รู้ไว้ใช่ว่าใส่บ่าแบกหาม :กฎข้อห้ามพรานล่าสัตว์/สมิง/ปรอท

ในห้อง 'เรื่องผี' ตั้งกระทู้โดย ภูผาปักษา, 16 ธันวาคม 2016.

  1. ภูผาปักษา

    ภูผาปักษา Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤศจิกายน 2016
    โพสต์:
    46
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +107
    ...กฎข้อห้ามของพรานล่าสัตว์...ที่ยึดถือ มาแต่โบราณ...เรื่องพวกนี่ควรจะเชื่อและไม่ลบหลู่ครับ...เช่นไม่ยิงสัตว์ที่ ท้องหรือมีลูกอ่อนๆ จะรู้ได้ไงว่าสัตว์นั้นมีลูกหรือกำลังท้อง ต้องหัดสังเกตเองครับ เช่นซูมกล้องส่องนกอยู่ แต่ที่ปากนกคาบแมลงหรือใส้เดือนไว้ตลอด เดาได้เลยครับว่ามันหาอาหารเอาไปป้อนลูกอ่อนของมัน - ยิงสัตว์ต้องยิงให้ตายอย่าปล่อยไปขณะที่สัตว์บาดเจ็บอยู่(เพราะเป็นอันตราย กับพรานอื่น)...ไม่พูดจาหยาบคายขณะออกล่า ....นั่งห้างกลางคืนปวดขี้ปวดเยี่ยวยังไงก็ห้ามลงจากห้างเด็ดขาด มีคนมาเรียกหรือตามให้กลับบ้านก็ห้ามลง ต้องรอจนรุ่งเช้า(บ้างก็กลัวเป็นเสือสมิง-ผีป่า ผีโป่ง ต้องโยนไฟให้คนที่มาเรียกจุดให้ดูก่อน ถ้าจุดไฟได้ก็ลงจากห้างได้..ถ้าไม่ยอมจุดไฟก็ยิงหัวได้เลย)....ไม่ยิงสัตว์ มั่ว ประเภทคะนองปืน เจอตัวอะไรก็ยิงด่ะไปหมด...ห้ามเผาป่าเพื่อให้หญ้าอ่อนระบัดขึ้นใหม่ และมาแอบซุ่มยิงเก้งกวาง-กระต่าย...ห้ามทำปืนผูก(เพราะเป็นอันตรายกับพราน อื่นๆ พรานเก่าๆตายกันมากเพราะโดนปืนประเภทนี้จากพรานรุ่นใหม่ๆที่นำปืนไปผูกไว้ ตามด่านสัตว์เดิน โดยฝืนกฎของพรานเก่าๆ พรานเก่าแทบสูญพันธุ์ ตายแล้วแถมถูกประณามจากชาวบ้านอีก)....ไม่มั่นใจในเป้าอย่ายิง(อาจจะเป็นพวกพรานด้วยกัน นั่งขี้หัวผลุ่บๆโผล่ ๆในดงหญ้าคาหรือที่รกทึบ เพื่อความเป็นส่วนตัว มีประวัติพรานใหญ่ตายคากองขี้ก็แยะเพราะโดนปืนจากพรานกรุง พวกนิยมส่องสัตว์กลางคืน)....ไม่ทิ้งขยะหรือของเหลือใช้ ที่ไม่ใช่ของป่าไว้ในป่า หากจำเป็นจริงต้องกลบฝัง (จะเห็นว่ามีมาแต่โบราณเลย อาจจะเป็นเรื่องกลิ่น ที่สัตว์จะกระสากลิ่นคนเราจากสิ่งของเร็วมาก ทำให้เตลิดหากินในป่าที่ลึกเข้าไปอีก)...ห้ามถ่มน้ำลายในป่า...ต้องทำการข่ม ป่าด้วยการไหว้เจ้าที่ เจ้าป่า เจ้าเขาทุกครั้ง เมื่อออกล่าสัตว์ในพื้นที่นั้นๆ เซ่นไหว้ด้วยข้าว ยาเส้น- หมากพลู ที่เตรียมไป...อยากยิงอยากได้อะไรก็ขอท่านไป....(เมื่อเอ่ยขอแล้ว ห้ามยิงสัตว์ที่ไม่ได้ขอเด็ดขาด ไม่เช่นนั้นจะเกิดเภทภัย เช่นขอเก้งกวาง แต่ไปยิงกระทิง จะเกิดฝนถึงพายุใหญ่ จนพรานอยู่ไม่ได้ หรือติดตามกระทิงที่ยิงไม่ได้ เผลอๆถูกฟ้าผ่าตายอีก เพราะไปทำผิดกฎที่ขอไว้)....ห้ามทำห้างบนต้นไทร...ห้ามนั่งห้างบนต้นไม้ที่ มีรากโผล่ขึ้นมาบนผิวดินเด็ดขาด(เพราะต้นไม้พวกนี้มีผีหรือเจ้าที่ สิงอยู่)....ห้ามทำลูกห้างเกินจำนวน(ผมจำไม่ได้ว่าต้องใช้ไม้กี่ท่อนที่มาทำ ลูกห้าง แต่ห้ามถึงสิบท่อนแน่ การนั่งห้างถึงได้ลำบากมากเพราะมีกฎนี้อยู่ จะหาไม้มาทำแยะๆจะได้นั่ง-นอนแบบรอสบายๆอุราไม่ได้เลย)...ห้ามหลับบนห้าง เด็ดขาด...พรานบางคนนั่งหลับ แล้วโดนงูเหลือม-หลามเลื้อยขึ้นไปรัด ก็มีแยะเป็นตำนานเลยเรื่องพวก นี้...ห้ามนั่งห้างที่มียอดไม้ติดชิดๆกันหรือกิ่งก้านใกล้ๆกัน เพราะงูเหลือม-หลามมันจะเข้ามาทางหัวพรานเลยโดยการทิ้งตัวลงมารัดและเขมือบ แบบตื่นๆเนี่ยแหละ เพื่อนพรานมาวู้เรียกตอนเช้า ก็ไม่เห็นแล้วงูเอาไปย่อยแล้ว(มีพรานหลายคนที่หายตัวสาบศูนย์ไปเลยจากบน ห้าง...การนั่งห้าง งูเหลือม-หลามคือสิ่งที่น่ากลัวที่สุดสำหรับพรานที่ชอบเข้าป่าลึกๆ)..... พรานเก่าแก่ชาวกระเหรี่ยงบางคนจะใช้เชือกกล้วยมาทำเป็นเข็มขัด และสร้อยคอ เวลาขึ้นนั่งห้าง (งูเหลือม-หลามจะแพ้ตบะกลิ่นยางจากเปลือกของต้นกล้วยยิ่งแห้งยิ่งดี เคยอ่านเจองูเหลือมเขมือบกินพรานคาไว้ครึ่งตัว เพราะไปติดตรงเอวที่มีเชือกกล้วยผูกไว้ จะกลืนก็ไม่ได้จะคายก็ไม่ออก เพราะถ้าสัมผัสกับเชือกแล้วงูหลาม-เหลือมมันจะนิ่งเลยไม่ค่อยขยับตัว ตัวที่กินพรานเลยขยอกน้ำย่อยจากท้องให้ย้อนขึ้นมาที่ปาก เพื่อจะพยายามย่อยพราน และมีกลิ่นคาวเหม็นคลุ้งไปหมด).....ห้ามนั่งบังไพรตามโป่งดิน บริเวณที่มีดินโป่งต้องหาต้นไม้ทำห้างอย่างเดียว (พรานโบราณเชื่อเรื่องผีโป่งมาก...ผีโป่งมีลักษณะเป็นลูกไฟกลมๆลอยไปลอยมามี เสียงร้องกรีดแหลมเหมือนเสียงผู้หญิงหรือเด็กเล็ก)....ห้ามตั้งแคมป์ใน บริเวณที่ใกล้แหล่งน้ำ(เพราะช้างป่าจะมาเหยียบเอาได้)...กินน้ำจากป่าต้องนำ มาต้มก่อนทุกครั้ง(มีเชื้อมาลาเลีย) วันพระห้ามออกล่าเด็ดขาด...ไม่ตีงูจงอาง...(เพราะกลัวคู่ของมัน)...ไม่นำลูก ของสัตว์ป่ามาขาย-ไม่ทำลายสัตว์ที่กำลังเป็นแม่....ห้ามมีเพศสำพันธ์กันใน ป่า

    ที่มา เด็กดีดอดคอม.
    https://www.dek-d.com/board/view/2705785/
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 ธันวาคม 2016
  2. ภูผาปักษา

    ภูผาปักษา Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤศจิกายน 2016
    โพสต์:
    46
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +107
    เสือสมิง

    เสือสมิง เป็นผีตามความเชื่อของชาวไทยและชาวกะเหรี่ยง ที่เกี่ยวข้องกับป่าและภูติผีวิญญาณสิ่งชั่วร้าย
    มีความเชื่อว่าเสือสมิง ถือว่าเป็นเสือชนิดหนึ่ง ที่มีคำสาปอาถรรพ์สถิตอยู่ในตัว สามารถแปลงกายเป็นเสือได้ เพื่อหลอกผู้ที่พบเห็น โดยเฉพาะนักเดินป่า หรือนายพราน ผู้ที่เป็นเสือสมิงอาจเป็นได้หลายแบบ คือ
    - เกิดจากดวงวิญญาณของเสือที่ตายแล้ว มาสิงสู่ร่างคน หรือวิญญาณคนที่ตายแล้วยังไม่ไปเกิด จึงได้สิงสถิตและจองจำในร่างของเสือร้าย
    - เกิดจากเสือที่อาละวาดกินคนเข้าไปมาก จนมีวิญญาณคนสิงอยู่ในร่าง
    - ผู้มีวิชาอาคมแก่กล้า สามารถแปลงกายเป็นเสือแต่อาจจะทำผิดครูจึงทำให้เวทมนตร์เข้าหาตัว หรือ ผู้ที่มีวิชาอาคมแก่กล้าแต่ไม่สามารถควบคุมได้ ทำให้ของเข้าตัวกลายเป็นเสือได้ เสือสมิงพวกนี้จะเรียกว่า สมิงอาคม
    เสือสมิง คนทั่วไปมักเข้าใจผิดว่า ต้องเป็นเฉพาะผู้หญิง แต่ในความจริงเสือสมิงเป็นได้ทั้งชายและหญิง
    - เสือสมิงที่มีฤทธิ์แรง สามารถแปลงกายเป็นเสือตัวใหญ่ในช่วงเวลาไหนก็ได้ ทั้งกลางวันและกลางคืน มีแรงอาฆาตพยาบาทมาก
    - เสือสมิงที่มีฤทธิ์ปานกลาง จะแปลงกายได้ในตอนหวาดกลัวสุดขีด หรือในคืนที่พระจันทร์เต็มดวงแล้วกลายเป็น เสือลายพาดกลอน
    ผู้ที่เป็นเสือสมิง จะมีพฤติกรรมลึกลับในส่วนลึกของจิตใจ ทั้งบุคลิกท่างการแสดงออก จะมีลักษณะคล้ายกับเสือโคร่ง ชอบกินเนื้อสัตว์แบบสุกๆ ดิบๆและมีกลิ่นคาว ถ้าสัตว์อื่นที่ได้พบเห็นจะต้องหวาดกลัวทันที บางรายก็ไม่ปรากฏอาการแต่จะมีการมองด้วยสายตาที่น่ากลัว ผู้คนทั่วไปไม่ค่อยกล้าสบตา
    เสือสมิง เป็นความเชื่อที่อาจคล้ายคลึงกับความเชื่อของชนชาติอื่น อาทิ มนุษย์สิงโต (นรสิงห์), มนุษย์หมาป่า , มนุษย์เสือดาว เสือดำ, มนุษย์จระเข้, สกินวอร์คเกอร์
    ส่วนวิธีจัดการกับเสือสมิงนั้น
    - โยนกล่องไม้ขีดไฟให้ลองจุดดู ถ้าไม่สามารถจุดไม้ขีดไฟได้ แปลว่าเป็นเสือสมิง เพราะเสือสมิงไม่มีนิ้วแบบมนุษย์ มีแต่อุ้งเท้าเป็นเสือตรงบริเวณแขน แลมีฟันเขี้ยวแหลมคม สามารถงอกยาวและหดเล็กได้ รูปแบบที่พบเห็นทั่วไป มักปรากฏตัวออกมาในรูปร่างเหมือนคนปกติทุกประการ แม้กระทั่งนายพรานและผู้อื่นไม่สามารถล่วงรู้ได้เลย จึงจำเป็นต้องสังเกตพฤติกรรมของคนๆนั้นให้ดี
    - ใช้มีดหมอลงอาคมแทง หรือใช้กระสุนปืนศักดิ์สิทธิ์สำหรับฆ่าเสือสมิง เป็นการทำลายวิญญาณของมันให้ไปเกิดใหม่ และไม่ให้วิญญาณไปสถิตร่างเสือตัวอื่น
    เสือสมิงตามความเชื่อของชาวกะเหรี่ยง เชื่อว่าเป็นเจ้าป่าเจ้าเขาหรือพระภูมิเจ้าที่ ที่ดูแลรักษาปกป้องป่า จึงมีความเชื่อและข้อปฏิวัติว่า ห้ามล่าสัตว์หรือตั้งห้างบริเวณที่เป็นโป่ง ซึ่งเป็นแหล่งที่เป็นที่ชุมนุมของสัตว์ป่า มีผู้ที่เคยพบเห็นเจ้าของโป่งในเวลากลางคืน อ้างว่า มีดวงตาสามดวง ตาดวงที่สามอยู่กลางหน้าผากและเป็นสีเขียวเรืองแสงในความมืด มีเรื่องเล่ากันของชาวกะเหรี่ยงว่า ผู้ที่พบเจอกับเสือสมิง มักจะปรากฏเป็นผู้หญิงหรือเมียเข้ามาตามถึงในป่าแจ้งว่า ลูกป่วยให้กลับบ้าน เป็นต้น ถ้าลงไปก็จะถูกฆ่าตาย บ้างถึงกับว่า เมื่อมีผู้ไม่ยอมลงไป สักพักก็กลับมาใหม่พร้อมด้วยคนอีกสี่คนหามคานใส่ศพของลูกหรือเมียมาก็มี มีบางคนที่ยิงปืนใส่ เช้ามาเมื่อลงจากห้างพบว่า มีรอยเท้าเสือขนาดใหญ่เพ่นพ่านอยู่บริเวณนั้น โดยเชื่อว่าคนสี่คนที่เห็นว่าหามคานนั้น คือ ขาทั้งสี่ข้างของเสือ เป็นต้น

    ที่มา: เด็กดีดอดคอม
     
  3. วงกรตน้ำ

    วงกรตน้ำ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2015
    โพสต์:
    810
    กระทู้เรื่องเด่น:
    12
    ค่าพลัง:
    +2,432
    ส่วนตัวชื่นชอบ วิวทิวทัศน์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ป่า ทะเล รึ ขุนฟ้า ธรรมชาติล้วนรังสรรค์ให้เห็นความงาม แต่ก็เกือบเอาชีวิตไปทิ้งไว้หลายคราเหมือนกัน โดยเฉพาะป่าเขา
    เคยวิ่งลงมาที่ลานกว้าง แต่ดันสะดุดขาตัวเองกลิ้งล้ม ตุ๊บๆๆ ลงไปริมผาที่ด้านล่างมีแต่ตอไม้ไผ่ ดีว่ามือคว้ากิ่งไผ่ที่ขึ้นอยู่ริมผาได้ทัน ครูงี้หน้าตื่นวิ่งมาคว้าตัวไว้ทันที
    เคยเล่นน้ำตกหนุกหนานๆ อยู่ แต่ตอนจะขึ้นจู่ๆก้าวเหยียบหินพลาดตกน้ำตูม!! ร่างงี้ไหลไปตามน้ำทันที ดีว่า มือยังคว้าต้นไม้ที่ขึ้นเบียดโขดหินทัน น้ำแรงชนิดว่ายืนแทบไม่อยู่ได้พี่ๆช่วยลากเข้าฝั่ง (3คนจับมือกันคนละข้าง)
    สุดท้าย ตั่งเต้นท์นอนบนเขาก่อนเช้าเดินไปเที่ยวน้ำตก ตอนนั้นไร้วี่แววคณะอื่น เดินขึ้นน้ำตก 3 สาวงาม ถ่ายรูปกับต้นไม้ขนาด 5 คนโอบ สองคนที่ไปด้วยโดนทากเกาะ ส่วนเราขาสั้นผ่านฉิว 555 (โดนเพื่อนเม้าส์ว่า มันใส่ขาสั้น อะไรกระเด็นโดนขานิดขาหน่อยร้องซะ !!! ไอ้เราสองคนใส่ขายาวรัดกุม ดันโดนทากเกาะดูดเลือดซะนี่)
    พอขากลับดันมีทางแบ่งเป็น 2 เส้น จำไม่ได้อะดิเนี่ยทีนี้ ดีว่าเพื่อนทักว่า ไม่ใช่นั้นน่าจะเป็นทาง นี้ เลยออกจากอุทยานถูก 555
    เลยขอสรุปว่าป่ากับเราคงจะไม่ถูกกันกระมัง หุหุ
     
  4. เทพบุตรลั้ลลาลั้ลลั้ลลาาา

    เทพบุตรลั้ลลาลั้ลลั้ลลาาา เพื่อมวลมนุษย์แลสรรพสัตว์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤศจิกายน 2014
    โพสต์:
    872
    ค่าพลัง:
    +1,936
    ชะรอยจักเป็นอุทยานเขาใหญ่
     
  5. นายดอกบัว

    นายดอกบัว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    1,696
    ค่าพลัง:
    +5,676

    เคยได้ยินพรานรุ่นปู่. กับพรานพื้นเมืองชาวกระเหรี่ยง สอนแบบนี้เหมือนกัน.สมัยนั้นใช้ปืนแก๊ป. มาสมัยรุ่นพ่อผม เมื่อ 40-20 ปีที่ผ่านมา. ไรเฟิลติดกล้อง ยิงด่ะ hk กับ m 16 อย่างละกระบอก. นั่งรถจีบ. ไฟส่องเสือที่เดินข้างทาง. ยิง. เจอหมียิง. จรเข้นี้สูญพันธุ์จากแม่น้ำเลย. กลับมาที ป่าแทบล้าง. นี่ คนไทยมันแบบนี้. เสียดาย ตำนานเสือเลยแค่เรื่องเล่าไป สมัยนี้ยิ่งแล้วใหญ่ พี่โป่งผีป่าไม่น่ากลัวแล้ว. กล้อง มองอินฟราเรตก็มี. กล้องมองกลางคืนก็มี. กล้องเก็บเสียงปืนก็มี. ยิงทีป่าไม่แตกล่ะ

    น่าเสียดาย เพราะไปฆ่ามันก่อนเวลา สุดท้ายมาสัตว์ป่าก็มาเกิดเป็นคน. มาไล่ฆ่ากันในปัจจุบัน. เฮ้อ....!!!!!
     
  6. นายดอกบัว

    นายดอกบัว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    1,696
    ค่าพลัง:
    +5,676
    สมิงที่กระเหรี่ยงเชื่อว่าปกป้องป่านั้น. คือเสือไฟ. เสือไๆแสดงถึงความอุดมสมบูรณ์
    เอาตรงๆ คนกระเหรี่ยงเป็นพรานชั้นยอด.เลือกยิงสัตว์ แต่ก็เป็นคนขี้กลัวโดยเฉพาะผีสาง
    มูเซอร์จะอีกแบบยิงได้. กินได้ทุกอย่าง. ลีซอก็ต่างไป. ม้งก็จะออกล่า ทีละหลายคน.และไม่ค่อยเงียบ ลั่วะก็จะชอบออกล่าไปคนเดียวเงียบๆไม่ค่อยพูด

    ผีโป่งคือผีสัตว์. ผีคน. ที่ตายบริเวนโป่ง. เป็นบริวารเจ้าพ่อเจ้าแม่ที่ปกครองเขา หรือป่าบริเวนนั้น. อาจเป็นภูมิเทวดา หรือแค่อสูรกายที่กำลังมากอยู่แถวนั้น. เวลาคนทำผิดป่าจึงมักโกรธ. เลยให้พวกผีโป่งเลยงาน. แต่ถ้าไม่ทำไรผิด. ก็มักแค่จำแลงกายล่อลวงให้คนเห็น. คนที่สติไม่มั่น. ก็มักเตลิดกลัว. จนเกิดอุบัติเหตุ. บางรายตายเพราะวิ่งตกเขา บางรายวิ่งไปหาช้างป่าให้เหยียบ. ไม่ใช่เพราะพี่โป่งบังคับ แต่เพราะคนมันกลัวไปเอง.

    เรื่องนี้เกิดที่แม่ฮ่องสอนเมื่อ 30 ปีที่แล้ว.
    พรานหนุ่มสองคนไปนั่งห้างแถวๆหมู่บ้านนั่นแหละ ห่างจากบ้านแค่ 200-300 เมตร (แม่ฮ่องสอนสมัยนั้นรอบหมู่บ้านนี่ป่าทั้งนั้น) นั่งดักยิงกระต่ายกัน. ทั้งสองคนนั่งอยู่บนห้าง. ประมาน 3 ทุ่มพรานคนนึงเห็นกระต่ายก็ยิง. ทั้งๆที่อีกคนไม่เห็น. ยิงเสร็จพรานอีกคนก็ให้รออยู่บนห้างต่อ ไม่ให้ลงกะว่าเช้าค่อยลงไปเก็บ. เวลาผ่านไปสักพักพรานคนที่อยู่ด้วยก็หลับ. ส่วนไอ้คนยิงคงตื่นเต้นยิงกระต่ายได้ครั้งแรกในชีวิต. อดใจไม่ไหวลงห้างไปเก็บกระต่าย. ลงไปถึงตัวกระต่ายยื่นมือกำลังจะก้มเก็บ กระต่ายตัวนั้นเป็นเงาคนไม่มีหัวลุกขึ้นพุ่งพรวดจู่โจมพรานคนนั้น. ต่อยตีสู้กันพันวัล. พรานคนนั้นสู้ไม่ไหวร้องเรียกเพื่อน เพื่อนสะดุ้งตื่น. งงใหญ่. มันต่อยอากาศทำไมว่ะ. มันซ้อรำมวยเหรอ. ลงจากห้างไปดู. ก็เห็นมันกอดรัดฟัดเหวี่ยงตัวเอง. ปลุกยังงัยก็ไม่ได้ มีแต่เสียงบอกว่าช่วยกูที. มันต่อยกู. เพื่อนทำไรไม่ถูกวิ่งกลับบ้านเรียกคนมาให้ช่วย. ชาวบ้านมาเจออช่วยกันลากไปบ้าน. เหมือนคนห้ามมวย. พรานคนนี้อยู่แต่ในบ้านเป็นเดือน. ห่มแต่ผ้าห่ม. เหมือนเสียสติไป. แม่ถามทำไม่ไม่ไปไหนบ้าง. แกบอกว่า ก็มันนั่งรออยู่หน้าบ้านนั่นน่ะ(ผีไม่มีหัว). ออกไปมันก็จะต่อยผม. อาการเริ่มดีขึ้นเมื่อครบปี.
    นี่คนต่อยกับผี. สุดท้ายผีชนะ. คน โดนหาว่าบ้าไป. ดีนะที่เป็นผี. ถ้าเป็นเสือนี่. โดนงาบไปแล้ว
     
  7. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,425
    ค่าพลัง:
    +35,019
    อีกเรื่องคือการบังตาในกรณี
    ที่เผลอทำอะไรเป็นการลบหลู่
    และเรื่องปรอทรวมทั้งที่น่ากลัวมาก
    คือพรายช้างและ อสูรกายที่อยู่ก่อนยุค
    ที่จะมีพระพุทธฯ และเคลือเถาหลงครับ
     
  8. ภูผาปักษา

    ภูผาปักษา Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤศจิกายน 2016
    โพสต์:
    46
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +107
    เห็นท่านnop พูดถึง" ปรอท "

    วิชาการเล่นแร่แปรธาตุปรอท

    ธาตุกายสิทธิ์ , Travelling

    ปรอทเป็นโลหะธาตุที่มีความประหลาดเนื่องจากมีลักษณะเป็นของเหลว สามารถอยู่ได้ในหลายๆลักษณะ คือ อยู่ในรูปของไอหมอก อยู่ในรูปของของเหลว และอยู่ในรูปของ "ของแข็ง" ปรอทยังแบ่งออกในอีกหลายลักษณะ เช่นปรอทหมอก ปรอทน้ำครำ ปรอทป่าช้า ปรอททะเล ปรอทจากถ้ำลอดปรอทขาว และปรอทจากชั้นใต้ดิน
    ปรอทจากชั้นใต้ดิน เป็นปรอทที่พบจากการขุดแร่และสูบน้ำมัน เราสามารถพบปรอทจากการขุดแร่ทองแดง รวมทั้งการสูบน้ำมันปรอทจะอยู่รวมกันเป็นชั้นก่อนที่จะถึงน้ำมันดิบ น้ำมันเกิดจากการหมักหมมของซากพืชซากสัตว์ จึงสัณนิฐานได้ว่าปรอทคงลงมากินซากพืชซากสัตว์ในชั้นนี้จนกลายเป็นชั้นปรอท ไป และปรอทกลุ่มนี้เองที่ถูกนำมาใช้ทางวิทยาศาสตร์และอุตสาหกรรม หากจะกล่าวถึงคุณสมบัติทางไสยศาสตร์แล้วมันก็มีเหมือนปรอททั่วๆไป เพียงแต่ว่าพิษของปรอทพวกนี้จะมากหน่อยเท่านั้นเอง
    ปรอทจากน้ำครำ เป็นปรอทสกปรกเช่นกัน แต่อาศัยการดักจับ อาจารย์โยธินกล่าวถึงประสบการณ์ว่าสมัยก่อนหากันได้ง่าย เพียงแค่เราล้างจานเอาเศษข้าวเททิ้งหน้าบ้านตกกลางคืนคุณตาจะชี้ให้ดูว่ามัน เกิดพรายปรอทเป็นแสงเรืองๆตรงกองข้าวที่เราเททิ้งไว้ นั่นหละปรอทมันลงมากิน ถ้ามีเวลาก็เอาไข่ดิบเจาะรูวางไว้บริเวณดินเลนปรอทก็จะลงมากินเช่นกัน
    ปรอทจากสินแร่ ปรอทพวกนี้พบจากการขุดแร่อย่างทองแดง นอกจากนี้ยังพบจากการขุดแร่เหล็ก หรืออย่างแร่เขาอึมครึมบางก้อนจะมีแร่ปรอทไหล




    ผสมอยู่ภายใน มีลักษระเงางามแปลบปลาบมากกว่าพวกที่ไม่มีปรอทสีจะออกเทาดำ มากกว่าดำเป็นนิล ถ้าเหล็กไหลเขาอึมครึมก้อนไหนมีปรอทในตัวมากเป็นพิเศษจะมีอานุภาพทางล่องหน หายตัว และกันไข้ป่าเขี้ยวงาอสรพิษมากกว่าก้อนธรรมดาทั่วไปซึ่งไม่มีปรอทเข้าแทรก
    ปรอทจากแร่ยังพบในแร่บางไผ่ ซึ่งเป็นแร่เหล็กไหลน้ำอย่างหนึ่ง มันเป็นแร่เหล็กตามธรรมชาติที่เนื้อในของแร่ชนิดนี้มีปรอทซึมอยู่ตาม ธรรมชาติ จึงไม่น่าแปลกใจว่าทำไมแร่ชนิดนี้จึงต้องกินน้ำคาวปลา ก็เพราะปรอทที่อยู่ภายในก้อนแร่มันต้องการจะกิน พบว่าแร่ก้อนไหนที่แตกหักจะมีพรายปรอทเกาะเป็นเลื่อมพรายสีขาวๆเรืองๆเห็น ได้ชัดเจน เมื่อเอาก้อนที่แตกหักพ้นน้ำขึ้นมาปรอทภายในเนื้อแร่จะระเหิดหายไปในอากาศ แต่นั้นไปก้อนแร่จะเริ่มผุจนกลายเป็นขี้ดิน
    ปรอทจากว่าน เพราะว่านหลายชนิดดูดหรือดึงปรอทเข้าไว้ในตัวตามธรรมชาติรวมถึงต้นไม้บาง ชนิดอย่างต้นหนาดก็มีพรายปรอทอยู่ตามหลังใบและรากรวมถึงแก่น ต้นหนาดจึงเป็นที่หวาดกลัวของผียิ่งนัก หรืออย่างว่านพะตะบะก็เช่นกัน
    ในบรรดาแร่และว่านที่มีปรอทแทรกอยู่ภายในจะมีฤทธิ์เป็นพิเศษคือยามคืนเดือน เพ็ญจะสามารถเรืองแสงสว่าง ถ้ามีฤทธิ์มากปรอทภายในจะถอดตัวออกมาหากินได้ อย่างแร่บางไผ่ก็สามารถแสดงฤทธิ์เป็นดวงไฟลอยไปหากินหรือลอยมาเล่นแสงจันทร์ เช่นเดียวกันกับว่านโพงซึ่งมีปรอทอยู่ภายในสามารถถอดเจตสิกเป็นดวงลอยไปหา กินได้
    ปรอทจากหมอก เป็นปรอทบริสุทธิ์ มีฤทธิ์ร้าย ปรอทพวกนี้ชอบกินเกสรดอกไม้ โดยเฉพาะจากดอกไม้ที่มีพิษอย่างต้นลำโพง เราสามารถสัณนิฐานได้อย่างหนึ่งว่าปรอทเป็นภูติ เป็นชีวภูติที่ต้องการสร้างตบะสร้างฤทธิ์ให้ตนเอง จึงชอบแสวงหาว่านยาอาหารและพิษมาสะสมไว้ ทั้งหมดก็เพื่อให้ตัวมันมีอำนาจ และคงเป็นธรรมชาติที่ปรอทมีอำนาจสามารถดูดกลืนและกัดกินสารพัดสิ่งได้ อย่างไม่ต้องกลัวใคร
    ดอกลำโพงเป็นดอกไม้ที่ปรอทชื่นชอบ อาจารย์โยธินกล่าวว่าหากใครมีวาสนาได้ดอกลำโพง ๕ ชั้น จะมีอำนาจฆ่าพิษปรอทได้และยามที่มันออกดอกบานขึ้นมาก็สามารถดักปรอทหมอก จากดอกลำโพง กลีบซ้อน ๕ ชั้นได้เช่นเดียวกัน
    ปรอทจากป่าช้า มันเป็นปรอทพวกเดียวกันกับปรอทน้ำครำ แต่มีฤทธิ์สูงกว่าเยอะเนื่องจากมันผ่านการกินศพคน ไอปราณจากศพมนุษย์ที่ซึมอยู่ภายในตัวมัน น้ำเลือดน้ำเลืองเนื้อมนุษย์ที่ถูกมันย่อยจนกลายเป็นพลังชีวิตในตัวมันเมื่อ ถูกสะสมนานวันเข้าทำให้มันมีตบะเดชะ ภูติผีปีศาจจะกลัวปรอทประเภทนี้มาก เพราะรู้ดีว่ามันกินศพถือว่าแพ้ทางกันโดยธรรมชาติปรอทประเภทนี้จะพัฒนากลาย เป็นภูติร้ายที่มีฤทธิ์ต่อไป
    ปรอททะเล เป็นประเภทเดียวกันกับปรอทน้ำครำ แต่มีฤทธิ์มากกว่า เพราะผ่านการเสพแร่ธาตุในทะเลซึ่งทำให้เกิดตบะเดชะมากกว่าปรอทน้ำครำที่เสพ แต่ของเน่าเหม็น ไม่เกิดตบะเดชะขึ้นมาได้ ปรอททะเลเมื่อเกิดตบะมาขึ้นก็พัฒนาเป็นภูติร้าย เป็นพรายทะเลที่ดูดเลือดคนสัตว์กินได้
    ปรอทลงโป่ง เป็นปรอทที่พบตามโป่งดิน โป่งคือดินที่มีแร่เกลืออยู่ภายในสัตว์มักลงมากินยามค่ำคืนถือว่าเป็นยา อย่างหนึ่งของสัตว์ป่า นายพรานมักมาจังหวะมาดักยิงสัตว์ป่าบริเวณโป่งเมื่อสัตว์โดนยิต้องมีเลือด บ้างก็ล้มตายแถวนั้น พวกปรอทป่าจึงมักมาลงที่โป่งเพื่อเสพเลือดสัตว์ป่าที่หยดลงมานานวันเข้า พัฒนาตัวเองเป็นผีโป่ง ซึ่งบางคนเข้าใจว่าผีโป่งคือวิญญาณสัตว์ป่าที่ถูกยิง แต่ความจริงไม่ใข่ มันคือปรอทป่าที่มาลงโป่งเมื่อมันได้เสพเลือดเนื้อของสัตว์มากเข้าก็พัฒนา เป็นผีโป่งลอยไปหากินหรือแปลงร่างเป็นคนเป็นสัตว์ได้
    ปรอท นอกจากมีชีวิตพื้นฐานของมัน ปรอทป่า ปรอทธรรมชาติจำนวนมากยังมีวิญญาณของเจ้าป่า เจ้าที่ เข้าควบคุมเป็นเจ้าของ เนื่องจากวิญญาณที่มีฤทธิ์ระดับเจ้าพ่อเจ้าแม่เมื่อได้ปรอทมาเป็นบริวารก็จะ ยิ่งมีอานุภาพมาขึ้น ดังนั้นดวงปรอท ดวงพรายที่ลอยหากินบางครั้งไม่ได้เกิดจากอำนาจปรอทเพียงอย่างเดียใ แต่หมายถึงมีวิญญาณของเจ้าพ่อเจ้าแม่เจ้าที่เจ้าป่าคอยกำกับอยู่เสมอ
    ปรอท ถือว่าเป็นญาติใกล้เคียงกับเหล็กไหล มันคือสิ่งมีชีวิตในเครือเดียวกัน เมื่อพัฒนาให้ปรอทกลายเป็นปรอทบริสุทธิ์สูงสุดก็จะมีอำนาจประดุจเดียวกันกับ เหล็กไหลชั้นยอดทุกประการ ดีไม่ดีจะมีอำนาจสูงกว่าด้วยซ้ำไป
    ปรอทกรอ เป็นวิชาปรอทที่ซัดปรอทขึ้นรูปเป็นเม็ดกลมๆแล้วบรรจุเข้าสู่ลูกโลหะ เมื่อเอาปรอทกรอมากลิ้งดูจะได้ยินเสียงกริ๊งๆ ครืดๆ ตามแต่ปรอทที่ซัดไว้จะเป็นชั้นใด หากเป็นปรอทซัดชั้นยอดเสียงที่กังวานออกมาจากปรอทกรอจะกังวานไพเราะเป็น อย่างยิ่ง ความสำคัญของปรอทกรอก็อยู่ที่การหาปรอทซัดขึ้นรูปนี่เองและจะซัดปรอทได้ ระดับใด ยิ่งเป็นปรอทชั้นสูงก็ยิ่งทำให้ปรอทกรอมีอานุภาพมากขึ้นตามลำดับ
    ส่วนอานุภาพของปรอทกรอ มีตั้งแต่ส่งสัญญาณเตือนภัยได้ เป็นทั้งแคล้วคลาดคงกระพันหนังเหนียว กันไข้ป่า กันคุณไสยภูติผีปีศาจ ค้ำชูดวงชะตา เป็นเมตตามหานิยมในตัวด้วย เรียกว่ามีอานุภาพครอบจักรวาลคือดีในทุกๆด้านนั่นเอง แม้กระทั่งการนำปรอทกรอมานั่งสมาธิกรรมฐานกำหนดจิตตามลูกปรอทที่สั่นไปมาใน เบ้าก็ทำให้เกิดสมาธิได้ดียิ่ง
    ปัจจุบันปรอทกรอหายากมากครับ สมัยก่อนโด่งดังจากการพบปรอทกรอที่กรุศรีเทพ เมืองปราจีน และการพบปรอทกรอตามกรุวัดร้างแถบอยุธยาและสุโขทัย เดี๋ยวนี้หาผู้ทำปรอทกรอ ยากเพราะขาดความรู้ทางเล่นแร่แปรธาตุครับ
    อาจารย์ท่านอยากเผยแพร่เรื่องนี้ออกไปให้มากที่สุด เพราะอาจารย์ท่านคิดว่าวันหนึ่งก็ต้องตาย หากไม่มีใครเรียนรู้วิชานี้คงสาบสูญเป็นแน่ ปัจจุบันวิทยาการทั้งแพทย์แผนไทย สมุนไพร รวมไปถึงไสยศาสตร์ต่างๆ เริ่มถดถอยสูญหายไปทีละวิชาเพราะขาดการสืบทอด อีกหน่อยภูมิความรู้ของบรรพบุรุษคงสาบสูญไปหมด ดังนั้นท่านจึงไม่คิดปิดบังวิชาใดๆทั้งสิ้นครับ
    เรื่องการเล่นแร่แปรธาตุ จัดเป็นศาสตร์เร้นลับที่ไม่เหมือนวิทยาศาสตร์ทั่วไป เพราะต้องอาศัยแรงใจหรือพลังจิตเป็นปัจจัยสำคัญในการแปรธาตุ มันเป็นการผสมผสานระหว่างความรู้เชิงวัตถุธาตุและพลังจิต สันนิฐานได้ว่าวิชานี้น่าจะสืบทอดมาจากอาณาจักร
    แอตแลนติสโบราณ เราจึงพบการเล่นแร่แปรธาตุในช่วงสมัยต่างๆ ไม่ว่าอียิปต์ อารยะธรรมลุ่มแม่น้ำไทกรีสยูเฟติส อารยะธรรมลุ่มแม่น้ำสินธุ หรือแม้แต่ในจีนก็ยังมี ไทยเรารับเอาวิชาสายนี้มาจากพราหมณ์ของอินเดีย รับมาทั้งโดยตรงและส่งทอดมาจากขอมอีกทางหนึ่ง
    วิชาการเล่นแร่แปรธาตุปรอทสำเร็จนั้น มีตั้งแต่การแปรตะกั่วเป็นทองคำ และแปรปรอทเป็นแก้วจักรพรรดิ์ ผู้ที่ศึกษาปรอท มีสองจำพวกคืออยากรวยด้วยการศึกษาแปรธาตุเป็นทอง กับอีกพวกคืออยากเป็นอมตะ อย่างไรก็ตามการจะสำเร็จปรอทชั้นสูงสุดเป็นแก้วกายสิทธิ์นั้นต้องเป็นผู้มี บุญญาธิการถึงพร้อมจริงๆจึงสำเร็จได้ ส่วนที่เหลือก็ได้ปรอทชั้นทนสิทธิ์และกายสิทธิ์ซึ่งมีอำนาจทางคงกระพันไปถึง ตัวเบาเป็นชาตรีเพียงเท่านี้ก็นับว่าสุดยอดแล้ว
    ปรอทชั้นสูงสุดเมื่อแปรเป็นแก้วได้แล้วยังมีเหนือไปกว่านั้นคือตีแก้วให้ กลายเป็นพระขรรค์แก้ว ตามตำรากล่าวว่าผู้ใดทำได้ถึงขั้นนี้มีอำนาจดั่งพระอนิทร์เลยเชียว
    เมื่อพิจารณาวิชาปรอทจึงเห็นได้ว่า ปรอท ชั้นสูงก็คือแก้วกายสิทธิ์ หลวงพ่อฤๅษีลิงดำท่านเรียกว่าแก้วจักรพรรดิ์ ชั้นรองเรียกว่า แก้วราหู จัดเป็นแก้ววิเศษที่มีอำนาจทางเรียกทรัพย์สินเงินทอง คุ้มครองป้องกัน ประทานความสำเร็จให้แก่ผู้ครอบครองได้
    ปรอท มีความผูกพันกับแก้วกายสิทธิ์ แก้วจักรพรรดิ์ อย่างลึกซึ้งละเอียดละออ เพียงแค่ลูกปรอทชั้นทนสิทธิ์ขึ้นไปก็มีอำนาจด้านคุ้มครองดวงชะตาผู้ครอบครอง เป็นเจ้าของได้แล้ว มีอำนาจเรื่องหนังเหนียวคงกระพันกันเขี้ยวงาอสรพิษได้เป็นอย่างดี รวมถึงกันไข้ป่าโรคระบาดและคุณผีคุณคนได้ด้วย
    และเคล็ดลับสำคัญคือหากนำมาอธิษฐานด้วยบทจักรพรรดิ์ของหลวงปู่ดู่ อธิษฐานลูกปรอทเป็นดวงแก้วจักรพรรดิ์ ด้วยบารมีพระรัตนตรัยและบารมีพระจักรพรรดิ์ พระโพธิสัตว์ อันมีหลวงปู่ทวด หลวงปู่ดู่เป็นที่สุด ลูกปรอททนสิทธิ์ก็จะมีพุทธคุณเป็นแก้วจักรพรรดิ์ชั้นยอด มีคุณวิเศษเหนือชั้นขึ้นไปอีกหลายเท่าตัว ซึ่งวิธีนี้เรียกว่าการสร้างกฤติยาคมแฝด คือ ที่มาของธาตุเป็นปรอทก็นับว่ายอดดีแล้ว ต่อยอดดีเข้าไปด้วยบารมีพระรัตนตรัยพระจักรพรรดิ์ก็ยิ่งยอดเยี่ยมขึ้นไปอีก นี่แหละครับวิธีของผมเองที่ใช้ลูกปรอทมาอธิษฐานและทำสมาธิอยู่เสมอ
    ปรอทแม้เพียงปรอทน้ำก็กันเหา กันแมลง กันไข้ป่าได้ แต่ถ้าปรอทซัดว่านยาขึ้นรูปจะมีอานุภาพทางคงกระพันเป็นเบื้องต้นเรื่องกันผี กันคุณไสยและเขี้ยวงารับรองได้ แต่จะดีด้านค้ำคูณดวงชะตาอย่างยิ่ง หากเมื่อใดดวงตกแบบหนักๆ ปรอทจะสีหม่นลงไปทันที ในขณะเดียวกันถ้าปรอททนสิทธิ์อยู่กับผู้สวดมนต์ไหว้พระปฏิบัติสมาธิกรรมฐาน ปรอทจะแปรสีสันสวยงามหรือแวววาวให้เห็นเป็นอัศจรรย์ และเนื่องจากปรอทมีชีวิตมันจึงเปลี่ยนสีสันได้อยู่เสมอ ผมเองขอปรอททั้งแบบปรอทเพชรที่ไม่กินทองและปรอททนสิทธิ์ชนิดที่ยังกิน ทองอยู่ อย่างปรอททนสิทธิ์ที่กินทอง ปรอทประเภทนี้จะสามารถเกลือกสีผิวตัวเองได้ดี เวลาแปรสีก็จะอมเขียวอมทองอย่างที่เห็น ส่วนปรอทเพชรถ้าอยู่กับผู้ปฏิบัติจะเกิดประกายแวววาวมากขึ้นตามลำดับ ส่วนสีของปรอทเพชรสูตรของอาจารย์โยธินจะเป็นปรอทสีออกเขียวอมทอง อาจารย์โยธินบอกว่าถ้าทิ้งเวลาในการหุงปรอทนานขึ้นเรื่อยๆมันก็แปรสีออกขาว ใสมากขึ้นตามลำดับ นับว่าเป็นความลึกลับมหัศจรรย์ของปรอทและนับเป็นภูมิปัญญาอันชายฉลาดของ บูรพาจารย์แต่ก่อนเก่าที่สามารถศึกษาเรื่องปรอทและการเล่นแร่แปรธาตุได้ อย่างลึกซึ้ง

    ที่มา :http://aiphan.blogspot.com/2014/11/blog-post.html?m=1
     
  9. ภูผาปักษา

    ภูผาปักษา Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤศจิกายน 2016
    โพสต์:
    46
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +107
    ผีบังตารึเปล่า???

    เป็นอีกหนึ่งประสบการณ์ครั้งแรก ที่ผมจะขอนำมาแชร์นะครับ ผมเรียนอยู่ มหาวิทยาลัยในกรุงเทพและได้มีโอกาสไปออกค่ายอาสา ที่จังหวัดหนึ่งทางภาคเหนือ (ขอไม่บอกสถานที่แล้วกันนะครับ) ค่ายที่เราไปเป็นค่ายของรุ่นพี่ในคณะครับที่จัดกันขึ้นมาเอง และช่วงนั่นเป็นช่วงปิดเทอร์มขึ้นเทอร์มสองในเดือก มกราคม สถานที่ที่เราไป เราจะไปสร้างห้องศูนย์การเรียนรู้ให้กับน้องๆบนโรงเรียนที่นั่น ซึ่งสถานที่นี้ต้องบอกเลยว่ายังขาดแคลนและห่างไกลความเจริญมากๆ ครับ ไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ ไฟฟ้าก็ยังใช้แผงโซล่าเซลล์ครับ สมาชิกที่ไปกันก็ประมาณสี่สิบคนครับ ส่วนใหญ่จะเป็นรุ่นพี่ใน คณะ ส่วนผมเป็นเด็กสุดในคณะครับ ค่ายเราไปกัน 6 คืน 7 วันครับ นั่งรถไฟไปกันครับ ส่วนพวกของที่ต้องใช้ในการก่อสร้างอาจารย์บนโรงเรียนนั่นก็จัดการให้เรียบร้อยหมดแล้ว เพราะการจะไปสถานที่แห่งนั่นต้องเหมารถสองแถวขึ้นไปกัน ตอนแรกทางบ้านไม่ยอมให้ไปแต่ผมก็ดึงดันที่จะไปให้ได้เพราะอยากลองไปสัมผัสชีวิตแบบนั่นดูบ้างแล้วเราเองก็ชอบแนวๆนี้อยู่แล้ว ก็เลยตัดสินใจไปครับ เรียกได้ว่า พอถึงโรงเรียนบนดอยแห่งนั่นผมนี้อ้วกมาตลอดทางเลยทีเดียว บนดอยแห่งนั่นอากาศดีมากครับ แถมหนาวมากๆๆ ขนาดตอนกลางวันก็ประมาณ 15 องศา กลางคืนนี้ไม่ต้องพูดครับ 4 องศาแค่นั่น ผมนี้ฟินสุดๆ จนมาในวันที่ 3 ปูนกับทรายที่เราต้องใช้เกิดหมด ผมในฐานะรุ่นน้องสุดก็โดนเตะโด่งให้ลงไปยังตัวอำเภอเพื่อไปสั่งของที่ขาดโดยมีรุ่นพี่อีกคนนึงไปเป็นเพื่อนครับ แค่จากบนดอยไปยังตัวอำเภอด้านล่างก็ 4ชั่วโมงแล้วครับ ผมกับรุ่นพี่เลยต้องนั่งรถสองแถวคันๆเก่าประจำหมู่บ้านซึ่งอยู่เลยตัวโรงเรียนขึ้นไปอีก สองกิโลเมตร (รถประจำหมู่บ้านมีแค่สองรอบนะครับ รอบเช้ากับรอบเที่ยง) พอประมาณบ่ายสองกว่าๆ รถสองแถวคันเก่าๆ ก็มาหยุดอยู่ที่ร้านค้าวัสดุก่อสร้างในตัวอำเภอ ผมกับรุ่นพี่จึงสั่งของที่เราจำเป็นต้องใช้ไป เจ้าของร้านจึงเร่งสั่งลูกน้องและหันมาถามผมว่า จะให้ไปส่งที่ไหน พอผมบอกสถานที่ไป เจ้าของร้านกับคนขับรถพูดออกมาเป็นเสียงเดียวกันว่า "ห้ะ!!" และถามย้ำอีกรอบว่า "ที่ไหนน้ะ ถ้าที่นั่นผมไม่ไปหรอกนี้ก็เกือบบ่ายสามแล้ว" ผมได้แต่ยืนเกาหัวพลางคิดในใจ "อ้าวชิบพ้ายแล้ว แล้วกรูจะกลับยังไงว้ะเนี่ยยย" แต่โชคยังดี(หรือป่าวไม่รู้) รุ่นพี่ผมเขาจะให้ค่าจ้างเพิ่มสามเท่า คนขับรถจึงจำใจยอมรับไปส่งเรา
    รถบรรทุกสี่ล้อคันไม่ใหญ่มากกำลังวิ่งไต่เนินเขาและขับสลับทางคดเคี้ยวไม่นานหนัก แสงอาทิตย์ก็เริ่มลาลับขอบฟ้า แสงไฟจากหน้ารถตัดกับหมอกที่เริ่มปกคลุม อากาศในตอนนั่นเย็นลงทันที ผมกระชับเสื้อกันหนาวให้แน่นขึ้น ก่อนจะตกเข้าสู่ภวังค์มีเพียงเสียงเครื่องยนต์รอบต่ำที่กำลังทำหน้าที่ของมัน แต่แล้วก็มีเสียงหนึ่งที่คุ้นหูกระซิบผมเบาๆ สมมุติว่าผมชือ นก พี่ผมชื่อ แมว "นก ตื่นๆ พี่ว่ายิ้มหลงแล้วป่าววะช่วยกันดูทางหน่อย" ผมเลื่อนเสื้อขึ้นเพื่อมองดูนาฬิกาที่ข้อมือ .. ทุ่มครึ่ง บรรยากาศในตอนนั่นมืดสนิท ผมหันซ้ายมองขวาอยู่สักพัก แต่ 'เห้ย !' นี้มันลูกเขาลูกเดิมที่เราผ่านเมื่อกี้หรือป่าวว้ะ ผมได้แต่คิดในใจ แต่อีกใจก็คิดว่ามันคงไม่น่าใช้อาจจะมืดก็เลยตาฝาด ถ้ามันเลยเนินเขาไปนิดนึงก็ต้องเจอทางแยกที่จะเลี้ยวขวาขึ้นไปบนดอยกับโรงเรียนสิ ผมเริ่มนั่งไม่ติดแล้วครับ ทีนี้แหล้ะครับ พี่คนขับก็เหมือนจะรู้ตั้งแต่ตอนแรกแล้วว่าเกิดอะไรขึ้น พวกเราสามคนหันมามองหน้ากัน โดยพี่คนขับอยู่ทางด้านขวา พ้มนั่งตรงกลาง พี่พ้มนั่งซ้ายสุด ขยับเข้ามาเบียดกันเลยครับในตอนนี้ พี่คนขับถึงกับพูดขึ้นว่า 'นั่นไง โดนเข้าแล้วไหมละกรู ไม่น่าเลย' บรรยากาศในตอนนั่นมันกดดันมากครับ เราก็พยายามที่จะหาทางขึ้นต่อไป แต่หายังไงมันนก็วนกลับมาที่เดิมแล้วก็ไม่มีทางที่จะแยกขึ้นไปครับ ตอนนั่นผมใจเสียมากครับ ยอมรับครับว่ากลัวมากๆ รุ่นพี่ผมนี้ถึงกับน้ำตาไหลเลย จะว่าตาฝาดไหม สามคนเลยนะครับตอนนั่นที่ช่วยกันมองทาง หลงทางไหม ไม่ได้หลงแน่นอนครับเพราะมันนเป็นทางขึ้นเขาลงเขาอย่างเดียวไม่มีทางแยกไหนเลยครับ คือเป็นครั้งแรกครับที่ผมเคยเจอออะไรแบบนี้ซึ่งปกติแล้วผมก็เฉยๆกับเรื่องพวกนี้นะครับ ส่วนพี่คนขับแกก็ตั้งหน้าตั้งตาขับต่อไปครับ แต่ก็ดูออกว่าพี่เขาก็กลัวอยู่ไม่ใช่น้อย ในในผมตอนนั่นคิดถึงแต่บ้าน คิดถึงพ่อแม่ มากครับ แต่มันมีความรู้สึกหนึงที่แว้บเข้ามา คำพูดของยายผมที่ท่านเคยเตือนผมตอนเด็กๆว่า ถ้าเราไปไหนต่างถิ่นต่างที่ก็ให้ยกมือไหว้เสีย ผมเลยพนมมือแล้วอธิษฐานในใจว่า ผมมาทำบุญ ผมมาเพื่อพัฒนาให้โรงเรียนแห่งนี้ ผมไม่ได้มีเจตนาอะไรที่ไม่ดีเลย หากผมทำอะไรล่วงเกินหรือลบหลู่ก็ขอโปรดอโหสิกรรมให้ผมด้วย ขอผลบุญนี้จงถึงแก่ท่าน ผมอธิษฐานในใจวนไปวนมาอยู่หลายรอบ จนในที่สุดครับ พอเราผ่านเนินเขาลูกี่เราวนไปวนมา อยู่เป็นชั่วโมง ทางแยกครับ ทางแยกที่จะขึ้นไปยังโรงเรียนแห่งนี้ (แต่ต้องขึ้นไปอีกประมาณครั่งชั่วโมงนะครับ) คือ มันมาจากไหน มันมาได้ยังไง เราวนมาหลายรอบแต่ก็ไม่เจอ อารมร์ไหนตอนนั่นแบบ เห้ย มันคืออะไร มันเป็นเรื่องที่สำหรับผมมันเกินบรรยายมากครับ มันไม่รู้จะพูดยังไงดี ผมกลับรุ่นพี่นี้หันกลับมากอดกันแน่นเลยครับ ส่วนคนขับรถแกก็ ดีใจจนอุทานออกมาเป็นภาษาเหนือซึ่งผมก็ไม่รู้ว่าแปลว่าอะไรเหมือนกันครับ กว่าเราจะขึ้นมาถึงโรงเรียนก็เกือบๆสามทุ่มครับ พี่คนขับแกก็เลยนอนอยู่ที่นั่นคืนนึงครับ ส่วนผมนี้ในคืนนั่นนอนไม่หลับเลยครับ เลยเดินออกไปคุยกับพี่คนขับรถ แกก็นั่งผิงไฟอยู่ยังไม่นอนเช่นกัน แกเล่าให้ฟังประมาณว่า "พูดๆก็พูดเลยนะ ที่พวกน้องๆมาเนี้ย แรงมาก เมื่อสามเดือนที่แล้ว มีพวกที่แอบลักลอบขึ้นมาตัดไม้ พอดีพวกชาวบ้านขึ้นไปหาของป่า เจอไอ้พวกนี้ เจ็ดแปดคน นอนชักกันอยู่ บ้างก็โวยวายไม่ได้สติ บ้างก็นั่งก้มหน้าหลับตาเหม่อลอย เจ้าหน้าที่จึงขึ้นมาจับกุมแล้วสอบถามได้ใจความว่า มีกลุ่มนายทุนจ้างให้พวกเขามาตัดไม้เพื่อนำไปขายอะไรทำนองนี้ แต่มันว่า พอตัดได้ตะวันเลยหัว (ประมาณว่าช่วงบ่ายแก่ๆครับ) มันเดินยังไงก็วนกลับมาที่เดิม เดินวนไปวนมา พอตัดดตรงนู้นเสร็จ จะเดินไปตัดอีกที่มันก็เดินวนกลับมาที่เดิมแล้วต้นไม้ที่มันตัดก็ยังอยู่เหมือนเดิมเหมือนไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้นแล้วพอพวกมันหันขึ้นไปดูบนต้นไม้ มันว่า เห็น เป็นคนเป็นร้อยๆๆเลย ยืนอยู่ตามกิ่งไม้ สายตานี้เขียวมาก แขนของพวกนั่น ค่อยลากยาวมาถึงพื้น พอพวกนั่นแสยะยิ้มมาพวกมันว่าก็ไม่ได้สติ ไม่รู้สึกตัวกันแล้ว " รุ่งเช้าพวกรุ่นพี่ของผมพอทราบเรื่องก็จัดการเตรียมหาของเซ่นไหว่กันยกใหญ่ เท่าที่ผมจำได้เราไม่ได้บอกกล่าวให้พวกเขาได้รับรู้ เขาเลยอาจจะคิดว่าเรามาทำอะไรที่ไม่ดี แต่หลังจากนั่นก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นอีกเลครับ ทุกอย่างก็ดูราบรื่นไปหมด นี้ก็เป็นประสบการณ์ครั้งแรกที่ผมเจอมากับตัวครับ อาจจะผิดพลาดก็ต้องขอโทษด้วยนะครับ ใครเคยเจออะไรแบบนี้ แชร์ๆ กันมาให้อ่านบ้างนะครับ ขอบคุณทุกคอมเม้นครับ ขอบคุณที่ติดตามครับ ขอบคุณครับ _/\_

    ที่มา :http://m.pantip.com/topic/33806226?
     
  10. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,425
    ค่าพลัง:
    +35,019
    เด่วช่วยเสริมในบางมุม...
    ส่วนตัวเคยมีประสบการณ์มาเหมือนกันนะ
    แต่ไม่เล่าหรอก อาย ๕๕๕
    จะบอกว่า เรื่องบังตาเป็นประมาณที่เล่านั้นหละ..
    หลักๆคือทำให้เห็นเป็นอย่างอื่น
    และมันจะเห็นอย่าง
    ที่เค้าทำให้เห็นจริงๆ
    แต่ตอนี้พอรู้วิธีวิธีแก้แล้วหละ
    *** หลักการคือเค้าจะเชื่อมมาในจิตเรา
    และใส่สัญญาความจำได้ตัวใหม่
    ที่จะส่งออกมาทางอายตะทางกายเราเข้าไปในจิตเราชั่วคราว
    เหมือนๆสร้างสัญญาทับซ้อนในจิตเรานั่นหละ ***
    แต่ถ้าเราผ่านตรงที่เค้าสร้างสัญญาทับซ้อนชั่วคราวแล้ว
    ตรงนั้นจะกลับเป็นที่เดิมที่มันเคยมีอยู่เป็นปกตินั่นหละ...
    (จากดวงจิตที่อยู่มานาน. ณ ที่แห่งนั้น
    ระดับที่อยู่สูงชั้นเดียวกับโลกเรานี่หละ
    มีบารมีจากการได้รับเคารพนับถือ การบูชา
    จากประชากรในพื้นที่นั้นๆ ถ้าพูดตรงๆก็คือ
    ไม่ใช่ว่าท่านเหล่านั้นไม่ดีนะ เพียงแต่ยังติดการสรรเสริญอยู่นิดๆ..
    พอนึกออกนิสัยแบบนี้ออกเนาะ)...
    แต่ส่วนตัวมีวิธีแก้กรณีถูกบังตานะ..
    แต่ใช้กรณีแก้ในส่วน
    ที่เราถูกบังตาเกี่ยวกับการเดินทางในป่านะ
    เพียงแต่ว่า มันอจิณตรัย ไปหน่อย
    คงไม่สามารถเล่าได้..
    บอกได้แค่ว่า มันใช้อะไรบางอย่าง
    ที่เค้าใช้ตามหาคนหายให้กลับบ้านนั้นหละ...


    ส่วนปรอทส่วนตัวมีความรู้น้อยมาก
    ส่วนมากมีแต่ได้ยินมา..แต่ที่ได้ยินจะเป็น
    ครูบาร์อาจารย์ฝั่งพม่าท่านทำกัน
    ที่ชื่อจะมี คำว่า อ่องๆ ประมาณนี้
    อย่างแช่พิษเนี่ยจะแช่น้ำยา ประมาณ ๒ ปีก่อน
    จะนำขึ้นมาทำพิธีอะไรต่อ คาดว่าจะเป็นวิธีเฉพาะ
    ที่สืบๆกันมา...ส่วนการที่ปรอทบินได้ นี่ก็ได้ยิน
    มาจากพระจิตไวท่านหนึ่งท่านเล่าให้ฟัง..
    ส่วนการนอนผิดที่ ก็ได้ยินมาจาก
    ประสบการณ์ของศิษย์เอกหลวงพ่อมีชื่อท่านหนึ่ง
    ตอนสมัยที่ท่านไปธุดงด์มา
    ส่วนอานุภาพปรอทนั้น หรือภายในปรอทนั้น
    ยังไม่เคยมีประสบการณ์สัมผัสตรง...
    แม้ว่าจะพอคาดได้ว่า เค้าจะเน้นไปทางฤิทธิ์กับกำลังจิต(จิตหนักไปทางสีแดงปนม่วง)
    แต่ถ้าถามว่าเคยมีไหม เคยมี แต่ให้คนอื่นไปแล้ว...
    ถ้ากับเหล็กไหลที่เรียกจากอากาศ
    ที่มีการระบุชื่อบุคคลนั้นๆโดยตรง
    แล้วค่อยดูว่าจะมาหรือไม่มา
    พอจะเคยมีประสบการร์มา
    ในการปะชะดะกันมาบ้าง
    (สู้ท่านไม่ได้นะ แพ้ราบคาบ๕๕)...


    ส่วนถ้าเป็นปรอทแบบ
    ที่ดูคล้ายๆของเหลวเคยพอ
    มีประสบการณ์เล็กๆน้อยๆบ้าง
    เหมือนๆเมื่อซัก ๒ ปีก่อน
    แต่แยกกันเป็น ๒ ส่วน
    ช่วงนั้นฝึกกรรมฐานบางอย่างอยู่
    ซึ่งส่งผลให้พระเครื่องเนื้อทองแดงที่ห้อยอยู่นั้น
    มีปรอทเข้ามาแทรกอยู่ในเนื้อทองแดงนั้นได้
    (จะพอรู้ๆกันและเคยเห็นในกลุ่ม
    และปัจจุบันก็เก็บไว้อยู่ ไม่ได้ห้อย)
    ถามว่า เคยคิดสนใจที่จะไปยุ่งกับ ปรอทไหม
    ตอบว่าเคยอยู่
    ส่วนต่อไปนี้เล่าเป็นนิทานเนาะ
    เมื่อก่อนตอนสมัยที่มีท่านหนึ่ง
    มาสอนกรรมฐานบางอย่างให้อยู่นั้น
    ได้มีโอกาสไปเจอท่านหนึ่งในกลุ่มเดียว
    กันท่านที่มาสอน ท่านนี้
    เหมือนจะอมอะไรไว้ที่แก้มด้านขวา
    และเห็นท่านยืนคุยกับอีกท่านอยู่
    กำลังจะเข้าพบท่าน แต่ว่า
    นิสัยตอนนั้นยังไม่ผ่านเกณฑ์
    ท่านเลยให้มานั่งทำอะไรบางอย่างก่อน ๕๕๕๕
    ตอนนี้ก็ยังไม่ผ่าน ๕๕


    เพราะมีอยู่ครั้งหนึ่ง
    ที่เคยบังเอิญว่าสามารถเรียกอะไรบางอย่าง
    ที่บุคคลทั่วไปยังให้ความเคารพได้ ซึ่งปกติ
    เรามักจะได้ยินว่า จะเสด็ดมาเองได้(คือ
    จริงๆถูกห้าม ถูกเตือนนะเวลานั้น
    ท่านบอกว่า ฟังให้ดีๆนะลูก
    ห้าม ห้าม ห้าม ลูกเข้าไปยุ่งเกี่ยวเด็ดขาด...
    ไม่งั้นจะกลายพันธ์ได้ ๕๕๕
    ก็เลยเลิกคิด แต่นิสัยส่วนตัวแบบว่า ต้องลองจักหน่อยแน๋
    ว่าจะทำได้ บ่ เลยลองเปลี่ยนมาเรียก
    อย่างที่เล่าให้ฟังข้างแทนว่าจะพอทำได้หรือเปล่า.
    (ใช้เวลานานอยู่คือหลายนาที
    เพราะไม่ได้มีความชำนาญอะไร
    ทำเพียงเพื่อพิสูจน์เฉยๆว่า
    เป็นไปได้ไหม ที่เคยๆได้ยิน
    ท่านๆเล่าให้ฟังมา
    ประมาณนี้หละ)

    ปล.แค่เพียงแต่เล่าให้ฟัง
     
  11. ภูผาปักษา

    ภูผาปักษา Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤศจิกายน 2016
    โพสต์:
    46
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +107
    อัยยะ!!! ระดับท่านnop เคยโดนด้วย!!! ว่าแต่ที่ว่าอ้าย .... อาย นี้ มันเป็นอย่างไรหนอ หึหึ ^_^

    กระผมว่านะ ความรู้สึกตอนถูกบังตา จิตใจตอนนั้นมันคงลอยๆ ไร้ความคิด นึกอะไรไม่ค่อยออก ความรู้สึกตัวน้อย มองอะไรไม่ขาด ชัดเจน (ไม่ถึงกับเบลอนะขอรับ) อาการคล้ายๆ คิดอะไรเพลินๆ แล้วขับรถเลยทางที่จะไปกระมั้ง ^_^
    ถ้าถูกบังตาจากคนด้วยกัน ก็คงจะแบบว่า โอ้รักหนอชี้ไม้เป็นนก โลกทั้งโลกสีชมพูทั้งที่ออกจะเทา เห็นกงจักรเป็นดอกบัว เห็นกระเ...ยเป็นญ.หญิง อะไรเทือกนี้ หุหุ อย่างไหนร้ายที่สุดนะ

    ที่ว่ากลายพันธุ์นี้น่าจะจริง เห็นหลายท่านที่มีความอยาก มุ่ง แสวงหา มักจะฉิบหายไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง แต่ถ้ามุ่งแบบไม่อยาก ก็มักพบว่า ท่านเหล่านั้นมีขึ้นมาเองได้ สุดยอดขอรับบบ !!!
     
  12. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,425
    ค่าพลัง:
    +35,019
    อาการบังตาประมานที่เล่านั้นหละใช่เลย
    โดนของก็เคย ตั้งแต่สมัย จบ ที่ กทม ใหม่ๆ
    พอดีคนที่ทำดันชิงเปลี่ยนภพภูมิไปก่อน
    ไม่งั้นว่าจะแวะไปเยี่ยมอยู่ 555
    และเคยโดนบังตาสมัยที่ยังเปรี้ยวและยังไม่ได้เคยฝึกอะไรเลย
    และก็โดนบ่อยด้วย แต่ว่ามันเป็นในส่วนวิบากเฉพาะตน
    เลยมาช่วยยืนยันว่ามันมีจริงๆนะเรื่องบังตา
    มันเห็นเป็นอีกอย่างเห็นๆ
    เชื่อไหมว่า ยังมีพระที่ทำอย่างนี้ได้อยู่นะ
    ส่วนบังตาจากคน อันนี้ไม่รู้ ๕๕๕
    ส่วนกลายพันธ์ก็ตามนั่นหละ ^_^
    หลักๆที่ท่านเตือนเพราะท่านกลัวจะ
    ใช้ในทางที่ไม่ดีเฉยๆ
    เพราะมันส่งผลกระทบง่ายกับ
    มนุษย์แค่นั้นเอง
    ทั่วๆไป ไม่มีไรหรอก
     
  13. กิ่งสน

    กิ่งสน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 เมษายน 2012
    โพสต์:
    1,068
    ค่าพลัง:
    +2,327
    ตามมากดไลค์กระทู้นี้ ถ้าเป็นป่ายังคงมีการบังตาอยู่บ้างแถวๆที่อยู่นี่ก็มี มีหนักกว่าบังตาด้วยนะในอดีตเสียงดนตรีไทยเลยล่ะวันโกนวันพระ แต่ปัจจุบันปีสองปีมานี้หลังจากมีผู้มาสร้างอาณาจักรเปิดเพลงสะเทือนจัดงานเลื่อนลั่น เสียงดนตรีไทยก็หายไป
    ท่านนพมีโอกาสฝึกกับครูบาอาจารย์ที่ไม่ธรรมดานะนั่น ท่านที่อมปรอทแก้มขวาก็มีอยู่ท่านเดียวนะที่พอจะทราบ วิชานี้ปัจจุบันไม่ดังมากก็รู้กันในเฉพาะแวดวงคนที่สนใจจริงๆแต่มันสืบทอดกันมายาวนานแล้วยังมีการสอนกันอยู่และยังคงมีต่อไปตามความเชื่อของข้าพเจ้าจนถึงกำหนดเวลานั่นแหละ
     
  14. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,425
    ค่าพลัง:
    +35,019
    บังตาแบบที่คุณ กิ่งสน เข้าใจ น่าจะเป็นกรณีเขตเมืองทับซ้อนนะครับ
    ปกติเรามองไม่เห็นอยู่แล้วครับ และมันก็มีอยู่ทั่วๆไปด้วยครับ
    พวกนี้โดยมากเค้าจะรู้จักเราดีครับ แต่ว่าจะให้เราเข้าไปเมืองเค้า
    หรือเปล่า ก็แล้วแต่วาระด้วยครับ ว่าเรื่องอะไร
    แต่โดยมากชาวเมืองจะชอบความสงบ
    ชอบมี อัญมณี โน้นนี่นั่นมาให้..
    ด้วยเพราะเค้าชอบสงบเป็นทุน แม้กระทั่งทำการค้าขายก็ไม่เหมาะครับ
    คือแถวนั้นถ้าเปลี่ยนมาค้าขายมักทำไม่ขึ้นนั่นหละครับ
    นอกจากทำเป็นสถานปฏิบัติธรรม
    ส่วนท่านที่เหมือนอมอะไรไว้ ที่ส่วนตัวเจอสนทนากับอีกท่านหนึ่ง
    ส่วนตัวยังไม่ได้เคยฝึกกับท่านนี้นะครับ(ออกตัวไว้ก่อนเลยครับ
    ว่ายังไม่เคยฝึกอะไรนะครับ บอกก่อนเด่วคนจะเข้าใจผิดครับ)
    เหตุเพราะกมลสันดานยังไม่ผ่านครับ...

    เล่าให้ฟังขำๆปกติเนาะ ถ้าเราจะฝึกกรรมฐานอะไรจนสามารถที่จะ
    นำมาใช้งานให้เกิดประโยชน์กับคนอื่นๆได้ เรามักจะเจอ
    บททดสอบก่อนจากภาคส่วนภพภูมิ โดยปกติครั้งแรกเรามักจะสอบตก
    เป็นเรื่องธรรมดาทุกคนแบบร้อยเปอร์เซนต์เต็มครับ
    แต่จะรู้ตัวหรือเปล่า(บางคนฆ่าไอ้เข่ด้วยมือเปล่าทั้งฝูงนี่คือตกเต็มๆนะครับ
    บางคนใช้อาวุธนั่นโน้นนี่ทำร้าย ทำลาย ไปทั่ว นี่ก็ตก
    และแสดงถึงความไม่ฉลาดในการใช้งานด้วย ถ้ายึดติดยังจะคิดว่า
    ตัวเองมีอะไรดีอีกด้วยเวลาลืมตา อย่างนี้ยิ่งนาน พอนึกออกไหมครับ)
    (ไม่เว้นพระมีชื่อในอดีตหรือปัจจุบันนะครับ)
    แล้วถึงค่อย จะมาสอบผ่านหรือพอผ่านภายหลัง นั่นหมายถึงว่า
    อีกหลายสิบครั้งอยู่ครับกว่าจะพอผ่านได้...
    แต่ส่วนตัว พอเจอครั้งแรกแบบมองเห็นกันอยู่ใกล้ๆนี่หละครับ
    แต่เข้าไปยังไม่ได้ และแล้วให้ทำบททดสอบเบื้องต้นก่อน
    ผ่านไปซักพัก ได้มีโอกาสเจอบททดสอบ ซึ่งบอกได้เลยว่า
    ไม่ใช่แค่ตกแบบร้อยเปอร์เซนต์นะครับ ตกแบบพันเปอร์เซนต์
    แบบที่ไม่เคยคิดว่า จะเป็นอย่างนี้มาก่อนได้ ๕๕๕๕๕๕
    อีกท่านที่ยังมีชีวิตอยู่ ถึงได้ใช้คำว่า ห้าม ถึง ๓ ครั้งนั่นหละครับ
    ส่วนตัวไม่ได้คิดอะไรมาก ถ้าท่านห้าม ก็คือ อย่าไปทำ
    เพราะอะไรที่ท่านไม่ห้าม ท่านจะแนะนำต่อของท่านเองครับ
    เรื่องแบบนี้โดยมากไม่ต้องถามอะไรครับ
    ท่านเห็นหน้าเด่วท่านก็บอกเองนั่นหละครับ
    ว่าควรทำอะไรต่อไป ประมาณนี้ครับ
     
  15. กิ่งสน

    กิ่งสน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 เมษายน 2012
    โพสต์:
    1,068
    ค่าพลัง:
    +2,327
    ถูกต้องแล้วละท่านนพ เป็นมิติทับซ้อนจริงๆ คือ มีบางคนพบอัญมณีด้วยแต่ไม่ได้เอาหรอกนะ แถวนี้ไม่มีใครค้าขายอะไร เป็นป่าและหน่วยงานราชการ มีคนมาขุดดินขายก็ตายไปแล้วละตอนนี้ก็มีเจ้าใหม่เข้ามาทำต่อ แต่มีสวนแห่งหนึ่งเป็นของคนใหญ่คนโตโดยปกติก็ธรรมดาแต่พอเวลาปีใหม่อะไรก็จะมีเครื่องเสียงดังมากน่ะ
    กว่าจะได้เรียนวิชาที่มันสุดยอดๆนี่ทำให้นึกถึงหนังจีนสมัยก่อนทดสอบความอดทนสะจนเป็นลมกลางหิมะ แต่ปัจจุบันแทบจะจ้างเรียนกันแล้ว อิอิ
     
  16. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,425
    ค่าพลัง:
    +35,019
    ที่แถวบ้านก็เป็นหน่วยงานราชการเหมือนกันนะครับ
    อยู่หลังบ้านหลังเก่าตัวเองแถ้ๆพึ่งมารู้ทีหลัง ๕๕๕
    แต่งชุดเหมือนกันกรณีชุดขาว
    มีกิจกรรมที่ชอบทำคล้ายๆกัน
    บางทียังไปยืนขำๆที่เค้าทำกัน
    ส่วนอัญมณีส่วนตัวยังไม่เคยเอา
    ของเค้า เหมือนกันเลยไม่รู้ว่า
    ถ้าเอามาแล้วจะเป็นอย่างไร
    แต่เค้าเอามาให้เองนะ หลายชิ้นหลายสี
    ดูอยู่ แต่พอดีคิดไม่ทันว่าจะต้องรับไว้ ๕๕๕
    เพราะไปทำอะไรบางอย่าง
    ที่คนเมืองนั้นเค้าไม่มีใครทำกัน
    เค้าเลยถือเอามาให้เลือกเป็นการตอบแทน

    ส่วนวิชาที่ว่ายอดๆนั้น ถ้าสังเกตุดูหนังจีน
    มันอยู่ที่ดวงจริงๆนะครับ อย่างตกเขาไปเจอคนเก่งๆถ่ายทอดให้
    ไปได้คัมภีร์จากที่ๆไม่คาด ไปได้การถ่ายทอดกำลังภายใน
    ให้จากจอมยุทธ์ที่ซ่อนตัวจากยุทธภพ
    ได้เคล็ดวิชาแบบฝลุ๊กๆในท้องลิง ๕๕
    ส่วนพวกทีฝึกๆเอาตามสูตรมักเป็น
    พระรองหรือตัวโกงซะงั้น ส่วนที่เก่งสุด
    ดันเป็นลุง เป็นตาที่ไม่เอาอะไรเลย ๕๕๕

    ส่วนงานเสียงดังปีละครั้งคงไม่เป็นไรมากมั้ง
    ยกเว้นว่าเขตซ้อนทับที่เป็นเนินเขาต่างๆ
    จะมีหลายหลากการแต่งตัวและนิสัยหน่อย
    ส่วนเมืองหม้ายๆ ถ้า ช เค้าไปในเมืองนั้นจะมี
    แต่ ญ ล้วนๆ ส่วนถ้า ญ เค้าไปก็จะมีแต่ ช ล้วนๆเช่นกัน

    ส่วนสมัยนี้แม้จะพอเข้าถึงได้
    แต่จะต่างกันที่ การนำไปใช้ได้เกิดผลมากน้อยเพียงใด

    ปล สุดยอดของทุกวิชา คือ ว่าง ครับ
     
  17. Higtmax

    Higtmax เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    2,326
    ค่าพลัง:
    +4,780
    แถวบ้านญาติเจ้าที่ก็ไม่ให้ใช้เพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว ไม่ว่าใครมาทำอะไรก็ซวย ล้มละลายหมด ตอนหลังยกให้หลวงมาตั้งหน่วยงานราชการ
     
  18. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,425
    ค่าพลัง:
    +35,019
    กับทำเป็นสถานปฏิบัติธรรมได้อยู่
    แบบสาธารณะ ดังนั้นก่อนซื้อที่ดิน
    ควรพิจารณาให้ดี ยกเว้นจะอยู่อาศัย
    ไม่ทำเรื่องการค้าขาย ที่ควรระวังอีกอย่าง
    คือที่ๆเป็นประตูมิติ(คล้ายๆที่ๆมักสร้างรูปปั้นใหญ่ไว้)
    เพราะถ้าไม่แข็งจริงจะไหลตายได้
    กับอีกที่ๆมี อดีตวิญญานดูแลเป็นคนมอญ
    จะขายไม่ได้ง่ายๆเพราะเค้าหวงที่มาก
    และก็ที่ๆเจ้าที่ดีๆที่เลือกผู้มาอยู่ก็ขายอยาก
     
  19. Higtmax

    Higtmax เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    2,326
    ค่าพลัง:
    +4,780
    วันดีคืนดี มีคนเห็นลุงแก่ๆ ตัดผมเกรียน สูงใหญ่แบบคนโบราณ นุ่งโจงกระเบน ออกมาเดินด้วย แล้วก็แว่บหายไป
     
  20. ภูผาปักษา

    ภูผาปักษา Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤศจิกายน 2016
    โพสต์:
    46
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +107
    อ่านแล้วทำให้นึกถึงคำพยากรณ์ สงสัยในอนาคตคงจะมีฆารวาสเปิดสถานปฎิบัติธรรมกันหลายอยู่ แถมมีการเชิญครูบาร์อาจารย์ที่นับถือมาฝึกสอนแสดงธรรม ท่านnop มีโครงการบ้างรึเปล่า กระผมจะได้ออนทัวส์..:cool::cool::cool:
     

แชร์หน้านี้

Loading...