็นความจริงนะคับ (แค่นี้ก็บาปโดยไม่รู้ตัวแล้วที่เอากระแสโลก ๆ มา เล่าให้คนไม่รู้ฟังแบบเข้าใจผิด บาปกรณีทำให้ผู้ปฎิบัติธรรมแตกแยก หรืออาจถึงขั้นยุงยงส่งเสริมให้สงฆ์แตกแยก)

    3.ไม่ต้องสวดมนต์
    -เมื่อคลื่นลมภายในสงบ แล้วจะสวดทำไม จะนั่งสมาธิทำไม นั่นสำหรับเด็กที่อยู่ไม่สงบ ต้องหลอกล่อเด็กให้สงบก่อนด้วยวิธีต่างๆ เช่น ภาวนา ต่างๆ เดินจงกลม อื่นๆ เมื่อภายในสงบแล้วก็สามารถฟังธรรมโลกุตรธรรมได้เข้าใจ (เรื่องนี้ก็เคยโดนร้องเรียนมาแล้ว แต่ก็ไม่มีอะไรทางคณะสงฆ์จังหวัดก็เข้าใจว่าทางวัดทำสิ่งใดอยู่

    4.ฉันกี่มื้อก้อตามชอบ
    -ถ้าดูอรหันต์จี้กง ก็จะรู้ เข้าใจธรรม ถ้าพระทำงานก็ฉันได้ เพราะที่นี่ไม่จ้างคนนอกเข้ามาทำงาน ให้พระกับลูกศิษย์ฆารวาสทำทั้งหมด

    5.ลูกศิษย์แต่ละตัวก้อปากจัดเกินบรรยาย
    -ถ้าปากร้าย ก็ไม่เรียกใครว่าตัว เพราะผู้เดินทางธรรมจะไม่มีจิตหยาบกร้าน มีแต่ออกจากอนุสัยเดิม ทิ้งอนุสัยเดิม ถ้าไปเจอใครที่ดุร้าย อาจจะไม่ใช่ผู้เดินทางธรรมแล้ว เพียงแต่ศึกษามาก ปฎิับัติน้อยอนุสัยเลยออกก้าวร้าว

    6.ตอบไม่ได้ว่าขายสมบัติหนีตายไม่ตั้งเอาตรง ก้อแช่งคนไปตกนรก เถียงข้างๆคูๆ หาว่าไม่ประมาทต่างหาก ทุเรศ เที่ยวด่าชาวบ้านว่าห่วงทรัพย์สินตั้งเอาไม่สละ ก้ ไอ้พวกเดียวกันละวะ เกมือนจะสละทิ้งกิจการ แต่ขายไปเปนทองนะ สร้างบ้านหรูอยู่ อยูติดดินไม่ได้ นี่เรียกไม่ตั้งเอาของหลวงพ่อท่านใช่ไหม
    -คนก็หลายอย่าง ละได้วางได้ ก็แสดงออกอีกแบบ ยึดได้ไม่วางก็แสดงออกอีกแบบ กลัวตายก็แสดงออกอีกแบบ สำคัญว่าเราต่างหากว่าจะเป็นแบบไหน จะดีกว่า เอ๊ะอ๊ะ

    7.ถ้าไม่อะไรกับอะไรจะแตกตื่นหาอะไร ธรรมะที่ท่านว่าดี แต่มันขัดกับการกระทำนะ ถ้าเราบูชาเปรต เราก้อจะเปนเปรตไปด้วย หวังว่าคงจะได้นิพพานกันทั้งวัดนะ แค่คนเดียวจะมีหรือเปล่าไม่อยากจะอวดอุตริเดา
    -สิ่งต่างๆ ที่กล่าวมา ขอให้ปรึกษาครูบาอาจารย์ท่านก่อนดีไหม ว่าท่านยืนอยู่จุดใด หรือขอแนะนำตัวและแนะนำอาจารย์ด้วยได้ไหม เพื่อทำความรู้จักกันจะได้ไปกราบขอเมตตาจากท่านบ้างในโอกาสหน้า

    การเดินทางธรรม ถ้าเดินแบบสำรวจ ก็ปลอดภัย แต่ถ้าเดินแบบโลดโผน เอ๊ะอะ ด่าพ่อ ล่อแม่ อันตรายมากๆ เพราะมีข้อหนึ่งว่า สบประมาท ปรามาส (สิ่งไม่รู้) โดยไม่รู้ตัว ก็เป็นวิบาก บังธรรมที่จะเจริญให้ยิ่งๆ ขึ้นไป บารมีมาก บารมีน้อยแป๊คหมด

    ไปก่อนรีบไปทำบุญอีก 7 วันกลับ ถวายพระ-รูปเหมือนหลวงปู่ รวม 7 องค์ เสร็จแล้วจะมาตอบกระทู้ใหม่ ที่บอกก็เผื่อผู้ผ่านไปมาจะได้ยินดีในกาลนี้อนุโมทนาบุญร่วมกันไปด้วยครับ ดีหมดเลยครับ ถ้ามองให้ดี
     
  11. took154

    took154 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    34
    ค่าพลัง:
    +53
    ตกลงไอ้หนีตายไปอยู่บนเขา ตรงต่อพุทธศาสนาเช่นใด ไม่ต้องถามหาครูบาอาจารย์กับฉันหรอก อาจารย์ของฉันคือตถาคต ไม่ต้องไปไล่หา พระอริยะไล่กราบ ไม่เอ้ะอ้ะอะไร เพราะหาจนเจอหมอดูคงไม่ว่างทำ แล้วจะบอกได้ไหมว่าพวกคุณไม่ตั้งเอาอย่างไร เบื่อจะถามแล้ว เหนตอบไปโน้นไปนี่ ถามว่าขายกิจการเปลี่ยนเปนอะไรก้อแล้วแต่เพราะกลัวน้ำซัดจม หนะไม่ตั้งเอาตรงไหน ช่วยไปดูในหน้าเวปพวกคุณที่แอดมินด่า คนที่ไม่เชื่อว่าเปนพวกตั้งเอา ต้องตายไปเปนเปรตบ้าง สัตว์นรกบ้าง นี่แค่กระทู้ ไม่ต้องดูที่ตามตอบ ไม่เคยตอบตรงประเด็น เที่ยวด่าชาวบ้านตั้งเอา ชั้นสงสัยแค่คำนี้ กลัวตายตั้งเอาไหม ขายกิจการกลัวทรัพย์สูญตั้งเอาไหม อยู่บ้านหรูตั้วเอาไหม วินัยสงฆ์เปนแค่กระพี้ แต่ทำไม่ได้ตั้งเอาไหม เที่ยวหาอริยะจนเจอดี เคยได้ยินไหม ผู้ใดเห็นทำ ผู้นั้นเห็นเรา แค่เสาะหาก้อจะไม่เจอสงฆ์ในของพุทธศาสนาแล้ว สำรวมกายใจ น้อมรับกับธรรมชาติ ถ้าคิดดีทำดี ต่อให้ตายเพราะโต๊ะสนุ้กพัดกับน้ำมากระแทกแตก มันก้อไม่ลงอบายอย่างที่เวปคุณว่าหรอก ถ้าคนเค้ามีความดีพร้อมจริง ตายยังไงก้อไม่ลงอบายแบบที่ ศาสดาคุณว่าหรอก ต้องมาจัดสรรการตายท่านั้นท่านี้ ต้องตายจิตสงบบนภูเขาลูกนี้ถึงไม่ลงอบาย ลัทธิคุณจะสอนอะไรฉันไม่สน แค่ออกมาบอกเรื่องที่ไม่ควรบอก ก้อมุสาแล้ว ศีล5รักษาไม่ได้ ก้อไม่ต้องทำมะเขืออะไรแล้ว ฉันมันความรู้น้อย ยังมีกิเลสมาก และไม่กล้าไปตราหน้าใคร ว่าพวกเค้าชั่วกว่าตัว เหมือนที่สาวกพวกคุณทำ ฉันทำบุญตามความสามารถ รักษาศีล5 ไม่อวดอุตริทำนายดวงชะตาโลกจากการเดาที่ใครก้อรู้ว่ามันจะต้องเกิด ไม่เปนไรนี่ มีเวลาอีกตั้งเปนเดือนตามกำหนด จะเกิดมีนาจบเมษาไม่ใช่เหรอ ถ้าไม่เกิดก้อเพราะความเปี่ยมเมตตาของพวกคุณที่ส่งกระแสธรรมจนไทยพ้นภัยจากการช่วยเหลือของคนกลุ่มนี้ที่วัดนี้ มีทางลงสวยๆให้เจ้าลัทธิคุณทุกทาง ไม่ต้องตามแก้ต่างตลอดหรอก ถ้าฉันปรามาสสงฆ์ฉันคงัวบาป แต่ฉันปรามาสหมอดูเพ้อเจ้อ ที่ทำให้คนรู้จักฉันมันเลิกสัมมาอาชีพหนีตายขึ้นไปคงไม่ผิดกระมัง เพราะเห็นมันบอกอยู่คำเดียวกูกลัวตาย ไม่เห็นมันบอกว่าพบสัจธรรมอะไร มันบอกว่าถ้าไม่เกิดก้อจะลงมาทำมาหากินใหม่ จบข่าว
     
  12. took154

    took154 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    34
    ค่าพลัง:
    +53
    แหม...ถามกันจังเลยเรื่องวิกฤตโลก คำตอบที่ได้ไม่ได้เหมือนที่อื่นหรอกจ้า เล่นเอาหงายหลังไปละไม่ว่า อิอิ

    -------------------------------------------------------------------

    บันทึกการทำสมาธิวันที่ 9 มิ.ย. 52

    หลังจากกราบหลวงพ่อโตเสร็จแล้วก็ขึ้นไปเฝ้าองค์พระศาสดาเพื่อที่จะถามคำถามยอดฮิตที่หลายคนอยากรู้

    ดิฉัน - นมัสการพระศาสดาค่ะ

    พระศาสดา - เจริญพร

    ดิฉัน - พระศาสดาคะ อยากจะถามถึงเรื่องวิกฤตโลกที่เขาพูดกันนะค่ะ ตกลงว่าจะเกิดจริงหรือเปล่าเจ้าคะ

    พระศาสดา - อยากรู้ไปทำไม

    ดิฉัน - ก็จะได้หาทางป้องกันไงคะ

    พระศาสดา - ถ้าพระศาสดาทำนายว่าเธอจะตาย ณ เวลานั้น เธอจะป้องกันยังไง

    ดิฉัน (อึ้งๆๆ) - ก็คงจะไม่ได้มังคะ

    พระศาสดา - แล้วเธอจะกังวลหรือไม่

    ดิฉัน - ก็คงจะกังวลมังคะ

    พระศาสดา - ถ้าหากพระศาสดาทำนายว่าโลกนี้จะถูกไฟบันลัยกัณฑ์แผดเผา น้ำท่วมใหญ่ ไม่เหลือผู้รอดชีวิต เธอคิดว่าจะมีคนกังวลไหม จะกลัวกับการรับรู้นี้ไหม

    ดิฉัน - มีแน่นอนเจ้าค่ะ

    พระศาสดา - แล้วเมื่อทุกคนเกิดการกังวลเกิดการกลัว เธอคิดว่าเขาจะเสียเวลามานั่งปฎิบัติไหม

    ดิฉัน - ก็อาจจะเป็นบางคนเจ้าค่ะ

    พระศาสดา - แล้วสมควรที่พระศาสดาจะทำนายเพื่อให้คนเกิดความวิตกกังวลในสิ่งที่ยังมาไม่ถึงหรือยังไง ไม่ว่าใครจะว่าอย่างไร จะไปรู้เรื่องนี้มาจากที่ไหน จะจริงหรือไม่ ถ้ามาทางกลุ่มนี้ พระศาสดาจะไม่พูดไม่กล่าวเกี่ยวกับเรื่องนี้ เพราะพระศาสดาตั้งใจให้กลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่ต้องปฎิบัติตนเพื่อการหลุดพ้น เป็นกลุ่มที่มีปัญญา ใช้สติปัญญาในการแก้ปัญหา ไม่ใช่งมงายแบบไม่มีเหตุผล เธอเองก็เหมือนกัน หน้าที่ของเธอคือการใช้ปัญญาในการนำพาเพื่อนพ้องบริวารไปสู่การหลุดพ้น ด้วยธรรมะ ด้วยการปฎิบัติ ด้วยการที่เข้าถึงพระรัตนตรัย ไม่ใช่ด้วยการวิตกกังวลในสิ่งที่ยังมาไม่ถึง ให้รู้อยู่กับปัจจุบันแล้วทำให้ดีที่สุด หากใครที่ต้องการอยากรู้อยากกังวลกับเรื่องวิกฤตโลก ก็ให้เขาไปหาข้อมูลจากที่อื่น แทนที่จะมัวมานั่งวิตกกังวล สู้เอาเวลามาฝึกตัวเองไม่ดีกว่าหรือ เมื่อถึงเวลาคับขัน ผู้ที่ปฎิบัติดีปฎิบัติชอบเท่านั้นถึงจะรอดชีวิต บุญกุศลจะส่งให้บุคคลเหล่านั้นผ่านพ้นวิกฤตไปได้ ดังนั้นพวกเธอทั้งหลายจงเตรียมพร้อมอย่าถึงซึ่งความประมาทใดๆ จงเร่งปฎิบัติตัวให้อยู่ในศีลในธรรม ธรรมย่อมรักษาผู้ประพฤติธรรม จำเอาไว้
     
  13. took154

    took154 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    34
    ค่าพลัง:
    +53
    ข้างบนฉันไม่ได้ไปเอง แต่ก้อปมาจากพี่ๆในเวปนี้ ไม่ต้องเชื่อหากไม่ได้เห็นด้วยตา แต่ที่ฉันสนใจ คือการสนทนามันอยู่ในความเปนจริง ไม่เพ้อเจ้ออออออ และฉันเชื่อว่าถ้าท่านยังอยู่มีตัวตนจริงๆ ไม่ได้เสด็จนิพพาน คำตอบนี้คือคำตอบที่ถูกที่สุด ไม่มีคำาไหนที่ให้เจ้าอาละวาด ประธานสงฆ์ ให้ใช้ความสามารถพิเศษนั่งทางใน ดูหนังเรื่อง2012 แล้วบอกว่านี่มันจะเกิดใน2011นี่ ลูกหลานจงมาหนีตายที่วัดนี้เถิด เราตายด้วยความสงบงานการไม่ต้องทำถือเปนการสละพบสัจธรรม เอาสมบัติที่มีมาขายแล้วค่อยๆกินค่อยๆใช้ จิตจะไม่ลงอบายเวลาตายนะลูก จะได้ตายท่ามกลาง ตรงนั้นเลย รวมกันมาเป็นก้อนท่ามกลางวัดนี้เลย เก็บกวาดง่ายดี เข้าใจละคำว่าท่ามกลาง สัจธรรมที่สอนตรงข้ามกลับการกระทำชัดเจนนนนนน
     
  14. Follower007

    Follower007 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    201
    ค่าพลัง:
    +303
    ตื่นวันโลกแตก กระแส ตื่นกลัวภัยธรรมชาติต่าง ๆ

    ที่มา : Luangpudu.com / Luangpordu.com

    [FONT=&quot]กระแส ตื่นกลัวภัยธรรมชาติต่างๆ นับวันจะมีมากขึ้น เรื่องที่ไม่คิดว่าจะได้พบเห็น ก็ได้พบเห็น อย่างเช่นมีการทำนายว่าโลกจะแตกและเกิดภัยพิบัติเร็ว ๆ นี้ ทำให้มีผู้คนจำนวนมากหลงเชื่อ แตกตื่นอพยพหนี ทิ้งงานการที่ทำ ทิ้งบ้านทิ้งเรือน ดังที่เป็นเป็นข่าวตามหน้าหนังสือพิมพ์[/FONT]
    [FONT=&quot]พฤติกรรมและความเชื่อแปลก ๆ นี้ นับวันจะเพิ่มขึ้นและขยายวงกว้างออกไป ใน อดีตมักเกิดขึ้นกับคนที่มีการศึกษาไม่มากนัก แต่หากสังเกตดูในปัจจุบัน ผู้คนที่เชื่อเรื่องนี้ มีกลุ่มผู้มีการศึกษา มีตำแหน่งหน้าที่การงาน ทำไมถึงเป็นเช่นนี้...[/FONT]
    [FONT=&quot]หากพิจารณาให้ดีจะพบว่าสาเหตุมาจากสองส่วนใหญ่ ๆ [/FONT]
    [FONT=&quot]ส่วนแรก[/FONT][FONT=&quot] คือ ตัวบุคคลคนผู้นั้นเองที่ขาดปัญญาที่จะวินิจฉัยแยกแยะถูกผิด ด้วยเหตุที่มีนิสัยเป็นศรัทธาจริตนำ ทำให้หลงเชื่อและคล้อยตามผู้อื่นได้ง่าย[/FONT]
    [FONT=&quot]ส่วนที่สอง[/FONT][FONT=&quot] คือ อิทธิพลจากสื่อต่าง ๆ ในยุคปัจจุบัน ทั้งภาพยนตร์ โทรทัศน์ หนังสือ สื่อสิ่งพิมพ์ สื่อออนไลน์ต่าง ๆ ที่ผุดอย่างรวดเร็ว มากมายทุกเวลานาที ประกอบกับในช่วงเวลาที่ผ่านมาได้มีเหตุการณ์ธรรมชาติที่เกิดขึ้นทั้งแผ่นดิน ไหว น้ำท่วม สึนามิ...สิ่งที่ไม่เคยเกิดในรอบหลายสิบปีหรือร้อยปี ก็เกิดบ่อยขึ้น รุนแรงขึ้น...ฤดูหนาวที่ควรหนาว ก็ไม่หนาว พอถึงหน้าร้อน ก็กลับหนาวเย็นธรรมชาติวิปริตแปรปรวนอย่างน่ากลัว[/FONT]
    [FONT=&quot]ทำให้อดนึกถึงคำสอนของหลวงพ่อที่ครั้งหนึ่งท่านถามข้าพเจ้าว่า[/FONT]
    [FONT=&quot]แกลองตรองดูให้ดี ทุกอย่างที่เราทำวันนี้ ...เพื่อไว้กินวันข้างหน้าใช่มั้ย[/FONT]
    [FONT=&quot]ใช่ครับ ข้าพเจ้าตอบท่าน[/FONT]
    [FONT=&quot]นั่นซิ ที่ข้าสอนแกภาวนาวันนี้ ก็เพื่อวันข้างหน้านี่แหละ ฝากแกไปคิดดู...[/FONT]
    [FONT=&quot]หลวงพ่อกล่าวต่อด้วยรอยยิ้มที่เมตตายิ่ง[/FONT]
    [FONT=&quot](บทความโดยคุณเมธาฯ)[/FONT]

    [FONT=&quot]เกี่ยว กับเรื่องที่นับวันโลกยิ่งวุ่นวาย โลกยิ่งวิปริตนี้ ผู้คนต่างเอารัดเอาเปรียบ แก่งแย่งแข่งขันกัน ต่อไปคงหาอยู่หากินกันลำบาก หากไม่นับภัยธรรมชาติแล้ว ภัยที่เกิดจากมนุษย์ด้วยกันเองก็มีมากมายทีเดียว ข้าพเจ้าเคยหาโอกาสเรียนถามหลวงพ่อว่า ต่อไปข้างหน้าจะเตรียมตัวอย่างไรดี[/FONT]
    [FONT=&quot]หลวงพ่อตอบคำถามข้าพเจ้า ด้วยการถามกลับว่า...[/FONT][FONT=&quot]แกตอบข้าที คนเรากลัวอะไร [/FONT]
    [FONT=&quot]ข้าพเจ้าตอบท่านว่า... ส่วนมากกลัวตาย ถ้าไม่กลัวตายก็กลัวทุกข์ กลัวต้องลำบากครับ[/FONT]
    [FONT=&quot]หลวงพ่อได้เมตตาสอนข้าพเจ้าต่อว่า...[/FONT][FONT=&quot]คน สมัยนี้ สมัยไหนก็เหมือนกัน เหมือนกันที่เมื่อมีความกลัวแล้วต่างก็หาที่พึ่ง สุดท้ายไม่มีอะไรเป็นที่พึ่งได้จริง ข้าว่าอย่างนี้ แกจะว่าอย่างไร...[/FONT]
    [FONT=&quot]ข้าพเจ้านั่งเงียบ เพราะคิดแล้วจริงอย่างที่ท่านพูดทุกอย่างท่านจึงกล่าวต่อว่า...[/FONT][FONT=&quot]จะมีก็แต่ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์พุทธัง ธัมมัง สังฆัง นี่แหละเป็นที่พึ่งจริง ๆ ไปตรองดูให้ดีเถอะ![/FONT]
    [FONT=&quot](บทความโดยคุณเมธาฯ)[/FONT]


    ***************************************

    [FONT=&quot]นึกถึงคำกล่าวของหลวงปู่นะครับ..."เวลาเหลืออีกไม่มากแล้ว ให้รีบพากันปฏิบัติ"[/FONT]
    [FONT=&quot]มอง ได้ทั้งมรณานุสติ และนัยที่แฝงอยู่จากคำพูดนี้ เพราะยิ่งนับวันก็ยิ่งเห็นเหตุการณ์ทางธรรมชาติที่แปรปรวนและมีความรุนแรง มากขึ้น แต่ยังไงก็แล้วแต่ การรีบพากันปฏิบัติตามที่หลวงปู่ท่านเตือนสติก็มีแต่ประโยชน์กับผู้ปฏิบัติ ทั้งนั้น[/FONT][FONT=&quot]ไม่ว่าจะ คิดปรุงแต่งหรือฟุ้งกลัวว่า น้ำจะท่วมโลก โลกจะแตก แต่ผมว่าถ้าจะฟุ้งให้ได้ประโยชน์น่าจะคิดว่า...หากน้ำจะท่วมหรือโลกจะแตก จริงๆ เราได้สะสมกำลังสติของเราเพียงพอยัง เพื่อพร้อมจะตายไปด้วยสติ ?[/FONT]
    [FONT=&quot]หากคิดเป็นธรรมก็ควรจะคิดอย่างนี้[/FONT]
    [FONT=&quot]บาง คนบอกใคร ๆ ว่าปล่อยวางได้หมด แต่อาการภายนอก คืออาการหนีตายอย่างร้อนรนชนิดพร้อมทิ้งลูกทิ้งสามีทิ้งภรรยา ที่สำคัญคือทิ้งพ่อแม่ที่แก่เฒ่า แล้วอย่างนี้ ถึงจะรอดตายจริง ๆ จะมีความสุขได้จริงหรือ [/FONT]
    [FONT=&quot]หากเป็นกรรมของโลก กรรมของประเทศ มันจะมีที่ต้านทานหรือ ดูอย่างประเทศญี่ปุ่นที่เจริญทางด้านเทคโนโลยีสูงสุดสิ ยังเอาตัวไม่รอดเลย แต่น่าอัศจรรย์ที่คนส่วนใหญ่ยังประคองสติอยู่ได้ ไม่เกิดจราจลภายในเหมือนอย่างกรณีที่เกิดกับประเทศอื่นทั้งหลาย แล้วจะมีใครคิดบ้างว่า วินัยของคนเหล่านั้นมาจากพุทธศาสนาที่หยั่งรากลึกลงในจิตใจของชาวญี่ปุ่น ตั้งแต่ที่พุทธศาสนาจากจีนเข้าไปสร้างอารยธรรมที่เจริญให้แก่ญี่ปุ่นเมื่อ กว่าพันปีมาแล้ว ประกอบกับความพร้องเพรียงกันสร้างชาติของพวกเขาตั้งแต่หลังสงครามโลกครั้ง ที่ ๒[/FONT]
    [FONT=&quot]หากเป็นคนปล่อยวางจริง และตั้งอยู่ในความไม่ประมาทจริง จะมุ่งเน้นการสั่งสมคุณทาน คุณศีล คุณภาวนา ทั้งสติ สมาธิ และปัญญาที่มากเท่าที่จะมากได้เพื่อเป็นเชื้อต่อไปในภายภาคหน้า มากกว่าจะอยู่อย่างระทึกใจ รวมทั้งอาจเผลอภาวนาให้เป็นจริงดังคำพยากรณ์ของตนหรือของครูอาจารย์ตนจะได้ สะใจว่าฉันเตือนเธอแล้วนะ เธอไม่ฟังฉันเอง ฯลฯ[/FONT]
    [FONT=&quot]อัน ที่จริงแล้ว เรื่องของธรรมชาติที่วิปริตนั้น ไม่ต้องพยากรณ์ก็ได้ ใคร ๆ ก็ตระหนักในข้อนี้อยู่แล้ว เพราะปัจจัยสำคัญส่วนหนึ่งที่รู้ ๆ กันอยู่ก็คือ สิ่งที่มนุษย์ได้เข้าไปทำลายสมดุลของธรรมชาติไว้เอง และมนุษย์ก็มีทีท่าว่าจะยังคงทำลายต่อไป ๆ ไม่มีที่จะหยุดยั้ง [/FONT]
    [FONT=&quot]สรุป สุดท้าย การ "ตื่น" แบบ "รู้ ตื่น เบิกบาน" นั้นเป็นสิ่งที่พึงประสงค์ แต่ตื่นเรื่องโลกแตกนั้น ไม่ควรเกิดกับชาวพุทธผู้มีสติปัญญาเลย[/FONT]
     
  15. took154

    took154 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    34
    ค่าพลัง:
    +53
    ตอบได้ตรงได้โดนใจจ้อดสุดดดดดดดดดๆๆ อนุโมทนาสาธุ เชื่อได้แต่อย่างมงาย อย่าสงสัยที่ไอ้ลิ่วล้อวัดนี้ เค้าคลั่งขนาดนี้ ก้อไอ้เจ้าลัทธินี้มันทำนายอะไร พอลูกศิษย์มันเอ้ะอ้ะอยากถาม ก้อบอกว่าอย่าลังเลอย่าสงสัย ถึงรู้ที่มาที่พวกมันบ้าอย่างนี้ พระพุทธเจ้าท่านสอนความจริงต้องพิส(ุจน์ได้ เหมือนวิทยาศาสตร์ ธรรมะของตถาคตอัจฉริยะที่สุดแล้ว แต่คนมันบ้าไล่หาพระอริยะจนไปเจอหมอดู วันไม่ทำอะไร นั่งเล่นเนตว่าแผ่นดินไหวตรงนั้นมีรอยเลื่อนตรงนี้ ที่รู้ว่าไอ้คนที่ไม่เต็มใจไปน่ะมันคนของฉัน มันโดนบังคับไปและขีดจำกัดของความทุเรศนี้ก้อใกล้จะสิ้นสุดแล้ว ผัวต้องเลิกกับเมีย ลูกต้องแยกกับบุพการี มีความสุขแล้วใช่ไหมเจ้าลัทธิ แล้วไอ้วินัยสงฆ์ที่ฉันบอกฉันก้ออัพเดตอยู่แล้วย่ะ คอนเฟริมว่าไม่เคยบิณจริง อย่าสร้างภาพ ฉันไม่สนหรอกจะทำไม่ทำแต่อย่าเรียกว่าวัดเรียกลัทธิจะดีกว่า หน้าด้านกล้าทำนายไทยรัฐจะเจ๊งอีก ถ้าไม่เรียกหมอดูจะเรียกไรวะ แค่นี้ยังทนไม่ได้ ลูกศิษย์ก้อพาเชื่อ เปนตุเปนตะ อยากคิดว่าคนเค้าอ่านไทยรัฐกันอย่างเดียว คนในนั้นแหละตัวดี ปิดไม่มิดหรอกเว้ยความชั่วที่ตัวทำอีกไม่นาน ทั้งมุสา อทินนา ก้อมาเอง อย่ามีกาเมมาอีกอย่างละกัน ยันตระ2จบข่าว
     
  16. took154

    took154 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    34
    ค่าพลัง:
    +53
    แล้วที่พวกมันอยากให้เกิดก้อจริงคนจะได้เลิกด่าอาจารย์มันสักที ถ้าไม่เกิดก้ออิทฤิทธิ์อาจารย์มันอีกแหละ ทางลงทำไว้ทุกทาง ห้ามถามห้ามสงสัยนะ อ้ะๆๆๆๆ
     
  17. pichak

    pichak Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    309
    ค่าพลัง:
    +69
    สาธุ สาธุ
    -ภัยพิบัติ ไกล้แค่เอื้อม น่าจะหาทางว่าจะรับมืออย่างไรดีกว่า จะสุมไฟให้ร้อนแรง จะเป็นทั้งน้ำในทะเล และ ไฟบนแผ่นดิน

    -อานุสัย ตั้งตัวว่ากล่าวพระ ไม่ว่าจะผิดหรือไม่ ผู้เดินทางธรรมที่ฉลาดจะเอาตัวรอด โดยเฉย ๆ ดูไปก่อน แล้วรอผล เลือกเอาสิ่งดีๆ

    -โลกุตระธรรม หากฟังแล้วไม่เข้าใจ น่าจะหาผู้ที่เคยปฎิบัติมามาก หรือ ครูบาอาจารย์ แล้วกราบขอเมตตาชี้แนะว่าคืออะไร

    -โลกุตระธรรม หากยกปริยัติมาแสดงก็แสนยากยิ่ง จะทำได้ ยากยิ่งจะเข้าใจ หากแปลมาเป็นภาษาธรรมดา จะฟังให้เข้าใจก็ไม่ง่ายเช่นกัน เว้นแต่ผู้ที่เคยเดินท่านมามากแล้วจะเข้าใจโดยเปรียบเทียบกับประสพการณ์ที่ได้ปฎิบัติมาก็จะรู้โดยไม่ยาก
     
  18. bamrung

    bamrung เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 เมษายน 2006
    โพสต์:
    836
    ค่าพลัง:
    +1,524
    ขอกราบแทบเท้าหลวงพ่อโพธิ์ศรีสุริยะ ท่านคือพระอรหันต์ในยุคนี้โดยแท้ แจ่มแจ้งในสัจจธรรมยากจะหาผู้ใดเทียบ ประหนึ่งท่านเว่ยหล่างอวตาร คนตาบอดที่นับถือศาสนาแต่เปลือกกระพี้เท่านั้นที่ไม่เข้าใจ ประเภทสัจจธรรมกูไม่เอา กูชอบกระพี้ ตัดสินกันที่ภายนอก เหตุการณ์ที่เป็นไปเช่นนี้เพราะบ้านเมือง กลียุคแล้ว กลียุคแล้ว กลียุคแล้ว ทุกอย่างได้ถูกคัดสรรแล้ว
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 เมษายน 2011
  19. pichak

    pichak Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    309
    ค่าพลัง:
    +69
    สาธุ สาธุ
    -หลังจากพุทธองค์ปรินิพพาน งานทั้งหมดก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่บุคลากรในกัปป์ที่ 5 ยุคกาขาว ยุคธรรมะเข้าสู่ครัวเรือน เป็นการสารต่อจรรโลงพระพุทธศาสนาต่อ เหล่าสาวกพุทธอรหันต์ในพุทธองค์ทำหน้าที่ และประคอง พุทธศาสนาเพื่อเป็นการรับช่วงส่งต่อ

    -ในกาลนี้จึงมีพุทธองค์สำคัญ ๆ ลงมากันมากมาย แต่ละพระองค์ แยกย้ายกันทำหน้าที่ ขนถ่ายเหล่าสรรพสัตว์เข้าสู่นิพพาน ให้มากที่สุด หากจะเหลือ ก็จะเหลือแต่เมล็ดพันธุ์ดีที่จะสานงานต่อไป

    -ส่งที่กล่าวมาไม่ใช่วิธีปฎิบัติ แต่เป็นการทำหน้าที่ของเหล่าพุทธะ ซึ่งเราถ้าทราบโอกาสนี้ จึงรีบฉวยโอกาสขอเมตตาจากองค์พุทธะ หากไปด้วยตัวเองซึ่งอาจจะลำบาก พลาด หลงได้ เปรียบเหมือน
    เมื่อเรือลำใหญ่ แล่นมา อย่ารอช้า ให้รีบขึ้นเรือนั้นไป

    ขอน้อมเมตตา มหาเมตตาที่ องค์พุทธ ได้เสียสละ ลงมาขนถ่ายเหล่าสรรพสัตว์ในกาลนี้ คุ้มครองผู้เดินทางธรรม ให้ตรงต่อสัจจธรรม อย่าได้ลุ่มหลง วก วน แช่ สภาวะ และคุ้มครองเหล่าพุทธสานิกชน ประเทศไทย ให้รอดปลอดภัย เสียหายน้อยที่สุด
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 เมษายน 2011
  20. pichak

    pichak Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    309
    ค่าพลัง:
    +69
    สาธุ สาธุ
    -โลกุตระรรม ต้องเดินผ่านการปฎิบัติมาระดับหนึ่งจึงจะฟังสัจจธรรมเข้าใจ

    -ผู้ที่กำลัง ทาน ศีล ภาวนา อยู่ หากยังไม่มั่นคง ทานก็จะทำเพื่ออยากได้สิ่งตอบแทนก็ผิด ทานทำทิ้ง ไม่หวังผล ศีล 5 ให้ครบ จนรู้สึกเป็นชีวิตปกติจนไม่รู้สึกว่าต้องรักษาศีลคือเข้าไปอยู่ในใจแล้ว ภาวนาสม่ำเสมอ มิใช่หักโหม ทุ่มเท ให้สม่ำเสมอ การปรับธาตุจึงจะทำได้ และไม่ติด ไม่คา เมื่อเกิดสภาวใด ให้ผ่านให้เร็วที่สุด อย่าแช่สภาวะ ไม่เอ๊ะ อะ สภาวะใด ๆ
    หลักการต่างๆ เหล่านี้ รวดเร็ว สั้น ไม่แช่ ไม่ทรงสภาวะ ไม่อ้อยอิ่ง

    -ญาณ ชาญ เสื่อมได้ กู้ยาก แม้นจะสงบแต่ก็ทุกข์เมื่อมีความเสื่อม หรือไม่เที่ยงเป็นของคู่กัน จึงเป็นสภาวะที่ไม่ควรเฝ้า ติด หลง แต่ให้สละ วาง สภาวะ ไม่ยึดสภาวะ คลายความเป็นสภาวะ จนไร้ การภาวนา ว่างเองโดยไม่ยึด การภาวนา นี่คือ สัจจธรรม หรือ ความไม่ยึดติด เพราะทุกสิ่งล้วนไม่เที่ยง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 เมษายน 2011

แชร์หน้านี้

Loading...