เรื่องเด่น พระสงฆ์ก้าวข้ามเสียงวิจารณ์ช่วยโยมจมน้ำท่วมเต็มตัว

ในห้อง 'ข่าวพุทธศาสนา' ตั้งกระทู้โดย โพธิสัตว์ ชาวพุทธ, 8 สิงหาคม 2017.

  1. โพธิสัตว์ ชาวพุทธ

    โพธิสัตว์ ชาวพุทธ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กรกฎาคม 2017
    โพสต์:
    5,297
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,273
    ค่าพลัง:
    +9,528
    พระสงฆ์ก้าวข้ามเสียงวิจารณ์ช่วยโยมจมน้ำท่วมเต็มตัว

    87606_th.jpg


    ช่วงที่เกิดอุทกภัยพิษพายุโซนร้อน “เซินกา” ถล่มภาคตะวันออกเฉียงเหนือส่งผลให้เกิดน้ำท่วมใหญ่หลายจังหวัดโดยเฉพาะอย่างยิ่งจังหวัดสกลนคร หลายภาคส่วนได้ออกมาช่วยเหลือในด้านต่างๆ ร่วมถึงคณะสงฆ์ด้วย อย่างไรก็ตามได้เกิดเสียงวิจารณ์เกี่ยวกับการทำหน้าที่คณะสงฆ์ในครั้งนี้ โดยมองว่าเป็นการทำหน้าที่แทนฆราวาส พูดง่ายๆ ก็คือไม่ใช่กิจของสงฆ์ บุคคลที่ท้วงติดนี้คืออาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ นักบรรยายธรรมทางพระพุทธศาสนา และก่อนหน้าก็ได้ท้วงติงกรณีที่พระภิกษุสามเณรใช้สื่อออนไลน์ ส่งผลให้มีการวิพากษ์วิจารณ์ตอบโต้

    ต่อประเด็นนี้ ร.ท.,ดร.บรรจบ บรรณรุจิ อดีตอาจารย์จุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย อาจารย์ประจำหลักสูตรสันติศึกษามหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย (มจร) ได้ออกมาทำความเข้าใจผ่านทางเฟซบุ๊กส่วนตัว Banjob Bannaruji – บ้านบรรณรุจิ ความว่า “วิวาทะระหว่างพุทธแค่สะท้อนความเห็นต่างระหว่างความยากจนกับความมีฐานะแต่ไม่ใช่ข้ดแย้งแตกแยก” ไปครั้งหนึ่งแล้ว ต่อมาได้แสดงความเห็นอีกครั้ง ความว่า

    “ขอสดุดี ทุกความเคลื่อนไหวของพระสงฆ์ เพื่อประโยชน์สุขของคนทุกข์ยาก แสดงถึงการตื่นตัวเพื่อสังคมเกินคาด ล่วงเลยคลองแห่งคำพูด”

    +×÷=+×÷=

    @ ที่จั่วหัวไว้ข้างบน คือ คำแทนความรู้สึกทั้งหมดที่อยากพูด แต่ก็พูดได้แค่นี้แหละ เพราะความรู้สึกครั้งนี้ หากว่าตามสำนวนพระไตรปิฎกก็ต้องว่า “นิรุตฺติปถํ อติกฺกนฺตํ – ล่วงเลยคลองแห่งคำพูด” ซึ่งก็หมายว่า ไม่รู้จะถ่ายทอดความรู้สึกมาด้วยถ้อยคำแบบใดถึงจะตรงกับใจได้ทั้งหมด

    @ พระสงฆ์ไทยถูกมองมานานว่าเอาตัวรอดไม่รู้หนาวไม่รู้ร้อนกับสังคมจะช่วยก็แต่วัดเท่านั้น พอออกมานอกวัดใครจะเป็นใครจะตายไม่สน ขอให้ฉันรอดได้เป็นพอ

    @ ถ้าเป็นเมื่อก่อนก็แค่ร่วมบริจาค แต่มาคราวนี้พระสงฆ์ออกโรงเอง ทั้งหาของ จัดของ แบกของ ลุยน้ำ ลงเรือ ทำครัว ทำกับข้าว เรียกว่า “คนทุกข์มีที่ไหน พระไปโปรดถึงนั่น” ไปกันแบบตัวเป็นๆ ไม่ต้องให้นั่งอ้อนวอนให้พระมาช่วยแบบลมๆแล้งๆ อย่างแต่ก่อน

    @ ใครจะอย่างไรไม่รู้ รู้แต่ว่าคงๆไม่มีคนกำลังทุกข์ทึ่ไหนจะไปรังเกียจว่า พระไม่สำรวม เลยจะไม่ขอรับ เห็นมีแต่ยกมือไหว้และรับกันทุกคน พระไปให้กำลังใจขจัดภัยน้ำท่วมเบื้องต้น ชาวบ้านผู้ประสบภัยก็ให้กำลังใจพระตอบแทน

    @ ในสังคมพุทธ พระกับชาวบ้านย่อมเกื้อกูลกัน ตามสมควรแก่ฐานะด้วยรูปแบบที่เหมาะสมกับสถานการณ์ ซึ่งเรื่องนี้พระกับชาวบ้านที่ต้องการความช่วยเหลือจะรู้ดี เรื่องนี้ลองไปสอบถามความรู้สึกของเขาดูซึ่

    @ เพื่อให้มีที่อ้างอิงสำหรับการวิเคราะห์วิจารณ์ จึงอยากจะเล่าเรื่องอดีตให้ฟังบ้าง

    ในลังกา เนื่องจากภูมิประเทศเป็นภูเขา พระนิยมสร้างวัดอยู่ตามหุบเขาตามถ้ำ ซึ่งก็แยกไกลจากชุมชน มีวัดหนึ่งเป็นวัดใหญ่มีลาภสักการะมาก โจรก๊กหนึ่งซึ่งมีชิ่อเสียงด้านความร้ายกาจจึงวางแผนเข้าปล้นและจู่โจมถึงวัดทันที เจ้าอาวาสรู้แล้วว่านี่คือการปล้น จึงค่อยๆพูดคุยกับหัวหน้าโจร และระหว่างพูดคุยนั้นก็สั่งให้คนวัดจัดหาข้าวปลาอาหารมาเลึ้ยงพวกโจร พวกโจรก็รับเลี้ยงอย่างอิ่มหมีพีมัน เสร็จแล้วโจรก็ได้สตินึกถึงความดีของพระเลยตัดสินใจไม่ปล้น ทำให้วัดรอด ทรัพย์สินวัดไม่เสียหาย ชีวิตพระเณรปลอดภัย แต่หลายคนตำนิว่า ท่านเอาของสงฆ์มาเลี้ยงโจรโดยพลการ ไม่ประชุมสงฆ์ขอมติเฝเสียก่อน ท่านจึงผิดพระวินัย พระฝ่ายจับผิดเปิดประเด็น

    เมืองไทย คราวฝรั่งเศษกับอังกฤษบุกไทยหวังยึดเป็นเมืองขึ้น พระเจ้าอยู่หัว ร. 5 ทรงทุกข์พระทัยหนัก จึงเสด็จไปตามวัดพูดคุยพระผู้ใหญ่ ทรงถามว่าคณะสงฆ์จะช่วยอะไรได้บ้าง ? มีพระผู้ใหญ่บางรูปตอบว่า ช้วยอะไรไม่ได้ เพราะเป็นเรื่องของบ้านเมือง แต่กมีบางรูปผ่าเหล่าโพล่งออกมาว่า ถึงคราวจำเป็นต้องรบ พระก็จะสึกออกไปช่วยรบ …ว่ากันว่า หลังจากทรงได้ยินประโยคหลังทางแย้มพระสรวลอย่างมีความหวัง และตรัสขอบคุณ

    เรืองนี้ผมได้ยินผู้ใหญ่เล่าให้ฟัง เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งว่าจะเป็นเรื่องจริงหรือไม่จริง แต่ต่อมาเริ่มเชื่อว่าจริงเพราะมีผู้ไปพบบันทึกของกรมสมเด็จพระยาดำรงราชานุภาพที่ทรงเล่าแลสรุปมาเล่าให้ฟังว่า….มีนักโทษชายคนหนึ่งส่งฎีการ้องทุกข์มาขอพระราชทานอภัยโทษให้ออกจากคุก ร.5 ทรงรับสั่งให้กระทรวงมหาดไทยพิจารณา กรมสมเด็จฯสนองพระราชประสงค์และเห็นว่าเขาสมควรได้รับพระราชทานอภัยโทษได้ จึงกราบทูลให้ทรงพระกรุณา

    หลังจากได้รับพระมหากรุณาธิคุณแล้ว ชายคนนั้นก็ไปบวชพระแล้วจำพรรษาที่สิงห์บุรี พระรูปดังว่าสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอยู่เสมอ ต่อมาเมิ่อทราบถึงพระราชประสงค์ให้พระสึกไปช่วยราชการเป็นทหารเข้าสงครามป้องกันบ้านเมืองก็เดินทางเข้ากรุงเทพฯไปเฝ้ากรมสมเด็จฯที่วังวรดิศและถวายพระพรว่าจะขอสึกไปช่วยราชการตามพระราชประสงค์ กรมสมเด็จฯได้นำเรื่องไปกราบทูลให้ทรางทราบ ร.5 ทรงรับสั่งฝากไปถึงพระว่า …ขอขอบใจ ตอนนี้ไม่ต้องการแล้ว เพราะเหตุการณ์เข้าสู่ภาวะไม่ต้องรบกวนพระแล้ว..

    @ ราชการไทยมองพระใน 2 มิติมาตลอด มิติหนึ่งก็คือ เป็นทักขิไณยบุคคล ที่ควรกราบไหว้ แต่อีกมิติหนึ่งก็คือพลเมืองของชาติ ถึงเวลาต้องการช่วยเหลือก็ร้องขอให้ช่วย เช่น การเกณฑ์ทหาร หรือเป็นทหารกองหนุน แต่อีกมิติหนึ่งก็ผลักไปให้เป็นบุคคลประหนึ่งไร้ความสามารถหรือพิการ เช่น การไม่มีสิทธิ์ในการลงคะแนนเลือกตั้ง ถูกจัดอยู่ในกลุ่มทีมีคนวิกลจริตอยู่ด้วย

    @ การเคลื่อนไหวของพระสงฆ์ครั้งนี้ฉับไวสัมพันธ์กันทุกภาคส่วน เริ่มตั้งแต่มหาเถรสมาคมลงไปถึงเจ้าคณะพระสังฆาธิการระดับล่างสุดคือเจ้าอาวาส

    @ นอกจากนั้น สมเด็จพระราชาคณะและรองสมเด็จที่รับผิดชอบงานสาธารณสงเคราะห์ เช่นเจ้าประคุณสมเด็จพุทธชินวงศ์ วัดพิชัยญาติการาม และพระพรหมวขิรญาณ วัดยานนาวา ได้มีสำนักงานระดมความเชื่อเหลืออย่างจริงจัง

    @ ที่โดดเด่นคือ ม. มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย โดยท่านอธิการบดี พระพรหมบัณฑิต ได้สั่งการให้มจรส่วนกลางและทุกวิทยาเขตร่วมมือกันให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยครั้งนี้อย่างทั่วถึง

    @ ทั้งหมดนี้ทำให้ผู้ประสบภัยมีกำลังใจที่เผชิญภัยอย่างไม่โดดเดี่ยวและว้าเหว่ สอดคล้องกับเถรภาษิตว่า โลโกปัตถัมภิกา เมตตา – เมตตาค้ำจุนโลก

    @ และแสดงให้เห็นว่า สถาบันพระพุทธศาสนาเป็นที่พึ่งได้



    ขอขอบคุณที่มา
    http://www.banmuang.co.th/news/region/87606
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 8 สิงหาคม 2017
  2. Apinya Smabut

    Apinya Smabut นิพพานังสุขัง นิพพานเป็นสุขอย่างยิ่ง

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2014
    โพสต์:
    1,396
    กระทู้เรื่องเด่น:
    57
    ค่าพลัง:
    +2,628
    พระสงฆ์ช่วยเหลือชาวบ้าน เป็นกิจของสงฆ์และไม่ผิดศีล

    พระอาจารย์กล่าวว่า "ช่วงนี้มีน้ำท่วมหลายพื้นที่ คราวนี้พระสงฆ์ก็ออกไปช่วยชาวบ้านกันมาก โดยเฉพาะการทำอาหารไปแจก นำอาหารแห้งไปแจก แต่ปรากฏว่าเป็นข้อถกเถียงกันในสื่อโซเชียลมีเดียว่า ใช่กิจของสงฆ์หรือเปล่า ? ทำแบบนี้ศีลขาดหรือไม่ ?

    เรามาดู ๒ ประเด็นที่เขาว่าไว้

    ประเด็นแรกคือใช่กิจของสงฆ์หรือเปล่า ? อาตมาเองยืนยันว่าใช่ ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์ เพราะว่าวาระแรกที่พระพุทธเจ้าส่งพระอรหันต์ ๖๐ รูป ออกไปประกาศพระพุทธศาสนา พระอรหันต์ตั้ง ๖๐ รูปมีใครบ้าง ? ก็มีพระปัญจวัคคีย์ทั้ง ๕ พระยสกุลบุตรกับสหายรวมแล้วอีก ๕๕


    พระองค์สั่งว่า จรถ ภิกฺขเว จาริกํ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย พวกเธอจงเที่ยวไป พหุชน หิตาย พหุชน สุขาย โลกานุกมฺปาย เพื่อประโยชน์ของคนหมู่มาก เพื่อความสุขของคนหมู่มาก เพื่ออนุเคราะห์แก่โลก

    พระท่านไปช่วยคนน้ำท่วมเป็นประโยชน์ของคนหมู่มากคือส่วนรวมหรือเปล่า ? เพื่อความสุขของคนหมู่มากคือเพื่อส่วนรวมหรือเปล่า ? เป็นการอนุเคราะห์แก่ชาวโลกหรือเปล่า ? เราจะเห็นว่าใช่ทุกข้อ เพราะฉะนั้น...ประเด็นนี้ชัดเจนว่าสิ่งที่พระท่านทำเป็นกิจของสงฆ์อย่างแน่นอน"


    "ประเด็นที่สองคือ ผิดศีลหรือไม่ ? พระพุทธเจ้าเองบัญญัติว่า ห้ามภิกษุหุงต้มอาหารด้วยตัวเอง ห้ามภิกษุเก็บอาหารเอาไว้เอง ห้ามภิกษุเก็บอาหารไว้ในที่อยู่ คราวนี้ห้ามหุงต้มด้วยตัวเองเพราะอะไร ? เพราะว่าถ้าหุงต้มด้วยตัวเอง ก็จะทำแต่อาหารที่ตัวเองชอบ แทนที่จะเป็นการละกิเลสก็เป็นการเพิ่มกิเลสไป

    ห้ามเก็บอาหารไว้เอง เพราะว่าพระไม่ควรเป็นผู้สะสม แต่เราจะเห็นว่าหลายวัดมีโรงครัว มีคลังพัสดุ มีการเก็บข้าวสารอาหารแห้งไว้ ถามว่าผิดหรือไม่ ? ขอยืนยันว่าไม่ผิด เพราะว่าผู้เก็บไม่ใช่พระ แต่เป็นเด็กวัดหรือแม่ชี

    ห้ามเก็บอาหารไว้ภายในที่อยู่ของตน เพราะกลัวว่าจะแอบไปฉันนอกเวลา หรือว่าเลือกอาหารที่ตัวเองชอบเก็บเอาไว้ แล้วฉันสนองกิเลสของตัวเอง คราวนี้สิ่งนี้ที่พระองค์ท่านห้าม ก็ยังมีการอนุญาตให้ในบางวาระ อย่างเช่นว่าเกิดทุพภิกขภัย เวลาข้าวยากหมากแพง หาอาหารได้ยาก ถ้าหากว่าไม่มีเก็บเอาไว้บ้าง ถึงเวลาไปบิณฑบาตไม่ได้ แล้วจะฉันอะไร แต่พระองค์ท่านก็ยกเลิกข้อห้ามนี้เวลามีความอุดมสมบูรณ์

    คราวนี้เรามาดูว่าเวลาน้ำท่วมถือว่าเป็นวาระที่ไม่ปกติ เหมือนกับเวลาข้าวยากหมากแพงที่ไม่ใช่วาระปกติ ถ้าดูตามข้ออ้างในมหาปเทส ๔ พระพุทธเจ้าให้ไว้เพื่อตีความพระธรรมวินัยว่า สิ่งที่ไม่สมควร ถ้าพิจารณาแล้วว่าสมควร สิ่งนั้นย่อมสมควร ก็แปลว่าพระไม่ควรทำอาหารด้วยตัวเอง แต่ถ้าในวาระที่ไม่ปกติ อย่างเช่นว่า ข้าวยากหมากแพง น้ำท่วม ไฟไหม้ ถ้ามัวแต่ไปพึ่งญาติโยมก็ไม่ได้ เพราะว่าเขาหมดเนื้อหมดตัวไปตาม ๆ กัน ก็ต้องทำเอง สิ่งที่ไม่สมควรเพราะว่าขัดกับสิ่งที่พระพุทธเจ้าทรงห้าม แต่พิจารณาแล้วว่าสมควร สิ่งนั้นย่อมสมควร ถ้าอย่างนี้ก็ถือได้ว่าไม่ผิดศีล"

    ---------------------------------------------

    "พวกเราถ้ามีใครชี้แจงได้ชัดเจนแล้ว เราต้องเอาไปเผยแพร่ต่อ ไม่อย่างนั้นแล้วกลายเป็นว่าเขาตีเราอยู่ฝ่ายเดียว แล้วตีผิด ๆ ด้วย แต่คนทั่วไปที่ไม่รู้ความจริงก็คิดว่าใช่

    ไม่เป็นไร...เดี๋ยวเขาถอดเทปเสร็จแล้วค่อยเอาไปแชร์ก็แล้วกัน ผมแจงไปทุกประเด็นแล้ว ไม่ว่าจะทางโลก ไม่ว่าจะทางธรรม จะตะแคงข้างหรือจะตรง ไม่ผิดทั้งนั้นแหละ ตะแคงข้างก็อ้างมหาปเทส ๔ ได้ พระพุทธเจ้าอนุญาตเวลาที่มีทุพภิกขภัย หุงต้มเองได้ เก็บไว้เองได้ เก็บไว้ในที่อยู่ได้


    ---------------------------------------------

    ศาสนาอื่นเขาเจตนาจะเล่นงานให้พระพุทธศาสนาหมดกำลัง เพื่อที่จะได้ยึดครองแทน แล้วพวกที่เป็นแนวร่วมแบบโง่ ๆ ที่ไม่รู้เรื่องอะไรนี่เยอะมากเลย


    ---------------------------------------------
    อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ http://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=5745&page=4
     

แชร์หน้านี้

Loading...