มีก็มีให้เป็น ไม่มีก็ไม่มีให้เป็น...ก็ไม่เป็นทุกข์

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย วิญญาณนิพพาน, 18 มกราคม 2017.

  1. วิญญาณนิพพาน

    วิญญาณนิพพาน ทีมงานอาสาฯ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2008
    โพสต์:
    22,310
    กระทู้เรื่องเด่น:
    51
    ค่าพลัง:
    +21,002
    __8_142.jpg

    มีก็มีให้เป็น.... ไม่มีก็ไม่มีให้เป็น....
    ก็ ไ ม่ เ ป็ น ทุ ก ข์
    พระครูเกษมธรรมทัต (พระอาจารย์สุรศักดิ์ เขมรํสี)
    วัดมเหยงคณ์ จ.พระนครศรีอยุธยา

    ถ้าเรามีธรรมะจะรู้สึกอุ่นใจ
    จิตใจอิ่มเอิมเป็นสุขอยู่กับธรรมะ มีธรรมะเป็นที่พึ่ง
    เรียกว่ามองสิ่งที่เป็นสาระว่าเป็นสาระ
    มองสิ่งที่ไม่เป็นสาระว่าไม่เป็นสาระ

    นี่คือคนมีธรรมะมีปัญญา

    ส่วนคนไม่มีธรรมะ

    ก็จะไปหลงใหลเอาจริงเอาจังกับสิ่งที่ไม่เป็นสาระ
    ไม่ได้เป็นคุณเป็นประโยชน์อะไรแท้จริง
    สิ่งนั้นไม่ได้เป็นไปเพื่อความสุขอย่างแท้จริง
    เราไปเอาจริงเอาจังลุ่มหลงกับมันก็เลยทุกข์

    สำหรับผู้มีธรรมะมีปัญญา
    เขาก็ว่าไม่เป็นสาระ
    แล้วก็ไม่ได้ให้ความสำคัญกับมันมาก
    มีก็ได้ไม่มีก็ได้

    มีก็มีให้เป็น ไม่มีก็ไม่มีให้เป็น
    มีก็มีให้เป็น ก็ไม่เป็นทุกข์

    ไม่มีก็ไม่มีให้เป็น ก็ไม่เป็นทุกข์

    แต่ถ้าไม่มีธรรมะนี่ เวลาไม่มีก็เป็นทุกข์
    เวลามีก็เป็นทุกข์ เป็นทุกข์ตลอด
    เวลาไม่มีก็อยากจะได้อยากจะมี
    แต่เวลาที่มีจริง ๆ แล้วก็ทุกข์

    แต่ถ้าคนที่มีธรรมะก็จะเข้าใจ ถึงไม่มีก็ไม่ทุกข์ใจ
    ถึงเวลามีก็มีอย่างไม่เป็นทุกข์

    เพราะเข้าใจตามจริงแล้วว่า
    ทุกสิ่งล้วนของชั่วคราว
    ในที่สุดเราก็ต้องทอดทิ้งไป
    ควรให้ความสำคัญกับสิ่งที่เป็นสาระคือธรรมะดีกว่า

    ธรรมะคือสิ่งที่เป็นสาระเป็นประโยชน์กับเราอย่างแท้จริง
    สาระคือบุญกุศล สาระ คือ ศีล สมาธิ ปัญญา

    เราจึงต้องเดินเข้าหาที่พึ่งทางใจ
    คือ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์

    เวลาที่เหลืออยู่ก็ยังไม่สายเกินไปที่เราจะสะสมความดี
    และขวนขวายในสิ่งที่เป็นสาระแก่ชีวิต ของเราให้คุ้มค่า
    กับการที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์และได้พบพระพุทธศาสนา

    (ที่มา : ชีวิตนี้เพื่อสิ่งใด : พระครูเกษมธรรมทัต (พระอาจารย์สุรศักดิ์ เขมรํสี) จัดพิมพ์โดย
    วัดมเหยงคณ์ จ.พระนครศรีอยุธยา (ที่ระลึกในงานทอดกฐินสามัคคีวัดมเหยงคณ์ ๗ พ.ย ๒๕๕๓,
    พิมพ์ครั้งที่ ๒ ตุลาคม ๒๕๕๓ โดย โรงพิมพ์เม็ดทราย , หน้า ๒๘-๒๙)

    http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=7&t=35513&sid=133746920c275f2b026dfd011717e360
     

แชร์หน้านี้

Loading...