วิเคราะห์สถานการณ์เภทภัยพุทธศาสนา

ถ้าจะถามคำถามนี้ คำตอบ ตอบไว้ล่วงหน้าแล้วอยู่ตรง ทุกข์ของพระอริยะแล้ว หน้าที่ ของผู้มีกิจที่ต้องทำ. ยกตัวอย่างเช่นการสังคายนาครั้งแรก พระอรหันต์หมื่นพัน ทำไมเลือก เพียง500 ท่าน มังกรน่ะมังกรอะไร? ถ้าไม่เข้าใจ ก็ไปไล่ลำดับพระอริยะต่างๆดูมีกี่ประเภท แต่ละแบบมีคุณสมบัติหน้าที่ความสามารถแตกต่างกันอย่างไร หน้าที่ คือทุกข์คือกิจที่ควรกำหนดรู้ ของพระอริยะ พระอรหันต์จึงมี4ประเภท จะเอาพระอลัชชี. มาสังคายนาพระไตรปิฏก. ได้ไหม ก็อย่างที่เห็นทำไปแล้ว ก็รับกรรมกันถ้วนหน้าไป เชิญปล่อยวาง. ผู้ที่โดดลงสนามรบนี้ ก็รับมรรคผลไป.

 

เห็นๆอยู่ว่ามีการทำลาย เฉพาะผู้ที่รู้เห็น ผู้ที่ไม่รู้เห็น เราจะไปทำอย่างไรกับเขาได้เราจนปัญญา. พุทธดำรัสตรัสทำนองนี้ ก็ทรงแสดงไว้อยู่ เปิดไว้ให้เห็น ก็เห็นแต่คนตาดี คนตาไม่ดี ใจก็บอด จะหวังพึ่งอะไรกับเขา

 

ผมว่าภัยตัวจริงของศาสนาคือจิตอวิชชา

จิตอวิชชามันปกครองทุกดวงจิตในฝั่งสมมุติ

มีอำนาจมาก ทำให้หมู่สัตว์เห็นกงจักรเป็นดวกบัว

หลอกสัตว์โลกให้หลงผิด ไปตามอำนาจมัน


คำสอนศาสนาพุทธ สอนทำลายจิตอวิชชาอาสวะ
มันจึงไม่ยอมให้คำสอนพระศาสดาดำรงอยู่นานๆ

มันจะกดดันดวงจิดชาวพุทธ ให้บิดเบืยนคำสอน
ไปโดยที่เจ้าของไม่รู้ตัว ยังเจ้าของให้เข้าใจว่า
ตัวเองกำลังปกป้องพระศาสนา

 

จ่าครับ ขออ้างอิงพุทธดำรัสนี้หน่อยครับ ผมหาไม่เจอ
ใช้ได้หลายกรณีเลยนะนี่

 

ภิกษุ ท.! โลกธรรม มีอยู่ในโลก. ตถาคต ย่อมตรัสรู้ ย่อมรู้พร้อมเฉพาะ ซึ่งโลกธรรมนั้น; ครั้นตรัสรู้แล้ว รู้พร้อมเฉพาะแล้ว ย่อมบอก ย่อมแสดง ย่อมบัญญัติ ย่อมตั้งขึ้นไว้ ย่อมเปิดเผย ย่อมจำแนกแจกแจง ย่อมทำให้เป็นเหมือนการหงายของที่คว่ำ.

ภิกษุ ท.! ก็อะไรเล่า เป็นโลกธรรมในโลก?

ภิกษุ ท.! รูป เป็นโลกธรรมในโลก. ตถาคต ย่อมตรัสรู้ ย่อมรู้พร้อมเฉพาะ ซึ่งรูปอันเป็นโลกธรรมนั้น; ครั้นตรัสรู้แล้ว รู้พร้อมเฉพาะแล้วย่อ...มบอก ย่อมแสดง ย่อมบัญญัติ ย่อมตั้งขึ้นไว้ ย่อมเปิดเผย ย่อมจำแนกแจกแจง ย่อมทำให้เป็นเหมือนการหงายของที่คว่ำ.

ภิกษุ ท.! บุคคลบางคน แม้เราตถาคตบอก แสดง บัญญัติ ตั้งขึ้นไว้เปิดเผย จำแนกแจกแจง ทำให้เป็นเหมือนการหงายของที่คว่ำ อยู่อย่างนี้ เขาก็ยังไม่รู้ไม่เห็น. ภิกษุ ท.! กะบุคคลที่เป็นพาล เป็นปุถุชน คนมืด คนไม่มีจักษุคนไม่รู้ไม่เห็น เช่นนี้ เราจะกระทำอะไรกะเขาได้.

(ในกรณีแห่ง เวทนา, สัญญา, สังขาร และวิญญาณ ก็ได้ตรัสไว้ด้วยถ้อยคำที่มีหลักเกณฑ์ในการตรัส อย่างเดียวกันกับในกรณีแห่งรูปที่กล่าวแล้วนั้นทุกประการ)

ภิกษุ ท.! เปรียบเหมือน ดอกอุบล หรือดอกปทุม หรือดอกบัวบุณฑริกก็ดี เกิดแล้วเจริญแล้วในน้ำ พ้นจากน้ำแล้วดำรงอยู่ได้โดยไม่เปื้อนน้ำ, ฉันใด; ภิกษุ ท.! ตถาคตก็ฉันนั้นเหมือนกัน เกิดแล้วเจริญแล้ว ในโลกครอบงำโลกแล้วอยู่อย่างไม่แปดเปื้อนด้วยโลก.

 

ลองหาชมคลิปพระคึก ซัก ๕ คลิปก็พอรู้แล้วว่า
พิลึกพิลั่นไม่แพ้พระเกษม( บังคับสึกแล้ว )และ
พระโยธรรมกาย ( กำลังไล่ล่าหนีคดีอยู่ )แต่ล้ำกว่า
คือมีการตลาดหลายชั้น ( Multi- level Marketing )
ทำการจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์อุปโภคบริโภคภายใต้
แบรนด์พุทธวจน
ผลิตภัณฑ์ของวัดนาป่าพง คือ สินค้าอุปโภคบริโภค
ส่วนผลิตภัณฑ์ของวัดธรรมกาย คือ บุญและความ
ร่ำรวย
หาดูคลิปพอจ.คึกฤทธิ์ แค่ 5 คลิปจะร้องว่า...อ้อ
ยังงี้นี่เอง