ลุกขึ้นมาเถอะค่ะ

ในห้อง 'ทุกข์และปัญหาชีวิต' ตั้งกระทู้โดย บ้องแบ้ว, 29 มีนาคม 2016.

  1. บ้องแบ้ว

    บ้องแบ้ว นางฟ้าผู้น่ารัก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    3,294
    กระทู้เรื่องเด่น:
    105
    ค่าพลัง:
    +5,301
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. บ้องแบ้ว

    บ้องแบ้ว นางฟ้าผู้น่ารัก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    3,294
    กระทู้เรื่องเด่น:
    105
    ค่าพลัง:
    +5,301
    มีคนจำนวนมาก ใช้คำพูด ที่รุนแรงและไม่ดีกับความคิด หากมีเหตุการณ์หนึ่งเกิดขึ้น เช่น เพื่อนคนหนึ่งไม่มาทานอาหารเย็นตามที่นัด แล้ว คนหนึ่งบอกว่าเขาต้องติดธุระอะไรอย่างแน่นอน ย่อมต่างจากคนที่ใช้คำพูดว่า เสียศรัทธาที่เขาไม่ทำตามคำพูด
    คำพูดต่างๆที่คนใช้อธิบายสถาณะการณ์มีผลต่อความคิดความรู้สึกและอารมณ์ของเราอย่างยิ่ง ลองเริ่มเปลี่ยนสถาณะการณ์ด้วยการเปลี่ยนคำที่คุณใช้เรียกสิ่งที่ปรากฏตรงหน้า

    ถ้ามีคนชื่นชมคุณในสิ่งที่คุณใช้ความพยายามทำ ทำได้ดี ทำได้สำเร็จ แล้วคุณใช้คำพูดตอบว่า เขาปากหวาน หรือขอบคุณค่ะ คุณเป็นกำลังใจที่ดีมาก คุณคิดว่าคนที่ชื่นชมคุณจะรู้สึกอย่างไร ตัวคุณเองก็จะรู้สึกต่อเขาต่างกันเช่นกัน

    คำพูดติดปากที่คุณใช้ในการอธิบายสถาณะการณ์ต่างๆคืออะไร คำชม คำที่คุณใช้เวลามีความสุข สนุก รู้สึกยอดเยี่ยม คืออะไร
    คำที่คุณใช้เรียกความท้าทายที่ปรากฏในชีวิตคืออะไร
    ทันที่ที่คุณเปลี่ยนคำเรียก สิ่งต่างๆ เหตุการณ์เรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิต น้ำหนักของมันที่มีต่อใจของคุณจะเปลี่ยนไปทันที คุณจะพบว่าคุณสามารถทำให้ความรู้สึกของคุณดีขึ้น มองเห็นการกระทำที่ให้ผลดี ได้ง่ายขึ้นและ ลงมือทำได้อย่างสนุกสนานขึ้น จากคำที่คุณเลือกใช้เรียกและอธิบายสิ่งนั้น

    ครูอ้อย เข็มทิศชีวิต
    CR. pic FB
    -------------------------------------
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  3. บ้องแบ้ว

    บ้องแบ้ว นางฟ้าผู้น่ารัก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    3,294
    กระทู้เรื่องเด่น:
    105
    ค่าพลัง:
    +5,301
    ไปฟังเรื่องราวการเข้าใจตัวเองอย่างลึกซึ้งของ รัสรินทร์ เรืองบูรณะรัตน์ ในห้องเรียนเข็มทิศชีวิต เมื่อเรามองเห็นต้นเหตุของสิ่งที่กีดขวางความสำเร็จเราไว้ เราก็จะสามรถคลี่คลายได้ถูกจุดและเดินสู่ความสำเร็จ ความสุขได้อย่างแท้จริง
    "ตอนจบที่ยิ่งใหญ่ของห้องเรียนเข็มทิศชีวิต The Master 3
    พอได้เห็นหน้าไอ้ตัวดำชัด ๆ ก็คิดต่อว่า
    มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นในชีวิตเรา
    ที่เป็นมากำหนดความคิดไอ้ตัวดำแบบนั้น
    ครูเคยถามติ๊กว่า พ่อแม่ติ๊กมีปัญหาการเงินไหม
    ติ๊กตอบว่า ไม่มี เพราะเค้าอยู่ดีกินดีสุขสบายกันดี
    วันนี้มาถามตัวเองต่อว่า แล้วใครล่ะ
    ที่เคยมีแล้วหมด เคยสำเร็จแล้วล้ม
    นึกถึงป้ากับลุง ซึ่งเป็นพี่สาวกับพี่ชายของพ่อได้ขึ้นมาทันที
    จำได้ว่า ตอนเด็ก ๆ บ้านป้ากับลุงจะรวยมาก ๆ
    ส่วนบ้านเราจะจนมาก
    เค้าจะซื้อข้าวซื้อของ ซื้อขนม ซื้อของเล่น
    ซื้อเสื้อผ้าใหม่ ๆ ให้ลูกเค้าตลอดเวลา
    ส่วนเราก็ต้องรอของเหลือ ๆ จากลูกสาวป้า
    เสื้อผ้า ชุดนักเรียน กระเป๋า รองเท้า ก็ต้องรอรับต่อจากเค้า
    แม้กระทั่งจักรยาน เราก็ไม่มีขี่
    ต้องรอให้พวกเค้าขี่จนเหนื่อย และหยุดพักกินน้ำ เราถึงจะได้ขี่
    หลายครั้งที่ลุงกลับจากตลาด ซื้อของมาเต็มไม้เต็มมือ
    เค้าก็เดินผ่านหน้าเราไป ไม่เคยถามสักคำ
    เราคิดตลอดเวลาว่าอยากรวย อยากมี อยากได้เหมือนเค้าบ้าง
    ทำไมบ้านเราไม่มี ทำไมบ้านเราจน
    แม่บอกว่าเราต้องประหยัด
    เพราะเวลาป๊าไปทำงานต่างจังหวัด
    ป๊าจะให้เงินแม่ไว้แค่เดือนละ 300
    แม่ต้องนั่งเย็บผ้าโหล เพื่อหารายได้เพิ่ม
    มีครั้งนึงป้ากลับมาจากตลาดแล้วซื้อเสื้อมา 2 ตัว
    มาฝากลูกสาวเค้ากับฝากเรา
    แต่ลูกเค้าได้สิทธิ์เลือกก่อน
    เค้าเลือกตัวที่เราชอบ ตัวที่เราอยากได้ไป
    เหลือไว้แต่ตัวที่เราไม่ชอบ ที่เราไม่อยากได้
    เราเสียใจว่าทำไมเค้าต้องได้เลือกก่อน
    ทำไมเค้ามีสิทธิ์ที่จะได้เลือกก่อน
    บอกตัวเองทันทีในตอนนั้นว่า
    “อย่าอยากได้อะไร เพราะถ้าอยากได้แล้วมันจะไม่ได้”
    ไอ้ตัวดำเข้าสิงทันที
    เฝ้าคิดแต่ว่าวันนึง ฉันจะรวยเหมือนบ้านเค้าให้ได้
    ฉันจะหาทุกอย่างมาให้ได้
    ทำให้เราเก็บเงินเก่งมาก หยอดกระปุกเก่งมาก
    แล้วมาวันนึง
    วันที่บ้านป้ากับลุง” ล้ม” สิ่งที่เคยมีก็ค่อย ๆ หายไป
    เรามอง แล้วคิดว่า นี่หรือคือสิ่งที่เราใฝ่ฝันอยากจะมี อยากจะเป็น
    “พอมีแล้วมันก็จะต้องหมด ต้องหายไป”
    ไอ้ตัวดำเข้าสิงอีกรอบ
    แล้วคิดแบบเด็ก ๆ ว่า พวกเค้าเป็นพี่ เราก็เป็นพี่
    เราก็ต้องเป็นแบบเค้า
    บันทึกความรู้สึกนั้นไว้ตั้งแต่ตอนนั้นเป็นต้นมา
    ทำให้โตขึ้นมา ทำอะไรสำเร็จนิดนึงก็จะหยุดเพราะกลัว
    ใจจะสั่นแบบไม่มีสาเหตุ กลัวมากจนทำอะไรไม่ถูก
    เวลามีเงิน เวลาได้จับเงิน ก็จะบอกตัวเองว่า
    เดี๋ยวมันก็หมด เดี๋ยวมันก็หายไป
    แล้วมันก็หมดทุกครั้งที่มี
    ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องเป็นแบบนั้น
    ทั้ง ๆ ที่เราก็ขยัน เราก็อดทน เราก็เป็นคนดี
    เราตั้งใจทำงานเพื่อครอบครัว
    แต่ทำไมชีวิตเราถึงต้องล้มเหลว ขึ้นลงตลอดเวลา
    สิ่งที่ค้นพบแล้วมันน่าตกใจคือ
    เราไปเห็นว่า ตอนที่ป้ากับลุงล้ม
    แทนที่เราจะสงสารเห็นใจ
    เรากลับสมน้ำหน้า สะใจ ที่เค้าเป็นแบบนั้น
    เพราะเราไปแค้นที่เค้าทำแบบนั้นกับเรา
    ที่น่าตกใจกว่าคือ เราไม่เคยมองเห็นสิ่งที่พ่อตัวเองทำเลย
    ป๊าลำบากมาตั้งแต่เด็ก ๆ ดิ้นรนต่อสู้ทำทุกอย่างจนมีวันนี้
    วันที่เค้าซื้อบ้านหลังใหม่ราคาหลายล้านเมื่อ 20 ปีที่แล้ว
    วันที่เค้าออกรถเบนซ์คันแรกให้ครอบครัวได้
    เรากลับ คิดว่าเค้าในใจว่า
    ไหนบอกต้องรู้จักใช้เงินไง ไหนบอกต้องประหยัดไง
    แล้วทำไมต้องซื้อบ้านใหญ่โต ทำไมต้องออกรถยุโรป
    ไหนบอกซ่อมแพงไง แล้วซื้อทำไม
    เวลาเค้าไปเที่ยวต่างประเทศบ่อย ๆ
    เราก็จะอิจฉาเค้า หมั่นไส้เค้า ว่าจะไปอะไรกันนักหนา
    ไม่คิดจะเจียดเงินมาช่วยเราบ้างหรือไง
    ไม่เห็นหรือไงว่าเราลำบาก
    ทั้ง ๆ ที่เมื่อก่อนก็ว่าเค้า ว่าทำแต่งานไม่รู้จักใช้ชีวิต
    แต่พอเค้าใช้ชีวิต ก็กลับไปว่าเค้า อิจฉาเค้า
    บางทีเรายังแอบอิจฉาแม้กระทั่งแม่บ้านที่อยู่บ้านพ่อแม่เรา
    ว่าเค้าได้กินดีอยู่ดีกว่าเราอีก สบายกว่าเราอีก
    ดราม่าหนักเข้าไป (เพิ่งรู้ตัว)
    ได้แต่นั่งพูด นั่งบ่น ว่าเราเก่ง เราขยัน เราฉลาด เราเป็นคนดี
    ทำไมเราไม่ได้อะไรดี ๆ อย่างคนอื่นเค้า
    ไม่เคยมองเห็น ไม่เคยซาบซึ้งใจจริง ๆ กับสิ่งที่พ่อแม่เราทำ
    ไม่เคยมองเห็นว่าเค้าทำทุกอย่างมา
    ลำบากมา เหนื่อยมา อดทนมา เพื่อลูกเพื่อครอบครัว
    แล้ววันนี้เค้าก็ทำทุกอย่างเพื่อให้ลูก ๆ เห็นว่า
    ถ้าทำแบบเค้า แล้วเราจะได้อะไร
    เค้าได้บ้าน ได้รถ ที่เค้าเคยฝันอยากได้
    เค้าได้ไปเที่ยว ได้ไปในที่ที่เค้าอยากไป
    เค้าได้ให้การศึกษาและความเป็นอยู่ที่ดีกับลูก ๆ
    เราไม่เคยแม้แต่จะมองเห็น ไม่เคยแม้แต่จะเข้าใจ
    ในสิ่งที่เค้าพยายามทำมาตลอดทั้งชีวิต
    พยายามเป็นแบบอย่างที่ดีให้ลูก ๆ มาตลอดทั้งชีวิต
    ทั้ง ๆ ที่เค้าไม่มีพ่อไม่มีแม่มาคอยสอน เพราะเสียไปตั้งแต่เค้าเด็ก ๆ
    มาถึงวันนี้ติ๊กเข้าใจแล้วว่า
    ทำไมติ๊กพยายามทำทุกอย่างแล้ว ทำดีทุกอย่างแล้ว
    แต่ติ๊กถึงยังลำบาก ไม่เคยได้ดี หรือได้ดีก็ไม่เคยได้นาน
    เพราะจิตติ๊ก เพราะใจติ๊ก ไปจับอยู่ที่ความล้มเหลวของป้ากับลุง
    ไปจับอยู่ที่ความแค้น ความสะใจที่เค้าล้ม
    สิ่งที่ติ๊กได้รับก็คือความล้มเหลว
    การได้มาและต้องเสียไปทุกคร้ง เหมือนกับที่ป้ากับลุงเจอ
    เพราะจิตติ๊กไปจับที่ความอิจฉา ความหมั่นไส้
    ที่พ่อตัวเองได้ดีมีความสุข ได้จับจ่ายใช้สอย
    จิตไปจับอยู่ที่ความน้อยใจที่เค้าไม่ช่วยเหลือเรา
    เพราะคิดว่าเราลำบากมาด้วยกัน
    สิ่งที่ติ๊กได้รับก็คือความลำบาก ความเหนื่อย
    ความอึดอัดกดดัน ความไม่เข้าใจของคนรอบตัว
    ติ๊กได้ทั้งหมดเหมือนกับที่พ่อติ๊กต้องเจอมา
    ติ๊กคิดตลอดเวลาว่าทำไมป๊าไม่ยกสมบัติให้ติ๊กตอนนี้
    ตอนที่เค้ามีชีวิตอยู่ เราจะได้ไม่ลำบาก
    ต้องรอให้ตายก่อนหรือไง ถึงจะยกให้ได้
    คิดอยากจะได้ของเค้าอยู่ตลอดเวลา
    ทั้งที่ไม่เคยชื่นชมยินดีกับความสำเร็จเค้าเลย
    มาตอนนี้ติ๊กคิดได้แล้วว่า
    ป๊าได้ให้ติ๊กมาแล้วต่างหาก มันคือสมบัติที่ยิ่งใหญ่
    มันมีความหมายมากกว่าทรัพย์สินเงินทอง
    มันคือคือแบบอย่างของความสำเร็จ
    มันคือตัวอย่างของการใช้ชีวิตที่ยิ่งใหญ่
    มันคือการมีศรัทธา เชื่อมั่นในการทำความดี
    มันคือความเสียสละ มุ่งมั่น อดทน ทำทุกอย่างเพื่อครอบครัว
    มันคือทุกสิ่งทุกอย่างที่มนุษย์คนนึงควรมีควรเป็น
    ป๊าทำให้ติ๊กเห็น และซาบซึ้งกับทุกอย่างแล้ว
    และทุกอย่างก็ถูกถ่ายทอดมาที่ติ๊กแล้วในวันนี้
    ติ๊กเข้าใจแล้วว่า ทำไมป๊าถึงไม่ช่วยติ๊ก
    แล้วเค้าทรมานใจแค่ไหนที่ไม่ช่วย
    เพราะเค้าอยากให้เราประสบความสำเร็จด้วยตัวเอง
    อยากให้เราได้ภูมิใจในตัวเอง
    อยากให้เราได้รัก เคารพตัวเอง และศรัทธาในตัวเอง
    แบบที่เค้าได้รับจากความสำเร็จของเค้าเหมือนกัน
    ติ๊กเข้าใจแล้วว่า ทำไมทุกวันนี้
    ป๊าจะต้องดูแลพี่สาว ดูแลพี่ชาย ดูแลลูก ๆ ของพวกเค้าอย่างดี
    เพราะป๊ากตัญญู ซาบซึ้ง ขอบคุณ ในพระคุณ
    ที่พี่สาวกับพี่ชายดูแลเค้ามา
    นี่คือเหตุผลว่าทำไมป๊ามีทุกวันนี้ได้ สำเร็จได้ ยิ่งใหญ่ได้
    ติ๊กเข้าใจแล้วว่า ทำไมป๊าต้องดูแลแม่อย่างดี
    พาแม่ไปเที่ยวต่างประเทศตลอดเวลา
    เพราะป๊าต้องการตอบแทนความอดทน
    ที่แม่ยืนหยัดอยู่เคียงข้างป๊ามาตลอด
    ป๊าพาแม่ไปเที่ยวแต่ต่างประเทศ
    เพราะป๊าคิดว่ามันคือสิ่งที่ดีที่สุดที่ป๊าจะมอบให้แม่ได้
    ติ๊กเข้าใจแล้วว่า ทำไมทุกวันนี้ ป๊าถึงฟิตออกกำลังกายทุกวัน
    เพราะป๊าอยากแข็งแรง อยากมีชีวิตอยู่ไปนาน ๆ
    อยากเห็นลูก เห็นหลาน เจริญเติบโต ประสบความสำเร็จในชีวิต
    อยากอยู่ด้วยในวันสำคัญ ในวันที่ทุกคนถึงฝั่งแล้ว
    ในวันที่ชีวิตทุกคนดี อยู่รอดปลอดภัยแล้ว
    ในวันที่ป๊าไม่ต้องเป็นห่วงใครแล้ว
    ตลอดชีวิตทีผ่านมา สิ่งที่ติ๊กเห็นแล้วในวันนี้คือ
    ป๊าคิดถึงแต่ครอบครัว ห่วงแต่ครอบครัว
    ทำทุกอย่างเพื่อครอบครัวอย่างเดียวเลย
    ป๊าไม่เคยนึกถึงตัวเอง ไม่เคยมองตัวเอง
    ว่าจะต้องลำบากขนาดไหน ต้องเหนื่อยขนาดไหน
    หรือไม่เคยต้องร่ำร้อง เรียกร้องให้ใครมาช่วย
    ถึงจะทำชีวิตให้ประสบความสำเร็จได้
    ที่ผ่านมาติ๊กเห็นแค่ความรักของป๊าแบบผิว ๆ
    มันเทียบไม่ได้เลยกับความรู้สึกในตอนนี้
    ที่ติ๊กซาบซึ้งเข้าไปในเลือด ในเนื้อ ในตัว ในใจเลย
    ว่าเค้ารักเราขนาดไหน เค้าเสียสละทุ่มเทขนาดไหน
    สิ่งที่ติ๊กตั้งใจจะทำทุกครั้งหลังออกจากคลาสคือ
    ไปกราบเท้าเค้า
    แต่ติ๊กไม่เคยทำแบบจริงจังเลย
    เคยทำครั้งเดียวแบบขำ ๆ กลบเกลื่อน
    ทำเพื่อให้รู้ว่าทำแล้วนะ
    แต่หลังจากจบห้อวเรียนเข็มทิศชีวิตThe Master lll นี้
    ติ๊กจะเอาพวงมาลัยไปกราบเท้าป๊า กราบเท้าแม่ด้วยความซาบซึ้งใจที่สุด
    ให้เค้ารับรู้ได้ว่า ติ๊กรู้แล้วนะว่าเค้ารักเรามากขนาดไหน เสียสละเพื่อเรามามากขนาดไหน
    จะเอาพวงมาลัยไปกราบป้ากับลุง ขอขมาเค้า ที่คิดไม่ดีกับเค้า
    และจะขอบคุณเค้าที่เลี้ยงดูป๊ามา จนมีทุกวันนี้ได้
    จะเอาพวงมาลัยไปกราบยาย ขอบคุณที่เค้าให้กำเนิดแม่ที่วิเศษที่สุดมาให้ติ๊ก
    แม่ที่ผัดหน่อไม้อร่อยที่สุดในโลก แม่ที่เย็บเสื้อผ้าสวย ๆ ให้ใส่
    แม่มีอดทนต่อทุกสิ่งทุกอย่างทำทุกอย่างเพื่อลูก
    จะเอาพวงมาลัยไปกราบแม่สามี ขอบคุณที่เค้าให้กำเนิดสามีที่ดีที่สุดมาให้ติ๊ก
    ขอบคุณที่เค้าดูแลลูก ๆ ดูแลทุกอย่างให้ติ๊ก
    จะเอาพวงมาลัยไปกราบสามี ขอบคุณที่เค้ารัก ดูแล เข้าใจและให้อภัยเราตลอดมา
    จะบอกเค้าว่าเค้าเป็นสามีที่ดีสุดเท่าที่ผู้หญิงคนนึงจะมีได้
    สิ่งต่าง ๆ ที่เป็นความรู้ ความเข้าใจใหม่ที่ได้รับในการเรียนครั้งนี้
    มันมีค่าเกินคำว่า ทรัยพ์สิน เงินทอง หรือความสำเร็จ
    มันคือความยิ่งใหญ่เหนือจินตนาการ
    มันคือมรดก ที่จะตกทอด สืบทอดลงไปในเผ่าพันธุ์
    มันคือแก่นแกนที่แข็งแรงที่เที่ยงตรง
    และมันคือความจริง ที่ไม่มีอะไรมาลบมันได้
    รักตัวเอง ภูมิใจกับตัวเองที่สุด
    รู้แล้วว่าเราเกิดมาเพื่ออะไร เพื่อทำอะไรให้สำเร็จ
    ภาพที่เห็นในทรานซ์คือ
    จักรวาลยิ้มมุมปากอย่างนุ่มนวล ลึกซึ้ง มีเสน่ห์ แบบโมนาลิซ่า แล้วพูดกับติ๊กว่า.....
    “ไม่ต้องกลัว...เดี๋ยวจัดให้”
    กราบเท้าครูอ้อย ขอบพระคุณครูผู้ให้อย่างสุดหัวใจ
    ซาบซึ้งในความรัก ความปรารถนาดี ที่ครูมีให้ลูกศิษย์ตลอดมา "
    รัสรินทร์ เรืองบูรณะรัตน์
    ติ๊ก ม้าไม้

    ครูอ้อย เข็มทิศชีวิต
    --------------------------------------
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  4. บ้องแบ้ว

    บ้องแบ้ว นางฟ้าผู้น่ารัก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    3,294
    กระทู้เรื่องเด่น:
    105
    ค่าพลัง:
    +5,301
    เคล็ดลับของความสำเร็จที่ครูอ้อยสอนในห้องเรียนเข็มทิศชีวิตเสมอคือ การรักกตัญญูต่อ พ่อแม่ ซาบซึ้งในความรักของเค้า แล้วสิ่งดีจะปรากฎในชีวิตเรา ไปฟังประสบการณ์ของ โอ่ง กับการเรียนรู้ในเรื่องนี้กันค่ะ
    "กราบสวัสดีค่ะครูอ้อย และเพื่อนๆ พี่ๆ บ้านเข็มทิศทุกคน
    โอ่งได้เข้าเรียนเข็มทิศชีวิต Love compass เมื่อ 23-24 มิ.ย. ที่ผ่านมาค่ะ
    ก่อนมาเรียนก็คิดว่าตัวเองคงไม่ได้มีปม มีปัญหาอะไรมากมาย แค่อยากรู้ว่าตัวเองรักอะไร เก่งอะไร อยากทำอะไรและที่สำคัญอยากมาเจอครู เพราะคิดว่าก่อนตายต้องได้เจอครู ได้เข้าห้องเรียนเข็มทิศซักครั้ง
    เพราะคิดเสมอว่าเราดูแลแม่อยู่ทุกวัน หัวแม่ก็ไม่ค่อยกินนะ รู้ว่าแม่ชอบกินอะไร แม่ชอบไปเที่ยวที่ไหน แม่ขาดเหลืออะไรจะจัดการให้เกือบทุกอย่าง แต่ลึกๆรู้สึกว่าแม่ไม่รัก แม่รักแต่น้องที่สร้างแต่ปัญหา ส่วนพ่อเราก็รู้สึกว่าเราเป็นลูกรักของพ่อ พ่อรักไม่เคยตี ไม่เคยดุ พ่อใจดี แต่พ่อชอบหน้าใหญ่กับคนอื่น ทำธุรกิจไม่สำเร็จทำให้เราต้องลำบาก ทำให้เราต้องเรียนไปด้วยทำงานไปด้วย
    ในห้องเรียนเข็มทิศชีวิต ครูทำให้รับรู้ถึงความรักที่ยิ่งใหญ่ของคนเป็นพ่อเป็นแม่ ทำให้จำได้ว่าเราเคยทำแย่ๆ กับเค้ามากมายขนาดไหน เจ็บปวดมากกับที่ผ่านมาที่ทำกับเค้าแบบนั้น จนไม่อยากรับรู้อะไรแล้ว อยากจะหลับหนีเสียงครู แล้วก็วูบหายไปแว็บนึงคะ รู้สึกตัวขึ้นมาครูยังพูดเรื่องเดิมอยู่คะ รู้สึกเหมือนมันจะขาดใจตายแล้วตอนนั้น ไม่อยากได้ยินเสียงครูแล้ว อยากลุกหนีครูออกไปเลย มันเจ็บลึกมากที่เห็นว่าที่ผ่านเราทำร้ายคนที่รักเรามากกว่าชีวิตของเค้าได้ยังไง ขยี้หัวใจเค้าด้วยการแอบดูถูกเค้าเสมอ ว่าเค้าไม่เก่ง เค้าไม่ดี เค้าทำอะไรก็ไม่สำเร็จ
    และครูทำให้จำได้ว่าเราเกลียดใครมากที่สุด ทั้งที่เราคิดว่าเราได้ให้อภัยเค้าไปตั้งนานแล้ว แต่ในทรานซ์ภาพคนๆนี้เด้งขึ้นมาตกใจมากๆ เพราะเราคิดว่าเราจบกับเค้าแล้ว แต่ในส่วนที่ลึกที่สุดไม่เคยให้อภัย เกลียดเค้าชนิดที่ว่าเห็นแล้วขยะแขยง ได้ยินแค่เสียงก็หงุดหงิด อารมณ์เสียแล้ว ครูได้ปลดปล่อยหนูจากหัวใจที่มีแต่ความเกลียดชัง ทำให้หนูตัดขาดจากเค้าจริงๆซะที
    หลังจบวันแรก ได้กลับไปบอกรักแฟนที่แต่งงานกันเกือบ 10 ปี ไม่เคยบอกรักเค้าเลย เพื่อนๆพี่ๆในห้องเชียร์ กลับไปอ่อนโยนกับลูกกับแฟนมากขึ้น
    หลังจบจากห้องเรียนเข็มทิศชีิวิต ของครูอ้อย ชีวิตไม่ได้ดีขึ้นแบบก้าวกระโดด แบบพลิกหน้ามือเป็นหลังมือ ยังทำงานเป็นปกติแต่บอกตัวเองเสมอว่าเราจะทำให้มันดีกว่าเดิม งานของเราต้องถูกต้องเพื่อประโยชน์ของคนที่ต้องใช้มัน และสิ่งที่ทำตลอดคือ หาเวลาฟังทรานซ์ Love compass ดูคลิปครูในยูทูป อ่านหนังสือเข็มทิศและอ่าน FB ครูที่ส่งข้อความมาเตือนสติทุกๆวัน
    และที่สำคัญคือการรักษาใจในแดนบวก คิด พูด ทำแต่สิ่งที่ดี มีประโยชน์ต่อเราและผู้คน ช่วยเหลือแบ่งปันแม้จะเป็นเรื่องเล็กๆน้อยๆ มีความสุขกับตัวเองมากขึ้นทุกๆวัน
    แต่โลกคงยังไม่เชื่อว่าหนูดีจริง
    โลกส่งบททดสอบที่ยิ่งใหญ่มาเลยค่ะ ทะเลาะกับแม่ครั้งแรกในรอบ 20 ปี แม่ให้อายืมเงินไปเมื่อ 10 กว่าปีที่แล้ว 1 แสนบาท จนวันนี้ก็ยังไม่ได้เงินคืนแต่อาก็จะบอกว่ายังไม่มีขายที่แล้วจะให้ แม่ไปรู้ข่าวว่าเค้าขายที่ได้แล้วทำไมไม่เอาเงินมาให้ (แต่ความจริงยังขายไม่ได้ ติดคดีความกันอยู่ค่ะ)
    แล้วบอกให้หนูบอกที่อยู่เค้ามาว่าอยู่หมู่บ้านอะไร หนูบอกจำชื่อหมู่บ้านไม่ได้เคยไปครั้งเดียวตอนปี 53 จำได้แต่ลงท้ายด้วยเนเชอรัล อยู่แถวพระราม 2 บอกตำแหน่งที่ตั้งได้คร่าวๆ แม่โกรธบอกว่าถ้าเห็นคนอื่นดีกว่าแม่ก็ไม่ต้องอยู่ที่นี่ (บ้านที่อยู่เป็นชื่อแม่ค่ะ พ่อปลูกไว้) ตอนนั้นหนูก็ขึ้นเหมือนกันวิชาครูมาไม่ทันในวินาทีนั้น หนูสวนว่าหนูทำอะไรก็ไม่เคยดี ถ้าเป็นน้องที่เป็นคนอยู่กับแม่ไม่ใช่หนู แม่คงไม่ไล่ แม่คงดีใจกว่านี้ ตัวเองคิดเสมอว่าแม่รักน้องมากกว่า เพราะตั้งแต่เด็กๆ ถ้าพ่อกับแม่ทะเลาะกัน แม่จะเอาน้องไปบ้านยาย ไม่เอาเราไป หนูโกรธมากค่ะ เพราะก่อนหน้านี้แม่แฟนจะปลูกบ้านให้หนูก็ไม่เอา
    เพราะจะบอกกับแฟนว่าถ้าเราไปอยู่บ้านใหม่ แม่ก็ต้องอยู่กับหลานสาวแค่ 2 คน ก็เลยคิดว่าอยู่นี่จะได้ดูแลแม่ คืนนั้นไม่นอนบ้านคะ ตัวทิฐิมาแบบจัดเต็มเลยค่ะ ขนเสื้อผ้าหอบลูกไปนอน รร.ค่ะ ไม่อยู่แล้วบ้านนี้จะอยู่ทำไม ทำดีก็ไม่มีประโยชน์ คืนนั้นนอนไม่หลับวันรุ่งขึ้นให้แฟนขับรถหาเช่าบ้าน เช่าทาวน์เฮ้าส์ ครึ่งวันก็ยังหาไม่ได้ กะว่าออกจากบ้านแน่ เครียดปวดหัวมากฟังทรานซ์ครูดีกว่าเผื่อใจจะสงบลงบ้าง นอนฟังทรานซ์ครู แล้วถามครูว่าหนูควรจะทำยังไงดี
    คำสอนครูก็เด้งขึ้นมารักดูแลครอบครัว ใช่ครูสอนและย้ำเสมอว่าเราต้องรักดูแลครอบครัว แต่ตอนนี้เรากำลังจะทิ้งเค้าไว้คนเดียว แต่มารดำก็ออกมาวิ่งเล่นว่า แต่เค้าไม่เคยรักเราเลยนะ เค้ารักแต่น้อง
    เราจะกลับไปอีกเหรอ ต่อสู้กับไอ้ตัวดำนี่นานเป็นชั่วโมงค่ะ ตกลงว่ายังไงเราก็เป็นลูกไปเถียงแม่แบบนั้นไม่ดีเลย เราทำให้เค้าเจ็บปวดอีกแล้ว ตกลงหอบลูกกับแฟนกลับบ้านค่ะ แต่ใจเราไม่เหมือนเดิมแล้ว โกรธแม่ ไม่พูดกับแม่ เลี่ยงๆไม่อยากเจอหน้าเค้า ซื้อขนมซื้ออะไรมาก็ให้ลูกไปจัดการให้ยาย เราไม่ทำเอง จนวันนึงมันทนความอึดอัดไม่ไหว ไปซื้อพวงมาลัยมาพวงนึง แต่ทำใจอีก 2 ชม. (ก่อนหน้านี้การกราบแม่การกอดแม่ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับหนูเลย) มันยากมากเดินวนอยู่หน้าประตูห้องแม่อยากเข้าไปขอโทษเค้า เพราะรู้ว่าแม่ก็ไม่สบายใจเหมือนกัน
    ตัดสินใจดัง” ฮึบ” บิดลูกบิดเข้าไป
    แม่ถามว่า - ทำอะไร หนูก้มลงกราบแล้วบอกว่า- หนูขอโทษ
    แม่บอกว่า-แม่ไม่เคยโกรธลูกเลย แม่รักลูกมาก
    หนู – แต่แม่รักน้องมากกว่า
    แม่- แม่จะรักใครมากกว่าใครได้ยังไง แม่รักลูกเท่ากัน
    หนู- ตอนหนูเด็กๆ เวลาพ่อกับแม่ทะเลาะกันแม่ทิ้งหนูไว้ ไม่เอาหนูไปด้วย
    แม่-หนูต้องไปโรงเรียน น้องไม่ต้องไปโรงเรียน แม่จะให้หนูขาดเรียนได้ยังไง หนูต้องเรียนหนังสือ
    วินาทีนั้นหนูได้เข้าใจว่าที่เราตัดสินมาตลอดว่าแม่ไม่รัก จริงๆแล้วเค้าอยากเอาไปทั้งสองคนแหละ แต่ติดที่หนูต้องเรียนหนังสือ
    หนู – หนูขอโทษที่คิดว่าแม่ไม่รักมาตลอด
    แม่ – แม่รักลูก แต่บางทีลูกก็แรงกับแม่นะ ช็อกอีกดอกค่ะครู ที่คิดว่าตัวเองดีกับแม่มาตลอด มันไม่ใช่เลยค่ะ รู้สึกผิดมาก แล้วคิดว่าเราต้องปรับปรุงตัวให้ดีกว่านี้ จะเป็นลูกที่ดีให้ได้ ตอนนี้แฮปปี้ เอ็นดิ้งกับเรื่องแม่แล้วค่ะ ดูแลเค้าเหมือนเดิม พูดกอด คุย หอมกันได้เหมือนเดิม ขอบคุณวิชาครูค่ะ ไม่อย่างนั้นป่านนี้หนูคงอยู่คนละบ้านกับแม่แล้ว
    อยากให้คนอ่านได้ประโยชน์จากการเห็นภาพช้าของแต่ละขณะ
    เห็นมารดำได้ชัดเจน ขอบคุณพ่อ-แม่ที่ให้ความรักและเลี้ยงดูหนูมาอย่างดี ขอบคุณเพื่อนๆพี่ๆในบ้านเข็มทิศที่แชร์เรื่องดีๆกันเสมอ ขอบคุณครูอ้อยที่ทำให้หนูได้เป็นลูกที่ดี ทำงานอย่างเต็มศักยภาพเต็มกำลัง ขอบคุณแบบอย่างของการทรงงานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ ที่ทำข้าราชการอย่างหนูไม่เคยเหนื่อย ไม่เคยท้อเลย
    ค่ะ ขอบคุณค่ะ"
    Anusorn Sukklam

    ครูอ้อย เข็มทิศชีวิต
    --------------------------------------
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  5. บ้องแบ้ว

    บ้องแบ้ว นางฟ้าผู้น่ารัก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    3,294
    กระทู้เรื่องเด่น:
    105
    ค่าพลัง:
    +5,301
    ความมั่งคั่ง ความรักและความสำเร็จ เกิดได้ทันทีที่เรา เปลี่ยนความเชื่อในใจ หลายคนเกลียดเงิน เกลียดความร่ำรวยแต่ในใจลึกๆก็อยาก ได้เงิน อยากประสบความสำเร็จ ไปฟังเรื่องราวของผู้หญิงคนหนึ่งที่เมื่อเปลี่ยนเความเชื่อจากส่วนลึกชีวิตก็พบกับสิ่งที่ดีที่สุดค่ะ
    "สวัสดีค่ะ ครูอ้อย
    เปิ้ลเป็นแม่บ้านค่ะ เปิ้ลได้ไปเรียนห้องเรียนเข็มทิศชีวิตเมื่อวันที่ 3-4 สค 58 คะ ตอนนั้น ชีวิตคิดว่าระดับการักษาใจ ถึงสุดต่ำสุดแล้วคะ ผิดหวังในตัวสามี ระแวงว่าเขาจะมีคนอื่น
    ชีวิตตัวเองก็หลบอยู่แต่ใน comfort zone แล้วคิดว่าตัวเองชีวิตดี๊ดี สามีหาเลี้ยงไม่ต้องทำอะไร ที่จริงแล้วมันไม่ใช่เลยคะ ที่ครูบอกเรามันถูกทุกอย่าง ในใจเราเหมือนรู้สึกว่า เราเป็นมีดที่ทื่อลงเรื่อยๆ หม่นหมอง ไร้ความคิดริเริ่มสร้างสรรผลงานดีดี ออกมาให้โลกได้รู้ ความมั่นใจที่จะทำอะไร หดหายไปหมดคะ
    เดินไปไหนไม่กดมือถือ ก็ ก้มหน้าคะ ไม่กล้าสบตากับใคร พอมีใครมองก็ จะคิดไปต่างๆนาๆ ว่าพวกเขาเหล่านั้นต้องคิดกับเปิ้ลในทางลบแน่ๆ เลย ชีวิตตอนนั้น มองไม่เห็นทางออกเลยคะ มีแต่ปัญหามารุมเร้า ทรมานมากคะ
    ตอนที่ประสบปัญหาอยู่นั้น เพื่อนสนิทแนะนำว่าเคยฟังครูอ้อยผ่านยูทูปไหม เปิ้ลตอบไปว่า หนังสือเล่มแรกของครูเปิ้ลเคยอ่าน
    แต่พอครูอ้อยมาสอนแนวทางร่ำรวยมั่งคั่ง เปิ้ลกลับแอนตี้ครูคะ ไม่ติดตามอีกเลย เพราะเมื่อที่ครูบอก เราเกลียดความร่ำรวย ว่าคนรวยไม่ดีต้องไปเบียดเบียนคนอื่นมา คนรวยแล้งน้ำใจ มองคนจนในสายตาที่เหยียดหยาม แต่ในใจเปิ้ลลึกๆ แล้ว โคตรอยากจะรวยเลยคะ อยากมีอิสระทางการเงิน อยากให้พ่อแม่มีความสุข ได้เกษียณ ตัวเองจากการทำงานของท่านเสียที
    เพื่อนส่งคลิปยูทูปมาให้ก็ยังไม่ฟังในทันที ผ่านไป 3-4 วัน เลยกดฟังและฟังเรื่อยๆ ยิ่งรายการ love compass ครูได้ตอบปัญหาเกี่ยวกับ ชีวิตความรัก การงาน ฟังไปร้องไห้ไป ทำไมมันตรงกับชีวิตเราจังนะ ถึงกับขนาดสะอึกสะอื้น
    ช่วงนั้นย้ายไปอยู่บ้านแม่คะ เพราะทะเลาะกับแฟนเรื่องที่เราระแวงว่าเขามีคนอื่น แม่เปิ้ลไม่พูด ไม่ว่าอะไร แต่ช่วยดูแลลูกของเปิ้ลเป็นอย่างดีเลยคะ ปล่อยให้เป็นนอนทำมิวสิกไปเรื่อยๆ จนแกไม่ไหว แกก็มานอนข้างๆ ค่อยอยู่ใกล้ๆ แต่ไม่พูดไม่ถามอะไร เปิ้ลรับรู้ได้เลยว่า ว่าแม่รักเรามาก และเป็นทุกข์มากกว่าเราหลายร้อยเท่า ส่วนพ่อก็ค่อยแอบถามความคืบหน้ากับแม่คะ คอยเป็นห่วงอยู่ห่างๆ
    เปิ้ลฟังไปเรื่อยๆ ในใจก็ ต้องมีสักวันสิ ที่เราจะได้เจอครู อยากเจอครู ตัวเป็นๆสักครั้ง ไม่น่าเชื่อคะ
    2-3 วันให้หลัง แล้วเหตุการณ์ก็พาให้มาเจอครูจริงๆ แบบทันใจเลยคะ เปิ้ลโทรไปขอยืมบัตรเครดิตแฟนคะ เขาก็คุยกับเราดีมากเพราะยังไม่ได้คืนดีกันนะคะ ถามว่าจะเอาไปทำอะไร ตอนแรกไม่ยอมบอกคะ กลัวเขาแอนตี้ครู จนสุดท้ายก็ต้องบอกไป และเขาก็ให้ยืมคะ เพราะถ้าไม่ให้ยืมเปิ้ลบอกว่าจะเอาแหวนแต่งงานไปจำนำคะ 5555
    พอจองเรียนเป็นของตัวเองแล้วก็ นึกในใจว่า ถ้าแฟนเราไปด้วยท่าจะดี เขาจะได้มีความคิดไปในทางบวกบ้าง พอเวลาผ่านไป 2-3 วัน จู่ๆ เปิ้ลก็ตื่นมาบ้านหมุนคะ เป็นมากตกใจมากเลยโทรไปหาแฟนคะ เขาก็ทิ้งงานจากต่างอำเภอมาหาเลยเดี๋ยวนั้น แล้วก็พาเราไปหาหมอ ดูแลอย่างดี
    เปิ้ลเลยเปลี่ยนวิกฤตให้เป็นโอกาสคะ ขอให้เขาไปด้วย ลำพังเปิ้ลไปคนเดียวคงไม่ไหวแน่ เขาเลยตอบตกลงคะ
    วันที่เราไปเข้าคลาสเป็นช่วงเวลาที่มีความสุขมากเลยคะ เหมือนเราได้มีเวลาสวีทกันสองคนโดยไม่มีลูกๆ
    ไปเรียนกลับมา เปิ้ลมีความสุข รักตัวเองมีพลังมากเลยคะแม้จะลังเลว่าตัวเองชอบอะไร อยากทำอะไรมากที่สุด ตอนนั้นถึงตอนนี้ก็ยังหาไม่ได้ชัดเท่าไหร่ แต่ทุกวันที่ผ่านมา เปิ้ลกับแฟนมีความสุขมาก
    แฟนดูรักและใส่ใจเรามากขึ้น กอดแฟนได้สนิทใจ ชีวิตการงานก็เหมือนกำลังจะคลี่คลายไปในทางที่ดี จากที่เขาไม่มีงานทำหรืองานเข้ามาเลย เป็นปีๆ ตอนนี้งานเริ่มเข้ามาคะ เปิ้ลอยู่บ้านก็มีงาน job เล็กๆ ทำ คืออยู่ๆ งานก็เข้ามาเองเลยนะคะ เพียงแค่เราส่งสัญญาณให้จักรวาล จักรวาลจะจัดสรรให้เองเลยคะแบบลงตัว ชีวิตดี๊ดี ของจริงกำลังจะมาแล้วคะ เพราะมีครูอ้อยค่อยนำทาง
    เปิ้ลขอกราบขอพระคุณครูอ้อยมากเลยนะคะ ที่ออกมาแบ่งปันความลับสวรรค์บนดินให้เปิ้ลและเพื่อนๆคนอื่นได้รับรู้
    ขอบคุณทีมงานที่น่ารักทุกคน เพื่อนๆ ในคลาสเรียนทุกท่าน น่ารักทุกคนเลยคะ
    เปิ้ล Bellissima Apple

    ครูอ้อย เข็มทิศชีวิต
    ------------------------------------
     
  6. บ้องแบ้ว

    บ้องแบ้ว นางฟ้าผู้น่ารัก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    3,294
    กระทู้เรื่องเด่น:
    105
    ค่าพลัง:
    +5,301
    หวานถามว่า พี่ที่ทำงาน ชอบเรียกเธอไปดุระบายอารมณ์ฉุนเฉียวของเขาแรงๆ จนเขาสะใจอารมณ์ดีหายเครียด แล้ว เขาจะเดินออกจากห้องมาพูดคุยอารมณ์ดีกับคนอื่นๆในที่ทำงาน ทิ้งให้เธอต้องหงุดหงิด
    ครั้งต่อไปที่ หวาน ถูกเรียกเข้าไปในห้องทำงาน ของเขา เธอ จินตนาการว่ารอบตัวของเขา มีลำแสงสีชมพู ที่หอมเหมือนกลิ่น ขนมที่เธอชอบ นุ่มเหมือนขนมที่เธอชอบทาน ในลำแสงนั้น มีเขาเป็นเด็กตัวเล็กๆ วัยอนุบาล แต่งชุดอนุบาลน่ารัก ที่อยากให้ทุกคนรัก

    หวานมองเห็นว่าลำแสงสีชมพูที่ห่อหุ้มเขาอยู่นั้น หอมอบอวลไปด้วย ความรักความปรารถนาดีห่วงใย รู้สึกถึงความปรารถนาดี ที่หลั่งใหลออกมาจากใจของเธอเอง

    หวานทำอยู่อย่างนั้น เพียงสามครั้ง ครั้งที่3 รุ่นพี่ของเธอเปลี่ยนคนอื่นเป็นคนที่เขาเรียกเข้าไปดุ แล้วสนับสนุนการเลื่อนตำแหน่งให้เธอ ไปเป็นหัวหน้าที่สาขาใหม่แทน พร้อมเงินเดือนใหม่ที่ดีกว่าเดิม

    หวาน เรียกปรากฏการณ์นี้ว่า ปาฏิหาริย์แห่งความปรารถนาดี เธอเข้าใจเลยว่า ที่ผ่านมาความเชื่อของเธอว่าไม่มีใครชอบเธอในหัว และท่าทีที่เธอแสดงออกไปอาจมีส่วนเรียกให้คนเล่นงานเธอ สังเกตุว่าบางคนเหมือนมีไฟวิ่งบนหัวว่าเชิญเหยียบย่ำได้ ฉันไม่สู้หรอกแล้วคนๆนั้นก็จะเป็นลุกไล่ในี่ประชุมหรือที่ทำงานเสมอ ทันทีที่หวานเริ่มมองเห็นว่าตัวเองก็ดีมีสิ่งที่ดีน่ารัก ส่งความปรารถนาดีออกไปในโลกก็มีคนหร้อมช่วยเหลือพูดคุยกับเธอทันที

    การที่ใครสักคน ทำไม่ดีกับคุณ แน่นอนว่าคุณต้องมีวิธีป้องกันตัว ขีดเส้นไม่ให้ใครล้ำเส้น แต่ในหลายครั้ง สิ่งต่างๆสามารถดีขึ้นได้ง่ายกว่านั้น ด้วยการส่งความปรารถนาดีไปให้คนที่ทำไม่ดีกับคุณ

    การห้อมล้อมตัวเองและผู้อื่นด้วยความรู้สึกปรารถนาดีก็เป็นวิธีที่ดี ใจลึกๆของคุณจะเห็นความเป็นเพื่อนร่วมทุกข์เกิดแก่เจ็บตาย ที่ทุกคนอยากหนีความทุกข์ ใฝ่หาความสุขเหมือนกันทั้งนั้น

    พอใจของคุณอ่อนโยนลง ทางออกต่างๆจะปรากฏ
    แม้บางกรณี คุณอาจจะยังต้องใช้การดำเนินการทางกฏหมายเข้าช่วย
    แต่การทำสิ่งที่ต้องทำด้วยใจที่ปรารถนาดี ทำเพื่อให้ทุกอย่างดีขึ้น
    ให้เขาไม่ไปทำร้ายคนอื่นซึ่งจะเป็นการทำร้ายตัวเขาเอง
    ทำให้ทุกอย่างลงเอยด้วยดี ดีตั้งแต่ต้นทาง
    ที่แน่ๆคือดีในใจในความรู้สึกของคุณเอง

    ครูอ้อย เข็มทิศชีวิต
    --------------------------------------
     
  7. บ้องแบ้ว

    บ้องแบ้ว นางฟ้าผู้น่ารัก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    3,294
    กระทู้เรื่องเด่น:
    105
    ค่าพลัง:
    +5,301
    จะดีแค่ไหน ถ้าเราลุกขึ้นมาเป็นผู้เลือก กำหนด ทิศทาง เป้าหมายให้ตัวเอง รู้อย่างแน่ชัดว่าจะเกิดมาเพื่อทำอะไร และจะประสบความสำเร็จเพื่อใคร ไปฟังประสบการณ์การเรียนรู้ตัวเองของคุณ กระต่าย
    เพื่อเป็นแรงบันดาลใจกันค่ะ
    "I'm GRATEFUL for the showers of BLESSING that I Receive everyday.
    .
    กราบสวัสดี คุณครูอ้อย และ สวัสดีพี่ๆน้องๆ ในบ้านเข็มทิศทุกคน ชื่อ กระต่าย ขอมาส่งการบ้าน จากการเข้าเรียนเข็มทิศชีวิตเมื่อ 21-22 พ.ย. และ5-6 ธ.ค. ที่ผ่านมา
    ต้องขอบคุณน้องสาว ที่ไม่เคยหยุดและไม่ท้อที่จะชวนให้เข้าเรียน ทั้งๆเราก็ปฏิเสธและบ่ายเบี่ยงมาตลอด และก็ไม่ผิดหวังเลยค่ะเพราะมันไม่ใช่แบบที่เราคิดไว้แต่แรก ที่ประทับใจสุดคงเป็นคุณครูอ้อย ที่ต่ายจะสังเกตุได้ว่า คุณครู ใส่ใจทุกรายละเอียดของนักเรียนทุกคนในห้องทุกครั้งที่ครูอยู่บนเวที จะเห็นครูกวาดสายตามองนักเรียนของทุกคนเหมือนจะบอกว่า ครูจะไม่พลาดทุกเรื่องราวของพวกเธอหรอกนะ ครูอยู่ตรงนี้ไม่ต้องกังวล
    ตอนครูพา ทำ Trance ครั้งแรก ทำให้เห็นปมบางอย่างที่ทำให้ ต่ายรู้สาเหตุที่ความทรงจำวัยเด็กจนถึง ป. 1 ที่มันหายไป สิ่งที่เราเห็น คือป๊า เดินมาเรียกเด็กตัวเล็กๆให้ไปขอโทษม๊าที่สอบเข้าโรงเรียนไม่ได้ เด็กคนนั้นเดินไปเห็นม๊า นุ่งซุกตัวร้องไห้ผิดหวังที่เราสอบเข้าโรงเรียนไม่ได้ เด็กคนนั้นคือต่ายเอง
    ตอนนั้นจากที่เคยภูมิใจ ว่าเราเป็นลูกคนโตที่ ช่วยม๊าดูแลน้องๆ ความรู้สึกตอนนั้นมันกลับตาลปัด ว่า เราทำให้ม๊า เสียใจ เราไม่ทำให้ทำภูมิใจ ว่าเราเรียนไม่เก่ง ทำให้ม๊าผิดหวังขนาดนี้ (ตอนเขียนอยู่นี้กระจ่างชัดเลยค่ะว่า ทำไมตั้งแต่เด็กจนโต เราถึงรู้สึกแย่ที่เห็นม๊าเสียใจจากการทะเลาะกับลูกๆคนไหนหรือ กังวลใจกับเรื่องอะไร เราจะต้องทำทุกทางให้แม่รู้สึกดีขึ้นและหายให้เร็วที่สุด.. )
    และ ทุกอย่างมันเกิดขึ้นซ้ำๆ คือ เกรด แย่มาก เรียนมหาวิทยาลัย ใช้เวลา 8ปีกว่าจะจบ ไม่ค่อยอยากบอกม๊า เพราะรู้ว่าม๊าคงผิดหวัง ตอนเรียนทั้งติดเพื่อน ชอบทำกิจกรรม เที่ยว เมา ให้ม๊าเป็นห่วง สร้างปัญหา เมากลับมา ล๊อกบ้าน ทำให้เค้าเข้าบ้านไม่ได้ยืนหน้าบ้านจนตี 4 พอป๊า เสีย เหลือม๊าคนเดียว ยังสร้างปัญหา ม๊าไปขอร้องเพื่อนบ้าน ช่วยขับรถไปประกันตัวที่โรงพัก ซึ่งเราเมาบอกแค่โรงพักไม่ได้บอกว่าที่ไหน เค้าต้องไปตะเวนหากันอีก ตอนตี 3 เพราะเมาแล้วขับรถสวนเลนไปชนกับคันอื่น พอเรียนจบ ก็กลับมาทำงานที่บ้าน แต่เหมือนหนี รักสบาย คือ ทำงานแป๊ปๆ แว๊ปไปนอน ทำไม่จบ ม๊าเรียกว่าเป็นนินจา หาเรื่องออกไปนอกบ้านตลอด ทำบ้างไม่ทำบ้าง จนม๊าเครียด เพราะคนรอบๆข้างทั้งพนักงานเก่าแก่
    และคนในธุรกิจเดียวกัน เริ่มพูดถึงเรา เริ่มพูดถึงธุรกิจของบ้านเราไม่ดีแล้ว ไม่มีอนาคตแล้ว....เพราะลูกๆไม่ได้เรื่องเลย ถึงแม้จะออกไปทำงานข้างนอก แล้วสุดท้ายกลับมาทำงานที่บ้าน ก็ยังรู้สึกเนือยๆ ที่เหมือนมองไม่ออกว่า อนาคตจะเป็นยังไง ธุรกิจที่บ้านก็ทำให้ดี แล้วเราจะจบแค่นี้เหรอ จะมีอะไรเป็นของตัวเองไม๊ คิดเองไม๊ หรือ เอาง่ายๆ ว่าไง ว่าตามกัน ยอมๆก็ได้ เอาไงก็ได้
    จนได้มาเข้าเรียนให้ห้องนี้ ครูพาให้ต่ายเห็น ว่าอะไรที่ทำให้เราเป็นเราจนทุกวันนี้ อะไรที่ลึกๆเราก็บอกว่าเป็นเพราะเค้า เป็นเพราะ แม่ที่เอาตัวเองมาสวมให้เราเป็น การเป็นพี่คนโตที่ต้องยอมทุกอย่าง ให้น้องก่อนเสมอ และ ความต้องการของแม่คือความต้องการของเรา แล้วความจริงก็ปรากฎในtrance ต่อมา
    คุณครูพาให้เราได้เห็น ความอ่อนแอ และไม่มั่นใจ ในการแสดงออกว่าเข้มแข็งของคุณแม่ ความไม่รู้สึกไม่ปลอดภัยในวัยเด็กของป๊า ที่อาม่าจูงเค้าไปขอซื้อบ้านที่เช่าอยู่ เพราะเค้ากำลังจะขายให้คนอื่น ป๊าต้องทำทุกอย่าง หาเงินให้ได้มากที่สุด จนใจ ว่าคนที่ท่านรักมีพร้อมทุกอย่าง แต่ยังไม่ทันใช้เงินป๊าก็เสียไปซะก่อน ตอนนั้นช่วงฟองสบู่แตก เป็นครั้งแรกที่เห็นป๊ที่ปกติร่าเริง และ ยิ้มตลอดเวลา กลายเป็นนอนนิ่งๆ ไม่ลงมาเปิดร้านเหมือนปกติ ไม่พูดกับใครเลยเกือบอาทิตย์
    แล้วภาพๆนึงก็โผล่มา ภาพที่เราเห็นคือ คืนนึง ป๊านั่งอยู่กับต่ายกับแต แล้วอยู่ดีๆ ป๊าก็พูดขึ้นมาว่า ถ้าป๊าไม่มีสมบัติอะไรให้ ต่ายกับแต จะโกรธป๊าไม๊ เรา 2 คนน้ำตาร่วงแล้วบอกว่า จะโกรธทำไมที่ป๊าให้เราขนาดนี้ ให้ได้เรียนดีๆ แค่นี้ก็พอแล้ว และถึงแม้ว่าช่วงนั้นจะผ่านไปด้วยดี และป๊าสามารถพลิกวิกฤติให้เป็นโอกาส ทำกำไรได้อย่างคาดไม่ถึง แต่หลังจากนั้นไม่นาน ป๊าก็เสียด้วยโรคหัวใจ ตั้งแต่จำความได้เราไม่เคยกอดป๊าเลยซักครั้ง
    และในห้องเรียนวันนั้น ต่ายก็มานั่งด่าตัวเอง ว่าวันนั้นทำไมไม่เดินไปกอดป๊า แล้วบอกไม่เป็นไร ป๊าทำดีที่สุดแล้วต่ายกับแต ได้สิ่งที่ดีที่สุดจากป๊าแล้ว และตอนนั้นต่ายก็เหมือนได้กอดป๊าจริงๆเลยค่ะ
    และ ใน trance ให้อภัยตัวเอง มารดำในตัวเราที่มันอิ่มหมีพีมันจากการกินนิสัยดีๆของเรา เพื่อไม่ให้เราที่ก้าวหน้า และหลอกเรามาทั้งชีวิต ว่าไอ้ที่ไม่ดี หนะ มันดีแล้ว ครูพาไปให้เห็นเห็นว่ากี่ภพกี่ชาติแล้วที่เราเกิดมา ตั้งแต่สัตว์ถึงคน กี่ภพกี่ชาติแล้วที่บ่มเพาะให้เราเป็นอย่างนี้ จำได้ว่าตอนทำทรานสในห้องเรียนปล่อยไหลตามคำพูดครูทุกอย่าง จนตัวสั่นแบบควบคุมไม่ได้ มือชา เท้าชาไปหมดเลยค่ะ
    ทั้งเรื่องราวต่างๆที่ฝังลึกๆ ด้านร้ายๆที่ปัดความรับผิดชอบ อารมณ์เสียใส่ม๊า เพราะแค่อยากเอาชนะ แล้วทำตัวเหมือนเป็นคนดีแต่จริงๆขี้อิจฉาแล้วมาโลกสวยว่าไม่ใช่ มันเห็นชัดมากๆกับสิ่งเลวร้ายของตัวเอง
    พอกลับบ้านมากอดๆๆๆ คุณแม่ มาบอกว่า ม๊าโคตรเก่ง และสุดยอดมาก รู้ไม๊ม๊าเป็นผู้หญิงที่เก่งและใจกว้างมาก ไม่ว่ากับลูก หรือ ญาติ หรือ ใครคนไหน สิ่งที่ต่ายได้จากม๊า ทำให้ต่ายเป็นคนดีได้จนวันนี้ สิ่งที่ม๊าทำในฐานะแม่ของลูก ม๊าทำได้ยิ่งกว่าสุดยอด สำหรับผู้หญิงคนนึงจะทำได้แล้ว มันเลิศที่สุดแล้ว
    ต่ายรู้แล้วว่าม๊ารักและหวังดีกับต่ายขนาดไหน ต่ายรู้ม๊าอยากให้ต่ายสบายและมีความสุขตอนม๊าไม่อยู่แล้ว เราเห็นแล้วอนาคตว่าเราทำเพื่อใคร ความฝันมาอยู่ตรงหน้า ชัดๆ ใกล้ๆแค่เราหยิบมาทำทำทำทำ เขียนทุกอย่างที่อยากทำ อยากปรับเปลี่ยน โดยไม่ลืมความฝันของตัวเอง พยายามรักษาใจ อย่างที่ครูสอน ถึงจะมีเรื่องที่กระทบแบบแรงสุด ก็ยิ้ม ยิ้ม ค่ะ แล้วบอกว่า นี่เป็นโอกาสดีแล้ว สินะที่จะได้เปลี่ยนแปลงอะไรซักที ในเรื่องฤทธิ์แห่งใจที่ครูสอนในห้องเรียนนั้นใช้ได้ผลจริงๆค่ะ อะไรที่ต่ายพูดไว้ในห้อง เกิดขึ้นจริงจนเสร็จในเวลาไม่ถึงอาทิตย์ ถึงแม้จะมีบททดสอบทุกเวลา แต่การรักษาใจในแดนบวกที่ครูย้ำ ทำให้เราเห็นว่า เฮ้ยย นี่มันทำให้สิ่งที่เราคิดๆเขียนๆเล่าให้เพื่อนฟังในห้องนี่หว่า.. มันแค่เกิดเร็วขึ้นเอง
    มันก็ทำให้เห็นลึกลงไปอีก ที่คิดว่า อืมพึ่งมาไม่ถึง 2อาทิตย์ และ เราก็รักษาใจ ทำตามที่ครูสอน ใกล้ชิดกับคลิปของคุณครู และ โพสของเพื่อนๆในบ้านเข็มทิศตลอด จากที่เนือยๆนิ่งๆนอนเป็นซากก่อนมาเรียนSuper Wealth กลับมา alert คิดงานตลอด วางแผนโน่นนั่นนี่ แต่เหมือนอะไรๆมันยังขัดๆเหมือนขาดๆอะไรไป แล้วคราวนี้มาพร้อมกับม๊า และ น้องด้วย แล้วก็ทำให้รู้อีกว่าเปลือกดำๆที่ห่อหุ้มเราไว้ มันยังไม่หมด มันจะแค่ค่อยๆลอกออกไปทีละชั้น และยังแอบโผล่มาตอนเผลอเพราะเป็นความเคยชิน คราวนี้ขอประกาศ ขีดเส้นชัดเจน ในระยะ 1กม. อย่าล้ำและห้ามคลอดลูกหลานเพิ่มเด็ดขาด
    สิ่งที่ได้ในครั้งนี้ มันทำให้เราเห็นศักยภาพ ตัวเองที่ใช้ผิดที่ผิดทางมาตลอด เช่น เป็นคนอดทนมาก แต่ดันทนในเรื่องที่ไม่ควรทน ทำไมไม่ทนทำงานให้จบวะ.. ทำแค่ต้นๆ แล้วโยนให้คนอื่นทำต่อ แล้วบอกว่าเรา วางแผนงานไว้ให้ เอ๊ะ นี่เราโดนนังมารดำหลอกอีกแล้วนี่หว่า มันคือ ขี้เกียจและปัดความรับผิดชอบมากกว่า สิ่งที่ได้ทำให้เราเห็นด้านมืดของตัวเรา และ เมื่อเรายืนหยัดจะไม่กลับไปยืนฝั่งนั้นอีก เราจะเป็นผู้เลือก เราจะเป็นผู้กำหนดทุกอย่างในชีวิต และ ทุกๆความสุข และ ความดีงามในชีวิต เกิดจากสิ่งที่ครูสอนค่ะ ให้กำหนดเป้าหมายในใจเรา
    แต่อะไรก็ไม่เท่าในตอนนี้มันตอกย้ำ เป้าหมายความฝันที่เราปักไว้ ว่าถ้าไม่ทำก็กลับไปอยู่ที่เดิม..เพราะโดนสุดๆกับคำพูดของคุณครูในห้องค่ะ ว่า “ถ้าเราไม่เลือก จะมีคนมาเลือกให้เรา” และเมื่อเราเริ่มเห็นตัวเองชัดขึ้น เป้าหมายชัด รู้ว่าอยากทำอะไร และจะทำเพื่อใคร คนทีเรารักและ รักเรา จะดีใจขนาดไหน รู้สึกถึงพลังงานดีๆวิ่งไปทั่วตัว หัวใจเต้นแรง และความคิดในหัวมันผุดๆๆๆ จนเราต้องพยายามควบคุมให้มีสติค่อยๆลำดับ ความคิดในหัวเรา และค่อยๆให้มันซึมซับ และ ลงมือจดๆๆๆๆ กับทุกความคิดที่ผุดขึ้นในหัวเรา
    และ คราวนี้จะลงมือทำ ทำๆๆๆๆๆๆ ทำทุกวัน วางแผนทุกวัน คิดออกทุกวัน ปัญหาคือโอกาส ปัญหาคือเงิน ปัญหาคือเกมส์ทางใจ คือ เกมส์ลับสมอง ยิ่งคุณบวกมากเท่าไหร่ เงินคุณยิ่ง งอกเงยเท่านั้น บอกรักแม่ทุกวัน กอดกันทุกวัน... ตื่น โมงเช้ามาฟังทรานซ์ และ นั่งสมาธิ และ ให้เวลา 20นาทีของทุก งานที่กองตรงหน้า จะวางใจ และรักษาใจเป็นอย่างดี และจะเกาะติดห้องเรียน และ คุณครูให้มากที่สุดค่ะ
    คุณครูทำให้ต่ายเหมือนเป็นคนใหม่ ที่มองเห็นเป้าหมายของตัวเองชัดเจน กล้าคิดและลงมือทำ ต่ายจะสร้างมันจนสำเร็จเพื่อให้เป็นความสุขสบาย และ เป็นความภูมิใจ ของคนที่เรารัก และตอนนี้ต่ายรู้แล้วว่าคนที่อยู่กับเราจะโชคดี และ มีความสุขขนาดไหน ต่ายจะเป็นสิ่งดีงามบนโลกใบนี้ จะแบ่งปัน ความสุข ให้กับทุกคน คนที่เรารัก และคนที่อยู่รอบตัวเราจะมีความสุขทั้งทางกาย และ ทางใจ จะเป็นผู้ที่ดีงาม และ ยอดเยี่ยมทั้งทางโลก และทางธรรม
    ขอบกราบพระคุณคุณครู อ้อย ผู้ให้กำเนิดใหม่ในระดับ เซลล์ แอนด์ โซล (cell and soul)
    ด้วยความเคารพยิ่ง และขอขอบคุณทีมโค้ชและรุ่นพี่ทุกคนที่ออกมาแบ่งปันเรืองราวดีๆ จนทำให้ต่ายค่อยๆเห็นภาพชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ รู้สึกตัวเองโชคดีมากที่ได้มาเรียนรู้ในพื้นที่แห่งนี้ และ ก็รู้ว่าของจริงด้านนอกมันพร้อมจะดึงเรากลับไปสู่จุดเดิมเสมอ ต่ายขอเลือก ที่ไม่ยอม และจะขอพัฒนาขยายใจเราให้ดีขึ้นไปเรื่อยๆ เพราะเรารู้แล้วว่าเราเกิดมาเพื่ออะไร"
    รักครูค่ะ
    กระต่าย

    ครูอ้อย เข็มทิศชีวิต
    ----------------------------------
     
  8. บ้องแบ้ว

    บ้องแบ้ว นางฟ้าผู้น่ารัก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    3,294
    กระทู้เรื่องเด่น:
    105
    ค่าพลัง:
    +5,301
    พี่เอ๋น้องสาวครูอ้อยเป็นเด็กที่อ่อนแอมีปัญหาสุขภาพมาตั้งแต่เด็ก เข้าออกโรงพยาบาล ทานยาเป็นว่าเล่น วันหนึ่งพี่เอ๋ ลาครูอ้อยไปเก็บตัวปฏิบัติธรรมกับสามี ที่บ้านริมทะเล ที่หัวหิน พี่เอ๋ มีบ้านริมทะเล และ บ้านในภูเขาที่ป่าละอู ครูก็วางใจว่าน้องสบายแล้ว

    วันหนึ่งคุณแม่ครูอ้อยกลับมาจากไปเยี่ยมพี่เอ๋ แม่นั่งร้องไห้ บอกครูว่า ลูกอ้อย น้องไม่สบายมาก น้องจะไม่อยู่แล้ว

    ตอนนั้นครูนั่งอยู่กับอาตุ๊ยตุ่ยที่บ้านริมแม่น้ำ มันเหมือนทุกอย่างหยุดนิ่งไปหมด ครูยกหูโทรศัพท์หาพี่เอ๋ พี่เอ๋แทบไม่มีแรงแม้แต่จะพูดกับครู มีแต่เสียงลมหายใจแผ่วๆ คุณแม่ครูอ้อยได้ยินเสียงหายใจของลูก ก็ยิ่งร้องไห้หนักขึ้น

    ครูวางสายก็รีบขับรถจากบางปะกงไปหัวหิน พี่เอ๋ออกมาเจอครูในชุดสีขาว มาถึงก็นอนลงบนเตียงครูเพราะนั่งไม่ไหว นอนได้แป้บเดียวก็ลุกขึ้นมานั่ง เพราะเจ็บตัว แต่ที่ผ้าปูที่นอนเต็มไปด้วยเลือดสีแดงที่ไหลออกมาจากผิวพี่เอ๋เต็มไปหมด

    ครูบอก เอ๋ เอ๋ไม่ตายหรอก เอ๋อยู่ อยู่ป่วนคนอื่นกันให้สนุกไปเลย มาเรียนห้องเรียนเข็มทิศสิ รับประกันว่ารอดแน่นอน เอ๋ก็มา

    วันแรกที่เอ๋มา ผิวเนื้อตอนนั้นเป็นสีดำทั้งตัว สลับกับผื่นแดงหนาๆ มีเลือดไหลซึม น้ำเหลืองไหลคลุ้ง ต้องเอาผ้าพันซับน้ำเหลืองน้ำเลือดไว้ บางจุดตกสะเก็ดเป็นสีดำ ทานอาหารไม่ได้ แพ้ทุกอย่างจนน้ำหนักลดจาก55เหลือ 45กิโล ตื่นเช้ามาตัวบวมตลอดเวลา เรียนได้สักแป้บก็เหนื่อยต้องนอนพัก

    พี่เอ๋บอกว่า ไปลองมาแล้วทุกอย่างทุกวิธีจนหมดกำลังใจแล้ว

    ครูให้พี่เอ๋เห็นภาพชัดว่าตัวเองหายดีแข็งแรง สวยงามสดใส แนบใจไว้กับภาพนั้นเท่านั้น

    คนที่เคยมีคนรักในครอบครัวป่วยจะเสียชีวิตจะพอนึกออกว่า มันทรมานขนาดไหน ที่ต้องเห็นเขาเจ็บปวดทุกข์ทรมาน และเราอาจจะไม่ได้เห็นหน้าเขาอีก แต่เราจะต้องรักษาใจเราและเขาให้มีความสุข

    แล้วปาฏิหาริย์ก็เกิดขึ้น พี่เอ๋ทดลองหยุดวิธีการรักษาต่างๆ แล้วกินแค่อาหารชีวภัต กับรักษาใจให้มีความสุขคิดภาพว่าตัวเองหาย ได้ออกไปวิ่งเล่น กินของอร่อยสนุก

    แล้วปาฏิหาริย์ก็ปรากฏ พี่เอ๋แข็งแรงสดใสสดชื่นมีความสุข ลุกขึ้นมาใช้ชีวิตอย่างคนปกติได้ อาหารชีวภัตช่วยให้ร่างกายพี่เอ๋ ฟื้นฟูตัวเอง หยุดเลือดไหลซึมตลอดเวลา หยุดเหนื่อย หยุดคัน หยุดการทรมานทั้งหมด แล้วเป็นพี่เอ๋ที่ยอดเยี่ยม ตลกสนุก กินจุ กลับมามีน้ำมีนวลและตลกมาก

    หลายอย่างในชีวิต มันเกิดขึ้น โดยเราอาจจะมองไม่เห็นเหตุผลเฉพาะหน้า แต่ครูบอกพี่เอ๋และทุกคนเสมอว่า ทุกอย่างมีเหตุผล ความยากลำบากของเราทุกคน มาเพื่อให้เราเห็นอกเห็นใจและช่วยผู้คนได้มากขึ้น ครูขอเป็นกำลังใจให้ทุกครอบครัว เห็นภาพชัดแนบใจว่าคนที่เรารักจะหายดี แข็งแรง ได้อยู่กับเราอย่างมีความสุข

    เนื่องในโอกาสที่อาตุ๊ยตุ่ยและพี่เอ๋ นำชีวภัตออกมาส่งมอบต่อให้ครอบครัวอื่นๆ ครูขออวยพรให้ความเจ็บปวดทุกอย่างที่เราเคยผ่านมา มีความหมาย ได้ช่วยอีกหลายครอบครัวให้มีความหวัง มีสมาชิกพร้อมหน้ากัน เพราะทุกอย่างที่เราทุกคนทำมา มีความหมายเมื่อเราได้มีคนที่เรารักอยู่กับเรา

    ชีวภัต อาหารแห่งชีวิต
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  9. บ้องแบ้ว

    บ้องแบ้ว นางฟ้าผู้น่ารัก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    3,294
    กระทู้เรื่องเด่น:
    105
    ค่าพลัง:
    +5,301
    จุดเปลี่ยนของชีวิต เกิดขึ้นเมื่อเรากลับไปทำความเข้าใจสิ่งต่างๆอย่างลึกซึ้ง ไปฟังเรื่องราวของคุณออยกันคะ

    สวัสดีค่ะครูอ้อย พี่ๆ และเพื่อนชาวเข็มทิศทุกคน
    ออยเรียนกับครูมา 5 ปี นี่เป็นการส่งการบ้านครั้งแรก หลังจากที่ได้เข้าคลาส The Master4 ครูทำให้ออยมั่นใจอย่างแท้จริงว่าตัวเรามีศักยภาพ และคู่ควรกับสิ่งดีๆ และสิ่งที่เราต้องการ ก่อนหน้านี้ไม่เคยมั่นใจอะไรเลยในชีวิต มีเพื่อน และคนรู้จักหลายคนที่ถามว่าเราได้อะไรจากการเข้าคอร์สเรียนกับครู และการไปภาวนากับครู ก่อนหน้านี้ก็จะไม่มั่นใจตอบคำถามแบบมึนๆ และถามตัวเองว่าเอ่อ...เราได้อะไร? หรือได้แค่การเข้าใจสามีมากขึ้น ทำให้เค้าลุกขึ้นมาพยามปรับปรุง และเปลี่ยนแปลงตัวเค้าเอง เพราะปัญหาแรกในการเข้ามาเรียนกับครู คือ กำลังจะแยกทางกับสามี หมดความรัก ความศรัทธาในตัวสามี แต่เมื่อได้เรียนกับครูทำให้ออยได้เห็นถึงสาเหตุหลักที่แท้จริง ที่ฝังรากลึกของเด็ก 2 คน ที่กำลังรวมมือกันจะพังครอบครัวของตัวเอง หลังจากที่ออยได้เข้าใจตัวเอง รักตัวเอง เห็นคุณค่า ศรัทธาในตัวเอง ความรักและความเข้าใจของครอบครัวที่หายไปก็กลับมา เรากลับมาอยู่ด้วยกัน รักและเข้าใจกันมากขึ้น อิน(สามี)ได้ตามมาเรียนกับครู เป้าหมายที่เราวางไว้ ทั้งเป้าหมายที่ชัดเจน และเป้าหมายที่มันเป็นความอยากลึกๆ ในใจมันก็เริ่มสำเร็จที่ละเป้าหมาย เริ่มตั้งแต่ตัวออยกับอินกลับมารัก เข้าใจกัน และลูกก็รักพ่อได้อย่างเต็มหัวใจ และเราก็รักพ่อและแม่ได้อย่างแท้จริง ขอเล่าย้อนหลังถึงปัญหาของตัวออยก่อนหน้าที่จะเรียนกับครูนะคะ (เผื่อเพื่อนๆ จะมีความรู้สึกที่ใกล้เคียงกัน)

    ตั้งแต่จำความได้ออยใช้ชีวิตแบบต้องการเป็นที่รักของพ่อแม่ ทำทุกอย่างที่ท่านอยากให้ทำ อยากให้เป็น ในทุกๆ เรื่อง คือบอกได้เลยว่าไม่เคยขัดใจท่านเลยสักอย่าง ตั้งแต่การใช้ชีวิต การเรียน อาชีพ และรวมถึงการหาสามีให้ ซึ่งพออยู่ไปอยู่ไปเราก็ถูกกดให้ลืมว่าเป้าหมายในชีวิตที่เราต้องการคืออะไร รักอะไร ใช้ชีวิตอยู่ไปวันๆ ทำงานหาเงินตามที่ท่านบอก มีลูกก็ไม่ได้มีเวลาและใส่ใจเท่าที่ควร ทำแต่งาน ไม่มีเพื่อน ไม่มีสังคม เงินไม่เคยมีเหลือเก็บ ทำงานให้กับครอบครัว ได้แค่เงินเดือนในขณะที่พ่อเอาเงินไปลงทุนให้พี่และน้องมีธุรกิจเป็นของตัวเอง ทำให้รู้สึกอยู่อย่างต้องทนทำ ไม่เห็นคุณค่าของตัวเอง จนถึงวันที่ครอบครัวออยกับอินกำลังจะพัง ตอนนั้นในใจลึกๆ มันรู้สึกโกรธ และโทษพ่อกับแม่ ว่าการที่เราอดทนเป็นลูกที่ดี ทำตามที่พ่อแม่ต้องการบอกว่าต้องทำเพราะมันเป็นสิ่งที่ดี และถูกต้อง แล้วผลที่เราได้รับมันเป็นแบบนี้เหรอ จากนั้นออยก็เริ่มพาตัวเองเข้าโหมดซึมเศร้า ทำให้ตัวเองหมดศักยภาพในการทำงาน และแอบรู้สึกว่านี่ไงสิ่งที่คุณต้องการ ผลออกมามันเป็นแบบนี้ คุณต้องรับผิดชอบ คุณต้องรับผิดชอบชีวิตฉันที่ฉันยกชีวิตทั้งชีวิตให้คุณ ทำตามที่คุณบอกทุกอย่าง แล้วตอนนี้เป็นไงละ (เราก็แอบสะใจอยู่ลึกๆ แต่ตอนนั้นไม่รู้นะคะ มารู้ตอนที่เข้าเรียนกับครูคะ ^^) ซึ่งออยก็เริ่มทำตัวอืดบนที่นอนไปวันๆ วันนึงลูกชายวัย 2 ขวบเดินมาเกาะข้างเตียงแล้วถาม “หม่าม๊ะ เหนื่อยเหยอคับ หม่าม๊ะเหนื่อยเพราะทำงานให้อันดาใช่มั้ย หม่าม๊ะเก่งๆ อันดารักหม่าม๊ะ ที่สุดเลย” นี่คือสิ่งที่มันกระชากให้รู้สึกตัว และทำให้ออยได้มาเจอครู และเริ่มรู้ถึงเป้าหมายในชีวิต ตลอดเวลา 5 ปีที่ผ่านมา ขณะที่เราลุกขึ้นมาเปลี่ยนแปลงตัวเอง รักตัวเอง เห็นคุณค่าของตัวเอง โลกได้ส่งบทพิสูจน์ต่างๆ มามากมาย ทำให้ออยค่อยๆ เข้มแข็งขึ้น และทำเป้าหมายให้สำเร็จทีละเป้าหมาย

    - เป้าหมายแรกลุกขึ้นมาเปลี่ยนแปลงตัวเอง และอินก็เช่นกัน เราได้ครอบครัวที่อบอุ่นกลับมา รักและเข้าใจกัน
    - เข้าใจความรักของพ่อกับแม่ได้อย่างลึกซึ่ง บอกรักท่านได้จากความรู้สึกที่แท้จริง
    - การทำงานบริหารรีสอร์ทที่เคยได้แต่เงินเดือน ก็ได้เงินปันผล เริ่มมีเงินเก็บ
    - ออยกับอินได้เปิดร้านอาหาร ซึ่งเป็นธุรกิจของตัวเอง
    - มีเงินส่งให้ลูกได้เรียนโรงเรียนนานาชาติ ซึ่งก่อนหน้านี้ค่าเทอมลูกต้องขอเงินจากพ่อ
    - จัดสรรค์เวลาได้มีเวลามาเข้าร่วมภาวนากับครูทุกครั้ง และได้ไปภาวนาอินเดีย (ซึ่งเป็นเป้าหมายที่ตั้งไว้ตั้งแต่เข็มทิศภาวนา 4 )
    - มีเงินซื้อรถที่ตัวเองอยากได้ด้วยตัวของเราเอง
    - ได้ซื้อบ้านในโครงการเข็มทิศวิลเลจ (สิ่งนี้คือภาพที่เคยมีในความคิดว่าสักวันครูจะต้องมีหมู่บ้านภาวนาถึงแม้ว่าเราจะเป็นเด็กเกาะ แต่เมื่อสิ่งที่เราต้องการเกิดขึ้น เราก็ไม่ลังเลคะที่จะซื้อบ้านในกรุง ^^)
    - หลังกลับจากเข็มทิศภาวนาอินเดีย2 รีสอร์ทของครอบครัวที่เราบริหารอยู่คุณพ่อก็ได้ทำสัญญายกหุ้นให้ 80% เริ่มในปีหน้า (ซึ่งจริงๆ แล้วมันไม่ได้มีอยู่ในเป้าหมายนะ มันเป็นของแถมคะ)
    - เป้าหมายใหญ่ที่ตั้งไว้เมื่อ 5 ปีที่แล้ว ว่าอีก 10 ปี ออยจะทำ 5 stars retreat Resort บนเกาะเล็กๆ และมีหาดส่วนตัว ผ่านมา 5 ปี ซึ่งใจก็เริ่มลังเลสงสัยว่าเราจะทำได้จริงมั้ย นี่ผ่านมานานแล้วนะ... “แต่ตอนนี้ชื่อออยได้อยู่บนที่แปลงนั้นแล้วคะ” และมันก็ได้มาเหมือนปฏิหารย์คะ
    ทั้งหมดนี้ที่ออยกับอินได้ผ่านมาถึงจุดนี้ได้ เพราะด้วยความเมตตาของครู กราบขอบพระคุณครูที่คอยเมตตา อบรม สั่งสอน คอยกระตุ้นทั้งแบบอ่อนและแข็ง คอยเชียร์ คอยเป็นกำลังใจ ออยสัญญาว่าจะทำตัวเองให้เข้มแข็ง กล้าหาญและมั่นคง จะประสบความสำเร็จให้ถึงเป้าหมายที่สูงสุดของชีวิต จะไม่หลงทางเดินออกนอกลู่ให้เสียเวลาที่จะไปสู่เป้าหมายที่วางไว้

    ขอบคุณพี่ๆ เพื่อนๆ น้องๆ และกัลยาณมิตรทุกท่าน ทุกเรื่องราว ทุกการแชร์ ทุกๆคนที่คอยช่วยเหลือ ทุกมิตรภาพที่มีให้แก่กัน ทุกความความรู้สึกที่ดี จนทำให้ออยกับอินมาถึงจุดจุดนี้ได้ อยากบอกว่าขอบคุณมากค่ะ... กอด... รักทุกคนค่ะ

    ครูอ้อย เข็มทิศชีวิต
    --------------------------------------
    มาเรียนเข็มทิศชีวิต ฤทธิ์แห่งใจ
    วันที่ 24-25 กันยายน ..2559
    โทร 086-745-9777,
    086-745-1777, 086-745-0777,
    086-664-8870, 087-677-2342
    Line ID : compassteam, lifecompass, compasssmile, compassclass, compassbook
    เวลาสำคัญเปลี่ยนชีวิต
    #ครูอ้อย #เรียนเข็มทิศชีวิต #ฐิตินาถณพัทลุง #เข็มทิศชีวิต #ddnard #ฤทธิ์แห่งใจ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  10. บ้องแบ้ว

    บ้องแบ้ว นางฟ้าผู้น่ารัก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    3,294
    กระทู้เรื่องเด่น:
    105
    ค่าพลัง:
    +5,301
    เมื่อเรารักดูแลครอบครัวซาบซึ้งกับความรักของพ่อแม่ ลงมือทำความฝัน รักษาใจให้มีความสุขในทุกวัน เกิดความรัก และทางเลือกที่ดีให้กับชีวิต ไปอ่านเรื่องราวของ คุณ Eddy กันค่ะ

    ย้อนไปเมื่อ 25 ปีที่แล้ว มีเด็กผู้ชายตัวเล็กๆ อายุ 10 ขวบคนหนึ่ง อาศัยอยู่ในหมู่บ้านชนบทห่างไกลแสนกันดานในอำเภอหนึ่งของจังหวัดนครราชสีมา เขาอาศัยอยู่กับตาอายุ 70 และยายที่ร่างกายเป็นอัมพาตครึ่งซีก ภาระกิจประจำวันของเขาคือ ตื่นเช้าหุงหาอาหารด้วยวัตถุดิบเท่าที่จะหาได้ จากนั้นก็จะช่วยกันกับตากึ่งอุ้มกึ่งลากยายออกมาอาบน้ำ เช็ดขี้เช็ดเยี่ยว เปลี่ยนเสื้อผ้าป้อนข้าวป้อนยาให้ยายเสร็จก่อน ตัวเองก็จะได้อาบน้ำแต่งตัวปั่นจักรยานเก่าๆ ไปโรงเรียนที่อยู่ที่อีกหมู่บ้านนึงซึ่งมีระยะทางห่างออกไป 4 กม.
    ในวันที่ฝนตกก็จะใช้กระสอบปุ๋ยเก่าๆเป็นเสื้อกันฝน เจาะตรงก้นแล้วเอาหัวโผล่ออกมา (ซึ่งจริงๆแล้วมันก็ไม่เคยกันน้ำฝนได้เลย) รองเท้านักเรียนที่หรูที่สุดก็รองเท้าหูคีบดาวเทียม
    ย้อนกลับอีก ตอนเขาอายุ 6 ขวบในช่วงเวลานั้น เขาแทบไม่มีความทรงจำตอนที่พ่อกับแม่อยู่ด้วยกันเลย ภาพสุดท้ายที่พอจะจำได้เกี่ยวกับครอบครัวคือภาพแม่ที่ถูกพ่อตีเลือดอาบหน้าดิ้นกองอยู่ที่พื้น
    หลังแม่กับพ่อแยกทางกัน เขาได้มาอยู่กับแม่ ผู้หญิงที่ไม่มีโอกาสได้เรียนหนังสือ แม่เป็นแม่ค้าหาบของขาย และเป็นกรรมกรตามไซด์งานก่อสร้างในตัวจังหวัด
    แม่เคยต้องย้ายตามไซด์งานเขาไปไกลๆ หลายเดือนถึงจะได้กลับมาบ้านที พร้อมกับหิ้วปลาตากแห้ง ปลาหวาน ปลาทูเค็ม และนำเงิน 200-300 บาท มาทิ้งไว้ให้ ซึ่งต้องใช้ให้พอสำหรับ 3 คนจนกว่าแม่จะกลับมาอีก
    ในวันแม่ที่โรงเรียน เด็กน้อยได้แต่ชะเง้อหาแต่เขาก็ผิดหวังเสมอและต้องได้ไหว้แม่ของเพื่อนทุกๆปี เพื่อนๆมีของเล่น ตามประสาเด็กก็อยากมีบ้าง แต่ไม่เคยมีครั้งใดเลยที่อ้อนวอนขอร้องแม่ได้สำเร็จ
    แม่ไม่เคยซื้อของเล่นให้ได้อวดเพื่อนเลยสักชิ้นเดียว และแม่มักจะบ่น-ติ-ด่า แถมด้วยไม่เรียวเกือบทุกครั้ง
    ในใจของเด็กน้อยเต็มไปด้วยเจ็บปวดกับความไม่มี จนเคยพูดกับตัวเองว่า มีเงินเมื่อไรจะซื้อมากองให้ท่วมหัวให้สะใจเลย
    จนกระทั่งเรียนจบ ม.3 ก็ขอแม่เรียนต่อ แม่บอกปฏิเสธเพราะไม่มีปัญญาส่ง การศึกษาในระบบโรงเรียนของเขาจึงสิ้นสุดลงนับแต่บัดนั้น พร้อมกับความอกหักซ้ำแล้วซ้ำเล่าจากแม่ แม้กระทั้งเรื่องขอเรียนต่อ
    จนในวันที่เด็กคนนั้นเติบใหญ่มาเป็นผมคนนี้ เป็นผู้ใหญ่ที่มีกิจการและธุรกิจของตัวเอง ได้เป็นนักธุรกิจเต็มตัว ด้วยความมุ่งมั่น ขยัน อดทน ก็พาชีวิตให้ประสบความสำเร็จในธุรกิจระดับนึง..
    หากแต่กลายเป็นว่าเมื่อใดก็ตามที่เห็นเงินในบัญชีสูงขึ้น ความขยัน มุ่งมั่นในตัวก็จะลดลง และจะมองหาแต่ช่องทางที่จะได้ใช้เงิน ทำทุกวิถีทางให้ได้ใช้เงิน ซื้อทุกอย่างที่ขวางหน้า มีแล้วก็จะซื้ออีกเพียง
    เพราะว่าอยากได้ อยากได้เยอะๆ ชอบซื้อของชิ้นใหญ่ๆ รถคันใหญ่ หลายๆคัน จะซื้อที่ดินก็ไม่เคยมองแปลงเล็กๆ ต้องใหญ่ๆ เยอะๆเท่านั้น นอกจากนั้นยังใช้เงินซื้อเพื่อน ซื้อการยอมรับ และจะรู้สึกสะใจทุกครั้งที่ได้ใช้เงิน
    วิถีนี้ยังถูกนำมาใช้กับความรักด้วย แม้ว่าจะมีคนที่เป็นตัวจริงอยู่แล้วก็ตาม แต่ก็ไม่วายที่จะขวานขวายหา เบอร์ 1 เบอร์ 2 เบอร์ 3 เพิ่มเรื่อยๆ
    ผมจมอยู่ในวงเวียนแบบนี้มาหลายปี ชีวิตขึ้นๆลงๆมาโดยตลอด เป็นปมที่ติดอยู่ในใจมาตลอดว่า ไม่มีใครที่รักเราจริงๆหรอก เขามาแค่เพราะผลประโยชน์จากเรา เดี๋ยเขาก็ไป พิสูจน์ความเชื่อตัวเองด้วยการอยากได้ใครก็หว่านผลประโยชน์ซึ่งคนเหล่านั้นก็ติดเบ็ดมาจริงๆ สมทบความเชื่อที่มีอยู่ในใจอยู่แล้วว่า "นั่นไง" จนวันนึงเงินสดเหลือติดบัญชีน้อยมากเพราะหมดไปกับการพิสูจน์ ชีวิตเริ่มติดขัด นอนไม่หลับ กินยากล่อมประสาทก่อนนอน เพราะเครียดทั้งเรื่องงานที่สะดุด ความสัมพันธ์กับคนรักเริ่มมีปัญหา
    จนในวันที่คิดได้ว่าถึงเวลาต้องเปลี่ยนแปลงอะไรในตัวเองซักอย่างแล้ว ขืนใช้ชีวิตแบบนี้ต่อไปคงไม่พ้นความฉิบหายแน่ จึงได้ตัดสินใจเข้าเรียนเข็มทิศฯ
    เกือบ 2 ปีแล้วที่ผมได้เจอครู ได้มาเป็นลูกศิษย์ครูอย่างเต็มตัว ทุกครั้งทุกคลาสที่ครูพาย้อนกลับไปดูเหตุการณ์ที่เคยสร้างความเจ็บปวดให้กับเด็กน้อยคนนั้น และครูให้ผมกลับไปมองอดีตด้วยความเข้าใจใหม่ มองด้วยมุมมองของคู่กรณีของเราทำให้เราเข้าใจว่า
    - พ่อกับแม่เขาแค่ไม่เข้าใจกัน มันก็เป็นเรื่องของเขา ปัญหาของเขา ไม่ใช่เรื่องของเรา
    - แม่ไม่ได้ทอดทิ้งเรา จริงๆแล้วแม่เชื่อมั่นว่าเราเป็นเด็กที่วิเศษและเก่งมากๆ แม่ถึงกล้าฝากยายและตาที่แม่รักมากให้เราดูแลแทน
    - แม่รู้ว่าวันข้างหน้าลูกแม่จะเติบโตไปเป็นคนที่ยิ่งใหญ่แม่จึงฝึกให้เราแข็งแกร่งตั้งแต่ยังเด็ก
    - แม่รักเรามากที่สุด แม่ยอมสละเวลาที่ควรจะได้อยู่กับลูก กับตากับยาย ไปทำงานที่เหนื่อย แบกหามทำงานแลกเงินวันล่ะ 70 บาทเพราะรักลูก รักตายาย ถ้าแม่อยู่กับบ้านพวกเราจะลำบากมากกว่านี้
    - ปลาตากแห้ง ปลาหวาน ปลาทูเค็ม ที่แม่หิ้วมาให้ คือสิ่งที่แม่คิดว่าเป็นอาหารดีที่สุดแล้วเท่าที่ความสามารถที่แม่จะหาให้ลูกได้
    ณ วันนี้ หลังคลาสเดอะซุปเปอร์มาสเตอร์ที่ล้ำลึก ผมเข้าใจถึงความรักที่แม่มีให้อย่างมากมาย ผมมีแฟนที่ดีอย่างมากมาย ผมเห็นความรักและเมตตาของเขาต่อผมในวันที่ผมร้ายกาจที่สุด
    ผมไม่มีความจำเป็นที่ต้องเรียกร้องความรัก ซื้อความรัก หรือพิสูจน์ความรักกับใครอีกแล้ว ผมเป็นที่รักมาโดยตลอด ผมไม่จำเป็นต้องมีคนหรือของจำนวนมากมายแต่ไร้ประโยชน์ ผมเหมาะสมกับของน้อยชิ้นแต่ให้ประโยชน์มหาศาล ผมเป็นที่รักของเพื่อน ผมเป็นที่รักของครู ผมเป็นที่รักของทุกๆคน
    นับแต่นี้ไปคือช่วงเวลาที่ผมจะตอบแทนแม่อันเป็นที่รักมากด้วยความกตัญญู
    ผมจะตอบแทนแฟนที่เคียงข้างกันมา 13 ปี ด้วยการดูแลกันและกัน ไม่วอกแวกอีก
    และผมจะตอบแทนครูอันเป็นที่รักของผมด้วยการไม่ดื้อ เชื่อฟัง นอบน้อมทำตามคำที่ครูสอนทุกประการโดยไม่ลังเลสงสัยครับ
    รักครูมากครับ
    Eddy
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  11. บ้องแบ้ว

    บ้องแบ้ว นางฟ้าผู้น่ารัก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    3,294
    กระทู้เรื่องเด่น:
    105
    ค่าพลัง:
    +5,301
    สิ่งที่เราเชื่อกำหนดชีวิตเรา เมื่อคนคนนึง มีความเชื่อด้านลบหรือ เกลียดอะไร ก็จะเกิดการกระทำที่ไม่เป็นคุณหรือหลีกหนีสิ่งนั้นโดยไม่รู้ตัว

    การที่คนคนนึงเกลียดตัวเองทำให้เราพาตัวเองไปสู่การหนีตัวเองไม่เผชิญหน้ากับตัวเองไม่ลงมือทำสิ่งที่ควรทำ หลีกเลี่ยงไปใช้เวลากับเรื่องฆ่าเวลาที่ไม่สร้างผลลัพธ์ที่ควรทำในชีวิต

    เช่นเล่นคอมพิวเตอร์มากเกินไป ช็อปปิ้งทั้งที่ไม่มีเงิน กินทั้งที่ไม่หิว เล่นการพนัน ดูทีวี ดื่มเหล้า เที่ยวหนักในระดับที่ทำร้ายชีวิตตัวเองหรือแม้กระทั่งการออกไปงานสังคมไปยุ่งเรื่องคนอื่น สะสางเรื่องคนอื่นเพื่อหลีกเลี่ยงการหันมามอง สิ่งที่ค้างคาในชีวิตตัวเองจนชีวิตหมดแรงหมดพลังลงไปทุกวัน

    พระอาทิตย์ขึ้นใหม่ทุกเช้าแม้บางวันเราจะมองไม่เห็นแต่ก็อยู่ตรงนั้นเสมอเหมือนสิ่งที่ดีที่สุดในตัวเราที่พอเจออะไรยากๆ บางคราวเราอาจลืมไปว่าเราเคยมีความสุขความสำเร็จ เคยเป็นยังไงตอนเป็นที่รัก แต่เราคนนั้นก็ยังอยู่เสมอ ในวันที่เหนื่อยจำให้ได้ว่าเราเคยเป็นเราที่ดีที่สุดยังไง แล้วลงมือเป็นเพราะชีวิตเป็นของเรา เราเลือกเองทุกวัน

    - เข็มทิศชีวิต ฐิตินาถ ณ พัทลุง - FB_IMG_1483963247028.jpg
     

แชร์หน้านี้

Loading...