พระควัมปติ กับ พระมหากัจจายน์

ศิษย์ธรรมเทพ · 1 สิงหาคม 2011

[FONT=&quot]ในปัจจุบันมีผู้เข้าใจผิดว่าพระอสีติมหาสาวก[/FONT][FONT=&quot]สององค์[/FONT][FONT=&quot]คือ[/FONT][FONT=&quot]พระควัมปติ[/FONT][FONT=&quot]กับ[/FONT][FONT=&quot]พระมหากัจจายน์[/FONT][FONT=&quot]เป็นองค์เดียวกัน[/FONT][FONT=&quot]คนบางคนบางกลุ่มสถาปนาตัวเองเป็นเซียนเดินดินทั้งหลายเที่ยวเล่าขานตำนาน[/FONT][FONT=&quot]ประวัติอสีติมหาสาวกทั้งสองสับสนอลหม่านเพื่อจะเพิ่มความเข้มขลังให้กับ[/FONT][FONT=&quot]วัตถุมงคลที่ตัวสร้างขึ้นมา[/FONT][FONT=&quot]โดยไม่เคยสืบสาวประวัติที่แท้จริง[/FONT][FONT=&quot]

เพื่อความเข้าใจที่ถูกต้อง[/FONT][FONT=&quot]ในประวัติของพระอสีติมหาสาวกข้าพเจ้าจะขอ[/FONT][FONT=&quot]บันทึกข้อความเพื่อให้ผู้คนทั้งหลายได้ทราบและเข้าใจอย่างถูกต้อง[/FONT][FONT=&quot][/FONT][FONT=&quot]จากคัมภีร์อสีติมหาสาวก[/FONT][FONT=&quot]80 [/FONT][FONT=&quot]อรหันต์สมัยพุทธกาล[/FONT][FONT=&quot]กล่าวไว้ชัดเจนว่า[/FONT][FONT=&quot]พระควัมปติ[/FONT][FONT=&quot]กับ[/FONT][FONT=&quot]พระสังกัจจายน์[/FONT][FONT=&quot]เป็นคนละองค์กัน มีการกล่าวถึงประวัติแยกกันอย่างชัดเจน[/FONT][FONT=&quot]

[/FONT][FONT=&quot]พระควัมปติ[/FONT][FONT=&quot]เป็นบุตรแห่งเศรษฐีชาวเมืองพราณสี[/FONT][FONT=&quot]ท่านเป็นสหายกับ[/FONT][FONT=&quot]ยสกุลบุตร[/FONT][FONT=&quot]ท่านเป็นมหาสาวกที่[/FONT][FONT=&quot]มีรูปร่างหน้าตาละม้ายคล้าย[/FONT][FONT=&quot]องค์พระศาสดา[/FONT][FONT=&quot]ทำให้มีผู้เข้าใจผิดคิดว่าเป็นพระศาสดา[/FONT][FONT=&quot]เมื่อท่านพิจารณาแล้วจึงปิดหน้าปิดตาในขณะที่บำเพ็ญเพียร[/FONT][FONT=&quot]มีครั้งหนึ่งได้จำพรรษาอยู่[/FONT][FONT=&quot]ณ[/FONT][FONT=&quot]ป่าอัญชนวัน[/FONT][FONT=&quot]เมืองสาเกต[/FONT][FONT=&quot]กับพระพุทธเจ้าและพระภิกษุสามเณรจำนวนมาก[/FONT][FONT=&quot]ปรากฏว่าเสนาสนะไม่พอ[/FONT][FONT=&quot]พระภิกษุสามเณรที่ไม่[/FONT][FONT=&quot]ได้เสนาสนะต้องพากันไปจำวัดตามหาดทรายชายฝั่งแม่น้ำสรภูมิซึ่งอยู่ใกล้ๆ[/FONT][FONT=&quot]วิหาร ตกเที่ยงคืนเกิดฝนตกน้ำหลากพระเณรต้องหนีน้ำกันจ้าละหวั่น[/FONT][FONT=&quot]ความทราบถึงพระพุทธเจ้าพระองค์ทรงใช้พระควัมปติให้ไปใช้ฤทธิ์กั้นสายน้ำช่วย[/FONT][FONT=&quot]พระเณรที่กำลังเดือดร้อน[/FONT][FONT=&quot]ท่านเข้าฌาณในท่านั่งปิด[/FONT][FONT=&quot]หน้าด้วยอิทธิฤทธิ์ทำให้อุทกภัยนั้นเบี่ยงเบนไปในทิศทางอื่น จึงมีคติการสร้างพระควัมปติในท่านั่งปิดตาเข้าฌานเพื่อคุ้มครองป้องกันอันตราย และเป็นที่น่าสังเกตุว่าพระปิดตาที่เป็นที่นิยมกันมาแต่โบราณส่วนมากจะอยู่แถบจังหวัดชายทะเล หรือ วัดริมน้ำแทบทั้งนั้น
[/FONT]

[FONT=&quot]พระสังกัจจายน์ [/FONT][FONT=&quot]เป็น[/FONT][FONT=&quot]บุตรของ[/FONT][FONT=&quot]พราหมณ์ปุโรหิตประจำราชสำนักพระเจ้าจัณฑปัชโชต[/FONT][FONT=&quot]กรุงอุชเชนี[/FONT][FONT=&quot]เมืองหลวงของแคว้นอวันตี[/FONT][FONT=&quot]พระมหากัจจายนะเดิมชื่อว่า[/FONT][FONT=&quot]กาญจนมานพ[/FONT][FONT=&quot]คนทั่วไปเรียกท่านตามสกุลของท่านว่า[/FONT][FONT=&quot] "[/FONT][FONT=&quot]กัจจายนะ[/FONT][FONT=&quot]"[/FONT][FONT=&quot]
[/FONT][FONT=&quot]พระสังกัจจายน์[/FONT][FONT=&quot]น้นเป็นมหาเถระที่มีรูปงาม[/FONT][FONT=&quot]จนมีผู้คิดอกุศลว่าถ้ามีเมียหุ่นดีดั่งพระเถระนี่ก็คงจะดี[/FONT][FONT=&quot]ด้วยเหตุที่ล่วงเกินต่อมหาเถระนี้จึงเกิดปาฏิหารย์ทำให้ชายดังกล่าวกับกลาย[/FONT][FONT=&quot]เป็นหญิงต้องหนีออกจากหมู่บ้านไปจนมีครอบครัว[/FONT][FONT=&quot]หลังจากนั้นได้มีโอกาสพบทำบุญกับพระสังกัจจายน์อีกครั้งในร่างที่เป็นหญิง[/FONT][FONT=&quot]จึงได้เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นเพื่อขออโหสิกรรมต่อพระมหาเถระ[/FONT][FONT=&quot]เมื่อพระสังกัจจายน์ได้ฟังจึงได้อโหสิกรรมให้ทันใดนั้นสตรีนั้นได้กลับ[/FONT][FONT=&quot]ร่างกลายเป็นบุรุษอีกครั้ง[/FONT][FONT=&quot]ด้วยเหตุนี้พระสังกัจจายน์จึงพิจารณานาถึงโทษแห่งรูปอันงดงามของท่านท่านจึง[/FONT][FONT=&quot]อธิษฐานให้รูปร่างอ้วนพลุ้ยไม่สวยงาม[/FONT]
[FONT=&quot]พระสังกัจจายน์ท่านเป็นเอตะทัคคะ ผู้แสดง[/FONT][FONT=&quot]ธรรมกล่าวย่อโดยพิสดาร จนมีการรวบรวมคำสอนโดยย่อไว้เป็นคัมถีร์มูลกัจจายน์ที่พระ-เณรใช้ศึกษาเล่าเรียนมาแต่โบราณ มีการนำมาใช้เป็นหัวใจพระคาถา จนถึงปัจจุบัน[/FONT]

[FONT=&quot]ประวัติของมหาสาวกทั้งสององค์มีการบันทึกชัดเจนมีเหตุการที่บ่งบอกถึงบุญบารมีที่ท่านต่างองค์ต่างมีจึงไม่สมควรที่จะเผยแพร่ประวัติที่บิดเบือน เพราะแทนที่จะเป็นการยกย่องแต่อาจกลับกาลยเป็นการลบหลู่ท่านได้
[/FONT]

Phanudet · 2 สิงหาคม 2011

ยอมรับว่าแต่ก่อนนี้เคยสับสนจริงๆ....เพราะสื่อที่ออกมา...ก็เพราะว่าอ่านมาจากผู้ไม่รู้นั่นหละครับ....จนต่อมาได้ศึกษาเอง...จึงได้รู้ว่าเป็นคนละองค์กันนะ....

นี่เห็นท่านสร้างพระปิดตากันทั่วบ้านทั่วเมือง และเป็นรูปแบบพระมหาสังกัจจายนะปิดตาด้วยนะ....เอ..หรือว่าท่านพระควัมปตินี่อ้วนด้วยหรือเปล่าเลยทำให้คนเขาสับสนเป็นพระมหาสังกัจจายนะ....ว่าไปมันก็จะไปขัดกันกับที่ว่าท่านพระควัมปตินี้มีรูปร่างหน้าตาคล้ายพระพุทธเจ้า ก็ไม่คิดว่าน่าจะอ้วน....เพราะพระพุทธเจ้าท่านก็ไม่ได้อ้วนนะ...เพราะมหาบุรุษ ลักษณะ ๓๒ ประการ กล่าวเอาไว้....

สงสัยพระปิดตานี่สร้างมาแต่ยุคหลัง หรือไม่ก็ ทั้งท่านควัมปติ และ พระมหาสังกัจจายนะ ปิดตาเข้าสมาธิด้วยกันทั้งคู่.....(มีหลักฐานจากหนังสือการ์ตูน พระมหาสังกัจจายนะ ของสำนักพิมพ์อมรินทร์ ว่าท่านปิดตาเข้าสมาธิ..ก็ไม่แน่ว่าจะเชื่อได้หรือไม่)

จันทโค · 2 สิงหาคม 2011

ศิษย์ธรรมเทพ said: ↑

[FONT=&quot]ในปัจจุบันมีผู้เข้าใจผิดว่าพระอสีติมหาสาวก[/FONT][FONT=&quot]สององค์[/FONT][FONT=&quot]คือ[/FONT][FONT=&quot]พระควัมปติ[/FONT][FONT=&quot]กับ[/FONT][FONT=&quot]พระมหากัจจายน์[/FONT][FONT=&quot]เป็นองค์เดียวกัน[/FONT][FONT=&quot]คนบางคนบางกลุ่มสถาปนาตัวเองเป็นเซียนเดินดินทั้งหลายเที่ยวเล่าขานตำนาน[/FONT][FONT=&quot]ประวัติอสีติมหาสาวกทั้งสองสับสนอลหม่านเพื่อจะเพิ่มความเข้มขลังให้กับ[/FONT][FONT=&quot]วัตถุมงคลที่ตัวสร้างขึ้นมา[/FONT][FONT=&quot]โดยไม่เคยสืบสาวประวัติที่แท้จริง[/FONT][FONT=&quot]

เพื่อความเข้าใจที่ถูกต้อง[/FONT][FONT=&quot]ในประวัติของพระอสีติมหาสาวกข้าพเจ้าจะขอ[/FONT][FONT=&quot]บันทึกข้อความเพื่อให้ผู้คนทั้งหลายได้ทราบและเข้าใจอย่างถูกต้อง[/FONT][FONT=&quot]จากคัมภีร์อสีติมหาสาวก[/FONT][FONT=&quot]80 [/FONT][FONT=&quot]อรหันต์สมัยพุทธกาล[/FONT][FONT=&quot]กล่าวไว้ชัดเจนว่า[/FONT][FONT=&quot]พระควัมปติ[/FONT][FONT=&quot]กับ[/FONT][FONT=&quot]พระสังกัจจายน์[/FONT][FONT=&quot]เป็นคนละองค์กัน มีการกล่าวถึงประวัติแยกกันอย่างชัดเจน[/FONT][FONT=&quot]

[/FONT][FONT=&quot]พระควัมปติ[/FONT][FONT=&quot]เป็นบุตรแห่งเศรษฐีชาวเมืองพราณสี[/FONT][FONT=&quot]ท่านเป็นสหายกับ[/FONT][FONT=&quot]ยสกุลบุตร[/FONT][FONT=&quot]ท่านเป็นมหาสาวกที่[/FONT][FONT=&quot]มีรูปร่างหน้าตาละม้ายคล้าย[/FONT][FONT=&quot]องค์พระศาสดา[/FONT][FONT=&quot]ทำให้มีผู้เข้าใจผิดคิดว่าเป็นพระศาสดา[/FONT][FONT=&quot]เมื่อท่านพิจารณาแล้วจึงปิดหน้าปิดตาในขณะที่บำเพ็ญเพียร[/FONT][FONT=&quot]มีครั้งหนึ่งได้จำพรรษาอยู่[/FONT][FONT=&quot]ณ[/FONT][FONT=&quot]ป่าอัญชนวัน[/FONT][FONT=&quot]เมืองสาเกต[/FONT][FONT=&quot]กับพระพุทธเจ้าและพระภิกษุสามเณรจำนวนมาก[/FONT][FONT=&quot]ปรากฏว่าเสนาสนะไม่พอ[/FONT][FONT=&quot]พระภิกษุสามเณรที่ไม่[/FONT][FONT=&quot]ได้เสนาสนะต้องพากันไปจำวัดตามหาดทรายชายฝั่งแม่น้ำสรภูมิซึ่งอยู่ใกล้ๆ[/FONT][FONT=&quot]วิหาร ตกเที่ยงคืนเกิดฝนตกน้ำหลากพระเณรต้องหนีน้ำกันจ้าละหวั่น[/FONT][FONT=&quot]ความทราบถึงพระพุทธเจ้าพระองค์ทรงใช้พระควัมปติให้ไปใช้ฤทธิ์กั้นสายน้ำช่วย[/FONT][FONT=&quot]พระเณรที่กำลังเดือดร้อน[/FONT][FONT=&quot]ท่านเข้าฌาณในท่านั่งปิด[/FONT][FONT=&quot]หน้าด้วยอิทธิฤทธิ์ทำให้อุทกภัยนั้นเบี่ยงเบนไปในทิศทางอื่น จึงมีคติการสร้างพระควัมปติในท่านั่งปิดตาเข้าฌานเพื่อคุ้มครองป้องกันอันตราย และเป็นที่น่าสังเกตุว่าพระปิดตาที่เป็นที่นิยมกันมาแต่โบราณส่วนมากจะอยู่แถบจังหวัดชายทะเล หรือ วัดริมน้ำแทบทั้งนั้น
[/FONT]

[FONT=&quot]พระสังกัจจายน์ [/FONT][FONT=&quot]เป็น[/FONT][FONT=&quot]บุตรของ[/FONT][FONT=&quot]พราหมณ์ปุโรหิตประจำราชสำนักพระเจ้าจัณฑปัชโชต[/FONT][FONT=&quot]กรุงอุชเชนี[/FONT][FONT=&quot]เมืองหลวงของแคว้นอวันตี[/FONT][FONT=&quot]พระมหากัจจายนะเดิมชื่อว่า[/FONT][FONT=&quot]กาญจนมานพ[/FONT][FONT=&quot]คนทั่วไปเรียกท่านตามสกุลของท่านว่า[/FONT][FONT=&quot] "[/FONT][FONT=&quot]กัจจายนะ[/FONT][FONT=&quot]"[/FONT][FONT=&quot]
[/FONT][FONT=&quot]พระสังกัจจายน์[/FONT][FONT=&quot]น้นเป็นมหาเถระที่มีรูปงาม[/FONT][FONT=&quot]จนมีผู้คิดอกุศลว่าถ้ามีเมียหุ่นดีดั่งพระเถระนี่ก็คงจะดี[/FONT][FONT=&quot]ด้วยเหตุที่ล่วงเกินต่อมหาเถระนี้จึงเกิดปาฏิหารย์ทำให้ชายดังกล่าวกับกลาย[/FONT][FONT=&quot]เป็นหญิงต้องหนีออกจากหมู่บ้านไปจนมีครอบครัว[/FONT][FONT=&quot]หลังจากนั้นได้มีโอกาสพบทำบุญกับพระสังกัจจายน์อีกครั้งในร่างที่เป็นหญิง[/FONT][FONT=&quot]จึงได้เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นเพื่อขออโหสิกรรมต่อพระมหาเถระ[/FONT][FONT=&quot]เมื่อพระสังกัจจายน์ได้ฟังจึงได้อโหสิกรรมให้ทันใดนั้นสตรีนั้นได้กลับ[/FONT][FONT=&quot]ร่างกลายเป็นบุรุษอีกครั้ง[/FONT][FONT=&quot]ด้วยเหตุนี้พระสังกัจจายน์จึงพิจารณานาถึงโทษแห่งรูปอันงดงามของท่านท่านจึง[/FONT][FONT=&quot]อธิษฐานให้รูปร่างอ้วนพลุ้ยไม่สวยงาม[/FONT]
[FONT=&quot]พระสังกัจจายน์ท่านเป็นเอตะทัคคะ ผู้แสดง[/FONT][FONT=&quot]ธรรมกล่าวย่อโดยพิสดาร จนมีการรวบรวมคำสอนโดยย่อไว้เป็นคัมถีร์มูลกัจจายน์ที่พระ-เณรใช้ศึกษาเล่าเรียนมาแต่โบราณ มีการนำมาใช้เป็นหัวใจพระคาถา จนถึงปัจจุบัน[/FONT]

[FONT=&quot]ประวัติของมหาสาวกทั้งสององค์มีการบันทึกชัดเจนมีเหตุการที่บ่งบอกถึงบุญบารมีที่ท่านต่างองค์ต่างมีจึงไม่สมควรที่จะเผยแพร่ประวัติที่บิดเบือน เพราะแทนที่จะเป็นการยกย่องแต่อาจกลับกาลยเป็นการลบหลู่ท่านได้
[/FONT]
Click to expand...

สาธุ กับธรรมทานด้วยนะครับ
ผมขอเพิ่มข้อมูลนิดนะครับ

พระควัมปติ ท่านเป็นพระสาวกรุ่นแรกๆ ของพระพุทธองค์ ก่อนที่จะอุปสมบทเป็นพระภิกษุอยู่ในขั้นเศรษฐีมีทรัพย์ ระดับเดียวกับ ยสมานพ เป็นเพื่อนรักใคร่ชอบพอกัน ครั้งเกิดธรรมาพิศสมัย จึงพร้อมใจกันอุปสมบทที่สำนักพระบรมศาสดา ภายหลังต่อมาได้บรรลุอรหันต์ทั้งสองรูปพระควัมปติทรงเป็นเอตะทัคคะ 1 ในพระอรหันต์ผู้ทรงเอตะทัคคะ 80 รูป ในด้านอินทรีสังวร ท่านบรรลุเตวิชโชหรือวิชชาสาม เชี่ยวชาญในอิทธิวิธี เชี่ยวชาญทางวิปัสสนากรรมฐาน เคยใช้ฤทธิ์ห้ามกระแสน้ำในลำน้ำสรภู ซึ่งไหลเชี่ยวให้ให้ไหลหยุดได้ อาการที่สำรวมทั้งภายนอกภายในโดยเคร่งครัดสม่ำเสมอนี้ ทำให้เทพดาและมนุษย์ทั้งหลายพากันสรรเสริญ ต่อมได้สร้างรูปของท่านเพื่อสักการบูชาลักษณะยกพระหัตถ์ขึ้นปิดพระพักตร์จัด เป็นธรรมาธิษฐาน มิใช่บุคคลธิษฐาน เพราะการสำรวมอายะตะนะ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ไม่จำเป็นต้องปิดหน้า “พระปิดตา” แต่เป็นการแสดงความหมายให้ทราบ
อีกตำนานหนึ่ง “พระปิดตา” คือพระมหากัจจายน์เถระ ปางอธิษฐานเนรมิตกาย แต่เดิมพระมหากัจจายน์เถระท่านเป็นเอตะทัคคะในการขยามความย่อพิสดาร และเป็นผู้วางหลักฐานพระบาลีมูลกัจจายน์ คือการสอนพระบาลีไวยากรณ์ในสมัยก่อน เกิดในวรรณะพราหมณ์ในสกุลกาญจนโคตร มีผิวพรรณ วรกายคล้ายองค์พระบรมศาสดาเจ้า ผู้คนมักจะจำผิดพากันคิดว่าเป็นองค์พระพุทธเจ้าแม้แต่เทพยดาก็พากันหลงผิด พากันถวายฉายาว่า “ควัมปติ” แปลว่าผู้มีวรกายแลละม้ายคล้ายพระศาสดา เมื่อมีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นจึงได้ รำพึงว่าอันความสวยทำให้เทพยดาและผู้คนพากันหลงใหลเป็นของมีโทษ เรียกว่ากามวิตกเป็นหนทางแห่งการมัวหมอง ควรจะแปรเปลี่ยนสรีระเสียใหม่ให้สิ้นซึ่งความสง่างามรำพึงดังนั้นแล้ว ทรุดลงนั่งคู่บัลลังก์ยกพระหัตถ์ขึ้นปิดพระพักตร์อธิษฐานเนรมิตวรกายให้รูป ร่างอ้วนมีอุทรพลุ้ยสิ้นความสง่างามลักษณะเช่นนี้เรียกว่าบุคลาอธิษฐาน มิใช่ธรรมาอธิษฐาน พระควัมปติเป็นพระนามตรงและเรียกมาแต่ครั้งโบราณ พระควัมปติได้อธิษฐานเปลี่ยนสรีระแล้ว ผลบุญกุศลในอดีตชาติได้ส่งผลเป็นที่รักใคร่นิยมยินดี มีแต่ผู้ให้ลาภสักการะสรรเสริญมิได้ขาด ด้วยความนิยมในพุทธสาวกรูปนี้จึงได้จำลองลักษณะแห่งพระควัมปติในรูปพระ เครื่องอันเป็นเอกลักษณ์

ในพระไตรกล่าวถึงพระมหาสาวกที่มีลักษณะคล้ายพระศาสดามี ๓ รูปคือ พระอานนท์เถระ พระนันทะเถระและพระมหากัจจายน์เถระ

tumsokpho · 2 สิงหาคม 2011

ในพระไตรกล่าวถึงพระมหาสาวกที่มีลักษณะคล้ายพระศาสดามี ๓ รูปคือ พระอานนท์เถระ พระนันทะเถระและพระมหากัจจายน์เถระ
Click to expand...

ผมเองก็เคยได้ยินได้ฟังมาเช่นเดียวกันกับท่านครับ

Phanudet · 2 สิงหาคม 2011

โมทนาสาธุ คุณ ต้นละ<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_4947299", true); </SCRIPT> ครับ แจ่มชัดมาก...

ตกลง ท่าน พระมหาสังกัจจายนะ ท่านมีฉายา ว่า พระควัมปติ.

และทั้งท่านควัมปติ และ ท่านมหาสังกัจจายนะ มีรูปลักษณะที่ปิดตาด้วยกันทั้งคู่....

และท่านที่มีรูปสรีระที่คล้ายกับพระพุทธเจ้า ก็คือ ท่าน มหาสังกัจจายนะ ไม่ใช่ ท่านควัมปติ.

Phanudet · 2 สิงหาคม 2011

พระปิดตา ในลักษณะนี้ มีรูปร่างอ้วน ปิดสองมือ.....คือรูปลักษณะแทน พระมหาสังกัจจายนะ....ที่เชื่อกันว่าช่วยทางโชคลาภ ค้าขาย เงินทอง.....

แล้วในลักษณะนี้ เขาเรียก พระควัมปติ ปิด ๖ ทวาร มีรูปลักษณะที่ไม่อ้วน เชื่อกันว่า มีอานุภาพ ด้านมหาอุต คงกระพัน แคล้วคราด อันนี้ก็คงจะเป็น พระควัมปติ จริงๆ ใช้หรือไม่ครับ....จากที่ว่าท่านมีธรรมธิษฐาน สำรวมอายตนะ ทั้ง ๖ ตามที่กล่าวไปแล้ว....

Phanudet · 2 สิงหาคม 2011

งั้นรูปลักษณะนี้ก็สร้างมาจากความเข้าใจผิด ระหว่างพระเถระทั้งสองรูป....

ศิษย์ธรรมเทพ · 2 สิงหาคม 2011

พระควัมปติ หรือ พระปิดตา ที่มีผู้นิยมบูชาทางลาภผลนั้น ด้วยท่านเกิดมาในตระกูลเศรษฐี ก่อนบวชท่านก็เป็นเศรษฐี จึงเชื่อกันว่าเมื่อบูชาท่านย่อมมีลาภผลเป็นเศรษฐีอย่างท่าน

ส่วนเรื่องที่จะมีการถวายฉายาพระสังกัจจายน์ว่า "ควัมปติ" นั้น ทั้งๆ ที่มีมหาเถระอีกองค์ที่อาวุโสสูงกว่ามีนาม "ควัมปติ" อยู่แล้วอีกทั้งอยู่ในยุคสมัยเดียวกัน นั้นดูเป็นการขาดคาราวะเพราะหากการปิดหน้าปิดตาเพื่อไม่ให้ผู้อื่นเข้าใจผิดว่าเป็นพระศาสดานั้น เป็นการแสดงความอ่อนน้อมไม่เปรียบหรือเทียบต่อพระบรมศาสดา การที่จะรับนามฉายาซ้ำกับกับชื่อมหาเถระที่มีพรรษาสูงกว่าดูจะไม่สมเหตุสมผล แล้วหากเรียกนามฉายาพระสังกัจจายน์ว่า "ควัมปติ" นั้นเป็นการเรียกตามอย่างนามพระควัมปติ อาจจะเป็นการเข้าใจผิดว่าท่านละม้ายคล้ายพระควัมปติมากกว่า (นี่เป็นเหตุผล-ข้อสังเกตุส่วนตัวนะครับ)

ศิษย์ธรรมเทพ · 26 ธันวาคม 2011

ครั้งหนึ่ง พระบรมศาสดาประทับนั่งแสดงธรรมท่ามกลางหมู่เทวดาจำนวนมาก เมื่อจะทรงสรรเสริญคุณของพระควัมปติ จึงจรัสพระคาถาว่า
“เทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย ต่างพากันนอบน้อมพระควัมปติ ผู้ใช้ฤทธิ์ห้ามแม่น้ำสรภูให้หยุดไหล ไม่ติดอยู่ในกิเลสและตัณหาใด ๆ
ไม่หวั่นไหวต่ออะไรทั้งสิ้น เป็นผู้ล่วงพ้นเครื่องข้อง (เช่น ราคาและโทสะ) ทั้งปวง เป็นมหามุนีผู้ขึ้นจากภพได้ (ขุ.เถร.ข้อ ๑๗๕, เถร.อ.๑/๒๒ต-๗)

ช่วยกันสวดขอพรจากพระมหาเถระผู้ทรงฤทธิ์ห้ามน้ำท่วมได้เพื่อช่วยหยุดยั้งมหาอุทกภัยเถิด

nippitarnit · 1 เมษายน 2012

อนุโมทนาสาธุ สาธุ สาธุ... จับใจความได้ว่า"พระสังกัจจายน์"กับ"พระภควัมปติ" เป็นองศ์ละองศ์กันทำให้เข้าใจขึ้นเยอะเลย ไม่งง ขอบคุณค่ะ

สัพเพ สังขารา อะนิจจา สังขารทั้งหลายทั้งปวงไม่เที่ยง

pubate · 30 กันยายน 2012

จากที่อ่านมาหลายๆที่ พอจะจับใจความได้ว่า มีสององค์ที่ชื่อคล้ายกัน
องค์แรกคือ พระควัมปติ
องค์ที่สองคือ พระภควัมปติหรือพระสังกัจจายน์

สังเกตว่าชื่อจะคล้ายกันจนทำให้เกิดความสับสนได้
เพราะองค์ที่สองมีตัว ภ เป็น ภควัมปติ (อ่านว่า พะ ควัม ปติ)
ส่วนองค์แรกไม่มี ภ เป็นแค่ ควัมปติ แต่ใส่คำว่าพระ เป็น พระควัมปติ

พอคนพูดเรียกกันไปมา เลยเกิดความสับสนระหว่างสององค์นี้นั่นเอง
ไม่แน่ใจว่าที่เข้าใจนี้ถูกหรือไม่ แต่ก็คิดว่าน่าจะเป็นไปได้ว่าทำไมถึงสับสนกันระหว่างสององค์นี้ครับ

เข้าสู่ระบบหรือลงทะเบียน

พระควัมปติ กับ พระมหากัจจายน์

ศิษย์ธรรมเทพ เป็นที่รู้จักกันดี

Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

จันทโค เป็นที่รู้จักกันดี

tumsokpho เป็นที่รู้จักกันดี

Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

ศิษย์ธรรมเทพ เป็นที่รู้จักกันดี

ศิษย์ธรรมเทพ เป็นที่รู้จักกันดี

nippitarnit เป็นที่รู้จักกันดี

pubate สมาชิกใหม่

แชร์หน้านี้

แชร์หน้านี้

เข้าสู่ระบบหรือลงทะเบียน

พระควัมปติ กับ พระมหากัจจายน์

แชร์หน้านี้

การค้นหาที่มีประโยชน์

ติดต่อเรา