พระโพธิสัตว์ตรัสสอนธรรมะ ผลบุญมีจริง ผลบาปก็มีจริง ความทรมานในนรก และหนทางไปสู่เทวโลก

ในห้อง 'พุทธภูมิ - พระโพธิสัตว์' ตั้งกระทู้โดย บ้องแบ้ว, 13 พฤษภาคม 2016.

  1. บ้องแบ้ว

    บ้องแบ้ว นางฟ้าผู้น่ารัก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    3,294
    กระทู้เรื่องเด่น:
    105
    ค่าพลัง:
    +5,301
    พระโพธิสัตว์ตรัสสอนธรรมะ ผลบุญมีจริง ผลบาปก็มีจริง ความทรมานในนรก และหนทางไปสู่เทวโลก

    ในสมัยที่พระโพธิสัตว์ได้เสวยพระชาติเป็นพระนารทพรหม มีกษัตริย์องค์หนึ่งชื่อว่า พระเจ้าอังคติราชได้ฟังธรรมที่เป็นเท็จคือเป็นข้อธรรมที่บิดเบือนจากความจริงของอาชีวกนอกรีตจึงเชื่อว่า

    เรื่องบุญบาปไม่มีจริง แม้พระราชธิดารุจาราช จะมาถวายคติธรรมที่ศึกษาแล้วก็ไม่ยอมละมิจฉาทิฐิเหล่านั้นทำให้นำไปสู่การกระทำบาปมากมาย พระนางจึงตั้งจิตอธิษฐานขอให้เทพยดาฟ้าดินมาช่วย

    พระนารทพรหมฤๅษีในขณะนั้นได้บำเพ็ญบารมีมาดีแล้วพิจารณาเห็นสัตว์โลกกำลังเดือดร้อนจึงเสด็จลงมาแสดงธรรมโปรดพระเจ้าอังคติราช โดยแปลงร่างเป็นบรรพชิต เอาภาชนะทองใส่สาแหรกข้างหนึ่ง คนโทแก้วใส่สาแหรกอีกข้างหนึ่งวางบนบ่าเหาะมาสู่ปราสาทของพระเจ้า อิงคติราชมาลอยอยู่ตรงหน้าพระพักตร์

    พระราชาเห็นเข้าก็ตกตะลึงตรัสถามว่า “ข้าแต่ท่าน ผู้มีวรรณะงามราวจันทร์เพ็ญท่านมาจากไหน” นารทพรหมตอบว่า “อาตมาภาพมากจากเทวโลกมีนามว่า นารทพรหม” พระราชาตรัสถามว่า “เหตุใดท่าน จึงมีฤทธิ์ลอยอยู่ในอากาศได้เช่นนั้น น่าอัศจรรย์ยิ่งนัก”

    “อาตมาภาพบำเพ็ญคุณธรรม 4 ประการ ในชาติก่อนคือ สัจจะ ธรรมะ ทมะ (ข่มใจ) และจาคะ(เสียสละ) จึงมีฤทธิ์เดชไปไหนมาไหนได้ตามใจปรารถนา”

    “ผลบุญมีด้วยหรือ ถ้าผลบุญมีจริงอย่างที่ท่านว่า ได้โปรดอธิบายให้ข้าพเจ้าทราบด้วยเถิด”

    พระนารทพรหมจึงอธิบายว่า “ผลบุญมีจริง ผลบาปก็มีจริง มีเทวดา มีบิดามารดา มีปรโลกมีทุกสิ่งทุกอย่างทั้งนั้น แต่เหล่าผู้งมงายหาได้รู้ไม่”

    พระราชาตรัสว่า “ถ้าปรโลกมีจริง ขอยืมเงินข้าพเจ้าสักห้าร้อยเถิด ข้าพเจ้าจะใช้ให้ท่านในโลกหน้า” พระนารทพรหมจึงตอบว่า

    “ถ้าท่านเป็นผู้ประพฤติธรรมมากกว่าห้าร้อยเราก็ให้ท่านยืมได้ เพราะเรารู้ว่าผู้อยู่ใน ศีลธรรม ผู้ประพฤติกรรมดี เมื่อเสร็จจากธุระแล้วก็ย่อมนำเงินมาใช้คืนให้เองแต่อย่างท่านนี้ตายไป แล้วก็จะต้องไปเกิดในนรก ใครเล่าจะตามไปทวงทรัพย์คืนจากท่านได้”

    พระราชาไม่อาจตอบได้ จึงนิ่งอึ้งอยู่เช่นนั้น นารทพรหมได้โอกาสจึงทูลว่า “หากพระองค์ยังทรงมีมิจฉาทิฐิอยู่ เมื่อสิ้นพระชนม์ก็ต้องไปสู่นรกทนทุกขเวทนาสาหัส ในโลกหน้าพระองค์ก็จะต้องชดใช้ผลบาปที่ได้ก่อไว้ ในชาตินี้”

    พระนารทได้โอกาสพรรณนาความทุกข์ ทรมานต่างๆ ในนรกให้พระราชาเกิดความสะพรึงกลัว เกิดความสยดสยองต่อบาป พระราชาได้ฟังคำพรรณนา ก็สลดใจยิ่งนักรู้พระองค์ว่าได้ดำเนินทางผิด จึงตรัสว่า

    “ข้าแต่ท่านได้โปรดเป็นที่พึ่งของข้าพเจ้าด้วยเถิด บัดนี้ ข้าพเจ้าเกิดความกลัวภัยในนรก ขอท่านจง เป็นแสงสว่างส่องทางให้ข้าพเจ้าด้วยเถิด โปรดสอนธรรมะให้แก่ข้าพเจ้าผู้ได้หลงไปในทางผิด ขอจง บอกหนทางที่ถูกต้องแก่ข้าพเจ้าด้วยเถิด”

    พระนารทพรหมฤษีจึงได้โอกาสตรัสสอนธรรมะ แก่พระราชาอังคติราช ทรงสอนให้พระราชตั้งมั่น ในทาน ในศีล อันเป็นหนทางไปสู่สวรรค์เทวโลก แล้วจึงแสดงธรรมเปรียบร่างกายกับรถ เพื่อให้พระราชาทรงเห็นว่า

    รถที่ประกอบด้วยชิ้นส่วนอันดีอันถูกต้องแล่นไปในทางที่เรียบรื่น มีสติเป็นประดุจปฏักมีความ เพียรเป็นบังเหียนและมีปัญญาเป็นห้ามล้อ รถอันประกอบด้วยชิ้นส่วนอันดีนั้นก็จะแล่นไปในทางที่ถูกต้อง โดยปราศจากภัยอันตราย

    พระราชาอังคติราชเมื่อได้ฟังธรรมจนเข้าใจจึงสามารถละมิจฉาทิฐิคือความเห็นผิด ละหนทางบาป นารถพรหมฤษีจึงถวายโอวาทว่า

    "ขอพระองค์จะละบาปมิตร พึงคบแต่กัลยาณมิตร อย่าได้ ทรงประมาทเลย” ในระหว่างนั้น พระนารทพรหมก็ได้อันตรธานหายไป พระราชาก็ทรงตั้งมั่นในศีล ในธรรม ทรงเริ่มทำบุญทำทาน ทรงเลือกคบแต่ผู้ที่จะ นำไปในทางที่ถูกที่ควร เมื่อพระราชาทรงตั้งอยู่ใน ทศพิธราชธรรม ประชาชนก็มีความสุขบ้านเมืองสงบร่มเย็น

    พระโพธิสัตว์ได้ชื่อว่าบำเพ็ญอุเบกขาบารมีในชาตินี้เพราะได้บำเพ็ญสมาธิจนได้ฌานสมาบัติชั้นสูงกลายเป็นพรหม เพราะมีพื้นฐานจากอุเบกขาอันบริสุทธิ์ แม้ขณะตอบคำถามพระองค์ก็สงบนิ่งเรียบเฉยต่อคำกล่าวดูถูกดูแคลนใดๆ

    *********
    เครดิต สนพ. เสบียงบุญ
     
  2. เวโรจนะ

    เวโรจนะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    103
    ค่าพลัง:
    +129
    แล้วตกลงพระโพธิสัตว์ให้พระราชายืมตังค์รึป่ าวเพราะน่าจะมีหวังทวงคืนได้แล้ว อยากรู้จุดนี้แหล ะ เหอเหอ
     

แชร์หน้านี้

Loading...