เรื่องเด่น ฝึกลูกให้มีสติ ไม่ใช้อารมณ์เหนือเหตุผล

ฝึกลูกให้มีสติ ไม่ใช้อารมณ์เหนือเหตุผล


“ฝึกลูกให้มีสติ ไม่ใช้อารมณ์เหนือเหตุผล” ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา จะพบว่ามีการนำเสนอข่าวสะเทือนขวัญ เกี่ยวกับการจัดการปัญหาด้วยความรุนแรง โดยเหตุผลของผู้กระทำส่วนใหญ่ ที่เรามักจะได้ยินคือ “เพราะ อารมณ์ชั่ววูบ”



อารมณ์ชั่ววูบ คือความคิด ที่เกิดขึ้นในชั่วขณะ ทำให้เกิดการตัดสินใจ อย่างขาดเหตุผล จะดีจะร้ายนั้น ขึ้นอยู่กับอารมณ์ในขณะนั้น ซึ่งเหตุการณ์เหล่านี้ จะไม่มีทางเกิดขึ้นเลย ถ้าผู้กระทำมี สติ ควบคุมอารมณ์ตัวเองได้ การรู้จัก ควบคุมตัวเอง ควบคุมอารมณ์ เป็นสิ่งที่สามารถฝึกได้ การที่คนหนึ่งคน จะเติบโตไปเป็นคนแบบไหน ปัจจัยสำคัญอย่างหนึ่งก็คือ “การอบรมเลี้ยงดู” แล้วการเลี้ยงดูแบบไหน ที่จะทำให้ลูก เป็นคนที่ไม่ใช้อารมณ์ มากกว่าเหตุผล ??

1. ไม่ตามใจลูกมากเกินไป พ่อแม่ทุกคนรักลูก แต่ควรรักอย่างมีสติ อย่าตามใจทุกอย่าง จนลูกกลายเป็นเด็กเอาแต่ใจ ยึดตัวเองเป็นศูนย์กลาง ไม่เห็นอกเห็นใจคนอื่น

2. สอนให้รู้จักว่า อะไรควรทำไม่ควรทำ การที่ลูกจะเติบโต ไปเป็นผู้ใหญ่ที่ดี ต้องรู้จักที่ควบคุมตัวเองได้ รู้ว่าอะไรควรไม่ควรทำ

3. เอาใจลูกมาใส่ใจเรา พ่อแม่ควรเห็นอกเห็นใจ เข้าใจความรู้สึกของลูก จะมีส่วนช่วยให้ครอบครัว เข้าใจกันมากขึ้น และเมื่อลูกรู้สึกว่า พ่อแม่ก็เข้าใจ และเห็นใจเขา ลูกก็จะมีความเข้าใจ และเห็นอกเห็นใจคนอื่นเช่นกัน

4. สอนให้ลูก รู้จักจัดการกับความโกรธ เพราะอารมณ์โกรธ เป็นเรื่องธรรมชาติ แต่สิ่งสำคัญ คือการจัดการความโกรธ อย่างเหมาะสม อีกทั้ง พ่อแม่ก็ต้องทำเป็นตัวอย่าง ว่าโกรธได้ ก็ควรจัดการอารมณ์ให้ได้เช่นกัน

5. ฝึกให้ลูกมีความอดทนอดกลั้น เมื่อมีสิ่งที่ไม่ได้ดั่งใจ พ่อแม่ควรอธิบายเหตุผลให้กับลูก และสอนให้เขารู้จักการ “รอ”

6. ไม่ใช้ความรุนแรง ทั้งทางตรงและทางอ้อม เวลาลูกทำผิด ควรหลีกเลี่ยง การทำโทษรุนแรง ไม่ว่าจะเป็น การใช้คำพูด หรือการทำร้ายร่างกาย เพราะการที่เด็ก ถูกกระทำรุนแรงบ่อยๆ โดยเฉพาะจากพ่อแม่ ก่อให้เกิดบาดแผลทางใจแก่ลูก อีกทั้งพ่อแม่
ก็ไม่ควรใช้ความรุนแรงให้ลูกเห็น เพราะจะทำให้ลูก ซึมซับพฤติกรรมรุนแรง อาจจะส่งผลให้กลายเป็น เด็กก้าวร้าว ใช้ความรุนแรง และ ไม่เห็นอกเห็นใจใคร

ลูกจะเรียนรู้ ผ่านตัวอย่างที่ได้พบในชีวิตประจำวัน ดังนั้นพ่อแม่ อยากให้ลูกเป็นอย่างไร ก็ควรปฏิบัติให้ลูกเห็นเป็นตัวอย่าง
ไม่ใช่เพียงพร่ำสอน แต่ทำไม่ได้ ดังภาษิตที่ว่า “ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น”



ขอขอบคุณข้อมูลจาก http://www.alpha-b.me
http://dhammatip.com/wp/?p=1037