มโนมยิทธิที่สำคัญที่สุดคือ เข้าถึงอุปสมานุสสติอย่างแท้จริง

ในห้อง 'หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ' ตั้งกระทู้โดย อภิราม, 11 ตุลาคม 2010.

  1. อภิราม

    อภิราม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    532
    ค่าพลัง:
    +9,005
    [​IMG]


    สำหรับวันนี้จะพูดถึง อุปสมานุสสติกรรมฐาน ถ้าว่ากันตามศัพท์ อุปสมานุสสติ คือ การระลึกถึงความสงบระงับ อันนี้หมายถึงสงบจากกิเลสทั้งปวง อย่างที่หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ ท่านสรุปว่า เป็นการระลึกถึงพระนิพพานนั่นเอง

    การระลึกถึงพระนิพพานนั้น ถ้ากำลังใจของเรา ยังเข้าไม่ถึงโคตรภูของพระโสดาบัน เราจะไม่เข้าใจว่า กำลังใจที่เกาะพระนิพพาน ที่รักพระนิพพาน ที่เข้าถึงพระนิพพานจริงๆ นั้น เป็นอย่างไร เราก็ระลึกไม่ได้

    ให้ใช้วิธีง่ายๆ คือ ภาวนาจับลมหายใจเข้าออก หายใจเข้า หายใจออก ใช้คำภาวนาที่หลวงพ่อท่านเคยใช้ว่า นิมิตจิตติ นิมิตจิตตา นิพพานะจิตติ นิพพานะจิตตา ก็ได้ หรือจะใช้ นิพพานะ สุขัง ก็ได้ แล้วแต่เราถนัด

    แต่ถ้าบุคคลที่อารมณ์ใจ เข้าถึงโคตรภูของพระโสดาบัน อารมณ์ท่านจะเข้าถึงกระแสพระนิพพานที่แท้จริง จะรู้ว่าความเยือกเย็น ความสงบระงับของกิเลสที่แท้จริงนั้นเป็นอย่างไร ท่านเหล่านี้จะเกาะอุปสมานุสติได้ง่าย เพราะว่าเข้าถึงจริงๆ แล้ว

    อีกประเภทหนึ่งคือ ท่านที่ได้ มโนมยิทธิ คือมีฤทธิ์ทางใจ สามารถถอดจิตไปยังภพภูมิต่างๆ ได้ ถ้าอย่างนั้นจะสะดวกที่สุด สบายที่สุด คือ ส่งกำลังใจขึ้นไป กราบพระบนพระนิพพานเลย

    ถ้าหากว่าส่งกำลังใจขึ้นไปในลักษณะอย่างนั้น เป็นอุปสมานุสสติกรรมฐานอย่างแท้จริง เพราะว่าจิตของเราอยู่บนพระนิพพานแล้ว สภาพรัก โลภ โกรธ หลง มันเกิดขึ้นไม่ได้

    รัก โลภ โกรธ หลง เป็นสมบัติของร่างกาย ถ้าไม่มีจิตไปคอยปรุง คอยแต่งกับมัน มันก็ไม่สามารถทรงตัวได้ มันก็สลายตัวของมันไปเอง เมื่อรัก โลภ โกรธ หลง สลายตัวไป เราก็เข้าถึงอุปสมานุสสติที่แท้จริง นี่คือมโนมยิทธิที่หลวงพ่อท่านต้องการ

    มโนมยิทธิที่แท้จริงนั้น เหมาะสำหรับคนฉลาด ถ้ามีความเขลาแทรกอยู่แม้แต่นิดเดียว ก็ไม่อาจหลุดพ้นได้ มโนมยิทธิที่แท้จริงก็คือ เรารู้จักพระนิพพาน เราไปพระนิพพานได้ เอาใจตั้งไว้ที่พระนิพพานได้

    ถ้าเราเอาใจเกาะที่พระนิพพานไว้เป็นปกติทุกวัน ๆ กำลังใจทรงตัวเคยชินกับความปราศจากรัก โลภ โกรธ หลง ถ้าทำไปนาน ๆ อารมณ์ รัก โลภ โกรธ หลงมันจะสลายตัวไปของมันเอง

    มโนมยิทธิไม่ได้จำเป็นต้องรู้อดีต อดีตทุกชาติเราเกิดมา ไม่มีชาติไหนที่เราไม่ทุกข์ ไม่จำเป็นต้องรู้ปัจจุบัน เพราะปัจจุบันนี้ชีวิตเราเกิดอยู่ มีขันธ์ ๕ อยู่ก็ทุกข์ตลอด ไม่จำเป็นต้องรู้อนาคต เพราะว่าอนาคตถ้าเกิดอีกก็ทุกข์อีก

    ไม่จำเป็นต้องระลึกชาติ เพราะว่าไม่มีชาติไหนที่เราไม่ทุกข์ ไม่จำเป็นต้องรู้ใจคนอื่น เพราะว่าแค่ระวังใจของเราให้พ้นจากกิเลส ก็ระวังไม่หวาดไม่ไหวแล้ว ไม่จำเป็นต้องรู้ว่าคนและสัตว์ ก่อนเกิดมาจากไหน ตายแล้วจะไปไหน

    ถ้าเรามั่นใจ ในสิ่งที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า สอนเราว่า ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว ก็ไม่ต้องเสียเวลาไปดูมัน มโนมยิทธิที่สำคัญที่สุดคือ เกาะพระนิพพานให้ได้ ใช้ในอุปสมานุสสติกรรมฐานให้ได้

    ส่วนใหญ่ที่เห็นใช้กัน คือไประลึกชาติ ไปย้อนอดีต ฉันเป็นอย่างนั้นกับเธอ ฉันเป็นอย่างนี้กับเธอ แล้วแทนที่จะตัด จะละ กลับไปยึดมัน ฟื้นความสัมพันธ์ขึ้นมาใหม่ แทนที่จะสลัดบ่วงของสังโยชน์ที่มันคล้องเราอยู่ ก็กลายเป็นคล้องติดมากขึ้น

    จะว่าไม่มีประโยชน์เสียทีเดียวก็ไม่ใช่ เพราะว่าถ้าเราใช้มโนมยิทธิจนคล่อง คือเราทรงฌานอยู่ตลอดเวลา ถ้าตายเราก็เกิดเป็นพรหมได้ แต่ว่าโอกาสที่จะหลุดพ้นมันช้าลง

    ถึงได้กล่าวว่า มโนมยิทธิเป็นเรื่องของคนฉลาดเท่านั้น คือ ใช้มโนมยิทธิไปในเรื่องของอุปสมานุสสติกรรมฐาน ใช้กำลังของมโนมยิทธิเกาะพระนิพพานไว้ ใหม่ๆ ก็เกาะไม่ทรงตัว เผลอนิดเดียวมันก็ลงมาแล้ว

    จากที่เคยทำอยู่แรกๆ วินาทีสองวินาทีมันก็ลงมาแล้ว เพราะอารมณ์ของพระนิพพานเป็นอารมณ์ที่ละเอียดมาก เมื่อเราเกาะไม่ได้ ทรงไม่อยู่ เราต้องหางานให้มันทำ เนื่องจากว่าเคยสวดมนต์ได้มาก ก็เลยกำหนดใจขึ้นไปกราบพระบนพระนิพพาน

    ตั้งใจสวดมนต์ทุกบทที่เคยสวดได้ ถวายเป็นพุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชา เมื่อจิตมีงานทำ มันรู้ว่างานยังไม่หมด มันก็จะอยู่กับงานนั้น จิตก็จะค่อย ๆ ชินกับอารมณ์พระนิพพาน เพราะรู้ว่าถ้างานยังไม่หมด มันก็จะไม่เคลื่อนลงมา

    พอมันอยู่บ่อยเข้า บ่อยเข้า เคยชินกับสภาพความละเอียด ของอารมณ์พระนิพพานมากเข้า มันก็เกาะได้นานขึ้น ถ้าทำบ่อย ๆ ทำให้เป็นปกติ ในที่สุดอารมณ์พระนิพพานก็จะทรงตัว

    ถ้าทำได้ในระยะเวลาที่ยาวนานพอ โดยไม่เผลอทิ้งกำลังใจจากจุดนั้น กิเลสจะค่อยๆ หมดไปโดยอัตโนมัติ ไม่ต้องเสียเวลาไปตัด ไม่ต้องเสียเวลาไปคิด ไปพิจารณา เพราะว่ารัก โลภ โกรธ หลง เป็นสมบัติของร่างกาย

    เราส่งใจไปพระนิพพานเสียแล้ว ไม่มีใจอยู่กับร่างกายเสียแล้ว รัก โลภ โกรธ หลงก็เกิดไม่ได้ ในเมื่อมันเกิดไม่ได้ มันไม่มีใครเลี้ยงดูมัน คือไม่ได้ไปปรุงไปแต่ง ไปสร้าง ไปเสริมมัน มันก็จะค่อย ๆ สลายตัวหมดสภาพของมันไปเอง

    อุปสมานุสสติกรรมฐานที่แท้จริง จึงควรที่จะทรงมโนมยิทธิได้ ถ้าหากว่าทรงมโนมยิทธิไม่ได้ ให้ตั้งใจจับในพุทธานุสสติกรรมฐาน คือจับภาพพระองค์ใดองค์หนึ่งก็ได้ ที่เรารักเราชอบมากที่สุด

    จะเป็นรูปพระพุทธเจ้าในลักษณะของพระสงฆ์ก็ดี ในลักษณะของพระพุทธปางไหนก็ดีที่เราชอบ หรือในลักษณะของพระวิสุทธิเทพ ตั้งใจว่านั่นคือองค์แทนองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าไม่ได้อยู่ตรงไหน นอกจากพระนิพพาน จำไว้ให้แม่น

    ถ้าเราเจอพระพุทธเจ้าที่อื่น นั่นเป็นฉัพพรรณรังสีของพระองค์ท่าน ที่ส่ง ไปปรากฏต่อหน้าเรา ลักษณะเหมือนท่านทุกประการ แต่ว่ากายที่แท้จริงของพระองค์ท่านนั้นอยู่พระนิพพาน ได้กล่าวย้ำอยู่เสมอว่าพระองค์ท่านไม่อยู่ที่ไหน ๆ นอกจากพระนิพพาน

    เราเห็นที่อื่นคือฉัพพรรณรังสีเท่านั้น แต่ว่าจะใช้คำว่าเท่านั้นก็ไม่ได้ เพราะว่าโอกาสที่จะได้พบท่าน แม้ในลักษณะของฉัพพรรณรังสีนั้นยากเหลือเกิน ยากกว่าถูกรางวัลที่หนึ่งเยอะ มีโอกาสได้พบได้เห็น ถือเป็นบุญของตนอย่างยิ่ง

    ในเมื่อเราจับภาพพระ แล้วกำหนดว่า พระองค์ท่านไม่อยู่ที่ไหน นอกจากบนพระนิพพาน เราเห็นท่านคืออยู่กับท่าน เราอยู่กับท่านคือเราอยู่บนพระนิพพาน กำหนดใจง่ายๆ สบายๆ อย่างนี้ ก็จัดเป็นอุปสมานุสสติกรรมฐานอีกแบบหนึ่ง

    เรื่องของมโนมยิทธินั้น ที่แท้จริงแล้วง่ายมาก คือคิดได้ก็ทำได้ เพียงแต่ว่าเราไม่เคยชิน และไม่ได้ซักซ้อมให้เกิดความคล่องตัว เราก็ขาดความมั่นใจ มโนมยิทธิแค่คิดก็ถึงแล้ว ไม่ได้จำกัดด้วยระยะทาง ไม่ได้จำกัดด้วยสถานที่ ไม่ได้จำกัดด้วยเวลา

    เพียงแต่ว่าเราต้องมีความมั่นใจในตนเอง มีการซักซ้อมบ่อยๆ เมื่อทำมากเข้า ประสบการณ์มากขึ้น อารมณ์ใจทรงตัวดีขึ้น เราก็จะเกิดความมั่นใจขึ้นมาเอง ส่วนใหญ่ที่พบก็คือ ทำได้เฉพาะต่อหน้าครูบาอาจารย์ ลับหลังแล้วไม่สามารถทำได้ ก็เป็นสิ่งที่น่าเสียดาย

    จึงขอสรุปว่า อุปสมานุสสติกรรมฐาน คือ การระลึกถึงความสงบระงับที่แท้จริง หมายถึงอารมณ์ของพระนิพพานนั้น ถ้าหากว่าไม่ใช่โคตรภูของพระโสดาบันขึ้นไป เราใช้คำภาวนา ก็เข้าถึงได้แค่เพียงผิวเผิน

    ถ้าหากว่าจะจับภาพพระ กำหนดว่าท่านอยู่บนพระนิพพาน ก็ยังไม่มั่นคงจริง ๆ ถ้าจะให้มั่นคงจริง ๆ ต้องทำในมโนมยิทธิให้ได้ ซึ่งเป็นเรื่องที่ทุกคนต้องขวนขวาย ต้องสร้างเสริมตัวเองให้มันยิ่งๆ ขึ้นไป เพื่อที่จะได้พ้นทุกข์ หมดสิ้นกิเลสอย่างแท้จริง

    สำหรับตอนนี้เวลาไม่เพียงพอ ขอให้ทุกคนวางกำลังใจ โดยการจับภาพพระให้ทรงตัวเอาไว้ แบ่งความรู้สึกส่วนหนึ่งอยู่กับภาพพระเสมอ กำหนดใจว่านั่นคือองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบนพระนิพพาน

    ถ้าหากว่ามันตายลงไปเมื่อไร เราขอไปอยู่กับพระองค์ท่านที่นั่น ที่พระนิพพานแห่งเดียว กำหนดเอาไว้แบบนี้ให้ทรงตัวอยู่ตลอด ไม่ว่าจะยืน เดิน นั่ง นอน อิริยาบถไหนก็ตาม ภาพพระหายไปเมื่อไหร่ โปรดทราบว่า เรามีโอกาสพลาดลงไปสู่อบายภูมิแล้ว

    ให้รีบกำหนดภาพขึ้นมาใหม่ในทันที ถ้าใครได้มโนมยิทธิ ให้ส่งใจไปกราบพระบนพระนิพพาน เพื่อที่จะได้เป็นอุปสมานุสสติอย่างแท้จริง อย่างที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านต้องการ วันนี้ให้วางกำลังใจอยู่ตรงจุดนั้น ขณะเดียวกันก็ให้เตรียมตัวเพื่อทำวัตรสวดมนต์ของเราไปด้วย..

    พระครูธรรมธรเล็ก สุธมฺมปญฺโญ
    วันอาทิตย์ที่ ๒๔ มกราคม ๒๕๔๗

    ขอขอบพระคุณ
    แหล่งที่มา : �����ҹ ��
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 ตุลาคม 2010
  2. อภิราม

    อภิราม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    532
    ค่าพลัง:
    +9,005
    เหตุที่นำหลักธรรมจากหลวงพี่เล็กแต่นำมาเผยแพร่ในห้องหลวงพ่อฤาษีลิงดำนี้

    เพราะเห็นว่าเนื้อหาสำคัญส่วนใหญ่เกี่ยวกับการฝึกมโนมยิทธิ


    เป็นประโยชน์แก่ผู้ที่เริ่มฝึกและผู้ที่ฝึกจนคล่องแล้ว

    ส่วนใหญ่ผู้ที่ฝึกมโนมยิทธิอยู่ในห้องนี้ครับผม
     
  3. ชนะ สิริไพโรจน์

    ชนะ สิริไพโรจน์ ทีมผูัดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    5,891
    กระทู้เรื่องเด่น:
    14
    ค่าพลัง:
    +35,260
    สาธุ ขออนุโมทนาเป็นอย่างสูงครับ
    เว็บทางนิพพาน เว็บไซด์ เผยแพร่ ธรรมที่นำไปสู่ความหลุดพ้น<O:p
    ที่รวบรวมโดย พล.ต.ท.นพ.สมศักดิ์ สืบสงวน<O:p
    ขอเชิญทุกท่านเข้าไปอ่านได้ที่
    www.tangnipparn.com
    <?XML:NAMESPACE PREFIX = O /><O:p>ขอเชิญแวะเยี่ยมชมและโมทนาบุญเว็บศูนย์พุทธศรัทธา </O:p>
    *
    [​IMG]
     
  4. patวิมุตติ

    patวิมุตติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    67
    ค่าพลัง:
    +204
    เพียงแต่ว่าเราต้องมีความมั่นใจในตนเอง มีการซักซ้อมบ่อยๆ เมื่อทำมากเข้า ประสบการณ์มากขึ้น อารมณ์ใจทรงตัวดีขึ้น เราก็จะเกิดความมั่นใจขึ้นมาเอง ส่วนใหญ่ที่พบก็คือ ทำได้เฉพาะต่อหน้าครูบาอาจารย์ ลับหลังแล้วไม่สามารถทำได้ ก็เป็นสิ่งที่น่าเสียดาย
    จากที่เคยทำอยู่แรกๆ วินาทีสองวินาทีมันก็ลงมาแล้ว เพราะอารมณ์ของพระนิพพานเป็นอารมณ์ที่ละเอียดมาก เมื่อเราเกาะไม่ได้ ทรงไม่อยู่ เราต้องหางานให้มันทำ เนื่องจากว่าเคยสวดมนต์ได้มาก ก็เลยกำหนดใจขึ้นไปกราบพระบนพระนิพพาน
    ขออุโมทนาด้วยครับ ที่กล่าวมาใช่เลยแต่ก็จะเพียรและขยันให้มากขึ้นครับ
     
  5. Tanunchapat

    Tanunchapat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    631
    ค่าพลัง:
    +3,191
    [​IMG]

    กราอนุโมทนา สาธุ ในธรรมทาน อันเป็นที่สุดของการให้
     
  6. ศรีสิทธิ

    ศรีสิทธิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2010
    โพสต์:
    56
    ค่าพลัง:
    +1,515
    [​IMG]

    อนโมทนา สาธุ สาธุ สาธุ อนโมทามิ
     
  7. gatsby_ut

    gatsby_ut เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    821
    ค่าพลัง:
    +14,291
    [​IMG]

    สพฺพทานํ ธมฺมทานํ ชินาติ<O:p
    การให้ธรรม ย่อมชนะการให้ทั้งปวง<O:p

    อภิวาท วันทาโมทนา สาธุ สาธุ สาธุ อนุโมทามิ
     
  8. พอชูเดช

    พอชูเดช เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    1,285
    ค่าพลัง:
    +4,339
    สาธุครับ

    -มหาโมทนากับกุศลจิตทุกท่าน ขอให้สำเร็จตามที่ปรารถนาครับ

    สาธุ
     
  9. ผู้เลื่อมใสศรัทธา

    ผู้เลื่อมใสศรัทธา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    911
    ค่าพลัง:
    +2,082
    อนุโมทนาครับ

    ผมอ่านนี่คลายข้อสงสัยได้หลายข้อ และยังได้ความรู้เพิ่มอีกมาก

    ขอบคุณมากนะครับ
     
  10. kanious11

    kanious11 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    8
    ค่าพลัง:
    +33
    อนุโมทนาสาธุครับ นิพพานัง ปรมัง สุขัง นิพพานเป็นสุขอย่างยิ่ง
     
  11. แสงอุ่น

    แสงอุ่น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    612
    ค่าพลัง:
    +1,036
    กราบอนุโมธนาครับ เป็นการให้ความรู้ที่เกี่ยวกับมโนที่อ่านง่ายเข้าใจง่ายมากครับ
     
  12. สนังกุมารพรหม

    สนังกุมารพรหม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    159
    ค่าพลัง:
    +992
    จึงขอสรุปว่า อุปสมานุสสติกรรมฐาน คือ การระลึกถึงความสงบระงับที่แท้จริง หมายถึงอารมณ์ของพระนิพพานนั้น ถ้าหากว่าไม่ใช่โคตรภูของพระโสดาบันขึ้นไป เราใช้คำภาวนา ก็เข้าถึงได้แค่เพียงผิวเผิน
     
  13. tanakorn_ss

    tanakorn_ss ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    1,792
    ค่าพลัง:
    +5,747

    สาธู ขอน้อมกราบอนุโมทนาบุญเป็นนอย่างสูง
     
  14. rungaran

    rungaran เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    15,573
    ค่าพลัง:
    +57,321
    สาธุ สาธุ สาธุ สำหรับ คำแนะนำ ผมจะพยายามให้มากขึ้นครับ
     
  15. junthet

    junthet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มกราคม 2010
    โพสต์:
    67
    ค่าพลัง:
    +139
    อนุโมทนาสาธุค่ะจะพยายามเพื่อให้ถึงซึ่งความว่างจากกิเลส
     
  16. สังสารวัฏ

    สังสารวัฏ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    562
    ค่าพลัง:
    +5,382
    มโนมยิทธิที่แท้จริงก็คือ เรารู้จักพระนิพพาน
    เราไปพระนิพพานได้ เอาใจตั้งไว้ที่พระนิพพานได้


    ถ้าเราเอาใจเกาะที่พระนิพพานไว้เป็นปกติทุกวัน ๆ
    กำลังใจทรงตัวเคยชินกับความปราศจากรัก โลภ โกรธ หลง
    ถ้าทำไปนาน ๆ อารมณ์ รัก โลภ โกรธ หลงมันจะสลายตัวไปของมันเอง
    -----------------------------------------------

    อนุโมทนาบุญด้วยค่ะ .. สาธุ สาธุ สาธุ
     

แชร์หน้านี้

Loading...