ภาพติดตา คิดตลอด ทำอย่างไรดีคะ

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย sesom, 31 พฤษภาคม 2017.

  1. sesom

    sesom สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 พฤษภาคม 2017
    โพสต์:
    1
    ค่าพลัง:
    +2
    ประสบอุบัติเหตุ คนเมาแล้วขับขับรถพุ่งออกมาชนรถของเราซึ่งขับอยู่บนถนนใหญ่
    เรามากับลูกสองขวบ รถคันนั้นมาด้วยความเร็วสูงมากเพราะเมา 160
    ทุกคนคิดว่าเรากับลูกไม่น่ารอด แต่โชคดีมากที่เราหลบได้และไม่มีรถอยู่อีกฝั่ง
    แต่มันก็ชนตรงล้อหลังและไฟท้ายด้านซ้าย
    รถเราหมุน หันหัวกลับไปอีกด้าน
    ลูกเราหลุดลงจากเบาะมานอนลงที่พื้นรถตรงที่วางเท้า
    เสียงกรีดร้อง ภาพที่เขาร้องยังจำได้ดี เสียงรถเขาปะทะชน เสียงเบรก ภาพที่เรากำพวงมาลัยแล้วเกือบเสียหลักยังไม่ลบเลือน
    นี่ผ่านมา 3 วันแล้ว กินยาคลายเครียดตลอด แม้ไม่มีการสูญเสีย แต่สงสารลูกมาก เราคิดว่าถ้ามากกว่านี้ ถ้ามันประสานงานตรงที่ประตูแล้วลูกเราละ และที่สำคัญมันเมา เมามาก
    นึกถึงทีไรก็เสียใจ ไหนจะสงสารรถที่เขาต้องเข้าเคลมอีกสามสัปดาห์ สงสารลูกสงสารมากคะ มีวิธีการคิดอย่างไรดีคะให้มันรู้สึกสภาพจิตใจจะดีขึ้นกว่านี้
     
  2. คะนึง

    คะนึง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    178
    ค่าพลัง:
    +402
    สัญญาความทรงจำที่เรารับรู้จะถูกบันทึกเก็บไว้ภายในจิตใจ ยิ่งความทรงจำที่มีผลต่อจิตใจทั้งทางด้านดีและร้าย ถ้ามีผลกระทบต่อจิตใจมากเท่าไหร่ ยิ่งทำให้จำฝังใจ วันเวลาผ่านไปมันจะค่อยๆหายและจางลงไปตามหลักอนิจจังไม่มีอะไรคงที่ ทุกอย่างต้องดับไปตามกาลเวลา

    แต่ระยะเวลา 3 วันที่เป็นภาพติดตาติดใจอันเนื่องว่าเกี่ยวกับความเป็นความตายของชีวิตเราและบุคคลที่เรารัก มีนจึงมีความกระทบกระเทือนต่อจิตใจมาก เราต้องพิจารณาว่า ทุกอย่างที่เกิดขึ้นเราไม่ได้เป็นฝ่ายผิด มันทำให้รู้ว่าทุกนาทีมีค่าความเป็นความตายเกิดขึ้นกับเราได้เสมอ เราไม่ควรประมาท ที่เรารอดมาได้เพราะยังไม่ถึงคราวของเรา ถ้าวันนั้นไม่มีชีวิตรอดมาแบบนี้ เราจะเป็นเช่นไร ชีวิตที่เหลืออยู่ควรทำอย่างไรให้ดีที่สุด เพราะทุกคนต้องตายกันทุกคน นั่นอาจจะเป็นสิ่งเตือนใจเราก็ได้ เป็นปัญญาที่ได้จากความเข้าใจจะทำให้ความหวาดวิตกกังวลและกลัวน้อยลงได้ ถ้าหากมันหวลระลึกขึ้นมาอีกให้รีบตัดมาอยู่กับลมหายใจ หรือ มาอยู่กับอิริยาบถที่เป็นอยู่ ณ ปัจจุบัน ส่วนใหญ่ที่เราทุกข์กันเพราะชอบไปคิด ยิ่งมันขึ้นมาหาวิธีดับไม่ได้ มันก็จะทุกข์อยู่กับภาพกับความทรงจำ แล้วใช้ความคิดร่วมไปกับมันด้วย จึงเกิดให้ใจมีสภาพย่ำแย่เพราะปล่อยวางความคิดไม่ได้นั่นเอง

    เสียทรัพย์ไปบ้างดีกว่าเสียชีวิต ถ้ามีชีวิตอยู่ก็สามารถหาทรัพย์ได้ มีชีวิตรอดมาได้ถือว่าเป็นบุญนัก ที่เราให้เราได้มีโอกาสทำความดี เพราะมีสิ่งมาย้ำเตือน ให้รู้คุณค่าของชีวิตที่เหลืออยู่ค่ะ

    คุณยังโชคดีน้อยค่ะที่ไม่เป็นอะไรเลย ในขณะที่หลายคนไม่อาจมีโอกาสโชคดีอย่างคุณก็ได้ค่ะ
     
  3. Mdef

    Mdef เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มีนาคม 2017
    โพสต์:
    1,366
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +1,868
    อุบัติเหตุ คือไม่ได้เจตนาหรือรู้เท่าไม่ถึงการณ์ รู้ไม่ทันเหตุจึงเกิด
    การผ่านเหตุนั้นๆมาแล้ว แล้วมาระลึกขึ้น อันนี้คือ รู้ตามหลัง
    เราจะมาเริ่มรู้ทันได้นั้น ต้องสังเกตุผลที่เกิดจากเหตุนั้นๆ ส่งผลมาปัจจุบัน
    ก็จะเป็นการรู้ตามเหตุการณ์ รู้ตามสถานการณ์ โดยเราจะเป็นเพียงแค่ผู้ชม

    คนใจอ่อนเวลาดูหนังเศร้า ก็มักจะอินไปกับบทตัวละครนั้นๆ
    โดยการเอาตัวเองเข้าไปเป็นบทบาทต่างๆ ก็จะกลายเป็นว่าเอาความรู้สึกไปร่วมแสดงด้วย
    หนังก็ส่วนหนัง ผู้ชมก็ส่วนผู้ชม ความรู้สึกก็เอาไว้กับเนื้อกับตัว ไม่เอาไปปนกัน

    บทบาทที่หนังแสดงความเป็นแม่ที่อยากจะไปปกป้องลูก ก็ส่วนหนึ่ง อยู่ในจอ
    ผู้ชมที่รู้เนื้อรู้ตัวว่าเป็นผู้ชมอยู่ ก็ส่วนหนึ่ง อยู่นอกจอ
    คนละส่วนไม่ได้แปลว่าต้องตัดขาดจากกันหรือแยกจากกัน เพียงแต่อยู่ในคนละส่วนของเวลา
    อยู่กับเวลาแต่อย่าหลงไปกับเวลา เพราะเวลามันเดินหน้าไปเรื่อยๆ ไม่ใช่เวลาวกวน

    แม่ที่ดีควรปล่อยให้ลูกได้เติบโต วกกลับไปแต่อดีต ลูกก็กลายเป็นเด็กอยู่ตลอดไม่ได้โตซักที
    ไม่ใช่ว่าปัจจุบันเขาจะไม่โตขึ้น แต่มุมมองห่วงหวงของเรานั้นทำให้พลาดโอกาสเห็นเขาที่โตขึ้น
    ตอนเล็กๆนั้นอยู่ในตัวเรา พอเขาเจริญวัยขึ้นก็เริ่มออกห่างจากเวลาเดิมมากขึ้น
    หากวกกลับไปมองเขาเป็นเด็กอีกที ทีนี้ก็เลยกลับมาเข้าตัวเราอีกละ
    เลยกลายเป็นรับ 2 บทบาทเลย เพราะยิ่งมองลูกเป็นเด็กลูกนั้นจะยิ่งวกกลับมาเข้าตัว
    ควรมองลูกรักให้เจริญเติบโตออกห่างไปจากเวลาเดิมบ้าง ให้เขาได้แก่บ้างอะไรบ้าง
    หากเราจะเจ็บแทนเขา ป่วยแทนเขา แล้วในความเป็นจริง เราไปแก่แทนเขาได้รึป่าวหละ
    บทบาทเขาก็ส่วนหนึ่ง บทบาทเราก็ส่วนหนึ่ง

    เรื่องแม่ลูก นั้นเป็นเรื่องที่วกวน วกไปวกมาก็กลับมาเข้าตัว ต้องให้เขาเจริญเติบโตโดยถ่ายเดียว
     
  4. bluebaby2

    bluebaby2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2010
    โพสต์:
    2,471
    ค่าพลัง:
    +4,287
    พิจารณาให้เห็น อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา เห็นถึงความไม่เที่ยงของชีวิต อาจตายเมื่อไหร่เมื่อไหร่ก็ได้ไม่มีการเตือน พิจารณาแบบนี้ไม่ได้ทำให้จิตใจเราหดหู่แต่กลับเกิดความปราโมทย์

    ธรรมมีความปราโมทย์เป็นเบื้องต้น ๙ ประการ เมื่อพระโยคาว-
    *จรมนสิการโดยความไม่เที่ยง ย่อมเกิดปราโมทย์ เมื่อถึงความปราโมทย์ ย่อม
    เกิดปีติ เมื่อใจมีปีติ กายย่อมสงบ ผู้มีกายสงบย่อมได้เสวยสุข ผู้มีความสุข
    จิตย่อมตั้งมั่น เมื่อจิตตั้งมั่น ย่อมรู้ย่อมเห็นตามความเป็นจริง เมื่อรู้เห็นตามความ
    เป็นจริงย่อมเบื่อหน่าย เมื่อเบื่อหน่ายย่อมคลายความกำหนัด เพราะคลายความ
    กำหนัด จิตย่อมหลุดพ้น เมื่อพระโยคาวจรมนสิการโดยความเป็นทุกข์ ย่อมเกิด
    ปราโมทย์ ฯลฯ เมื่อมนสิการโดยความเป็นอนัตตา ย่อมเกิดปราโมทย์ เมื่อ
    มนสิการรูปโดยความไม่เที่ยง ย่อมเกิดปราโมทย์ เมื่อมนสิการรูปโดยความ
    เป็นทุกข์ ฯลฯ เมื่อมนสิการรูปโดยความเป็นอนัตตา ฯลฯ เมื่อมนสิการ
    เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ จักษุ ฯลฯ ชราและมรณะ โดยความ
    ไม่เที่ยง ย่อมเกิดปราโมทย์ เมื่อมนสิการชราและมรณะโดยความเป็นทุกข์
    ย่อมเกิดปราโมทย์ เมื่อมนสิการชราและมรณะโดยความเป็นอนัตตา ย่อมเกิด
    ปราโมทย์ เมื่อถึงความปราโมทย์ ย่อมเกิดปีติ เมื่อใจเกิดปีติ กายย่อมสงบ
    ผู้มีกายสงบย่อมได้เสวยสุข ผู้มีความสุข จิตย่อมตั้งมั่น เมื่อจิตตั้งมั่น ย่อมรู้
    ย่อมเห็นตามความเป็นจริง เมื่อรู้เห็นตามความเป็นจริงย่อมเบื่อหน่าย เมื่อ
    เบื่อหน่ายย่อมคลายความกำหนัด เพราะคลายความกำหนัด จิตย่อมหลุดพ้น
    ธรรมมีความปราโมทย์เป็นเบื้องต้น ๙ ประการนี้ ฯ
     

แชร์หน้านี้

Loading...