ปลุกศพกลับบ้าน พิธีกรรมสุดแปลก!!

ในทุก ๆ พื้นที่ทั่วโลก ล้วนมีพิธีกรรมทำศพที่แตกต่างกันไปตามความเชื่อแต่ละพื้นที่ แต่ หากใครได้รู้เรื่องราวเกี่ยวกับพิธีกรรมทำศพของชาวบ้านในหมู่บ้านสองแห่งของ อินโดนีเซียที่เรานำมาฝากกันวันนี้ รับรองว่าต้องขนลุกซู่ เพราะพิธีกรรมที่ว่านี้ ว่ากันว่าเป็นการปลุกศพขึ้นมาให้เดินได้เลยล่ะ



พิธีกรรมศพดังกล่าว เป็นของหมู่บ้านทานาโทราจาและหมู่บ้านมามาซา ซึ่งเป็นหมู่บ้านชนบทห่างไกลในอินโดนีเซีย ผู้คนที่นี่ เมื่อไรที่มีการตายเกิดขึ้น ว่ากันว่าจะมีการทำพิธีลี้ลับปลุกศพให้ลุก ขึ้นมาเดินกลับบ้านเองได้ ด้วยความเชื่อที่ว่า ศพจะต้องเดินกลับมาเพื่อรับการฝังในบ้านเกิดของตัวเอง ในสภาพที่เหมือนกับมีลมหายใจทุกอย่าง เพื่อได้พบกับญาติพี่น้องอีกครั้ง



ในกรณีที่มีคนเสียชีวิตในที่ที่ห่างไกลบ้านมาก บางครั้งจะมีการฝังศพเอาไว้ก่อน เมื่อผ่านไปอีกหลายปีก็จะมีการขุดศพขึ้นมาแต่งองค์ทรงเครื่อง คล้ายกับชุบชีวิตศพ จาก นั้น ก็จะมีการทำพิธีปลุกศพลุกขึ้นมาให้ค่อย ๆ เดินกลับบ้านช้า ๆ โดยไม่มีการคลุมใบหน้าศพเลยแม้แต่น้อย ซึ่งไม่ว่าที่ที่ศพเสียชีวิตจะเป็นที่ไหน ห่างไกลบ้านเท่าไรก็ตาม ก็จะต้องมีการทำพิธีพาศพเดินกลับบ้านอย่างนี้ หากใครก็ตามที่อุ้มศพขึ้นโดยตรง เชื่อกันว่าจะทำให้คนคนนั้นล้มป่วยอย่างไม่ทราบสาเหตุระหว่างทาง และไม่สามารถแห่ศพกลับบ้านได้ต่อไป



นอกจากนี้ บรรดาญาติพี่น้องและผู้นำในการทำพิธีที่กำลังพาศพกลับบ้าน จะมีการเตือนผู้คนที่เดินสวนไปมาระหว่างทางด้วยว่า ห้ามให้พวกเขาพูดกับศพ แต่ด้วยเหตุผลใดไม่ทราบแน่ชัด ดังนั้น ผู้คนที่ทำพิธีพาศพเดินกลับบ้านจึงมักจะเลือกทางเดินที่เงียบปราศจากผู้คนที่สุด เป็นเส้นทางให้ศพได้เดินกลับบ้าน



และนอกจากพิธีกรรมศพดังกล่าวจะทำกับศพคนแล้ว ยังทำกับสัตว์ที่ตายด้วย โดย เฉพาะเมื่อควายของชาวบ้านคนใดถูกนำไปทำพิธีบูชายันต์ด้วยการปาดคอควายทั้ง ยืน ควายตัวนั้นก็จะถูกประคองกลับบ้านในสภาพคอขาดอย่างนั้นนานกว่า 10 นาที ซึ่งถึงแม้ว่าจะเป็นภาพที่น่าสลดอย่างไร แต่สำหรับชาวบ้านในหมู่บ้านทานาโทราจาและหมู่บ้านมามาซา ก็คงจะได้เห็นกันจนชินตาไปเสียแล้ว

อย่างไรก็ดี แม้จะมีเรื่องเล่าเกี่ยวกับพิธีกรรมนี้ว่าสามารถปลุกศพให้ลุกขึ้นมาเดินเอง ได้ โดยอาศัยญาติช่วยประคองให้ศพเดินเองเท่านั้น แต่ก็เป็นเรื่องที่ยากที่จะเชื่อ เพราะยังไม่มีคนนอกพิสูจน์ให้เห็นว่าจริงเท็จแต่อย่างใด ขณะที่คนส่วนใหญ่ ที่ได้รับรู้เรื่องพิธีการทำศพดังกล่าว ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ศพอาจจะไม่ได้เดินกลับบ้านเองได้ แต่เป็นเพราะญาติประคองศพได้ค่อย ๆ เคลื่อนที่ไปในท่ายืนต่างหาก



ที่มา:ข่าวเด่น คลิปดัง

 

บรื๋ออออ

 

อ่ะจ๊าก น่ากลัวจริงๆเลย

 

ถ้าเป็นของจีนสิคะ มีในประวัติศาสตร์ เอาศพเกี่ยวกับไม้ไผ่ให้เคลื่อนเป็นแถวค่ะ มีในสมัยโบราณ อืมมเรียกว่าอะไรนะ เจียงซือมั้ง ที่หมายถึงศพแข็งๆ ค่ะ คนจีนเวลาตายต้องกลับไปตายหรือฝังที่บ้านเกิด จึงมีวัฒนธรรมปลุกศพกลับบ้านค่ะ แต่ทำตอนกลางคืน ไว้ว่างๆหาอ่านเจอจะเอาภาพมาลงให้นะคะ ไม่ได้อ่านนานแล้ว ต้องไปถามเพื่อนค่ะ คนนี้เชี่ยวชาญประวัติศาสตร์จีน ตัวเองพวกหูผึ่งค่ะ การที่เห็นผีดิบจีนกระโดดหย็องๆ เกิดจากการที่มัดศพกับท่อนไม้ไผ่ต่อ ๆ กัน หรือแบกขึ้นหลัง ทำให้คนจีนเชื่อว่าผีจีนไม่เดินค่ะ แต่กระโดด

เพื่อนบอกว่านี่แหละที่มาของผีดิบจีน เสียดายไม่่ได้จดเรื่องนี้เก็บไว้ ภาพจากกระทู้ pantip คุณ L.H.E.A. เดือนมกราคม 2557 ลองไปหาอ่านกันดูได้นะคะ

 

จะปลุุกทามม้ายยยย ปล่อยให้นอนติ๋มๆงิ๋มๆก็ดีแล้ว
เค้าสยองง่ะ เอื้อก

 

แบบนี้พวกต้นไม้ก็เสียใจแย่เลย สารอาหารเคลื่อนที่ไปฉิบ

 

กลัวแต่ก็อยากดูอ่ะนะ อูยนี่ ที่กระโดดๆ แบบในหนังผีกัดอ่ะหรา
เออ แล้วถ้าเราไปเจอกลางทางพวกเขาจะทำร้ายเรารึป่าวอ่ะ

 

ไม่มี นั่นมันผีดีบในหนังจีนค่ะ หัวเราะ สงสัยหากว่างต้องไปคุยกับเพื่อน ติดสินบนด้วยชาดีๆ เผื่อเพื่อนจะยอมเล่ารายละเอียดให้ฟัง ฮา สุดยอด คนหนึ่งเสียดายปุ๋ย อีกคนกลัว เอิ่ม ผีดิบจีนน่ะ หากกลั้นหายใจผีดิบก็หาเราไม่เจอแล้ว แต่อย่าปล่อยลมตดนะคะ ไม่รู้คนหรือผีจะบายก่อนกัน จะพิสูจน์ก็คงทำได้ยากหน่อยค่ะ

พูดแล้วนึกถึงเรื่อง The beauty of Loulan การค้นพบศพ จำชื่อรายการอีกอันไม่ได้ ศพไม่เน่าของราชวงศ์จีนค่ะ แต่จะหนักไปทางสารคดี ภายหลังปี 1996 รัฐบาลจีนไม่อนุญาตให้เผยแพร่ พึ่งมาได้ดูแบบจริงๆจังตอนที่มี youtube กั๊กต่อไป หากโพสต์ก็จะผิดกระทู้ ฮา คุณวงกรตน้ำคะ ขอบคุณสำหรับข้อมูลค่ะ

 

@วงกรตน้ำ มุขออนุญาตใช้พื้นที่พิมพ์เนื้อหาเพิ่มเติมนะคะ เกี่ยวกับพีธีปลุกผีกลับบ้าน เนื่องจากว่ามีในธรรมเนียมจีนด้วยค่ะ ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักกับความเชื่อเรื่องเจียงซือกันก่อนว่าเจียงซือคืออะไร ลองมานั่งคิดถึงภาพของผีดิบกันดีกว่า แน่นอน image ต้องเป็นปากแดงๆ หน้าหล่อๆ ผิวซีดๆ ตาตี่ๆ เอ้ยนั่นมันแวมไพร์ ฮา เจียงซือก็คือผีดิบจีนค่ะ แต่ภาพลักษณ์ที่มักปรากฏในหนังมักแต่งตัวด้วยชุดขุนนาง มียันต์แปะไว้ที่หน้าผาก

บ้างก็ว่าวิธีป้องกันเจียงซื้อ ให้โปรยเมล็ดข้าวไว้ตามทางเดินเนื่องจากผีจะหยิบเมล็ดข้าวกิน แทนที่จะดูดเลือด (ฟังแล้วอย่างกับวิธีหนีผีเปรต โยนข้าวต้นมัดแล้วโกย) อันนี้เป็นเรื่องอิทธิพลของลัทธิเต๋าค่ะ

จริงๆมีหนังสือเล่มหนึ่งชื่อ The Corpse Walker เขียนโดย เหลียว ยี่หวู่ (Liao Yiwu) ที่กล่าวถึงเรื่องพิธีกรรมนี้ค่ะ ว่าใช้คนกี่คน และทำพิธีการขนย้ายศพเป็นตอนกลางคืน

ขี้เกียจพิมพ์ละ ขอกั๊กไว้ก่อน สมองใช้กับเรื่องอะไรที่ไม่เกี่ยวกับงาน ขาดพลังงานค่ะ ฮา โปรดติดตามตอนต่อไป เดี๋ยวจะลองถามเพื่อนชาวจีนให้นะคะ เพื่อเค้นคออาจได้วัตถุดิบมาเขียนต่อ โกยแน่บ

 

อ้อๆ นึกออกแล้ว อาเจ้ที่แกนอนบวมอืดอยู่ในโลงมีแต่น้ำเต็มไปหมดใข่มั้ยค่ะ เห็นว่าแกเป็นท่านหญิงชนชั้นสูง ในพุงแกมีเม็ดก๊วยจี๋ด้วย(เจ้แกคงชอบกิน)
เห็นว่าพวกนักโบราณทั่วโลกฮือฮาอั้ยหยามาก
อย่างว่า มัมมีอิยิปหรือทางอื่นๆส่วนใหญ่แห้งแข็งเปราะบาง
แค่ซือเจ้แกยังเนื้อหนังอ่อนนุ่มยังกะคนนอนหลับ(ไม่ต้องเรียกไปนอนด้วยน่ะ)
จะผ่าจะเฉาะมันง่าย และงงว่าทำไมหนังแกยังนุ่มมาเป็นพันปี พันๆปี(ถวายบังคมเพคะ )

แค่ที่น่าสนใจในความคิดเราจริงๆ(ได้ข่าวแว่วๆว่าขุดอยู่ไม่รู้จริงอ่ะเป่า) คือสุสานฉินซีหวงตี้(จิ๋นซีฮ่องเต้)
พีระมิดคีออฟนี่จิ๊บๆไปเลย ไม่ได้หมายถึงตรงสุสานทหารดินเผาน่ะคะ อันนั้นแค่หนึ่งในสี่ส่วนเอง
หมายถึงตรงบริเวณพระศพเลย เห็นว่าทำค่ายกลและมีแม่น้ำปรอทหล่อเลี้ยงอยู่ภายใน(ไม่รู้จริงเท็จแค่ไหน)
เห็นว่ารัฐบาลจีนไม่ค่อนกล้าขุดเพราะเกรงปรอทรั่วซึม กับเชื่อว่าสุสานนี้เป็นที่ัฝังตั้งฮวงจุ้ยชะตาเมืองจีนอยู่ ทำไรซี้ซั้วนี่อาจล่มบ้านล่มเมือง

 

@devotee57 มุไม่ได้อยู่แวดๆวงๆริมๆงานเรื่องนี้แล้วน่ะสิเลยไม่ได้เก็บวัตถุดิบไว้อ่าน เดี๋ยวไถข้อมูลเพื่ิอนคนนั้นเก๋าแบบคว่ำหวอดค่ะ มุแค่ชอบเกร็ดงานทางเรื่องโบราณ เลยเก็บๆไว้เพราะโตมากับวรรณกรรมโบราณ ก็ว่างเมื่อไรก็แว่บมาเขียนอิอิ ตอนนี้เกาะอ่านดูดความสนุกจากคนอื่นค่ะ

งานอดิเรกช่างตรงข้ามกับอาชีพจริงจัง

 

บรื้อออ สยอง