ภัยพิบัติ ของแท้ แบบจัดหนัก ประเภทต้องย้ายเมือง ไม่เกินสิบปีนับจากนี้

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย code13, 19 ธันวาคม 2011.

  1. code13

    code13 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    41
    ค่าพลัง:
    +84
    ภัยพิบัติของแท้ แบบจัดหนัก ประเภทต้องย้ายเมือง ไม่เกินสิบปีนับจากนี้

    เมื่อศิษย์บรรพชิตรูปหนึ่งที่ code13 มีโอกาสไปกราบที่สำนักสงฆ์แห่งหนึ่ง แถว จ.กำแพงเพชร ได้เมตตาเล่าให้ฟังว่า

    องค์พ่อแม่ครูบาอาจารย์
    (ละสังขารแล้ว แต่ก่อนละสังขาร องค์ท่านฯสั่งให้เก็บสรีระสังขารไว้บูชา ห้ามเผา ปัจจุบัน โลหิต ผม เล็บ ขององค์ท่านฯ ได้แปรสภาพเป็นพระธาตุนับพันๆองค์ ส่วนสรีระสังขาร เหมือนคนนอนหลับธรรมดา)

    ได้ปรารถไว้แล้ว วันข้างหน้า เมืองหลวงของไทย จะกลายเป็น " ป่ากระต่ายขี้ "

    เหตุการณ์ที่คาดว่าจะมีผลกระทบ

    code13 เคยได้ยิน ท่านเจ้าอาวาสวัด.... พูดให้คนที่ไปทำบุญที่วัด.... วันนั้นเป็นวันพระ ปี พ.ศ.๒๕๕๑ ท่านบอกว่า วันนี้บ้านเมืองยังสงบอยู่ ก็ให้รีบเร่งขวนขวายเอาบุญ เพราะต่อไปวันข้างหน้า หลวงปู่เราก็พูดไว้หมดแล้ว (หลวงปู่.....) ว่าเหตุการณ์บ้านเมืองจะวุ่นวาย โจรขโมยจะเต็มบ้านเต็มเมือง พระเณรเถรชี ไม่มีโอกาสบำเพ็ญกันแล้ว จะต้องไปเดินยามเฝ้าวัดกัน


    จากคำพูดนี้เอง code13 ได้ติดตามสถานการณ์ในบางครั้งที่มีโอกาส แต่ก็ไม่เห็นมีเหตุอะไร ที่จะนำพาบ้านเมืองไปสู่ความปั่นป่วนนี้ได้ ทั้งเหตุการณ์เสื้อหลากสี รวมถึงสถานการณ์ภาคใต้ นอกจากจะต้องมีเหตุการณ์บางอย่างเกิดขึ้นที่ทำให้คนเป็นจำนวนมาก มีความเดือดร้อนมากมาย เหลือคณานับ ถึงกับต้องเข้าไปปล้น ขโมยของตามวัดวาอาราม


    ดังนั้น ถ้าหากว่า เกิดอะไรขึ้นกับภาวการณ์เปลี่ยนแปลงแบบฉับพลัน เหมือนอย่างเฮติ ทุกท่านคงทราบดี แล้วถ้าเกิดกับเมืองหลวงของไทย กรุงเทพฯ คือประเทศไทย ประเทศไทยคือกรุงเทพฯ รวมปริมณฑลที่มีภาคอุตสาหกรรมการผลิตใหญ่ ภาคอุตสาหกรรมพลังงานทั้งระบบไฟฟ้า น้ำมันและการคมนาคม การปกครอง การดำเนินชีวิตของประชาชนมากกว่า ๒๐ ล้านคน


    ที่สำคัญทั้งสิ้นต่อระบบภาคเศรษฐกิจระดับประเทศ และระดับโลก ฉะนั้นหากมีภัยธรรมชาติที่รุนแรงและมีความเสียหายทั้งหมดเกิดขึ้น ตามที่คาดการณ์ ก็จะมีผลกระทบอย่างใหญ่หลวงที่ประเมินไม่ได้ไปตลอดกาล แต่ทั้งนี้ ในมุมมองของcode13 อยากให้มองมาใกล้ตัวดีกว่าว่าหากเราจะได้รับผลกระทบหากเกิดขึ้นจริง เราจะทำอย่างไร ไม่ให้เราและครอบครัวได้รับผลกระทบมากจนหาทางแก้ไขลำบาก แต่หากว่าเราประมาท ไม่เตรียมตัวไว้ก่อน ก็อาจสายเกินไปสำหรับวันนั้น


    เอกสารแทรกในบทความด้านบน เรื่องระบบการจ่ายกระแสไฟฟ้า code13จำได้ว่าเคยดูรายการทีวี “กบนอกกะลา” ได้พาไปการไฟฟ้านครหลวง และมีเจ้าหน้าที่พาลงอุโมงค์ใต้ดิน ในภาพที่เห็นนี้ เป็นรถรางเล็กๆ นั่งได้ประมาณ ๔ คน มีแนวสายไฟในนั้นด้วย รถรางในอุโมงค์นี้วิ่งไปโผล่ใจกลางกรุงเทพฯ ได้โดยไปโผล่ที่อาคารหลังหนึ่ง ซึ่งพิธีกรของรายการได้พาชมภายในอาคารคือ ห้องควบคุมระบบการจ่ายกระแสไฟฟ้าของเขื่อนต่างๆ รวมถึงโรงงานผลิตกระแสไฟฟ้า เพื่อควบคุมระบบไฟฟ้าทั่วประเทศ ทุกภาค ไม่ให้เกิดการสะดุดหรือเกิดปัญหาขึ้นมาได้ประมาณนั้น


    ทีนี้อาคารหลังนี้ พิธีกรรายการบอกว่า ไม่สามารถเปิดเผยสถานที่ได้ เพราะเกี่ยวกับความปลอดภัยและความมั่นคงของชาติ ทุกท่านเคยดูหนังประเภทสงครามหรือหน่วยบัญชาการรบไม๊ครับ คือแบบว่าเหมือนกันเลย มีหน้าจอคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่มาก เพื่อควบคุมระบบการจ่ายไฟฟ้าทั่วประเทศดังกล่าวข้างต้น คำถามคือว่า ถ้าวันนึงภัยพิบัติเกิดขึ้นจริง ระบบไฟฟ้าทั่วประเทศก็จะเปรียบเสมือนคนเป็นง่อย ที่มีพลังแต่ไปไหนไม่ได้ ความเดือนร้อนเรื่องไม่มีไฟฟ้าใช้ ก็จะลุกลามส่งผลต่อทุกภาคส่วนไปโดยปริยาย

    code13 มีเพื่อนอยู่ท่านหนึ่ง ทำงานบริษัทฯประกันภัย เคยเล่าว่า ก่อนการสร้างอุโมงค์รถไฟฟ้าใต้ดิน มีการสำรวจก่อน แต่ไม่.....

    รวมถึงห้างยักษ์ใหญ่ไฮโซ แถวสยาม ก็ไม่....

    ข่าว ลงใน นสพ.เดลินิวส์ ฉบับวันที่ ๒๕ และ ๒๙ กรกฏาคม ๕๓ นี้เอง
    วันที่อาทิตย์ที่ ๒๕ กรกฏาคม ๒๕๕๓ (หน้า ๑๙)
    จับตาประเทศไทย....กับวิกฤติการณ์ภัยน้ำทะเลสูงขึ้น

    วันพฤหัสบดีที่ 29 กรกฏาคม 2553
    จับตาเปลือกโลก....แผ่นดินทรุด! น้ำทะเลเพิ่มสูง...ไทยเสี่ยงท่วม!?
    “จากงานวิจัยไม่เพียงพบการเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเลในอ่าวไทยที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยของโลกประมาณ 2 เท่า หากแต่พบการลดระดับของเปลือกโลกในบริเวณประเทศไทยที่น่าเป็นห่วง!?”



    มีพระอาจารย์ท่านนี้ (อยู่สำนักสงฆ์แถว อ.หัวหิน) บอกว่า กลางอ่าวไทยที่ขุดเจาะน้ำมันไว้มากมาย บัดนี้พื้นใต้เปลือกโลกด้านล่างกลายเป็นโพรงขนาดมหึมา (หลายๆจุดที่มีการเจาะน้ำมันทั่วโลก ) เมื่อการหมุนของโลกเสียสมดุล ธรรมชาติของเค้าต้องมีการปรับตัวให้เป็นในรูปแบบเดิม ก็คือ แผ่นดิน พื้นน้ำ ต้องปรับเปลี่ยนไปตามกลไกธรรมชาติ ก็คือเกิดแผ่นดินไหวนั่นเอง ถ้าเกิดขึ้น โพรงเหล่านี้จะยุบตัวลงแล้วดึงชายฝั่งทะเลเกือบทั้งหมดในรอบๆ โดยเฉพาะ กรุงเทพฯ สมุทรปราการ เพราะเป็นพื้นดินอ่อนที่มีความหนามาก ไม่ใช่พื้นเดิม พังลง หรือ ยุบตัวลง นั่นเอง

    เรื่องนี้code13เคยอ่านเจอในหนังสือนานมาแล้วว่า สมเด็จพระสังฆราช สุก ไก่เถื่อน ได้พยากรณ์ไว้ว่า คณะสงฆ์ไทยจะมีแค่พระสังฆราชองค์ ณ.ปัจจุบันนี้เป็นองค์สุดท้าย ต่อไปจะไม่มีอีกแล้ว code13จำได้แม่นยำ และในบางครั้งที่นึกคิดเรื่องนี้ขึ้นมาได้ก็คิดเสมอๆว่า ทำไม ? จะเกิดอะไรขึ้นกับคณะสงฆ์ไทย ? แต่ตอนนี้เข้าใจแล้ว ไปค้นดูเองเถิด ประวัติมีบอกไว้ รวมถึงเรื่องนี้ด้วย

    ในสมัยรัชกาลที่ ๔ โหรหลวงได้ทำนายไว้ ต่อไปศูนย์กลางความเจริญพุทธศาสนา (พระแก้วมรกต) จะย้ายไปอยู่ทางประเทศลาว

    เอกสารเตรียมตัวรับภัยพิบัติ

    การเตรียมตัว ที่สำคัญที่สุดคือ การวางแผนล่วงหน้า เตรียมใจ รวมถึงสิ่งของที่จำเป็นดังนี้
    ๑.สิ่งที่จะมาทดแทนไฟฟ้าของภาครัฐ คือ แผงโซลาร์เซลล์ , ไฟฉายแบบชารจ์ได้ , ชุดหลอดไฟ 12 v
    หลอดไฟ 1 v , 5 v ดูได้ที่ บ้านหม้อ กรุงเทพฯ เทียนไข ตะเกียงน้ำมันโบราณ


    ๒.สิ่งที่จะมาทดแทนน้ำมันรถยนต์ คือ จักรยานไฟฟ้า (มีชุดมอเตอร์ +เฟือง , แบตเตอรี่
    แยกชิ้นส่วนขาย , รองเท้าสเก็ต


    ๓.สิ่งที่จะมาทดแทนโทรศัพท์มือถือ คือ วิทยุมือถือคลื่นประชาชน (27 MHZ) , และ วิทยุว๊อคกี้-ท๊อคกี้
    คลื่นสื่อสาร ช่องกู้ภัยต่างๆ (วิทยุสื่อสารของตำรวจ) , นกพิราบ


    ๔.สิ่งที่จะมาทดแทนก๊าซหุงต้ม คือ เตาชีวมวล ของกระทรวงพลังงาน ซึ่งใช้เพียงแค่ใบไม้ที่ล่วงหล่น
    หรือ เศษกิ่งไม้เล็กๆ เป็นเชื้อเพลิง ก็สามารถหุงต้มทำอาหารได้แล้ว


    ๕.สิ่งที่จะมาทดแทนข้าวสาร คือ การปลูกต้นกล้วย เช่น กล้วยน้ำว้า กล้วยไข่ กล้วยหอม เผือก มัน


    ๖.สิ่งที่จะมาทดแทนอาหาร คือ พืชผักสวนครัวทุกชนิด และ ยาสามัญสมุนไพรประจำบ้าน
    ยาแก้ไข้ เจ็บคอ คือ ต้นฟ้าทะลายโจร บอระเพ็ด มะนาว
    ยาช่วยขับลม ช่วยให้ลำไส้ทำงานดี ขมิ้นชัน ยาช่วยถอนพิษทุกชนิด คือ ต้นรางจืด ฯลฯ


    ๗.สิ่งสุดท้าย ที่ต้องเตรียมคือ ต้องอยู่ในที่สูง อยู่นอกเขตกรุงเทพฯ ให้ห่างเขตติดชายทะเลทั้งหมด


    เบอร์ติดต่อข้างล่างนี้ เพื่ออำนวยความสะดวกกับผู้ซื้อเท่านั้น ผู้เรียบเรียงไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง

    เบอร์ติดต่อ อมร บ้านหม้อ 02-6238180 – 99 ต่อ แผนกโซลาร์เซลล์ 6101
    อุดม คลองถมเซ็นเตอร์ ล็อค A20-3-4 ถ.วรจักร มอเตอร์ไฟฟ้า 24 v. 089-9899888
    เกศณี คลองถมเซ็นเตอร์ ล็อค D25-3 ปลีก-ส่งไฟฉาย หลอดLED 085-0765113
    J & Y คุณยุ้ย หลอด LED จากจีนหลายแบบมากๆ 02-6237771

    ตัวอย่าง แผงโซลาร์เซลล์แบบต่างๆ ราคาเริ่มที่ 250 – 2500 ที่อมร บ้านหม้อ

    ละชั่ว ทำความดี มีพุทโธ ทุกลมหายใจ เคร่งครัดศีล ๕ กำหนดรู้ปัจจุบัน เท่าทันอารมณ์ความคิด

    โปรดศึกษาเพิ่มเติม ตามเว็บไซด์ต่างๆ ซึ่งทุกๆท่าน ยังเตรียมตัวรับมือทัน

    รวมถึงเวปนี้ พลังไฟฟ้าชีวมวล http://www.google.co.th/url?q=http:...IQFjAB&usg=AFQjCNEtBOvkaBaUOQaugcN4drb1nQ5XzQ
     
  2. pipatz

    pipatz เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 เมษายน 2011
    โพสต์:
    66
    ค่าพลัง:
    +199
    ดูแล้วอาจตายก่อนครบสิบปี
     
  3. นายตถาตา

    นายตถาตา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มกราคม 2010
    โพสต์:
    830
    ค่าพลัง:
    +705
    (tm-love):z16dannce_rabbit_run_awayเกิดแก่เจ็บตาย ไปไม่กลับหลับไม่ตื่น ฟื้นไม่มี หนีไม่พ้น
     
  4. CopperOxide

    CopperOxide เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    321
    ค่าพลัง:
    +289
    ชอบอ่านตรงที่คุณ code 13 พยายามหาข้อมูลนี่แหละ สำนวนเรียบเรียงอาจจะไม่ตื่นเต้นจนทำให้จิตตก แต่ก็อยู่ในกรอบที่สามารถทำให้ผู้อ่านได้ใช้วิจารณญาณตัดสินใจเอง ไม่แสดงอาการดุดันเมื่อเจอข้อขัดแย้ง เอาใจช่วยนะครับ








    ---------------------------------------------------------------
    " โลกนี้มิเคยมีผู้ใดตายด้วยรสสุรา แต่จักสิ้นลมด้วยสุรานับมิถ้วนไ<wbr>ด้ " ดื่มอย่าขับ ด้วยความปราถนาดี
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 ธันวาคม 2011
  5. Nirvana

    Nirvana เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กุมภาพันธ์ 2005
    โพสต์:
    8,189
    ค่าพลัง:
    +20,861
    Nirvana ฟันธงว่าไม่ถึง 10 ปี ได้ย้ายแน่

    นิยามที่ว่า "ป่ากระต่ายขี้" น่าพิจารณามาก
    เพราะดูหมู่บ้านหลังน้ำลดก็มีสภาพเช่นนั้น...จริงๆ
    แล้วถ้า กทม. ทั้งหมด หลังน้ำลด จะเหมือนอะไร

    วันนี้สัญญานบอกเหตุได้มาถึงแล้ว
    วิญญูชนพึงตระหรักและคิดหาทางผ่องถ่าย ครับ
     
  6. code13

    code13 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    41
    ค่าพลัง:
    +84
    นัยยะสำคัญ ของคำว่า "ป่ากระต่ายขี้"

    กระูทู้ก่อนๆ ที่code13 เคยโพสแอบๆ เกี่ยวกับ "ป่ากระต่ายขี้" ไว้หลายกระทู้ ซึ่งแต่ละท่านที่ตอบกลับมา บ้างก็ว่าเป็นป่ากระต่ายขี้ดีกว่า ไม่มีแผ่นดินให้เหยียบ ในบริบทนี้ ไม่แน่ใจว่า คิดก่อนตอบหรือเปล่า เพราะเหตุก่อนที่จะเกิดป่ากระต่ายขี้กับเมืองหลวงของไทยนั้น ในความเป็นจริง

    องค์พ่อแม่ครูบาอาจารย์ หลวงปู่....ท่านได้เฉลยปี พ.ศ.ที่จะเกิดไว้ด้วยซ้ำ เพียงแต่ code13 ไม่อาจนำมาเปิดเผยได้ เพราะกลัวกรรมมาตัดรอน (คือเอากรรมคนอื่นมาใส่หัว) .....แล้วจะอยู่ไม่ถึงเขตบุญอันยิ่งใหญ่แห่งหนึ่งของโลก ซึ่งจะเป็นแหล่งเผยแพร่พุทธศาสนาแท้ๆ เป็นแห่งสุดท้าย ก่อนย้ายฐานไปทางตะวันตก (และ ออสเตรเลีย)

    code13 เฉลยได้แค่ ก่อนปี พ.ศ. ๒๕๖๐ ถ้าท่านเชื่อใน ความเป็นพ่อแม่ครูบาอาจารย์ องค์อริยะสงฆ์ ที่ท่านเมตตากล่าวเป็นนัยยะ ปรารถไว้เป็นคราวๆ หากจำเป็นเมื่อต้องรับนิมนต์เข้ามาโปรดศิษย์ในกรุงฯ คณะศิษย์ที่ติดตามมากับองค์หลวงปู่ฯ บางท่าน (รวมถึงหลวงพ่อ...สำนักสงฆ์ ที่กำแพงเพชรด้วย) เคยได้ยินหลวงปู่...ปรารถไว้ วันข้างหน้าเมือง.....จะเป็นป่ากระต่ายขี้ ดังนั้นนับจากปลายปีนี้ พ.ศ.๒๕๕๔ ถึง ก่อนปี พ.ศ. ๒๕๖๐ ให้ทุกท่านเตรียมย้ายออกจากเมืองหลวง หรือ เตรียมการที่ดินแห่งอื่นไว้ และในที่ดินนั้นปลูกพืชกินง่ายรวมถึงทำพืชผักแนวเศรษฐกิจพอเพียงสำรองไว้ได้เลย

    เพราะคำตอบ ปี พ.ศ. ที่จะเกิดเหตุนั้น มาแน่ และน่ากลัวด้วย แต่ไม่อาจเปิดเผยคำพูดบางคำที่ หลวงปู่....พูดไว้ได้

    หมายเหตุ สิ่งที่หลวงปู่ฯพูดไว้นั้น code13 ไม่ได้ยินด้วยหู แต่รับฟังมาจากศิษย์สายบารมีของหลวงปู่.....ทั้งบรรพชิตและฆราวาส

    อย่าลืมนะ วันนั้น ภัยใหญ่นั้น ถ้ามาทางทะเล เรามีเมืองจระเข้ใหญ่ที่สุดในโลก ไว้ให้โลกชื่นชม แต่วันนั้น ชาละวันจะเอาคืน

    บทความต่อไป มาดูคำวิเคราะห์ของนักวิชาการที่มีชื่อเสียงของต่างประเทศดูบ้าง

    พิมพ์คัดลอกมาจาก คอลัมน์ใน นสพ.รายวันฉบับหนึ่งของไทย เมื่อเดือนที่แล้ว


    " น้ำท่วมที่ผ่านมานี้ นี่แค่โหมโรง "


    เป็นเสียงที่จะต้องรับฟังเมื่อนายเจอร์รี่ เวลาสเกรซ เจ้าหน้าที่จากสำนักเลขาธิการองค์กรด้านยุทธศาสตร์ระหว่างประเทศเพื่อลดภัยพิบัติแห่งสหประชาชาติ ได้กล่าวถึงอุทกภัยที่เกิดขึ้นในประเทศไทยครั้งนี้ ซึ่งถือว่าร้ายแรงที่สุดในรอบ 50 ปี

    นั่นเป็นเพราะว่าไทยมีหน่วยงานจัดการเรื่องน้ำท่วมถึง 8 แห่ง ทว่า ระบบการจัดการปัญหาของแต่ระแห่งยังไร้ประสิทธิภาพและในระยะยาวประเทศในภูมิภาคเอเซีย โดยเฉพาะไทยควรมีแผนจัดการภัยพิบัติที่ครอบคลุมและเป็นระบบมากกว่านี้

    และได้กล่าวย้ำว่านักวิเคราะห์ภัยพิบัติของสหประชาชาติมีความวิตกกังวลว่า สถานการณ์น้ำท่วมในไทยขณะนี้อาจจะเป็นเพียงการโหมโรงของวิกฤติมหาอุทกภัยเท่านั้น ซึ่งกำลังจะมาถึงในอนาคตอันใกล้นี้ก็เป็นได้


    “ถ้าจะถามว่าสถานการณ์น้ำท่วมครั้งนี้เป็นหายนะครั้งร้ายแรงที่สุดของไทยแล้วหรือไม่ ก็จะตอบว่าไม่ใช่ เพราะโดยส่วนตัวมองว่าวิกฤติน้ำอันเลวร้ายที่สุดกำลังมุ่งหน้ามาที่ไทยในอีกไม่ช้านี้”


    ฟังแค่นี้ก็ขนลุกแล้วครับ...

    ขนาดที่กำลังเกิดขึ้นในขณะนี้ก็แทบแย่จนเอาตัวจะไม่รอดแล้วหากว่านี่เป็นเพียงแค่การเริ่มต้นของมหาอุทกภัยที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ลองนึกภาพดูเถอะว่ามันจะเป็นอย่างไร

    นี่จึงเป็นเรื่องต้องพึงตระหนักเป็นอย่างยิ่ง......
    -------------------------------------------------------------------------------
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 ธันวาคม 2011
  7. Allymcbe222

    Allymcbe222 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    547
    ค่าพลัง:
    +1,445
    ก่อน 2560 หรือครับ

    แล้วก่อน 2557 หรือเปล่าครับ
    ขอบคุณครับ
    :cool:
     
  8. กสิน9

    กสิน9 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    322
    ค่าพลัง:
    +270
    มันก็สวนทางกับเด็กปลาบู่สิครับของเขาว่าสิ้นปีนี้หรือไม่เกินสิ้นปีหน้าตามที่เล่าไว้และ ตายเหมือนไดโนเสาร์คือสูญพันธุ์ไม่งั้นคงไม่เทียบกับสัตว์ชนิดนี้หรอก ขนาดโลกเปลี่ยนแปลง คิดเอาเองครับ
     
  9. ลายกนก

    ลายกนก Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    109
    ค่าพลัง:
    +78
    มีให้เบอร์ติดต่อผู้ขายด้วยครับ
    มีนัยยะแอยแฝงมั้งครับ
     
  10. CopperOxide

    CopperOxide เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    321
    ค่าพลัง:
    +289
    "...อย่าลืมนะ วันนั้น ภัยใหญ่นั้น ถ้ามาทางทะเล เรามีเมืองจระเข้ใหญ่ที่สุดในโลก ไว้ให้โลกชื่นชม แต่วันนั้น ชาละวันจะเอาคืน..."



    ที่ไหนบ้างน้อ มีฟาร์มจระเข้ ใหญ่ๆ แถมพื้นที่ติดทะเลด้วย ???
    น่าคิด-น่าคิด
     
  11. พนมกุเลน

    พนมกุเลน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,455
    ค่าพลัง:
    +7,618
    ต่อไปน้ำทะเล อาจจะขึ้นมาถึงจังหวัดหนึ่งใกล้ภาคกลาง ซึ่งมีความสูงกว่าระดับน้ำทะเล 40 เมตร ?


    ตอนนี้ พศ. 2554 เห็นแนวโน้มทางภาคตะวันออก สมุทรสาคร สมุทรปราการ ชลบุรี ชายฝั่งถูกกัดเซาะหนัก แผ่นดินหดหายไปเรื่อยๆ รองลงมาก็ระยอง

    คงจะสัก 50 ปี ที่เข้าขั้นวิกฤติ อะไรก็เอาไม่อยู่ จนต้องถอดใจกัน

    [​IMG]


    [​IMG]

    www.ngthai.com/ngm/0909/feature.asp?featureno=5

    ชายฝั่งคือพื้นที่ชุ่มน้ำสำคัญของโลก เป็นรอยต่อระหว่างแผ่นดินและท้องทะเล เป็นระบบนิเวศสำคัญ และเป็นกันชนภัยพิบัติธรรมชาติที่มีประสิทธิภาพ แต่ทุกวันนี้เรากำลังสูญเสียพื้นที่แสนสำคัญนี้ไปจากการถูกทะเลกัดเซาะ

    ตลอดกว่า 30 ปีที่ผ่านมา ประเทศไทยสูญเสียพื้นที่ชายฝั่งจากการกัดเซาะไปแล้วกว่าหนึ่งแสนไร่ ทะเลค่อยๆรุกคืบเข้ามาหาเราอย่างเชื่องช้าทว่าเกรี้ยวกราด ชุมชนหนึ่งที่ได้รับเคราะห์กรรมนี้อย่างแสนสาหัสคือ ชุมชนขุนสมุทรจีน จังหวัดสมุทรปราการ ที่นี่ถูกกัดเซาะด้วยอัตรา 30 เมตรต่อปี

    สมร เข่งสมุทร ผู้ใหญ่บ้านชาวขุนสมุทรจีนเล่าให้ฟังทั้งน้ำตาว่า ชุมชนบ้านเกิดของเธอถูกทะเลรุกคืบจนหายไปร่วมห้ากิโลเมตรแล้ว แม้ว่าเธอได้พยายามต่อกรอย่างถึงที่สุด ตั้งแต่ทิ้งเขื่อนหิน สร้างกำแพง ไปจนถึงปักเสาไฟฟ้า แต่ก็ไม่สามารถทานพละกำลังของธรรมชาติได้เลย

    อย่างไรก็ตาม แม้ว่าทางการจะกำหนดให้ปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งเป็นวาระระดับชาติ แต่ปัญหาที่น่ารำคาญใจมากกว่าคือหน่วยงานที่มีอำนาจทับซ้อน ไม่เบ็ดเสร็จ และงบประมาณขยักขย่อน เวลาที่ผ่านไปพร้อมกับธรรมชาติรุกคืบ ยิ่งประทับความเจ็บปวดให้ชาวบ้านอย่างสมร “ถามว่านี่ประเทศไทยหรือเปล่า ไม่ตกใจกันบ้างหรือ หมู่บ้านหายไปขนาดนี้แล้ว สมรตัดพ้อ

    เมื่อมองในภาพรวม ประเทศไทยมีชายฝั่งรวมทั้งสิ้นประมาณ 2,600 กิโลเมตร แยกเป็นฝั่งอ่าวไทยประมาณ 1,650 กิโลเมตร และฝั่งอันดามันประมาณ ffice:smarttags" /><?xml:namespace prefix = st1 ns = "urn:schemas-microsoft-com[​IMG]</st1:metricconverter>950 กิโลเมตร มีพื้นที่เสี่ยงภัยระดับวิกฤติมากมายหลายจุด อัตราการกัดเซา และสูญเสียพื้นที่มีตั้งแต่ <st1:metricconverter w:st="on" ProductID="5 เมตร">5 เมตร </st1:metricconverter>ไปจนถึง 30 เมตรต่อปี
    ประเมินมูลค่าความเสียหายเป็นตัวเงินมากกว่าแสนล้านบาท

    ตัวเลขความเสียหายระดับนี้ ทำให้การกัดเซาะชายฝั่งถูกนิยามว่าเป็น “ภัย” เงียบ แต่แท้จริงแล้วภาวะดังกล่าวเป็นเพียงการวิ่งกลับสู่จุดสมดุลของธรรมชาติ แต่ปัญหาคือภาวะคืนสมดุลเหล่านั้นบังเอิญไปกระทบกับมนุษย์ จิระพงศ์ จีวรงคกุลนักนิเวศวิทยาทางทะเลกล่าวว่า ที่เดือดร้อนก็เพราะมนุษย์เข้าไปอาศัยอยู่นั่นแหละครับ

    มีปัจจัยมากมายที่ก่อให้เกิดการกัดเซาะชายฝั่ง ในหาดโคลนซึ่งสมดุลด้วยตะกอนปากแม่น้ำและการกัดเซาะทุกวันนี้เสียสมดุลไปเนื่องจากตะกอนปากแม่น้ำที่ลดลงอย่างน่าวิตก ในฐานะนักวิทยาศาสตร์ผู้เฝ้าวิจัยติดตามการกัดเซาะชายฝั่งมากว่า 20 ปี

    ดร.ธนวัฒน์ จารุพงษ์สกุล จากคณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยค้นพบว่า ตะกอนปากแม่น้ำจากลุ่มเจ้าพระยาลดลงกว่าร้อยละ 70 สืบเนื่องจากการสร้างเขื่อนต้นน้ำและการชลประทาน ส่งผลให้ปริมาณตะกอนปากแม่น้ำพอกพูนน้อยลง ปัจจัยนี้ทำให้สมดุลตะกอนผิดเพี้ยนและนำไปสู่การกัดเซาะในที่สุด

    นอกจากนั้นแล้ว การทรุดตัวของแผ่นดินบนพื้นที่ชายฝั่งอ่าวไทยตอนบน ยังทำให้ปัจจัยการกัดเซาะรุนแรงมากขึ้น สาเหตุเนื่องมาจากการระดมสูบน้ำบาดาลขึ้นมาใช้เพื่อการเกษตรและอุตสาหกรรมในทศวรรษที่ผ่านมา ไม่ต้องรอน้ำขึ้นหรอกครับ เพราะแผ่นดินทรุดนี่ไม่ต่างอะไรกับการเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเลแล้ว ดร.ธนวัฒน์ชี้

    ส่วนในหาดทราย ปัญหาการกัดเซาะแตกต่างออกไป สัณฐานชายฝั่งดังกล่าวสมดุลอยู่ด้วยตะกอนทรายซึ่งถูกพัดพาด้วยกระแสน้ำและลมมรสุมประจำฤดูกาลขนานไปกับชายฝั่งกลับไปกลับมาอย่างสมดุล

    ดร.อานนท์ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา นักสมุทรศาสตร์และผู้อำนวยการศูนย์เครือข่ายงานวิเคราะห์วิจัยและฝึกอบรมการเปลี่ยนแปลงของโลกแห่งภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่าจริงๆแล้วชายฝั่งแต่ละที่ยืดหดตามฤดูกาลเป็นปกติครับ เพียงแต่ถ้าหดแล้วยืดกลับไม่เท่าเดิม นั่นแหละคือปัญหา

    ปัจจัยที่ทำให้เกิดการกัดเซาะในหาดทราย คือการที่ตะกอนถูกรบกวนด้วยโครงสร้างซึ่งรุกล้ำลงไปในทะเล และเป็นตัวดักตะกอนไปโดยปริยาย หนึ่งในโครงสร้างที่เป็นจุดเริ่มต้นของปัญหาอยู่บ่อยครั้งคือ เขื่อนกันทรายปากแม่น้ำ ที่สร้างขึ้นสำหรับป้องกันตะกอนทรายพัดมาปิดปากคลองหรือแม่น้ำ เพื่ออำนวยความสะดวกแก่เรือประมงขนาดใหญ่ให้สามารถเข้าออกปากแม่น้ำได้สะดวกทั้งปี มีที่จอดหลบคลื่นลมในฤดูมรสุมได้อย่างปลอดภัย

    หากมองเผินๆ นี่คือการลงทุนที่ได้ผลตอบแทนคุ้มค่าทางเศรษฐกิจ แต่หารู้ไม่ว่า ผลกระทบจากการรุกล้ำทะเลทำให้ตะกอนที่พัดพาในฤดูกาลถูกกักไว้บริเวณสันเขื่อน ส่งผลให้ชายหาดที่อยู่ใกล้เคียงได้รับตะกอนทรายลดลงและถูกทะเลกัดเซาะชายฝั่งลึกเข้ามาเรื่อยๆ เพื่อทวงคืนตะกอนทรายส่วนที่หายไป จนวันหนึ่งลามมาถึงถนนหนทางและบ้านเรือน

    ทางการท้องถิ่นหลายแห่งแก้ปัญหาเฉพาะหน้าด้วยการสร้างโครงสร้างป้องกันการกัดเซาะ อย่างเขื่อนหินทิ้ง รอดักทราย และกำแพงกันคลื่น นั่นเพราะพวกเขาเชื่อว่า การกัดเซาะเกิดจากคลื่นลมในทะเล แต่ความเข้าใจเพียงครึ่งๆกลางๆ เช่นนั้นทำให้โครงสร้างที่เกิดใหม่กลายเป็นตัวเร่งทำลายมากกว่าการป้องกันที่ถูกวิธี

    อย่างไรก็ตาม โครงสร้างวิศวกรรมป้องกันชายฝั่ง หาใช่จะเป็นการทำลายเสียทั้งหมด งานวิจัยของ ผศ.พยอม รัตนมณี จากคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ทำให้แวดวงวิชาการฮือฮา เมื่อแนวคิดโครงสร้าง “ปะการังเทียม” ที่เขาและทีมงานออกแบบ ค่อนข้างได้ผลดีในห้องปฏิบัติการ

    ความคิดบรรเจิดของเขาเกิดขึ้นอย่างเรียบง่ายด้วยการสังเกตปรากฏการณ์ธรรมชาติที่ชายฝั่งแห่งหนึ่งบนเกาะสมุย ซึ่งอุดมไปด้วยปะการังธรรมชาติและปลอดภัยจากการกัดเซาะ เขาเชื่อว่าปะการังคือโครงสร้างวิศวกรรมธรรมชาติที่ช่วยซับแรงกัดเซาะแต่ไม่รบกวนกระแสน้ำชายฝั่ง

    แม้จะยังเร็วไปหากจะบอกว่า ปะการังเทียมของเขาสลายคลื่นได้ในสมรภูมิจริง เพราะนั่นเป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลาเป็นมาตรวัด “พลังธรรมชาติมหาศาลมากครับ เราสลายเขาไม่ได้หรอก ทำเพียงแต่เพียงร้องขอให้เราอยู่ร่วมกันให้ได้” ผศ.พยอม ทิ้งท้าย

    ขณะที่นักวิจัยเลือดสะตออย่างพยอม กำลังหาทางช่วยกอบกู้หาดทราย แต่หากนำวิธีการดังกล่าวมาใช้ในหาดโคลน ปะการังเทียมของเขาคงต้องยกธงขาวอย่างไร้ทางสู้ เพราะในระยะยาวปราการทางวิศวกรรมจะถูกกัดเซาะไปถึง ฐานรากจนพังทลาย ปัญหาในหาดโคลนดูจะซับซ้อนกว่ามาก นอกจากต้องลดความแรงของคลื่นแล้ว ยังอยู่ที่การดักจับตะกอนเลน ซึ่งมีน้ำหนักเบา และใช้เวลาพอกพูนนานกว่าในหาดทราย

    แม้จะดูเหมือนว่าไม่มีโครงสร้างใดช่วยเหลือหาดโคลนในระยะยาวได้ แต่หนึ่งในโครงสร้างอัจฉริยะที่ช่วยป้องกันการกัดเซาะและดักจับตะกอนได้อย่างชาญฉลาด เรารู้จักกันมานานแล้วในนาม “ป่าชายเลน”

    แต่การฟื้นฟูป่าชายเลนซึ่งลดจำนวนลงมหาศาลไม่ใช่งานง่าย นักวิทยาศาสตร์อย่าง ดร.ธนวัฒน์ จารุงพงษ์สกุล เล่าว่า ความลำบากส่วนหนึ่งเกิดจากการสูญเสียตะกอนเลนหน้าหาดจากการกัดเซาะ วิธีฟื้นฟูที่ดีที่สุด ต้องคืนตะกอนเลนหน้าหาดกลับมาให้ได้เสียก่อน

    หลังจากทดลองในสมการบนหน้ากระดาษ แบบจำลองคอมพิวเตอร์ ไปจนถึงแล็บจำลองคลื่น สุดท้ายธนวัฒน์ ก็ได้โครงสร้างเรียบง่ายมาชุดหนึ่ง เขาตั้งชื่อให้ว่า เขื่อนขุนสมุทรจีน 49A2 ซึ่งสามารถสลายกำลังคลื่นได้ตามหลักฟิสิกส์ และทำให้พื้นที่หลังเขื่อนเป็นที่ทับถมของตะกอนเลนหน้าหาด
    แม้ขั้นตอนต่อไปคือการฟื้นฟูป่าชายเลน แต่ ดร.สมศักดิ์ บรมธนรัตน์ ประธานมูลนิธิสถาบันทรัพยากรชายฝั่ง แห่งเอเชีย ก็เตือนว่า

    นอกจากการปลูกแล้ว เราต้องดูเรื่องความหลากหลายของพรรณพืชด้วยครับ ทุกวันนี้เราเลือกแต่โกงกางเพราะปลูกง่าย ซึ่งไม่ถูกต้องนัก นอกจากนี้ เรายังต้องระวังเรื่องการปลูกป่าในพื้นที่ดินเลนงอกใหม่ซึ่งอาจมีผลต่อกระแสน้ำ และทำให้เกิดการกัดเซาะในพื้นที่อื่นได้อีกครับ

    แม้หลายฝ่ายกำลังตื่นตัวกับภัยเงียบนี้ แต่ปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งกลับไม่ใช่เป็นเพียงเรื่องของโครงสร้างทางวิศวกรรมหรือระบบนิเวศเท่านั้น เพราะยังมีประเด็นเกี่ยวเนื่องอีกมากมาย ตั้งแต่ความขัดแย้งระหว่างชุมชน ข้อกฎหมาย วิถีชีวิต ปากท้องและความเป็นอยู่ของผู้คน ไปจนถึงการเมือง

    ดร.อานนท์ สนิทวงศ์ ณ อยุธยาเชื่อว่า แม้เราจะแก้ปัญหาทางด้านวิศวกรรมหรือระบบนิเวศได้ แต่ถ้ายังแก้ปัญหาทางสังคมไม่ได้ ละครก็ยังไม่จบ เราเพิ่งทำการบ้านเสร็จไปครึ่งเดียวเองครับ

    ทุกวันนี้ แม้เราจะเห็นภาพการสูญเสียพื้นที่จากการกัดเซาะชายฝั่ง และรับรู้ถึงคำพยากรณ์ที่น่าสะพรึงกลัวบ่อยๆ โดยเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ

    แต่ตราบใดที่ภัยพิบัติไม่มาเคาะเรียกที่ประตูบ้าน เราก็คงยังไม่ตระหนักถึงสิ่งที่เกิดขึ้น แต่นักวิชาการวงในอย่างดร.ธนวัฒน์มองว่า คงไม่ต้องรอให้ถึงวันนั้น เพราะผลกระทบค่อยๆคืบคลานมาเป็นปัญหาในทางอ้อม

    ผมยกตัวอย่างง่ายๆ คนที่มีอาชีพประมงประมาณหนึ่งล้านคนที่อยู่ปากแม่น้ำ ถ้าหาดหาย แผ่นดินหาย ไม่มีบ้านอยู่ ไม่มีอาชีพ พวกเขาอาจต้องย้ายเข้ามาในเมือง ถ้าไม่มีงานทำ หลายคนอาจลงเอยด้วยการลักเล็กขโมยน้อย และอาจถึงขั้นอาชญากรรม กระทบกับคุณแน่นอน วันนี้อาจยังไม่กระทบกับคุณ แต่ลูกหลานคุณล่ะ

    [​IMG]

    <TABLE border=0 cellSpacing=1 cellPadding=3 width="100%"><TBODY><TR><TD class=topicHead align=center>โลกร้อนเสริมเหตุกระทบชายฝั่งทะเลทั่วโลก</TD></TR><TR><TD class=detailFont>
    มติชน : คอลัมน์ จับกระแสโลกร้อน


    หลายองค์กรที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโลก กล่าวถึงความรุนแรงของปัญหาภาวะโลกร้อนว่า อาจมีความรุนแรงมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ ณ เวลานี้ทุกคนไม่ควรละเลยความสำคัญของปัญหาดังกล่าว โดยเฉพาะผลกระทบโลกร้อนอาจเพิ่มปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งทะเล ซึ่งมีสาเหตุจากการกระทำของมนุษย์ และจากธรรมชาติ อาจมีความรุนแรงและเกิดขึ้นรวดเร็วมากกว่าที่คาดการณ์ไว้

    ภาวะโลกร้อนสามารถเป็นปัจจัยเสริมความรุนแรงของสาเหตุจากธรรมชาติที่ก่อให้เกิดปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งทะเล เนื่องจากผลกระทบทำให้เกิดความแปรปรวนของสภาพอากาศโลก และการเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเล ส่งผลให้พายุและคลื่นที่พัดเข้าหาชายฝั่งทะเล มีความถี่และความรุนแรงเพิ่มขึ้นและมีการเปลี่ยนทิศทาง จนเกิดการกัดเซาะรุนแรงจนสูญเสียเนื้อที่ชายฝั่งและเกิดแผ่นดินทรุดตัวตามแนวชายฝั่งเพิ่มขึ้น ทำให้ชุมชนต้องอพยพย้ายที่อยู่อาศัย และรัฐต้องเสียงบประมาณป้องกันปัญหาดังกล่าวเพิ่มขึ้น

    หลายประเทศมีสภาพปัญหาที่ใกล้เคียงกันเกี่ยวกับปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งทะเลดังกล่าว เช่น ที่รัฐฟลอริดา สหรัฐอเมริกา มีการสูงขึ้นของระดับน้ำทะเลลุกล้ำเข้าสู่ปากแม่น้ำและท่วมชายฝั่ง รวมทั้งการลดลงของชายหาดในหลายแห่ง ดังนั้น สถาบัน Institute of Science and Public Affairs แห่งมหาวิทยาลัยมลรัฐฟลอริดา ได้ทำการการศึกษาในปี 2007 เพื่อคาดการณ์การสูงขึ้นของระดับน้ำทะเล ตั้งแต่ปี 2006-2080 ในบริเวณรอบฟลอริดา เพนนินซูลา พบว่าแนวโน้มความสัมพันธ์ของช่วงเวลาและการเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเลเป็นเส้นตรงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องตามการเพิ่มขึ้นของระดับก๊าซเรือนกระจก การศึกษานี้ทำให้ทราบแนวทางการวางแผนทางเศรษฐศาสตร์และการป้องกันในอนาคต

    และจากการรายงานของ Intergovernmental Panel on Climate Change (IPCC) ปี 2007 เช่นกัน พบว่าประเทศออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ มีระดับน้ำทะเลสูงขึ้นกว่าค่าเฉลี่ยระดับน้ำทะเลทั่วโลกประมาณ 25% หมายถึงระดับน้ำในมหาสมุทรอาจเพิ่มขึ้นถึงระดับ 80 เซนติเมตร ในปี 2100 ข้างหน้า ทั้งพบว่ามีความถี่และความรุนแรงของพายุเพิ่มขึ้นด้วย รวมทั้งชายฝั่งถูกน้ำท่วมในหลายแห่ง โดยเฉพาะทางแถบเมือง Cairn และแถบตะวันออกเฉียงใต้ของรัฐควีนแลนด์ ของออสเตรเลีย

    ประเทศไทยเป็นประเทศหนึ่งที่มีพื้นที่ชายฝั่งทะเลที่มีความยาวค่อนข้างมาก กล่าวคือ ฝั่งอ่าวไทย มีความยาวชายฝั่งตลอดแนว 1,878 กิโลเมตร และชายฝั่งทะเลอันดามัน 937 กิโลเมตร (จากข้อมูลกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง) ตลอดทั้งสองแนวชายฝั่งมีทรัพยากรทางทะเลหลากหลายชนิดทำให้เกิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจต่างๆ มากมาย อาทิ การท่องเที่ยว การทำประมงชายฝั่ง การคมนาคมทางน้ำ หากเกิดปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งเพิ่มขึ้นก็อาจส่งผลต่อเศรษฐกิจตามมา

    เมืองไทยและทุกประเทศต้องร่วมมือกันวางแผนป้องกันทั้งในระยะสั้น และระยะยาว เพราะการไหลเวียนของกระแสน้ำทะเลและมวลอากาศของโลกมีการเชื่อมโยงถึงกันอยู่ตลอดเวลา


    </TD></TR><TR><TD align=center>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  12. code13

    code13 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    41
    ค่าพลัง:
    +84
    เผยเหตุสำคัญ ที่หน่วยงานรัฐไม่กล้าแตะ (แถลงข่าว)

    code13 เปิดเผยข้อมูลในกระทู้นี้ทั้งหมดด้วยความบริสุทธิ์ใจ

    เพราะข้อมูลบางอย่าง code13 มองว่า คุณหาไม่ได้ หรือ ไม่มีเวลาที่จะเจาะลึก หรือไม่สนใจ เพราะเหตุอีกนาน การทำงานของcode13 ต้องใช้เวลาอดทนในการหาข้อมูล ฉะนั้นสิ่งทั้งหมดในกระทู้ code13ได้น้อมใจทำ ไม่ใช่สักแต่ว่าทำ เรื่องบางเรื่องที่สมาชิกตอบกลับมาจึงเป็นกฏธรรมดาของโลก คือโลกธรรมแปด​


    มีบรรพชิต ได้ถ่ายทอดข้อมูลมาเพิ่มว่า ในปีก่อนหน้าปี พ.ศ. 47 มีบางหน่วยงานรวมถึงนักวิชาการของ ตปท. ได้แถลงข่าวเตือนก่อนหน้าว่าระวังภัยสึนามิ แต่กลับถูกฟ้องร้อง ด้วยเหตุนี้ หน่วยงานหลักๆ ในปัจจุบันจึงไม่ผลีผลามหรือเอาตัวเข้าเสี่ยง เพราะการฟ้องร้องค่าความเสียหายในเชิงธุรกิจมันมหาศาล ลำพังเงินเดือนที่รัฐให้ได้ไม่คุ้มเสีย

    ------------------------------------------------------------
     
  13. พนมกุเลน

    พนมกุเลน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,455
    ค่าพลัง:
    +7,618
    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left></TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD height=40><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4><TBODY><TR><TD class=body vAlign=middle align=left></TD><TD class=date vAlign=middle align=left></TD><TD vAlign=middle align=left>

    <?XML:NAMESPACE PREFIX = G /><G:pLUSONE size="medium"></G:pLUSONE>

    <TD></TD></TR></TBODY></TABLE>[​IMG]
    </TD></TR><TR><TD></TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=middle align=center>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=center></TD></TR></TBODY></TABLE>
    เสรี ศุภราทิตย์ กูรูวิเคราะห์สถานการณ์น้ำ


    [ame="http://www.youtube.com/watch?v=bw7k_fXXlL8&feature=player_embedded"]ครอบครัวเดียวกัน อ เสรี ทีมข่าวมวลน้ำ - YouTube[/ame]


    ในห่วงเวลาแห่งมหาอุทกภัยครั้งใหญ่ที่สุดในประเทศไทย คงไม่มีใครไม่เคยได้ยินชื่อ “รศ.ดร.เสรี ศุภราทิตย์” วิศวกรผู้เชี่ยวชาญภัยพิบัติอันดับต้นๆ ของเมืองไทย

    ที่หลายต่อหลายคนใจจดจ่อเฝ้าหน้าจอฟังการวิเคราะห์สถานการณ์น้ำ ด้วยข้อมูลที่เห็นภาพและเข้าใจได้ง่าย

    และหากย้อนถึงการทำงานในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ถือว่า รศ.ดร.เสรี ศุภราทิตย์ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์พลังงานเพื่อสิ่งแวดล้อม อุทยานสิ่งแวดล้อมนานาชาติสิรินธร และผู้อำนวยการศูนย์การเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศและภัยพิบัติ มหาวิทยาลัยรังสิต เป็นอีกผู้หนึ่งที่ทุ่มเทและเสียสละในการทำงานอย่างมาก

    โดยเฉพาะช่วงกว่า 2 ปีผ่านมา รศ.ดร.เสรี ได้เข้ามามีบทบาทในการทำงานประสานให้ข้อมูลกับหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องกับภัยพิบัติ โดยการให้ข้อมูลเรื่องเร่งด่วนที่เกี่ยวกับภัยพิบัติที่หน่วยงานรัฐมองข้าม เพื่อให้ประชาชนเตรียมการณ์รับสถานการณ์ได้อย่างทันท่วงที

    รศ.ดร.เสรีเล่าว่า ตั้งแต่เมื่อปี 2552 ได้บอกกับทางรัฐบาล ถึงเหตุการณ์อุทกภัยครั้งยิ่งใหญ่ ที่จะเกิดขึ้นกับกรุงเทพมหานครภายใน 10 ปี

    แต่ไม่อาจระบุได้ว่าจะเกิดขึ้นในปีไหน เนื่องจาก ว่าพบข้อมูลว่า มีปริมาณฝนที่มากขึ้น และระบบผังเมืองที่ไม่ค่อยดีนัก อีกทั้งระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้น และแผ่นดินที่ทรุดตัว

    “ในตอนนั้น เราได้ประเมินความเสียหายบนพื้นฐานที่ว่า ไม่ได้มีการต่อสู้กับภัยพิบัติด้วยวิธีใดๆ ประมาณหนึ่งแสนห้าหมื่นล้านบาท แต่เนื่องจากว่า ยังไม่มีใครออกมาหาวิธีป้องกันอย่างชัดเจน

    จนเหตุการณ์ต่างๆ ที่เคยคาดการณ์ไว้ มาถึงจริงๆ เรารู้ข้อมูลว่า จะเกิดความเสียหาย และส่งผลให้ประชาชนเดือดร้อนมากน้อยแค่ไหน

    ดังนั้น จึงเป็นจุดเริ่มต้นให้ออกมาร่วมแก้ไขปัญหา และหาทางออก ในการฝ่าวิกฤต ให้กับประชาชน”


    รศ.ดร.เสรี บอกอีกว่า การมองหาใครสักคน ที่ทำงานเพื่ออุทิศตัวเองเพื่อสังคม และทำงานด้วยจิตวิญญาณอย่างแท้จริงนั้น ยังคงเป็นเรื่องยากในสังคมไทย

    สำหรับตนเองเชื่อมั่นว่า มีจิตวิญญาณที่แน่วแน่ในการทำเพื่อส่วนรวม และสิ่งที่กำลังพยายามทำต่อจากนี้ คือ การสร้างคน

    อย่างน้อย ต้องสร้างเพื่อให้แต่ละคน ถนัดในแต่ละด้านที่แตกต่างกัน แต่หลังจากนั้น ก็เป็นหน้าที่ของพวกเขาเหล่านั้น ว่าจะทำเพื่อสังคมต่อไปหรือไม่

    “เป็นไปได้ยากที่บัณฑิตใหม่ จะอุทิศชีวิตการทำงานเพื่อส่วนรวมอย่างเดียว คนเราทุกคน ย่อมต้องการสร้างต้องรากฐานที่มั่นคงให้กับตัวเองก่อน แต่เมื่อถึงจุดๆ หนึ่งแล้ว ขอให้คิดถึงประเทศชาติ

    คิดว่า จะช่วยเหลือประเทศได้อย่างไร โดยเฉพาะ กับภัยพิบัติเหล่านี้ ที่จะเพิ่มมากขึ้นแน่นอน ในอนาคต


    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 ธันวาคม 2011
  14. พนมกุเลน

    พนมกุเลน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,455
    ค่าพลัง:
    +7,618
    มันก็ธรรมดา โลกมีวงจรการเปลี่ยนแปลง ที่จะเวียนมาครบรอบอยู่เรื่อยแหละ ทำให้ภูมิศาสตร์กายภาพเปลี่ยนโฉมหน้า และก็กระทบกับสิ่งมีชีวิตต่างๆ ไปตามสภาพ

    การที่มีคนออกมาเตือนให้ระวัง นี่ดี

    แล้วคนที่มีปัญญา รู้จักคิดวิเคราะห์ หาข้อมูลมาต่อยอด รึติดตามข่าวสารสถานการณ์รอบข้าง แล้วเอาเรื่องภัยพิบัติมาตระหนัก เพื่อเตรียมการของเขา อย่างที่ไม่ใช่ถึงกับตื่นตูม นี่ก็ดี โอกาสอยู่รอดปลอดภัยมีสูง
     
  15. poon-pan

    poon-pan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    2,292
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +7,115
    อย่าคิดมากเลย...เสียบรรยากาศหมด

    พี่เขาก็บอกไว้ชัดแล้ว ว่า

    :cool:"เบอร์ติดต่อข้างล่างนี้ เพื่ออำนวยความสะดวกกับผู้ซื้อเท่านั้น ผู้เรียบเรียงไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง"
     
  16. code13

    code13 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    41
    ค่าพลัง:
    +84
    เจาะลึกข้อมูลเปลือกโลกไทยทรุดจากการวิจัยร่วมระหว่างหน่วยงานไทย + ตปท.

    จากข้อมูลนี้

    วันพฤหัสบดีที่ 29 กรกฏาคม 2553
    จับตาเปลือกโลก....แผ่นดินทรุด! น้ำทะเลเพิ่มสูง...ไทยเสี่ยงท่วม!?
    “จากงานวิจัยไม่เพียงพบการเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเลในอ่าวไทยที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยของโลกประมาณ 2 เท่า หากแต่พบการลดระดับของเปลือกโลกในบริเวณประเทศไทยที่น่าเป็นห่วง!?”

    เป็นการร่วมมือระหว่างหน่วยงานในประเทศและหน่วยงานของต่างประเทศ คือ



    โครงการวิจัยร่วมไทย-ยุโรป GEO2TECDI ซึ่งเป็นโครงการวิจัยร่วมระหว่างประเทศไทยและสหภาพยุโรป ซึ่งคณะนักวิจัยจากคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กรมแผนที่ทหาร กรมอุทกศาสตร์ โรงเรียนนายเรือ และสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ ร่วมกับมหาวิทยาลัยในยุโรป ได้แก่ TUDelft, TUDarmstadt และENS ได้ใช้ข้อมูลจากดาวเทียม จีพีเอส ดาวเทียมวัดระดับน้ำทะเลและดาวเทียม SAR ซึ่งเป็นเทคโนโลยีอวกาศ Space-geodetic ตรวจวัดและติดตามการเปลี่ยนแปลงระดับน้ำทะเล การเคลื่อนตัวของเปลือกโลกและการทรุดตัวของแผ่นดิน


    งานวิจัยไม่เพียงพบการเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเลในอ่าวไทยที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยของโลกประมาณ 2 เท่า หากแต่พบการลดระดับของเปลือกโลกในบริเวณประเทศไทยที่น่าเป็นห่วง!!....

    สรุปด้วยภาพการทรุดตัวของเปลือกโลก จากไฟล์ pdf กรมแผนที่ทหาร

    ๑. แผนที่หลักหมุด คือแผนที่หลักหมุด จีพีเอส ที่มีความละเอียดถูกต้องสูงและครอบคลุมทั่วประเทศ จัดทำโดยกรมแผนที่ทหาร

    ๒. แผนที่โครงสร้างเปลือกโลกพื้นดินประเทศไทย ก่อนเกิดแผ่นดินไหวปี ๔๗ และหลังเกิดแผ่นดินไหวปี ๔๗ มีการเคลื่อนตัวอย่างเห็นได้ชัด (ตามแนวลูกศรสีแดง เคลื่อนลงไปทางตะวันตกเฉียงใต้) โดยการใช้ดาวเทียมสำรวจ

    ๓. แผนที่การเคลื่อนตัวของพื้นแผ่นดินสะสม ถึงปี พ.ศ.๒๕๕๓

    สรุป ภาคใต้เคลื่อนไป ๗๒ ซ.ม.

    อ.สัตหีบ ชลบุรี เคลื่อนตัวไป ๒๐.๗ ซ.ม.
    (กทม. สมุทรปราการ ฉะเชิงเทรา ก็อยู่ในข่ายร่างแห)

    ๔. แผนที่มุมบ่ายเบนทางราบและทางดิ่ง ของผืนเปลือกโลกของไทย

    ๕. ภาพแผ่นดินบริเวณ กทม.และปริมณฑลที่ทรุดตัวแบบผิดปกติ


    ------------------------------------------------------------------------------

    ข้อมูลที่อ้างอิงข้างบนเป็นหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่เพียงพอกับเหตุผลที่ องค์อริยสงฆ์ หลวงปู่ฯ รู้ล่วงหน้าด้วยญาณทัศน์ อันแม่นยำ ที่ code 13 มั่นใจว่า


    เป็นภัยพิบัติของแท้ แบบจัดหนักๆ พึงตระหนักเป็นอย่างยิ่ง
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 ธันวาคม 2011
  17. Aunyasit

    Aunyasit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    1,312
    ค่าพลัง:
    +13,053
    อีก10 ปีนานไปครับ พระองค์โลกุตตระท่านบอกผมว่าเกิดกลางปี 55 นี้แหละครับ ให้คณะผมเตรียมตัวเตรียมใจไว้ สติจะได้ไม่วิปลาส ให้ละวางทุกสิ่งทุกอย่างพร้อมรับในสิ่งที่เกิดขึ้น เมื่อถึงเวลาให้พากันไปในสถานที่ที่ได้สร้างกันเอาไว้ ท่านสั่งให้บอกต่อ ใครจะเชื่อ ไม่เชื่อก็ช่างเขา กึ่งพุทธกาลถึงเวลาเปลี่ยนยุคเข้าสู่ยุคศิวิไลย์แล้วครับ
     
  18. ศักติ

    ศักติ สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    43
    ค่าพลัง:
    +2
    ต้องขอบคุณผู้ให้ข้อมูลนะครับ ทุกอย่างมันก็เป็นวัฎจักรอย่างนี้แหละครับ และเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา ยังไงก็ต้องตั้งสติไว้ตลอดเวลาครับ
     
  19. poon-pan

    poon-pan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    2,292
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +7,115
    ขออนุญาติ จขกท. ร่วมแสดงข้อมูลด้วยอีกคนหนึ่งครับ

    ขอร่วมแสดงข้อมูลด้วยคนครับ

    มีพระองค์หนึ่ง ผมได้กราบท่านมาเป็นเวลาสิบปีเศษๆแล้ว
    ท่านเคยกล่าวถึงเรื่องราวที่จะเกิดขึ้นในอนาคตโดยท่านไม่ได้พูดตรงๆ แต่ให้เราสังเกตเอาเอง และผมคนนึงที่พอได้ฟังท่านกล่าวไว้ในแต่ละครั้งก็จะคอยดูอยู่ว่าจะจริงตามที่ท่านว่าไว้หรือเปล่า...

    เรื่องแรกที่ผมคอยเฝ้าติดตามสิ่งที่ท่านบอกไว้เมื่อประมาณ พ.ศ.2541-42 ท่านบอกไว้ตอนทำบุญปีใหม่ที่วัดท่าน

    ท่านบอกว่า "...ในอนาคตพวกรุ่นปู่ ย่า ตา ยายจะไม่ได้ทันได้เห็นแต่พวกรุ่นลูกรุ่นหลานจะได้พบได้เห็นในสิ่งที่ไม่เคยเห็นมาก่อนในชีวิต..."
    นี่ก็ผ่านมานับสิบปีแล้ว


    เรื่องที่สอง ท่านบอกไว้เมื่อปีไหนก็จำไม่ได้แล้วครับ
    ท่านบอกไว้ตอนต้นปี "...ว่าท่านมีนิมิตฝันเห็นพระพุทธรูปร้องไห้..."
    พอมากลางปีพวกนอกศาสนาเอาปืนใหญ่ ยิงถล่มพระพุทธรูปที่หน้าผาซะป่นปี้ ยับเยิน

    เรื่องที่สาม ท่านบอกไว้ถ้าผมจำไม่ผิดน่าจะเป็นตอนต้นปีก่อนจัดตั้งรัฐบาลๆหนึ่ง
    ท่านบอกว่า "...ท่านฝันว่า ท่านนั่งอยู่ในรถเมล์ มีคนขับพาไปตกลงไปในเหว คนที่นั้งในรถเมล เลือดออกท่วม บาดเจ็บกันมาก....แต่ท่านไม่เป็นไร"
    พอหลังจากจัดที่รัฐบาลจัดตั้งเสร็จแล้วก็เกิดมีการประท้วง มีการใช้อาวุธยิงกันผู้คนบาดเจ็บล้มตาย

    เรื่องที่สี่ ท่านบอกช่วงปีใหม่ ก่อนบุคคลสำคัญท่านหนึ่งเสียไม่กี่วัน
    ท่านบอกว่า "...ให้เราทำบุญ ทำสิ่งที่ดี ๆ เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระองค์ท่านมีเรื่องต้องอึดอัดขัดข้องใจมามากแล้วและเดี๋ยวท่านจะต้องเศร้าโศกเสียใจที่จะต้องสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักของท่านไปอีก..."
    พอผมกลับมาบ้านไม่กี่วันก็มีข่าวใหญ่ว่า พระพี่นางได้สิ้นชีพพิตักสัย (ไม่รู้ใช้คำราชาศัพท์ถูกหรือเปล่า)

    เรื่องที่ห้า ล่าสุด

    ท่านบอกว่า "... ตั้งแต่เดือนมกราคม ปี 2555 ประเทศไทยจะเริ่มมีภัยพิบัติเกิดขึ้นแต่ท่านไม่ได้ระบุชัดว่าเป็นอะไร เพียงแต่ท่านบอกว่าอาจเป็นแผ่นดินไหวหรือพายุ.. "(เรื่องนี้ผมฟังมาจากลูกศิษย์ที่รับใช้ท่านอยู่)
    ซึ่งก็อีกไม่นานเราคงได้รู้กัน
     
  20. พนมกุเลน

    พนมกุเลน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,455
    ค่าพลัง:
    +7,618
    คงจะแผ่นดินไหวทางเหนือ เพราะช่วงนี้ เขย่าเตือนอยู่เรื่อยๆ
     

แชร์หน้านี้

Loading...