พระกรรมฐาน ๔๐ โดยพระครูธรรมธรเล็ก

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย first, 10 กรกฎาคม 2007.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. เถรี

    เถรี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    326
    ค่าพลัง:
    +6,511
    [​IMG] ระวังจะไม่มีให้ซ่อมนะครับ..! [​IMG]
     
  2. first

    first เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กันยายน 2005
    โพสต์:
    181
    ค่าพลัง:
    +4,990
    พี่ sutatip_b<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_", true); </SCRIPT> ขอเนื้อความในการสอนพระกรรมฐาน ของพระอาจารย์เมื่อครั้งที่ไปรับผ้าป่าที่ปรียนันท์ธรรมสถาน เพื่อเป็นประโยชน์แก่ผู้สนใจ มีใจความดังนี้ครับ
    หลักการปฎิบัติในพระพุทธศาสนาพระพุทธเจ้าท่านกล่าวไว้สามขั้นคือ ศีลเป็นการควบคุมกายวาจาให้เรียบร้อย สมาธิเป็นการควบคุมกายวาจาให้เรียบร้อยและสร้างความมั่นคงทางใจ ส่วนปัญญาเป็นผลสืบเนื่องมาจากศีลและสมาธิ ที่ควบคุมกายวาจาและใจให้สงบ เมื่อสงบลงก็เหมือนกับน้ำที่นิ่ง ก็จะสามารถสะท้อนภาพสิ่งต่างๆให้เห็นบนผิวน้ำนั้นได้ให้เกิดประโยชน์ได้ ตัวสมาธิภาวนาจะเป็นคำตอบ ที่สำคัญที่สุด ในขั้นตอนของการปฎิบัติทุกระดับแม้กระทั่งระดับสุดท้าย เพราะกำลังของสมาธิจะช่วยให้ รักษาศีลได้สมบูรณ์และคงตัวมากขึ้นในขณะเดียวกัน ขณะเดียวกันความนิ่งของจิตที่มีสมาธิ ก็จะทำให้เกิดปัญญาขึ้นได้ง่าย สมาธิจะทรงตัวหรือไม่ทรงตัวสำคัญอยู่ที่ ลมหายใจเข้าออกของเรา การสงบระงับของจิตแต่ละระดับชั้นนั้นเป็นของละเอียด เราต้องอาศัยของหยาบ คือลมหายใจเข้าออก เป็นเครื่องโยงไปหาความละเอียด คือ ความสงบของจิตให้ได้ การปฎิบัติสมาธิไม่ว่าจะรูปแบบใดรูปแบบหนึ่งก็ตาม
    กรรมฐานทุกกองที่ปรากฏอยู่ในพระไตรปิฎกก็ตาม ถ้าไม่มีลมหายใจเข้าออกเป็นเครื่องกำกับ ก็ไม่อาจทรงตัวมั่นคงจนใช้ประโยชน์ได้ เมื่อเป็นดังนั้น การปฎิบัติสมาธิภาวนาจึงเป็นเรื่องที่สำคัญมากๆ แต่ว่าในปัจจุบันความเป็นอยู่ของการปฎิบัติสมาธิภาวนานั้น จุดที่สำคัญที่สุด ก็คือว่า คือ เราไม่สามารถรักษาอารมณ์ปฎิบัติให้ต่อเนื่องได้ เหตุที่เราไม่สามารถรักษาอารมณ์ปฎิบัติให้ต่อเนื่องได้ เกิดจากสาเหตุสองสามอย่างด้วยกันอย่างแรก สติสมาธิและปัญญายังไม่เพียงพอ จึงปล่อยให้กำลังขาดช่วงลง อย่างที่สองก็ คือ ยังไม่เห็นทุกข์เห็นโทษ ของการที่จิตไปวุ่นวายกับ รัก โลภ โกรธ หลง อย่างแท้จริง เมื่อไม่เห็นโทษอย่างแท้จริง เราก็จะไม่เข็ดและปล่อยให้ใจหลุดจากสมาธิไปอยู่เรื่อยๆ นักปฎิบัติที่จิตเคยเข้าถึงความสงบระดับใดระดับหนึ่งแล้ว เมื่อถึงเวลาจิตมันหลุดจากความสงบนั้น ไปฟุ้งซ่านกับความรัก โลภ โกรธ หลง มันจะทำให้เราเดือดร้อนมาก เพราะรักโลภโกรธหลงนั้นเป็นเหมือนกับไฟ พระพุทธเจ้าเปรียบเอาไว้ว่า ราคัคคิโทสัคคิ โมหัคคิ ไฟคือราคะ ไฟคือโทสะ ไฟคือโมหะ เมื่อยังไม่เห็นโทษตรงจุดนี้ว่า จิตของเราเดือดร้อนเพราะไฟเหล่านี้เผาอยู่อย่างไร ก็ไม่พยายามประคองจิตให้หลุดพ้นจากตรงจุดนั้น หรือว่าบางท่านเห็นโทษแล้ว แต่ไม่รู้จะรักษาสมาธิภาวนาอย่างไรให้ทรงตัว
    ดังนั้นว่าการที่เราปฎิบัติสมาธิภาวนา ทุกท่านส่วนใหญ่มีพื้นฐานดีแล้ว การปฎิบัติส่วนที่เหลือก็คือว่า ทำอย่างไรเมื่อเราปฎิบัติแล้วในขณะที่นั่งสมาธิอยู่จิตมีความสงบระงับอยู่ในระดับใด เมื่อเลิกการปฎิบัติ ให้กำหนดสติจดจ่ออยู่กับกำลังใจที่สงบระงับนั้น อย่าให้เคลื่อนไปได้ ไม่ว่าจะยืน เดิน นอน นั่ง ดื่ม กิน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 มีนาคม 2008
  3. first

    first เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กันยายน 2005
    โพสต์:
    181
    ค่าพลัง:
    +4,990
    คิด พูด ทำ อิริยาบถใดๆทั้งหลายเหล่านี้ สติของเราต้องอยู่กับสมาธิตลอด เป็นการประคองรักษาอารมณ์เอาไว้ ให้อยู่กับเราให้นานที่สุดเท่าที่จะนานได้ แรกๆก็อาจจะอยู่กับเราได้ชั่วครั้งชั่วคราว แล้วก็หลุดหายไป แต่ว่าพอนานเข้าๆ มันก็จะอยู่ได้มากขึ้นระยะเวลายาวนานขึ้น จากแต่เดิม อาจจะ10 นาที 20 นาที พอเคลื่อนไหวไปกระทำเรื่องอื่นเข้าสมาธิก็คลายตัว พอหัดประคับประคองโดยการกำหนดสติจดจ่ออยู่ ไม่ให้สมาธิที่เราได้ในขณะนั่งนั้นเคลื่อนตัวไป พอซ้อมทำบ่อยเกิดความชำนาญขึ้นก็ได้ระยะเวลาที่ยาวนานมากขึ้น ได้เป็นครึ่ง ชั่วโมง เป็นชั่วโมง สองชั่วโมง สามชั่วโมง เป็นครึ่งวัน เป็นวัน สามวัน ห้าวัน เจ็ดวัน สิบวัน สิบห้าวัน เป็นเดือน ท้ายสุดก็หลายๆเดือน หรือเป็นปี ถ้าเราสามารถประคองจิตของเราไว้ในลักษณะนี้ได้ สภาพจิตจะมีแต่ความผ่องใส โดยส่วนเดียว เพราะว่าตัวสมาธิไม่ได้หลุดเคลื่อนไปไหน กิเลสต่างๆไม่สามารถจะกินใจเราได้ จิตของเรายิ่งมีความผ่องใสมากเท่าไร ตัวปัญญาก็จะเกิดมากเท่านั้น ในเมื่อตัวปัญญาเกิดก็จะไปคุมศีลและสมาธิให้ทรงตัว ศีลและสมาธิที่ทรงตัวปัญญาก็จะยิ่งเกิดมากขึ้น ดังนั้นงานที่อยากจะมอบหมายให้พวกเราก็คือว่า เมื่อปฎิบัติภาวนาแล้วให้พยายามรักษากาย วาจา ใจ ของเรา ให้อยู่ในความสงบระงับเหมือนกับอารมณ์ที่เราปฎิบัติขณะที่นั่งอยู่ ก็แปลว่า นั่งอยู่ทรงอารมณ์ได้เท่าไร เมื่อยืนเดินนอนหรือทำสิ่งอื่นๆก็ให้อารมณ์ทรงตัวให้ได้ เหมือนกับตอนที่นั่งอยู่ แรกๆก็อาจพังลงในระยะเวลาอันรวดเร็ว แต่พอซ้อมมากๆเข้าก็จะมีความคล่องตัวอยู่ได้นานขึ้นเรื่อยๆ ขอบอกว่า คำถามทุกปัญหาที่เกิดขึ้นในการปฎิบัติของเรา คำตอบเกือบทั้งหมดอยู่ตรงการปฎิบัติสมาธิภาวนา ยกเว้นอยู่กับขั้นสุดท้ายของการใช้ปัญญาตัดกิเลสเท่านั้น ที่สมาธิเป็นเพียงส่วนหนึ่งที่ใช้งานไม่ใช่คำตอบทั้งหมด ซึ่งถ้าเราทำถึงตรงจุดนั้นแล้ว ปัญญามันก็จะเกิดขึ้นโดยอัตโนมัติอยู่แล้ว ในเมื่อสมาธิเกือบจะเป็นคำตอบทั้งหมด ทำอย่างไรให้เรารักษามันให้นานที่สุด ทำอย่างไรให้เราเห็นความสำคัญของมัน ทำอย่างไรให้เราเห็นทุกข์เห็นโทษของจิตที่ขาดสมาธิ ทำให้เราไม่มีความก้าวหน้าในการปฎิบัติ เรื่องทั้งหลายเหล่านี้พวกเราต้องหาคำตอบเอง แม้แต่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเองก็กล่าวว่า อักขาตาโร ตถาคตา แม้แต่ตถาคตก็เป็นได้แต่ผู้บอกเท่านั้น การปฎิบัติตามหรือไม่ปฎิบัติอยู่ที่ตัวของเราเองทั้งหลายเมื่อเราเห็นโทษ ของการหลุดจากสมาธิเห็นประโยชน์ของการทรงสมาธิ จิตก็จะขวนขวายที่จะทรงสมาธิให้ได้ ไม่ให้หลุดไป ตอนช่วงนี้จิตมันจะดำเนินไปตามหน้าที่ของมัน และจะเป็นตอนที่เราจะมีความสนุกมากที่สุด คือคอยลุ้นว่าครั้งนี้กิเลสหรือว่าเราจะชนะ เขาจะได้คะแนนหรือเราจะได้คะแนน ถ้าสามารถทำอย่างนี้ได้ ไม่ว่าเรื่องการดูหนังฟังเพลงใดๆ ที่เป็นของสนุกของเรา จะกลายเป็นเรื่องธรรมดาหารสชาดไม่ได้ มันจะมาสนุกกับการดูภายในตัวเอง ดูที่ตัวแก้ที่ตัว โดยไม่ยุ่งกับเรื่องของคนอื่นโดยอัตโนมัติ ทำให้เราเป็นผู้มีกายวาจาใจเรียบร้อยโดยอัตโนมัติ ระมัดระวังประคับประคองอยู่ เหมือนกับเลี้ยงลูกแก้วบางๆบนปลายเข็ม พลัดหลุดมือเมื่อไหร่แก้วก็แตกสลายไป เราก็ต้องพยายามสร้างและประคับประคองแก้วนั้นขึ้นมาใหม่ ดวงแก้วนั้นมีคุณค่าต่อสภาพจิตใจของเรา อย่างมหาศาล เป็นต้นทางของการดำเนินไปสู่ความ หลุดพ้น ดังนั้นหน้าที่ของเราก็คือ ต้องไขว่คว้า หาเอาดวงแก้วนี้มาอยู่ในมือให้ได้และประคับคองรักษาไว้อย่าให้สูญหายไป ทุกคนทำสมาธิเป็น ทุกคนมีความสามารถเข้าถึงสมาธิระดับใดระดับหนึ่ง แต่ว่าไม่สามารถจะประคับประคองรักษาเอาไว้ได้โดยตลอด ดังนั้นจึงได้มอบงานใหญ่ให้ว่า ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป หน้าที่ของเราก็คือ ให้รักษาอารมณ์สมาธิให้ได้ในทุกอิริยาบถ ถ้าหากว่ามีสิ่งหนึ่งสิ่งใดที่ต้องปฎิสัมพันธ์กับคนอื่น ให้คลายสมาธิออกมาด้วยความระมัดระวัง เมื่อรับรู้รับทราบติดต่อพูดคุยแล้ว ก็ให้รีบกลับไปสู่องค์สมาธิโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้ เพื่อจะได้ไม่เกิดอันตราย ซึ่งรักโลภโกรธหลงมันจะโจมตีขณะที่เราพลั้งเผลอ ซ้อมทำบ่อยๆ แล้วจะเห็นคุณประโยชน์ของการรักษา อารมณ์ใจ ท่านใดที่บอกว่าปฎิบัติมานานหาความก้าวหน้าไม่ได้ ก็ให้รู้เพราะว่าเราทำเฉพาะตอนนั่ง แปลว่าใน 24 ชั่วโมง เรามีเวลาทรงความดีแค่เล็กน้อยเท่านั้น ส่วนเวลาที่เหลืออีก 20 ชั่วโมงเศษๆเราไหลไปตามกระแสโลกโดยตลอด ถ้าต้องการความก้าวหน้าอย่างน้อยๆ24ชั่วโมง กำลังใจของเราต้องมีส่วนอยู่กับความดี เกินครึ่งหนึ่งถึงจะพอรักษาตัวเองได้ ก็แปลว่า ตลอดช่วงเวลาที่เราตื่นอยู่ เราต้องสามารถรักษาอารมณ์สมาธิภาวนาไว้ได้ ตอนช่วงที่หลับถ้าสติยังไม่สมบูรณ์พร้อม มันก็ยังมีพลั้งเผลอได้ตามปกติ ซึ่งนั้นต้องฝึกในขั้นสูงต่อไป การทำสมาธิภาวนา ลมหายใจเข้าออกสำคัญที่สุดอยู่ก็จริง แต่เมื่อไม่ถึงระยะหนึ่ง ลมหายใจจะเบาลง หรือหายไปเลย คำภาวนาบางทีก็ไม่มีเลย ส่วนใหญ่แล้วมักจะกลัวว่ามันไม่หายใจ จะทำให้ตาย แล้วไปตะเกียกตะกายรีบหายใจใหม่ อันนั้นทำให้เราเสียประโยชน์ เหมือนกับเราเริ่มเดินขึ้นบันไดไปแล้ว แล้วเกิดความกลัวไม่มั่นใจขึ้นมาก็ถอยขึ้นมาอยู่ในขั้นแรกใหม่ หาความก้าวหน้าในการปฎิบัติไม่ได้เสียที ต่อไปถ้าอารมณ์ใจเป็นอย่างนี้ ให้กำหนดดู กำหนดรู้ไว้เฉยๆ มันหายใจเบาลงให้รู้ว่าหายใจเบาลง มันไม่หายใจ ให้รู้ว่าไม่หายใจ มันภาวนา ให้รู้ว่ามันภาวนา มันหยุดภาวนา
     
  4. first

    first เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กันยายน 2005
    โพสต์:
    181
    ค่าพลัง:
    +4,990
    ให้รู้ว่ามันหยุดภาวนา ถ้าเราตามดูอยู่แต่เพียงแค่นี้ โดยไม่ไปดิ้นรน กำลังใจจะก้าวสู่สมาธิขั้นสูงไปกว่านี้เรื่อยๆ จนกระทั่งท้ายสุดก็จะสว่างโพลงเต็มที่อยู่เบื้องหน้า ดังนั้นถ้าเราทำสมาธิไม่ก้าวหน้า นอกจากเราจะประคับประคอง รักษาอารมณ์ใจไม่เป็นแล้ว เราเองยังเผลอไปให้กับอารมณ์ต่างๆที่เข้ามา ด้วยความเป็นห่วงสภาพร่างกายนี้ โดยเฉพาะห่วงว่ามันจะตาย เมื่อเป็นดังนั้นความก้าวหน้านอกจากจะไม่มีแล้ว เรายังพาตัวเองถอยหลังไปสู่จุดเริ่มต้นอยู่ตลอดเวลา ดังนั้นเมื่อพวกเราปฎิบัติภาวนา ถ้าหากว่าเกิดอารมณ์ใจใดๆขึ้น ให้แค่กำหนดรู้ไว้เฉยอย่าไปสนใจ แต่บางที่ถ้าเป็นเรื่องของนิมิตแสงสีและภาพต่างๆ ยิ่งไม่สนใจก็ยิ่งชัดเจนมากขึ้น แต่เราก็ต้องรู้เหมือนกับไม่รู้ สักแต่ว่าเห็นเท่านั้น ถ้าไม่สามารถทำกำลังใจอย่างนี้ได้ มัวแต่ไปติดอยู่กับนิมิตอยู่ ความก้าวหน้าในการปฎิบัติก็ไม่มี เป็นอันว่าพวกเราทุกคน หลักการปฎิบัติเป็นอย่างไรรู้อยู่ สามารถทำได้แล้ว แต่วิธีการปฎิบัติในบางจุดอาจจะยังไม่ค่อยเข้าใจ จึงต้องมาแนะนำกันอย่างนี้ การแนะนำในวันนี้จึงขอสรุปลงตรงที่ว่า การปฎิบัติในพระพุทธศาสนา คือ ศีล สมาธิและปัญญา เป็นการควบคุมกายวาจาใจของเราให้อยู่ในกรอบ จนกระทั่งจิตของเรานิ่งใสถึงระดับปัญญามันจะเกิด แล้วจะสามารถพิจารรณาให้รู้แจ้งเห็นจริงในสภาพร่างกายและสภาพของโลก แต่ว่าการปฎิบัติทุกระดับ คำตอบจะอยู่ในสมาธิแทบทั้งหมด สมาธิจะทรงตัวได้ต่อเมื่อมีอานาปานสติ คือ ลมหายใจเข้าออกเป็นเครื่องควบคุม ส่วนอาการต่างๆที่เกิดขึ้นกับร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นการรู้เห็นความเจ็บปวด หรือว่าการหายใจบ้างไม่หายใจบ้างก็ตาม ให้เรากำหนดดู กำหนดรู้ ไว้แต่ตามปกติ คิดเสียว่าเรามีหน้าที่ปฎิบัติภาวนา เมื่อมันอยากภาวนาก็ภาวนาไป เมื่อมันอยากหยุดภาวนาก็ปล่อยมันหยุดไป มันจะเป็นอย่างไร เรามีหน้าที่ดูเท่านั้น ถ้าสามารถรักษากำลังใจอย่างนี้ได้ แล้วถึงเวลาเลิกปฎิบัติไป ก็ให้ประคับประคองกำลังใจของเรา ให้อยู่ในระดับเดียวกับที่เรานั่งอยู่ ถ้าทำได้นานมากเท่าไร ความก้าวหน้าในการปฎิบัติก็จะมีมากเท่านั้น วันนี้ก็ขอแนะนำแต่เพียงแค่นี้ ท่านใดถ้าหากว่ายังต้องการภาวนาอยู่ก็กำนดใจของเราภาวนาต่อไป ถ้าหากว่าท่านใดคิดว่าพอแล้วก็คลายสมาธิภาวนาออกมา แล้วประคับคองอารมณ์ใจนั้นไว้ การปฎิบัติก็เหมือนการทำงาน ถ้าเราทุ่มเทมากเกินไป วันรุ่งขึ้นสภาพจิตที่เหนื่อยล้าแล้วก็ไม่อยากปฎิบัติอีก ดังนั้นว่าความพอเหมาะพอดีต้องมี แต่ความพอดีที่เป็นมัชฌิมาปฏิปทา ไม่มีมาตรฐาน 50 เปอร์เซนต์ ความพอเหมาะพอดีขึ้นกับ กำลังกาย กำลังใจ และกำลังสมาธิของแต่ละคนที่ฝึกมา ดังนั้นเราต้องการมากน้อยเท่าไร พอเหมาะพอดีแก่ตัวเองเท่าไร เราเองจึงเป็นผู้รู้ดีที่สุด ทำให้พอดีแล้วรักษาอารมณ์ใจไว้ให้ได้ ก็ขอจบการแนะนำสำหรับวันนี้แต่เพียงเท่านี้
    พระครูธรรมธรเล็ก สุธมฺมปญฺโญ
    ต้องขออภัยนะครับที่ล่าช้า และตัวอักษรโตกว่าปกติ..จะได้เห็นชัดเจนครับ ..จริงแล้วเป็นข้ออ้างของคนพิมพ์ครับ ..ตาไม่ค่อยดีแล้ว..(ping-love <O:p</O:p
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 มีนาคม 2008
  5. คนเก่า

    คนเก่า เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    1,355
    ค่าพลัง:
    +15,053
    ตาไม่ดีแล้วยายไม่ตีรึ
     
  6. first

    first เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กันยายน 2005
    โพสต์:
    181
    ค่าพลัง:
    +4,990
    ยายน๊ะไม่กล้าตีหรอกครับ...ถ้าตามีพิกัดที่เเน่นอน..สักที่
    ..ตกลงเอาพิกัดไหนดีครับ..เชียงใหม่..หรือTPBS..ดีคับตา...เอ๊ยเฮีย..
    (ping-loveผมจะได้รายงานหน่วยเหนือได้...
    นี่แค่หน่วยลาดตระเวนนะครับ..
    อย่าให้ถึงกับทัพหลวงมาเองเลย..อู๊ยส์(ping)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 มีนาคม 2008
  7. คนเก่า

    คนเก่า เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    1,355
    ค่าพลัง:
    +15,053
    เรียกชื่อหน่วยผิดแล้ว อาการอย่างนี้เขาเรียกหน่วยล่อเป้า เอาไว้วัดระยะปืนใหญ่ โบราณจะใช้แต่เชลยศึก เพราะอายุการใช้งานสั้น ออกสนามไม่กี่วันก็มักหาซากไม่ค่อยเจอ
     
  8. ดวงฤทัย

    ดวงฤทัย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    194
    ค่าพลัง:
    +2,694
    อู้ย..เจ็บกระจึ๊ก กระจึ๊ก ยังกะโดนเอง
    โชคดีนะเนี่ยที่น้องแถวอยู่ฝ่ายเสบียงกรัง ไม่ต้องไปล่อเป้ากะใคร
    เลยรอดไป ปล่อยให้หน่วย(รับ)หน้าทั้งสองไปก่อน น้องแถวตามหลังค่ะ
     
  9. ลัก...ยิ้ม

    ลัก...ยิ้ม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 เมษายน 2005
    โพสต์:
    3,409
    ค่าพลัง:
    +15,762
    ตั้งทัพกันแย้วเร้อ...มีหน่วยเสบียง ก็ต้องมีหน่วยตาม เจี๊ยะ จิ...เราขอสมัครเองก็ละกันนะ....หน่วยนี้ถูกใจ มั๊ก มาก จ๊ะ
     
  10. jitdee4

    jitdee4 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    157
    ค่าพลัง:
    +816
    หนังสือพระกรรมฐาน 40 ที่บ้านอนุสาวรีย์หมดหรือยังครับ ถ้ายังจะฝากพี่ชายให้ซื้อให้
     
  11. suthamma

    suthamma ทีมผูัดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    1,440
    ค่าพลัง:
    +36,497
    (good) ยังมีอยู่ครับ ฉบับละ ๑๐๐ บาท คุ้มค่าทุกตัวอักษรจริง ๆ (good)
     
  12. wonderisland

    wonderisland เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    541
    ค่าพลัง:
    +8,009
    สาธุ สาธุ สาธุ พระอาจารย์ท่านถ่ายทอด พระธรรมออกมาอย่างที่ ไม่ต้องไปตีความหมายอะไรต่อไปอีก เท่าแต่ทำใจให้น้อมรับไปปฏิบัติ...ให้เกิดประโยชน์ให้มากที่สุดแก่ตัวเองเป็นอันดับแรกแล้วกระจายออกไปสู่สังคมภายนอก
    กระผมทั้งอ่านทั้งฟัง ทั้งโพสก็ยังประทับใจเสมอ....
    และก็หมั่นปฏิบัติอยู่เสมอครับ แต่ก็ยังพอจะเอาตัวรอดจากความเลวอยู่บ้าง แต่ก็หวังว่าจะไปถึงซึ่งความดีที่ดีที่สุดต่อไป
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 พฤษภาคม 2008
  13. oomsin2515

    oomsin2515 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    2,934
    ค่าพลัง:
    +3,393
    กุศลผลบุญใด ๆ ก็ตามที่ข้าพเจ้าได้ทำมาแล้ว ตั้งแต่ต้นจนถึงปัจจุบันนี้ ข้าพเจ้าขออุทิศให้<O:p</O:p


     
  14. Bkkianmar

    Bkkianmar Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กันยายน 2008
    โพสต์:
    196
    ค่าพลัง:
    +55
    บ้านอนุสาวรีย์มีสอนกรรมฐานหรือเปล่าคะ
    ไปวันนี้จะทันไหมเนี่ย
     
  15. suthamma

    suthamma ทีมผูัดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    1,440
    ค่าพลัง:
    +36,497
    [​IMG] ทันแน่นอนครับ เพราะพระอาจารย์ท่านมา ๑๐ - ๑๑ - ๑๒ ตุลาคม ครับ [​IMG]
     
  16. แก้วแกมกาญจน์

    แก้วแกมกาญจน์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มกราคม 2008
    โพสต์:
    188
    ค่าพลัง:
    +441
    เดือนมกราคมพระอาจารย์ไม่มีของขวัญพิเศษให้บรรดาลูกศิษย์
    โดยการเพิ่มวันรับสังฆทานและสอนกรรมฐานเป็นวันที่ ๑-๒-๓-๔ เหรอคะ
    กราบหนึ่ง กราบสอง กราบสาม
     
  17. jitdee4

    jitdee4 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    157
    ค่าพลัง:
    +816
    สวัสดีปีใหม่ทุกท่านครับ ไม่ได้เข้าดูกระทู้นี้นาน ไม่ทราบว่าหนังสือกรรมฐานสั่งซื้อได้ที่ไหนครับ พี่ชายบอกว่าดูแล้วไม่เห็นหรือว่าหมดแล้วที่ บ้านอนุสาวรีย์
     
  18. suthamma

    suthamma ทีมผูัดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    1,440
    ค่าพลัง:
    +36,497
    [​IMG] หมดเกลี้ยงแล้วทุกที่ครับ ท่านอาจารย์อาจต้องควักเล่มส่วนตัวไปวางจำหน่าย แต่เล่มมีลายเซ็นนี่ต้องราคาแพงหน่อยครับ..เริ่มประมูลได้..! [​IMG]
     
  19. อักขรสัญจร

    อักขรสัญจร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    4,516
    ค่าพลัง:
    +27,187
    นู๋เริ่มที่400กั๊บ
     
  20. suthamma

    suthamma ทีมผูัดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    1,440
    ค่าพลัง:
    +36,497
    [​IMG] มีท่านใดสู้ราคากับคุณอักขรสัญจรไหมครับ ? ถ้าไม่มีจนถึงเที่ยงคืนวันที่ ๒๙ มกราคม หนังสือเล่มนี้จะเป็นของคุณอักขรสัญจรครับ [​IMG]
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...