รอดพ้นภัยพิบัติ "เร่งลัดบรรลุโสดาบัน" หลักสูตร 30 ชั่วโมง (ชั่วโมงที่ 3)

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย karan20, 4 ตุลาคม 2011.

  1. karan20

    karan20 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2010
    โพสต์:
    1,297
    ค่าพลัง:
    +2,379
    รอดพ้นภัยพิบัติ "เร่งลัดบรรลุพระโสดาบัน"
    หลักสูตรออนไลน์ 30 ชั่วโมง
    (ชั่วโมงที่ 3)

    เกริ่นนำ
    เป็นยังไงกันบ้าง รู้สึกเงียบ ๆ ไป ไม่เห็นมีใครส่งการบ้าน
    นี่เพิ่งบทที่ 2 เองหวังว่าคงไม่ท้อไปเสียก่อน

    ขอได้โปรดทราบว่าหลักสูตร 30 ชั่วโมงนั้น
    ไม่ได้แปลว่าทุกท่านจะบรรลุโสดาบันกันทุกคนภายใน 30 ชั่วโมง
    เปรียบเสมือนท่านไปเรียนหลักสูตรใด ๆ ก็ตาม
    โรงเรียนเขาก็กำหนดไว้ว่าหลักสูตรนั้นจะเรียนกันยาวนานแค่ไหน
    เป็นหลักสูตรระยะสั้นหรือหลักสูตรระยะยาว จะเรียนกันกี่ชั่วโมง กี่หน่วยกิจ
    เรียนจบก็มีการทดสอบว่าผ่านหรือไม่อย่างไร
    ท่านที่ผ่านก็เลื่อนชั้นสูงขึ้นไป
    ส่วนท่านที่ตกหากไม่คิดเรียนซ้ำชั้นก็ต้องล้มเลิกไป
    แต่การเรียนในวัฏฏะสงสารนั้นท่านไม่สามารถล้มเลิกได้
    ต้องวนเวียนเรียนซ้ำอยู่ร่ำไป
    การจะหลุดพ้นไปมีเพียงแต่การสำเร็จการศึกษา
    คือจบกิจในพระศาสนาแล้วเท่านั้น

    ข่าวดีคือ การเรียนในพระพุทธศาสนานั้นไม่จำเป็นจ้องขยับสูงไปทีละชั้น
    ท่านสามารถจบระดับโสดาบันแล้วตีตั๋วไปเป็นอรหันต์ได้เดี๋ยวนั้นเลย
    เรื่องนี้มีหลักฐานปรากฏอยู่จริง
    หรือจะไปนอนเล่นอยู่เบื้องบนรอพระศรีอาริยเมตรไตรยตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้ามาเทศน์โปรดก็ได้


    สรุปทบทวนจากชั่วโมงที่ 2
    การบรรลุโสดาบันนั้นเป็นเรื่องใหญ่แต่ไม่ใช่เรื่องยาก
    การเป็นพระโสดาบันไม่ได้สำคัญที่วิธีทำแต่สำคัญที่วิธีคิด

    ในสมัยพุทธกาลฟังธรรมจบเขาบรรลุโสดาบันกันมากมายโดยที่ยังไม่ทันทำอะไร
    ไม่ต้องทอดกฐิน ไม่ต้องสร้างพระ ไม่ต้องถวายสังฆทาน
    ไม่ต้องไปโกนหัว ไม่ต้องไปนั่งสมาธิ ไม่ต้องเดินจงกรม
    ไม่ต้องทำอะไรเลย แค่คิดให้เป็นก็เป็นพระโสดาบัน
    พระโสดาบันไม่ต้องบวช มีผัวมีเมียได้ แต่งงานได้
    พระโสดาบันยังมีความโกรธ พระโสดาบันยังอยากรวย


    (ชั่วโมงที่ 3)

    ในคราวที่แล้วใช้สำนวนแบบเพื่อนติวเพื่อนเพื่ออธิบายว่าพระโสดาบันนั้นท่านคิดอะไร
    สำนวนแบบเพื่อนกัน เพื่อนเลยไม่ได้เรียงตามตำรา ทั้งที่ตำรานั้นดีอยู่แล้ว
    แต่เพื่อนเรียงตามความคิดที่ว่าเพื่อนด้วยกันจะเข้าใจและยอมรับความจริงได้ง่ายขึ้น
    ข้อที่ 1.คิดว่าพระรัตนตรัยเป็นของดีแน่นอน (ละวิจิกิจฉา)
    อันนี้น่าจะยอมรับกันได้ง่าย เพราะเราชาวพุทธถูกปลูกฝังมาอย่างนั้นอยู่แล้ว
    ส่วนถ้าใครจะเถียงว่าพระรัตนตรัยไม่ดี อันนี้เราไม่ขอคุยด้วย

    ข้อที่ 2.คิดว่าคนเราเกิดมาต้องตาย เราอาจจะตายเมื่อไหร่ก็ได้
    อาจจะตายวันนี้ก็ได้ ถ้าตายเราจะไปอยู่กับพระพุทธเจ้าที่พระนิพพาน
    (ละสักกายทิฐิได้ในระดับหนึ่ง และมีการเจริญอุปสมานุสติ)
    เรื่องตายนี้มักประมาทไป แต่เมื่อนำมาแสดงไว้ก็คงไม่มีใครเถียงเพราะเป็นความจริง เถียงไม่ได้
    และเมื่อพระพุทธเจ้าที่เรานับถือ ท่านบอกว่าไปนิพพานดี เราก็เชื่อท่านไว้ก่อน
    หากไปถึงแล้วไม่ดีจริง เราค่อยกลับมาเวียนว่ายตายเกิดใหม่ก็ได้ ว่าไปนั่น

    ข้อที่ 3.คิดว่าเราจะไม่เบียดเบียนทำร้ายใครโดยเด็ดขาด (ละสีลัพพตปรามาส)
    ข้อนี้ยากกว่าข้ออื่นเล็กน้อย เพราะบางทีมีแอบคิดว่าแล้วถ้าเขามาเบียดเบียนเราก่อนล่ะ
    ยังงี้เราขอเอาคืนบ้างได้มั้ย จะได้หายแค้น ก็ต้องอธิบายกันเยอะหน่อยในข้อนี้สำหรับบางท่าน
    การไม่เบียดเบียนทำร้ายคนอื่น คือ ไม่เบียดเบียนทางกาย ทรัพย์สิน คนรัก ไม่เบียดเบียนทางวาจา
    และไม่มัวเมากับของมึนเมาเพราะเป็นการเบียดเบียนตัวเอง
    และยังเบียดเบียนคนใกล้ชิดและอาจเผลอสติไปเบียดเบียนคนอื่น
    สรุปลงที่ศีล 5 นั่นเอง


    คราวนี้เรามาดูสำนวนของครูบาอาจารย์กันบ้าง เพื่อความชัดเจน
    ตามตำรานั้นท่านเรียงลำดับไว้อย่างดีโดยมุ่งหมายให้บรรลุผลในการปฏิบัติ
    โดยจะขอยกเอาคำสอนของหลวงพ่อพระราชพรหมยาน หรือหลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง มาแสดง
    คัดลอกบางส่วนจาก อารมณ์พระโสดาบัน

    โปรดทราบว่า สำหรับพระโสดาบันนี้ละสังโยชน์ได้ ๓ ประการ คือ:-
    ๑. สักกายทิฏฐิ
    ตัวนี้มีปัญญาเพียงเล็กน้อย เพียงแค่มีความรู้สึกว่าเราจะต้องตายเท่านั้น
    เป็นผู้ไม่ประมาทในชีวิต คิดอยู่เสมอว่าความตายเป็นธรรมดาของชีวิต
    เราไม่สามารถจะหลีกเลี่ยงความตายให้พ้นได้
    พระโสดาบันมีความรู้สึกว่ามีปัญญาเพียงเล็กน้อย รู้แค่ตายเท่านั้น
    ยังไม่สามารถจะจำแนกร่างกายว่าไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเราได้
    พระโสดาบันคิดได้เพียงเท่านี้ ยังไม่สามารถจะแยกกาย ทิ้งไปได้ทันทีทันใด

    ๒. วิจิกิจฉา
    พระโสดาบันไม่สงสัยในคำสั่ง และคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
    คำว่า คำสั่ง ก็ได้แก่ ศีล และ คำสอน ก็ได้แก่ จริยาอันหนึ่งที่เราเรียกกันว่า ธรรมะ
    พระโสดาบันก็มีความเชื่อมั่นในคุณพระรัตนตรัย
    คือเชื่อพระพุทธเจ้า ในการเชื่อก็ใช้ปัญญาพิจารณาก่อน ไม่ใช่สักแต่ว่าเชื่อ

    ๓. สีลัพพตปรามาส
    เพราะอาศัยที่พระโสดาบันมีความเคารพในพระพุทธเจ้า มีความเคารพในพระธรรม มีความเคารพในพระสงฆ์
    เมื่อพระพุทธเจ้าทรงแนะนำบรรดาพระสงฆ์ว่า จงนำธรรมะนี้ไปสอน
    พระสงฆ์ก็ไปสอน พระโสดาบันใช้ปัญญาเพียงเล็กน้อยมีความเข้าใจดี
    ยินยอมรับนับถือคำสั่งและคำสอนขององค์สมเด็จพระชินสีห์
    ที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสมา แล้วพระสงฆ์นำมาแสดง อาศัยที่ศรัทธาในพระรัตนตรัยทั้ง ๓ ประการนี้
    พระโสดาบันจึงเป็นผู้มีศีลบริสุทธิ์

    เป็นอันว่าพระโสดาบัน ถ้าเราจะไปพิจารณาจริงๆ ก็ไม่เห็นมีอะไรสำคัญ
    มีสภาวะเหมือนชาวบ้านชั้นดีนั่นเอง
    สำหรับกิเลสส่วนอื่นจะเห็นได้ว่า พระโสดาบันยังมีกิเลสทุกอย่าง ตามที่เรากล่าวกันคือ:-
    โลภะ ความโลภ ราคะ ความรัก โทสะ ความโกรธ โมหะ ความหลง
    จะว่ารักก็รัก อยากรวยก็อยากรวย โกรธก็โกรธ หลงก็หลง แต่ไม่ลืมความตาย
    คำที่ว่าหลงก็เพราะว่า พระโสดาบันยังต้องการความร่ำรวยด้วยสัมมาอาชีวะ
    พระโสดาบันยังต้องการความสวยสดงดงาม ต้องการมีคู่ครอง


    พระโสดาบัน บุคคลตัวอย่าง

    นางวิสาขามหาอุบาสิกา ก็ดี ภรรยาของพรานกุกกุฏมิตร ก็ดี
    ทั้งสองท่านนี้เป็นพระโสดาบัน ตั้งแต่อายุ ๗ ปี แต่ในที่สุด ท่านก็แต่งงานมีเครื่องประดับประดาสวยงาม
    เป็นอันว่ากิเลสที่เราต้องการกัน เนื่องจากการครองคู่ระหว่างเพศ พระโสดาบันยังมี
    และก็ยังมีครบถ้วน เพราะว่าอยู่ในขอบเขตของศีล


    - จบส่วนที่คัดลอกมาอ้างอิง -


    สวัสดี.


    - จบชั่วโมงที่ 3 -

    การบ้านของชั่วโมงที่ 3 :
    1. แสดงความคิดเห็น รู้สึกอย่างไรกับบทเรียนวันนี้
    2. อ่านนอกเวลา อ่านตามลิงค์นี้ อารมณ์โสดาบัน แล้วลองวิเคราะห์วิจารณ์ว่า
    เหตุใด เปสการีธิดา จึงไม่ได้บรรลุพระโสดาบันตั้งแต่ฟังเทศน์จากพระพุทธเจ้าในครั้งแรก
    (แต่สุดท้ายท่านก็ได้เป็นพระโสดาบัน)

    ส่งการบ้านและพูดคุยกันได้ที่นี่
    สำหรับท่านที่ไม่ได้สมัครสมาชิกเว็บพลังจิต เชิญพูดคุยแนะนำกันได้ที่ Facebook กาขาว


    บทเพิ่มเติม
    พระพุทธเจ้าไม่ได้สวดมนต์ ไม่เคยสอนให้สวดมนต์ เราสวดมนต์ไปเพื่ออะไร ?


    ทบทวนย้อนหลัง
    รอดพ้นภัยพิบัติ "เร่งลัดบรรลุโสดาบัน" หลักสูตร 30 ชั่วโมง (ชั่วโมงที่ 1)
    รอดพ้นภัยพิบัติ "เร่งลัดบรรลุโสดาบัน" หลักสูตร 30 ชั่วโมง (ชั่วโมงที่ 2)



     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 ตุลาคม 2011
  2. swkarantee

    swkarantee Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มกราคม 2010
    โพสต์:
    303
    ค่าพลัง:
    +63
    ตอบคำถาัมชั่วโมงที่ 3

    ชีวิตช่างเปราะบางเหลือเกิน
     
  3. karan20

    karan20 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2010
    โพสต์:
    1,297
    ค่าพลัง:
    +2,379
    มีเพื่อนท่านหนึ่งถามมาใน Facebook ว่า....
    การละสังโยชน์ 3 ข้อแรก คิดเอาก็ได้เหรอคะ (อันนี้ไม<wbr>่รู้จริงๆ)

    ก่อนที่ผมจะนำเสนอในมุมมองของผม
    อยากให้ท่านอื่น ๆ ลองช่วยวิเคราะห์ ช่วยแสดงความคิดเห็นด้วยครับ

    เพื่อที่ผมจะนำมาปรับปรุงข้อมูลและปรับปรุงแนวทางในการแนะนำอธิบาย
     
  4. swkarantee

    swkarantee Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มกราคม 2010
    โพสต์:
    303
    ค่าพลัง:
    +63
    อาจจะเป็นการอธิษฐานบารมี และทำตามสัจจะที่ไ้ด้อธิษฐานไว้ อย่างน้อยก็อยู่ในขั้น
    โสดาปฏิมรรค (ยังไม่ลุธรรม) แต่ก็ถือว่าเริ่มเห็นแนวทางในการปฏิบัติเพื่อใ้ห้เข้าถึงธรรม
    คือการบรรลุธรรม ประมาณนี้ค่ะ:d
     
  5. ลายกนก

    ลายกนก Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    109
    ค่าพลัง:
    +78
    ส่งการบ้านของชั่วโมงที่ 3 :
    1. แสดงความคิดเห็น รู้สึกอย่างไรกับบทเรียนวันนี้
    ตอบ อ่านแล้วรุ้สึกว่าไม่ใช่สิ่งที่ยากเกินความสามารถที่เราจะทำได้
    2. อ่านนอกเวลา อ่านตามลิงค์นี้ อารมณ์โสดาบัน แล้วลองวิเคราะห์วิจารณ์ว่า
    เหตุใด เปสการีธิดา จึงไม่ได้บรรลุพระโสดาบันตั้งแต่ฟังเทศน์จากพระพุทธเจ้าในครั้งแรก (แต่สุดท้ายท่านก็ได้เป็นพระโสดาบัน)
    ตอบ คิดว่าการที่ไม่ได้บรรลุโสดาบันตั้งแต่ฟังเทศน์จากพระพุทธเจ้าในครั้งแรก เพราะว่าการเป็นโสดาบันไม่ได้เป็นได้จากการฟัง แต่เป็นได้จากการคิด และทำตามคำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระพุทธเจ้า
     
  6. ลายกนก

    ลายกนก Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    109
    ค่าพลัง:
    +78
    จากที่อ่านๆมา และศึกษามาก่อน ต้องเริ่มจากการคิดอ่ะครับ ว่าเราจะตายวันนี้ ปกติเมื่อเรารู้ตัวว่าจะตายวันนี้ สิ่งที่คนส่วนใหญ่จะทำก้อคือรีบทำความดีสะสมบารมีไว้ให้มากๆ ก้อเช่นเดียวกันครับ เมื่อเราคิดว่าเราจะตายวันนี้ เราก้อจะรีบสร้างความดี ประมาณนี้อ่ะครับ

     
  7. karan20

    karan20 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2010
    โพสต์:
    1,297
    ค่าพลัง:
    +2,379
  8. bsert

    bsert Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    48
    ค่าพลัง:
    +35
    การบ้านชั่วโมงที่ 3
    1. แสดงความคิดเห็น รู้สึกอย่างไรกับบทเรียนวันนี้
    ถ้าเราประพฤติปฏิบัติ โดยมีสติอยู่ตลอดเวลา รู้ว่าชีวิตเป็นของไม่เที่ยง มีเกิด แก่ เจ็บตายเป็นของธรรมดา ดังนั้นอาจจะตายเมื่อไหร่ก็ได้ ความตายไม่ใช่ของน่ากลัวสำหรับชีวิต เพียงแต่ว่าหลังจากตายแล้วเราจะไปไหน เป็นสิ่งที่เราไม่สามารถรู้ได้ เราจึงควรทำปัจจุบันของเราให้มีค่ามากที่สุด นั่นคือการพยายามทำความดีใส่ตัวเราให้มากที่สุด และไม่ทำให้ผู้อื่นเดือดร้อนในการกระทำของเรา รักษาศีลให้ได้มากที่สุดเพราะเป็นหลักในการให้เราปฏิบัติในสิ่งที่ดี เป็นสิ่งที่องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านได้สั่งสอนมาแล้วว่าเป็นสิ่งที่ดีที่เราปฏิบัติแล้วจะได้สิ่งที่ดีแน่นอน
    2.เหตุใด เปสการีธิดา จึงไม่ได้บรรลุพระโสดาบันตั้งแต่ฟังเทศน์จากพระพุทธเจ้าในครั้งแรก
    (แต่สุดท้ายท่านก็ได้เป็นพระโสดาบัน)
    ในครั้งแรกที่เปสการีธิดา ปฏิบัติตนตามคำแนะนำ ยังมีอารมณ์จิตที่ยังไม่มั่นคง ปฏิบัติตามที่ได้รับฟังและด้วยศรัทธาที่มีในพระพุทธเจ้า จึงยังไม่ได้บรรลุพระโสดาบัน ต่อเมื่อมีอารมณ์จิตมั่นคงในพระรัตนตรัย มั่นคงในศีลที่รักษา มั่นคงในสิ่งที่รับรู้ว่าความตายเป็นของไม่เที่ยง จะตายเมื่อไหร่ก็ได้ จึงได้เป็นพระโสดาบัน
     
  9. dutchanee

    dutchanee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    1,127
    ค่าพลัง:
    +12,745
    -คิดว่าพระโสดาบันเป็นชาวบ้านชั้นดี ที่มีปัญญาค่ะ
    -ตอนแรกนางไม่มีความมั่นคงในพระพุทธองค์ ซึ่งในตอนหลังนางมี
     
  10. นิพพานะ

    นิพพานะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    127
    ค่าพลัง:
    +527
    การบ้านของชั่วโมงที่ 3 :
    1. แสดงความคิดเห็น รู้สึกอย่างไรกับบทเรียนวันนี้
    ตอบ ไม่ยากเลยสำหรับการเป็นพระโสดาบัน ถ้าเข้าใจ
    2. อ่านนอกเวลา อ่านตามลิงค์นี้ อารมณ์โสดาบัน แล้วลองวิเคราะห์วิจารณ์ว่า
    เหตุใด เปสการีธิดา จึงไม่ได้บรรลุพระโสดาบันตั้งแต่ฟังเทศน์จากพระพุทธเจ้าในครั้งแรก
    (แต่สุดท้ายท่านก็ได้เป็นพระโสดาบัน)
    ตอบ ท่านไม่มั่นใจว่าสิ่งที่ท่านทำอยู่นั้นถูกต้องหรือเปล่า จนพระพุทธเจ้าท่านยืนยัน
     
  11. Numtrn

    Numtrn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    1,408
    ค่าพลัง:
    +1,571
    คนที่ออกมาสอนเนี่ย เป็นโสดาบันแล้วหรือ ?
     
  12. nudee8

    nudee8 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มกราคม 2010
    โพสต์:
    3
    ค่าพลัง:
    +7
    อ้างอิงจาก
    รอดพ้นภัยพิบัติ "เร่งลัดบรรลุพระโสดาบัน"
    หลักสูตรออนไลน์ 30 ชั่วโมง
    (ชั่วโมงที่ 1)

    ท่านที่บรรลุพระโสดาบันแล้วหรือมีคุณธรรมสูงกว่าจึงไม่จำเป็นต้ออ่าน
    เพราะผู้เขียนไม่กล้าแนะนำท่าน แต่หากท่านผู้อ่านจะแนะนำติติงอย่างสร้างสรรค์ผู้เขียนก็ยินดี ส่วนตัวผู้เขียนนั้นไม่ขอปรารภถึงตัวเองว่าบรรลุธรรม
    ขั้นไหน เพราะครูบาอาจารย์ห้ามไว้
    หากผู้เขียนไม่ยืนยันตัวเอง ไม่ปรารภถึงคุณธรรมของตัวเอง
    แล้วเช่นนั้นจะมั่นใจได้อย่างไรว่าสิ่งที่แนะนำนั้นถูกต้อง
    เพราะตามธรรมดาคนที่จะแนะนำคนอื่นได้นั้นอย่างน้อยก็ต้องเรียนจบใน
    หลักสูตรนั้น ๆ มาก่อน ขอตอบว่า มั่นใจได้เพราะผู้เขียนจะไม่เขียนแนะนำอะไรเลื่อนลอย แม้ไม่ปรารภถึงตัวเอง แต่จะปรารภถึงครูบาอาจารย์
    จะอ้างเอาคำของครูบาอาจารย์มาแสดง
    ครูบาอาจารย์ที่นำมาอ้างก็เป็นที่รู้จักและเคารพของท่านทั้งหลาย ขออย่ากังวลในเรื่องนี้ ขอให้คิดเสียว่าผู้เขียนเป็นเหมือนเพื่อนนักเรียนที่คอยหยิบคำพูดของครูบาอาจารย์มาคอยบอกท่าน ย้ำท่าน มาติวท่าน
    แต่มิใช่ผู้เขียนจะนึกว่าตัวเองดีแล้ว หรือมาตั้งตัวเป็นครูบาอาจารย์
     
  13. karan20

    karan20 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2010
    โพสต์:
    1,297
    ค่าพลัง:
    +2,379
    "..ทำกรรมฐาน รักษาอารมณ์ใจนี้ให้จริง คือ นึกถึงความตายให้ทรงตัว
    เคารพในพระพุทธเจ้า พระธรรม พระอริยสงฆ์ให้มั่นคง มีศีลให้บริสุทธิ์
    มีจิตรักพระนิพพาน ถ้าทุกคนมีอารมณ์อย่างนี้ การเจริญพระกรรมฐานในวันเดียวมี<wbr>ผล.."

    พระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมย<wbr>าน
    (หลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง)
     
  14. rainricher

    rainricher สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21
    ค่าพลัง:
    +12
    การบ้านของชั่วโมงที่ 3 :
    1. แสดงความคิดเห็น รู้สึกอย่างไรกับบทเรียนวันนี้
    ตอบ รู้สึกว่าการปฏิบัติเพื่อให้เป็นพระโสดาบันนั้น ไม่ใช่เรื่องยาก อยู่ที่ความตั้งใจ
    ทำให้อยากปฏิบัติให้ได้ระดับพระโสดาบันก่อน..
    นั่นคือการระลึกถึงความตายอยู่เสมอ เคารพในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์
    รักษาศีลให้บริสุทธิ์

    2. อ่านนอกเวลา อ่านตามลิงค์นี้ อารมณ์โสดาบัน แล้วลองวิเคราะห์วิจารณ์ว่า
    เหตุใด เปสการีธิดา จึงไม่ได้บรรลุพระโสดาบันตั้งแต่ฟังเทศน์จากพระพุทธเจ้าในครั้งแรก
    (แต่สุดท้ายท่านก็ได้เป็นพระโสดาบัน)
    ตอบ เพราะว่าในตอนแรกนางเปสการีธิดา ยังมิได้นำหลักธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า
    มาปฏิบัติ เพียงแต่ได้ฟังธรรมต่อเมื่อได้นำหลักธรรมคำสอนนั้นมาปฏิบัติจึงได้บรรลุ

    พระโสดาบัน
     
  15. แสนสวาท

    แสนสวาท ชมรมสุวรรณภูมิธรรม

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2007
    โพสต์:
    2,399
    ค่าพลัง:
    +2,488
    การแสดงธรรมของพระพุทธเจ้า เปนเรืองทีสมควรทำ
    การกล่าวคำพระพุทธเจ้าเ้ปนเรืองสมควรอย่างยิ่ง
    ไม่มีอะไรผิดเลย
    การเผยแพร่ธรรมะ เปนการให้ทานที่มีคุณสูงสุด
    พึงพิจารณาตนเอง ว่าดีพอหรือยัง ไม่ควรเพ่งพิจารณาผู้อื่น

    ตนเองสามารถทราบได้ว่ามีคุณสมบัติของพระโสดาบันหรือยังได้ด้วยการตรวจสอบดู
    ตรวจสอบตนเอง แล้วจะทราบได้
    เร่งปฏิบัติกันเถิด พระโสดาบันไม่ใช่เรืองยากเกินความพยายาม

    เด็ก 7 ขวบก็บรรลุพระโสดาบันได้มากมาย ทำไมท่านจะเปนพระโสดาบันไม่ได้
    อนุโมทนาสาธุการ
     
  16. sitar

    sitar Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กันยายน 2011
    โพสต์:
    87
    ค่าพลัง:
    +86
    การบ้านชั่วโมงที่ 3
    1. แสดงความคิดเห็น รู้สึกอย่างไรกับบทเรียนวันนี้
    ตอบ การระลึกถึงความตายนั้นอาจทำได้ไม่ยากแต่คนเราส่วนใหญ่จะกลัวตายกันเป็นสัญชาตญาณ บางครั้งก็รู้สึกว่าความตายเป็นเรื่องธรรมชาติ แต่บางครั้งก็คิดว่าความตายเป็นเรื่องที่น่ากลัว กลัวการเจ็บปวดทรมานก่อนตาย แต่ที่คนส่วนใหญ่เห็นความตายเป็นเรื่องปกติและไม่รู้สึกอะไรเพราะไม่เคยเจอกับตัวเอง ไม่เคยรับรู้ความรู้สึกเช่นนั้น นอกเสียจากคนๆนั้นจะเคยตายแล้วฟื้น ซึ่งก็มีน้อยคนมาก คนหลายคนไม่นึกถึงความตายเพราะยังหลงระเริงกับความสุขที่ไม่จีรัง จนมองข้ามความตายที่ใกล้ตัว
    ส่วนวิจิกิจฉานั้นเมื่อก่อนข้าพเจ้าไม่เคยสงสัยแต่ก็ไม่เคยรู้ว่าเมื่อเราสวดมนต์นั้นความหมายคืออะไร สวดทำไม แต่ก็ยังคงปฎิบัติไปตามปกติคือสวดมนต์ด้วยความตั้งใจ แต่บางทีก็มีคนมาบอกว่าพระพุทธเจ้าไม่ได้สวดมนต์ และเขาบอกว่าเราสวดไปเพื่ออะไร ทำให้รู้สึกไขว้เขว้เล็กน้อย แต่ในใจก็ยังค้านเหมือนมีฝ่ายดำและขาวในคนๆเดียวกันว่า เราศรัทธาในพระพุทธเจ้าและบทสวดมนต์เราก็จะสวดต่อไป และตอนนี้ฝ่ายขาวก็ชนะ ส่วนการรักษาศีล 5 ให้บริสุทธิ์นั้น บางครั้งเราอาจด่างพร้อยโดยไม่รู้ตัว เช่น อาจเผลอพูดโกหกโดยสถานการณ์บีบบังคับหรือไม่ได้ตั้งใจแต่ก็ไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อน หรืออาจเผลอฆ่าสัตว์โดยไม่ได้ตั้งใจอีกเช่นกัน เช่นอาจเดินเหยียบมดตายโดยไม่รู้ตัว ซึ่งตรงนี้เป็นสิ่งที่ไม่แน่ใจว่าเราจะสำเร็จเป็นพระโสดาบันได้หรือไม่ และในชีวิตที่ผ่านมาก็มีผิดศีลหลายๆข้อแต่ปัจจุบันพยายามทำให้ดีที่สุด
    2. อ่านนอกเวลา อ่านตามลิงค์นี้ อารมณ์โสดาบัน แล้วลองวิเคราะห์วิจารณ์ว่า
    เหตุใด เปสการีธิดา จึงไม่ได้บรรลุพระโสดาบันตั้งแต่ฟังเทศน์จากพระพุทธเจ้าในครั้งแรก
    (แต่สุดท้ายท่านก็ได้เป็นพระโสดาบัน)
    ตอบ เปสการีธิดาเข้าใจในสิ่งที่พระพุทธเจ้าทรงสั่งสอนแต่ยังไม่มั่นคงเพราะนางอาจเปลี่ยนใจได้ถ้านางไม่ได้รับการยืนยันจากพระพุทธเจ้าว่าสิ่งที่นางเข้าใจนั้นถูกต้องแน่แท้rabbit_eatingrabbit_eating
     
  17. karan20

    karan20 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2010
    โพสต์:
    1,297
    ค่าพลัง:
    +2,379
    มีคนมาบอกว่าพระพุทธเจ้าไม่ได้สวดมนต์ และเขาบอกว่าเราสวดไปเพื่ออะไร

    คำอ้างดังกล่าวเป็นความเข้าใจที่ผิด


    1. พระพุทธเจ้าทรงสวดมนต์ เพราะอะไร
    ด้วยเหตุว่าบทสวดมนต์หลายบทคือคำตรัสสอนของพระพุทธเจ้า
    กล่าวอีกอย่างได้ว่าก็
    การแสดงธรรมหรือการตรัสสอนนั่นล่ะคือการสวดมนต์ของพระพุทธเจ้า
    การสวดมนต์ก็คือการสาธยายธรรมที่พระพุทธเจ้าตรัสนั่นเอง

    บทสวดมนต์ ที่เป็นคำตรัสสอนของพระพุทธเจ้า เรียกอีกย่างว่าพระสูตร

    มักขึ้นต้นว่า [FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif]เอวัมเม สุตังฯ เอกัง สะมะยัง ภะคะวา
    แปลว่า
    [/FONT][FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif]ข้าพเจ้า (คือพระอานนท์) ได้สดับมาอย่างนี้ สมัยหนึ่ง พระพุทธเจ้า[/FONT]......
    ต่อจากนั้นก็จะเป็นการบรรยายว่า พระพุทธเจ้าตรัสไว้ที่ไหน กับใคร และตรัสว่าอย่างไรบ้าง

    ธัมมจักกัปปวัตตนสูตร
    พระสูตรนี้กล่าวถึงปฐมเทศนาซึ่งพระพุทธเจ้าทรงแสดงแก่พระปัญจวัคคีย์
    ภายหลังจากการตรัสรู้แล้ว 2 เดือน​
    อ้างอิง

    โพชฌงค์สูตร
    เมื่อพระมหากัสสปะอาพาธ พระพุทธเจ้าเสด็จไปทรงเยี่ยมแล้วสวดโพชฌงค์สูตร
    ซึ่งเป็นองค์ธรรมว่าด้วยการตรัสรู้ให้ฟังจนหาย
    และเมื่อพระมหาโมคคัลลานะอาพาธพระพุทธเจ้าไปเยี่ยมแล้วสวดให้ฟังจนหาย
    อีกครั้งหนึ่งพระองค์ได้ทรงแสดงธรรมบทนี้แก่พระโมคคัลลานะซึ่งอาพาธ
    หลังจากนั้นพบว่าพระโมคคัลลานะก็หายจากอาพาธได้

    แม้เมื่อพระพุทธเจ้าทรงประชวรอยู่ที่เวฬุวนาราม ก็โปรดให้พระจุนทะสวดโพชฌงค์ถวาย
    เมื่อพระพุทธเจ้าได้ฟังแล้วก็ทรงหายประชวรเช่นกัน
    อ้างอิง


    รัตนสูตร
    พระพุทธเจ้าสอนรัตนสูตรให้พระอานนท์เพื่อนำไปทำน้ำพระพุทธมนต์
    ใช้ขับไล่ภัยพิบัติที่เกิดขึ้นในแคว้นวัชชี
    ถ้าพระพุทธเจ้าไม่สวดให้พระอานนท์ฟังแล้วพระอานนท์ท่านจะเรียนได้อย่างไร
    และด้วยเหตุนี้ยังเป็นเครื่องยืนยันว่า
    - ยืนยันว่า....บทสวดมนต์มีมาตั้งแต่สมัยพุทธกาล
    - ยืนยันว่า....พระพุทธเจ้าท่านสอนให้สวดมนต์


    พระพุทธเจ้าเสด็จถึงประตูเมืองไพศาลีในเวลาเย็น ได้ตรัสให้พระอานนท์เรียน "รัตนสูตร"
    เพื่อเดินจาริกทำพระปริตไปในระหว่างกำแพง ๓ ชั้น ในเมืองไพศาลีกับบรรดากุมารลิจฉวี
    แล้วตรัส "รัตนสูตร" ขึ้นในกาลครั้งนั้น
    ที่เรียกพระสูตรนี่ว่า "รัตนะ" เพราะหมายถึง พระรัตนตรัย
    คือ พุทธรัตนะ ธรรมรัตนะ และสังฆรัตนะ อ้างอิง



    [ame="http://www.youtube.com/watch?v=fEDa6jIqx4M&feature=related"]รัตนสูตร รัตนะปริต (ยังกิญจิ) Ratana Sutta - YouTube[/ame]




    พระพุทธเจ้าเป็นประธานในการเจริญพระพุทธมนต์ให้แก่อายุวัฒนกุมาร
    พระพุทธเจ้าให้ภิกษุเจริญพระพุทธมนต์สิ้น ๗ วัน ในวันที่ ๗ พระศาสดาได้เสด็จไปเอง
    อ้างอิง



    คำถามที่ว่าสวดมนต์เพื่ออะไร....
    การสวดมนต์นั้นรู้คำแปลหรือไม่รู้คำแปลก็มีผลดีทั้งนั้น
    หากรู้คำแปล ก็เกิดการคิดพิจารณา จัดเป็นวิปัสนากรรมฐาน หรือสัมมาทิฏฐิ
    หากไม่รู้คำแปล แต่ก็เกิดความตั้งใจสงบ จัดเป็นสมถกรรมฐาน หรือสัมมาสมาธิ

    หากไม่รู้คำแปล แล้วใจก็ไม่ค่อยสงบ
    แต่อาศัยมีความตั้งใจจริง จิตใจเราเคารพและระลึกถึงพระพุทธเจ้า
    นี่ก็ไม่ใช่เรื่องเล็กน้อยเลย เพราะเป็นพุทธานุสติ
    และละสังโยชน์ข้อวิจิกิจฉา ไม่โลเล ไม่ลังเลสงสัยในพระรัตนตรัย เป็นกุศลมหาศาล


    ขอยกตัวอย่างและอธิบายแต่เพียงเท่านี้

    คิดง่าย ๆ ว่าพระอริยสงฆ์มากมายท่านไปพระนิพพานแล้ว ท่านก็ยังเคยสวดมนต์
    แต่เรายังไม่รู้เลยว่าคนที่ตำหนิการสวดมนต์จะไปที่ขุมไหน
    เราเชื่อพระรัตนตรัยไว้ดีกว่า

    แม้พระสงฆ์ปัจจุบันท่านก็ต้องมีกิจคือการทำวัตรสวดมนต์
    หลวงพ่อจรัญ วัดอัมพวัน ท่านสอนว่า สวดมนต์เป็นยาทา วิปัสสนาเป็นยากิน





     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 ตุลาคม 2011
  18. dollyta

    dollyta เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 เมษายน 2009
    โพสต์:
    808
    ค่าพลัง:
    +297
    การบ้านของชั่วโมงที่ 3 :
    1. แสดงความคิดเห็น รู้สึกอย่างไรกับบทเรียนวันนี้
    เป็นของธรรมดาของคนที่เข้ากระแสพระนิพาน เป็นพุทธ เป็นปฎิปทา อันก่อนให้เกิด
    การนำไปสู่ทางดับทุก เหมือนคนมีแผนที่แล้ว แต่ยังไม่ได้ไปถึงจุดหมาย เพราะกำลังเริ่มต้นเดินทาง
    2. อ่านนอกเวลา อ่านตามลิงค์นี้ อารมณ์โสดาบัน แล้วลองวิเคราะห์วิจารณ์ว่า
    เหตุใด เปสการีธิดา จึงไม่ได้บรรลุพระโสดาบันตั้งแต่ฟังเทศน์จากพระพุทธเจ้าในครั้งแรก
    (แต่สุดท้ายท่านก็ได้เป็นพระโสดาบัน)
    เพราะยังไม่เกิดปัญญาครับ เนื่องจากยังไม่ได้พิจารณาจนเห็นความจริงสิ้นสงสัย กำลังใจถึงจะเต็มครับ เห็นแท้แน่แล้ว จึงเรียกว่าเกิดปัญญาแล้วในเรื่องที่พิจารณานั้นๆ
     
  19. gardin

    gardin Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    73
    ค่าพลัง:
    +52
    1หนูขอแสดงความคิดเห็นว่าการที่จริงการเป็นโสดาบันก็คือกฎแท้ของชีวิตที่จะทำให้เราทุกคนสามารถอยู่บนโลกแบบสันติสุข ทำให้เราไม่ประมาทในชีวิตและทำให้เรามีเครื่องยึดเหนี่ยวชีวิติและยังมีครูสอนเราให้เข้าสู่พระนิพพานได้ง่ายขึ้นด้วยค่ะ 2.หนูคิดว่าท่านยัไม่มีกำัลังใจแข็งพอค่ะคือเธอนึกถึงวงหน้าขององค์สมเด็จพระบรมโลกเชษฐ์ ก่อนที่จะนึกถึงคำที่พระพุทธเจ้าเทศนาสอนค่ะ
     
  20. eee

    eee สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    26
    ค่าพลัง:
    +23
    การบ้านของชั่วโมงที่ 3 :
    1. แสดงความคิดเห็น รู้สึกอย่างไรกับบทเรียนวันนี้
    ตอบ ข้าพเจ้าเกิดความรู้สึกยินดี ที่ได้มองเห็นแนวทางการปฏิบัติและวัดผล มีกำลังใจเพิ่มค่ะ^^
    2. อ่านนอกเวลา อ่านตามลิงค์นี้ อารมณ์โสดาบัน แล้วลองวิเคราะห์วิจารณ์ว่า
    เหตุใด เปสการีธิดา จึงไม่ได้บรรลุพระโสดาบันตั้งแต่ฟังเทศน์จากพระพุทธเจ้าในครั้งแรก
    (แต่สุดท้ายท่านก็ได้เป็นพระโสดาบัน)
    ตอบ ข้าพเจ้าคิดว่าในตอนแรกเธอยังไม่ได้ปฏฺบัติความเพียรในศีล สมาธิ ปัญญา เพราะยังไม่รู้ ไม่ได้ฟังเทศน์ อาจเพราะเธอเกิดในสกุลที่ไม่ได้มีฐานะร่ำรวยหรือการศึกษาดี และยังอยู่ในประเทศอินเดียช่วงที่มีการแบ่งชั้นวรรณะโอกาสในการศึกษาจึงมีน้อย ประกอบกับต้องช่วยการงานบิดา ทำให้ต้องพะวงอยู่กับชีวิตทางโลกที่จำเป็นต้องทำงานไม่มีเวลาจะเจริญสติ ภาวนา หรือแม้แต่ฟังธรรม
    แต่เมื่อได้รับโอกาสฟังเทศน์จากพระพุทธเจ้าเรื่องมรณานุสติ ประกอบกับอุปนิสัยฝ่ายดีที่ธิดาช่างหูกมีอยู่ ทำให้เธอศรัทธาในพระรัตนตรัย ปฏิบัติตามคำสอนพระพุทธเจ้าคือระลึกถึงความตายและไม่ประมาท ในการละความชั่วทำความดีอย่างสม่ำเสมอ จึงทำให้เธอบรรลุโสดาปัตติผลค่ะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...