ทหารคนไหนไปลักไก่เซ็นต์สัญญากับจีน รับผิดชอบเองนะ ชาติไทยไม่เกี่ยว

พวกทหารเลว ที่ไปลักไก่แอบเซ็นต์สัญญากับจีน
ต้องรับผิดชอบในสัญญานั้นเอง ชาติไทยไม่เกี่ยว
จะทำเองแล้วอ้างในนามของประเทศไทยไม่ได้

ประเทศชาติเสียหาย อย่ามัวไปร่านกฎหมาย
เล่นงานประชาชน ระแวงแต่ประชาชน แต่กลับ
ปล่อยให้จีนถลุงเอาประเทศไทยย่ำแย่ขนาดนี้

มีสติหน่อยสิว่ะ

 

กองทัพไทยกับ "การเซ็นต์สัญญาลักไก่"

การที่ข้าราชการไทยจะเซ็นต์สัญญาใดๆ ในนามของประเทศไทยได้นั้น จะต้องผ่าน "คณะทำงานของฝ่ายนั้นๆ" ที่ประเทศไทยก่อน เมื่อคณะทำงานประชุมร่วมกันในสัญญานั้นๆ แล้ว "ตกลง" จึงไปเซ็นต์อะไรกับต่างชาติในนามตัวแทนของประเทศได้ การเซ็นต์นั้น จะถือเป็น "โมฆะ" หากไม่มีการนำเรื่องเข้าประชุมขอความเห็นร่วมกันของทีมงานในประเทศไทยก่อน แล้วอาศัยผู้มีอำนาจแค่บางคน เดินทางไปเซ็นต์แทนในนามของประเทศ "โดยไม่ผ่านที่ประชุมที่จะร่วมพิจารณาสัญญานั้นๆ ก่อน" เพราะจะเข้าข่ายเป็น "สัญญาลักไก่" ผิดกฎหมายตามความคิดเห็นของชายครับ แต่กฎหมายนี้ยังไม่ได้ร่างไว้ในประเทศไทย สัญญาลักไก่จึงเกิดขึ้นมากมาย เช่น ที่ตัวแทนกองทัพไปเซ็นต์สัญญากับจีนหลายอย่าง ทั้งซื้อขายอาวุธก็ไม่ได้ผ่านที่ประชุม คณะทำงานที่ประเทศไทยเลย แต่เป็นการเซ็นต์แค่ "คนๆ เดียว" ซึ่งเดินทางไปเจรจากับประเทศจีน ทำให้เราต้องซื้ออาวุธจากจีน เสียเงินไปมากมาย อีกทั้งยังมีสัญญาตั้ง รง. ซ่อมอาวุธของจีนที่ประเทศไทยอีกด้วย สัญญาพวกนี้ล้วนเข้าข่ายลักไก่ ไม่ผ่านการประชุมร่วมกันของคณะทำงานในประเทศไทย แต่เป็นไปโดย "คนๆ เดียว" เซ็นต์แทนในนามของคนทั้งประเทศไทยครับ

 

การเซ็นต์สัญญากับต่างประเทศในนามของประเทศไทยนั้น จะเป็นไปโดยคนๆ เดียวตัดสินใจและเซ็นต์ไปเอง ไม่ได้ ทุกเรื่องจะต้องผ่าน "ที่ประชุม" คณะทำงานร่วมพิจารณาร่วมกันก่อน แล้วจึงจะไปเซ็นต์อะไรได้ จึงจะไม่เป็น "สัญญาลักไก่" ซึ่งถือว่าผิดกฎหมายในประเทศชายครับ แต่ประเทศไทยยังไม่มีกฎหมายตัวนี้ มัวแต่ร่างสิ่งที่ไร้สาระ ไว้เล่นงานประชาชน จนลืมปกป้องผลประโยชน์ของชาติ มัวแต่ระแวงประชาชนตัวเอง มองประชาชนตัวเองในแง่ลบ แต่กลับโดนต่างชาติเอาเปรียบ มัวแต่มองว่าฝ่าย ปชต. จะมารุกรานแต่กลับปล่อยให้ฝ่ายคอมมิวนิสต์เล่นงานไปมากมาย ดังนั้น ชายจึงบอกว่าการเซ็นต์สัญญาใดๆ กับต่างประเทศ จะต้องผ่านที่ประชุม พิจารณาร่วมแล้วเห็นฟ้องต้องกันก่อน จึงจะส่งตัวแทนไปเซ็นต์สัญญาในนามของประเทศได้ ตัวแทนก็คือ ผู้นำสูงสุดในฝ่ายนั้นๆ เช่น ผบ. กองทัพ แต่ก่อนที่ ผบ. กองทัพจะไปเซ็นต์สัญญาอะไรได้ จะต้องมีการประชุมร่วมกันกับคณะทำงานแล้วที่ประชุมเห็นชอบก่อน จะทำเองคนเดียวโดยพละการณ์ไม่ได้ อันจะนำความเสียหายมาสู่ชาติบ้านเมือง ซึ่งคำว่า "ที่ประชุม" นี้ จะต้องมี องค์ประกอบร่วมดังนี้

 

1 นายก
นายกจะต้องเข้าร่วมประชุมในสัญญาที่ประเทศจะต้องทำกับต่างชาติเสมอ เนื่องจากเป็นผู้บริหารบ้านเมือง เรื่องต่างๆ ที่จะเซ็นต์สัญญากับต่างประเทศ จะประชุมกันเองโดยไม่มีนายกเข้าร่วม ไม่ได้ เพราะจะเข้าข่าย "สัญญาลักไก่" ที่ทำกันเองโดยไม่มีนายก

2 รมต. ต่างประเทศ
รมต. ต่างประเทศ จะไม่มีส่วนร่วมรู้เห็นกับสัญญาต่างๆ ที่ไทยต้องทำกับต่างประเทศ ไม่ได้ เพราะเรื่องการต่างประเทศอยู่ในหน้าที่ความรับผิดชอบของ รมต. การต่างประเทศโดยตรง ดังนั้น เขาจึงต้องเป็นหนึ่งในที่ประชุมฯ ก่อนที่จะเซ็นต์สัญญากับต่างประเทศ

3 ผู้นำสูงสุดในฝ่ายนั้นๆ
เช่น การซื้ออาวุธของกองทัพบก ก็ต้องมี ผบ. กองทัพบกเข้าร่วมประชุมในที่ประชุม หากขาด ผบ. กองทัพบก จะมีการเซ็นต์สัญญาที่เกี่ยวกับกองทัพบกกับต่างชาติ ไม่ได้ จะถือว่าเป็น "สัญญาลักไก่" สัญญาฉบับนั้นจะถือเป็นโมฆะทันที ไทยไม่จำเป็นต้องรับผิดชอบ

4 คณะองค์ประชุม
คือ ผู้ที่มีส่วนร่วมอืื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับสัญญาฉบับนั้นๆ เช่น การตั้ง รง. ซ่อมอาวุธ จะมีแต่กองทัพเข้าร่วมไม่ได้ ยังจะต้องมีหน่วยงานด้านการพาณิชย์, อุตสาหกรรม เข้าร่วมด้วยเพราะมีเนื้อหาเกี่ยวข้องกัน หากองค์ประชุมไม่ครบ จะเข้าข่ายเป็นสัญญาลักไก่ได้ (โมฆะ)

5 ภาคประชาชน
ในกรณีที่สัญญานั้นมีส่วน มีผลกระทบต่อภาคประชาชน ประชาชนมีสิทธิ์ที่จะส่ง "ตัวแทน" ของพวกเขาเข้าร่วมในที่ประชุมนั้นด้วย ถ้าขาดตัวแทนภาคประชาชนในการเข้าร่วมประชุม ก็จะถือว่าสัญญานั้นเป็น "สัญญาลักไก่" ได้ เช่น สัญญายกที่ดินให้ต่างชาติถือครอง

 

อนึ่ง สัญญาใดก็ตาม ที่ไทยทำกับต่างประเทศ แล้วเข้าข่ายสัญญาลักไก่นั้น ไทยมีสิทธิ์ที่จะไม่รับผิดชอบต่อสัญญานั้นๆ คู่กรณีจะต้องไปไล่เบี้ยเอากับ "ผู้เซ็นต์สัญญา" นั้นเอง เช่น ถ้า ผบ. ทัพบก เซ็นต์สัญญาลักไก่โดยไม่ผ่านที่ประชุม ไปเองคนเดียว เขาก็จะต้องรับผล รับผิดชอบต่อสัญญานั้นๆ "เพียงคนเดียว" หากสัญญานั้นเป็นผลให้ต้องจ่ายเงินหลายพันล้าน เขาจะต้องจ่ายเองคนเดียว ไทยจะไม่มีส่วนรับผิดชอบตรงนี้ เพราะถือว่าสัญญาเป็นโมฆะ ไม่มีผลตั้งแต่ต้น ส่วนประเทศคู่สัญญาที่ทำสัญญาลักไก่ หากได้รับความเสียหายจะฟ้องร้อง ก็ฟ้องร้องต่อคนที่เซ็นต์นั้นเพียงคนเดียว ประเทศไทยไม่จำเป็นต้องรับผิดชอบในสัญญาลักไก่ที่แอบทำกันนี้ แต่อย่างใด

ปัจจุบันมี "สัญญาลักไก่" เกิดขึ้นหลายฉบับ ทำให้ชาติเสียหายใหญ่หลวงเลยครับ!

 

ทหารประเทศไทยมานเยอะจริงๆ ข้าว ยาง ส่งออกไม่ดี หันมาผลิตอาวุธขายมั่งรึไง คนใหญ่โตช่างเยอะจริงๆ นับวัน ได้มีสะสมอาวุธกันมั่งละ

 

อาวุธสัพรังเค ขยะเขาไม่เอา โละทิ้งมาขายให้เรา
คนอื่นเขาใช้รุ่นใหม่หมดแล้ว เสียตังค์เปล่าๆ

อาวุธนี้ มันปลดประจำการณ์ไปแล้ว

 

ซ่อมนั้นพอได้ .. ถ้าถึงขนาดขายนั้น ฟังดูจะเกินความสามารถไปสักหน่อย
จะขายอาวุธอย่างน้อยความรู้งานวิจัยเทคโนโลยีน่าจะต้องมีเองบ้าง ไม่ใช่ยังไม่มี
ประเทศยังเกษตรกรรม อุตสาหกรรมแค่รับจ้างผลิต.. ถ้าพูดว่าขายตอนนี้ก็ฟังเหมือนเพ้อเจ้อ

 

ชายว่านะ พัฒนาเหล้าที่หมักจากข้าวไทยๆ แบบภูมิปัญญาไทย
ขึ้นมา แล้วเปิดเสรี ออกกฎหมายให้ชาวบ้านสามารถขายได้
ยังดีกว่า รง. ผลิตอาวุธอะไรนี่ ที่ ปชช. ไม่มีส่วนร่วมเลย

มันไม่ได้ช่วยให้ ปชช. ได้อะไรจากมันจริงๆ อ่ะ

 

การพนันไก่ชน แบบถูกกฎหมาย

การพนันไก่ชน การชนไก่ ฯลฯ จริงๆ เป็นวิถีพื้นบ้านไทย
มีมานานแล้ว ในไทยเราเคยทำมา และไม่มีปัญหาอะไร
แต่ภายหลังเรามองว่าเป็นการพนัน ผิดกฎหมาย จึงห้าม
ไม่ให้ ปชช. ทำธุรกิจประเภทนี้

เปิดเสรีซะ ก็เกิดประโยชน์กับชาวบ้านได้
มันไม่ใช่แค่ธุรกิจพนันไก่ชน แต่มันจะช่วย
ทั้งธุรกิจเลี้ยงไก่ชน, อาหารสัตว์, เครื่องมือ
ที่เกี่ยวกับการชนไก่ ฯลฯ ก็ขายได้หมดครับ

คือ เราต้องเอาธุรกิจที่ชาวบ้านเขาไปกับเราได้ ทำได้จริงๆ
ไม่ใช่ รง. ผลิตอาวุธที่ชาวบ้านไม่ได้ประโยชน์อะไรด้วยเลย