ปิดรับบริจาค พระภาคภูมิกล่าวถึงความสำคัญของผ้ากรองน้ำ ( อัฐบริขารสำคัญ )

********************************

 

กราบนมัสการพระอาจารย์ภาคภูมิครับ
อีเมล์ของผมดังนี้ครับ
glassbuddha2009@yahoo.com
glassbuddha2009@hotmail.com
กราบนมัสการครับ
สมบูรณ์ ติยะวงศ์สกุล
086-1050222

 

เมื่อวานได้กราบนมัสการเรียนสายกับพระอาจารย์ภาคภูมิ ทราบว่าทางวัดมีไฟฟ้าใช้ ผมเห็นว่า ขณะนี้ทางวัดได้ใช้เครื่องกรองน้ำพกพาในการกรองน้ำดื่มสำหรับทั้งพระภิกษุและทั้งโยม เห็นว่าน่าจะเป็นการใช้ผิดประเภท คือนำเครื่องกรองน้ำพกพาซึ่งมีขนาดเล็ก ที่ปกติแล้วเขาสร้างมาให้กรองน้ำดื่มได้ประมาณวันละ 2 ลิตรต่อเครื่องต่อวัน จึงจะมีอายุการใช้งานไปยาวนานประมาณเกือบ 1 ปี ( จากการคำนวนแบบไม่เป็นทางการ หากกรองน้ำดื่มวันละ 2 ลิตร น่าจะมีอายุการใช้งานได้ประมาณ 9 - 10 เดือน ) แล้วก็ต้องเปลี่ยนไส้กรองซึ่งจะมีราคาไส้กรองสำหรับเครื่องพกพานี้ประมาณ 1,500.- บาท

คราวนี้ลองหันมาดูข้อมูลของเครื่องกรองน้ำแบบติดตั้งกันในบ้าน แบบมาตราฐานค่อนข้างเล็ก ยาวประมาณ 1 ฟุต ไส้กรองน้ำประเภทนี้มักประกอบด้วยไส้กรองดังต่อไปนี้

1. ไส้กรองหยาบ เป็นไส้กรองที่ต้องดูแหล่งน้ำ ถ้าแหล่งน้ำมีโคลนตมมาก มีหอยตัวเล็ก ๆ ถูกดูดเข้ามาในน้ำด้วย หรือบางแห่งมีเศษทราย ดิน หรือสิ่งสกปรกที่มองเห็นเป็นคล้ายเม็ดทรายได้ ให้ใช้ตาข่ายสีฟ้าที่ทอจากเส้นพลาสติค เอาตาข่ายสีผ้ามาทำเป็นไส้กรองหยาบในกระบอกแรกก่อน แล้วต้องเปิดเทสกปรกทิ้งบ่อย ๆ

2. ไส้กรองแบบละเอียดปานกลาง เป็นไส้กรองที่ทำมาจากวัสดุประเภทด้ายพันขึ้นรูปเป็นแท่ง หรืออาจเป็นเส้นใยโพลีเอสเตอร์ ไส้กรองประเภทนี้สามารถกรองสิ่งสกปรกได้ประมาณ 5 - 50 ไมครอน ผมแนะนำว่าให้ใช้แบบ 50 ไมครอนก่อน เพราะถ้าใช้แบบ 5 ไมครอนจะตันเร็วมาก ไส้กรองแบบนี้สามารถนำออกมาแกว่งล้างในน้ำสะอาดได้ จึงยังมีความจำเป็นที่จะต้องนำออกมาแกว่งล้างในน้ำสะอาดบ่อยครั้ง บางแห่งน้ำสกปรกมาก อาจต้องแกว่งถึงวันละ 3 - 4 ครั้งก็มี ยกตัวอย่างน้ำที่ดูดมาจากบ่อหรือสระที่มีปลา มีหอยตัวเล็ก ๆ อยู่ บางครั้งดูดเอาปลาตัวเล็ก ๆ เข้าไปด้วยก็มี ไส้กรองประเภทนี้มักมีราคาถูก ประมาณแท่งละ 100.- บาท

3. ไส้กรองแบบละเอียด เช่นเดียวกันกับข้อ 2 เพียงแต่ละเอียดขึ้นมามาก บางยี่ห้อละเอียดถึงขนาด 0.03 ไมครอน มักเป็นไส้กรองแบบเซรามิค ไส้กรองแบบละเอียดสูงนี้ ในกรณีที่เป็นเขตน้ำสะอาดมาก ๆ ช่างกรองน้ำมักแนะนำให้ไปอยู่ท้ายสุด คือให้น้ำไหลผ่านไส้กรองอีก 2 - 3 ชนิดก่อน พอก่อนจะออกสุดท้ายจึงให้มาไหลผ่านตัวนี้ แต่ผมกลับแนะนำตรงกันข้าม คือให้ไหนผ่านตัวนี้ก่อน เพราะน้ำที่ผ่านไส้กรองตัวนี้ จะสะอาดมาก ๆ จะเหลือแต่สิ่งที่เป็นสารละลายในน้ำที่ยังจำเป็นต้องผ่านไส้กรองชนิดดูดสีดูดกลิ่น และทำน้ำให้มีความอ่อน แต่วิธีที่นำไส้กรองตัวนี้มาไว้ข้างหน้า มีความจำเป็นต้องดูแลกันมาก ต้องดูว่าน้ำไหลช้าเมื่อไร ต้องถอดไส้กรองตัวนี้ล้างทันที เพราะความละเอียดที่สูงมาก บางอย่างแม้กระทั่งเชื้อโรคหรือไวรัสก็ไม่สามารถผ่านไปได้ มีแต่กลิ่นและสีและสารละลายเท่านั้นที่ยังรวมตัวอยู่ในน้ำและไหลผ่านไปได้ ไส้กรองแบบนี้มักมีราคาสูงขึ้นมาหน่อย แต่ก็ไม่แพงมาก แท่งละ 200 - 600 บาท แต่ล้างได้ กว่าจะใช้จนหมดสภาพคงประมาณไม่เร็วกว่า 6 เดือน ( 6 เดือนคือกรณีที่ล้างแบบขูดผิวเซรามิคสึกไปเรื่อย ๆ ด้วยสก๊อตไบร้ทนะครับ มักสึกจนทะลุ ก็ถึงคราวเปลี่ยนใหม่ ) [ แต่จากที่พบว่า ไม่เคยเห็นที่ไหนเร็วกว่า 1 ปี ]

4. ไส้กรองดูดสนิมเหล็กในน้ำ ไส้กรองตัวนี้บางแห่งไม่มีความจำเป็น แต่บางแห่งก็มีความจำเป็นต้องดูว่าในน้ำมีสนิมเหล็กมากหรือไม่ ส่วนมากเกินจากท่อประปาที่เหล็กมีแต่สนิมเต็มไปหมด จึงจำเป็นต้องใช้ หรือน้ำบาดาลบางแห่งที่บังเอิญน้ำใต้ดินมีสนิมเหล็กมาก ๆ ไส้กรองแบบนี้ราคาประมาณแท่งละ 200 - 400 บาท ใช้ได้ประมาณ 2 - 3 ปี แต่ในกรณีน้ำมีสนิมมากจริง ๆ ก็ประมาณ 6 เดือนถึง 1 ปี สามารถกรองน้ำได้วันละนับพัน ๆ ลิตร หรือตลอดอายุการใช้งานสามารถกรองน้ำได้นับหมื่นนับแสนลิตรกันเลยทีเดียว

5. ไส้กรองทำน้ำอ่อน หรือที่บางคนเรียกว่า เรซิ่น มีลักษณะคล้ายเม็ดไข่ปลาสีเหลือง ใช้กรองน้ำกระด้างที่ฟอกสบู่แล้วน้ำไม่ค่อยมีฟอง สามารถกรองน้ำได้เป็นพัน ๆ ลิตรต่อวันเช่นเดียวกับตัวที่ 4. แต่ตัวไส้กรองแบบเรซิ่นนี้ มีเคล็ดการใช้งานเล็กน้อย คือเมื่อไรน้ำเริ่มกระด้าง ถูสบู่แล้วไม่มีฟองหรือฟองน้ำมาก ต้องนำไส้กรองตัวนี้ไปล้างในน้ำเกลือ ใช้เกลือ 1 ช้อนโต๊ะในน้ำอุ่น เมื่อละลายปล่อยให้เย็น นำแท่งไส้กรองน้ำจุ่มลงไปจนมิดน้ำนั้น ทิ้งไว้ 15 นาที แล้วนำขึ้นมาเขย่า จุ่มกลับข้างอีก 15 นาที แล้วนำไปล้างน้ำสะอาดอีกครั้งหนึ่งจึงใช้ได้ ไส้กรองแบบนี้ราคา 300.- บาท

6. ไส้กรองคาร์บอน เป็นตัวที่จำเป็นที่สุดในน้ำแทบทุกชนิด เนื่องจากตัวนี้คือถ่านชนิดหนึ่ง ไส้กรองแบบนี้จะดูดเอาสีและกลิ่นในน้ำออกจนมีกลิ่นและสีที่น่าพึงพอใจ ไส้กรองแบบนี้มีหลายหลากยี่ห้อ หลายขนาด ขึ้นอยู่กับคุณภาพและการโฆษณา ในแบบราคาถูกมาตราฐานมักมีราคาแท่งแบบยาว 1 ฟุตแค่ 150.- บาท บางท่านนิยมกรองแบบแท่ง 1 ฟุต 2 แท่งซ้อน ซึ่งเขาเชื่อว่า ดูดสีและกลิ่นได้ดีกว่าผ่านแท่งเดียว แบบยาว 2 ฟุตราคาจะสูงกว่า ประมาณ 350.- บาทขึ้นไป และแบบที่เรียกว่าแบรนด์เนม มีทั้งแบบแบรนด์เนมในตัวละไม่กี่ร้อยบาทไปถึง 3 พันกว่าบาทเช่นยี่ห้อเพียว หรือแบบแบรนด์เนมนอก แบรนด์เนมนอกส่วนมากมักไม่มาเป็นแท่ง แต่มาเป็นตัว ตัวละ 2 พันกว่าขึ้นไปถึง 3 หมื่นกว่าบาท เช่น ยี่ห้อแอมเวย์เป็นต้น ซึ่งเท่าที่ผมเคยดื่มน้ำจากเครื่องพวกนี้แล้ว อาจเป็นเพราะอุปาทานหรือไม่ ? เครื่องที่ดีที่มีขนาดใหญ่ ๆ จะมีรสชาติของน้ำที่ดีกว่าจริง ๆ ( ขอสงวนสิทธิ์ในความเชื่อ เพราะอาจเป็นอุปาทาน ) ไส้กรองแบบนี้มีอายุการใช้งานประมาณ 1 ปีมักต้องล้าง แต่ก็ยังใช้ต่อได้อีกนานหลายปี และบางยี่ห้อให้เปลี่ยนเฉพาะไส้เมื่อผ่านไป 2 - 3 ปีซึ่งนั่นหมายความว่า เราได้ใช้กรองน้ำผ่านไปแล้ววันละนับร้อยหรือนับพันลิตร เป็นเวลา 1 - 3 ปี ซึ่งก็คุ้มค่าแล้ว

7. ไส้กรองตัวสุดท้ายในระบบ R.O. คือแสงอุลตร้าไวโอเลต สามารถขจัดเชื้อโรคได้ครบแทบทุกชนิด และไวรัสที่อาจจะยังหลงเหลือด้วย ปัจจุบันมีของผลิตในไทยราคาถูกลงมามาก เช่น ตัวเครื่องพร้อมหลอดประมาณแค่ 1,200.- บาทขึ้นไป มีความยาวประมาณ 1 ฟุต แต่มีคนที่บอกว่าไม่ไว้ใจเดี๋ยวหลอดไฟเกิดขาด จึงใช้ 2 เครื่องติดซ้อนกัน เผื่อว่าหลอดใดหลอดหนึ่งขาด และมีบางบ้านติดซ้อนกัน 3 เครื่องยิ่งเพิ่มความมั่นใจ เป็นการเพิ่มระยะทางน้ำไหล ให้น้ำถูกแสงมากขึ้นด้วย ตัวหลอดมีอายุการใช้งานที่ประมาณ 2,000 ชั่วโมงหรือมากกว่านั้น ( ปัจจุบันเครื่องพวกนี้จะทำงานเฉพาะตอนที่น้ำไหลผ่าน จะมีแรงดันน้ำไปเปิด / ปิดสวิทเอง ) ประมาณ 1 ปีมักต้องเปลี่ยนหลอดราคาหลอด 600.- บาท

8. คราวนี้ไม่ใช่ไส้กรองน้ำแล้ว แต่กลายเป็นเครื่องทำน้ำโอโซน มักมีแต่ของเมืองนอก มีหลายยี่ห้อ ซึ่งตรงนี้ ควรเลือกให้ผ่านเฉพาะน้ำที่จะใช้ดื่มฉันเท่านั้น เพราะตัวเครื่องมีราคาค่อนข้างแพง แต่น้ำที่ผ่านเครื่องนี้มีความสดใสเนื่องจากมีการผนวกเอาอ๊อกซิเจนเข้าไปกับน้ำ เป็นผลให้น้ำสดชื่น ผู้ดื่มจะได้รับอ๊อกซิเจนเข้าไปในน้ำด้วย มีผลให้รู้สึกสบายกายสบายใจขึ้นอย่างทันตาเห็น

นี่คือทั้งหมดในระบบเครื่องกรองน้ำ 7 ข้อแรกเป็นระบบอาร์โอ ข้อ 8 เพิ่มระบบโอโซนเข้าไปด้วย หรือไม่เอาข้อ 8 ก็ตัดออกเท่านั้นเองครับ

จะเห็นได้ว่า การบำรุงรักษาระบบเครื่องกรองน้ำบ้าน มีราคาถูกกว่าแบบพกพามาก และสามารถกรองน้ำได้มากกว่าหลายร้อยหรืออาจจะหลายพันเท่าครับ

 

สาธุในความปราถนาดีอาตมาได้รับน้ำปะปาจากอบตมาส่งฉันได้สามสี่วันโดยไม่ได้กรองเพราะบางวันอากาศร้อนต้องบริโภคน้ำมากโดยเฉพาะวันไดมีงานภายนอกคร่าเวลาไห้ค่ำเร็วช่วยให้ลืมสัญญาเก่าและอุปาทานสังขารใหม่ได้งานก่อสร้างในวัดเล็กๆน้อยๆตามปัจจัยทำได้แต่บางวันโยมสงสารมาช่วยสละเวลามาช่วยงานอากาศร้อนเลยกรองไม่ทันต้องฉันน้ำปะปาที่เขามาส่งพอฉันก็เค็มนิดๆและรู้สึกเหนียวคอถามโยมเขาบอกว่ามน้ำมีคลอลีนฉันแล้วนานๆไม่ดี โยมแม่ก็เลยลงทุนเอารถเครื่องลากรถเข็นน้ำที่ท่านตักจากบ่อหลังบ้านมาต้มใส่ใบเตยหอม(กลิ่นหอมดีนะ)แต่รู้สึกทนกลิ่นคล้ายแก๊สนิดหน่อยไม่เป็นไร ขออนุโมทนาสำหรับความรู้ทั้ง7ข้อนะเพิ่งเข้าใจได้ยินแต่โยมจายาพูดแต่ไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ บางครั้งน้ำปะปามาส่งช้าเพราะคนขอไปเยอะก็ได้โยมที่มาจังหันเช้าช่วยตักน้ำสระน้ำมาสรงพออยู่ได้ แต่ทนได้เพราะป่าจิกที่นี่ภาวนาดีดีมากไปหลายแล้วเลยตกลงอดทนสร้างศรัทธาความเชื่อมั่นก่อนเดี๋ยวหาว่าลำบากเรื่องน้ำแล้วหนีไป

 

หน้าแล้งปีนี้รู้สึกคล้ายคำทำนายใน16ข้อใกล้เข้าเรื่อยๆแต่สะสมบุญไว้ตายวันใดคุ้มกว่าต้องทุกข์กับการส่งจิตไปในอดีดและปรุงไปในอนาคตวาดวิมานในอากาศแล้วไม่สมหวัง
ต้องหาเคื่องหลอกไห้ทุกข์ดับชั่วคราวเช่นสุรา นารีนอกๆอบายมุขเสียเวลานำพามัวหมอง
ทุกข์เข้าครอบครองภายหลัง

 

กราบนมัสการเรียนถามครับ

พระพุทธรูปองค์ใหญ่ที่อยู่บนหลังคาดาดฟ้า เป็นพระพุทธรูปที่หล่อจากทองเหลืองหรือปูนครับ

ต่อด้านล่างอีกครับ

 

รูปถ่ายนี้ถือว่ายังเล็กเกินไปครับพระอาจารย์ภาคภูมิ ถ้าสามารถถ่ายได้กว้างประมาณ 25 ซ.ม. เลือกเฉพาะความกว้างให้ได้ 25 c.m. ความละเอียดที่ 72 dot per inch ( d.p.i. ) จะได้ขนาดรูปที่ดีที่สุดครับ ไม่ล้นกรอบและใหญ่กำลังดีครับ

หรือถ้าได้รูปแล้วส่งมาที่อีเมล์ผมก็ได้ครับ ให้ผมย่อขนาดให้ ผมมักย่อขนาดดังกล่าวมาแล้วครับ จะพอดีทุกอย่างครับ ขนาดที่จะส่งมาทางอีเมล์ พระอาจารย์อาจย่อเหลือประมาณ 250 - 500 kb จะส่งได้เร็วครับ พอผมย่อเสร็จ รูปที่ได้มาอัพหรือมาโพสต์มักมีขนาดประมาณ 100 - 150 kb ครับ

อีเมล์ผม
glassbuddha2009@yahoo.com
glassbuddha2009@hotmail.com

 

ผมทดลองขยายครับ ทั้งสองรูปที่ผมโพสต์นี้ ขนาดกว้าง 25 ซ.ม. ความละเอียด 72 dpi จะทำให้เห็นว่า น้ำที่นำมากรองนั้น มีเศษสกปรกจำนวนมากครับ ที่ผ้ากรองบนฝาตุ่มนั่น เห็นชัดเจนกว่ารูปเล็กครับ ถ้าดูที่ภาพเล็กที่พระอาจารย์ส่งมานั้น มองแล้วก็เลยไป

พอมาดูภาพที่ผมขยายครับ เห็นผ้ากรองบนฝาตุ่มที่คุณผู้หญิงทั้งสองกำลังเทน้ำลงไปครับ เห็นชัด ๆ ว่า น้ำนั้นมีความสกปรกชนิดขี้ดิน ขี้ตม หรืออาจมีหอยตัวเล็ก ๆ ครับ ปัญหานี้ผมเคยพบมาแล้วที่อุดรครับ ผมแนะนำพระท่านไปทำ แต่ท่านไม่ฟังครับ ทำให้เครื่องกรองน้ำที่มีราคาสูงแค่ไหนก็แล้วแต่ ก็เหมือนเอาไปทิ้งไว้เฉย ๆ ครับ น่าเสียดายครับ

ปัญหาแบบนี้คือต้องเข้าใจว่า ปัญหาคือน้ำมีดิน มีตม มีเศษสกปรกมากครับ ต้องแยกกรองด้วยสารแขวนลอยก่อน ผมจะได้กล่าวต่อไปนี้ครับ

 

หากคณะสงฆ์ที่พระอาจารย์ภาคภูมิอนุญาต ผมอยากจะตั้งกระทู้บอกบุญสำหรับเรื่องน้ำของสำนักสงฆ์แห่งนี้ที่พระอาจารย์ภาคภูมิกำลังพำนักอยู่นี้ครับ พอได้จตุปัจจัยมาแล้วจึงดำเนินการจัดหาซื้ออุปกรณ์ ส่วนไหนซื้อที่นั่นถูกกว่าก็ซื้อที่นั่น ส่วนไหนต้องหาซื้อกรุงเทพฯแล้วส่งขึ้นไปก็ว่ากันไปครับ

วิธีจัดการกับน้ำแบบนี้ครับพระอาจารย์ภาคภูมิ

1. หาซื้อปั๊มน้ำไฟฟ้า ไปดูดน้ำด้วยการใช้ทุ่นลอยน้ำห่างจากฝั่งอย่างน้อย 6 เมตรครับ คือประมาณ 1 ท่อนท่อเอสล่อนพอดิบพอดีครับ ปลายหัวเอสล่อนทำหัวกระโหลกใหญ่ เจาะรูเล็ก ๆ ขนาด 2 หุ๋นนับพันรูครับ ที่เจาะรูเล็กเพื่อดักไม่ให้ลูกอ๊อดหรือลูกปลาถูกดูดเข้าไปครับ และที่ต้องเจาะนับพันรูก็เพื่อเฉลี่ยไม่ให้แต่ละรูมีแรงดูดมากเกินไปครับ ลูกปลา ลูกอ๊อดที่ถูกดูดไปติดหัวกระโหลกจะได้มีแรงดิ้นออกจากการดูดได้ครับ

 

1.1 ท่อเอสล่อนอย่างน้อยยาว 6 เมตร วางให้ตรงด้วยการใช้อะไรค้ำให้ท่อเอสล่อนตรงออกจากฝั่งไปครับ ถ้าสังเกตุลูกปลา ลูกอ๊อดยังมาวนเวียนอยู่ใกล้หัวกระโหลกหรือก็คือปลายท่อเอสล่อนที่เราใช้ดูดน้ำเข้า ให้ยื่นออกไปอีกครับ ยื่นไปอีกสัก 6 เมตรก็ได้ เพราะยิ่งอยู่กลางสระกลางบ่อน้ำ น้ำจะยิ่งสะอาด ยื่นตรงออกให้ห่างฝั่ง เพราะใกล้ฝั่งมักมีสิ่งสกปรกและมีสัตว์มารอบขอบบ่อครับ

1.2 เอาหัวกระโหลกแหย่คว่ำลงไปในน้ำลึกประมาณ 1 ฟุต แต่ถ้าน้ำตรงนั้นลึกมาก ก็สามารถแหย่ลงไปให้ลึกได้ถึง 1 เมตรครับ แต่อย่าแหย่ลึกลงไปถึงใกล้ผิวดิน เพราะขี้ดิน ขี้ตมจะถูกดูดเข้ามามากเกินไปโดยไม่จำเป็นครับ

1.3 เครื่องปั๊มน้ำจะวางไว้ขอบบ่อน้ำก็ได้ ทำฐานปูนซีเมนต์ที่ตั้งให้สูงจากระดับน้ำท่วมถึง ให้สูงเกินระดับน้ำท่วมถึงอีกสัก 1 - 2 ฟุต ( แต่ต้องเผื่อน้ำท่วมหรือหน้าฝนที่อาจมีน้ำป่าไหลผ่าน )[ ใช้ปั๊มที่สามารถวางกลางแจ้งได้ครับ ใช้ขนาดที่มีกำลังแรงหน่อยก็ดีครับ ]

 

2. ภาชนะที่ใช้บรรจุน้ำปฐมภูมิ คือถังแรกที่เราจะดูดน้ำมาพักไว้ ควรเป็นภาชนะที่มีขนาดใหญ่มาก ๆ ครับ เช่น ถ้าเป็นถังสแตนเลสก็ควรต้องมีขนาดประมาณอย่างน้อย 2,000 ลิตร หรืออาจจะเป็น 1,200 ลิตรแต่หลาย ๆ ถัง โดยเฉพาะควรเลือกถังที่มีการต่อก๊อกเปิดน้ำทิ้งที่ตรงกลางสุดของถังด้านล่าง เรียกภาษาช่างว่า รูทิ้งน้ำกลางถัง ควรเลือกรูทิ้งน้ำรูนี้ให้มีขนาดใหญ่ที่สุดเท่าที่จะทำได้ เช่น ใช้ก๊อกไขแบบบอลวาวล์ 3 นิ้วได้ยิ่งดี แต่ถ้าไม่ถึงก็ 2 นิ้วก็ยังดีครับ เราสามารถเลือกวาวล์ให้ใช้แบบบอลวาวล์ได้ เพราะเปิดปั๊บ เศษดิน เศษโคลนตม หรือแม้กระทั่งเศษกรวดทรายก็แทบจะไหลออกทางบอลวาวล์แล้ว และบอลวาวล์นี้เหมือนกับเราเปิดรูให้ตรงทะลวงออก อาจใช้ไม้ไผ่กระทุ้งตอนทำความสะอาดถังได้ ซึ่งต้องทำบ่อยมากครับ ไม่ควรเลือกถังสแตนเลสชนิดที่คนปีนลงไปทำความสะอาดไม่ไหว เช่น ขนาด 4,000 ลิตร คนเริ่มปีนลงไปล้างไม่ไหวแล้ว ยิ่งขนาด 5,000 ลิตรก็ยิ่งปีนลำบากครับ

 

2.1 ดูดน้ำจากข้อ 1 มาเข้าพักไว้ในถังสแตนเลสปฐมภูมิถังนี้ครับ จะกี่ถังก็ตาม ใช้ผ้าขาวบางหลายชั้น อาจจะเป็นผ้าขาวหนาก็ได้ครับ เพราะท่าทางขี้ดินจะหนัก ผูกผ้าขาวบางหลาย ๆ ชั้นหรือผ้าขาวหนาที่ขาดยาก ผูกไว้ที่ขอบถังสแตนเลส เมื่อดูดน้ำเข้ามาในถังพักเพียงไม่นาน ต้องมีคนปีนขึ้นไปดูว่า มีขี้ดิน ขี้โคลนตมเข้ามาอยู่ในผ้าหรือยัง ถ้ามีให้เอาขันตักน้ำตักออก ถ้ามีลูกปลา ลูกอ๊อดก็นำกลับไปในบ่อน้ำ

2.2 เมื่อผ่านขั้นตอน 2.1 แล้ว เรามักจะได้น้ำเต็มถังสแตนเลส ให้ใช้สารส้มแกว่งทิ้งไว้ประมาณสักหลายชั่วโมงครับ หรือบางครั้งอาจใช้เวลากลางคืน แกว่งทิ้งไว้ทั้งคืนครับ

2.3 พอเวลาผ่านไปจนขี้ดิน ขี้โคลนแยกกันแล้ว คือตกตะกอนแล้ว ให้ดูดน้ำจากถังปฐมภูมินี้โดยดูดด้วยวิธีคล้ายคลึงกับวิธีแรก คือให้แหย่ปลายท่อที่ทำเป็นรูปตัวยู กล่าวคือ แทนที่จะแหย่ท่อเอสล่อนหันปลายลงก้นถัง ให้ทำปลายท่อเอสล่อนที่ต้องแหย่ลงไปตรง ๆ ให้เป็นรูปตัวยู ดังนั้น แรงดูดน้ำจะไม่ดูดเอาสารที่ตกตะกอนด้านล่างก้นถังเข้ามาในท่อ และควรแหย่ลงไปแค่ครึ่งถังเท่านั้น ส่วนถังสแตนเลสมีกี่ใบ เราจับมาเชื่อมต่อติดกันด้วยท่อน้ำเอสล่อนได้ครับ เมื่อเราดูดน้ำเพียงครึ่งถังเศษ โดยมีหัวตัวยู แรงดูดจะดูดทำมุมหันชี้ขึ้นฟ้า ซึ่งจะไม่ดูดตะกอน แต่ต้องระวังปั๊มฟรีตอนใกล้หมด ต้องมีคนเฝ้าครับ

 

3. เครื่องกรองน้ำ เราจะดูดน้ำจากถังปฐมภูมิไปยังถังทุติยภูมิคือถังที่น้ำสามารถใช้ดื่มได้เลย แต่ก่อนจะลงถังนั้น ผมจะได้อธิบายถึงขั้นตอนของการเลือกใช้เครื่องกรองน้ำก่อน จากการที่ได้เห็นภาพแหล่งน้ำของพระอาจารย์ภาคภูมิแล้ว ฟันธงได้เลยว่า ต้องใช้เครื่องกรองน้ำขนาดใหญ่กว่าตามบ้าน คือแบบเดียวกับของวัดบึงช้างครับ ทุกกระบอกยาว 2 ฟุตเศษโดยประมาณ งบประมาณก็ไม่แพงมากด้วย และอะหลั่ยหาง่าย ราคาถูก เปลี่ยนได้ง่าย หาซื้อได้ง่ายครับ

เครื่องกรองน้ำแบบยาวประมาณ 2 ฟุตเศษ ผมฟันธงว่าควรใช้ขั้นตอนดังนี้ครับ

1. เครื่องกรองไส้กรองหยาบ 50 ไมครอน ผมแนะนำว่าให้ใช้แบบ 50 ไมครอนก่อน เพราะถ้าใช้แบบ 5 ไมครอนจะตันเร็วมาก

2. เครื่องกรองไส้กรองแบบละเอียดปานกลางแบบ 10 ไมครอน

3. เครื่องกรองไส้กรองแบบละเอียดมากแบบ 3 - 5 ไมครอน

4. เครื่องกรองไส้กรองดูดสนิมเหล็กในน้ำ

5. เครื่องกรองไส้กรองแอ๊คตีเวเตทคาร์บอน

6. เครื่องกรองทำน้ำอ่อน สารเรซิ่น

7. เครื่องกรองไส้กรองแอ๊คตีเวเตทคาร์อีกครั้งหนึ่ง เนื่องจากน้ำน่าจะมีความสกปรกมากพอสมควร

8. เครื่องกรองไส้กรองละเอียดมากที่สุด คือขนาด 0.03 ไมครอน โดยหากตรงนี้ถ้าทดลองใช้ปั๊มน้ำอัดด้วยแรงดันน้ำประมาณ 40 PSI ( ต้องให้ช่างปั๊มน้ำตั้งค่าแรงดันน้ำค่อนข้างคงที่ที่ประมาณไม่ต่ำกว่า 40 PSI ) ถ้าจำเป็นสามารถตั้งได้ถึง 100 PSI เพราะไส้กรองละเอียดมากที่สุดนี้ บางคนไม่รู้ ไปตั้งค่าแรงดันปั๊มน้ำไว้ 15 - 25 PSI น้ำอาจไหลผ่านไส้กรองน้ำนี้ช้าจนเกินไป ช้าจนน่าเบื่อ แต่บางคนก็แก้ปัญหาด้วยการไปซื้อเครื่องปั๊มสำหรับเครื่องกรองโดยเฉพาะอีกเครื่องหนึ่งมาติดตั้ง ซึ่งผมคิดว่า น่าจะถือว่า ไม่จำเป็นหากเราตั้งค่าที่ปั๊มตัวดูดจากถังปฐมภูมิ ผ่านเครื่องกรองทุกเครื่องไปยังถังทุติยภูมิ ก็ไม่ควรไปซื้อเครื่องปั๊มตัวเล็กติดตั้งระหว่างเครื่องกรอง ซึ่งปั๊มตัวเล็กนี้ทั้งแพงและเสียเร็วมาก

9. เครื่องกรองไส้กรองตัวสุดท้ายในระบบ R.O. คือแสงอุลตร้าไวโอเลต สามารถขจัดเชื้อโรคได้ครบแทบทุกชนิด และไวรัสที่อาจจะยังหลงเหลือด้วย ปัจจุบันมีของผลิตในไทยราคาถูกลงมามาก เช่น ตัวเครื่องพร้อมหลอดประมาณแค่ 1,200.- บาทขึ้นไป มีความยาวประมาณ 1 ฟุต แต่มีคนที่บอกว่าไม่ไว้ใจเดี๋ยวหลอดไฟเกิดขาด จึงใช้ 2 เครื่องติดซ้อนกัน เผื่อว่าหลอดใดหลอดหนึ่งขาด และมีบางบ้านติดซ้อนกัน 3 เครื่องยิ่งเพิ่มความมั่นใจ เป็นการเพิ่มระยะทางน้ำไหล ให้น้ำถูกแสงมากขึ้นด้วย ตัวหลอดมีอายุการใช้งานที่ประมาณ 2,000 ชั่วโมงหรือมากกว่านั้น ( ปัจจุบันเครื่องพวกนี้จะทำงานเฉพาะตอนที่น้ำไหลผ่าน จะมีแรงดันน้ำไปเปิด / ปิดสวิทเอง ) ประมาณ 1 ปีมักต้องเปลี่ยนหลอดราคาหลอด 600.- บาท

 

เมื่อทำตามที่ผมว่ามาถึงขั้นนี้แล้ว เราจะได้น้ำในถังทุติยภูมิ หรือก็คือ ถังที่มีน้ำบรรจุไว้พร้อมดื่ม ( บริโภคและอุปโภค ) หากเรามีถังใหญ่มาก นอกจากใช้เฉพาะทางวัดแล้ว ยังสามารถแบ่งปันน้ำให้กับชาวบ้านได้ด้วย ชาวบ้านสามารถเอาถังมาบรรจุน้ำไปใช้ดื่มกินได้ แต่ต้องให้เขาล้างภาชนะให้สะอาดก่อน แล้วใช้น้ำจากถังพร้อมดื่มนี้ล้างภาชนะของชาวบ้านที่จะมาบรรจุน้ำไปด้วย เพราะเคยมีปัญหากันมาแล้วว่า ชาวบ้านใช้ถังที่ไม่สะอาดมารับน้ำไป ดื่มแล้วมีปัญหาได้

จากสภาพน้ำที่ผมเห็นนี้ และถ้าใช้เครื่องกรองน้ำตามขั้นตอนที่ผมว่ามา การล้างทำความสะอาดเครื่องและไส้กรองตัวที่ 1 ตัวที่ 2 และตัวที่ 3 คงต้องทำทุก ๆ 7 วันต่อครั้ง และต้องเปลี่ยนไส้กรองตัวที่ 1 - 3 ทุก ๆ 4 เดือนครั้ง ส่วนเครื่องกรองและไส้กรองตัวที่ 4 ลงมานั้น แทบจะไม่ต้องทำความสะอาดเลย ไปล้างตอนน้ำไหลช้าก็คงไม่เร็วกว่า 6 เดือน และถ้าหากน้ำเริ่มมีกลิ่นเหม็น คงประมาณผ่านการใ้ช้งานไปแล้วไม่น้อยกว่า 1 ปีขึ้นไป อาจถึง 2 ปีด้วยซ้ำครับ

 

เครื่องกรองน้ำชุดที่ผมกล่าวถึงครับ จากกระทู้เดิมตามลิ๊งค์



พระอาจารย์จะเชื่อหรือไม่ครับ ชุดกรองน้ำชุดเล็กตามรูปด้านบนนี้ ถ้ามีไส้กรองตามที่ผมกล่าวมาแล้วนั้น สามารถกรองน้ำไ้ด้คุณภาพดีกว่าชุดใหญ่ที่ราคาแสนแพงตามรูปด้านล่างนี้เสียอีกครับ และราคาก็ไม่แพงเสียด้วย



http://palungjit.org/threads/เครื่องกรองน้ำกรณีศึกษาของทุกวัด.262022/

 

เครื่องกรองน้ำชุดที่ติดตั้งที่วัดบึงช้างและใช้งานได้ดีมาก



http://palungjit.org/threads/ช่วยวั...ครื่องกรองน้ำ-วัตถุมงคลหน้า-4-a.254643/page-7

 

ในรูป ที่กล่องเขียนว่า รุ่นนี้เมื่อติดเครื่องตามรูปภาพแล้่ว จะสามารถกรองน้ำได้วันละ 300 แกลลอน ( 300 GPD ) [ หรือประมาณ 450 ลิตรต่อวันที่ความดันประมาณ 25 PSI โดยใช้ปั๊มแรงดันไม่คงที่ ] และเมื่อเรามาปรับตั้งค่าความดันของปั๊มให้อยู่ที่ประมาณ 40 - 45 PSI คงที่ ( คำว่าคงที่หมายถึงการใช้ปั๊มน้ำชนิดแรงดันคงที่ต่อเนื่อง อย่าง ปั๊ม FUJIKA เป็นต้น ) จะสามารถกรองน้ำได้วันละไม่ต่ำกว่า 1,000 ลิตรเลยทีเดียว

หมายเหตุ
น้ำสะอาดที่สามารถใช้ดื่มกินได้จำนวน 1,000 ลิตร มีปริมาณเท่ากับน้ำในถังแท๊งน้ำสแตนเลสสูงประมาณเท่ากับคนยืน 1 ใบ

หมายเหตุ 2
ยิ่งถ้าหากเราเลือกที่จะไม่ใช้ไส้กรองตัวที่มีความละเอียดขนาด 0.03 ไมครอน โดยหันไปใช้แสงอุลตร้าไวโอเลตเข้าแทน เพราะมีประสิทธิภาพในการกำจัดไวรัสและเชื้อโรคได้เช่นกัน ถ้าเลือกวิธีนี้ อาจกรองน้ำได้มากถึงวันละ 1,500 ลิตรเลยทีเดียว

 

เครื่องกรองน้ำในรูปนี้ดูเครื่องใหญ่ ดูน่าจะมีประสิทธิภาพดีกว่าเครื่องเล็ก แต่ที่จริงไม่ใช่เช่นนั้นครับ ตัวใหญ่แค่ไหนก็เท่ากับตัวเล็ก 1 ตัว คือ 1 ตัวถังใหญ่ก็ใส่สารเคมีได้เพียงอย่างเดียว ดังนั้น คุณภาพของน้ำที่มีตัวใหญ่ 2 ตัว ซึ่งส่วนมากจะเลือกใส่สารเคมี 2 ชนิด ถังใหญ่ 1 เป็นเรซิ่น ถังใหญ่ 2 เป็นแอ๊คตีเวตคาร์บอน กรองน้ำได้คุณภาพดีปานกลาง เพียงแต่ตัวถังใหญ่สามารถกรองน้ำได้จำนวนมากกว่าต่อวัน

อาจจะกรองน้ำได้วันละหลายพันลิตรก็จริง แต่ถ้าจะให้คุณภาพน้ำดีเท่ากับชุดเล็กที่มีจำนวนท่อตั้งแต่ 6 หรือ 8 - 9 ท่อขึ้นไปนั้น ถ้านำชุดเล็กเข้ามาปะปน จะทำให้ปริมาณน้ำที่กรองได้เท่ากับชุดเล็กครับ

่หมายเหตุ
ในรูปนี้ปั๊มน้ำแบบนี้ที่ผมเรียกว่า ปั๊มน้ำแรงดันไม่คงที่ เนื่องจากการออกแบบของเขาเป็นเช่นนั้นเอง แต่เมื่อนำมาใช้กับเครื่องกรองขนาดใหญ่มาก มีท่อในส่วนที่เล็กที่สุดไม่ต่ำกว่า 4 หุ๋น แรงดันที่ว่าไม่คงที่ กลับกลายเป็นคงที่ เนื่องจากกำลังของเขาจะไม่ตก หากเปิดทางเดินน้ำให้ได้ประมาณ 4 หุ๋นครับ

 

.......................................