@@...ท่านผู้มีปนิธาณพุทธภูมิ มีกุศโลบายหรือแนวทางดูแลบุพการีอย่างไรครับ...@@

ในห้อง 'พุทธภูมิ - พระโพธิสัตว์' ตั้งกระทู้โดย NAMOBUDDHAYA, 9 สิงหาคม 2014.

  1. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,103
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,003
    ค่าพลัง:
    +69,974
    [​IMG]




    " พระพยอม เล่ากรรมที่ทำกับพ่อ "



    โยมพ่อของอาตมาเป็นคนขี้เหล้า... หาเงินมาได้เท่าไหร่ก็กินเหล้าหมด
    พอเมาก็ดุด่าโยมแม่กับอาตมา อาตมาไม่ชอบพ่อมาก.......

    ... วันหนึ่ง..
    โยมพ่อเมากลับบ้านไม่ได้ มีคนให้อาตมาพายเรือไปรับ
    ตอนนั้น อาตมายังเป็นวัยรุ่น ทำงานมาทั้งวันก็อยากจะนอน....อยากพักผ่อน....
    อาตมารู้สึกโมโหมาก
    พอพายเรือกลับบ้าน ก็ทิ้งโยมพ่อไว้ในเรือ
    แต่พ่อเมามากลุกไม่ไหว ตะโกนเรียก....

    “ ไอ้ยอม... ไอ้ยอม... มาอุ้มกูขึ้นบ้านหน่อย... กูขึ้นไม่ไหว ”
    ไอ้เราก็ทนรำคาญไม่ไหว เดินกระทืบเท้า ตึง.. ตึง.. ตึง..
    กระชากร่างพ่ออุ้ม ในขณะที่อุ้ม..
    ความรู้สึกเจ็บแค้นที่พ่อทำให้เราลำบาก ชอบด่าว่าเราเจ็บๆ

    พออุ้มพ่อขึ้นมาจากเรือ... ถึงหัวสะพาน
    จับร่างพ่อกระแทกกับหัวสะพาน ก้นพ่อกระแทกกับ พื้นไม้อย่างแรง
    เสียงดังโครม....

    พ่อแกร้องไห้.... แล้วพูดว่า
    “ ไอ้ยอมนะ... ไอ้ยอม.. กูอุ้มมึงมาแต่เล็กแต่น้อย....
    กูนอนหลับ.. แต่มึงไม่ยอมนอน... ร้องไห้กวน..
    กูต้องลุกมาอุ้มมึง...ร้องเพลงกล่อมให้มึงนอน
    จะไปไหนมึงไม่ไหว.. มึงเหนื่อย. . กูก็ต้องอุ้มมึง.. ทั้งที่กูก็เหนื่อย

    กูอุ้มมึง.. มึงทั้งขี้..ทั้งเยี่ยว.. ใส่กู
    แต่กูไม่เคยทุ่มมึงลงกับพื้นเลย....
    เพราะกูรักมึง......

    วันนี้...มึงอุ้มกู เหล้ากูไม่ได้หกโดนมึงสักนิด มึงทุ่มกูลงพื้นทำไม.....”
    พอพ่อพูดจบ น้ำตาไม่รู้มาจากไหน มันไหลพรูลงมาอาบสองแก้ม
    อาตมาเจ็บปวดหัวใจเหลือเกิน
    ก้มลงกราบพ่อ แล้วพูดว่า

    “ พ่อครับ ต่อจากนี้ไป... ผมจะอุ้มพ่อตลอดชีวิต
    โดยไม่บ่นและทุ่มพ่อ ลงพื้นอีกแล้วละครับ”
    หลังจากนั้น อาตมาทำงานอย่างหนักเพื่อมาให้พ่อ หวังให้พ่อสบายขึ้น
    แต่เมื่อถึงวันนั้น มันก็สายไปแล้ว
    โยมพ่อได้จากอาตมาไปแล้ว

    คิดแล้วมันทรมานใจเหลือเกิน
    อาตมาทำผิดพลาดไปแล้ว และแก้ไขไม่ได้
    จึงอยากเตือนทุกคนเอาไว้ ไม่อยากให้เสียใจไปตลอดชีวิต

    ** แล้วคุณล่ะ..
    เคยทำอะไรให้พ่อเสียใจบ้างหรือเปล่า

    บางครั้งเราอาจเข้าใจท่านผิดบ้าง
    บางครั้งท่านเฉยเราก็คิดว่าท่านไม่สนใจ
    แต่พอเราโตเราก็จะรู้เองว่า
    สิ่งที่ท่านทํากับเรามันเป็นสิ่งที่ท่านหวังดีกับเราเสมอ

    ขอให้รู้จักค้นหาหัวใจตัวเองให้ทันเวลา
    ก่อนที่ทุกอย่างมันจะสายเกินไป....."สำหรับบางคน......

    บางสิ่งบางอย่าง ลำบ๊ากลำบาก แต่เราสามารถ มุมานะทำเพื่อแฟนหรือคนรักของเรา
    แต่บางสิ่งง่ายๆ สำหรับพ่อแม่ของเรา เรากลับไม่ค่อยอยากทำให้ท่าน
    ทั้งๆที่ท่านลำบากเลี้ยงเรามา มาคิดได้เมื่อสายไปแล้ว....

    เคยได้ยินมาว่า....
    ข้าวร้อนๆกับปลาเค็ม 1 ชิ้น ตอนพ่อแม่มีชีวิตอยู่
    มีค่ามากกว่า "เนื้อมังกร...หน้าศพ" ตอนพ่อแม่ตาย...



    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 27 ธันวาคม 2016
  2. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,103
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,003
    ค่าพลัง:
    +69,974
    15823019_1255777567845253_2646081877109397094_n.jpg
     
  3. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,103
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,003
    ค่าพลัง:
    +69,974
    อาตมาจะเล่าเรื่องของพระโพธิสัตว์ผู้มีนามว่า “ลูกสาวที่รัก” เพื่อเป็นตัวอย่าง พระโพธิสัตว์องค์นี้ได้ชื่อมาจากพ่อแม่ของท่าน ซึ่งเชื่อว่าการเอาชื่อผู้หญิงมาตั้งให้ลูกชายของตนจะเป็นเคล็ดให้ลูกชายมีอายุยืนยาว แม้ว่าท่านจะถือกำเนิดเป็นผู้ชายและมีสุขภาพแข็งแรงดี แต่บิดามารดาของท่านก็คิดว่าชีวิตของท่านอาจจะสั้นด้วยเหตุนี้เลยตั้งชื่อให้เป็นเด็กผู้หญิง

    ลูกสาวที่รักเป็นบุตรชายของคฤหบดีผู้มั่งคั่งและยึดมั่นในธรรมชาวอินเดีย บิดาของท่านทำการค้าขายเพชรพลอยและต้องออกเรือเดินทางไปยังดินแดนสุวรรณภูมิเพื่อไปซื้อไข่มุกและเพชรนิลจินดาอื่นๆ แต่เมื่อลูกสาวที่รักยังเป็นเด็กทารกอยู่ บิดาของท่านก็จมน้ำตายไปเนื่องจากเรือล่ม มารดาของพระโพธิสัตว์ได้เลี้ยงดูท่านมา และเกรงว่าจะเสียท่านไปในทะเลด้วยอีกคน แม้ว่าตามธรรมเนียมของอินเดียสมัยก่อนลูกชายจะต้องประกอบอาชีพเดียวกับบิดา แต่มารดาของท่านก็มิได้บอกแก่ท่านว่าบิดาของตนประกอบอาชีพอะไร

    เมื่อพระโพธิสัตว์เติบโตมาเป็นวัยรุ่น ก็เริ่มรบเร้ามารดาถามว่าบิดาของตนประกอบอาชีพอะไรเพื่อให้ตนเองได้เป็นผู้นำครอบครัวและหาเลี้ยงมารดา แต่เมื่อพระโพธิสัตว์ถามเกี่ยวกับอาชีพของบิดา มารดาของท่านก็ตอบว่าบิดาของท่านเป็นพ่อค้าขายข้าว ดังนั้นพระโพธิสัตว์จึงได้ประกอบอาชีพขายข้าว กำไรใดๆที่จากการทำธุรกิจพระโพธิสัตว์ก็มอบให้แก่มารดาจนหมดสิ้น หลังจากนั้นไม่นาน ก็มีคนรู้จักบางคนมาบอกว่า บิดาของท่านไม่ได้เป็นพ่อค้าข้าว พระโพธิสัตว์จึงมาถามแม่ แม่ก็ตอบไปว่าจริงๆแล้วบิดาของท่านเป็นพ่อค้าขายผ้า พระโพธิสัตว์ก็ยึดอาชีพขายผ้า และก็นำกำไรทั้งหมดมามอบให้แม่อีกเช่นเคย จากนั้นก็มีคนมาบอกพระโพธิสัตว์ว่า บิดาของตนไม่ใช่พ่อค้าผ้า พระโพธิสัตว์ก็มาถามแม่อีกเช่นเคย ซึ่งก็ได้รับคำตอบว่าบิดามีอาชีพเป็นพ่อค้าขายเพชรพลอย จากนั้นพระโพธิสัตว์ก็ยึดอาชีพนี้และก็ให้กำไรแก่มารดาเหมือนเดิม

    หลังจากนั้นไม่นานก็มีคนมาบอกแก่พระโพธิสัตว์ว่า แท้จริงแล้วบิดาของท่านเป็นกัปตันเรือเดินทางออกทะเลไปเพื่อไปรับซื้อเพชรพลอย ลูกสาวที่รักผู้เป็นพระโพธิสัตว์จึงดีใจเป็นอย่างยิ่ง และกลับมาบอกเรื่องนี้แก่แม่ของตน แม่ของพระโพธิสัตว์ยอมรับว่าที่ผ่านมาได้ปิดบังความจริงข้อนี้ไว้ไม่ให้บุตรของตนรับรู้ เนื่องจากกลัวว่าจะสูญเสียบุตรชายของตนไปอีกคน ทันทีที่ลูกสาวที่รักรู้ว่าอาชีพที่แท้จริงของบิดาของตนคืออะไร ก็ไม่มีอะไรมาหยุดยั้งท่านได้ ท่านตระเตรียมการกับเพื่อนๆเพื่อออกเดินเรือในทันที

    ค่ำวันหนึ่งพระโพธิสัตว์บอกแก่มารดาว่ากำลังจะออกเดินเรือในตอนเช้าวันรุ่งขึ้น มารดาของท่านก็อ้อนวอนขอว่าอย่าไป และเล่าเรื่องของบิดาของพระโพธิสัตว์ให้ฟังว่าได้เรือล่มและเสียชีวิตไปอย่างไร อย่างไรก็ตาม พระโพธิสัตว์ไม่ฟังมารดาของตน ดังนั้นมารดาจึงได้นอนขวางประตูเอาไว้ เพื่อที่จะได้อ้อนวอนบุตรชายของนางอีกครั้งหนึ่งในตอนเช้า อย่างไรก็ตามพระโพธิสัตว์ได้แอบหนีออกจากบ้านในตอนดึกและก็ได้เดินข้ามร่างของแม่ไป เมื่อพระโพธิสัตว์ก้าวข้ามร่างของแม่ไปนั้น ก็บังเอิญเท้าของท่านไปเตะถูกศีรษะของแม่เข้า

    เมื่อพระโพธิสัตว์ออกเดินเรือไปแล้ว ก็ได้เพชรพลอยมามากมาย แต่ระหว่างทางกลับบ้านมีพายุเกิดขึ้น และทุกคนบนเรือเสียชีวิต ลูกสาวที่รักพบว่าตนเองกำลังลอยคออยู่บนทะเลลึก ท่านลอยอยู่เป็นเวลานาน จนกระทั่งมาถึงเกาะแห่งหนึ่งซึ่งสวยงามมาก มีหญิงสาวสวยจำนวนมากคอยเชื้่อเชิญให้ท่านพำนักอยู่บนเกาะต่อไป ซึ่งท่านก็ทำเช่นนั้น ท่านมีความสุขกับการเยือนเกาะนี้มาก ซึ่งเต็มไปด้วยสิ่งอันน่าพึงพอใจต่างๆ แต่หลังจากนั้นก็มีเสียงดังมาจากบนฟ้าว่า “จงไปยังทิศใต้” แม้ว่าหญิงสาวเหล่านี้จะเตือนท่านว่าทิศใต้มีภัยอันตรายอย่างไรก็ตาม ท่านก็เดินทางไปยังทิศใต้และได้พบกับเกาะอีกแห่งหนึ่งใหญ่กว่าเกาะแรก มีคฤหาสน์งดงามและมีหญิงสาวสวยจำนวนมาก ท่านพำนักและเป็นผู้ปกครองอยู่ที่นั่นเป็นเวลานาน แต่หลังจากนั้นก็มีเสียงดังมาจากบนฟ้าอีกว่าให้ท่านเดินทางไปทางทิศใต้ต่อไปอีก

    ในตอนนี้ลูกสาวที่รักเดินทางมาถึงเกาะหน้าตาแปลกประหลาดแห่งหนึ่ง ซึ่งมีเรือนทำด้วยเหล็กตั้งอยู่ เมื่อท่านเข้าไปข้างในก็มองเห็นชายคนหนึ่งซึ่งสมองของท่านกำลังถูกบดขยี้ด้วยเครื่องจักรเหล็กที่หมุนอย่างรวดเร็วบนหัวของเขา ชายคนนี้เห็นได้ชัดว่ามีความเจ็บปวดทรมานเป็นอย่างยิ่ง เมื่อลูกสาวที่รักถามชายคนนี้ว่าทั้งหมดนี้หมายความว่าอย่างไร ชายคนนั้นก็ตอบว่าเป็นผลของกรรมที่ครั้งหนึ่งได้เคยเตะแม่ของตนที่ศีรษะ ในขณะนั้นเอง พระโพธิสัตว์ก็จำได้ว่าตนเองก็ได้เคยเตะแม่ของตนเองโดยไม่ตั้งใจเข้าที่ศีรษะเหมือนกัน ท่านกังวลเป็นอันมากว่าจะเกิดอะไรขึ้นแก่ท่าน และก็เริ่มมองเห็นสิ่งต่างๆสิ่งดีๆที่เกิดแก่พระโพธิสัตว์บนเกาะสองแห่งนั้นเป็นผลกรรมจากการที่ท่านทำดีให้แก่แม่ด้วยการมอบกำไรจากการค้าขายให้แก่ท่าน แต่ในท้ายที่สุดอกุศลกรรมก็ตามมาถึงตัวท่าน ท่านไม่เชื่อฟังคำอ้อนวอนของมารดาและยังปฏิบัติต่อมารดาในทางที่ไม่สมควร กรรมนี้ทำให้ท่านต้องมาอยู่ในสถานที่เช่นนี้ เมื่อท่านเริ่มรู้สึกเป็นกังวล ก็มีเสียงดังมาจากท้องฟ้าว่า “บัดนี้ถึงตาของเจ้าแล้ว” ทันใดนั้นกงจักรเหล็กที่ปั่นอยู่บนหัวของชายคนนั้น ก็ลอยออกมาปั่นบนหัวของพระโพธิสัตว์แทน และท่านก็เจ็บปวดทรมานยิ่งนัก ศีรษะของท่านถูกบดขยี้และแยกออกเป็นเสี่ยงๆ ไม่มีการจบสิ้นมีแต่จะแย่ลง

    เนื่องจากไม่มีทางหลีกเลี่ยงหรือหลบหนี เลยเกิดความคิดหนึ่งในใจของพระโพธิสัตวว่า “ไหนๆเรื่องนี้ก็เกิดแก่เราแล้ว เราไม่อาจหนีออกจากความทุกข์นี้ไปได้ แต่อาจจะมีผู้อื่นที่เป็นแบบเดียวกับเรากับของชายคนนี้ ที่ได้ปฏิบัติต่อแม่ในทางที่ไม่ดี เนื่องจากเราเองต้องทนทุกข์อยู่อย่างนี้ ก็ขอให้ความเจ็บปวดทั้งหมดมาอยู่ที่ตัวข้าพเจ้าแต่เพียงผู้เดียวและขอให้สัตว์โลกอื่นๆจงอย่าได้ประสบกับความเจ็บปวดเช่นนี้เลย”

    ทันทีที่พระโพธิสัตว์ตั้งจิตปรารถนาเช่นนี้ กงจักรก็หยุดหมุน และท่านก็ได้ไปเกิดใหม่เป็นเทวบุตรอยู่บนสวรรค์ชั้นดุสิต และได้เป็นพระโพธิสัตว์ผู้ยิ่งใหญ่ ...

    เตชุง ริมโปเช ใน"การเห็นทางธรรมสามระดับ"



    ----------------------------------------------------------------------

    เครดิต

     

แชร์หน้านี้

Loading...