ธรรมะจากเพจต่างๆ พระสายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต

ร่างกายของเรานี้ที่เราได้มานี่
มันเป็นสิ่งที่ไม่เที่ยง
เพราะมันจะต้องเกิดแล้วดับ
เวลาก่อนนั้นเราก็เด็ก
มาอีกหน่อยเราก็เป็นหนุ่มเป็นสาว
มาอีกหน่อยเราก็เป็นคนมีอายุ
มาอีกหน่อยเราก็แก่ลงซะแล้ว
รอว่า..วันไหนจะตาย วันไหนจะดับจิต
เวลาที่ยังไม่ตายก็มีเสียง
เวลาตายก็หมดเสียง
คือความหมายว่าหมดชาติ

โอวาทธรรมคำสอน
( หลวงพ่อวิริยังค์ สิรินธโร )

…..สาธุธรรมอันประเสริฐ…



ที่มา ธรรมะพระป่ากรรมฐาน สายหลวงปู่มั่น

 

ที่มา ธรรมะพระป่ากรรมฐาน สายหลวงปู่มั่น

 

กฐิน จึงเป็นเรื่องสนับสนุนพระพุทธศาสนา
บำรุงพระภิกษุ สามเณร ผู้ประพฤติปฏิบัติ
ให้มีโอกาสเวลาได้ตั้งหน้าตั้งตา
กระทำบำเพ็ญคุณงามความดีของท่าน
เพราะพระภิกษุสามเณรก็เป็นมนุษย์ ไม่ใช่พระอิฐพระปูน
ปากก็มี ท้องก็มี มีการฉัน การนุ่งห่ม เหมือนกันกับฆราวาส

ถ้าท่านไม่มีอะไรที่จะขบจะฉัน ไม่มีอะไรจะนุ่งห่ม
ไม่มีที่พักที่อาศัย ไม่มีอะไรที่จะแก้โรคภัยไข้เจ็บ
เมื่อเกิดหนาวมาหาผ้านุ่ง ผ้าห่มไม่มี
เมื่อร้อนมาหาที่อยู่ที่อาศัยไม่มี
จะมีกำลังกายกำลังใจประพฤติปฏิบัติธรรมวินัยได้อย่างไร

ผู้บำรุงรักษาให้ทาน
ต่อพระภิกษุสามเณรในวัดวาศาสนา
จึงได้ชื่อว่า
เป็นผู้สนับสนุนพระพุทธศาสนา
ให้ดํารงคงเส้นคงวายาวนานต่อไป



ที่มา เมตตาธรรม ศิษย์พระธุดงค์กรรมฐาน สายหลวงปู่เสาร์-หลวงปู่มั่น

 

ที่มา ธรรมะของพระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต

 

การภาวนาตามแนวทาง
หลวงปู่เสาร์ กันตสีโล
ซึ่งเป็นพระอาจารย์ของ
องค์หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
ท่านทั้งสองสอนให้นั่งสมาธิ..
ก่อนที่จะนั่งสมาธิ ต้องกราบพระเสียก่อน
กราบที่ไหนก็ได้ ไม่จำเป็นต้องมีพระพุทธรูป
ให้พระพุทธรูปอยู่ในใจของเรา
แล้วน้อมระลึกถึง พุทโธ ธัม สังโฆ

โอวาทธรรม
( หลวงพ่ออินทร์ถวาย สันตุสสโก )
…..สาธุธรรมอันประเสริฐ……



ที่มา ธรรมะพระป่ากรรมฐาน สายหลวงปู่มั่น

 

พระอาจารย์สุธรรม สุธัมโม
วัดป่าหนองไผ่ อ.เมือง จ.สกลนคร



ที่มา พระกรรมฐาน สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต

 

เมื่อกว่า ๖๐ ปีที่แล้วในหลวงทรงผนวช ณ วัดบวรนิเวศน์วิหาร เมื่อกาลล่วงเลยมาตามสัจธรรมของชีวิต
บัดนี้พระบรมราชสรีรางคารของท่าน ทรงประดิษฐาน ณ ฐานพุทธบัลลังก์พระพุทธชินสีห์ วัดบวรนิเวศวิหาร



ที่มา เมตตาธรรม ศิษย์พระธุดงค์กรรมฐาน สายหลวงปู่เสาร์-หลวงปู่มั่น

 

แต่ก่อนธรรมไปอยู่ที่ไหนเล่า
ท่านจึงไม่เห็น
ท่านจงทราบเสียแต่บัดนี้เป็นต้นไป
ธรรมอยู่ที่ใจ
นั่นแลคือฐานของจิต ฐานของธรรม
ฐานของความเชื่อมั่นในธรรม
และฐานแห่งมรรคผลนิพพานอยู่ที่นั่นแล

โอวาทธรรม
( หลวงปู่ขาว อนาลโย )

……สาธุธรรมอันประเสริฐ…..



ที่มา ธรรมะพระป่ากรรมฐาน สายหลวงปู่มั่น

 

” ธชัคคสูตรบรรยาย “พระนิพนธ์ สมเด็จพระญาณสังวร

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ส่วนเราแล กล่าวอย่างนี้ว่า
ถ้าว่า เพื่อท่านทั้งหลายไปอยู่ในป่าก็ตาม
ไปอยู่ทีโคนไม้ก็ตาม ไปอยู่ที่เรือนเปล่าก็ตาม
ความกลัว ความหวาดสะดุ้ง
หรือความขนพองสยองเกล้า ที่บังเกิดขึ้นในสมัยใด
ในสมัยนั้น ท่านทั้งหลายพึงระลึกถึงเรานั่นเทียวว่า

อิติปิ โส ภควา อรหฺ สมฺมาสมฺพุทโธ
แม้เพราะเหตุนี้ ๆ พระผู้มีพระภาคเจ้านั้น

อรหํ เป็นผู้ไกลกิเลส เป็นผู้ควรไหว้ ควรบูชา

สมฺมาสมฺพุทฺโธ เป็นผู้รู้ชอบเอง

วิชฺชาจรณสมฺปนฺโน เป็นผู้บริบูรณ์แล้วด้วยวิชชาและจรณะ

สุคโต เป็นพระสุคตผู้เสด็จไปดีแล้ว

โลกวิทู เป็นผู้ทรงรู้โลก

อนุตฺตโร ปุริสทมฺมสารถิ เป็นผู้ฝึกบุรุษผู้ควรฝึก ไม่มีผู้อื่นยิ่งกว่า

สตฺถา เทวมนุสฺสานํ
เป็นศาสดาผู้สอนของเทพดา และมนุษย์ทั้งหลาย

พุทฺโธ เป็นผู้เบิกบานแล้ว

ภควา เป็นผู้จำแนกธรรม ดั่งนี้

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เพราะว่าเมื่อท่านทั้งหลาย
ตามระลึกถึงเราอยู่ ความกลัวก็ดีความหวาดสะดุ้งก็ดี
ความขนพองสยองเกล้าก็ดี ที่จักมี ก็จักหายไป
ถ้าท่านทั้งหลายไม่ระลึกถึงเรา ทีนั้นพึงระลึกถึงพระธรรมว่า

สฺวากฺขาโต ภควตา ธมฺโม
พระธรรมอันพระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสดีแล้ว

สนฺทิฏฺฐิโก เป็นธรรมอันบุคคลพึงเห็นเอง

อกาลิโก เป็นธรรมให้ผลไม่มีกาล เป็นของไม่มีกาลเวลา

เอหิปสฺสิโก เป็นธรรมอันจะพึงเรียกร้องให้มาดูได้

โอปนยิโก เป็นธรรมอันบุคคล
ควรน้อมเข้ามาใส่ใจ หรือควรน้อมเข้ามาในตน

ปจฺจตฺตํ เวทิตพฺโพ วิญฺญูหีติ
เป็นธรรมอันวิญญูชนทั้งหลายพึงรู้เฉพาะตัวดังนี้

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เพราะว่าเมื่อท่านทั้งหลาย
ตามระลึกถึงพระธรรมอยู่ ความกลัวก็ดี
ความหวาดสะดุ้งก็ดี ขนพองสยองเกล้าก็ดี
ที่จักมี ก็จักหายไป
ถ้าท่านทั้งหลายไม่ระลึกถึงพระธรรม
ทีนั้นพึงระลึกถึงพระสงฆ์ว่า

สุปฏิปนฺโน ภควโต สาวกสงฺโฆ
พระสงฆ์สาวก ของพระผู้มีพระภาคเจ้าเป็นผู้ปฏิบัติดีแล้ว

อุชุปฏิปนฺโน ภควโต สาวกสงฺโฆ
พระสงฆ์สาวก ของพระผู้มีพระภาคเจ้าเป็นผู้ปฏิบัติตรงแล้ว

ญายปฏิปนฺโน ภควโต สาวกสงฺโฆ
พระสงฆ์สาวก ของพระผู้มีพระภาคเจ้า เป็นผู้ปฏิบัติถูกแล้ว
หรือปฏิบัติเป็นธรรมแล้ว หรือเป็นผู้ปฏิบัติเพื่อความรู้แล้ว

สามีจิปฏิปนฺโน ภควโต สาวกสงฺโฆ พระสงฆ์สาวก
ของพระผู้มีพระภาคเจ้า เป็นผู้ปฏิบัติชอบแล้ว

ยทิทํ จตฺตาริ ปุริสยุคานิ คือ คู่แห่งบุรุษบุคคลทั้งหลาย ๔

อฏฺฐ ปุริสปุคฺคลา บุรุษบุคคลทั้งหลาย ๘

เอส ภควโต สาวกสงฺโฆ นี่พระสงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้า

อาหุเนยฺโย เป็นผู้ควรสักการะที่พึงนำมาบูชา

ปาหุเนยฺโย เป็นผู้ควรของต้อนรับ

ทกฺขิเนยฺโย เป็นผู้ควรทักษิณาคือของทำบุญหรือควรทำบุญ

อญฺชลิกรณีโย
เป็นผู้ควรอัญชลีคือควรพนมมือไหว้ คือแสดงความเคารพ

อนุตฺตรํ ปุญฺญกฺเขตฺตํ โลกสฺส
เป็นนาบุญของโลก ไม่มีนาบุญอื่นยิ่งกว่า ดังนี้

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เพราะว่าเมื่อท่านทั้งหลาย
ระลึกถึงพระสงฆ์อยู่ ความกลัวก็ดีความหวาดสะดุ้งก็ดี
ขนพองสยองเกล้าก็ดี ที่จักมี ก็จักหายไป
ข้อนั้นเป็นเหตุแห่งอะไร

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เหตุว่าพระตถาคต
เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
มีราคะสิ้นไปแล้ว มีโทสะสิ้นไปแล้ว
มีโมหะสิ้นไปแล้ว เป็นผู้ไม่กลัว
เป็นผู้ไม่หวาด เป็นผู้ไม่สะดุ้ง เป็นผู้ไม่หนี ดั่งนี้

พระผู้มีพระภาคเจ้า ได้ตรัสพระพุทธพจน์นี้
พระองค์ผู้เป็นพระสุคต ครั้นตรัสพระพุทธพจน์นี้แล้ว
ลำดับนั้น พระองค์ผู้เป็นพระศาสดา
จึงตรัสพระพุทธพจน์นั้นอีกว่า

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เมื่อท่านทั้งหลายอยู่ในป่า
หรือที่โคนไม้ หรือในเรือนว่าง
พึงระลึกถึงพระสัมพุทธ
ความกลัวก็จะไม่พึงมีแก่ท่านทั้งหลาย
ถ้าท่านทั้งหลายไม่ระลึกถึงพระพุทธซึ่งเป็นใหญ่
เป็นผู้เจริญที่สุดในโลก ประเสริฐแห่งนรชน
ทีนั้นพึงระลึกถึงพระธรรม
อันเป็นเครื่องนำออก ที่เราแสดงไว้ดีแล้ว
ถ้าท่านทั้งหลายไม่ระลึกถึงพระธรรม
อันเป็นเครื่องนำออก ที่เราแสดงไว้ดีแล้ว
ทีนั้นพึงระลึกถึงพระสงฆ์
ซึ่งเป็นนาบุญของโลก ไม่มีนาอื่นยิ่งกว่า

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เมื่อท่านมาระลึกถึง
พระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์อยู่อย่างนี้
ความกลัวก็ดี ความหวาดสะดุ้งก็ดี
ขนพองสยองเกล้าก็ดี จักไม่มีแล



ที่มา ธรรมะพระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต

 

เจริญธรรมบรรดาพุทธบริษัทผู้ฝักใฝ่ในกุศลทั้งหลายผู้ที่สนใจในธรรมะ เพื่อเป็นคติธรรมในการพิจารณาธรรมะ ให้เข้าใจในเรื่องของธรรมะกันอย่างที่จะต้องศึกษาค้นคว้าวิจัยธรรมกันอย่างต่อเนื่อง ชนิดที่ขาดไม่เลยในชีวิต ธรรมะมันอยู่ในส่วนลึกของมโนวิญญาณ จิตใจ เมื่อน้อมธรรมะเข้ามาสู่จิต ทำให้อารมณ์นั้นระงับดับไฟในใจได้ ในขณะที่เราพิจารณา สติปัฏฐานสูตร ใคร่ควรอยู่เสมอว่า เราต้องวิเคราะห์ข้อมูลที่ได้รับในการฟังธรรมะทุกครั้ง ว่าเรามีสติ สัมปชัญญะรู้สึกตัวทั่วพร้อมในขณะนั่งฟังอยู่หรือเปล่า เมื่อเราพิจารณาเห็นว่ากายสังขารจะเห็นว่าสภาวะจิตที่ทรงตัวอยู่สงบนิ่งอยู่ในอารมณ์ เราก็ควรที่จะสังเกตุอาการและจดจ่อเพ่งดูในกาย เห็นกายในกาย ไม่ให้สตินั้นเคลื่อนออกไปนอกกาย ถ้าเราสนใจในการฟัง ผู้ฟังนั้นจะต้องมีสติ ระลึกได้และก็ตั้งใจทำสมาธิ สมาธิ แปลว่า ความตั้งใจมั่น คือเราตั้งใจในการฟังและได้ฝึกหัดทำสมาธิอยู่ต่อเนื่องบ่อยๆ เราจะไม่รู้สึกถึงเวทนาที่ใจในสิ่งที่เราผัสสะ กระทบ สัมผัส เกิดความรู้สึกนึกคิด สติกำหนดพิจารณาเวทนาก็ให้รู้เท่าทันตามให้ทันจิต เห็นเวทนาในเวทนา เมื่อจิตเสวยอารมณ์เวทนา สุข ทุกข์หรือ ไม่ทุกข์ไม่สุขก็ให้อุเบกขาปล่อยวาง…
เมื่อสติตั้งมั่นอยู่แล้วทำให้สมาธิสมบูรณ์มากพอที่จะเข้าใจสภาวะแห่งธรรม พิจารณาเห็นชอบในสัมมาทิฏฐิ แปลว่า ปัญญาอันเห็นชอบในธรรม เมื่อลงความคิดเห็นในประเด็นที่ว่า ผู้ตั้งใจฟังธรรมะอย่างต่อเนื่องย่อมพบฝั่งนิพพาน มาเข้าเรื่องกันต่อถึงสภาวะธรรมที่ปรากฏอยู่เนื่องในกุศลธรรม ในการทำสมาธิจะต้องมีความเพียร ( วิริยะ ) ก็อย่างที่พูดไปเบื้องต้น การที่จะเข้าถึงธรรมมันไม่ใช่เรื่องยากหากแต่เรายังไม่ได้ลงมือปฏิบัติธรรมเพราะการประพฤติปฏิบัติธรรมนั้นต้องอาศัยความเพียรความขยันอุสาหะ อดทนอดกลั่นขันติ ต่อสู้กับใจตนคอยระมัดระวังสำรวมอินทรีสังวร คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ในสถานที่ ที่เรายืน เดิน นั่ง นอน สำรวจตรวจเช็กพิจารณาเห็นจิตในจิตภายในและภายนอก ภายนอกคือ รูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส เย็น ร้อน อ่อน แข็ง ตึง ไหว ในกิริยาบถและอิริยาบถ ให้จิตนั้นมีสติ ระงับในสิ่งที่เราเคยยึดมั่นถือมั่นในธรรมารมณ์ วิจัยธรรมคือต้อง ๑. เพียรระวังไม่ให้บาปที่เกิดขึ้นในสันดาน ๒.เพียรละบาปที่เกิดขึ้นในสันดานแล้ว ๓. เพียรให้กุศลเกิดขึ้นในสันดาน ๔. เพียรรักษากุศลที่เกิดขึ้นแล้วไม่ให้เสื่อม
กุศล แปลว่า ฉลาด จะเรียนว่าผู้มีปัญญาอย่างฌานฉลาด เราต้องเข้าใจอย่างนี้ถึงจะถูกต้อง เมื่อเห็นจิตในจิตก็ให้วิจารญาณในธรรมคือเห็นธรรมในธรรม ธรรมคือธรรมชาติ ธรรมคือปกติ ธรรมคือธรรมดา โดยธรรชาติมนุษย์เกิดมาด้วยแรงวิบากกรรม เมื่อเกิดมาตัวเราหรือสังขาร คือการปรุงแต่ง เมื่อพิจารณาเห็นว่าธรรมคือการเปลี่ยนแปลงของธาตุขันธ์ที่จิตอาศัยอยู่และเกืี้อกูลระหว่างกันอยู่แต่สรีระร่างกายสังขารเห็นว่าคงไม่ถึง ๑๐๐ ปีก็จะลาโลกนี้แล้ว สรีระร่างกายสังขารนั่นไม่เที่ยงมีการเปลี่ยนแปลงของธาตุขันธ์อยู่ตลอดเวลา บ้างเวลาก็ไม่เจ็บก็ไม่ปวดก็ไม่เมื่อย บ้างเวลาก็เจ็บป่วยไข้ก็เป็นธรรมดาของสังขาร เมื่อเราเข้าไปยึดมั่นถือมั่น ในสังขาร เราก็จะไม่เห็นสภาพของสังขารที่แท้จริง หรือไม่เห็นตามความจริงที่ปรากฏ บ้างคนระลึกถึงสัญญาเก่า สัญญาใหม่ใน รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณจึงมีตัวมีตน ตัวเราตัวเขา ของเรา ของเขา…
มนุษย์โลกที่ยังละเมิดศีลละเมิดธรรม เบียดเบียนซึ่งกันและกันอยู่ไม่เคารพกฏแห่งธรรมชาติ ไม่เคารพสิทธิล่วงละเมิดมนุษยธรรม ไม่เคารพกฏกติกามารยาทบ้านเมืองก็เห็นกันอยู่ในปัจจุบัน ผู้ไม่แจ้งในสังขารไม่แจ้งธรรมในธรรม คนพวกนี้น่าสงสาร ธรรมะ คือหน้าที่ หน้าที่ของสรีระร่างกายสังขารของเราเปลี่ยนแปลงเป็นปกติอยู่แล้ว เราก็ใคร่ควรอยู่เสมอว่า ทุกสรรพสิ่งในโลกนี้มันไม่เที่ยง มันเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และก็ดับไปเป็นธรรมดา ไม่มีอะไรจีรังยั่งยืนหรือคงสภาพเดิมได้ ทุกสิ่งทุกอย่างย่อมเสื่อมเป็นธรรมดา เราจะเป็นเจ้าภาพก็ไม่ได้เราจะยึดว่าเป็นตัวเราตัวเขาหรือของเราของเขาก็ไม่ได้ เพราะสุดท้ายไม่มีอะไรเป็นของเราเลย มีแต่กุศลกรรม ฝ่ายบุญ และอกุศลกรรม ฝ่ายบาป หรืออยู่เฉยๆก็เป็นกรรมของเรา เมื่อเราได้ก่อเวรสร้างกรรม กรรมดีกรรมชั่วก็จะติดตัวเราไปและโคจรไปรับวิบากกรรมทั้งสองโดยสมเหตุสมผลกรรมนั้นๆ โดยกฏแห่งกรรม
ฉะนั่นเอง เราต้องใช้สติ ปัญญา พิจารณาสติปัฏฐานสูตรโดยรอบรู้ รอบครอบ หยั่งรู้ ละเอียด รู้ เห็น แจ้ง ทั้งภายในและภายนอก เห็นสภาวะทั้งมวลเป็นอนัตตาธรรม เมื่อวินิจฉัยด้วยสัมมาทิฏฐิเราก็จะเห็นอริยสัจ ๔ เห็นทุกข์ สมุทัย นิโนธ มรรค เห็นแจ้งในการ เกิด แก่ เจ็บ ตาย อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา เป็นธรรมชาติของสัตว์รวมทั้งตัวเราด้วย และอย่ากลัวในสิ่งที่ยังมาไม่ถึงยังไงก็ต้องตายอยู่ดี อย่าได้กลัวความตายที่จะมาทุกขณะ อย่าให้ความกลัวนั่นมาแย่งทุกอย่างไปจากเรา และสุดท้ายอย่ากลัวการปฏิบัติธรรม ก็ขอยุติเอาไว้แต่เพียงเท่านี้ก่อน จงเจริญในธรรม

ที่มา ธรรมะของพระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต

 

ขอเชิญร่วมทำบุญตักบาตรอาหารสด-อาหารแห้ง พระธุดงคกรรมฐานสายท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต จำนวน 20 รูป และรับฟังพระธรรมเทศนาพ่อแม่ครูอาจารย์ ในวันเสาร์ ที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ.2560 เวลา 07.30 น. ณ คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี เนื่องในโอกาสครบรอบ 3 ปี แห่งการก่อตั้งชุมนุมพุทธธรรมกรรมฐาน คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี

************************

กำหนดการ

-:- วันเสาร์ ที่ 25 พฤศจิกายน 2560 -:-

เวลา 07.00 น. พ่อแม่ครูอาจารย์เดินทางมาถึงห้องนิติรัฐ ชั้น 1 คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี
เวลา 07.30 น. พ่อแม่ครูอาจารย์ รับบิณฑบาต หน้าคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี

*** รายนามพ่อแม่ครูอาจารย์ที่กราบอาราธนามาร่วมงานในครั้งนี้ ***

1. พระราชภาวนาวิกรม (หลวงปู่เลี่ยม ฐิตธัมโม) วัดหนองป่าพง อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี
2. พระครูพัฒนกิจวิศาล (หลวงปู่คำ นิสโสโก) วัดไทยพัฒนา อ.เดชอุดม จ.อุบลราชธานี
3. พระครูสุวรรณโพธิเขต (หลวงปู่คูณ อัคคธัมโม) วัดป่าโพธิ์สุวรรณ อ.พิบูลมังสาหาร จ.อุบลราชธานี
4. หลวงพ่อไพฑูรย์ ขันติโก วัดสุภัททมงคล อ.ม่วงสามสิบ จ.อุบลราชธานี
5. พระครูสุชีพภาวนาภิวัตร (หลวงปู่เข็ม สุชีโว) วัดป่าโนนนิเวศน์ (ห้วยซันเหนือ) อ.นาจะหลวย จ.อุบลราชธานี
6. พระวิบูลธรรมาภรณ์ (หลวงเตี่ย/ชาย ชาคโร) วัดสุปัฏนาราม อ.เมือง จ.อุบลราชธานี
7. พระวิชัยมุนี (หลวงพ่อไพฑูรย์ เมตตจิตโต) วัดสำราญนิเวศ อ.เมือง จ.อำนาจเจริญ
8. พระครูบรรหารอุบลคุณ (หลวงพ่อกิตติ ติสโร) วัดป่าสนามชัย อ.พิบูลมังสาหาร จ.อุบลราชธานี
9. พระครูอุบลธรรมวิศิษฏ์ (พระอาจารย์วิศิษฏ์ศักดิ์ กัลยาโณ) วัดบูรพา อ.เมือง จ.อุบลราชธานี
10. พระครูสมุห์มงคล เตชธโร วัดสระประสานสุข อ.เมือง จ.อุบลราชธานี

( รวมพ่อแม่ครูอาจารย์และพระติดตามเป็นทั้งหมด 20 รูป )

เวลา 08.00 น. ประธานฝ่ายฆราวาสจุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย , พิธีไหว้พระ , รับศีล , พ่อแม่ครูอาจารย์เจริญพระพุทธมนต์
เวลา 08.30 น. ถวายภัตตาหารพ่อแม่ครูอาจารย์ , พ่อแม่ครูอาจารย์ให้พร , ฉันภัตตาหาร
เวลา 09.30 น. แสดงพระธรรมเทศนา โดยพระราชภาวนาวิกรม (หลวงปู่เลี่ยม ฐิตธัมโม) วัดหนองป่าพง อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี
เวลา 10.15 น. เสร็จพิธี

************************

ดูรายละเอียดได้ที่ เพจ : ชุมนุมพุทธธรรมกรรมฐาน คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี หรือ โทร. 086-4017809 , 063-5082286

************************

ผู้มีจิตศรัทธาสามารถร่วมทำบุญค่าภัตตาหาร และ ค่าพาหนะถวายพ่อแม่ครูอาจารย์ ได้ที่ : ธนาคารกรุงไทย สาขายิ่งเจริญปาร์ค ประเภทออมทรัพย์ เลขที่บัญชี 452-0-51078-3 ชื่อบัญชี นายอริยเดช สุดถนอม



ที่มา พระกรรมฐาน สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต

 

ในหลวงพระองค์ท่านทรงตรากตรำงานเพื่อใคร
พสกนิกรลูกหลานชาวไทยย่อมรู้ดี



ที่มา ธรรมะพระป่ากรรมฐาน สายหลวงปู่มั่น

 

“ถ้าตามใจของตนไม่ทัน หรือไม่เห็นใจตน มันจะไป หรือจะอยู่ หรือมันจะคิดดี คิดร้ายอย่างไร ก็ไม่รู้เรื่องของมัน นั้นใช้ไม่ได้เลย จมดิ่งลงกามภพโดยแท้”

หลวงปู่ดูลย์ อตุโล





ที่มา ธรรมะของพระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต

 

ที่มา ธรรมะพระป่ากรรมฐาน สายหลวงปู่มั่น

 

เรื่องราวสุดประทับใจ_เมื่อครั้งในหลวงพบหลวงพ่อคูณ

อีกหนึ่งเรื่องราวสุดประทับใจ ที่เกิดขึ้นระหว่าง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว กับพระเทพวิทยาคม หรือ หลวงพ่อคูณ ปริสุทฺโธ เจ้าอาวาสวัดบ้านไร่ ที่ถูกนำมาเผยแพร่ลงบนโซเชียลเมื่อหลายปีก่อน หากใครได้อ่านบทความนี้เป็นต้องอมยิ้มและน้ำตาซึมไปตามๆ กัน

เจ้าของบทความเปิดเผยว่า เมื่อหลายปีก่อนตอนนั้นตนยังรับใช้หลวงพ่อคูณที่วัด หลวงพ่อจะถวายเงิน 72 ล้านตามอายุของในหลวง โดยก่อนที่หลวงพ่อคูณจะได้เข้าเฝ้าฯ พบในหลวง ท่านได้พบกับสมเด็จพระเทพก่อน ซึ่งตอนนั้นก็มีข้าราชการมาเตรียม คำพูด สอน คำราชาศัพท์มากมาย จนกระทั่งพระเทพฯ เสด็จมาหาหลวงพ่อคูณ แล้วก็ทรงถามอะไรมากมาย แต่หลวงพ่อคูณไม่ได้ตอบอะไร

จนในที่สุดพระเทพฯ ท่านก็ทรงถามว่า ทำไม หลวงพ่อ ไม่พูดกับหนูละคะ หลวงพ่อคูณก็ตอบ แล้วก็พลางชี้ไปที่นายอำเภอว่า ก็ไอ้นี่ มัน ไม่ให้ กู พูดคำว่า กู กับมึง (ฮ่าๆๆๆ) พระเทพ ขำ น้ำตาซึม แล้วพอมาถึงวันงานที่ในหลวงเสด็จมา เหล่าบรรดา สส. สว. สจ. นายอำเภอ หน้าแหยๆ กัน เพราะกลัวว่า หลวงพ่อคูณจะพูด กู มึง กับในหลวง แล้วหลวงพ่อคูณท่านพูดว่า กูก็เคยเรียนภาษาไทยเนอะ รู้น่า ไม่ต้องห่วงด๊อก ไอ้นาย (หลวงพ่อคูณ พูดกับ ราชการผู้ใหญ่)

จนในที่สุดในหลวงท่านเสด็จมา ตนเองก็มีโอกาสเห็นในหลวง ใกล้ที่สุดๆชิดพระวรกาย ซึ่งในหลวงท่านถามว่า

“หากิน ลำบากไหม ?”

ตนถึงกับน้ำตาไหล พราก แล้วพระองค์ก็เดินจากไป คนแน่นวัดท่านถามแบบบนี้ กับทุกคน ถามถึงเรื่องการทำมาหากิน และความลำบาก พอท่านเสด็จกลับ หลวงพ่อคูณท่านก็เข้าวัดท่านยิ้มแก้มปริ จนเวลาผ่านไปตนก็แอบไปถามท่านว่า

“ตอนที่เดินบนโบสถ์ ผมถามจริงเถอะหลวงพ่อ
คุยอะไรเล่าให้ผมฟังหน่อย ?”

แล้วคำแรกที่หลวงพ่อกล่าวคือ มึงรู้ไหม มือพระองค์ เป็นมือ คนทำงาน อย่างก๊ะ ชาวไร่ ชาวนา แข็งกะด้าง มากๆ แล้วผมก็ถามหลวงพ่อว่า หลวงพ่อใช้คำ เรียกว่าอะไร หลวงพ่อท่านเงียบ แล้วก็ตอบว่า พระองค์ พูดประโยคแรกว่า

“หลวงพ่อครับ พูดตามปกติ นะครับ ผมเป็นคนไทย”

(เครดิตข้อมูลจาก www.news.mthai.com)



ที่มา ธรรมะพระป่ากรรมฐาน สายหลวงปู่มั่น

 

“..อานิสงส์ที่ลูกบวชให้พ่อให้แม่
ได้อานิสงส์หลายคักแท้เด้อถ้าพ่อแม่ตกนรกอยู่
ลูกที่บวชปาฏิโมกข์ครั้งหนึ่งบุญส่งให้พ่อแม่สูงขึ้นเพียงเข่า
ถ้าสวดปาฏิโมกข์ถึงสามครั้งส่งให้พ่อแม่ได้ขึ้นสวรรค์
ถ้าหากเพิ่นบ่ทันตายกะบวชให้เพิ่นเห็นเพิ่นสิได้ดีใจแน..”

หลวงปู่จันทร์เรียน คุณวโร

cr Paravatee Mayadee



ที่มา ธรรมะของพระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต

 

สิ่งไหนที่รู้ว่าผิดให้แก้ไข
แก้ที่ตน..แก้ที่ใจตน
อย่าปล่อยให้สนิมที่เกิดจากกิเลส..
ทิฐิ..มิจฉาทิฐิ..เกาะกินใจตนเอง
จนหนาแน่น จนแกะไม่ออก
จนแก้ไม่ได้..
…รู้ผิด..รู้ถูก..รู้ดี..รู้ชั่ว…
แต่ไม่รู้ตัว
ไม่รู้จักแก้ไข..แล้วจะมีประโยชน์อะไร

….สาธุธรรมอันประเสริฐ…..



ที่มา ธรรมะพระป่ากรรมฐาน สายหลวงปู่มั่น

 

” ผู้ที่จะพิจารณาให้ถึงพระนิพพาน
จะต้องเดินเหยียบย่างไปในไตรลักษณ์
คือการพิจารณากับเรื่อง
ทุกขัง เรื่อง อนิจจัง อนัตตา และอัตตา
ซึ่งเป็นกองแห่งกิเลสสุมเต็มอยู่ในนั้น

ให้ถอนอัตตานุทิฏฐิ คือความเห็นว่า
เป็นตนเป็นตัวเหล่านี้ออกเสียได้
จิตจึงจะหลุดพ้นเป็นพระนิพพาน

เพราะฉะนั้นพระนิพพานจึงเป็นพระนิพพานเท่านั้น
เป็นอัตตาเป็นอนัตตาไม่ได้
เพราะอัตตากับอนัตตาเป็นทางเดินเพื่อพระนิพพาน.”

หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน
เทิดไว้เหนือเศียรเกล้า ด้วยเกล้า สาธุ.


” ผู้ที่จะพิจารณาให้ถึงพระนิพพาน จะต้องเดินเหยียบย่างไปในไตรลักษณ์
คือการพิจารณากับเรื่อง ทุกขัง เรื่อง อนิจจัง อนัตตา และอัตตา ซึ่งเป็นกองแห่งกิเลสสุมเต็มอยู่ในนั้น
ให้ถอนอัตตานุทิฏฐิ คือความเห็นว่าเป็นตนเป็นตัวเหล่านี้ออกเสียได้ จิตจึงจะหลุดพ้นเป็นพระนิพพาน
เพราะฉะนั้นพระนิพพานจึงเป็นพระนิพพานเท่านั้น เป็นอัตตาเป็นอนัตตาไม่ได้
เพราะอัตตากับอนัตตาเป็นทางเดินเพื่อพระนิพพาน.”

หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน
เทิดไว้เหนือเศียรเกล้า ด้วยเกล้า สาธุ.

ที่มา ธรรมะพระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต

 

๒ ตุลาคม ๒๕๖๐ วันนี้ ณ สถานที่ก่อสร้างพิพิธภัณฑ์ธรรมเจดีย์ ขององค์หลวงตามหาบัว วัดป่าบ้านตาด หลวงปู่อุ่นหล้า ได้เมตตามาเยี่ยมชม การก่อสร้างพระเจดีย์ และองค์ท่านรู้สึกปลึ้มปิติ ที่ได้เห็นพระเจดีย์มีความคืบหน้าไปมาก ทั้งนี้ท่านได้ให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ทุกท่าน ชาวบ้านทุกคน ขอให้พระเจดีย์องค์หลวงตาเสร็จเร็วๆ ซึ่งหลวงปู่ท่านได้ปรารภว่า ถ้าเจดีย์องค์หลวงตาเสร็จแล้ว จะนำพระพุทธรูปทองคำมาประดิษฐานไว้ ณ ที่แห่งนี้ด้วย

(ขอขอบคุณภาพจากคุณชัย และคุณอารดิน)


๒ ตุลาคม ๒๕๖๐ วันนี้ ณ สถานที่ก่อสร้างพิพิธภัณฑ์ธรรมเจดีย์ ขององค์หลวงตามหาบัว วัดป่าบ้านตาด หลวงปู่อุ่นหล้า ได้เมตตามาเยี่ยมชม การก่อสร้างพระเจดีย์ และองค์ท่านรู้สึกปลึ้มปิติ ที่ได้เห็นพระเจดีย์มีความคืบหน้าไปมาก ทั้งนี้ท่านได้ให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ทุกท่าน ชาวบ้านทุกคน ขอให้พระเจดีย์องค์หลวงตาเสร็จเร็วๆ ซึ่งหลวงปู่ท่านได้ปรารภว่า ถ้าเจดีย์องค์หลวงตาเสร็จแล้ว จะนำพระพุทธรูปทองคำมาประดิษฐานไว้ ณ ที่แห่งนี้ด้วย

(ขอขอบคุณภาพจากคุณชัย และคุณอารดิน)

ที่มา ธรรมะพระป่ากรรมฐาน สายหลวงปู่มั่น

 

คำว่าติดต่อกันเหมือนลูกโซ่นั้น
ไม่ใช่แต่ว่านั่งอยู่ในห้องกรรมฐาน
เพียงอย่างเดียว จะไปไหนมาไหน
อาบน้ำ,ซักเสื้อ,ซักผ้า, ก็ให้มีสติ
ดูการเคลื่อนไหวของรูปกาย
และมีสติดูจิตดูใจอยู่เสมอ
นั่นแหละท่านเรียกว่าปฎิบัติ
ให้ติดต่อเหมือนลูกโซ่

โอวาทธรรมคำสอน
( หลวงพ่อเทียน จิตฺตสุโภ )

….สาธุธรรมอันประเสริฐ….



ที่มา ธรรมะพระป่ากรรมฐาน สายหลวงปู่มั่น