ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย koymoo, 25 มกราคม 2005.

  1. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,710
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    แผ่นดินไหว 6.9 ริกเตอร์ในนิวซีแลนด์

    [​IMG]

    แผ่นดินไหวรุนแรงหลายระลอกถล่มนิวซีแลนด์ในวันนี้ ล่าสุดวัดแรงสั่นสะเทือนได้ถึง 6.9 ริกเตอร์ แต่เบื้องต้นยังไม่มีรายงานความเสียหาย และการประกาศเตือนภัยคลื่นยักษ์สึนามิ

    สำนักข่างต่างประเทศ รายงานจากกรุงเวลลิงตัน ประเทศนิวซีแลนด์ เมื่อวันที่ 21 ก.ค.ว่า เกิดแผ่นดินไหว วัดแรงสั่นสะเทือนได้ 6.9 ริกเตอร์ นอกชายฝั่งนิวซีแลนด์วันนี้ โดยรับรู้แรงสั่นสะเทือนได้ในกรุงเวลลิงตัน เมืองหลวงนิวซีแลนด์ แต่ไม่มีการประกาศเตือนการเกิดคลื่นยักษ์สึนามิ และเบื้องต้นยังไม่มีรายงานความเสียหายในทันที

    สำนักงานธรณีวิทยาของสหรัฐ หรือยูเอสจีเอส แถลงว่า แผ่นดินไหวครั้งนี้ เกิดขึ้นเมื่อเวลา 17.09 น.ตามเวลาทิ้งถิ่น หรือตรงกับ 12.09 น.ของวันนี้ตามเวลาในไทย ห่างจากกรุงเวลลิงตัน ไปทางตะวันตกเฉียงใต้ค่อนไปทางใต้ ประมาณ 57 กิโลเมตร ลึกลงไปในทะเล 10.1 กิโลเมตร แผ่นดินไหวครั้งนี้ เกิดขึ้นหลังจากเกิดแผ่นดินไหว 5.5 ริกเตอร์ไม่กี่นาที และเกิดขึ้นห่างกันประมาณ 10 ชั่วโมง หลังจากเกิดแผ่นดินไหว 5.8 ริกเตอร์ในพื้นที่เดียวกันนี้ ซึ่งเกิดแผ่นดินไหวหลายครั้งในรอบไม่กี่วันที่ผ่านมานี้ จีโอเน็ต สำนักงานตรวจสอบแผ่นดินไหวของนิวซีแลนด์ ระบุว่า แผ่นดินไหวขนาด 6.9 ริกเตอร์ ถือว่าอยู่ในขั้นรุนแรง

    แรงสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหวครั้งนี้ นานประมาณ 30 วินาที ทั้งนี้ แผ่นดินไหวหลายครั้งในช่วงที่ผ่านมา มีศูนย์กลางอยู่ห่างจากเมืองไครสต์เชิร์ช เมืองใหญ่อันดับ 2 ของนิวซีแลนด์ ไปทางตอนเหนือประมาณ 200 กิโลเมตร ซึ่งเมืองไครสต์เชิร์ช เคยเกิดแผ่นดินไหว 6.3 ริกเตอร์ ในเดือนก.พ. 2554 ทำให้อาคารบ้านเรือนจำนวนมากพังถล่ม มีผู้เสียชีวิตมากถึง 185 ศพ

    เดลินิวส์ วันอาทิตย์ที่ 21 กรกฎาคม 2556 เวลา 13:08 น.

    น้ำท่วมจีนปีนี้สังเวย 337 ศพ

    [​IMG]

    ยอดผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์น้ำท่วมจีนปีนี้ อยู่ที่ 337 คน และสูญหาย 213 คน ที่เดือดร้อนที่สุดเกิดขึ้นในภาคกลางของประเทศ

    สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานจากกรุงปักกิ่ง ประเทศจีน เมื่อวันที่ 21 ก.ค.ว่า รัฐบาลจีน แถลงวันนี้ว่า เหตุน้ำท่วมในจีนปีนี้ ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 337 คน และสูญหาย 213 คน โดยน้ำท่วมในปีนี้ เกิดขึ้นครอบคลุม 30 มณฑลและเทศบาลนคร และส่งผลกระทบต่อประชาชนมากกว่า 47 ล้านคน จากตัวเลขของสำนักงานควบคุมน้ำท่วมและสำนักงานบรรเทาภัยแล้งของรัฐ เฉพาะดินถล่มก็มีผู้เสียชีวิตไปถึง 202 คน หรือประมาณร้อยละ 60 ของยอดผู้เสียชีวิตที่ได้รับการยืนยันทั้งหมด

    จีนพบว่าเฉลี่ยปริมาณน้ำฝนที่ตกลงมาวัดได้ 165.4 มิลลิเมตร ระหว่างวันที่ 1 มิ.ย. ถึง 15 ก.ค. ซึ่งมากกว่าปกติร้อยละ 5 และมากที่สุดในช่วงเดียวกันในรอบ 5 ปี โดยภาคกลางของจีนได้รับความเดือนร้อนหนักที่สุด มีปริมาณน้ำมันมากกว่าปกติถึงร้อยละ 40.1

    จีนประสบปัญหาน้ำท่วมครั้งเลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์ เกิดขึ้นในปี 2541 ซึ่งมีผู้เสียชีวิตถึง 4,150 คน ส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่ชายฝั่งของแม่น้ำแยงซี

    เดลินิวส์ วันอาทิตย์ที่ 21 กรกฎาคม 2556 เวลา 17:21 น.

    พบหญิงสูงวัยชาวจีนติดเชื้อไวรัสหวัดนกพันธุ์ใหม่รายล่าสุด

    [​IMG]

    จีนพบหญิงชาวจีนวัย 61 ปี ติดเชื้อไว้รัสไข้หวัดนกสายพันธุ์ใหม่ ในภาคเหนือของประเทศ ขณะที่ ญาติพี่น้องอีก 9 คน ที่ติดต่อใกล้ชิดกับเธอ ยังไม่แสดงอาการ

    สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานจากกรุงปักกิ่ง ประเทศจีน เมื่อวันที่ 20 ก.ค.ว่า ผู้หญิงวัย 61 ปี จากเมืองหลางฝาง มณฑลเหอเป่ย์ ทางภาคเหนือของจีน ได้รับการยืนยันเมื่อวานนี้ว่า ติดเชื้อไวรัสไข้หวัดนกสายพันธุ์ใหม่ เอช7เอ็น9 โดยสำนักข่าวซินหัวของทางการจีน รายงานว่า ผู้หญิงคนดังกล่าว มีอาการไอและไข้ขึ้นสูงเมื่อวันที่ 10 ก.ค.ที่ผ่านมา และ 4 วันต่อมาอาการรุนแรงขึ้นกลายเป็นโรคปอดบวมรุนแรง ต้องถูกส่งตัวเข้าห้องฉุกเฉินในโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในกรุงปักกิ่ง

    ซินหัวรายงานอ้างแถลงการณ์ของสำนักงานสาธารณสุขเทศบาลกรุงปักกิ่ง ที่ระบุว่า เธอมักไปซื้อผักสดที่ตลาดท้องถิ่น ซึ่งมีสัตว์ปีกมีชีวิตขายรวมอยู่ด้วย รายงานบอกด้วยว่า สมาชิกในครอบครัวของผู้หญิงคนนี้ 9 คน ซึ่งมีความใกล้ชิดกับเธอ ยังไม่แสดงอาการของโรคไข้หวัดนก

    ทั้งนี้ จีนพบผู้ป่วยด้วยไข้หวัดนกสายพันธุ์ใหม่เอช7เอ็น9 รายแรก ในช่วงปลายเดือน มี.ค. และมีผู้ป่วยในจีนทั้งสิ้น 132 คน เสียชีวิต 43 คน เมื่อถึงสิ้นเดือน มิ.ย.

    เดลินิวส์ วันอาทิตย์ที่ 21 กรกฎาคม 2556 เวลา 12:18 น.

    ที่มา เดลินิวส์ | อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์
     
  2. k_isara 1

    k_isara 1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    521
    ค่าพลัง:
    +7,059
    22 ก.ค. 56 เข้าพรรษา

    วันพระ มานะ ปะวัด
    นำชัก ผู้คน เข้าธรรม
    ประพฤติ ความดี น้อมนำ
    ฟังธรรม ฟังเทศน์ เสพสุข

    จิตสงบ จบลง ตรงธรรม
    คิดทำ แต่สิ่ง ดีดี
    สร้างบุญ กุศล น้องพี่
    สิ่งดี เกื้อบุญ หนุนนำ

    คิดผิด คิดใหม่ แก้ไข
    เพื่อให้ ดวงจิต แจ่มใส
    ทำเพื่อ ชีวิต ของใคร?
    ใช่ใคร ของเรา เข้าตัว

    พรรษา พาเพลิน เจริญใจ
    เที่ยวไป ทำบุญ ตามวัด
    พี่น้อง ลูกหลาน พร้อมสรรพ
    แล้วจัด อาหาร หวานคาว

    ถวายเช้า ถวายเพล เย็นจิต
    ผูกมิตร ญาติธรรม นำผล
    ความสุข ความเจริญ ให้ตน
    เพื่อพ้น ทุกข์ภัย ใกล้ตัว

    ธูปเทียน เวียนทำ นำถวาย
    เพื่อให้ ปัญญา ก่อเกิด
    ลูกหลาน ควรทำ เข้าเถิด
    ได้เกิด ปัญญา พาสว่าง

    เคอิสรา
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 22 กรกฎาคม 2013
  3. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,710
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    แผ่นดินไหวภาคกลางจีน เสียชีวิตแล้ว 89 ศพ

    [​IMG]

    เกิดแผ่นดินไหว 2 ครั้งขนาด 5.9 ริคเตอร์ และ 5.6 ริคเตอร์ บริเวณภาคกลางของจีน มีรายงานผู้เสียชีวิตแล้ว 89 ศพ และบาดเจ็บอีกเกือบ 600 คน

    สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงปักกิ่ง ประเทศจีน เมื่อวันที่ 22 ก.ค. ว่าสำนักงานสำรวจธรณีวิทยาสหรัฐ ( ยูเอสจีเอส ) ตรวจพบแรงสั่นสะเทือนขนาด 5.9 ริคเตอร์ เมื่อเวลา 07.45 น. ตามเวลาท้องถิ่นของจีน ( 06.45 น. ตามเวลาในประเทศไทย ) มีจุดศูนย์กลางลึกลงไปใต้พื้นดินราว 9.8 กิโลเมตร ห่างจากเมืองเป่ยเตา ในมณฑลกานซู ซึ่งตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศ ไปทางตะวันตกราว 151 กิโลเมตร และต่อมาเมื่อเวลา 09.12 น. ตามเวลาท้องถิ่น ( 08.12 น. ตามเวลาในประเทศไทย ) ยูเอสจีเอสรายงานการเกิดแผ่นดินไหวในบริเวณเดียวกันนี้ วัดแรงสั่นสะเทือนได้ 5.6 ริคเตอร์ มีจุดศูนย์กลางลึกลงไปใต้พื้นดินราว 10.1 กิโลเมตร

    หลังเกิดเหตุ รัฐบาลจีนส่งทหารและเจ้าหน้าที่กู้ภัยพิเศษกว่า 500 นาย ลงพื้นที่เพื่อสำรวจความเสียหายและให้ความช่วยเหลือประชาชนอย่างเร่งด่วน เนื่องจากมีรายงานบ้านเรือนและอาคารพาณิชย์ได้รับความเสียหายกว่า 21,000 แห่ง โดยพื้นที่ที่ได้รับความเสียหายมากที่สุด คือเมืองติ่งซี มีสิ่งปลูกสร้างได้รับความเสียหายราว 380 แห่ง เจ้าหน้าที่ต้องอพยพประชาชนหลายพันคนออกนอกพื้นที่

    ขณะที่สำนักข่าวซินหัวรายงานจำนวนผู้เสียชีวิตว่า อยู่ที่อย่างน้อย 89 ศพ และบาดเจ็บอีกเกือบ 600 คน นอกจากนี้ยังเกิดแผ่นดินไหวตาม ( อาฟเตอร์ช็อก ) ตามมาอีก 371 ครั้ง และในจำนวนอาคารพาณิชย์และบ้านเรือนที่ได้รับความเสียหายนั้น พังถล่มลงมาแล้วราว 12,000 หลัง ส่วนสำนักงานุตุนิยมวิทยาแห่งชาติพยากรณ์การเกิดฝนตกหนักในบริเวณที่เกิดเหตุ ซึ่งอาจกลายเป็นอุปสรรคในขั้นตอนการกู้ภัย

    ชาวจีนเผชิญกับแผ่นดินไหวรุนแรงครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 20 เม.ย. ที่ผ่านมา วัดแรงสั่นสะเทือนได้ 6.6 ริคเตอร์ มีจุดศูนย์กลางอยู่ที่มณฑลเสฉวน ทางตอนกลางของประเทศ ทำให้มีผู้เสียชีวิตราว 200 ศพ และย้อนไปเมื่อวันที่ 12 พ.ค. 2551 เกิดแผ่นดินไหวรุนแรง 7.9 ริคเตอร์ที่มณฑลเสฉวนเช่นกัน ทำให้มีผู้เสียชีวิตเกือบ 90,000 ศพ

    เดลินิวส์ วันจันทร์ที่ 22 กรกฎาคม 2556 เวลา 14:57 น.

    ภูเขา “เมราปี” ในอินโดนีเซียพ่นเขม่าควัน ชาวบ้านอพยพ

    [​IMG]

    ภูเขาไฟ “เมราปี” บนเกาะชวาของอินโดนีเซียระเบิดรุนแรงและพ่นเขม่าควัน เถ้าถ่านขึ้นสู่ท้องฟ้าสูงถึง 1,000 เมตร ทำให้ชาวบ้านหลายร้อยคน ต้องอพยพเพื่อความปลอดภัย

    สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานจากเมืองยอกยาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย เมื่อวันที่ 22 ก.ค.ว่า ซูโตโป ปูร์โว นูโกรโฮ เจ้าหน้าที่สำนักงานป้องกันภัยพิบัติของอินโดนีเซีย เปิดเผยว่า ภูเขาไฟ “เมราปี” ซึ่งเป็นภูเขาไฟที่เปราะบางที่สุดบนเกาะชวาของอินโดนีเซีย พ่นเขม่าควันและเถ้าถ่านขึ้นสู่ท้องฟ้าในวันนี้ ทำให้ชาวบ้านหลายร้อยคน ต้องอพยพออกจากหมู่บ้านที่อยู่ใกล้เชิงเขาลูกนี้ โดยภูเขาไฟเมราปี ส่งเสียงระเบิดออกมา ขณะที่มีฝนตกลงมาอย่างหนักรอบปากปล่องที่กำลังพ่นเขม่าควันออกมาสีแดงเข้มพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าสูง 1,000 เมตร ทำให้น้ำฝนที่ตกลงมากลายเป็นสีดำ ไหลผ่านหลายหมู่บ้าน ขณะที่ประชาชนที่พากันตื่นกลัว ก็เร่งอพยพเพื่อความปลอดภัย

    เสียงระเบิดของภูเขาไฟเมราปี ได้ยินไกลถึง 30 กิโลเมตร แต่การปะทุยังไม่เกิดขึ้น และเจ้าหน้าที่ก็ยังไม่ได้เพิ่มระดับเตือนภัย

    ทั้งนี้ ภูเขาไฟเมราปี ที่มีความสูง 2,968 เมตร เป็นหนึ่งในภูเขาไฟ 500 ลูกที่ยังมีชีวิตอยู่ และการปะทุครั้งใหญ่ครั้งสุดท้ายเกิดขึ้นในปี 2553 มีผู้เสียชีวิต 347 คน

    เดลินิวส์ วันจันทร์ที่ 22 กรกฎาคม 2556 เวลา 20:22 น.

    น้ำท่วมเกาหลีเหนือตายแล้ว 5 ไร้ที่อยู่กว่า 23,000 คน

    [​IMG]

    ฝนตกหนักน้ำท่วมภาคกลางเกาหลีเหนือ ทำให้มีผู้เสียชีวิต 5 คน และสูญหาย 3 คน ประชาชนไร้ที่อยู่อาศัยอีกกว่า 23,000 คน บ้านเรือนเสียหายหลายพันหลัง

    สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานจากกรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ เมื่อวันที่ 22 ก.ค.ว่า สำนักข่าวกลาง หรือเคซีเอ็นเอ ของทางการเกาหลีเหนือ รายงานวันนี้ว่า เกิดฝนตกหนัก สร้างความเสียหายอย่างหนักต่อเกาหลีเหนือ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตแล้ว 5 คน และประชาชนกว่า 23,000 คน ไร้ที่อยู่อาศัย โดยฝนที่ตกลงมาอย่างหนัก ทำให้พื้นที่ภาคกลางของประเทศได้รับความเสียหายจากน้ำท่วม เฉพาะในเมืองตองซิน วัดประมาณน้ำฝนได้กว่า 413 มิลลิเมตร หรือ 16.5 นิ้ว ในช่วง 3 วันจนถึงคืนวันอาทิตย์ที่ผ่านมา

    น้ำท่วมครั้งนี้ ทำให้มีผู้เสียชีวิต 5 คนและสูญหายอีก 3 คนระหว่างวันที่ 17-20 ก.ค. นอกจากนี้ ยังสร้างความเสียหายต่อบ้านเรือนประชาชนอีกกว่า 6,060 หลัง

    เดลินิวส์ วันจันทร์ที่ 22 กรกฎาคม 2556 เวลา 20:55 น.

    ที่มา เดลินิวส์ | อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์
     
  4. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,710
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    "จิตติ"เชื่อราคาทองจะขึ้นถึง 22,000 บาทในช่วง 3 เดือนนี้

    [​IMG]

    กรุงเทพฯ 22 ก.ค.-นายกสมาคมค้าทองคำเชื่อแนวโน้มราคาทองจะปรับขึ้นถึง 22,000 บาท ในช่วง 3 เดือนนี้

    นายจิตติ ตั้งสิทธิภักดี นายกสมาคมค้าทองคำ และประธานห้างทองจินฮั่วเฮง กล่าวว่า ราคาทองคำในไตรมาส 3 ยังมีแนวโน้มปรับขึ้น โดยมีเป้าหมายที่แนวต้าน 1,500 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ หรือราคาในประเทศที่ 22,000 บาท หากเงินบาทเคลื่อนไหวที่ 31 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ โดยสาเหตุที่มองราคาทองคำยังมีโอกาสปรับขึ้น เพราะที่ผ่านมาราคาทองคำปรับลดลงมากเกินพื้นฐาน จากการทุบราคาของบรรดากองทุนเก็งกำไรที่มีการปั่นข่าวเชิงลบ และเมื่อแรงขายชะลอลง ทำให้ราคาทองในระยะนี้ค่อนข้างนิ่ง ตลาดทองคำเงียบ

    แต่นักลงทุนยังต้องระมัดระวังในการลงทุนต่อเนื่อง เพราะเชื่อว่าราคาทองจะเคลื่อนไหวตามกระแสข่าว โดยให้จับตาภาวะเศรษฐกิจสหรัฐ หลังจากเมืองดีทรอยต์ของสหรัฐยื่นเรื่องขอล้มละลายอย่างเป็นทางการ ด้วยหนี้สินอย่างน้อย 15,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ว่าจะบานปลายหรือไม่ ส่วนการลดมาตรการอัดฉีดสภาพคล่อง หรือ QE นั้น คาดว่าน่าจะเริ่มในต้นปี 2557

    และวันนี้สมาคมค้าทองคำปิดทำการเนื่องในวันอาสาฬหบูชา โดยจะเปิดทำการปกติวันอังคารที่ 23 กรกฎาคม แต่ร้านค้าทองคำย่านเยาวราช เปิดทำการซื้อขายตามปกติ

    สำนักข่าวไทย TNA News | 22 ก.ค. 2556 |

    ที่มา "จิตติ" เชื่อราคาทองจะขึ้นถึง 22,000 บาทในช่วง 3 เดือนนี้ | MCOT.net | MCOT.net
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  5. DuchessFidgette

    DuchessFidgette เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    2,607
    ค่าพลัง:
    +9,301
    มียุคสมัยไหนที่ไม่มี ภัยพิบัติปานโลกจะแตกมั้ง ดู นครปอมเปอี ดูแอตแลนตีสนู้น มันมีทุกยุคแหละ
     
  6. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,710
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    ประวัติศาสตร์กำลังจะซ้ำรอยเดิม !!!

    [​IMG]

    เอ็ดการ์ เคย์ซี ได้พยากรณ์ไว้ตอนหนึ่งว่า:-
    ...ทวีปแอตแลนติส เป็นทวีปที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีขนาดใหญ่กว่ายุโรปทั้งหมด รวมกับแผ่นดินรัสเซีย มีดินแดนต่อทอดยาวไปทั่วโลก ชนชาติทีอาศัยอยู่บนทวีปแอตแลนติส เป็นชนชาติผิวแดงที่มีความเฉลียวฉลาดเป็นเลิศ ผู้คนทั่วไปมีประสิทธิภาาพอย่างดียิ่ง มีความรู้ความสามารถในศาสตร์ต่างๆทั้งปวง รวมทั้งงานด้านประติมากรรม วิศวกรรมและสถาปัตยกรรมด้วย

    โดยเฉพาะความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์นั้น เคย์ซีได้บันทึกไว้ในคำพยากรณ์ในบทที่ 2794-L-1 โดยสรุปว่า ชาวแอตแลนติสมีความรู้ ความเจริญก้าวหน้าทางด้านเคมี ฟิสิกส์ และจิตวิทยามาก พวกเขารู้จักประดิษฐ์ไฟฟ้าใช้ รู้จักผลิตพลังปรมาณูจากยูเรเนียม รู้จักผลิตแสงเลเซอร์ ตลอดจนผลิตคลื่นวิทยุติดต่อกับดินแดนอื่นได้

    สิ่งสำคัญที่สุดอีกอย่างหนึ่งก็คือ ชาวแอตแลนติสสามารถผลิตพลังงานมหาศาลจากพลึกมหัศจรรย์ชนิดหนึ่ง ซึ่งสามารถรวมเอาพลังธรรมชาติทั้งหมดที่มีอยู่ในโลกและจักรวาลเข้าด้วยกัน และเป็นที่น่าสังเกตว่าความสำเร็จในทางวิทยาศาสตร์ของชาวแอตแลนติสนั้น อาศัยพลังงานแสงอาทิตย์เป็นสำคัญ

    วัฒนธรรมสูงส่งของชาวแอตแลนติสพัฒนาตลอดมา โดยมีความเกี่ยวพันทางศาสนา เริ่มตั้งแต่มีการทำพิธีบูชาพระอาทิตย์และเทพเจ้า วัฒนธรรมของอาณาจักรแอตแลนติส หายสาปสูญไปในที่สุด เมื่อเกิดภัยพิบัติครั้งใหญ่ ดินแดนของมหาอาณาจักรเกิดสั่นสะเทือน และได้ถล่มทลายลงไปใต้ทะเล ภายในชั่วคืนกับชั่ววัน ดังนั้นเมื่อปี 9,500 ก่อนคริสต์กาล ชาติแอตแลนติสก็หายไปจากโฉมหน้าของโลก

    เคย์ซีกล่าวว่า วัฏจักรแห่งประวัติศาสตร์ มักจะหมุนเวียนกลับมาอีกเสมอ ดังนั้นวิญญาณของชาวแอตแลนติสย่อมมีโอกาสกลับมาเกิดใหม่ได้อีก จากดินแดนหนึ่งไปยังอีกแห่งหนึ่ง และจากทวีปหนึ่งไปยังอีกทวีปหนึ่ง หรือจากเกาะหนึ่งไปยังเกาะอื่น ๆ

    มหาอาณาจักรแอตแลนติส มีความเจริญก้าวหน้าทางวิทยาการเท่ากับโลกเราสมัยปัจจุบัน หรือบางอย่างมีความก้าวหน้ามากกว่า พวกเรา รู้จักพัฒนาโดยนำเอาพลังงานอันมหาศาลมาใช้ให้เกิดประโยชน์

    ในปัจจุบันเคย์ซีเชื่อว่า โลกเราได้มีการเปลี่ยนแปลงอย่างปัจจุบันทันด่วนที่ร้ายแรงที่สุดมาหลายครั้งแล้ว ซึ่งอาจมีผลทำให้อาณานิคมหรือดินแดนบางส่วนของมหาอาณาจักรแอตแลนดิสโผล่ขึ้นมาให้ชาวโลกได้เห็นอีกก็เป็นได้ เช่น เมื่อปี 2483 เคย์ซีทำนายว่าพื้นที่บางส่วนทางด้านตะวันตกของแอตแลนติส จะโผล่ขึ้นมาใกล้ๆ บริเวณหมู่เกาะบาฮามา

    ในช่วงระหว่าง พ.ศ.2511-2512 ปรากฏว่าคำทำนายของเคย์ซีได้กลายเป็นความจริง คือได้มีการค้นพบซากเมืองใต้บาดาลใกล้ ๆ หมู่เกาะบาฮามา เรียงต่อกันอย่างประณีตราวกับมีการใช้เทคโนโลยีทางวิศวกรรมและสถาปัตยกรรมชั้นสูง หินบางก้อนมีขนาดใหญ่พอ ๆ กับขนาดรถบรรทุกเลยทีเดียว ลำพังจะใช้กำลังคนช่วยกันแบกหาม ขึ้นไปวางเรียงต่อกันก็คงจะไม่ทำได้ เรียบร้อยและปราณีตเช่นนั้น

    เคย์ซียังทำนายต่อไปอีกว่า ภัยพิบัติครั้งร้ายแรงที่เกิดขึ้น จนทำให้มหาอาณาจักรแอตแลนติส อันกว้างใหญ่ไพศาลถล่มทลายพังพินาศจมหายไปใต้ทะเลนั้น จะเกิดขึ้นอีกหลายแห่งในโลก

    เคย์ซีกล่าวว่า ในช่วงแรกสุดของโลกเรา เมื่อประมาณ 10 ล้านห้าแสนปีมาแล้ว มีอารยธรรมเกิดขึ้นแล้วเสื่อมสลายไปหลายครั้ง ยุคเจริญรุ่งเรืองของอารยธรรมชาวแอตแลนติส อยู่ระหว่างช่วงนับจาก 200,000 ลงมา จนถึงปี 10,700 ก่อนคริสต์กาล คือนับตั้งแต่ช่วงเวลาประมาณ 13,000 ปี ถอยหลังเป็นต้นไป คือสรุปแล้ว จะมีอายุนานประมาณ 80,000-900,000 ปี

    ที่มา http://www.dek-d.com/board/view.php?id=513242

    กี่ยุคๆ ก็เป็นอย่างนี้ จองเวรกันไม่รู้จักจบสิ้น...

    ผลสุดท้ายของยุคนั้นๆ จะจบลงด้วยการล่มของระบบเศรษฐกิจในแต่ละประเทศ และทั้งโลก ความตึงเครียดของสงครามก็ยุติด้วยมหาสงคราม

    ส่วนเรื่องวิกฤตภัยธรรมชาติก็จบลงด้วยภัยธรรมชาติรุนแรงเพียงวันเดียว ทำให้ผู้คนล้มตายลงไปมากว่า 90 เปอร์เซ็นต์ ด้วยแผ่นดินไหว 12 ริกเตอร์ เกิดคลื่นสึนามิสูงถึิง 100 เมตร โลกไหวถึง 12 ริกเตอร์ ทำให้แผนที่โลกเปลี่ยนอย่างรวดเร็ว แผ่นดินที่อยู่ข้างบนจะเคลื่ือนตัวลงทะเล แผ่นดินที่อยู่ใต้ทะเลจะเคลื่ือนตัวมาอยู่ข้างบน นี่โลกเป็นมาอย่างนี้ หากใครเคยศึกษาปรัชญามาบ้างคงจะรู้จักนักปรัชญากรีกที่ชื่อว่า เพลโต ได้เขียนไว้ในบันทึกว่า มีแผ่นดินหนึ่ึงที่เจริญรุ่งเรืองได้จมลงในมหาสมุทรภายในข้ามคืน

    ดินแดนที่เพลโตบันทึกไว้นั้นเป็นยุคที่มีความเจริญมากกว่าสหรัฐอเมริกาในสมัยของเราซะอีก ในยุคนั้นจบลงด้วยมหาสงครามที่ใช้อาวุธที่มีอานุภาพมากทำลายล้างกัน และหลังจากสงครามหนึ่งเดือนก็เกิดแผ่นดินไหว 12 ริกเตอร์ ทำให้เปลือกโลกเคลื่อนตัวอย่างรวดเร็ว ทำให้แผ่นดินที่เจริญนั้นเคลื่อนตัวลงทะเลและจมหายไป เกิดสึนามิ 100 เมตร

    ประชากรบนโลกล้มตายมากกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ ที่รอดตายบางคนก็เสียสติ ผู้คนสิบเปอร์เซ็นต์ที่รอดชีวิตและไม่เสียสติก็สืบทอดกันมาจนถึงยุคของเรา และเรื่องเหตุการณ์ในครั้งนั้นก็กลายเป็นเรื่องเล่าสืบทอดกันมานาน จนปัจจุบันคิดว่าไม่ใช่เรื่องจริง คิดว่าเป็นเรื่องแต่งขึ้น แต่นักประวัติศาสตร์หลายคนก็พยามพิสูจน์ เพื่อหาดินแดนแอตแลนติกที่เพลโตบันทึกเอาไว้

    สงครามในยุคนั้นทำให้ผู้คนล้มตายเป็นจำนวนมาก สองกลุ่มใหญ่ที่ทำสงครามกัน ผูกใจเจ็บกันไม่รู้จักจบสิ้น ตายแล้วเกิดใหม่ก็ทำมหาสงครามกันอีก จนมาถึงยุคของเรา สองกลุ่มนี้ก็ได้กลับมาอีกครั้ง กลุ่มหนึ่งไปเกิดที่อเมริกา ส่วนอีกกลุ่มมาเกิดที่ตะวันออกกลาง อยู่ห่างคนละซีกโลกก็ต้องเดินทางมาฆ่ากัน นี้มันสืบกรรมกันมา

    กี่ยุคๆ ก็เป็นอย่างนี้ จองเวรกันไม่รู้จักจบสิ้น ผลที่เกินขึ้นในยุคของเราก็เป็นเช่นเดียวกัน คือเมื่อเกิดมหาสงคราม ต่อมาก็จะเกิดแผ่นดินไหว 12 ริกเตอร์ และอื่นๆ ตามมาเหมือนๆ กันทุกยุค

    แผ่นดินไหว 10.5 ริกเตอร์อย่างในภาพยนตร์นั้นนักวิทยาศาสตร์บอกว่าเป็นไปไม่ได้ แต่ซักวันหนึ่งหลังจากประเทศอิสราเอลถูกโจมตีด้วยระเบิดนิวเคลียร์ คนตายทั้งประเทศ นับจากนั้นไม่เกินสามวัน เจ็ดวัน แผ่นดินจะไหว 12 ริกเตอร์ และเหตุการณ์อื่นที่เคยเกิดในยุคต่างๆ จะเกิดตามมา เหมือนกันไม่มีผิดเพี้ียน

    ที่มา http://www.geocities.com/buddhatatum/008-0050.htm

     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 กรกฎาคม 2013
  7. chuanchom

    chuanchom เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    37
    ค่าพลัง:
    +194
    สงครามพระ ไฟจะลุกทุกหย่อมหญ้า
     
  8. k_isara 1

    k_isara 1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    521
    ค่าพลัง:
    +7,059
    23 ก.ค. 56 วัด...?

    เข้าวัด วัด...? วัดจิต
    ที่คิด ดีร้าย มากมาย
    จำเป็น เข้าวัด หรือไม่?
    ไม่ใช่..วัดจิต ชิดตัว

    เคอิสรา
     
  9. k_isara 1

    k_isara 1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    521
    ค่าพลัง:
    +7,059
    23 ก.ค. 56 จาคะ

    ทำบุญ ทำไว้ ให้ทิ้ง
    ไม่อิง ทรัพย์สิน เงินทอง
    ทำมาก ทำน้อย ไม่สอน
    พี่น้อง ทำพอ อยากทำ

    เคอิสรา
     
  10. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,710
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    วิบากกรรมของพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน ที่เกี่ยวกับเรื่องของวจีกรรม !!!

    [​IMG]

    กรรมที่ต้องกระทำทุกรกิริยา

    ในสมัยพระกัสสปะพุทธเจ้า พระโพธิสัตว์เกิดเป็นพราหมณ์ชื่อ โชติปาละ ไม่มีความเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา ทราบว่าพระกัสสปะตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว ได้กล่าวว่า "การตรัสรู้ของสมณะโล้น จักมีมาแต่ที่ไหน"

    ด้วยวิบากแห่งกรรมนั้น พระโพธิสัตว์ต้องเสวยทุกข์ในอบายภูมิเป็นเวลานาน ด้วยเศษกรรมยังเหลืออยู่ แม้ในภพสุดท้ายก่อนจะได้ตรัสรู้ พระองค์ยังต้องหลงเดินทางผิด บำเพ็ญทุกรกิริยาทรมานพระองค์เองด้วยวิธีการต่างๆ อันเป็นวัตรของเดียรถีย์ มีการอดอาหาร เป็นต้น จนสรีระผอมเหลือแต่กระดูก ได้รับทุกขเวทนากล้าอันเกิดจากความเพียรเป็นเวลานานถึง ๖ ปี กว่าจะได้ตรัสรู้พระสัมมาสัมโพธิญาณ

    กรรมที่ทำให้ถูกกล่าวตู่

    ในอดีตกาล พระโพธิสัตว์เกิดเป็นนักเลงสุราชื่อ มุนาลิ ได้กล่าวตู่ พระนันทะ สาวกของพระสัพพาภิภู ปัจเจกพุทธเจ้าว่า "เป็นสมณะทุศีล"

    ด้วยวิบากแห่งกรรมนั้น พระโพธิสัตว์ต้องเสวยทุกข์ในอบายภูมิเป็นเวลานาน แม้ในปัจจุบันจะได้ตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว ด้วยเศษกรรมที่ยังเหลืออยู่ พระพุทธเจ้าจึงต้องถูกกล่าวตู่โดยนาง จิญจมาณวิกา

    เรื่องมีว่าเหล่าเดียรถีย์เกิดความริษยา ที่เห็นพระพุทธเจ้ามีบุคลลเลื่อมใสศรัทธาเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก ทำให้ลาภสักการะของพวกตนน้อยลง จึงหาทางทำลายพระเกียรติคุณของพระพุทธเจ้า ด้วยการใช้นางจิญจมาณวิกา สาวิกาของพวกตน เป็นผู้ดำเนินการตามอุบาย กล่าวคือในตอนเย็น ขณะที่เหล่าชนกำลังเดินทางกลับเข้าเมือง ก็ให้นางเดินสวนทางออกไป ตอนเช้าขณะเหล่าชนเดินทางออกจากเมือง ก็ให้นางเดินสวนทางกลับเข้ามา

    ทำเช่นนี้เป็นประจำ จนชาวเมืองเกิดความสงสัย ถามว่านางออกไปนอกเมืองทุกเวลาเย็นด้วยเหตุอันใด นางตอบว่า เราออกไปตามความประสงค์ของพระสมณะโคดมผู้เป็นศาสดาของพวกท่าน และพำนักอยู่ในพระคันธกุฏีในพระเชตวัน เวลาล่วงมาหลายเดือน นางจิญจมาณวิกาจึงนำท่อนไม้มาผูกติดเอว สวมเสื้อคลุมทับไว้

    ทำประหนึ่งว่าตนกำลังมีครรภ์เดินเข้าไปหาพระพุทธเจ้าในพระเชตวันวิหาร ท่ามกลางบริษัทที่กำลังพระธรรมเทศนา กล่าววาจาตู่พระพุทธเจ้าว่า เป็นผู้ที่ทำให้นางตั้งครรภ์ พระพุทธเจ้ามิได้โต้ตอบแต่ประการใด ทำให้ชนบางกลุ่มในที่นั้นเกิดความสงสัย คิดว่าหากไม่เป็นความจริง นางคงมิกล้ากล่าววาจาเช่นนี้ต่อหน้ามหาชนเป็นอันมากแน่นอน

    พระอินทร์ทราบความ จึงแปลงร่างเป็นหนูไปกัดเชือกที่นางผูกเอวไว้ขาดออก ท่อนไม้หลุดลงมาทับเท้าของนางจนหลังเท้าแตก เหล่าชนในพระเชตวันวิหารเห็นเหตุการณ์เช่นนั้น พากันขับไล่นางออกไป เมื่อพ้นประตูวิหาร นางก็ถูกเปลวเพลิงนรกฉุดลงไปสู่อเวจีมหานรก

    กรรมที่ทำให้ถูกกล่าวหา

    ในอดีตกาลพระโพธิสัตว์เกิดในตระกูลพราหมณ์ ชื่อ สุตวา บวชเป็นดาบสสั่งสอนศิษย์ในป่าหิมพานต์ ต่อมามีดาบสผู้สำเร็จอภิญญา ๕ สมาบัติ ๘ มายังสำนักของตน ด้วยความริษยาที่เห็นว่ามีวิชาความรู้มากว่าตน จึงกล่าวหาดาบสนี้ว่า "ดาบสนี้หลอกลวง ดาบสนี้บริโภคกาม" และยังแนะให้ศิษย์ของตนกระทำตาม

    ด้วยวิบากแห่งกรรมที่กล่าวหาผู้อื่นโดยไม่เป็นจริง พระโพธิสัตว์และเหล่าศิษย์ต้องเสวยทุกข์ในอบายภูมิเป็นเวลานาน แม้ในปัจจุบันด้วยเศษกรรมที่ยังเหลืออยู่ พระพุทธเจ้าและสงฆ์สาวก จึงถูกกล่าวหาว่าร่วมกันฆ่านางสุนทรี

    เรื่องมีว่า เหล่าเดียรถีย์ยังคิดที่จะทำลายพระเกียรติคุณของพระพุทธเจ้า ต่อมา จึงใช้ให้นางสุนทรี สาวิกาของพวกตนอีกคนหนึ่งไปดำเนินการ ตามวิธีเช่นเดียวกับนางจิญจมาณวิกา จากนั้นได้ว่าจ้างเหล่าโจรให้ฆ่านาง นำศพไปหมกไว้ใกล้พระเชตวันวิหาร แล้วส่งคนของตนไปร้องเรียนต่อพระราชาว่า สาวิกาผู้หนึ่งของพวกตนหายไป พระราชาจึงมีรับสั่งให้ค้นหา พบศพหมกอยู่ใกล้พระเชตวันวิหาร เหล่าเดียถีย์จึงนำศพวางบนแคร่หาม ออกเดินประกาศไปทั่วพระนครว่า "เหล่าศากยะสมณะร่วมกันฆ่านาง" พระอานนท์ทูลความให้พระพุทธเจ้าทรงทราบ พระพุทธองค์ตรัสว่า อีก ๗ วัน เรื่องนี้จะปรากฏความจริง

    ฝ่ายพระราชา แม้จะมีหลักฐานปรากฏเช่นนั้นก็ยังไม่แน่พระทัย รับสั่งให้เจ้าพักงานออกทำการสืบสวนหาความจริง เจ้าพนักงานไปพบกับเหล่าโจรซึ่งกำลังเมามาย ต่างก็อวดตัวว่าเป็นคนฆ่านางสุนทรี จึงคุมตัวไปเฝ้าพระราชา ทรงสอบถามจนได้ความจริงว่า เหล่าเดียรถีย์เป็นผู้ว่าจ้างพวกตน พระราชามีรับสั่งให้จับเหล่าเดียรถีย์คุมตัวไปเดินประจานไปทั่วพระนคร พร้อมทั้งให้ร้องประกาศว่า "พวกตนเป็นผู้สั่งให้ฆ่านาง มิใช่เป็นการกระทำของเหล่าศากยสมณะ" จากนั้นจึงนำตัวไปลงโทษสถานหนักทั้งหมด

    ชื่อว่า กรรม แม้จะเล็กน้อยหรือยิ่งใหญ่เพียงใดก็ตาม เมื่อถึงวาระที่กรรมนั้นให้ผล แม้แต่พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้ประเสริฐสุดในไตรภพ ก็ยังมิอาจหลีกเลี่ยงให้พ้นไปได้ด้วยประการฉะนี้

    ขุททกนิกาย อุทาน เล่ม ๘ ภาค ๓ อรรถกถาพุทธวรรค พุทธาปทาน, ขุททกนิกาย อุทาน เล่ม ๑ ภาค ๓

    ที่มา http://www.gumara.com/node/228
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 กรกฎาคม 2013
  11. จริง?หรือ?

    จริง?หรือ? เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    2,201
    ค่าพลัง:
    +7,155
    เห็นหลายๆท่านชอบแนวนี้เลยเอามาฝากครับ ลองอ่านกันดู

    ถอดรหัสพุทธทำนาย...มหันตภัยของโลก หลังปี 2556
    [​IMG]


    เกริ่นนำโดยกระปุกดอทคอม

    ประเด็นวันสิ้นโลก ถูกนำกลับมาพูดถูกอีกหลายต่อครั้ง หลังจากผ่านเหตุการณ์วิปโยคอันเกิดจากภัยธรรมชาติหลายหนในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา และมีผู้สังเวยชีวิตให้กับความพิโรธของธรรมชาติครั้งแล้วครั้งเล่ามาเป็นจำนวนไม่น้อย

    จะว่าไปแล้วคำทำนายเรื่องวันสิ้นโลก หรือภัยพิบัติที่จะเกิดขึ้นในเมืองมนุษย์ ก็มีอยู่หลายเรื่อง แม้แต่ในพระพุทธศาสนาเอง ก็เคยมีผู้มีญาณหยั่งรู้ได้ทำนายทายทักความหายนะที่พร้อมจะเกิดขึ้นในอนาคตไว้เช่นกัน แน่นอนว่า คำทำนายดังกล่าวย่อมมีทั้งผู้ที่ "เชื่อ" และ "ไม่เชื่อ"

    ดังเช่น พุทธทำนายจากศิลาจารึก ที่เว็บไซต์ ainews1 ได้นำออกมาเผยแพร่ ตอนหนึ่งเป็นการทำนายเตือนภยันตรายที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคตให้เราได้รับทราบ และ "มงคล กริชติทายาวุธ" ประธานชมรมศาสนาและการกุศล ได้นำคำทำนายดังกล่าวมาถอดรหัสบอกเล่าเหตุการณ์ที่จะอาจจะเกิดขึ้นในประเทศไทยในช่วงปี พ.ศ.2556 เป็นต้นไป

    สำหรับพุทธทำนายจากศิลาจารึก ที่มีบางตอนได้กล่าวไว้ถึงหายนะของโลก มีเนื้อหาดังนี้

    "เมื่อศาสนาของอาตมาล่วงมาได้ 2507 (ปีมะโรง) คนเปลี่ยนสภาพเดินเป็นคลาน ...ปัจจุบัน ปีเถาะ ตรงกับ พ.ศ.2554 ที่กำลังใช้อยู่ พุทธทำนายปีมะโรง ตรงกับ พ.ศ.2555 ที่โลกมีโอกาสพลิกขั้ว..ดังนั้น จากเดินลงมาเป็นคลาน ก็หนักหนาเอาการอยู่ ที่ภัยพิบัติจะเกิดขึ้นทั่วโลก....สนามแม่เหล็กจะกลับขั้ว โลกอาจจะไร้แรงดึงดูดชั่วคราว ดังที่พระอาจารย์รัตน์ ได้เห็นภาพอนาคต และได้เล่าให้ศิษย์ฟัง ที่วัดดอยเกิ้ง

    ล่วงได้ 2508 (ปีมะเส็ง) ตลิ่งจะพัง แผ่นดินถิ่นอธรรมจะถล่มเป็นทะเล...ซึ่งในเมขลาพยากรณ์ ตรงกับ 9 พ.ค. 2556 ในหนังสือพระมหาชนก ที่ไขปริศนาออกมา

    ล่วงได้ 2512 (ปีระกา) เมืองมนุษย์จะมืด 7 วัน 7 คืน โลกดิ่งสู่ความหายนะ

    ในปีนี้เป็นปี พ.ศ.๒๕๕๔ (ปีเถาะ) เมื่อนำมาเทียบกับปี พ.ศ.ในพุทธทำนายก็จะได้ปีนักษัตร ที่ตรงกับปีนักษัตรในพุทธทำนายพอดี เช่นในพุทธทำนายได้กล่าวเอาไว้ว่า ปี พ.ศ.2512 (ปีระกา) เมืองมนุษย์จะมืด 7 วัน 7 คืน เมื่อเราเอาปี พ.ศ.2560 มาลดจำนวนปีลง 48 ปี ก็จะได้เป็นปี พ.ศ.2512 ซึ่งตรงกับปีระกาในพุทธทำนายอย่างไม่มีผิดเพี้ยน...

    ประเทศไทย นำ พ.ศ. มาจากศรีลังกา ที่ พ.ศ. คลาดเคลื่อนระหว่างเกิดสงครามในประเทศนี้ เป็นเหตุให้นับ พ.ศ.เร็วกว่าความเป็นจริงไป 48 ปี...ในพุทธทำนายที่กล่าวว่าเมืองมนุษย์จะมืด 7 วัน 7 คืน คาดว่าจะเป็นการเรียงตัวของดวงดาว เป็นแนวระนาบเดียวกัน ในรอบ 2.6 หมื่นปี ตามที่นักวิทยาศาสตร์บอก ทำให้เงาของดาวทุกดวงบดบังแสงอาทิตย์โลกจึงมืด / หรือ อาจจะมีดาวหางพุ่งชนโลกทำให้ ฝุ่นควัน ฟุ้งกระจายจนบดบังทำให้แสงจากดวงอาทิตย์ส่องมาไม่ถึงโลก หรืออาจจะเกิดสงครามนิวเคลียร์ จนทำให้พื้นโลกสั่นสะเทือน เกิดภูเขาไฟระเบิดพร้อม ๆ กันหลายลูก จนเถ้าถ่านของภูเขาไฟ ฟุ้งกระจายขึ้นในในบรรยากาศของโลก"

    ถอดรหัสจากพุทธทำนาย

    - ในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ปลายเดือนสิงหาคม 2550 มีคุณยายผู้ปฏิบัติธรรมท่านหนึ่งได้นำหนังสือเรื่องพุทธทำนายฉบับถอดรหัสมาให้อ่าน ในขณะที่ผู้เขียนได้จัดสรรเวลาของตนเอง ไปฝึกทำสมาธิภาวนา วิปัสสนาภาวนา และเมตตาภาวนา ที่วัดเพลง แขวงและเขต บางพลัด ซึ่งพระอาจารย์ พระมหาฉัตรชัย รักขิตจิตโต ผู้ช่วยเจ้าอาวาสสอนนำการทำสมาธิภาวนา วิปัสสนาภาวนา และเมตตาภาวนา ที่กระชับ และกะทัดรัดดี

    - เมื่อผู้เขียนได้อ่านแล้ว ก็เห็นว่ามีเนื้อหาแปลกดี แต่ไม่แน่ใจว่า ข้อความทั้งหมดที่คัดลอกต่อ ๆ กันมามีการตกหล่นจากความเดิมจนถ้อยคำเปลี่ยนไปหรือไม่เพียงไร

    - ในหนังสือเล่มนี้ อ้างว่า นำความมาจากหนังสือใบลานเก่า ที่พบในจังหวัดอัตตะบือ ประเทศลาว โดยมีพระธุดงค์นำมาถ่ายทอดโดยสรุป คือ

    1. ในปีจอ (2561) กรุงเทพฯ จะหมดสภาพเป็นเมืองหลวงของประเทศไทย

    2. พระคาถาป้องกันภยันตรายในใบลาจารึก ให้นำไปท่องว่า "ปะโต เมตัง ปะระชีวินัง สุคะโต จุติ จิตตะ เมตตะ นินะนัง สุคะติ จุติ" โดยท่านแนะให้นำไปเขียนลงแผ่นผ้าก็ได้ แล้วนำไปปิดที่ประตูบ้าน หรือปิดในรถยนต์ ยามเกิดเหตุการณ์คับขันจะช่วยให้รอดชีวิตพ้นจากภยันตรายได้ มหันตภัยร้ายแรง ท่านว่าจะมี 10 ประการ ได้แก่
    [​IMG]
    1. วาตภัย (ลมพายุ)

    [​IMG]
    2. ธรณีพิบัติภัย (แผ่นดินไหว) ภูเขาไฟระเบิด


    [​IMG]
    3. อัคคีภัย (ไฟไหม้)


    [​IMG]
    4. อุทกภัย (น้ำท่วม)


    [​IMG]
    5. ฟ้าผ่าดังลั่นสะเทือนแก้วหู


    [​IMG]
    6. อากาศร้อนมากเกินไป หนาวมากเกินไป

    7. สารพิษแพร่กระจายทุกแห่งหน

    8. เกิดโรคระบาดต่าง ๆ

    9. เกิดข้าวยาก – หมากแพง

    10. เกิดการอาฆาตพยาบาทจองเวร จองล้าง จองผลาญ


    3. ถ้าเข้าถึงปีกุน (2562) ไปแล้ว ทุกคนจะได้รับความสุขกาย - สุขใจ เคร่งครัดในการรักษาศีล 5 มาก โดยช่วงนั้นจะมีประชากรลดลงมาก แต่ประเทศไทยจะมีประชากรเหลือมากหน่อย คือ มีเหลือรอดถึง 30 % หรือประมาณ 18 ล้านคน ขณะที่ประเทศอื่น ๆ จะมีชีวิตรอดอยู่เพียง 10 % เท่านั้น

    4. เหตุการณ์ร้ายตามท้องถนน จะรุนแรงมาก ตั้งแต่ เดือน 7 ของปีระกา (ปี 2560) และในเดือน 9 – 10 ของปีจอ (ปี 2561) คนใจบาปจะถูกล้างผลาญหมดสภาพสังคมโดยทั่วไป มีบ้านแต่ไม่มีคนอยู่ มีข้าวแต่ไม่มีคนกิน มีทางแต่ไม่มีคนเดิน

    5. ที่ศิลาจารึกในมหาวิหารเชตวัน ณ สวนมฤคทายวัน ได้กล่าวถึงมหันตภัยในอนาคต สิ่งที่คนทั้งหลาย ไม่เคยเจอะก็จะได้เจอ ไม่เคยพบก็จะได้พบ ยักษ์หินที่ถูกสาป กลับตื่นขึ้นมาอาละวาด จะมีการรบราฆ่าฟันกันนองเลือด แผ่นดินจะมีไฟลุกโชติช่วง แต่ละฝ่ายตายไปฝ่ายละครึ่งจึงจะเลิกรา ที่เลิกราก็เพราะต่างหมดกำลังลง ผู้ที่สร้างสมกุศลผลบุญ มีสติอยู่เสมอ ก็จะรอดอยู่ได้ ทั้งนี้ไฟจะมาจากทางทิศตะวันออก

    ไฟไหม้บ้านเรือน และวัดวาอาราม สมณะชีพราหมณ์ ก็จะต้องอดอยาก ลูกไฟจะตกจากฟ้า ข้าวสารจะขาดแคลน ทุพภิกขภัยจะมีไปทั่ว ครุฑจะบินกลับฐาน (เงินบาทจะด้อยค่า) ในช่วงนี้ ให้ภาวนาว่า "ชา ตะ มะ สะ ละ วา" เขียนใส่กระดาษใส่ผ้าขาว ติดตัวติดบ้าน ติดหัวนอน จะทำให้รอดจากพญามัจจุราชได้มากขึ้น

    6. ผู้ที่ต้องการได้พบผู้มีบุญระดับพระโพธิสัตว์ ซึ่งจะเป็นพระศรีอารย์ในอนาคตคัมภีร์ในใบลานแนะนำให้หมั่นภาวนา หมั่นรักษาศีล 5 ให้ครบถ้วนเป็นประจำ ก็จะสมปรารถนาได้

    7. สัญญาณเตือนภยันตราย จะเกิดชัดเจนครั้งแรกในปีมะเส็ง (2556) ตลิ่งริมฝั่งน้ำจะพัง ทะเลและมหาสมุทรจะบ้าคลั่ง ให้ติดตามเหตุการณ์ดูในอีกประมาณ 2 ปีข้างหน้า หากเข้าสู่สถานการณ์นั้น ๆ คัมภีร์ใบลานแนะให้ท่องว่า "สะโรนะกา โททายะโม พุทธะตะยะ" จะลดภยันตรายลงได้กึ่งหนึ่ง

    8. โลกของเรากำลังเข้าสู่กลียุค จะมีปัญหาทั้งภัยธรรมชาติ จากดิน น้ำ ลม ไฟและเกิดจากน้ำมือมนุษย์ในการแย่งชิงผลประโยชน์ แย่งชิงความเป็นใหญ่ แย่งชิงอำนาจและทำสงคราม รวมทั้งใช้อาวุธทุกรูปแบบทำลายล้างซึ่งกันและกัน

    9. ประเทศไทย ก็ได้รับผลกระทบจากภัยธรรมชาติเช่นเดียวกัน โดยในปี 2556 จังหวัดชายทะเล และกทม. จะมีแผ่นดินยุบตัว คลื่นน้ำจะพัดเข้าชายฝั่ง คลื่นน้ำอาจมีความสูงถึง 20 เมตร (สูงเกือบเท่าตึก 7 ชั้น) ผู้ที่อยู่ริมน้ำทั้งหมดจะล้มตายเกือบครึ่ง โดยจะมีภัยพิบัติเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องไปถึงปี 2560 ในที่สุดประชากรไทย จาก 65 ล้านคน จะเหลือเพียง 18 ล้านคนในปี 2561

    (ข้อนี้ฟังดูแล้วคลับคล้ายคลับคลา กับพยากรณ์ของนางมณีเมขลา 9 พ.ค. 2556 มากทีเดียว ผู้ที่ติดตามข้อมูลที่ในหลวงทรงแจ้งเตือนพสกนิกรชาวไทยล่วงหน้า เป็นปริศนาเช่นเดียวกับนอสตราดามูส ผู้ยังความไม่ประมาทพึงพิจารณาด้วยตนของตนเอาเถิด)

    ซึ่งทั้งหลายทั้งปวงนี้ อาจเกิดขึ้นจริง หรือไม่เกิดขึ้นก็ได้ แต่พวกเราก็ไม่ควรดำเนินชีวิตด้วยความประมาท อย่างน้อยที่สุดก็ขอให้ท่านจัดสรรเวลาวันละเล็กวันละน้อย ฝึกความมีสติ และความมีสัมปชัญญะ เพิ่มการรักษาศีล และรู้จักให้ทานมากขึ้นด้วยครับ เพราะสิ่งที่ท่านให้แก่ผู้อื่น สงเคราะห์เกื้อกูลผู้อื่น มีความเมตตาผู้อื่นสัตว์อื่น หรือ ปรารถนาให้ผู้อื่นสัตว์อื่นมีความสุขในปัจจุบัน มีความกรุณาต่อผู้อื่น สัตว์อื่นหรือ มีจิตปรารถนาให้ผู้อื่น สัตว์อื่นที่มีความทุกข์ ได้พ้นจากทุกข์ในปัจจุบัน

    สิ่งเหล่านี้จะเป็นพลังกุศลผลบุญสนองตอบแก่ท่านในช่วงที่โลกเข้าสู่วิกฤติ อันจะมีผลให้ท่านมีความสุขได้ในทุกสถานการณ์ และพ้นทุกข์ได้โดยเร็วพลัน เป็นการลงทุนสร้างความงามความดีในปัจจุบัน ขณะที่เราสามารถกระทำได้โดยไม่เดือดร้อน ก็ขอให้ท่านรู้จักใช้โอกาสอันดีดังกล่าวด้วย หากประมาท ท่านอาจสูญเสียโอกาสที่ดีดังกล่าวตลอดไปก็ได้

    (ในประเด็นนี้ ท่านผู้เป็นใหญ่สูงสุด ที่ได้แจ้งคณะเตือนภัยเขากะลา เอาไว้ว่าการช่วยเหลือพลโลกได้เฉพาะบางส่วนที่มีบารมี...บารมีของท่าน ผู้ใหญ่แห่งดาวพลูโต นั้นอาจหมายถึง ผู้ที่ได้ฝึกจิตเข้าถึงสภาวะจิตเดิม หรือ "ทาง" ของทุก ๆ คนก็ได้ ...จึงจะนับว่าเป็นผู้มีบารมี ที่จะได้รับความช่วยเหลือจากชาวต่างดาวหลาย ๆ ดวง ที่ได้มาเตรียมงานบนดาวดวงนี้ล่วงหน้า 10 กว่าปีทีเดียว)

    มงคล กริชติทายาวุธ
    ประธานชมรมศาสนาและการกุศล

    หมายเหตุ

    ปีนักษัตร ชวด ฉลู ขาล เถาะ มะโรง มะเส็ง มะเมีย มะแม วอก ระกา จอ กุน เริ่มนับจากเดือนเมษายน เป็นเดือนที่ 1 ของปี เดือนสุดท้ายของปีจึงเป็นเดือนมีนาคมของปีถัดไป ดังนั้นปีระกาในพุทธทำนาย จึงหมายถึงตั้งแต่เดือนเมษายนของปี พ.ศ.2560 ถึง เดือนมีนาคม พ.ศ.2561

    ที่มา - kapook.com
     
  12. TREETORN

    TREETORN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    59
    ค่าพลัง:
    +199
    เพื่อน ๆ โดนบังคับกันไปหลายคน หลายครั้ง เคยโดนเจ้านายบังคับเหมือนกัน เจ้านายขอเหตุผลว่าทำไมไม่ไปอบรม ผมตอบไปว่า "วัดทำปลากราย ไม่ใช่ ศาสนาพุทธ พระพุทธเจ้าไม่ได้สอนเช่นนี้" โดนตรวจสอบก็ดีพวกผมจะได้หมดเวรหมดกรรมกับวัดทำปลากรายซะที
     
  13. ironman

    ironman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    122
    ค่าพลัง:
    +508
    เวียดนามช็อก ทารกตายแล้ว 4 รายหลังรับวัคซีน “ไวรัสบี”

    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 23 กรกฎาคม 2556 18:01 น.

    [​IMG]

    สีหน้าของผู้เป็นบิดา เป็นป้า เป็นตา-ยายและญาติ สะท้อนบรรยากาศในภาพนี้ได้อย่างดีที่สุด ขณะนำลูกและหลานกลับจากโรงพยาบาลอำเภอเหืองหวา (Huong Hao) จังหวัดกว๋างจิ (Quang Tri) ไปบำเพ็ญกุศลที่บ้านวันที่ 20 ก.ค.ที่ผ่านมา ขณะที่แม่ยังต้องพักฟื้นต่อไป ทารกเพศหญิงรายนี้เกิดมาสมบูรณ์ทุกอย่าง แต่ลืมตาดูโลกได้ไม่ถึง 24 ชั่วโมง ได้เสียชีวิตลงเพียงข้ามคืนหลังได้รับวัคซีนป้องกันไวรัสตับชนิดบี ซึ่งจนถึงวันอัง 22 ก.ค.นี้ มีทารกเสียชีวิตแล้วถึง 4 รายใน 2 จังหวัด. -- ภาพ: ไซ่ง่อนเตี๊ยบถิ (ข่าวการตลาดไซ่ง่อน). .

    ASTVผู้จัดการออนไลน์ - สาธารณชนชาวเวียดนาม ต่างมีอาการช็อกเกี่ยวกับข่าวที่มีทารกเสียชีวิตถึง 4 รายในช่วงไม่กี่วันมานี้ หลังจากแพทย์ได้ให้วัคซีนป้องกันโรคไวรัสตับชนิดบี (Hepatitis B Vaccine) ตามปกติ ผู้เชี่ยวชาญด้านนี้หลายคนได้เรียกร้องให้ทางการมีคำสั่งให้งดการฉีกวัคซีนดังกล่าวเอาไว้เป็นการชั่วคราวเพื่อสอบสวนหาสาเหตุอันแท้จริง

    หลังจากทารก 3 คนแรกเสียชีวิตในโรงพยาบาลแห่งเดียวกันในจังหวัดภาคกลางตอนบนของประเทศ อีกคนหนึ่งได้เสียชีวิตลงในวันอังคาร 22 ก.ค.ที่ผ่านมา นับเป็นรายที่ 4 ในชั่วเวลาเพียง 3 วัน

    แต่กรมการยากระทรวงสาธารณสุข กล่าวในวันเดียวกันว่า ยังไม่ได้รับรายงานเกี่ยวกับเหตุการณ์ต่างๆ ดังกล่าว และเพิ่งจะทราบผ่านสื่อ ซึ่งทำให้สาธารณชนรู้สึกผิดหวัง และออกเรียกร้องให้หยุดการให้วัคซีนดังกล่าวแก่ทารกในทันที ในขอบเขตทั่วไปประเทศ

    ในเวียดนาม มีโครงการให้วัคซีน HBV แก่ทารกแรกเกิดในระยะ 24 ชั่วโมงแรกมาเป็นเวลาหลายปีแล้ว และเป็นขบวนการปฏิบัติปกติของหมอ และพยาบาลโรงพยาบาลต่างๆ ทั่วประเทศ วัคซีนดังกล่าววิจัย และผลิตโดยบริษัทเทคโนโลยีไบโอชีวะและวัคซีนแห่งเวียดนาม หรือ VABIOTECH ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข

    ทารก 3 คนแรกเสียชีวิตต่อเนื่องกันระหว่างวันที่ 20-21 ก.ค.ที่โรงพยาบาล อ.เหืองหวา (Hướng Hoá) จ.กว๋างจิ (Quảng Trị) มารดา และญาติของทารกเคราะห์ร้ายให้การคล้ายๆ กันว่า หลังจากให้วัคซีนเด็กทั้งหมดมีอาการหายใจติดขัด และลำตัวกลายเป็นเขียวคล้ำ ซึ่งผู้เชี่ยวชาญลงความเห็นว่า เป็นผลจากการขาดออกซิเจน และสิ้นใจไป

    ทางการจังหวัดกว๋างจิ จัดส่งคณะแพทย์ผู้เชี่ยวชาญลงพื้นที่ในวันอาทิตย์ 21 ก.ค.เพื่อสอบสวนหาข้อเท็จจริง และได้ผลในเบื้องต้นว่า วัคซีนที่ให้แก่เด็กทั้งหมดได้รับจากบริษัท VABIOTECH พร้อมกันในล็อตเดียวกันผ่านหน่วยงานของจังหวัด และทารกเคราะห์ร้ายทั้งสามก็ไม่ใช่รายแรกๆ ที่ได้รับวัคซีนไวรัสบีล็อตนี้

    คณะผู้เชี่ยวชาญได้ส่งหนังสือถึงจังหวัด และกระทรวงเสนอให้ยุติการให้วัคซีนแก่ทารกเอาไว้ชั่วคราว เพื่อหาข้อเท็จจริง และสาเหตุต้นตอเพิ่มเติม
    [​IMG]

    เป็นภาพที่ไม่ต้องการคำบรรยายใดๆ อีกเช่นกัน ป้ากับยายนำร่างเจ้าหนูน้อยออกจากโรงพยาบาล อ.เหืองหวา จ.กว๋างจิ เพื่อไปบำเพ็ญกุศลที่บ้าน ทารกเพศชายรายนี้เกิดมาน้ำหนักกว่า 3 กิโลกรัม สมบูรณ์ทุกอย่าง แต่เสียชีวิตลงเพียงไม่กี่ชั่วโมงหลังจากรับวัคซีนป้องกันไวรัสตับชนิดบีในวันที่ 21 ก.ค.ที่ผ่านมา เป็นรายที่ 2 จากจำนวน 3 รายที่เสียชีวิตจากสาเหตุเดียวกันในโรงพยาบาลแห่งนี้. -- ภาพ: ไซ่ง่อนเตี๊ยบถิ (ข่าวการตลาดไซ่ง่อน).

    .
    อย่างไรก็ตาม ในบ่ายวันที่ 23 ก.ค. มีทารกอีกรายหนึ่งเสียชีวิตลงที่โรงพยาบาล อ.ตวีฟอมง์ (Tuy Phong) จ.บี่งทวน (Bình Thuận) ในภาคกลางตอนล่าง ข่าวนี้สร้างความตื่นตระหนกให้แก่บรรดาสตรีที่ใกล้คลอดทั้งหลาย รวมทั้งสมาชิกครอบครัวทั่วประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อทางการจังหวัดแถลงผลการสอบสวนในชั้นต้นซึ่งระบุว่า วัคซีนที่ใช้ในโรงพยาบาล จ.บี่งทวน เป็นคนละล็อตกับวัคซีนที่ใช้ใน จ.กว๋างจิ

    พญ.หวอถิถวี (Võ Thị Thúy) สูตินรีแพทย์ วัย 27 ปี ซึ่งทำคลอดให้แก่ทารกเคราะห์ร้ายรายล่าสุด ให้สัมภาษณ์ว่า เด็กเกิดเวลาประมาณ 06.00 น.วันที่ 21 ก.ค. พยาบาลได้ให้วัคซีน HBV เวลาประมาณ 10 น. วันเดียวกัน และทารกเสียชีวิตเวลาต่อมา นับเป็นเวลา 22 ชั่วโมง กับ 30 นาทีหลังคลอด ซึ่งไม่เคยกรณีเช่นนี้มาก่อน ในขณะที่การสอบสวนในชั้นรายละเอียดยังดำเนินต่อไป

    ตอนบ่ายวันที่ 22 ที่ผ่านมา กระทรวงสาธารณสุข ในกรุงฮานอยแถลงว่า ยังไม่ได้รับรายงานเกี่ยวกับการเสียชีวิตของทารกรายล่าสุด หนังสือพิมพ์ไซ่ง่อนเตี๊ยบถิ (Sài Gòn Tiếp Thị) หรือ “ข่าวการตลาดไซ่ง่อน” ในนครโฮจิมินห์ รายงานในวันพุธนี้

    ประชาคมออนไลน์ในเวียดนามให้ความสนใจการเสียชีวิตของทารกทั้ง 4 ราย ซึ่งยังความโศกเศร้าให้แก่มารดาที่เพิ่งจะคลอด บิดา ตลอดจนญาติของทุกคน ในโอกาสที่ควรจะเป็นช่วงเวลาแห่งความเปี่ยมสุขดังกล่าว

    ชาวเวียดนามจำนวนมากที่สามารถเข้าสู่โลกออนไลน์ได้ ต่างเรียกร้องให้รัฐบาลดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างเร่งด่วนเพื่อป้องกันการสูญเสียที่เป็นโศกนาฏกรรมสำหรับครอบครัวชาวเวียดนามทั่วประเทศ.
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 กรกฎาคม 2013
  14. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,710
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    ตราด-จันทบุรี น้ำท่วมหนัก!! ประชาชนเดือดร้อนกว่า 10,000 คน

    [​IMG]

    ฝนที่ตกอย่างต่อเนื่องในจังหวัดจันทบุรี ทำให้ชุมชนต่างๆ ในเทศบาลเมืองจันทบุรี เทศบาลจันทนิมิตร เทศบาลท่าช่างเมืองใหม่ เทศบาลเนินวง รวมทั้งตัวตลาดสดจันทบุรีถูกน้ำท่วมสูง ประชาชนกว่า 10,000 คนได้รับความเดือดร้อน

    ส่วนพื้นที่อำเภอมะขาม ขลุง และอำเภอท่าใหม่ บ้านเรือนประชาชน และถนนหลายสายจมอยู่ใต้น้ำบางจุดสูงกว่า 50 เซนติเมตร และมีแนวโน้มสูงขึ้น เนื่องจากฝนยังไม่หยุดตก โดยเฉพาะตลาดหอนาฬิกาในอำเภอท่าใหม่ ที่ไม่เคยถูกน้ำท่วม ล่าสุดน้ำท่วมสูงกว่า 1 เมตรแล้ว และเกิดดินจากเขาพลอยแหวนถล่มลงมาปิดเส้นทาง ทำให้สัญจรผ่านไม่ได้ รวมทั้งถนนบางช่วงน้ำท่วมสูงเกิน 1 เมตร

    จังหวัดตราดมีฝนที่ตกหนัก ทำให้น้ำทะลักท่วมตัวเมืองตราดหลายจุด ถนนหลายสายจมอยู่ใต้น้ำสูง 20-30 เซนติเมตร รถเล็กผ่านไม่ได้ เป็นเหตุให้การจราจรติดขัดอย่างหนัก โดยเฉพาะถนนสุขุมวิท บริเวณหน้าองค์การบริหารส่วนจังหวัด และแขวงการทางตราดที่ระดับน้ำสูง 30-40 เซนติเมตร

    นอกจากนี้ ยังท่วมถนนสายแสนตุ้ง - บางกระดาน บริเวณบ้านท่าหาด ตำบลแสนตุ้ง สายเขาสมิง บ้านนนทรี ตำบลทุ่งนนทรี และมีแนวโน้มเพิ่มระดับขึ้นอีกเช่นกัน เนื่องจากฝนยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุดตก ล่าสุดน้ำเริ่มไหลเข้าบ้านเรือนประชาชนหลายแห่งในตัวเมืองตราดแล้ว

    โดย ASTV ผู้จัดการออนไลน์ 23 กรกฎาคม 2556 15:18 น.

    ที่มา Manager Online
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 กรกฎาคม 2013
  15. k_isara 1

    k_isara 1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    521
    ค่าพลัง:
    +7,059
    24 ก.ค. 56

    บุญเอ๋ย บุญใหญ่ ใฝ่จำ
    ต้องทำ เลี้ยงดู พ่อแม่
    อีกทั้ง ผู้เฒ่า ผู้แก่
    เผยแพร่ ให้รู้ คู่ครัว

    ทำบุญ มีทุน หนุนทาน
    เจือจาน อดอยาก ขัดสน
    ข้าวของ แบ่งไป ไม่จน
    เป็นคน ต้องให้ ไม่ขาด

    เคอิสรา
     
  16. k_isara 1

    k_isara 1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    521
    ค่าพลัง:
    +7,059
    24 ก.ค. 56 ลด ละ เลิก

    เหล้ายา ปลาปิ้ง ทิ้งหมด
    ต้องอด ให้ได้ เพื่อตัว
    เงินทอง เหลือใช้ ของชัวร์
    อย่ามัว เสพติด ผิดศีล

    เคอิสรา
     
  17. k_isara 1

    k_isara 1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    521
    ค่าพลัง:
    +7,059
    24 ก.ค. 56 เหิร

    เมื่อเช้าวานนี้ ได้นิมิตว่า เห็นตัวเองเหิรเหนือพื้นดินไป ตามทางได้เห็นบ้านเรือนต่างๆ ได้เห็นลูกสุนัขผรั่งอ้วนปุกปุยก็ลงมาดู ช่วงเหิรผ่านบางที่สุนัขดุก็กระโดดจะงับก็ถูกรวบปากไว้ เมื่อเหิรมาริมน้ำก็เห็นน้ำเอ่อท่วมเข้าแผ่นดินแต่ท่วมไม่มาก

    เคอิสรา
     
  18. จริง?หรือ?

    จริง?หรือ? เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    2,201
    ค่าพลัง:
    +7,155
    ขึ้นแน่แอลพีจีครัวเรือน50สต./กก.เริ่ม1ก.ย.ย้ำดูแลคนจนจริงแค่7.7ล้านราย

    “พงษ์ศักดิ์” ลั่นเดินหน้าปรับขึ้นราคาแอลพีจีครัวเรือนเริ่ม 1 ก.ย.นี้อีก 50 สตางค์ต่อกก.โดยพร้อมเจียดเงิน 35.5 ล้านบาทอุ้มคนมีรายได้น้อยจริงๆ 7.7 ล้านรายส่วนที่เหลืออีกกว่า8ล้านรายต้องใช้ตามจริงเหตุไม่ใช่คนจน ย้ำกองทุนน้ำมันฯที่เก็บเงินจากคนใช้น้ำมันจะมีรายได้เพิ่มเดือนละ 55 ล้านบาท ลั่นมาตรการดูแลพร้อมแล้วย้ำมีผลต่อค่าครองชีพแค่ 1%


    นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า รัฐบาลยืนยันที่จะเดินหน้าขึ้นแอลพีจีครัวเรือนที่ตรึงอยู่ 18.13 บาทต่อกิโลกรัมอีก 0.50 บาทต่อกก. วันที่ 1 ก.ย. นี้เนื่องจากมาตรการดูแลผลกระทบครัวเรือน ร้านค้าหาบเร่แผงลอย รวม 7.7 ล้านรายที่จะให้ใช้แอลพีจีราคาเดิมพร้อมแล้วที่จะดำเนินการช่วยเหลือคนที่มีรายได้น้อยอย่างแท้จริง ซึ่งการขึ้น ราคาดังกล่าวจะทำให้กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงที่เก็บจากผู้ใช้น้ำมันมาอุดหนุนราคาแอลพีจีลดลงหรือมีรายได้เพิ่มขึ้นเดือนละ 50-55 ล้านบาทและหากปรับราคาครบ 6 บาทต่อกก.หรือไปอยู่ที่ 24.82 บาทต่อกก.จะมีรายได้เพิ่มถึง 600-660 ล้านบาทต่อเดือน

    “ มีคนคัดค้านการขึ้นแอลพีจีครัวเรือนต้องถามว่าคุณต่อสู้เพื่อใคร เพราะกองทุนน้ำมันฯเก็บเงินจากผู้ใช้น้ำมัน คนขับรถตุ๊กๆ มอเตอร์ไซต์ที่เติมน้ำมันต้องนำเงินมาแบกอุดหนุนคนใช้แอลพีจีทั้งหมดที่เป็นคนรวยเกือบครึ่ง โดยขณะนี้มีผู้ใช้แอลพีจีทั้งสิ้น 16 ล้านครัวเรือนเราเลือกดูแลคนจนจริงๆ 7.7 ล้านครัวเรือนหรือเกือบ 50% ให้ใช้ราคาเดิมที่ 18.13 บาทต่อกก.โดยจะใช้เงินกองทุนน้ำมันฯมาดูแลเพียงเดือนละ 35.5 ล้านครัวเรือนโดยแบ่งเป็นครัวเรือนที่มีไฟใช้และไม่มีไฟ 22 ล้านบาทต่อเดือนและร้านค้าหาบเร่อีก 12.5 ล้านบาทต่อเดือนซึ่งยืนยันว่าผลกระทบต่อราคาอาหารจะมีเพิ่มขึ้นไม่ถึง 1%”รมว.พลังงานกล่าว

    สำหรับครัวเรือนรายได้น้อยจะได้รับสิทธิ์ใช้แอลพีจีราคาเดิมไม่เกิน 18 กก.ต่อ 3 เดือน กรณีร้านค้า หาบเร่ แผงลอย ไม่เกิน 150 กก.ต่อเดือน โดยครัวเรือนที่มีไฟใช้จะได้รับแจ้งสิทธิ์ผ่านบิลค่าไฟ ผู้ไม่มีไฟใช้ ร้านค้าหาบเร่ แผงลอยอาหาร ต้องนำบัตรประชาชนไปแสดงเป็นหลักฐานเพื่อขอรับบัตรแสดงสิทธิ์ที่สำนักงานเขตองค์การบริหารส่วนตำบลหรืออบต. หรือเทศบาลตามที่อยู่ของท่านภายในวันที่ 5-30 ส.ค.นี้โดยในบัตรจะระวุ”รหัสผู้ได้รับสิทธิ์” ที่เป็นตัวเลข 8 หลัก - 11 หลัก

    โดยการใช้สิทธิ์ต้องลงทะเบียนด้วยโทรศัพท์มือถือก่อนเพื่อระบุเบอร์โทรและร้านค้าที่จะซื้อ หลังจากนั้นการใช้สิทธิ์จะต้องส่งข้อความ(SMS) ผ่านโทรศัพท์มือถือ ได้แก่ กด * 755* รหัสผู้ได้รับสิทธิ์ (8-11 หลัก) * รหัสร้านค้า(6หลัก) #กดโทรออกจากนั้นระบบจะทำการส่งข้อความกลับไปที่เบอร์โทรผู้ขอรับสิทธิ์ และเบอร์โทรร้านค้าแอลพีจีที่ท่านสั่งซื้อ โดยรายละเอียดทั้งหมดจะได้ทำการประชาสัมพันธ์ให้กับร้านค้าและประชาชน และหากมีปัญหาสามารถโทร Call Center 02-1707000
    [​IMG]

    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 24 กรกฎาคม 2556 16:03 น.
     
  19. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,710
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    ตึงเครียดหนัก ญี่ปุ่นส่งเครื่องบินรบสกัดเครื่องบินรบจีน

    [​IMG]

    ญี่ปุ่นส่งเครื่องบินรบขึ้นสกัดเครื่องบินรบของกองทัพจีนที่บินผ่านน่านฟ้าเหนือมหาสมุทรแปซิฟิก เฉียดเข้าใกล้ญี่ปุ่นวันนี้

    สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานจากกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 24 ก.ค.ว่า ญี่ปุ่นส่งเครื่องบินรบขึ้นสกัดในวันนี้ หลังจากเครื่องบินกองทัพจีนลำหนึ่งบินผ่านน่านฟ้าสากล ใกล้หมู่เกาะทางตอนใต้เหนือมหาสมุทรแปซิฟิกเป็นครั้งแรก ซึ่งเป็นการเคลื่อนไหวที่ญี่ปุ่นมองว่า เป็นการตอกย้ำให้เห็นการขยายอิทธิพลทางทะเลของจีน

    ความสัมพันธ์ระหว่างจีนและญี่ปุ่นตึงเครียดขึ้นจากกรณีพิพาทดินแดน ที่ต่างฝ่ายต่างก็อ้างกรรมสิทธิ์ครอบครองหมู่เกาะในทะเลจีนตะวันออกที่ไม่มีคนอาศัยอยู่ และนายกรัฐมนตรีสายเหยี่ยวของญี่ปุ่น นายชินโซ อาเบะ ก็ชนะการเลือกตั้งวุฒิสภาอย่างเด็ดขาดในการเลือกตั้งเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา

    กระทรวงกลาโหมญี่ปุ่น แถลงว่า เครื่องบินของกองทัพจีน บินผ่านน่านฟ้าระหว่างเกาะใหญ่ของเขตโอกินาวา และเกาะขนาดเล็ก มิยาโกะ ทางตอนใต้ของญี่ปุ่น เหนือมหาสมุทรแปซิฟิกในช่วงประมาณเที่ยงวัน และจากนั้นบินกลับเส้นทางเดิมเหนือทะเลจีนตะวันออก

    เดลินิวส์ วันพุธที่ 24 กรกฎาคม 2556 เวลา 19:18 น.

    ฟิลิปปินส์จับมือเวียดนามประท้วงจีน

    [​IMG]

    ชาวฟิลิปปินส์พร้อมด้วยชาวเวียดนามหลายร้อยคน ร่วมชุมนุมประท้วงต่อต้านจีนในกรุงมะนิลา กรณีที่รัฐบาลจีนอ้างสิทธิเหนือดินแดนในทะเลจีนใต้

    สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ เมื่อวันที่ 24 ก.ค. ว่า ประชาชนหลายร้อยคน รวมทั้งชาวเวียดนามบางส่วน ได้รวมตัวกันที่บริเวณหน้าอาคารสถานกงสุลของจีนในกรุงมะนิลาของฟิลิปปินส์เมื่อวันพุธ เพื่อประท้วงจีนที่อ้างสิทธิเหนือดินแดนในทะเลจีนใต้ โดยกลุ่มผู้ประท้วงเหล่านี้ ซึ่งมีทั้งเป่าแตรและโบกธงชาติฟิลิปปินส์ มีราว 500 คน ท่ามกลางตำรวจต่อต้านการจลาจลเฝ้าดูอย่างใกล้ชิด อย่างไรก็ตาม เนื่องจากมีการประท้วง ทางสถานกงสุลจีนได้ปิดสำนักงานประทับตราหนังสือเดินทาง

    เมื่อไม่นานนี้ เกิดการเผชิญหน้ากันหลายครั้งซึ่งเกี่ยวข้องกับเรือตรวจการณ์ของจีน กับเรือฟิลิปปินส์และเรือเวียดนาม ทำให้สถานการณ์ตึงเครียดในบริเวณหมู่เกาะสแปรทลี ซึ่งนอกจากเป็นเส้นทางเดินเรือที่สำคัญแล้ว ยังอุดมไปด้วยน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ

    เดลินิวส์ วันพุธที่ 24 กรกฎาคม 2556 เวลา 17:40 น.

    ปูตินเตรียมเยือนอิหร่านคาดรื้อฟื้นเจรจานิวเคลียร์

    [​IMG]

    ประธานาธิบดีรัสเซีย เตรียมเดินทางเยือนอิหร่านเดือนหน้า คาดรื้อฟื้นเจรจานิวเคลียร์

    สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงมอสโก ประเทศรัสเซีย เมื่อวันที่ 24 ก.ค. ว่า ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน แห่งรัสเซียมีกำหนดเดินทางเยือนอิหร่านในเดือนส.ค. เพื่อพยายามรื้อฟื้นการเจรจาว่าด้วยโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่าน หนังสือพิมพ์คอมเมอร์แซนต์รายงานเมื่อวันพุธว่า ประธานาธิบดีปูตินจะเดินทางเยือนอิหร่านในช่วงกลางเดือน ส.ค. หลังจากนายฮัสซัน โรว์ฮานี ประธานาธิบดีคนใหม่ของอิหร่านเข้าพิธีสาบานตนในวันที่ 3 ส.ค. และเป็นการเยือนอิหร่านครั้งแรกของนายปูติน นับตั้งแต่ปี 2550

    นายดมิทรี เปสคอฟ โฆษกประธานาธิบดีปูตินบอกว่า เขาไม่สามารถยืนยันรายงานข่าวนี้ แต่สื่อดังกล่าวระบุรัฐบาลมอสโกหวังว่า การเยือนครั้งนี้ จะเกิดแรงผลักดันให้มีการเจรจากันว่าด้วยโครงการนิวเคลียร์อิหร่านกันอีก หลังหยุดชะงักไปนาน นอกจากนั้น หนังสือพิมพ์คอมเมอร์แซนต์รายงานอ้างคำกล่าวของกระทรวงต่างประเทศอิหร่านด้วยว่า การเดินทางเยือนอิหร่านของประธานาธิบดีรัสเซียจะมีขึ้นระหว่างวันที่ 12-13 ส.ค.

    ด้านมหาอำนาจตะวันตกแสดงความหวังว่า การเจรจานิวเคลียร์จะเกิดการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดี ภายหลังอิหร่านเลือกนายโรว์ฮานี ขึ้นเป็นประธานาธิบดีคนใหม่ แทนนายมาห์มูด อาห์มาดิเนจาด ที่หมดวาระการทำหน้าที่ประธานาธิบดีอิหร่าน

    เดลินิวส์ วันพุธที่ 24 กรกฎาคม 2556 เวลา 15:09 น.

    ที่มา เดลินิวส์ | อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 กรกฎาคม 2013
  20. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,710
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    จากดีทรอยท์ถึงเมืองไทย
    โดยพระไพศาล วิสาโล​

    [​IMG]

    ครั้งหนึ่งดีทรอยท์เป็นเมืองอุตสาหกรรมที่สำคัญที่สุดในอเมริกา เพราะเป็นที่ตั้งของบริษัทผลิตรถยนต์ชั้นนำของประเทศ กล่าวได้ว่าดีทรอยท์เปรียบเสมือนหัวใจที่สูบฉีดโลหิตไปเลี้ยงระบบเศรษฐกิจของอเมริกาให้เติบใหญ่ เพราะรถยนต์ซึ่งเป็นกลไกทางเศรษฐกิจที่สำคัญผลิตจากเมืองนี้แทบทั้งนั้น ดีทรอยท์ในยุคที่เจริญสุดขีดมีสีสันหลากหลาย เพราะนอกจากเป็นเมืองอุตสาหกรรมชั้นนำแล้ว ยังมีชื่อเสียงโดดเด่นด้านดนตรีและความบันเทิง ใจกลางเมืองคึกคักด้วยผู้คนและวัฒนธรรมที่มีชีวิตชีวา ในช่วงทศวรรษ ๑๙๕๐ ดีทรอยท์มีประชากรเกือบ ๒ ล้านคน จัดว่าใหญ่เป็นอันดับที่ ๔ ของสหรัฐอเมริกา

    แต่มาวันนี้ดีทรอยท์กลายเป็นเมืองที่ซบเซา ยกเว้นใจกลางเมืองซึ่งเต็มไปด้วยตึกระฟ้าทันสมัยแล้ว ส่วนที่เหลือของเมืองกลับเงียบเหงา มีแต่ตึกร้างและอาคารเก่าคร่ำคร่ามากมาย ประชากรหายไปครึ่งหนึ่ง เหลือไม่ถึง ๑ ล้านคน ตามท้องถนนเกลื่อนกล่นด้วยปัญหาอาชญากรรม คุณภาพชีวิตของผู้คนตกต่ำ บริการสาธารณูปโภคไร้ประสิทธิภาพ เพราะงบประมาณไม่พอเพียง ขณะที่อัตราการว่างงานสูงถึงร้อยละ ๒๙ คนยากจนมีมากถึงร้อยละ ๒๖ ของประชากร ความตกต่ำดังกล่าวมิได้เพิ่งเกิด หากดำเนินต่อเนื่องมา ๔๐ ปีแล้ว ยิ่งมาเจอวิกฤตเศรษฐกิจและความถดถอยของอุตสาหกรรมรถยนต์เมื่อเร็ว ๆ นี้ จึงทรุดหนักกว่าเดิม

    อะไรทำให้ชะตากรรมของดีทรอยท์พลิกผันเช่นนั้น เมื่อเร็ว ๆ นี้นิตยสารไทม์ได้วิเคราะห์ความตกต่ำของดีทรอยท์ว่าเกิดจากเหตุปัจจัยหลายประการ ปัจจัยแรกที่ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงและต่อเนื่อง ก็คือการจลาจลครั้งใหญ่ของคนดำเมื่อปี ๒๕๑๐ ซึ่งทำให้มีคนตายถึง ๔๓ คน บ้านเรือนถูกเผาทำลายเป็นจำนวนมาก นั่นเป็นจุดเริ่มต้นที่ผลักให้คนขาวนับหมื่นย้ายไปอยู่ตามเมืองรอบนอก

    การจลาจลดังกล่าวเกิดจากความรู้สึกชิงชังโกรธแค้นในหมู่คนดำที่ถูกปฏิบัติเยี่ยงพลเมืองชั้นสอง ดีทรอยท์ในตอนนั้นมีการแบ่งแยกผิวสีอย่างรุนแรงทั้งในที่ทำงาน โรงเรียน สถานที่สาธารณะ แม้กระทั่งบนรถยนต์ คนดำถูกกีดกันไม่ให้อยู่ปะปนกับคนขาว เขตที่พักอาศัยบางแห่งของคนขาวมีการสร้างรั้วคอนกรีตสูง ๒ เมตรยาวเป็นกิโลเมตร เพื่อแยกขาดจากถิ่นของคนดำที่อยู่ใกล้เคียง

    การถูกกีดกันในอาชีพการงาน ขาดโอกาสในการศึกษาและเข้าถึงบริการของรัฐอย่างทัดเทียมกับคนขาว ทำให้คนดำจมปลักอยู่ในความยากจน ยากที่จะเงยหน้าอ้าปากได้ ความรู้สึกถึงความไม่เป็นธรรม และความเหลื่อมล้ำอย่างชัดเจนทางเศรษฐกิจระหว่างผิวสี เป็นตัวบ่มเพาะความเกลียดชังที่พร้อมระเบิดเป็นความรุนแรงได้ทันทีเมื่อเห็นคนดำถูกรังแกโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจซึ่งเป็นคนขาว นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นในปี ๒๕๑๐

    ไม่กี่ปีหลังจากที่คนขาวพากันผละหนีไปเมืองรอบนอก ดีทรอยท์โดยเฉพาะชั้นในก็เต็มไปด้วยคนดำเป็นส่วนใหญ่ ๖ ปีหลังจลาจลใหญ่ดีทรอยท์ก็ได้นายกเทศมนตรีผิวดำเป็นคนแรกในประวัติศาสตร์คือโคลแมน ยัง เขาสร้างความนิยมในหมู่คนดำด้วยการชูประเด็นผิวสี โจมตีคนขาว และใช้นโยบายเผชิญหน้ากับฝ่ายบริหารของเมืองรอบนอกซึ่งเป็นถิ่นคนขาว ทำให้เกิดความแตกแยกที่ร้าวลึกระหว่างดีทรอยท์กับเมืองเหล่านั้น ขณะเดียวกันนโยบายเอียงข้างคนดำ(เช่นดึงงบประมาณมาลงใจกลางเมืองซึ่งเป็นย่านคนดำแต่ละเลยชานเมืองซึ่งเป็นถิ่นคนขาว)ก็ยิ่งผลักไสให้คนขาวละทิ้งดีทรอยท์ไปมากขึ้น ธุรกิจหดหายไปเป็นจำนวนมาก ทำให้รายได้ของเมืองลดลงจนงบประมาณติดลบนับร้อยล้านดอลลาร์ทุกปี

    ในขณะที่โคลแมน ยังใช้นโยบายแบ่งเขาแบ่งเราตลอด ๒๐ ปีที่เขาเป็นนายกเทศมนตรี ตัวแปรอีกด้านหนึ่งได้แก่ธุรกิจยักษ์ใหญ่ในเมืองก็มีส่วนไม่น้อยในการสร้างความตกต่ำให้แก่ดีทรอยท์ บริษัทรถยนต์ทั้ง ๓ บริษัท คือ จีเอ็ม ฟอร์ด และไครสเลอร์ พยายามทุกวิถีทางเพื่อขัดขวางไม่ให้มีการออกกฎหมายที่กระทบผลประโยชน์ของบริษัท โดยอาศัยสส.และสหภาพแรงงานเป็นเครื่องมือ ทั้งสองส่วนมีบทบาทอย่างมากในการต่อต้านกฎระเบียบต่าง ๆ เกี่ยวกับการผลิตรถยนต์ อาทิ มาตรการความปลอดภัยที่เข้มงวดกว่าเดิม การเพิ่มประสิทธิภาพของรถยนต์ รวมทั้งการผ่อนคลายข้อจำกัดทางการค้า ความพยายามดังกล่าวแม้เป็นไปเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของบริษัทรถยนต์ แต่ในระยะยาวกลับกลายเป็นผลเสียต่ออุตสาหกรรมรถยนต์ของอเมริกา เพราะทำให้รถยนต์อเมริกันขาดการพัฒนาคุณภาพ จึงไม่สามารถแข่งขันกับรถยนต์ที่นำเข้าต่างประเทศได้ ผลก็คือบริษัทรถยนต์เหล่านี้ขาดทุนต่อเนื่องจนเกิดวิกฤตทางการเงิน ผลก็คือต้องปิดโรงงานและปลดคนงานออกเป็นจำนวนมาก

    ดีทรอยท์อาจไม่ตกต่ำลงถึงขนาดนี้หากมีอุตสาหกรรมหรือธุรกิจที่หลากหลาย แทนที่จะผูกติดอยู่กับอุตสาหกรรมรถยนต์อย่างเดียว แต่เหตุผลหนึ่งที่ทำให้ดีทรอยท์ไม่มีอุตสาหกรรมที่หลากหลาย ก็คือค่าแรงที่สูงมาก อันเป็นผลจากการเรียกร้องของสหภาพแรงงานรถยนต์ ค่าแรงที่สูงมากนี้ครอบคลุมไปถึงกิจการที่อยู่นอกอุตสาหกรรมรถยนต์ด้วย ทำให้อุตสาหกรรมเกิดใหม่เติบโตได้ยาก ดังนั้นเมื่ออุตสาหกรรมรถยนต์เกิดวิกฤต จึงไม่มีอุตสาหกรรมอื่นมารองรับหรือขับเคลื่อนเศรษฐกิจของดีทรอยท์แทน

    ดีทรอยท์เป็นตัวอย่างของเมืองที่เจริญรุ่งเรืองอนาคตเจิดจรัสแต่แล้วในชั่วหนึ่งอายุคนเท่านั้นกลับเสื่อมโทรมอย่างรวดเร็ว นับเป็นอุทธาหรณ์สอนใจได้ดีถึงความไม่จีรังยั่งยืนอันเป็นธรรมดาโลก มองให้ใกล้ตัวเข้ามา ดีทรอยท์เป็นบทเรียนที่ดีมากสำหรับเมืองไทย ไม่ใช่เพียงเพราะว่าเมืองไทยตกอยู่ภายใต้กฎอนิจจังเช่นเดียวกับดีทรอยท์ แต่ยังเป็นเพราะว่าหลายอย่างที่ฉุดดีทรอยท์ให้ตกต่ำนั้นกำลังเกิดขึ้นกับเมืองไทยด้วยเช่นกัน

    ดีทรอยท์เมื่อ ๕ ทศวรรษก่อนเจริญสุดขีดก็จริง แต่ก็เปรียบเสมือนตึกระฟ้าที่ขาดฐานที่มั่นคง คนดำส่วนใหญ่ที่เป็นฐานของดีทรอยท์นั้นอยู่อย่างยากจน มีความเหลื่อมล้ำต่ำสูงอย่างชัดเจนระหว่างคนขาวกับคนดำ มิใช่แต่ในทางรายได้เท่านั้น แต่รวมถึงสถานภาพ ความรู้สึกว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมเกิดขึ้นกับคนดำแทบทั้งนั้น ในขณะที่คนขาวหาได้ล่วงรู้หรือใส่ใจกับความรู้สึกดังกล่าวไม่ คนขาวส่วนใหญ่คิดว่าคนดำพอใจกับสภาพที่เป็นอยู่ จึงนึกไม่ถึงว่าจะเกิดการจลาจลลุกฮือโดยคนดำในปี ๒๕๑๐

    แม้เมืองไทยไม่มีการเหยียดผิว แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่ามีความเหลื่อมล้ำสูงมากในสังคม รายได้ระหว่างกลุ่มคนที่รวยสุดกับกลุ่มคนที่จนสุดนั้นถ่างกว้างขึ้นเรื่อย ๆ จนจัดอยู่ในกลุ่มประเทศที่มีความเหลื่อมล้ำสูงที่สุดในโลก ความไม่เท่าเทียมระหว่างคนมีกับคนไม่มีเห็นได้ทั่วไป คนรวยสามารถทำผิดกฎหมายได้อย่างสบาย(เพราะมี “เส้น” และสินบน) ในขณะที่คนจนถูกข้าราชการรีดไถและถูกนายทุนเอาเปรียบเป็นอาจิณ ทุกวันนี้มหาวิทยาลัยชั้นนำอย่างจุฬา ฯ หรือธรรมศาสตร์ แทบไม่มีลูกชาวนาชาวไร่สอบเข้าได้เลย หากต้องการได้ปริญญา ก็ต้องไปเรียนที่มหาวิทยาลัยอื่น เช่น ราชภัฏ มหาวิทยาลัยไทยจึงมีการแบ่งชั้นไปโดยปริยาย ระบบการสอบเข้ามหาวิทยาลัยที่ปรับปรุงใหม่ทำให้คนจนถูกกีดกันออกไปมากขึ้น เพราะเอื้อให้คนที่มีเงินกวดวิชามีโอกาสสอบได้มากขึ้น

    คนชั้นล่างที่รู้สึกถึงความเหลื่อมล้ำและความไม่เป็นธรรมนับวันจะมีมากขึ้นเรื่อย ๆ ในขณะที่คนชั้นกลางส่วนใหญ่ไม่ตระหนักถึงปัญหานี้เลย และไม่รับรู้ด้วยว่าคนชั้นล่างมีความคับข้องใจเพียงใดบ้าง เพราะอยู่ในกลุ่มก้อนหรือชนชั้นของตัว ดังนั้นจึงไม่อาจเข้าใจได้ว่าเหตุใดคนชนบทหรือคนยากจนในเมืองจึงชื่นชมคนอย่างพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ซึ่งมีนโยบาย(และภาพลักษณ์)ที่ใส่ใจคนจนมากกว่าหัวหน้ารัฐบาลคนอื่น ๆ อย่างน้อยพรรคการเมืองของเขาก็ทำให้ชาวบ้านที่เป็นหัวคะแนนได้รับความเกรงใจจากข้าราชการ ซึ่งเคยอวดเบ่งใส่พวกเขามาตลอด

    ความเหลื่อมล้ำในสังคมมักนำไปสู่ความรุนแรง ไม่ว่าจะเป็นอาชญากรรม การก่อกวนเยี่ยงอันธพาล ไปจนถึงการประท้วงต่อต้านที่ลงเอยด้วยการสูญเสียเลือดเนื้อและชีวิต สังคมไทยมีแนวโน้มจะเกิดเหตุแบบนี้มากขึ้นเรื่อย ๆ และนับวันจะขยายวงกว้างขึ้นจนอาจเกิดการนองเลือดครั้งใหญ่ในอนาคตอันใกล้ โดยมีตัวเร่งมาจากการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา

    การที่คนชนบทพร้อมใจหย่อนบัตรเลือกพรรคของพ.ต.ท.ทักษิณ (ไม่ว่าชื่อใดก็ตาม)อย่างล้นหลามหลังรัฐประหารปี ๒๕๔๙ (รวมทั้งการชุมนุมของคนเสื้อแดง) มองในแง่หนึ่งก็คือการแสดงความไม่พอใจต่อการเมืองการบริหารที่มองข้ามคนจน แต่สิ่งที่เกิดขึ้นตามมาคือการเมืองแบบแบ่งฝักแบ่งฝ่าย ไม่ต่างจากการเมืองของดีทรอยท์เมื่อได้นายกเทศมนตรีผิวดำ ทุกพรรคที่ได้เป็นรัฐบาลคิดแต่จะตอบโต้ โจมตี และบั่นทอนอีกฝ่ายหนึ่ง เข้าทำนอง “ทีใครทีมัน” ขณะเดียวกันกลุ่มมวลชนทั้งเสื้อเหลืองเสื้อแดงก็ใช้วิธีการเดียวกัน จนเกิดความร้าวลึกไปทุกระดับตั้งแต่ระดับครอบครัวไปจนถึงระดับภาค และระดับประเทศ การพยายามแสวงหาความร่วมมือเพื่อขับเคลื่อนประเทศไปข้างหน้าแทบจะไม่เกิดขึ้นเลย

    ที่คล้ายกันอีกอย่างคือนโยบายเศรษฐกิจที่คำนึงถึงประโยชน์ระยะสั้นของกลุ่มทุนที่มีอำนาจ การออกนโยบายและกฎระเบียบเพื่อปกป้องอุตสาหกรรมชั้นนำ รวมทั้งการขัดขวางมิให้เกิดมาตรการที่เข้มงวดด้านสิ่งแวดล้อม โดยรัฐบาล นักการเมืองและข้าราชการในเมืองไทยตลอดหลายปีที่ผ่านมานั้น แม้จะช่วยลดต้นทุนการผลิต ทำให้สามารถแข่งขันในตลาดโลกได้ แต่ถึงที่สุดก็ไม่ต่างจากการปกป้องผลประโยชน์ของบริษัทรถยนต์ในดีทรอยท์ นั่นคือทำให้ขาดแรงจูงใจในการพัฒนาคุณภาพของสินค้าและประสิทธิภาพการผลิต กาลเวลาได้ชี้ให้เห็นว่าการปกป้องผลประโยชน์ด้วยวิธีนี้ก่อผลเสียในระยะยาวแก่บริษัทเหล่านั้น รวมทั้งเป็นอันตรายต่อเศรษฐกิจของดีทรอยท์อย่างมาก ในเมืองไทยปรากฏการณ์ทำนองนี้กำลังจะเกิดขึ้นด้วยเช่นกัน

    สังคมที่มีความเหลื่อมล้ำสูง การเมืองที่แบ่งฝักแบ่งฝ่ายมุ่งร้ายต่อกัน และนโยบายเศรษฐกิจที่ปกป้องผลประโยชน์ของคนเฉพาะกลุ่ม หากมารวมกันเมื่อใด ก็ทำให้ผู้คนแตกแยก ฉุดรั้งบ้านเมืองให้ถอยหลัง บั่นทอนความคิดสร้างสรรค์ ไม่อาจเจริญรุดหน้าได้ เมืองไทยกำลังจมปลักจนถูกเพื่อนบ้านแซงขึ้นหน้าก็เพราะเหตุนี้

    ป่วยการที่จะพูดถึงความสามัคคี หากสังคมไทยยังมีความเหลื่อมล้ำกันสูงมาก สามัคคีจะเกิดขึ้นได้อย่างแท้จริงก็ต่อเมื่อช่องว่างทางรายได้และสถานภาพของผู้คนลดลง เปิดโอกาสให้มีการเข้าถึงทรัพยากรสาธารณะหรือบริการของรัฐอย่างเท่าเทียมกัน รวมทั้งมีการกระจายรายได้และโอกาสในทางการศึกษาให้แก่ผู้ยากไร้อย่างทั่วถึง นี้คือธรรมในระดับสังคมที่มิอาจมองข้ามได้

    สังคมใดจะเจริญงอกงามได้อย่างยั่งยืนก็ต่อเมื่อตั้งอยู่บนธรรมะ นอกจากการเอื้อเฟื้อเจือจานหรือแบ่งปันกัน ทั้งระหว่างบุคคล และระหว่างกลุ่มชน เพื่อลดความเหลื่อมล้ำในสังคมแล้ว ทุกฝ่ายยังควรหันมาร่วมมือกันให้มากขึ้น แทนที่จะขับเคลื่อนการเมืองด้วยความโกรธเกลียดเดียดฉันท์ ซึ่งทำให้อีกฝ่ายเป็นปฏิปักษ์หนักกว่าเดิม ควรดึงเอาพลังฝ่ายบวกของทุกฝ่ายออกมา เพื่อทำงานสร้างสรรค์ร่วมกัน

    การเมืองที่โจมตีใส่ร้ายกันนั้นสนองผลประโยชน์เพียงชั่วคราวเท่านั้น แต่ส่งผลเสียกลับมาที่ตนเองและสังคมในระยะยาว เพราะความโกรธเกลียดนั้นไม่เคยให้ผลดีที่ยั่งยืน เช่นเดียวกับการปกป้องผลประโยชน์ทางธุรกิจด้วยความโลภ โดยไม่คำนึงถึงความถูกต้อง ไม่เคยเป็นผลดีต่อกลุ่มทุนในระยาว ในที่สุดผลร้ายย่อมเกิดขึ้น ตัวอย่างมีมากมายนับไม่ถ้วน

    การผลักดันให้เกิดนโยบายเศรษฐกิจที่คำนึงถึงความถูกต้องและเป็นธรรม ไม่ลำเอียงเข้าข้างคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง มุ่งประโยชน์ของส่วนรวมเป็นสำคัญ กาลเวลาย่อมพิสูจน์ว่าเป็นการกระทำที่ฉลาดและเห็นการณ์ไกล คนไทยจึงควรสนับสนุนนโยบายเหล่านี้ แม้ว่ามันจะกระทบ “ความเชื่อมั่น”ของนักลงทุนต่างประเทศจำนวนหนึ่งก็ตาม

    ความเสื่อมของดีทรอยท์ กล่าวอย่างถึงที่สุดแล้วเป็นเพราะทุกฝ่ายไม่ว่านักการเมือง นักธุรกิจ และสหภาพแรงงานต่างเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตนและคำนึงถึงผลตอบแทนเฉพาะหน้ามากเกินไป จึงพากันฉุดรั้งดีทรอยท์ให้ตกต่ำอย่างยากจะฟื้นตัวได้ นี้ใช่ไหมที่กำลังเกิดขึ้นกับเมืองไทยวันนี้ด้วยเช่นกัน

    ธรรมะมิใช่เป็นเรื่องของการดำเนินชีวิตเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการจัดระบบสังคมด้วย เมื่อใดก็ตามที่สังคม การเมือง และเศรษฐกิจคลาดเคลื่อนจากธรรมะ บ้านเมืองย่อมเสื่อมถอย ชีวิตย่อมตกต่ำ แม้จะมีวัดนับหมื่นพระนับแสนทุกหัวระแหงก็ดูจะช่วยอะไรไม่ได้

    มติชนรายวัน วันที่ ๑๕ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๒

    ที่มา www.visalo.org/article/matichon255211.htm
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 กรกฎาคม 2013

แชร์หน้านี้

Loading...