ผลแห่งการรักษาอุโบสถศีลครั้งเดียว

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย KK1234, 3 พฤษภาคม 2009.

  1. KK1234

    KK1234 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    2,401
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +10,515
    <center>เอกุโปสถวรรคที่ ๒
    </center><center>เอกุโปสถิกาเถริยาปทานที่ ๑
    </center><center>ว่าด้วยผลแห่งการรักษาอุโบสถศีลครั้งเดียว

    </center> [๑๕๑] ในพระนครพันธุมดี มีพระบรมกษัตริย์ทรงพระนามว่าพันธุมา
    ในวันเพ็ญ ท้าวเธอทรงรักษาอุโบสถศีล

    สมัยนั้น ดิฉันเป็นนางกุมภทาสีในพระนครพันธุมดีนั้น เห็นเสนาพร้อมด้วยพระมหากษัตริย์จึงคิดอย่างนี้ในครั้งนั้นว่า แม้พระมหากษัตริย์ก็ยังทรงละราชกิจมารักษาอุโบสถศีล กรรมนั้นต้องมีผลแน่นอน หมู่มหาชนจึงพากัน เบิกบานใจ

    ดิฉันพิจารณาเห็นทุคติและความเป็นคนยากไร้โดยแยบคาย ทำให้จิตใจร่าเริงแล้ว รักษาอุโบสถศีล ดิฉันรักษาอุโบสถศีลในพระศาสนาของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

    เพราะกรรมที่ทำไว้ดีแล้วนั้นดิฉันได้ไปสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ วิมานที่บุญกรรมสร้างให้ดิฉันอย่างสวยงามในดาวดึงส์นั้น สูงโยชน์หนึ่ง ประกอบด้วยเรือนยอดมีที่นั่งใหญ่โต ประดับแล้วอย่างดี นางอัปสรแสนนางต่างบำรุงบำเรอดิฉันอยู่ทุกเมื่อ ดิฉันงามเกินนางเทพอัปสรอื่นๆ ในกาลทั้งปวง ดิฉันได้เป็นพระอัครมเหสีของท้าวสักรินทเทวราช ๖๔ พระองค์ ได้เป็นพระอัครมเหสีของพระเจ้าจักรพรรดิ ๖๓ พระองค์ ดิฉันเป็นผู้มีผิวพรรณปานดังทองคำ ท่องเที่ยวอยู่ในภพทั้งหลาย ดิฉันเป็นผู้ประเสริฐในที่ทุกสถาน นี้เป็นผลแห่งอุโบสถศีล

    ดิฉันย่อมได้ยานช้าง ยานม้า และยานรถ แม้ทุกอย่างมากมาย นี้เป็นผลแห่งอุโบสถศีล ภาชนะสำเร็จด้วยทองเงินแก้วผลึกและแก้วปทุมราช ดิฉันได้ทุกอย่าง ผ้าไหม ผ้าขนสัตว์ ผ้าเปลือกไม้ ผ้าฝ้ายและผ้าที่มีราคาสูงๆ ดิฉันก็ได้ทุกสิ่ง ข้าว น้ำ ของเคี้ยว ผ้า เสนาสนะ ดิฉันได้ทุกอย่าง นี้เป็นผลแห่งอุโบสถศีล เครื่องหอมชนิดดีดอกไม้ จุรณ์สำหรับลูบไล้ ดิฉันก็ได้ทุกประการ นี้เป็นผลแห่งอุโบสถศีล

    เรือนยอด ปราสาท มณฑป เรือนโล้นและถ้ำ ดิฉันก็ได้ถ้วนทุกสิ่ง นี้เป็นผลแห่งอุโบสถศีล พอดิฉันอายุได้ ๗ ขวบก็ได้ออกบวชเป็นบรรพชิต ได้บรรลุอรหัตเมื่อยังไม่ทันจะถึงครึ่งเดือน ดิฉันมีอาสวะสิ้นไปหมดแล้ว บัดนี้ภพใหม่ไม่มีอีก

    ในกัปที่ ๙๑ แต่กัปนี้ ดิฉันได้ทำกรรมใดในกาลนั้น ด้วยกรรมนั้น ดิฉันไม่รู้จักทุคติเลย นี้เป็นผลแห่งอุโบสถศีล ดิฉันเผากิเลสทั้งหลายแล้ว ... พระพุทธศาสนาดิฉันได้ทำเสร็จแล้ว.

    ทราบว่า ท่านพระเอกุโปสถิกาภิกษุณีได้กล่าวคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้แล.
    <center>จบ เอกุโปสถิกาเถริยาปทาน.

    ขอขอบคุณ
    ����ûԮ������� �� - ����ص�ѹ��Ԯ������� ��

    </center>
     
  2. Komodo

    Komodo หัวหน้าศูนย์ประชาสัมพันธ์ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    11,612
    กระทู้เรื่องเด่น:
    145
    ค่าพลัง:
    +104,605
    โมทนาครับ คนดีแม้มีเพียงนิดเดียว แต่สามารถกำราบคนไม่ดีที่มีจำนวนมากได้ครับ
     
  3. กะละมัง

    กะละมัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    192
    ค่าพลัง:
    +150
    [​IMG]

    อนุโมทนาค่ะ

    เมย์เคยพยายามรักษาศีล 8 (ทั้งศีล8อุโบสถ, ศีล8ธรรมดา)
    แต่ไม่เคยสำเร็จเลยค่ะ ยากมากๆ


    ข้อที่เมย์ว่ายากที่สุดคือ
    -ห้ามกินอาหารหลังเที่ยง (ยากมากๆค่ะ)
    -ห้ามปะพรมของหอม (แล้วเวลาอาบน้ำ, สระผม) จะให้เมย์ทำไงอ่ะคะ


    [​IMG]

    .
    .
    .
     
  4. seahero

    seahero เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    335
    ค่าพลัง:
    +602
    - ข้อที่ห้ามทานอาหารหลังเที่ยงนั้นเราสามารถที่จะดื่มพวกนมถั่วเหลือง หรือว่าจะเป็นน้ำอ้อยหรือน้ำหวานหรือน้ำอัดลมเหล่านี้ได้ครับ ที่จัดอยู่ในหมวดของน้ำปานะ
    - ข้อที่ว่าห้ามปะพรมของหอมนั้นสามารถอาบน้ำถูสบู่ได้ครับ เพราะเราทำเพื่อขจัดความสกปรกของร่างกายไม่ได้ทำเพื่อยั่วยวนหรือจงใจสร้างความกำหนดให้เกิดแก่ใคร แต่ถ้าจะให้สบายใจเวลาอาบน้ำ ถู่สบู่ สระผมก็ให้เราพิจารณาไปด้วยว่าร่างกายเต็มไปด้วยความสกปรกเพราะถ้าไม่สกปรกเราก็ไม่ต้องมาอาบน้ำให้เหนื่อยอย่างนี้ การอาบน้ำอย่างนี้เราก็เคยอาบมาแล้วตั้งแต่ครั้งก่อนๆ แต่ก็ยังจะต้องมาอาบอีก ข้อนี้เป็นพยานได้ว่าร่างกายนี้มีความสกปรกอยู่เป็นปกติเป็นรังของโรคเพราะเป็นที่ตั้งแห่งความเจ็บไข้ได้ป่วยอยู่เสมอ พิจารณาแบบนี้จะได้สบายใจว่าเราไม่ได้ละเมิดศีลจะทำให้ใจผ่องใสมีกำลังใจที่รักษาศีลให้บริสุทธิ์มากขึ้นครับ เพราะแม้แต่พระภิกษุสงฆ์ก็ยังต้องอาบน้ำชำระล้างร่างกายเลยครับ เหตุเพราะว่าการจะอยู่กับชาวโลกก็ต้องทำตัวให้กลมกลืมไปกับโลก เว้นไว้แต่เราจะเข้าป่าถือบวชเป็นฤาษีชีไพรนั่นก็อีกอย่างนึงครับ

    ผมขอโมทนาในกุศลเจตนาของคุณ กะละมัง ด้วยครับ และหากสิ่งที่ผมได้ให้คำแนะนำไปจะผิดพลาดพลั้งเผลอไปด้วยประการใดๆ ผมก็ขอขมาโทษต่อพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ และขออโหสิกรรมต่อคุณ กะละมัง ด้วยครับขอบคุณครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...