ปิดประมูลดวงแก้วปุญญรัศมิ์โชติกาค่ะ

พี่น้ำใสเจ้าขา
ขอร่วมทำบุญด้วยคนนะเจ้าคะ...
โอนเงินแล้ววันนี้ค่ะ 300 บาท

โมทนาบุญด้วยนะเจ้าคะ ^^

 

<TABLE border=1 cellSpacing=0 borderColor=#d4d0c8 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD class=bd_th_blk11_rtlt10_tpbt5 align=left>23/02/2011 <!--t_date(i)--></TD><TD class=bd_th_blk11_rtlt10_tpbt5 align=middle>17:29 <!--tr_num(i)--></TD><TD class=bd_th_blk11_rtlt10_tpbt5 align=middle>C1 <!--tran_code(i)--></TD><TD class=bd_th_blk11_rtlt10_tpbt5 align=middle>CDM <!--channel(i)--></TD><TD class=bd_th_blk11_rtlt10_tpbt5 align=middle>LUM PHINI BRANCH <!--Description(i)--></TD><TD class=bd_th_blk11_rtlt10_tpbt5 align=middle><!--chq_no(i)--></TD><TD class=bd_th_blk11_rtlt10_tpbt5 align=right><!--Debit_amt--></TD><TD class=bd_th_blk11_rtlt10_tpbt5 align=right>+300.00 <!--Credit_amt--></TD></TR></TBODY></TABLE>

ได้รับโอนปัจจัยร่วมบุญแล้ว ขออนุโมทนาบุญกับศิษย์น้องด้วยค่ะ ปัจจัยจำนวนนี้ พี่แบ่งออกเป็น ๓ ส่วนนะคะ..


๑. บุญสร้างเสาไฟ พร้อมหลอดไฟ วัดดอนธาตุ จ.อุดรธานี ๑๐๐ บาท

๒. สร้างโบสถ์ วัดโพธิญาณรังสี จ.สุรินทร์ ๑๐๐ บาท

๓. ถวายไอศครีม ๑๐ รส แด่พระสงฆ์ และแจกในโรงทาน จำนวน ๑๐๐ บาทค่ะ อานิสงส์การถวายของหวาน ก็ได้ทรัพย์มาแบบง่าย หวาน ๆ ยังงัยละคะ

หากต้องการใบอนุโมทนาบุญ ช่วยแจ้งชื่อที่อยู่ให้พี่ด้วยนะคะ

ขอผลบุญนี้ส่งผลให้ศิษย์น้อง เจริญรุ่งเรืองทั้งทางโลก และทางธรรม ให้ได้มโนมยิทธิแจ่มใสยิ่ง ๆ ขึ้นไป และเข้าถึงธรรมได้โดยง่ายโดยฉับพลันเทอญ สาธุ..


ขออนุโมทนาบุญอีกครั้งค่ะ

Numsai

 

..เรื่องดวงแก้วอภิญญามณีรัตนะ...

แก้วอภิญญามณีรัตนะ​

​

ดวงแก้วอภิญญามณีรัตนะ อัญเชิญได้จากบริเวณใกล้เขื่อนน้ำอูน จ.สกลนคร พร้อมกันกับดวงแก้วปุญญรัศมิ์ มีขนาดเส้นรอบวง ๒๕ นิ้ว มีน้ำหนักกว่า ๑๑ กิโลกรัม.

เหตุที่มิได้นำออกมาประมูล เนื่องจากได้พบเจ้าของที่แท้จริงแล้ว แต่นำเรื่องนี้มากล่าว เพื่อเป็นธรรมทานค่ะ

ดวงแก้วอภิญญามณีรัตนะ มี พระอัฎฐกะโพธิสัตว์ เป็นหัวหน้ากายสิทธิ์ดูแลทั้งสิ้น ๑๘๐,๐๐๐ องค์และรอลงมาเพิ่มอีกไม่ต่ำกว่า ๑๐๐,๐๐๐ องค์ ในอนาคตกาล ด้วยบารมีแห่งพระโพธิสัตว์

<O</Oพระอัฎฐกะโพธิสัตว์ หรืออดีตท่านโชติกะปาละเศรษฐี มีกายเป็นจักรพรรดิ สวมชฎาแหลม กายสว่างไสวมาก ปัจจุบันท่านอยู่ชั้นดุสิต รอการตรัสรู้ที่จะเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในอนาคตกาลพระองค์หนึ่ง กระแสพระองค์ท่าน มีลักษณะเย็นแต่ดุด้น เปี่ยมด้วยฤทธานุภาพสูง แต่แฝงด้วยความเมตตา


ดวงแก้วอภิญญามณีรัตนะนี้ เกิดตั้งแต่สมัยพระพุทธวิปัสสี เป็นดวงแก้วคู่บารมีแห่งมหาเศรษฐีเมืองหนึ่งในสมัยนั้น นามว่า “โชติกะปาละเศรษฐี"

ท่านโชติกะปาละเศรษฐี ได้อาราธนาสมเด็จพระพุทธวิปัสสี พรัอมด้วยพระสาวก ๒๐๐๐๐ รูป เพื่อถวายภัตตาหาร กาลนั้นได้ถวายน้ำผึ้ง และเครื่องหอมอย่างดี พร้อมทั้งได้ถวายบรรณศาลา ที่พักสงฆ์ระหว่างการเดินทางไปมาจากเมืองหนึ่ง ไปยังอีกเมืองหนึ่ง เป็นระยะทาง ๘๐๐ โยชน์ เพื่อให้พระสงฆ์เกิดความสะดวกสบายในการเดินทางไปเผยแผ่ธรรมะ

​

คุณสมบัติแห่งดวงแก้วอภิญญามณีรัตนะ​

๑. ช่วยเรื่องการฝึกอภิญญาสมาบัติทุกแขนง
๒. ดึงดูดทรัพย์ให้มาเร็วขึ้น
๓. ส่งเสริมการค้าให้เจริญรุ่งเรืองมากขึ้น
๔. ดึงดูดผู้มีบารมีให้เข้ามา
๕. รักษาทรัพย์เดิมให้คงอยู่
๖. ป้องกันผู้ไม่หวังดีคิดไม่ซื่อ
๗. ป้องกันภัยพิบัติต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นภัยจากน้ำ ไฟ อัสนีบาต( ฟ้าผ่า) หรือโจรภัย เป็นต้น
๘. ก่อให้เกิดความสามัคคีในหมู่คณะ
๙. รักษาโรคภายในเกี่ยวกับทางเดินหายใจ ปอด ไต
๑๐. ช่วยติดตามผู้ที่เคยร่วมบุญกันในอดีตให้เข้ามาช่วยทั้งทางโลก และทางธรรม
๑๑. ส่งเสริมบารมี เกิดความยำเกรงแก่ผู้ที่พบเห็น
๑๒. สามารถอธิษฐาน เสี่ยงทายได้
๑๓. ป้องกันภัยจากภูตผีปีศาจ
๑๔.อธิษฐานในสิ่งที่ปรารถนาได้ทุกประการ

ขออนุโมทนาบุญกับท่านเจ้าของดวงแก้ว ที่ยินดีให้นำเรื่องนี้ มาเผยแผ่เป็นธรรมทานอีกครั้งค่ะ

ด้วยความเคารพอย่างสูง

พุทธารา (น้ำใส)

หมายเหตุ หลายท่านอาจจะสงสัยว่า ทำไมไม่นำมาให้ผู้ประมูลได้ท่านอื่นที่ร่วมบุญในลำดับต่อไป แทนดวงแก้วที่ประมูลไม่ได้ เหตุว่า

การส่งมอบดวงแก้วแก่ผู้ใดนั้น จะต้องขึ้นอยู่กับเทวดา หรือกายสิทธิ์ที่รักษาดวงแก้ว เป็นหลัก ซึ่งท่านผู้นั้นต้องเป็นเจ้าของที่แท้จริงแล้ว หรือมีบุญบารมีเพียงพอที่จะดูแลดวงแก้วมณีดวงแก้วนั้น แม้ว่าจะมีท่านผู้อื่นจะร่วมบุญมากกว่าก็ตาม ก็ไม่สามารถมอบให้ได้ค่ะ

 

ขออนุโมทนาบุญ ด้วยน่ะครับ มีกายสิทธิ์ มาก ๆ นะครับ สาธุ ๆ ๆ

 

ไม่ทราบอย่างไร ช่วงหลัง ๆ พบว่า ดวงแก้วแต่ละดวงมีกายสิทธิ์มาก ๆ อย่างดวงแก้ว นามว่า "แก้วสุรสีห์สิทธิโชค" ก็มีกายสิทธิ์จำนวนกว่าแสนองค์ ขึ้นอยู่กับบุญบารมีของท่านผู้เป็นเจ้าของด้วยค่ะ

ขออนุโมทนาบุญกับคุณ Vatechayana เช่นกันค่ะ

Numsai

ปล.ในคราวต่อไป จะนำเรื่องของ "ดวงแก้วโมกขปุญญากร" ซึ่งได้รับอนุญาตจากพระคุณเจ้า ผู้เป็นเจ้าของ มาเพื่อเป็นธรรมทานต่อไปค่ะ

 

.ธรรมเทศนาเรื่อง การจุติของเทวดา..โดยพระอธิการสมภพ ปัญญาธโร..

​

ก่อนจะได้นำเสนอเรื่องของดวงแก้วโมกขปุญญากรนั้น ขอนำเรื่องการจุติของเทวดา ได้จากบางตอนในธรรมเทศนาของหลวงพ่อสมภพ ปัญญาธโร เจ้าอาวาสวัดโพธิญาณรังสี อ.เมือง จ.สุรินทร์ เพื่อเป็นธรรมทานค่ะ

______________________________​

การจุติของเทวดา ​

​

เรื่องการเกิดพระพุทธเจ้าตรัสว่าสรรพสิ่งทั้งหลายมีกำเนิดจากที่ ๔สถาน หรือที่เรียกกันว่า "กำเนิด ๔ " เช่นเกิดในครรภ์ ๑ เกิดในไข่ ๑เกิดในเถ้าไคล๑เกิดผุดขึ้น ๑ในที่นี้เราจะพูดถึงการเกิดแบบผุดขึ้นหรือที่เรียกกันว่า "โอปปาติกะ"นั้นเอง.......

<O</O
การเกิดเป็นเทพบุตรหรือเทพธิดาบนสวรรค์นั้น เป็นการเกิดแบบ “โอปปาติกะ”จะต้องเกิดในทันที เป็นตัวเป็นตนในทันที กล่าวคือ ตายปุ๊บเกิดปั๊บ เหมือนหลับแล้วก็ตื่นขึ้นกลางวิมาน อายุก็อยู่รุ่นหนุ่มรุ่นสาวเทพบุตรมีอายุประมาณ ๒๐ปี ส่วนเทพธิดา มีอายุประมาณ ๑๖ ปี จึงมีคำกล่าวว่า “เทวดาไม่มีแก่”

ส่วนอายุของเทวดาก็ยืนยาวมากกว่ามนุษย์มาก เช่น ๑ วันของสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชเท่ากับ ๕๐ ปีมนุษย์ แต่ใช่ว่าเทวดานั้นจะอายุเท่ากันหมด บางองค์อาจไม่ยืนยาวก็ได้ แต่อาจมีเหตุให้จุติก่อน หรือตายก่อนหรือเคลื่อนก่อนก็ได้ก็เหมือนกับมนุษย์บางคนก็อายุสั้น ตายเร็ว หรือบางคนก็อายุยืน หรือตายช้าหรือตายตามอายุขัย.... เทวดาก็เช่นกัน.....

เหตุที่ทำให้เทวดาจุติ​

เหตุที่ทำให้เทวดาจุติหรือเคลื่อนนั้น คำว่า “จุติ” หรือการเคลื่อน เกิดจาก.. สิ้นอายุ... สิ้นบุญ...สิ้นอาหาร.. และมีความโกรธ...

การสิ้นอายุ ก็คือเทวดาชั้นนั้น มีอายุ ๒๐๐๐ ปีทิพย์ เมื่อครบตามอายุแล้ว ก็จุติหรือเคลื่อนหรือตายนั้นเอง.... การจุติของเทวดาจะไม่ทิ้งร่างกายไว้เมื่อตายร่างกายก็จะหายไป.....

การสิ้นบุญ คืออายุยังไม่สิ้นแต่หมดบุญเหมือนรถวิ่งไป เครื่องรถยังดีแต่น้ำมันหมดก่อนรถจึงตายกลางทาง ไม่สามารถวิ่งต่อไปได้...

การสิ้นอาหารเมื่อเทวดาองค์ใด เมื่ออยู่ในสวรรค์แล้ว แต่กลับบริโภค แต่กามคุณมาก จนไม่เสวยหรือกินอาหารแม้อาหารจะเป็นทิพย์ก็ไม่ย่อมกิน... ในที่สุดก็จุติเคลื่อนหรือตาย..

กล่าวถึง การจุติของเทวดาจากการสิ้นอาหาร คือ ไม่ยอมกินอาหารมัวหลงอยู่ในกามคุณจนลืมเสวยอาหารทิพย์...แล้วก็จุติหรือเคลื่อนจากภพเทวดา...

มีเรื่องจะเล่าให้ฟังในเรื่องของนาง<?xml:namespace prefix = st1 ns = "urn:schemas-microsoft-com</st1ersonName>สามาวดี ตามคัมภีร์กล่าวถึง โฆสกเทวบุตร ไว้ว่า

ในสมัยหนึ่งแห่งพุทธกาลในครั้งนั้น มีสองสามีภรรยาได้หนีจากเมืองออกไปเพื่ออยู่เมืองอื่น เพราะเมืองที่ตนอยู่เกิดโรคระบาดจึงได้พากันออกเดินทางเพื่อไปอยู่เมืองอื่น....

เมื่อออกเดินทางมาถึงบ้านของพราหมณ์นั้น ก็ได้เข้าไปหา และขออาหารฝ่ายสามีเมื่อได้อาหารมาก็กินแบบเต็มที่ จนเป็นเหตุให้อาหารเป็นพิษ แล้วก็ตายจากไปเพราะการไม่รู้จักประมาณในอาหารพราหมณ์นั้นได้เลี้ยงสุนัขไว้ และยังเป็นคนที่เลี้ยงสุนัขดีมากแต่ก่อนตายก็มีจิตคิดถึงสุนัขตัวที่พราหมณ์เลี้ยงไว้อย่างดี เมื่อมีจิตคิดอย่างนั้นเมื่อตายไป ก็ไปเกิดเป็นสุนัขในเรือนของพราหมณ์นั้น....
</O
ฝ่ายพราหมณ์นั้น มีความศรัทธาในพระปัจเจกพุทธเจ้าและยังขอนิมนต์พระปัจเจกพุทธเจ้ามารับภัตตาหารทุกๆวัน โดยเช้าก็ออกไปรับพระปัจเจกพุทธออกมารับภัตตาหารที่บ้านทุกวันเมื่อตนไม่อยู่ก็จะให้สุนัข ไปรับพระปัจเจกพุทธเจ้าให้มาที่บ้านตน...

ต่อมาไม่นานพระปัจเจกพุทธเจ้าเกิดมีธุระ จึงเป็นเหตุให้จากไป..สุนัขตัวนั้นเมื่อเห็นพระปัจเจกพุทธเจ้าจากไป...ก็มองตามจนพระปัจเจกพุทธเจ้าหายไปสุนัขตัวนั้น ก็เกิดความคิดถึงมาก จนเป็นเหตุให้ตายไปในที่สุด...แด่ด้วยแรงศรัทธาเลื่อมใสในพระปัจเจกพุทธนั้นเองหมาตัวนั้นจึงได้ไปเกิดในสวรรค์เป็นเทพบุตร.. ได้ชื่อว่า.. “โฆสกเทพษุตร”...

แต่ก็อยู่ในสวรรค์ไม่นาน ก็จุติหรือเคลื่อนลงมาเกิดเป็นมนุษย์ในเมืองโกสัมพีเป็นบุตรของนางกลางเมือง และเกิดเป็นชายเมื่อเกิดมาก็ถูกมารดาเอาทิ้ง.... (เรื่องนี้ยาวมากให้ไปหาอ่านเอาเอง)..
ต่อจะเล่าถึงการจุติด้วยความโกรธ....

การจุติเพราะมีความโกรธ คือ เทพบางองค์มีความโกรธเป็นเจ้าเรือน เห็นเทพองค์อื่นมีสมบัติมากก็ริษยา สวยกว่าก็ริษยา หรือมีศักดิ์สูงกว่าก็ริษยา คือกล่าวว่าขอให้เห็นเทพองค์ไหนเหนือกว่า ตนเป็นอันโกรธ ริษยาทุกทีไป.. เมื่อมีความโกรธเข้ามาก็ทำให้อายุสั้น แม้ในปัจจุบัน เมื่อโกรธบ่อยๆก็ตายไวเหมือนกัน....

จบเรื่อง การจุติของเทวดาแต่เพียงเท่านี้ค่ะ

ขออนุโมทนาบุญกับทุก ๆ ท่านที่ติดตามกระทู้นี้ด้วยดีตลอดมาค่ะ

Numsai

 

อ่านแล้วสบายใจจัง กำลังปวดท้องอยู่หายสนิทเลยเจ้าค่ะ ^^


สาธุ สาธุ...ขอบพระคุณสำหรับคำอวยพรของศิษย์พี่และเรื่องเล่าของลูกแก้วอภิญญามณีรัตนะ
อาจจะฟังดูประหลาด ๆ เหมือนที่คุณเอทัศน์เคยบอก
แต่เรื่องเล่าของพี่ทำให้รู้สึกมีกำลังใจขึ้นมาค่ะ ^^


จากแฟนคลับตาใส...อิอิ

 

สาธุ ขออนุโมทนากับทุกท่าน ทุกรูป ทุกนาม ทุกกายสิทธิ์ ด้วยน่ะครับ



อิอิ ของผมมีอยู่1ดวง แต่เป็นจุลจักรพรรดิ เส้นผ่านศูนย์กลาง2.5 ซ.ม.(ซ้อนวิชชาที่วัดปากน้ำเรียบร้อย) ครับ หวังลึกๆว่าวันหนึ่งจะได้บรมจักรจากพี่น้ำใสบ้าง กำลังรอบารมีแก่รอบอยู่ครับ

 

ขออนุโมทนาบุญ น่ะครับ เป็นกำลังใจให้น่ะครับ...

 

..เรื่องของดวงแก้วคู่บารมี โดย..Numsai..

ดวงแก้วคู่บารมี​

<O</O
<O ​

<O</O

โดยปกตินั้น ดวงแก้วที่เป็นคู่บารมี บางคู่ก็อัญเชิญมาพร้อมกัน บางคู่ก็มาภายหลังแล้วแต่บุญบารมีของท่านผู้เป็นเจ้าของ ทางภาคอิสานมักเรียกแก้วค้ำคูณ หรือแก้วมงคลที่เป็นแก้วคู่บารมีว่า แก้วผัวเมีย

ท่านใดที่มีดวงแก้วคู่บารมี หมายถึงมี ๒ ดวงที่เป็นคู่นั้น ถือว่าเป็นบุญวาสนาเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากการมีดวงแก้วบรมจักรไว้ครอบครองแม้เพียงดวงเดียวก็ถือว่า เป็นบุญมหาศาลแล้ว หากมีคู่กันก็ยิ่งเพิ่มทวีคูณนับค่ามิได้
</O

ปกติดวงแก้วแก้วคู่บารมีนั้น จะมีชื่อที่คล้องจองกัน ที่ผ่านมามีเพียง ๕ คู่ ได้แก่..

<O๑. แก้วศุภมงคล กับ แก้วจงกลมณีกานต์ เมื่อ ๙๑ กัปป์

๒. แก้วรัตนโชติชัชวาลย์ กับแก้ววิศาลอภัยมณีเมื่อ ๙๑ กัป(กายสิทธิ์เป็นชายทั้งคู่) เป็นคู่ธรรม บำเพ็ญมาเพื่อเป็นอัครสาวกซ้าย-ขวา

๓. แก้วชฎิลปุญญตา กับแก้วสิวิกาหยกมณี เมื่อ ๓๑ กัปป์ เกิดในช่วงเว้นจากมีพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

๔. แก้วพรหมปัญญา กับ แก้วอัจฉิมาปิ่นมณี เมื่อ ๓๖ กัปช่วงเว้นมีพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

..ล่าสุด..

๕. แก้วโมกขปุญญากร กับ แก้วอัปสรรัตนมณี เกิดช่วง ๙๑ กัป สมัยพระพุทธวิปัสสี


สำหรับการทราบรายละเอียดของดวงแก้วโมกขปุญญากร เป็นเรื่องแปลกที่ทราบก่อนจะอัญเชิญดวงแก้วมาได้ จะได้นำเสนอต่อไปค่ะ
<O</O

ขออนุโมทนาบุญกับทุก ๆ ท่านที่ติดตามกระทู้นี้ค่ะ

Numsai

 

...ดวงแก้วโมกขปุญญากร..

ดวงแก้วโมกขปุญญากร​

​

</O​

ดวงแก้วโมกขปุญญากร เป็นดวงแก้วบรมจักรพรรดิคู่บารมีกับ ดวงแก้วอัปสรรัตนมณี ซึ่งได้เคยนำประมูลในช่วง วันที่ ๓๐ กันยายน -๓ ตุลาคม ๒๕๕๓ ที่ผ่านมา

ช่วงวันที่ ๒๐ - ๒๙ มกราคม ๒๕๕๔ที่ผ่านมาได้ทำการนำ ดวงแก้วรัตนประภาพรรณมณี ออกประมูล ได้มีท่านผู้หนึ่งได้ถามว่า “ใช่ดวงแก้วคู่บารมีกับดวงแก้วอัปสรรัตนมณี หรือไม่”จึงได้เรียนท่านผู้นั้นว่า“ไม่ใช่ค่ะ”


สำหรับดวงแก้วคู่บารมีของแก้วอัปสรรัตนมณีนั้น มีนามว่า “แก้วโมกขปุญญากร”ซึ่งขณะนั้นทราบรายละเอียดเพียงเท่านั้น และไม่คิดว่า จะอัญเชิญได้เร็ว

ในวันที่ ๒๕ มกราคม ๒๕๕๔ ขณะที่สวดมนต์ทำวัตรเช้า มีเทพบุตรองค์หนึ่ง รัศมีกายสว่างไสวมากได้มาบอกให้บันทึกเรายละเอียดเกี่ยวกับแก้วโมกขปุญญากร ซึ่งขณะนั้น ยังไม่ได้อัญเชิญดวงแก้วมณีมาแต่อย่างไร เทวดาองค์นั้นได้กล่าวว่า..

“แก้วโมกขปุญญากร มีเทวดาทั้งสิ้น ๒๔๐,๐๐๐ องค์ โดยมีท่านโมกขมธุราชโพธิสัตว์ เป็นหัวหน้าเทวดาทั้งปวง

ท่านโมกขมธุราชโพธิสัตว์ ได้ปรารถนพระโพธิญาณ ประเภทศรัทธาธิกะ เคยได้รับการพยากรณ์มาแล้ว เป็นผู้ดูแลดวงแก้วนี้มาตั้งแต่สมัยสมเด็จพระพุทธวิปัสสี

ในชาตินั้น ท่านได้เกิดเป็นกษัตริย์เมืองหนึ่งทางตอนใต้แห่งมหานทีศรีธันดร ทรงปกครองบ้านเมืองด้วยทศพิธราชธรรม และทรงมีพระโอรสพระนามว่า “พระปรเมศราเมศวร” (อ่านว่า พระ-ปะ-ระ-เมด-รา-เม-สวน) เป็นพระโอรสพระองค์เดียว ซึ่งเกิดจากพระมเหสีพระนามว่า “พระรัตนมณีเทวี”

พระรัตนมณีเทวี เคยเป็นพระธิดาแห่งกษัตริย์เมืองหนึ่ง นางเป็นผู้เชี่ยวชาญในอภิญญา ๕ และมีบุญฤทธิ์ ไม่ว่า พระธิดาจะเสด็จไปที่ใด จะมีดอกไม้แก้ว มีกลิ่นหอมโปรยตามทาง ไม่ขาดสายอีกทั้งพระธิดาเป็นผู้มีวาจาสิทธิ์ ตรัสสิ่งใดมักจะเป็นจริงเสมอ ซึ่งพระนาง เคยถวายทานแก่สมเด็จพระพุทธวิปัสสี ได้รับดวงแก้วอัปสรรัตนมณี มาเป็นที่ระลึกในบุญนั่นเอง


<Oภายหลังจากที่พระธิดารัตนมณีได้มาอภิเษกสมรสกับพระโมกขมธุราชธรรมราชา พระนางได้ประสูติพระโอรสอายุได้ ๗ ขวบ พระนางได้ฟังธรรมจากพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นครั้งที่ ๒ และได้บรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์ จึงได้ทรงออกผนวชเป็นพระภิกษีณี และเข้าอยู่สำนักพระภิกษุณี ณ.ไกรลาศบรรพต จนเข้าพระนิพพาน

กาลต่อมาพระโมกขมธุราชธรรมราชา ได้ทรงอภิเษกสมรสอีกครั้งกับพระนางพินท์เพตรา ซึ่งเป็นพระมารดาเลี้ยงพระโอรสสืบต่อจนโต

ก่อนพระโมกขมธุราชได้ทรงสวรรคตได้ตั้งจิต อธิษฐานขอดูแลดวงแก้วต่อจากหัวหน้ากายสิทธิ์องค์เดิม ซึ่งทรงเข้าพระนิพพานไปแล้ว เพื่อคอยช่วยเหลือพระโอรส ซึ่งเป็นเจ้าของดวงแก้ว ในระหว่างที่พระองค์ทรงบำเพ็ญบารมีในกายทิพย์จนกว่าพระองค์จะสำเร็จพระสัมมาสัมโพธิญาณ

คุณสมบัติแห่งดวงแก้วโมกขปุญญากร​

๑. บันดาลความสำเร็จแก่ผู้เป็นเจ้าของทุกเรื่อง

๒. ช่วยสะสางธาตุธรรมให้บริสุทธิ์ยิ่ง ๆ ขึ้นไป

๓. เปี่ยมด้วยบุญญฤทธิ์แห่งพระโพธิสัตว์

๔. ค้ำจุนขจัดภัยร้ายที่บังเกิดแก่บ้านเมือง

๕. ช่วยปราบมาร อภิบาลคนดี

๖. น้อมนำผู้คนให้เข้าสู่กระแสธรรมได้ง่าย

๗. สามารถเรียกลม และฝนได้ โดยการรวมบุญอธิษฐานจิต

๘. ดึงดูดทรัพย์เก่าให้ปรากฏ

๙. สามารถใช้อธิษฐานเสี่ยงทายได้

๑๐.ใช้อธิษฐาน เพื่อช่วยเหลือบ้านเมืองได้ โดยการรวมบุญบารมีที่ส่งสมมานับอสงไขยไม่ถ้วน น้อมนำกระแสบุญนั้นในกลางกาย กลั่นให้ใส ขยายบารมีออกไม่มีที่สิ้นสุด

๑๑.ช่วยเรียกว่าวิชาเก่าให้กลับคืนมา

๑๒. หากต้องการบรรลุมรรคผล ให้อธิษฐานถึงครูบาอาจารย์ดีจะทำให้เข้าถึงธรรมได้โดยง่าย

๑๓.บังเกิดความอัศจรรย์แก่ผู้เป็นเจ้าของ ๘ ประการ

๑๔. สามารถเรียกจิตคนได้ หมายถึง การที่ให้ธรรมทาน ทำให้ผู้คนสนใจในธรรมะนั้น เข้าถึงธรรมได้โดยง่าย ผู้ที่เลื่อมใสแล้วจะมีความเลื่อมใสยิ่ง ๆ ขึ้น ยังให้ผู้ที่ยังไม่เลื่อมใสในพระพุทธศาสนา กลับมาสนใจศึกษาและปฏิบัติธรรมในที่สุด

๑๕. ใช้เลี้ยงดูบริวารได้โดยไม่เดือดร้อน

๑๖. ส่งเสริมให้คนปฏิบัติธรรมมากขึ้น

นอกจากนี้ในปรากฏแห่งดวงแก้วโมกขปุญญากรนั้น ได้มาพร้อมกับจักรแก้วนามว่า “อินทรวิปัสสี” ซึ่งจะได้นำมากล่าวในตอนต่อไปค่ะ...

ขอผลบุญกุศลแห่งการให้ธรรมทานในครั้งนี้ ขอน้อมถวายแด่พระคุณเจ้าที่เป็นเจ้าของดวงแก้ว พระโมกขมธุราชโพธิสัตว์ และกายสิทธิ์ทั้ง ๒๔๐,๐๐๐ องค์ และพระรัตนมณีภิกษุณี ท่านอัปสรสวรรค์ และกายสิทธิ์ที่ดูแลดวงแก้วอัปสรรัตนณีทั้งปวงตลอดทั้งคณะท่านผู้อัญเชิญดวงแก้วจักรพรรดิ ที่ได้นำมาสู่สายตาสาธารณชน

ตลอดทั้งขอน้อมอุทิศแด่ท่านท้าวสักกะเทวราช พระมเหสีทั้ง ๔ ท่านท้าวจาตุมหาราชทั้ง ๔ มีท่านท้าววิรูปักษ์ เป็นที่สุด ตลอดทั้งเทวดาอินทะทั้งหมู่เหล่า ท่านอนันตกเทวบุตร และบริวาร ท่านโภคนาคราช ท่านนิมมานรตีเทวี เทวดาผู้รักษาสมบัติจักรพรรดิ เทวดาผู้ดูแลสมบัติแห่งพระพุทธศาสนา และทรัพย์แผ่นดินทั้งปวง

หากท่านใดยังมิได้ทราบข่าวบุญครั้งนี้ ขอท่านอนันตกเทวบุตร ได้โปรดนำข่าวนี้บอกต่อ เพื่อให้ท่านทั้งหลายได้โมทนาสาธุการ

และขอกุศลผลบุญนี้ส่งผลให้ท่านทั้งหลาย มีทิพยสมบัติที่งดงาม สว่างไสว เป็นอัศจรรย์แก่ผู้พบเห็น ทุกครั้งที่มีผู้ได้อ่านธรรมทานเรื่องนี้ ขอให้วิมานของท่านเกิดความอัศจรรย์ สว่างไสว เป็นประกาย มีทิพยสมบัติเพิ่มขึ้นเป็นทับทวีคูณ เพื่อให้บริวารในวิมานได้โมทนาสาธุการในกุศลนั้น ด้วยเทอญ.....สาธุ...

ขออนุโมทนาบุญกับพระคุณเจ้าที่เป็นเจ้าของดวงแก้ว และทุก ๆ ท่านอีกครั้งค่ะ

พุทธารา (Numsai)

 

เห็นมั้ยคะ...มีญาติธรรมหลายๆท่านที่ได้รับพลังบุญจากพี่น้ำใสแล้วทำให้เกิดกำลังใจที่จะปฏิบัติธรรม หรือ ต่อสู้กับเรื่องทางโลกต่างๆ ทั้งหมดทั้งมวลก็มาจากพลังบุญและพลังเมตตาของพี่น้ำใสที่มีให้กับญาติธรรมทุกผู้..นั่นเอง อืม..เหมือนการแผ่เมตตาแบบอัปปมัญญาอย่างที่พี่น้ำใสเคยเล่าให้ฟังหรือเปล่าน๊า..

ขออนุโมทนาบุญกับทุกท่านด้วยนะคะ ..

สวัสดีค่ะคุณmiss brown..

 

สาธุ..สาธุ..สาธุ..ขออนุโมทนาบุญกับน้องเอ..ด้วยค่ะ

หากท่านใดได้รับพลังกระแสเย็น ๆ สบาย ๆ กระจายไปทั่ว ขอให้โปรดรับทราบว่า เป็นพลังแห่งกระแสพระโมกขมธุราชโพธิสัตว์ค่ะ ท่านแผ่บารมีค่ะ.

พลังของพี่มีเพียงน้อยนิด หากเทียบกับเหล่าพระโพธิสัตว์ทั้งหลาย เทียบกันไม่ได้เลย

ขอให้ทุกท่านผ่านภัยพิบัติจากยุคเข็นนี้ไปได้ ด้วยบารมีแห่งพุทธานุภาพ ธรรมานุภาพ และสังฆานุภาพ บารมีแห่งพระโพธิสัตว์ทุก ๆ พระองค์ทุกคนทุกท่าน..เทอญ...สาธุ..

 

ชื่อของดวงแก้วแต่ละองค์ช่างไพเราะเป็นอย่างมากเลยค่ะ..
คุณสมบัติของดวงแก้วโมกขปุญญากรนั้นท่านช่างมากมายจริงๆนะคะ..กายสิทธิ์มากมายด้วยอาจเป็นเพราะเหตุนี้กระมังคะที่ทำให้ดวงแก้วท่านมีคุณสมบัติมากมายขนาดนี้...
ยินดีกับท่านผู้เป็นเจ้าของล่วงหน้านะคะ...คงไม่นานคงได้ยลโฉมท่านแล้วล่ะค่ะ...

พี่น้ำใสคะ..
เรื่องที่พี่น้ำใสบวงสรวงดวงแก้วที่เล่าให้ฟังนั้น..อย่างแรกที่เอรู้สึกได้ คือ

ภพภูมิมีจริง ...การอุทิศบุญ หรือ การอธิษฐานจิตมีจริง ...

ตั้งแต่ต้นปีมานี้เอมักได้สัมผัสกับความเป็นจริงของธรรมะบ่อยครั้ง..
รับทราบเกี่ยวกับการอุทิศบุญมีจริง..แท้..แน่นอน..ทำให้เอมั่นใจล้านเปอร์เซ็นต์กับหลักคำสอนของพระพุทธเจ้าผู้ประเสริฐ..ขออนุญาตเล่าให้เพื่อนฟังนะคะ

เรื่องของเรื่องมีอยู่ว่า..แม่กับพ่อเอแยกทางกับตั้งแต่เออายุได้ 3 เดือนและเออยู่กับแม่มาตลอด โดยสาเหตุที่ท่านแยกทางกันนั้นเนื่องจากพ่อเอดื่มเหล้าจัดจนสุดท้ายท่านเสียชีวิตลงด้วยโรคแอลกอฮอล์ลิซึ่ม เมื่อปี 2539-2540 ซึ่งเอไม่ได้ไปงานศพเนื่องจากแม่ไปบอกเพราะตอนนั้นเอเรียนปี 1 กำลังอบด้วย..สอบเสร็จแม่จึงบอก..หลังจากนั้น 4-5ปีมีโอกาสได้รู้จัดน้าท่านนึงที่เป็นคู่เขยของน้องสาวท่านเป็นคนที่มีสัมผัสพิเศษท่านบอกเอว่าพ่อตามอยู่..เอก็เลยเล่าให้ฟังว่าเรื่องเป็นเช่นนี้..ท่านให้เอแผ่อุทิศส่วนกุศลให้พ่อ..หลังจากนั้นเอก็แต่ให้ตลอด เรื่อยมา จนเมื่อต้นปีได้เข้าไปสอบถามพี่เปี๊ยกในกระทู้ว่าพ่ออยู่ภพภูมิไหน..ได้รับคำตอบว่า อยู่ชั้น จาตุมหาราชิกา เอดีใจมาก...และมั่นใจล้าน%ว่าอุทิศบุญถึงท่านจริงๆ ทั้งที่ปกติเราเชื่อ100%ว่าบุญส่งถึงกันได้ เพราะเราทราบได้จากปิติที่เกิดขึ้น หรือ สัมผัสต่างๆที่เราได้รับหลังจากอุทิศบุญ..แต่เอไม่เคยทราบอย่างลึกซึ้ง/ชัดเจนเพราะเอยังปฏิบัติไม่ได้ตาทิพย์ หรือ จิตสัมผัสว่าผู้ที่เราอุทิศให้นั้นท่านเป็นอยู่อย่างไรใน ตอนนี้...

บุญรักษาค่ะ
เอ

 

ขออนุโมทนาบุญกับศิษย์น้องอีกครั้งค่ะ ดีจังเลยที่หายป่วย อิอิ.. ไม่ทราบว่า คุณพี่จะขอที่อยู่ของศิษย์น้องได้มั๊ย อยากส่งพระบรมสารีริกธาตุไปให้บูชาค่ะ

เรื่องราวของดวงแก้วบรมจักรพรรดินั้น แต่ละดวง ชื่อต่างกัน และคุณสมบัติจะแตกต่างกัน จะมีความเนื่องกับท่านผู้เป็นเจ้าของไม่ทางใดก็ทางหนึ่งค่ะ

บางท่านมีหลายลูก แต่มีความเนื่องกันคนละยุคค่ะ บางชาติเป็นดวงแก้วที่เกิดขึ้นด้วยฤทธิ์ของตน สมัยบำเพ็ญเป็นพระฤาษี เช่น ดวงแก้วพรหมปัญญา และแก้วอัจฉิมาปิ่นมณี เป็นต้นค่ะ

หากมีผู้สนใจจะนำเสนอให้อ่านภายหลังค่ะ

บุญรักษาศิษย์น้องค่ะ

P'Numsai

 

สาธุ..สาธุ..สาธุ..ขออนุโมทนาในความกตัญญูของน้องเอด้วยค่ะ หน้าที่หนึ่งของผู้ที่เป็นบุตรทุกคนควรทำ คือ เมื่อบิดามารดาละโลกไปแล้ว ต้องหมั่นอุทิศบุญให้ท่าน เพื่อให้ท่านไปสู่สุคติภูมิ

โดยส่วนตัวพี่มีความชื่นชมในความเมตตาของคุณเปี๊ยกมากค่ะ เมื่อญาติของเราที่ละโลกไปแล้ว ไม่ทราบว่าท่านเหล่านั้นไปอยู่ภพภูมิใด คุณเปี๊ยกเหมือนแสงสว่างที่ช่วยส่งข่าวถึงท่านเหล่านั้นได้ เป็นมหากุศลจริง ๆ

กรณีของคุณพ่อน้อง ถือว่า โชคดีที่ท่านอยู่ในภูมิที่รับบุญได้ หากท่านลงข้างล่าง(หมายถึงมหานรก และขุมบริวารในมหานรก)

แม้เราจะส่งบุญไปเท่าใดก็ตาม บุญนี้ยังไม่ถึงผู้รับโดยทันที บุญจะรออยู่ยมโลก จนกว่าท่านผู้นั้นจะหมดกรรม ยกเว้นผู้ที่ได้สมาธิขั้นสูง จึงจะสามารถช่วยได้ค่ะ

พระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ) วัดท่าซุง ท่านเคยกล่าวไว้ว่า..

"ท่านพระยายมราช ท่านเคยบอกไว้ว่า วันหยุดทำการนรกแต่ละปีมี ๓ วัน หรือก่อนวันปวารณา วันปวารณา (หลังวันออกพรรษา) และหลังวันปวารณา อีก ๑ วัน จะหยุดทำการลงทัณฑ์สัตว์นรก ช่วงนั้น หากญาติอุทิศบุญให้ ผู้อยู่ในนรกขุมต่าง ๆ อุทิศบุญเจาะจงให้ญาติ ๆ ก็จะได้รับ (โดยการระบุชื่อ ผู้เสียชีวิต)

หากไม่แน่ใจให้อุทิศบุญฝากพระยายมราชให้ท่านอนุโมทนาบุญ ท่านก็จะนำบอกกล่าวแก่ผู้นั้น"

พี่เองก็ได้นำวิธีนี้มา แล้วทำตามที่ท่านบอก สามารถช่วยปรับภพภูมิได้จริง ๆ ค่ะ

ขออนุโมทนาบุญกับน้องเออีกครั้งค่ะ

P'Numsai

 

" บางท่านมีหลายลูก แต่มีความเนื่องกันคนละยุคค่ะ บางชาติเป็นดวงแก้วที่เกิดขึ้นด้วยฤทธิ์ของตน สมัยบำเพ็ญเป็นพระฤาษี เช่น ดวงแก้วพรหมปัญญา และแก้วอัจฉิมาปิ่นมณี เป็นต้นค่ะ

หากมีผู้สนใจจะนำเสนอให้อ่านภายหลังค่ะ

บุญรักษาศิษย์น้องค่ะ "

สาธุ สาธุ สาธุ ขอโมทนาบุญอันเป็นมหากุศลกับคุณน้ำใสทุกๆบุญครับ
ดวงแก้วบรมจักรพรรดิทุกๆดวง หากเจ้าของดวงแก้วไม่ขัดขัดข้องน่าจะนำประวัติความเป็นมาของดวงแก้วพร้อมคุณสมบัติ ความอัศจรรย์นอกเหนือจากคุณสมบัติ มาลงให้หมด
เพื่อให้ผู้มีมีดวงแก้วท่านอื่นๆหรือท่านอื่นๆแม้ไม่ยังไม่ได้ดวงแก้ว ได้ชี่นชมและอนุโมทนาบุญกับเจ้าของดวงแก้วและกับท่านกายสิทธิ์ทั้งหลาย

โดยส่วนตัวขอสนับสนุนเป็นอย่างยิ่ง
และ
ขอเสนอแนะสมาชิกแก้วบรมจักรพรรดิ์เพื่อพิจารณาว่า
" บรรดาท่านทั้งหลายที่มีดวงแก้วทั้งหลายที่ได้รับจากคุณน้ำใส "
น่าจะตั้ง....​

" กองบุญแก้วบรมจักรพรรดิ์ เพื่องานสาธารณประโยชน์ " ​

โดยสมาชิกแก้วบรมจักรพรรดิ์ บริจาคปัจจัยเป็นรายเดือนเข้ากองบุญมากน้อยตามกำลัง
แล้วยกให้คุณน้ำใสเป็นผู้นำกองบุญหรือเป็นผู้ดำเนินการในการนำปัจจัยในกองบุญไปทำบุญในวาระต่างๆ ในแต่ละเดือน แล้วนำมาลงในเว็บเพื่อให้พวกเราทั้งได้อนุโมทนากันอีกครั้งหนึ่งจะดีไหมเอ่ย...
ถ้าดี ก็ช่วยกันกระจายข่าวไปยังท่านที่มีดวงแก้วทั้งหลายมาลงชื่อกันในเว็บนี้หรือแล้วแต่สมาชิกดวงแก้วจะพิจารณาประการใด เสนอเฉยๆ นะเผื่อเป็นไปได้ ถ้าไม่..ก็ไม่เป็นไร​

ถ้าเป็นไปได้ ขอประเดิมเข้ากองบุญก่อน ๑,๐๐๐ บาท​

 

ขออนุโมทนาบุยกับคุณwidyaด้วยค่ะ...เห็นด้วยนะคะเรื่องกองบุญค่ะ

 

สาธุ..สาธุ..สาธุ..ขออนุโมทนาบุญกับท่าน widya ด้วยเจ้าค่ะ

ท่านทราบได้อย่างไรเจ้าคะว่า.. จะมีการตั้งกองบุญนี้ขึ้นมา..(โอ้...อัศจรรย์..โอ้..อัศจรรย์ ผลบุญเป็นอจินไตย..)

เรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้ ขอโปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านค่ะ

เนื่องจากช่วงนี้มีเรื่องแปลกเกิดขึ้นเสมอ ๆ จนต้องปรับใจกันพอสมควร ดังเช่นเรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้ค่ะ..

เมื่อวานนี้ ขณะที่สวดมนต์ทำวัตรเช้าเช่นเคย ....ตั้งใจว่าจะสวดพระคาถาเงินล้าน ๑๐๘ จบ ปรากฏว่า..

มีเทพบุตรองค์หนึ่งมาบอกว่า วันนี้ให้สวดเพียง ๙ จบ ก็พอแล้วรีรีบนั่งสมาธิ ... ด้วยความที่คิดว่า คาถาเงินล้านยิ่งสวดมากยิ่งดี จึงคิดว่าจะสวดตามอายุ..(นับได้ก็ ๔๐ จบพอดี อิอิ..) ท่านเทพบุตรสุดหล่อก็ปรารฏขึ้นอีกครั้ง กล่าวว่า..

"โปรดนั่งสมาธิเถอะครับ ทุกท่านรอนานแล้ว"

จึงได้หยุดสวดมนต์แล้ว สมาทานพระกรรมฐาน จากนั้นจึงน้อมใจกราบองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จากนั้นก็น้อมใจกราบท่านท้าวสักกะเทวราช ท่านได้กล่าวว่า..

ให้ไปที่ภพบาดาล ท้าววิรูปักษ์มีเรื่องจะคุย จบคำกล่าวของท่าน เป็นเรื่องแปลกที่เห็นภาพราชรถลอยลงมา พร้อมกับภาพกายละเอียดของตนลอยขึ้นไปนั่งบนราชรถนั้น

จากนั้น ค่อย ๆ เคลื่อนลงไปที่ภพบาดาล เป็นครั้งแรกลงไปภาพบาดาลด้วยราชรถ (deejai)

หลังจากราชรถเคลื่อนลงมา พบว่า...

"โอ้.. อะไรกันนี่ เรามาสาย" ทุกท่านแต่งกายเต็มยศ แต่ละองค์รัศมีกาย สว่างตามบุญบารมี

ท่านท้าววิรูปักษ์ เป็นองค์ประธานทีประชุม จึงก้มกราบขอขมา พร้อมด้วยน้อมถวายบุญให้ทุก ๆ ท่าน ท่านได้กล่าวด้วยเสียงอันดังกังวานว่า..

"....(เอ่ยนาม) ถึงเวลาแล้วที่จะนำเรื่องแก้วจักรพรรดิแห่งเทือกเขาภูพานออกสู่สายตามหาชน โดยจัดทำเป็นหนังสือ รายได้ ๑๐ % เข้า"กองทุนสมเด็จพระพุทธวิปัสสีโภคมหาบพิตร เพื่อพระพุทธศาสนา"

ก่อนจัดทำให้จัดบวงสรวงเทวดาก่อน......ฯลฯ"

เป็นเรื่องที่สอดคล้องกันท่าน widya เสนอมาเป็นอย่างยิ่งค่ะ อย่างไรก็ตาม สิ่งที่จะสานต่อไปค่ะ

การจัดพิมพ์หนังสือแก้วจักรพรรดิ แก้วกายสิทธิ์แห่งเทือกเขาภูพาน จะเสนอไม่นานเกินรอค่ะ...

ขออนุโมทนาบุญทุก ๆ บุญกับทุก ๆ ท่านที่ติดตามกระทู้นี้ค่ะ

Numsai

 

สาธุ สาธุ สาธุ กาลเวลาที่เหมาะสมมาถึงแล้ว

อ่านไปก็ขนลุกด้วยความปิติตลอดเวลา...