บุญ โชคลาภ ความร่ำรวย เกี่ยวพันกับอานิสงส์ของผลแห่งทาน

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย บ้องแบ้ว, 7 ตุลาคม 2016.

  1. บ้องแบ้ว

    บ้องแบ้ว นางฟ้าผู้น่ารัก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    3,294
    กระทู้เรื่องเด่น:
    105
    ค่าพลัง:
    +5,301
    บุญ โชคลาภ ความร่ำรวย เกี่ยวพันกับอานิสงส์ของผลแห่งทาน

    เราคงจะเคยได้พบคนที่ร่ำรวยในช่วงอายุ ที่แตกต่างกัน เป็นต้นว่า ร่ำรวยตั้งแต่เกิดมีกินมีใช้ทั้งชาติก็ไม่หมด หรือ เกิดมายากจนแต่บั้นปลายรวย หรือ แม้กระทั่งรวยในตอนหนุ่มสาวแต่กลับมาจนในตอนปลายชีวิต เรื่องนี้เป็นอานิสงส์แห่งผลทานที่ได้ทำซึ่งจะขออนุญาตอธิบายให้รับทราบกันคือ

    1. คนที่ร่ำรวยตั้งแต่ต้น
    คนที่เกิดมารวยตั้งแต่เกิดเพราะในอดีตได้ทำทานอย่างสม่ำเสมอมีความสมบูรณ์ ในเจตนาตั้งแต่ก่อนจะทำทานว่า ก่อนทำทานก็มีความยินดีมากที่จะได้ทำเพื่อหวังจะให้คนอื่นมีความสุขเมื่อได้เกิดมาจึงได้เกิดมาอยู่ในตระกูลที่ร่ำรวย ชีวิตในวัยต้นอุดมสมบูรณ์พร้อม ไม่ต้องขวนขวายเลี้ยงตัวเองมากก็มีความสุขสบาย และถ้ายิ่งได้เรียนรู้ในธรรมและไม่ประมาทในชีวิตขยันขันแข็งประกอบอาชีพอย่างสุจริตก็จะร่ำรวยได้ตลอดชีวิตไม่มีตกอับแน่นอน

    แต่ถ้าหากประมาทในการสร้างบุญกุศลและไม่รู้จักรักษาทรัพย์ที่มีไว้ให้ดีและไม่เรียนรู้จะสร้างทรัพย์ต่อมัวหลงระเริงในความสุข ก็จะพบกับความทุกข์ในเบื้องปลายได้ตามกฎแห่งกรรมที่เป็น กรรมใหม่ได้เช่นกัน

    2. คนที่ร่ำรวยในวัยกลางคน
    คนที่ร่ำรวยในวัยกลางคนเป็นเพราะ ได้ประกอบกรรมใหม่ที่เป็นกรรมดีสะสมในปัจจุบันเรื่อยไปอีกทั้งมีความขยันขันแข็งในกิจการงาน มีความซื่อสัตย์สุจริตแม้เกิดมามีฐานะยากจนหรือปานกลางก็กลายเป็นคนร่ำรวยได้เพราะการกระทำที่ดีของตนส่งผลเมื่อ รวมกับเศษบุญเก่าที่เคยทำด้วยเจตนาในการทำทานเพราะมีความบริสุทธิ์ในช่วงที่ 2 คือ ระยะระหว่างที่ให้ทานมีความบริสุทธิ์ แต่ไม่ได้บริสุทธิ์ในขณะก่อนจะให้

    เพราะช่วงก่อนที่จะลงมือทำทานนั้น ตนเองอาจจะไม่ได้มีจิตศรัทธาในกฎแห่งกรรม ไม่มีความยินดีในการให้ทานหรือในความดีมาก่อนและไม่คิดจะทำทานมาก่อนเลย แต่พอได้ตัดสินใจทำทานไปขณะที่ทำ ก็เกิดความรื่นเริงยินดีในการทำทานขึ้นมา ด้วยเศษผลบุญของระยะทานนี้ จึงได้เกิดมามีฐานะที่ไม่ร่ำรวยหรือแม้แต่ยากจนไปเลย ต้องต่อสู้สร้างฐานะด้วยตัวเองมาตั้งแต่วัยเด็ก

    แต่เมื่อถึงวัยกลางคนด้วยบุญที่สะสมไว้ทั้งในปัจจุบันและ เศษบุญจากอดีตที่ได้ทำทานขณะที่ให้ทานได้ส่งผล ทำให้ ประสบความสำเร็จเจริญรุ่งเรือง และหากในอดีตชาติเจตนาในการทำทานได้บริสุทธิ์ในระยะที่สามด้วยแล้ว บุญนั้นก็จะส่งผลให้กิจการงานที่ทำได้เจริญรุ่งเรืองตลอดไปไม่ประสบความล้มเหลวหรือหายนะในเบื้องปลายได้เลย

    แต่ถ้าหากว่าในอดีตชาติไม่ได้ทำทานด้วยสมบูรณ์ในเจตนาในระยะที่สามในบั้นปลายชีวิตก็อาจมีเหตุล้มเหลวในบั้นปลายเกิดขึ้นเพราะผลแห่งทานหมดกำลังลงไปและขึ้นอยู่กับกรรมใหม่ที่เราได้ทำในชาติปัจจุบันนี้ด้วย ดังนั้นในปัจจุบันชาติเราจึงต้องหมั่นทำบุญทำทานอยู่ตลอดเพื่อเป็นการเสริมกำลังบุญเป็นแรงสนับสนุนให้ชีวิตรุ่งเรืองได้ตลอดชีวิต

    3. คนที่ร่ำรวยในช่วงบั้นปลายชีวิต
    คนที่ร่ำรวยในบั้นปลายชีวิตเพราะเศษบุญเก่ารวมกับบุญใหม่ที่ได้ทำส่งผลในช่วงหลังคือหากเป็นบุญเก่าเพราะ ผลแห่งทานที่ผู้กระทำมีเจตนาไม่ดีในระยะก่อนให้ทาน และ ระหว่างให้ทาน แต่ไปมีความยินดีในระยะสุดท้าย เช่นก่อนทำก็ทำทานเพราะบังเอิญทำตามพวกพ้องไปแบบเสียไม่ได้ ขณะให้ก็ไม่ได้ศรัทธา และพอให้ไปแล้วกลับไปหวนคิดถึงผลแห่งทานจิตใจก็เกิดความยินดีเป็นสุขขึ้นมา

    ด้วยเศษบุญนี้ชาติปัจจุบันจึงได้เกิดมายากจนและต้องทำงานหนักไปเกือบตลอดชีวิต ต้องต่อสู้ดิ้นรนขวนขวายสร้างตนเองยาวนาน แม้จะเลยวัยกลางคนไปแล้วก็ต้องล้มลุกคลุกคลานตลอดมา แต่ในปัจจุบันชาติก็ได้ประกอบคุณงามความดีทำทานอยู่เสมอมาโดยตลอดเช่นกัน

    พอถึงช่วงบั้นปลายชีวิตทำให้ผลแห่งทานนั้นได้ส่งผล เกิดเหตุประสบช่องทางที่เหมาะ ทำให้กิจการงานเจริญรุ่งเรืองแบบไม่น่าเชื่อทำมาค้าขึ้นอย่างไม่คาดฝันตัวอย่างชีวิตคนจริงๆ ที่เห็นได้ชัดก็มีบุคคลสำคัญ ๆ ของโลกที่ร่ำรวยมหาศาลในช่วงปลายชีวิตก็มีให้เห็นจริงๆ

    เมื่อเรารู้อย่างนี้แล้วว่า เราควรสร้างบุญอย่างใดดี ก็เร่งพิจารณาเอาเองว่า ถ้าอยากจะเป็นคนรวย มีความสุข มีพวกพ้องมากมาย ทำอะไรก็สำเร็จตามที่ตนนั้นปรารถนา ควรทำบุญด้วยของที่ดี ทำทานให้ครบทั้ง 3 ประการและชักชวนคนอื่นมาร่วมสร้างบุญด้วยกัน

    อยากจะเป็นคนที่มีความสุขและร่ำรวยตลอดกาล ต้องเริ่มที่ตัวเองก่อน เป็นคนดี หมั่นสร้างบุญกุศล เรื่องของกรรมเก่า ชาติเก่านั้นเราไม่มีทางรู้ได้ว่าเราไปทำอะไรมาบ้าง และจะต้องไปตามแก้กันอย่างไร

    ซึ่งที่จริงแล้ว กรรมนั้นแก้ไม่ได้ เพราะมันเกิดขึ้นแล้วต้องส่งผลแน่นอน ที่บอกกันว่าไปแก้กรรมนั้น เป็นเรื่องเข้าใจกันผิดๆ และเป็นการเล่นคำที่ทำให้คนทั่วไปเข้าใจได้ง่าย

    ขอให้เข้าใจด้วยว่า ที่บอกว่าแก้กรรมได้ ในความเป็นจริงก็คือ การไปขออโหสิกรรมเพื่อให้กรรมนั้นยุติการส่งผลหรือเปลี่ยนจากหนักเป็นเบา เมื่อเจ้าหนี้หรือเจ้ากรรมนายเวรเขาพอใจได้รับการชดใช้หรือใจดี เพราะเห็นเราสำนึกผิด ทำความดี ทำบุญไปให้เขา เขาก็ยกโทษหรือลดโทษหรือในภาษาโบราณเรียกว่า “อดโทษ” ให้

    แต่ทว่ายังคงได้รับเศษเวรเศษกรรมอยู่ดี จากที่น่าจะตายก็เหลือเพียงแขนหัก ขาหัก น่าจะไฟไหม้หมดตัว ก็เหลือเพียงไหม้แค่ห้องครัว น่าจะต้องสูญเสียคนที่รัก ก็เหลือเพียงเจ็บป่วยเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น

    กรรมบางกรรมที่ไม่ใช่กรรมหนักนั้น ชาตินี้อาจจะไม่ส่งผลเลยก็ได้ ที่ไม่ส่งผลนั้นในชาตินี้ มีหลายสาเหตุ แต่ที่แน่ๆ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะว่า บุญใหม่ที่เราทำในชาตินี้ มีอานิสงส์ มีกำลังมากกว่า ทำให้วิบากกรรมเก่าที่ไม่ดีส่งผลไม่ได้หรือที่เรียกว่า สร้างบุญใหม่หนีกรรมเก่านั่นแหละ

    ขอให้คิดว่า ชาติเก่าเป็นอย่างไรก็ช่างมันเถอะ เราไม่รับรู้แล้ว มันจบไปแล้วไปแก้ไขอะไรไม่ให้มันเกิดไม่ได้แล้ว เอาชาตินี้ ชาติที่เห็นกันชัดๆ ดีกว่า อย่ายอมจำนนต่อกรรมเก่า เร่งสร้างกรรมดี สร้างบุญ ให้ส่งผลให้เห็นกันเลยในชาตินี้ จงจำไว้เสมอว่า คนมีบุญเท่านั้นที่จะรวยได้

    ****ติดตามบทความปาฏิหาริย์แห่งบุญ ที่จะช่วยให้ทุกชีวิตได้ดี สุข รวย

    #พระพุทธเจ้า #ธรรม #หนังสือธรรมทาน #ธ.ธรรมรักษ์ #โชคลาภ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 8 ตุลาคม 2016

แชร์หน้านี้

Loading...