ยอดเหยื่อโคลนถล่มเซียร์ราลีโอนพุ่ง400ศพ...

[embedded content]



[embedded content]



รอยเตอร์ – หน่วยกู้ภัยเก็บกู้ร่างไร้วิญญาณจากเหตุโคลนถล่มบริเวณชานกรุงฟรีทาวน์ เมืองหลวงของเซียร์ราลีโอน ขึ้นมาได้แล้วเกือบ 400 ศพ หัวหน้าทีมชันสูตรเปิดเผยในวันอังคาร(15ส.ค.) ขณะที่เจ้าหน้าที่ยังเดินหน้าปฏิบัติการกู้ภัยอย่างไม่ลดละ



ประธานาธิบดีเออร์เนสต์ บาอี โคโรมา เรียกร้องชาวบ้านของเมืองจีเรนจ์และพื้นที่น้ำท่วมอื่นๆรอบๆกรุงฟรีทาวน์ ให้อพยพโดยทันที เพื่อบุคลากรทางทหารและหน่วยกู้ภัยอื่นๆจะได้เดินหน้าค้นผู้รอดชีวิตที่อาจถูกฝังใต้เศษซากต่างๆ ​

​

​

​

​

บ้านเรือนประชาชนหลายสิบหลังจมอยู่ใต้กองโคลน หลังทางลาดบนเขาลูกหนึ่งพังถล่มลงมาในตอนเช้าวันจันทร์(14ส.ค.) หนึ่งในภัยพิบัติทางธรรมชาติครั้งที่มีผู้เสียชีวิตมากที่สุดในทวีปแอฟริกาในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา



“ในขณะที่เราเดินหน้าค้นหา เราเก็บกู้ศพได้แล้วเกือบ 400 ศพ แต่เราคาดหมายว่าจะมีมากถึง 500 ศพ” เซเนห์ ดุมบายา หัวหน้าทีมชันสูตรเปิดเผยกับรอยเตอร์



ผู้เห็นเหตุการณ์เปิดเผยกับรอยเตอร์ว่าศพยังคงถูกลำเลียงมายังโรงเก็บศพกลางของเมืองที่แน่นอยู่ก่อนแล้ว ทำให้ร่างวางไร้วิญญาณจำนวนหนึ่งบนพื้นห้องและพื้นด้านนอก เนื่องจากห้องเก็บศพรองรับไม่ไหว

​

​

​

​

เพื่อปลดเปลื้องแรงกดดันแก่โรงเก็บศพกลาง เจ้าหน้าที่และหน่วยงานบรรเทาทุกข์กำลังเตรียมการฝังศพตามสุสาน 4 แห่งทั่วเมืองฟรีทาวน์ในวันพุธ(16ส.ค.)



องค์การแพทย์ไร้พรมแดน เตรียมการมอบถุงใส่ศพแก่ทางการหลายร้อยชุดที่ทางองค์กรแห่งนี้เก็บรักษาไว้ในเซียร์ราลีโอน เมื่อครั้งไวรัสอีโบลาระบาดช่วงปี 2014-16 คร่าชีวิตผู้คนในประเทศอดีตอาณานิคมของอังกฤษ ไป 4,000 ชีวิต



อาบู บาการ์ ทาราวิลล์ โฆษกสภากาชาดเซียร์ราลีโอน ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ คาดหมายว่ามีผู้ไร้ที่อยู่อาศัยอย่างน้อย 3,000 คน และต้องการความช่วยเหลือด้านที่พักพิง ทางการแพทย์และอาหาร ขณะที่สภากาชาดคาดหมายว่ายังมีชาวบ้านสูญหายราว 600 คน

​

​

​

​

“เรายังมีความกังวลอย่างยิ่งกับการระบาดของโรคติดต่อ อย่างเช่นอหิวาตกโรคและไทฟอยด์” เขาบอกกับรอยเตอร์ “เราได้แต่หวังว่ามันจะไม่เกิดขึ้น”



ประธานาธิบดีโคโรมา แถลงผ่านสถานีโทรทัศน์แห่งรัฐเมื่อช่วงเย็นวันจันทร์(14ส.ค.) ว่าได้มีการจัดตั้งศูนย์ช่วยเหลือทั่วเมืองหลวง เพื่อรับลงทะเยียนและช่วยเหลือเหยื่อ

​

​

​

​

ขอบคุณที่มา
http://www.manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9600000083551