ถ้าโดนของแล้วไม่แก้ ของจะหมดอายุหรือเสื่อมไปเองมั้ย.

คือไม่ได้ปักใจเชื่อเรื่องของหรือคุณไสย แต่พอมาเจอกับตัวและคนใกล้ตัวก็รู้สึกว่าน่าจะใช่ จึงแก้ปัญหาให้ผ่อนหนักเป็นเบาได้พอประมาณไม่รู้ว่าคุณไสยนั้นหมดไปหรือยัง จนเวลาผ่านมาได้หลายปีแล้ว ทุกอย่างยังไม่ดีดังเดิมกลับแย่ลงไปเรื่อยๆจนตอนนี้เหมือนชีวิตจนมุมแล้ว ด้วยความเชื่อที่ว่าหากเราใช้ชีวิตอยู่ในความตั้งใจดีไม่คิดร้าย ไม่โต้ตอบคนที่มุ่งร้ายต่อเรา ย้ายที่อยู่ ทำบุญฟังธรรมะบางโอกาส เท่านี้ก็น่าจะพอแล้ว. หรือเราควรจะทำอะไรเพิ่มเติมมั้ย เพราะโดยส่วนตัวเชื่อเรื่องการหนักแน่นในความดี,เชื่อเรื่องกรรมเป็นเรื่องเฉพาะตัวมากกว่าค่ะ.

 

การป้องกัน หลบหลีก และรักษา ไม่ใช่การโต้ตอบ

 

ถ้าจริงก็แก้ไขซะ อยากสอบผ่านยังต้องอ่านหนังสือ อยากแก้ไขก็ต้องทำอะไรสักอย่าง

 

รถที่คันที่โดนตะปูตำจนยางรั่ว หากเราไม่นำไปเปลี่ยนไปปะไปซ่อมยางก็ยังคงแบนแบบนั้นขับไปต่อได้แบบลำบากสุดท้ายก็พัง เช่นเดียวกันกับจขกท. ชีวิตที่โดนกระทำหากเราไม่แก้ไข แล้วชีวิตจะไปต่ออย่างสุขสงบได้อย่างไร ในควาทคิดของผมนะ

 

คิดว่าจะหาเวลาไปบวชเร็วๆนี้ค่ะ ไม่รู้ว่าเป็นการแก้ถูกจุดรึเปล่า แต่อย่างน้อยก็ถือว่าเป็นการไปปรับจิตใจ
ขอเล่าเพิ่มเติมนะคะ ช่วงที่เกิดเหตุก็รักษาด้วยการไปโรงพยาบาล หมอบอกว่าเป็นโรคจิตเภท เครียดและวิตกกังวลสูง,ปรึกษาจิตแพทย์,พกเบี้ยแก้,อ่านหนังสือ,สวดมนต์,ทำบุญ จนเสียงเคยได้ยินในหัวตัวเองมันค่อยๆหายไป แต่ที่เปลี่ยนไปคือไม่มีแรงกระตือรือร้น เหมือนคนขาดพลัง คนเดิมที่มุ่งมั่นเข้มแข็งมันหายไปค่ะ .ส่วนคนใกล้ตัวที่บอกว่าน่าจะโดนของ เพราะเค้าแสดงอาการออกมา หลังจากที่เราฟื้นตัวประมาณ1ปีค่ะ เลยพาเค้าไปนั่งในพิธีสวดภาณยักษ์ ก็เริ่มมีสติขึ้น วันต่อมาขณะที่นั่งทานข้าวกลางวันกันอยู่ เค้าร้อง โอ้ยๆขึ้นมาเบาๆ แล้วล้วงเข้าไปในหูข้างนึง สิ่งที่เห็นคือเป็นก้อนแปลกๆสีดำ ไม่รู้ว่าคืออะไรจึงห่อทิชชู่ทิ้งไป หลังจากนั้นก็แนะนำให้เค้าไปบวช3วัน2คืน แล้วก็ให้เค้าพกเบี้ยแก้กับพระไว้กับตัว แต่เค้าบอกว่าหลังจากกลับมา เหมือนมีเสียงหลายเสียงตามกลับมา ทั้งผู้ใหญ่และเด็ก บอกว่าให้ไปรับขันธ์. แต่ด้วยความที่เค้าเป็นคนไม่เชื่อเรื่องแบบนี้ จึงขอไม่คุยเรื่องนี้กันอีก และเราก็เห็นว่าดีขึ้นแล้วจึงไม่ได้ว่าอะไร. ผ่านไปไม่นานเค้าก็ทำเบี้ยแก้กับพระหล่นหาย และไม่เอาชุดใหม่ ก้าวร้าวฉุนเฉียวง่าย เอาแต่ใจและไม่ใส่ใจในหน้าที่การงาน ทำให้ธุรกิจที่ทำร่วมกัน มีปัญหาขัดแย้งกันหลายอย่าง จากที่เคยเป็นทีมเดียวกันก็กลายเป็นผลัดกันสร้างปัญหา..
เรื่องราวก็ประมาณนี้ ตอนนี้แยกย้ายกันแล้ว ต่างคนก็มีทางเดินของตัวเอง รวมเวลาแล้วน่าจะประมาณ5ถึง6ปี...
มีคำถามค่ะ เราควรจะหาทางแก้ไขตัวเราเองให้เรียบร้อยก่อนใช่มั้ยคะ แล้วเราควรจะปล่อยเค้าไปเฉยๆรึเปล่า.

ใครมีความคิดเห็นหรือคำแนะนำอย่างไรก็ขอความกรุณาด้วยค่ะ

 

หาเวลาไปฝึกกรรมฐานก็ดีจ๊ะ ปรับตัวเองก่อน เราต้องทำได้ทำดีให้ดูเป็นตัวอย่างก่อนแล้วค่อยไปชวนเขา หากเขาจะพ้นเขาก็จะไปตามเรา หากยังไม่ถึงเวลาของเขา อย่างไรเขาก็ไม่ไปไม่เชื่อวิบากกรรมของใครของมัน ทำแทนไม่ได้

 

การบวชไม่ใช่การแก้ครับ แค่เป็นการยื้อเท่านั้นเอง

คุณไสยที่รู้มีอยู่2แบบ 1.ตามตัวโดนใช่สิ่งของจากร่างกายหรือของที่เคยใช่ 2.ฝั่งในตัว
คุณไสยโดยปกติจะใช่ผีมาทำนู้นนี้นั้น ขัดนู้นนี้นั้น ถ้าโดนแบบที่ฝั่งตัวสามารถทำไรที่มากว่าได้เล่นฝั่งตะปูเข้าตัวได้...
**จริงๆยังมีอีกแบบคือ โยนผีเข้าบ้านเลย

ทางแก้ที่ดีที่สุดไปเอาที่ฝั่งในตัวออกก่อน จากนั้นก็แล้วแต่ว่าจะพกไรกันไหม ไปบวชเพื่ออะไรก็สุดแล้วแต่

การระวังตัวก็อย่าไปกินอะไรที่คนอื่นให้ ต้องเปิดใหม่ หรือ ไม่ก็คนให้ต้องกินกับเราด้วย

 

ขอบอกเลยว่า พระสงฆ์ทั่วไปไม่มีความรู้เรื่องคุณไสย และการบวชจะไม่ช่วยอะไร

หนามยอกต้องเอาหนามบ่ง ถ้าจะหาพระต้องหาพระที่มีชื่อเสียงทางด้าน
แก้คุณไสยโดยเฉพาะ เช่นรดน้ำมนตร์แก้คุณไสย

หรือไม่อีกทีก็พระประเภททรงอภิญญามีฤทธิ์
แต่ถ้าคุณไปถามพระ พระจะบอกว่าไม่ให้ไปสนใจ ให้ปฏิบัติธรรมดีกว่า

จึงมีอยู่หนทางเดียวคือ เข้าหาพระที่ท่านเรียนมาทางแก้คุณไสยโดยเฉพาะ

ส่วนหมอผีฆราวาส ไม่แนะนำนะ

 

ปล่อยไว้เฉยๆ ของเสื่อมเหมือนกัน แต่เสื่อมอยู่ในตัวเราเลยนะ ไม่มีสิทธิ์เอาออก

แบบพวก หนังควาย หรือตะปู ถ้าเสื่อมจะอยู่ในตัวเราเลย

การเรียกออก ต้องทำในขณะที่มันยังไม่เสื่อม

ถ้าหาพระหรือหมอผีช่วยไม่ได้ ให้หาน้ำมนตร์เจ็ดวัดมาอาบมาดื่ม

หรือมิฉะนั้นหาเวลาไปยังสถานที่เขาว่าศักดิ์สิทธิ์(หลวงพ่อต่างๆ เช่นหลวงพ่อโต

หลวงพ่อโสธร ฯลฯ )เตรียมดอกไม้ธูปเทียนไปถวาย

เตรียมขวดบรรจุน้ำไปด้วย

ไปบอกกล่าวกับท่าน ว่าเรามีทุกข์อย่างไร(บอกไปว่าย่อๆว่าเราโดนคุณไสย ขอให้ท่านช่วย)
แล้วก็บอกกล่าวขอให้ท่านช่วยเสกน้ำมนตร์ เพื่อขจัดคุณไสย(วิธีนี้อาจต้องเตรียมน้ำไปมากหน่อย)

จากนั้นก็นำน้ำทั้งหมดไปตั้งหน้าพระพุทธรูป เพื่อให้ท่านเสกให้

ให้รอจนกระทั่งธูปหมดดอก จึงค่อยกราบขอบคุณท่าน แล้วนำน้ำที่ได้กลับมาบ้าน

มาอาบ มาดื่ม และใช้ล้างหน้่า

อย่าใช้ทีเดียวหมด ให้ค่อยๆใช้ เก็บไว้กินหลายวัน

วิธีนี้คือการพึ่งเทวดาที่รักษาาอยู่ในองค์พระพุทธรูปนั่นเอง

ใช้ในกรณีที่เราไม่รู้ว่าจะหันหน้าไปพึ่งใครแล้วจริงๆ

จะหาพระทั่วไปก็ไม่มีความรู้เรื่องคุณไสย

จะหาหมอผีก็กลัวโดนหลอก

จะไปขอน้ำมนตร์จากวัดต่างๆ หรือขอตามงานพิธีพุทธาภิเษกก็กลัวจะไม่ได้

จะสวดมนตร์ทำน้ำมนตร์เอง ก็กลัวสมาธิไม่ถึง กำลังจิตไม่ถึง

วิธีง่ายๆที่สุดคือ ไปพึ่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่มีคนนับถือมากๆ

สิ่งศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้มีผุ้ไปขอความช่วยเหลือกันมาก

อย่างเช่น หลวงพ่อโสธร หลวงพ่อโต หลวงพ่อวัดบ้าแหลม

หลวงพ่อวัดไร่ขิง หลวงพ่อโตวัดพนัญเชิง

ศาสลหลวงพ่อเสือ ก็ลองหาข้อมูลดูว่ายังมีที่ไหนอีกที่เขาร่ำลือกันว่าศักดิ์สิทธิ์

ก็ลองไปหาดู ไปบอกกล่าวความทุกข์ให้ท่านทราบ

เตรียมขวดบรรจุน้ำไปด้วย เพื่อขอน้ำมนตร์จากพระพุทธรูปอันศักดิ์สิทธิ์

หากจะร่วมบริจาคทำบุญกับทางวัดบ้างตามควรก็ดี

ดีกว่าไปเสี่ยงกับการโดนหลอกจากหมอผี หมดเงินเป็นหมื่นเป็นแสน

ส่วนพระสงฆ์ มีวัดไหนแก้คุณไสยได้ก็ลองหาข้อมูลจากคูเกิ้ลเอา

 

แนะนำน้ำมนต์วัดอินทรวิหาร
อยู่ตรงสะพานพระราม 8

ฝึกสมาธิด้วยล่ะ

 

กินน้ำมะเฟือง น้ำลูกทับทิม พอจะช่วยล้างของไม่ดีออกได้
เคยกินยาน้ำสมุนไพรจีนยี่ห้อนึง ขวดละ 1,500 กินปุ๊บ ของออกปั๊บเลย พวกเป็นน้ำมันก่อไหลออกมาทางก้น แต่ปัญหามันอยู่ที่ของออกแล้ว มันกลับไปหาคนส่ง คนส่งมันก่อไล่กลับมาอีก จะแก้ปัญหาตรงนี้ได้อย่างไร ..

 

1 ทำจิตใจให้เข้มแข็งไม่หวั่นใหวกับสิ่งที่ไม่ใช่ตัวเรา...คือไม่ใช่คือไม่ใช่
2 ถิอ ศิลให้ได้ ตั้งแต่5-8. ทำสมาธิ สวดมนต์ออกเสียงดังฟังชัด..ฝึกสมาธิถาวนา
3 สวดอิติปิโสถอยหลัง108จบ หรือฟังก็ได้..เราใช้ฟัง
4 สวดคาถาชินบัญชรให้ได้108_จบใน12ชัวโมง
วันต่อไปสวดกี่จบก็ได้..แล้วดูอากาารไปเรื่อยๆ
5 ขั้นสุดท้ายโกนหัวบวชพระเป็นพระจริงๆ ปฎิบัติจริงๆอันนี้บอกเลย....เทกลับหมดคะ
ทำบุญเข้าวัดอย่าได้ขาด อย่าได้เว้นดารเข่าวัดทำบุญเป็นอันขาด
เพราะมันรู้ว่าเอาออกมันส่งกลับ...
สะสมบุญไปเรื่อยไมำให้ได้ทุกวัน ศิล..สมาธิ...ภาวนาอย่าได้เว้น
ปฎิญานไปเลย..ทำดีตี้งแต่วันนี่จนลมหายใจสุดท้าย
ตายคือจบอย่างมีเกียติ..อโหสิกรรมทุกอย่างนะ
อย่าอาฆาต...เดี๋ยวมันไปเจอกันอีก
ปล่อยมันไปตามกรรมของมัน....

 

ของมี,2ประการ
1 บุพกรรมอันนี้ยังใงก็เจอ
2 ลมเพลมพัด
เมื่ิอรู้แล้ว..
ก็ถือศิล ฝึกสมาธิ หัดภาวนา...
ให้รู้มันทำยังใงมัน....อึ้งดีนะ
อึ้งที่คนมันเลวววววสุดกู่..เป็นอสุรกาย...เป็นเปรตยังใง...
ตายแล้วไปเสวยกรรมยังใง
ทำจน..รู้วันตายของมันไปเลย
และก็ให้ท่านยมราชเป็นพยานว่า...มันทำ
คอยเป็นพยานวันตัดสิน....
สนุกดีนะ
เราจะได้จำไม่ไปทำชั่วกับใคร...ให้ต้องโดนเขาทำอีก...

 

เมื่ิอรู้ว่าโดน...
ยังใงก็ต้องไปถอน...
ไม่งั้นน่ากลัวมาก...
ไปถอนให้ได้ยินเสียงที่เขาทำเราทำไมออกจากปากเราเองมันเป็นเสียงพร่ำว่าทพไมมันทำเรา
และเราก็จะชักและกรี๊ดๆ
ทีาใหนมีการสวดสเดาะเครสะห์ ต่อชตา...ลองไปนะ. ที่มีสายสิญอยู่บนหัวนะ...ลองไป
ถ้าที่ใหนชนจริงๆของในตัวคุณจะดิ้นและวิ่งออกปลายเท้าไปเลย...ลองไป
คุณอยู่แถวใหน ก็ไปแถวนั้น โดนแถวใหน ก็เอาออกแถวนั้นเพราะควายใครก็ต้องคอกคนนั้นคะ
ขอให้หายคะ

 

เชื่อเรื่องน้ำมนต์ น้ำศักดิ์สิทธิ์มาก ถ้าอยู่กรุงเทพฯ บอกได้เลยว่าตระเวนเก็บได้ครบ 9 วัด แน่ แต่ต้องข้ามฟากไปมาสองฝั่งนิดหน่อย วัดเบญฯ วัดพระแก้ว วัดโพธิ์ วัดอรุญ วัดระฆัง ฯลฯ ถ้าจะอาบน้ำมนต์ ขอเชิญวัดพลับ คณะ5 เบอร์โทรศัพท์และที่อยู่ในเว็บก็มี หากอยู่ต่างจังหวัดก็วัดประจำจังหวัด และใกล้เคียง พระเครื่องหรือเหรียญบางรุ่นก็ทำน้ำมนต์ได้เช่นกัน

 

รับประทาน มะขามป้อม โหระพา ใบชะพลู ฟักเขียว ค่ะ
จะทำให้ของค่อยๆเสื่อมลง หรือเอาผานไถเก่าแช่น้ำอาบ 7 วัน ค่ะ

 

เข้าท่า กินบ่อยด้วย

 

โรคจิตเภท อาการทั่วไป
๑. ประสาทหลอน (อาจเห็นภาพหลอน แม้กระทั่งในจิตเอง)
๒. หลงผิด (มักเชื่อในความรู้สึก เข้าใจอะไรบางอย่างของตัวเอง) ซึ่งบางทีมันก็ผิด
๓. หูแว่ว (เกิดจากการคิดนี้แระ จนไม่คิดไม่หยุด และมันดันไปได้ยินความคิดของตัวเองทางจิตด้วย ทาง
หูก็มีบ้าง)
อาการโดนคุณไสย
๑. มันจะชอบเรียกชื่อเราในจิต หรือในหัวนั้นเแระ มันจะพูดไม่หยุด วิพากษ์ วิจารณ์ด้าวย พร้อมทั้งด่า
พูดในทางที่ไม่ดี แล้วมันก็จะทำทีเป็นบอกเรา สอนเรา ให้เราคิดตาม แบบคิดไม่หยุดเหมือนกัน
และอาจมีการสั่ง ร่วมด้วย (แต่เด่น ๆ ชอบเรียกชื่อ และ ด่าบ่อย ๆ ในจิต)
๒. มักมีอาการทางกายร่วมด้วยแปลก ๆ เช่น เจ็บตรงนั้น ตรงนี้ หรือ เหมือนโดนสะกดจิต ตาไม่ยอมหลับ
เป็นต้น
๓. สังเกตุอีกอย่าง ถ้ามันคุยได้ตลอดไหม (ของมันจะมีหยุดด้วย ในจิต มันหยุดไปเฉย ๆ เหมือนกัน)
ถ้าป่วยผิดปกติทางสมองนี้ อาการนี้ถ้าไม่กินหยุดมันไม่หยุดแน่ ๆ รับรองมีเสียงทั้งกลางวันกลางคืน
อาการที่เป็น (โปรดใช้วิจารณญาณ)
...เป็นของบังคับ ทดสอบบารมีด้วย...จะผ่านไปได้ก็ต้องด้วยการสร้างบารมี...

 

ของพวกนี้มันมีวาระของมันอยู่นะครับ
ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป หมดวาระแล้วก็จบไป
เพียงแต่เราไม่สามารถคาดคะเนว่าวาระ
ที่ผ่านเข้ามานี้จะนานแค่ไหนครับ..
เช่น คนที่ทำคุณไสย์ถ้าตายลงแล้ว
ไม่ได้ถอดถอนดวงจิตที่ตนเคยบังคับไว้
วาระเค้าก็จะติดตามไปหลายภพหลายชาติ...
ส่งผลให้ชาตินี้ จะไม่เข้าใจเรื่องนามธรรม
และจะเชิงไม่เชื่อ แม้เข้าหาพุทธศาสนา
ก็จะได้รับอานิสงค์น้อยเพราะโดนขวางไว้เป็นต้น

หรือ เช่นคนที่สืบๆเชื้อมา แต่มีการตัดขันธ์ ๕ ได้
โดยร่างทรงเหมือนๆกัน วาระเค้าก็จะจบลงเลย..
เรียกว่า จบด้วยพิธีการ ทั้งนี้รวมทั้งกรณีที่
โดนกระทำแบบพิธีการต่างๆเฉพาะที่
ต้องแก้ตามพิธีกรรมนั้นๆร่วมด้วย..
เช่น โดนทางเขมร ก็แก้ด้วยหมอเขมรเหมือนกันเป็นต้น..

หรือ ถ้าเราปฏิบัติจนจิตเราคลายตัวเองได้โดยธรรมชาติ
คือไม่นึก ไม่คิด ไม่ระลึก ไม่ปรุงเรื่องนั้นๆเลย..
แม้มีวิบากอะไรเข้ามา พอยอมรับไปแล้ว
จิตคลายตัวเองได้แล้ว มันก็จบได้ แต่ก็จะมีเรื่องอื่นๆเข้ามาแทนได้เช่นกัน

เล่าให้ฟังเฉยๆครับ...