ผีนางรำ

ในห้อง 'เรื่องผี' ตั้งกระทู้โดย vacharaphol, 3 เมษายน 2006.

  1. vacharaphol

    vacharaphol เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    8,849
    ค่าพลัง:
    +27,172
    คอลัมน์ ขนหัวลุก

    โดย "ใบหนาด"

    "นิดานุช" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกในวันสงกรานต์

    ขณะนี้ใกล้จะถึงเทศกาลสงกรานต์อีกแล้ว ถึงแม้ว่าจะเปลี่ยนจากวันขึ้นปีใหม่ของไทย เป็นวันที่ 1 มกราคมเหมือนกับประเทศต่างๆ ตามยุคสมัย แต่ประเพณีตรุษสงกรานต์ก็ยังมีความสำคัญสำหรับคนไทยเสมอ

    พี่น้องต่างจังหวัดที่เข้ามาอยู่ในกรุงเทพฯ มากมาย ทั้งเล่าเรียน, ทำการงาน รวมทั้งลงหลักปักฐานได้แล้ว พอถึงวันสงกรานต์ หรือ "วันครอบครัว" ก็จะเดินทางกลับไปเยี่ยมบ้านเดิมกันอย่างมืดฟ้ามัวดิน

    ประมาณว่ามีไม่ต่ำกว่า 1 ล้าน 5 แสนคนเชียวค่ะ!

    ดิฉันเป็นคนจังหวัดนนทบุรีนี่เอง ถึงเทศกาลสงกรานต์มักไม่ได้ไปเที่ยวไหนหรอก ไปวัดทำบุญ รดน้ำผู้ใหญ่ เลี้ยงดูกันในหมู่ญาติและเพื่อนๆ ก็มีความสุขพอแล้ว

    บางปีมีเพื่อนหนุ่มสาวจากกรุงเทพฯ มาเที่ยว เห็นเรารดน้ำท่านผู้ใหญ่ก็อยากรดบ้าง แต่อดขำไม่ได้เมื่อเขารดน้ำไปก็พูดอวยพรให้ท่านอายุยืน อย่าเจ็บอย่าไข้ จะได้เป็นร่มโพธิ์ร่มไทรให้ลูกหลานไปนานๆ

    แทนที่จะรับพรกลับให้พรผู้ใหญ่เฉยเลย!

    ดิฉันจะบอกตอนเรารดน้ำเสร็จก็กลัวเพื่อนจะอาย ปีต่อมาเลยใช้วิธีบอกให้รู้ไว้ก่อนว่าไม่ต้องให้พรท่านหรอก ท่านเป็นฝ่ายให้พรเราเอง ว่าขอให้เจริญรุ่งเรืองยิ่งๆ ขึ้นไป ให้ก้าวหน้าในการงานหรือร่ำรวยอะไรประมาณนั้นแหละ...คนที่เคยให้พรท่านเมื่อปีกลายได้แต่เอียงอายไปตามๆ กัน

    พูดถึงเมืองนนท์ ส่วนมากคนจะรู้จักแต่ว่าเคยโด่งดังเรื่องทุเรียน รวมทั้งผลไม้ต่างๆ ไม่ว่ามะม่วง, ส้ม, มะพร้าว ฯลฯ ความจริงน่ะจังหวัดนี้ใช้พื้นที่ทั้งทำนาและทำสวนพอๆ กัน คือราวหมื่นสี่พัน-หมื่นห้าพันไร่

    อ้อ! ที่ว่าน่ะเกือบสิบปีได้แล้วนะคะ ปัจจุบันถูกบ้านจัดสรร, ตึกแถว, คอนโดฯ และห้างสรรพสินค้ารุกรานจนเรือกสวนไร่นาเหลือน้อยลงทุกทีแล้ว

    คิดๆ ก็น่าใจหายนะคะ แต่ไม่มีอะไรจะมายับยั้งสิ่งที่เราเรียกขานกันว่า "ความเจริญ" ได้หรอกค่ะ

    ความเปลี่ยนแปลงคือสัจธรรม ไม่ว่าจะยอมรับหรือไม่ก็ตาม!

    ยายดิฉันเคยเล่าให้ฟังว่า สมัยก่อนเราทำนาได้ข้าวแล้วก็จะใช้ควายลากเลื่อนไปเข้ายุ้งฉาง เมื่อเหลือจากการเก็บไว้กินและทำพันธุ์แล้วถึงจะขาย โดยขนข้าวใส่เรือพายไปส่งโรงสี มีปัญหาตรงน้ำขึ้น-น้ำลง (แต่ก่อนเรียก น้ำเกิด-น้ำตาย) ที่เอาแน่นอนไม่ได้เลย

    น้ำลงมากก็ต้องเข็นเรือ หรือไปไม่ไหวจริงๆ ก็ต้องขอแรงเพื่อนบ้านช่วย "ลงแขก" หาบข้าวไปส่งโรงสีกันละค่ะ

    ต่อมา เคยได้ยินแต่ว่าเขาลงแขกดำนา, เกี่ยวข้าว เท่านั้น...สงสัยจะมีที่จังหวัดนนท์บ้านดิฉันนี่แหละค่ะ ที่มีตั้งแต่การดำนา, ดายหญ้า, เกี่ยวข้าว, นวดข้าว...ไปถึงการลงแขกหาบข้าวขึ้นจากเรือไปส่งโรงสีด้วย!

    นอกจากจะทำอาหารเลี้ยงดูผู้ที่มาช่วยงานแล้ว ยังมีพิธี "ขวัญข้าว-ขวัญลาน" โดยมีหมอขวัญมาเรียกขวัญ หรือระลึกถึงบุญคุณของแม่โพสพไงคะ

    อ้อ! มีการ "ทำขวัญควาย" ไปพร้อมกัน โดยอาบน้ำทำความสะอาดให้เจ้าทุย เอาหญ้าอ่อนให้กิน ใช้สายสิญจน์ผูกเขาทั้งสองข้าง มีหมอมาทำขวัญเพื่อระลึกถึงบุญคุณของควายที่ช่วยเหลือทำนามาตลอดปี

    เทศกาลต่างๆ ไม่ว่าปีใหม่, เข้าพรรษา, ลอยกระทง...ดิฉันคิดว่าอะไรก็ไม่สนุกเท่าวันสงกรานต์ไปได้หรอกค่ะ!

    เริ่มตั้งแต่วันที่ 13 เมษายนเป็นต้นไป

    จะมีการทำบุญ และสรงน้ำพระ แล้วแต่ทางวัดจะกำหนดวันไหน อาจจะนานตั้ง 3-4 วันก็ได้ โดยวันสรงน้ำพระจะสนุกที่สุด...จำได้ว่ามีการละเล่นหลายอย่างล้วนแต่น่าสนุกทั้งนั้น เช่น ซ้อมตำข้าว, แม่ศรี, ช่วงชัย, ช่วงโยน, มอญซ่อนผ้า, ชักเย่อ, ผีสาก, ผีครก...สารพัดละค่ะ

    โดยเฉพาะผีนางรำนี่ทั้งสนุกและน่ากลัวอย่างบอกไม่ถูก!

    พวกเราจะไปจัดพิธีนางรำกันกลางทุ่งนาใกล้ๆ วัด มีการปักธงแดงหรือธงชาติบนลานที่จัดไว้ โดยตอนเช้าจะไปทำบุญ เสร็จแล้วชาวบ้านก็จะมาชุมนุมกันที่ลานเพื่อเล่นผีนางรำ

    เท่าที่เคยเห็นเมื่อตอนเด็กๆ ผู้หญิงหรือคนทรงที่จะมาเป็นนางรำแทบจะไม่ซ้ำหน้ากันเลยค่ะ

    มีลูกเต้าวุ่นวายบ้าง ย้ายถิ่นฐานไปบ้าง ตายเพราะถูกงูกัดบ้าง คนทรงที่จะมาเล่นผีนางรำจึงเปลี่ยนหน้ากันมาตลอด

    พอได้เวลาก็จะมีคนทรงชื่อน้าบัวลอยแต่งกายชุดนางรำ นุ่งโจงกระเบนห่มผ้าสไบเฉียงสีเขียวสวยงาม ชาวบ้านที่อยู่รอบๆ วงก็จะช่วยกันร้องเพลงเพื่อเชิญผีให้มาเข้าทรง ท่ามกลางสายตาของเด็กๆ ที่จ้องมองตาโพลง

    สายลมพัดซ่า นางรำที่ยืนนิ่งจะขยับตัว...ผีมาเข้าทรงแล้ว!

    ทันใดนั้น น้าบัวลอยหรือนางรำก็จะทอดแขนร่ายรำช้าๆ ก้าวขาเยื้องกรายได้จังหวะอย่างงดงาม...บรรยากาศดูเยือกเย็น พร่ามึนเหมือนเราพลัดเข้าไปในโลกแห่งความฝัน หรือจินตนาการเร้นลับอย่างบอกไม่ถูก

    ใบหน้าขาวโพลนของนางรำที่เชื่อว่าถูกผีสิงก็ยิ้มแย้ม พยักพเยิดกับคนนั้นคนนี้ จนกระทั่งมีเสียงเอะอะ ใครไม่รู้ 3-4 คนร้องขึ้นว่า เฮ้ย! นังศรี...นังศรีนี่นา!

    เขาหมายถึงน้าศรีที่ถูกงูกัดตายเมื่อปีกลาย ดิฉันเองก็จำได้ว่าเมื่อครู่นี้เห็นเป็นหน้าน้าศรีชัดๆ แต่ไม่ช้าก็กลับเป็นหน้าของน้าบัวลอยตามเดิม...

    เดี๋ยวนี้สงกรานต์เหลือแต่ทำบุญกับสรงน้ำพระเท่านั้น แต่ดิฉันยังจำภาพขนหัวลุกผีนางรำสมัยเด็กๆ ไม่มีวันลืมค่ะ!
     

แชร์หน้านี้

Loading...