สถานที่ปลอดภัย ในยามเกิดภัยพิบัติ

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย ลุงคนเชียงใหม่, 20 ธันวาคม 2006.

  1. ลุงคนเชียงใหม่

    ลุงคนเชียงใหม่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    139
    ค่าพลัง:
    +2,521
    คนบ่าหันต๋ายจะก๋ายเป่นผีบ้า ป่าเฮ้วป่าช้าบะปอฝังผี คนดีจะมีในป่า คนใจ๋บาปหยาบจ้าจะไปฆ่ากั๋นในเวียง
    แปล "คนที่ไม่เห็นหรือรู้จักความตายจะเป็นบ้า(รับไม่ได้กับความตาย)ป่าช้าจะไม่มีที่พอกลบฝังศพ คนดีมีอยู่ในป่า คนที่โลภทรัพย์สินหรือคนบาปจะเข้าไปฆ่ากันในเมือง(คงแย่งสมบัติกัน)"

    "**คนที่ไม่เห็นหรือรู้จักความตายจะเป็นบ้า***ถ้าท่านเป้นคนหนึ่งที่ยังมีน้ำตาเสียใจคร่ำครวญกับความตายของญาติหรือคนที่รักของท่านแสดงว่าท่านไม่รู้จักความตายว่าเป็นสัจจธรรม วันที่เกิดเหตุการณ์ ท่านจะรับไม่ได้กับความสูญเสีย ลองสมมุติภาพนะว่าทั้งบ้านพ่อแม่พี่น้องตายหมดเหลือเพียงท่านคนเดียว ท่านจะอุเบกขากับเหตุการณ์นั้นได้หรือไม่ ถ้ายังไม่ได้(ต้องอย่างรวดเร็วด้วยนะ)
    ท่านอาจกลายเป็นหนึ่งในจำนวนนั้น
    ***ป่าช้าจะไม่มีที่พอกลบฝังศพ ***คงบรรยายภาพจำนวนคนที่ต้องจากเราไปนะว่าจำนวนเท่าใด
    ***คนดีมีอยู่ในป่า คนที่โลภทรัพย์สินหรือคนบาปจะเข้าไปฆ่ากันในเมือง***
    คนที่ยังอยู่ในพื้นที่ที่ประสพภัยพิบัติอย่างรุนแรง คือ
    1.คนที่ยังติดโลภ ติดหลง กับทรัพย์สมบัติ กับชีวิตของผู้จากไป ทำให้ไม่จากไปใหน
    2.คนที่ทั้งชีวิตเป็นเด็กในเมือง ไม่มีตลาดไม่เคยรู้ว่า จะไปหาอะไรกินได้จากใหน
    นึกไม่ออกว่าจะมีชีวิตอยู่ต่อไปอย่างไรถ้าไม่มีตลาด เขาก็จะไปแก่งแย่งเข่นฆ่ากันตามซากซุเปอร์มาร์เกตทั้งหลาย
    รวมทั้งคนที่ไม่ได้เตรียมตัว+เตรียมใจ+ไม่เชื่อว่าจะเกิดเหตุการณ์+ไม่มีแผนอะไรไว้ในใจ ที่จะออกจากพื้นที่ ที่เป็นปัญหา
    ****ผัวเมียจะไม่ถือว่าเป็นผัวเมียกัน ลูกจะเที่ยวขุดพื้นดินหาพ่อของตัวเอง หมอรักษาโรคแทบจะไม่ได้นอน****ภาพต่างคนต่างเอาตัวรอด คนที่แต่งงานกันเพราะความอยากในกาม ก็จะทิ้งกันเอาตัวรอด ภาพของเด็กที่ไปคุ้ย ซากปรักหักพังเพื่อหาศพพ่อแม่ ท่ามกลางเสียงร้องไห้กระจองอแงเศร้าโศรกเสียใจ ภาพหมอที่ต้องรักษาคนที่บาดเจ็บจนแทบจะไม่ได้นอนคงพอเห็นภาพอะไรนะ****
    ***************************************************
    ""แร้งกาบินว่อนเต็มเมืองจนวันที่มีเสียงเหมือนฟ้าแตก ที่บนดอยจะทลายลงเป็นที่ราบ ที่ราบจะหายไปจนไม่มีที่ยืน คนนับหมื่นจะพากันตาย เช้าขึ้นมาผู้คนพากันกลัวจนหวาดผวา ได้ยินเสียงเท่าหมาตด ก็กลัวจนต้องก้มลงกราบขอชีวิต"
    และบทสุดท้ายก็คือ
    แร้งกาจะบินว่อนเต็มเมือง หมายถึงมีศพมามายจนคนที่เหลือไม่มีกำลังพอที่จะกลบฝัง
    แล้วก็มีเสียงดังเหมือนฟ้าแตก **ลุงไม่แน่ใจว่าจะดังขนาดไหน แต่พระอาจารย์ว่าคนที่ไม่สามารถแยกจิตออกจากกาย หลังจากวันนั้นเขาจะไม่ได้ยินเสียงอะไรอีกเลย(คงแก้วหูแตก)**พื้นที่ๆเป็นภูเขาจะกลายเป็นที่ราบ พื้นที่ราบจะหายไปจนไม่มีที่ยืน*** อันนี้ลุงเดาเอาเองนะไม่ได้ถาม ถ้าน้ำท่วมที่ราบหมด พื้นที่เราเห็นว่าสูงๆก็จะเป็นที่ราบไปเอง หรือไม่ก็ทรุดลงไปจริงๆ
    ***คนนับหมื่นจะพากันตาย เช้าขึ้นมาผู้คนพากันกลัวจนหวาดผวา ได้ยินเสียงเท่าหมาตด ก็กลัวจนต้องก้มลงกราบขอชีวิต"***
    คนตายจำนวนมาก คนที่เหลืออยู่ก็อยู่ในภาวะหวาดกลัว จนเปรียบเทียบว่าเสียงดังเท่าหมาตดก็ก้มลงกราบขอชีวิต**ดังแค่ใหนไม่ทราบเพราะลุงก็ยังไม่เคยได้ยินหมาตดเลยในชีวิต**
    **************************************************
    ข้อความทั้งหมดที่ลุงคัดลอกมาจากบันทึกที่ลุงได้มีโอกาสไปปฏิบัติธรรมและบวชอยู่ช่วงหนึ่ง เมื่อแยกกายจิตได้ พระอาจารย์ท่านก็เมตตา เล่าให้ฟัง
    เรื่องราวเหล่านี้พระอาจารย์จำนวนมากทราบแต่ ติดที่ศิลของท่านที่ไม่สามารถเล่าเรื่อง
    ให้อนุสัมปัน(คนที่มีศิลต่ำกว่าฟังได้)
    และท่านอาจารย์ยังย้ำนะว่าให้ไปฝึกจิตให้เลื่อนระดับสูงขึ้นไป
    เพราะหลังจากเหตุการร์เกิดขึ้น ในโลกของอสุร ก็จะเต็มไปด้วยอสุรที่เกิดใหม่ ไม่มีอาหารเพียงพอในโลกนั้น ก็จะเข้ามาเบียดเบียนมนุษย์
    ซึ่งจำเป็นต้องอาศัยคนที่มีจิตสูงเข้าไปช่วยเหลือ รวมทั้งทำทานอาหารให้สรรพสัตว์ในภพภูมินี้
    ได้อยู่อย่างสงบด้วย หมายถึงโลกจะสงบจากการเข้ามาเบียดเบียนของอสุระกายต่างๆหมายถึงต้องมีผู้รอดที่มีความพร้อมในการทำทาน แผ่ส่วนกุศลแบบไม่มีประมาณให้สรรพสัตว์เหล่านี้ด้วย

    ***************************************************
    เสียดายที่ไม่มีโอกาสพบเจอกับหลายคนที่ขึ้นมาเชียงใหม่ในขณะที่ลุงเดินทางมาที่อิสาน
    เพื่อกราบมนัสการพระอารย์ที่เคารพนับถือ ตอนนี้ส่งครูบาข้ามไปฝั่งลาวเรียบร้อยแล้ว
    ข้อมูลที่สูงกว่านี้ลุงคงต้องรอครูบากลับมาจากลาว**ไม่แน่ใจว่าเมื่อไหร่**
    แล้วจะขอท่านเมตตา
     
  2. pinkrosepaper

    pinkrosepaper เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2005
    โพสต์:
    49
    ค่าพลัง:
    +104
    ขอบคุณมากครับสำหรับคำตอบ แล้วมีข้อสงสัยอีกเรื่องนะครับ เคยได้ยินมาว่า พอถึงเวลานั้น พระศรีอารยเมตรไตร จะลงมาโปรด หลังจากภัยพิบัติสงบแล้ว มีข้อมูลหลายแหล่งบอกมาว่า ตอนนี้ท่านได้ลงมาจุติบนโลกมนุษย์แล้ว เท็จจริงอย่างไร รบกวนผู้รู้ หรือ ผู้มีประสบการณ์เกี่ยวกับเรื่องนี้มาช่วยบอกเล่าหน่อยนะครับ และมีอีกเรื่องหนึ่งที่ว่า พอถึงวันที่ภัยพิบัติเกิดขึ้นภูเขาบริเวณเมืองเชียงใหม่ หรือ รอบนอก ที่ไหนซักแห่งจะทรุดตัวลงและจะมีเพชรนิลจินดา ทองคำ และแร่อัญมณีที่มีค่า จะโผล่ขึ้นมาจากพื้นพิภพ และผู้คนจากทั่วทุกสารทิศจะหลั่งไหลเข้ามา รวมทั้งกองทัพจากต่างประเทศด้วย ต่างฆ่าฟันกันเพื่อที่จะได้ครอบครองอัญมณีที่มีค่าเหล่านั้น เลือดจะหลั่งนองท่วมเมือง
    ใครที่พอได้ยินเรื่องมาเหมือนกับผมบ้างช่วยมาบอกเล่าสู่กันฟังหน่อย หรือท่านผู้รู้ท่านใดที่มีข้อมูลเพิ่มเติม ช่วยมาบอกกล่าวเพื่อเป็นวิทยาทานหน่อยนะครับ
    ขอบคุณมากครับ
     
  3. Khunkik

    Khunkik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กันยายน 2006
    โพสต์:
    2,150
    ค่าพลัง:
    +18,072
    คุณลุงคนเชียงใหม่

    แบบบ้านเท่าที่ทราบว่าสำหรับรับมือแผ่นดินไหวนั้น ฐานรากจะต้องทำเป็นลักษณะบ่อน้ำแล้วค่อยสร้างบนบ่อน้ำ เพราะเมื่อเกิดแผ่นดินไหว โครงสร้างจะไม่แตกร้าวเพราะมีน้ำช่วยอุ้มอยู่ และดินจะเข้าไปแทนที่น้ำใต้บ้านทำให้บ้านไม่ทรุด หรือ ร้าว ลักษณะเหมือนมีฟองน้ำอุ้มอยู่ เดี๋ยวหาข้อมูลให้แล้วจะส่ง PM ไปให้นะจ๊ะ

    อ้อ เดี๋ยวจะส่งข้อมูลการสร้างบ้านดินแบบละเอียดยิบไปให้ด้วย ค่ะ

    สำหรับโครงการชุมชนที่ลุงจะทำน่าสนใจมากๆ จ้า มีอะไรให้ช่วยก็บอกได้เลยนะคะ พร้อมซำเหมอ

    สู้...สู้..สู้ตาย..
     
  4. Khunkik

    Khunkik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กันยายน 2006
    โพสต์:
    2,150
    ค่าพลัง:
    +18,072
    บ้านดิน

    แม่พุต ขวัญงอน อายุ 45 ปี อาชีพทำนา รับจ้างทั่วไป เจ้าของบ้านดิน อ.หนองบัวแดง จ.ชัยภูมิ
    แม่พุตเล่าว่าได้อยู่อาศัยในหมู่บ้านมาเป็นเวลาประมาณ 10 กว่าปีแล้ว จนกระทั่งลูกๆ โตส่วนใหญ่ก็ย้ายเข้าไปทำงานอยู่ต่างจังหวัดที่มีตลาดแรงงานรองรับ
    ส่วนตนและสามีคือพ่ออ่าง ได้อยู่ที่นี่และทำมาหากินในผืนดินแห่งนี้ไม่คิดจะย้ายไปไหนแล้ว หลังจากที่ได้มีโอกาสไปดูบ้านดินที่ชุมชนมั่นยืน
    เมื่อกลับมาจึงได้ปรึกษากับพ่ออ่างว่าอยากจะทำบ้านดิน เมื่อพ่ออ่างเห็นด้วย อิฐก้อนแรกของบ้านนี้ก็เกิดขึ้น
    “บ้านเก่าเป็นไม้และฝาบ้านบางด้านก็ใช้สังกะสี ซึ่งมันผุหมดแล้ว ต้องซ่อมบ่อยๆ เพราะไม้ไม่ดี และมีปัญหาเรื่องมด ปลวก มีงูด้วย
    เพราะบ้านไม่มิดชิด พอไปเห็นบ้านดินแล้วจึงอยากทำ มันดูมิดชิดดีคงจะช่วยกันสัตว์จากภายนอกได้ดีกว่าบ้านเก่า และอากาศในบ้านดินก็เย็นกว่า
    อย่างตอนที่ขึ้นไปมั่นยืนเหงื่อนี้เต็มเลย พอเข้าไปบ้านดินเท่านั้น รู้สึกเย็นขึ้น เย็นจนอยากจะนอน”
    แม่พุตแบ่งปันกับเราว่า พอได้ซักถามถึงส่วนผสมและวิธีการทำทุกขึ้นตอนจากคนในชุมชนมั่นยืนแล้ว การตกแต่งบ้าน เตียงก็ทำเองได้ อยากจะทำรูปแบบไหนก็ได้ พอได้เอามือลูบดูก็เย็นและเนียนดีด้วย “รู้สึกว่าบ้านดินอาจจะช่วยให้ดีต่อร่างกาย เพราะฉันเองเป็นโรคภูมิแพ้ด้วย
    บ้านดินไม่มีส่วนผสมของสารเคมี น่าจะเป็นอันตรายน้อยกว่าบ้านปูน”

    ส่วนพ่ออ่าง ได้บอกว่า
    “ทึ่งที่ทำบ้านเองได้ ไม่คิดว่าเราจะทำกันได้ ส่วนใหญ่ในการทำอิฐจะใช้รถไถพรวนดิน ผสมดิน และก็แช่ไว้ก่อน จึงใช้รถย่ำแทนทุ่นแรงงานคน
    เพราะแรงงานน้อย ตอนนี้ตนทำอิฐได้ทั้งหมด 1,300 ก้อนแล้ว ปลายปีก่อนทำไว้ 500 ก้อน ก็มีแรงคนประมาณเกือบสิบคนที่ผลัดเปลี่ยนช่วยกันทำใน 4-5 ครอบครัว”
    พ่ออ่างบอกว่าจะรื้อไม่จากบ้านเก่ามาทำเป็นประตู หน้าต่าง เพราะไม่ต้องไปซื้อ “ค่าใช้จ่ายที่เสียไปก็มีเฉพาะค่าเติมน้ำมันรถไถ
    ถ้าไปเปรียบเทียบกับบ้านปูนคงเสียเงินเป็นแสนแล้ว และถ้าไปกู้เงินก็คงไม่มีแรงหาเงินมาคืนเค้า” ระยะเวลาในการทำฐานรากประมาณ 2 วันช่วงก่อบ้านอีกประมาณ 4 วัน
    แรงงาน 5-6 คน ส่วนการทำหลังคาหลังจากที่ก่อบ้านเสร็จพ่ออ่างเพิ่มเติมว่า
    “อยากทำหลังคามุงสังกะสี แต่ยังมีเงินไม่พอก็คงจะทำหลังคามุงจากไปก่อน เพราะไม่อยากยืมแม่พุต ขวัญงอน อายุ 45 ปี อาชีพทำนา รับจ้างทั่วไป
    แม่พุตเล่าว่าได้อยู่อาศัยในหมู่บ้านมาเป็นเวลาประมาณ 10 กว่าปีแล้ว จนกระทั่งลูกๆ โตส่วนใหญ่ก็ย้ายเข้าไปทำงานอยู่ต่างจังหวัดที่มีตลาดแรงงานรองรับ
    ส่วนตนและสามีคือพ่ออ่าง ได้อยู่ที่นี่และทำมาหากินในผืนดินแห่งนี้ไม่คิดจะย้ายไปไหนแล้ว หลังจากที่ได้มีโอกาสไปดูบ้านดินที่ชุมชนมั่นยืน
    เมื่อกลับมาจึงได้ปรึกษากับพ่ออ่างว่าอยากจะทำบ้านดิน เมื่อพ่ออ่างเห็นด้วย อิฐก้อนแรกของบ้านนี้ก็เกิดขึ้น
    “บ้านเก่าเป็นไม้และฝาบ้านบางด้านก็ใช้สังกะสี ซึ่งมันผุหมดแล้ว ต้องซ่อมบ่อยๆ เพราะไม้ไม่ดี และมีปัญหาเรื่องมด ปลวก มีงูด้วย
    เพราะบ้านไม่มิดชิด พอไปเห็นบ้านดินแล้วจึงอยากทำ มันดูมิดชิดดีคงจะช่วยกันสัตว์จากภายนอกได้ดีกว่าบ้านเก่า และอากาศในบ้านดินก็เย็นกว่า
    อย่างตอนที่ขึ้นไปมั่นยืนเหงื่อนี้เต็มเลย พอเข้าไปบ้านดินเท่านั้น รู้สึกเย็นขึ้น เย็นจนอยากจะนอน”
    แม่พุตแบ่งปันกับเราว่า พอได้ซักถามถึงส่วนผสมและวิธีการทำทุกขึ้นตอนจากคนในชุมชนมั่นยืนแล้ว การตกแต่งบ้าน เตียงก็ทำเองได้ อยากจะทำรูปแบบไหนก็ได้ พอได้เอามือลูบดูก็เย็นและเนียนดีด้วย “รู้สึกว่าบ้านดินอาจจะช่วยให้ดีต่อร่างกาย เพราะฉันเองเป็นโรคภูมิแพ้ด้วย
    บ้านดินไม่มีส่วนผสมของสารเคมี น่าจะเป็นอันตรายน้อยกว่าบ้านปูน”

    ส่วนพ่ออ่าง ได้บอกว่า
    “ทึ่งที่ทำบ้านเองได้ ไม่คิดว่าเราจะทำกันได้ ส่วนใหญ่ในการทำอิฐจะใช้รถไถพรวนดิน ผสมดิน และก็แช่ไว้ก่อน จึงใช้รถย่ำแทนทุ่นแรงงานคน
    เพราะแรงงานน้อย ตอนนี้ตนทำอิฐได้ทั้งหมด 1,300 ก้อนแล้ว ปลายปีก่อนทำไว้ 500 ก้อน ก็มีแรงคนประมาณเกือบสิบคนที่ผลัดเปลี่ยนช่วยกันทำใน 4-5 ครอบครัว”
    พ่ออ่างบอกว่าจะรื้อไม่จากบ้านเก่ามาทำเป็นประตู หน้าต่าง เพราะไม่ต้องไปซื้อ “ค่าใช้จ่ายที่เสียไปก็มีเฉพาะค่าเติมน้ำมันรถไถ
    ถ้าไปเปรียบเทียบกับบ้านปูนคงเสียเงินเป็นแสนแล้ว และถ้าไปกู้เงินก็คงไม่มีแรงหาเงินมาคืนเค้า” ระยะเวลาในการทำฐานรากประมาณ 2 วันช่วงก่อบ้านอีกประมาณ 4 วัน
    แรงงาน 5-6 คน ส่วนการทำหลังคาหลังจากที่ก่อบ้านเสร็จพ่ออ่างเพิ่มเติมว่า
    “อยากทำหลังคามุงสังกะสี แต่ยังมีเงินไม่พอก็คงจะทำหลังคามุงจากไปก่อน เพราะไม่อยากยืมเงิน ไม่อยากเป็นหนี้ คงต้องรอดูอีกที
    ที่ทำบ้านก็อยากจะทำให้ลูกให้หลานอยู่ อยากให้คนอื่นเห็นบ้านดิน ตอนนี้คงต้องรอการพิสูจน์ ผมเองมั่นใจว่าบ้านดินคงทนแน่นอน ”เงิน ไม่อยากเป็นหนี้ คงต้องรอดูอีกที
    ที่ทำบ้านก็อยากจะทำให้ลูกให้หลานอยู่ อยากให้คนอื่นเห็นบ้านดิน ตอนนี้คงต้องรอการพิสูจน์ ผมเองมั่นใจว่าบ้านดินคงทนแน่นอน ”


    ข้อมูลเพิ่มเติมดูได้ที่ :
    www.baandin.org
    www.baandin.com
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 ธันวาคม 2006
  5. ลุงคนเชียงใหม่

    ลุงคนเชียงใหม่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    139
    ค่าพลัง:
    +2,521
    ช่วงนี้อยู่ในระหว่างการขอเช่าพื้นที่จากกรมป่าไม้
    ใครรู้จักคนในกรมป่าไม้และอุทยานบ้าง
    ส่วนในการเตรียมการด้านอื่น ลุงได้เตรียมการพอสมควรแล้ว
    คาดว่าจำทำชุมชนที่มี sizeใกล้เคียงกับหมู่บ้านญี่ปุ่นคือ
    ประมาณ 20 หลังคาเรือน เพราะใหญ่กว่านี้คงบริหารจัดการยาก

    แต่ลุงชักชวน ให้เกิดชุมชนขนาดเล็กๆอย่างนี้ในพื้นที่ใกล้ ปลอดภัย(น่าจะใช้คำว่าได้รับอันตรายน้อยนะ เพราะทุกที่โดนหมด)มาอยู่ไกล้เคียงกัน เพื่อจะได้เป็นกลุ่มบ้านที่พึ่งพาอาศัยกันในระยะต่อไป
    มีการเตรียมการและโครงสร้างคล้ายๆกัน

    ในกลุ่มของลุงเอง มีการประมาณการกันในกลุ่มเบื้องต้นเรื่องการจัดสร้าง
    บ้านพักที่แข็งแรงพอ (ที่จะทนกับแผ่นดินไหว ทนกับการตกกระทบจากท้องฟ้าโดยวัตถุอะไรก็ตามความหนาวเย็น ลมแรง ฝนตกหนัก หรือแม้แต่การรุกรานจากคนนอกชุมชน(จุดนี้สำคัญถึงต้องอยู่กันเป็นกลุ่มบ้าน )และมีอาหาร น้ำดื่มเพียงพอในช่วงวิกฤติ ได้ประมาณอย่างน้อย 1 เดือน
    มี3แบบคือ
    1.บ้านโครงสร้างเหล็กทั้งหมด( ไม่มีการเชื่อมอ๊อก ใช้เจาะร้อยน๊อต หลังคาแผ่นเหล็กโค้ง โครงสร้างหลังคาเหล็กเจาะร้อยน๊อต) ขนาด 4 คน แบบนี้แพงหน่อย และลุงดูแล้วไม่น่าอยู่เลย
    2.บ้านโครงสร้างไม้ หลังคาสังกะสีหนา ขนาด 2 คน แบบนี้น่าอยู่หน่อยราคาไม่แพงมาก
    แต่ต้องรวมกันหลายๆหลังเพื่อจะได้มีกำลังช่วยกันจากภัยมนุษย์(บ้าคลั่ง) แต่เป็นห่วงเรื่องไม่ทนไฟ
    3.แบบผสม ห้องนอนโครงเหล็ก+หลังคาแผ่นเหล็กโค้ง พื้นที่ใช้สอยอื่นเป็นไม้ประกอบ(ไม้ไผ่เป็นหลัก)แบบนี้พอดี แพงขึ้นหน่อย แต่ก็อุ่นใจเรื่องการพังทลายทั้งหมด
    ที่ต้องคิด หลายแบบเพราะให้ไม่มีขีดจำกัดเรื่องเงินทุนของแต่ละคน
    ซึ่งแบบบ้านทั้งหมดกำลังอยู่ในช่วงของการทดสอบความทนต่อแรงบิด เค้นต่างๆ อันนี้ลุงไม่ค่อยเข้าใจมากเพราะมีเพื่อนของลุงที่เป็นวิศวกรแก่ๆ เขาทำอยู่

    เรื่องพูดคุยกันนั้นคงหลังจากที่ลุงกลับจากอีสานแล้วค่อยว่ากันนะ
    ปรกติลุงไปวัดปฏิบัติธรรมอยู่ 3 ที่ คือ วัดป่าหมู่ใหม่ วัดป่าอรัญวิเวก และก็วัดป่าดาราภิรมย์
    พระอาจารย์ที่เคารพนับถือมาก อยู่ที่เชียงรายตอนนี้ท่านไปอิสาน(ข้ามไปฝั่งลาวแล้ว)
    แต่ลุงแนะนำว่าควรจะมีการจับกลุ่มกันในกลุ่มที่รู้จักเข้าใจกันอยู่เดิม
    เพราะไม่ต้องเริ่มเรียนรู้กันใหม่ ทั้งทางโลกและทางธรรม
    จากนั้นมาเลือกที่จัดตั้งชุมชนขึ้นมา และควรหากลุ่มที่มีความหลากหลาย
    ที่จะช่วยกันในกลุ่มชุมชนได้ จากนั้นค่อยเชื่อมโยงกันระหว่างกลุ่มชุมชน
    ........................................................................
    ลุงชักชวนให้กลับมาใช้วิทยุสื่อสารกันใหม่นะ
    เพราะในยามที่พลังงานมีน้อยและมีขีดจำกัดแล้ว อุปกรณ์สื่อสาร
    ที่ดีที่สุดน่าจะเป็นวิทยุสื่อสาร เหมือนตอนเกิดสึนามิ ที่ระบบอื่นๆล่มหมด

    ขอบคุณ คำแนะนำเรื่องการจัดตั้งหมู่บ้านทั้งหลายที่ส่งผ่านอีเมลล์ของลุงจำนวนมาก
    ตอนนี้ลุงคิดว่าถ้ามีปัญหาเรื่องที่ดิน

    ลุงเคยนิมนต์พระอาจารย์เรื่องการจัดตั้งชุมชนพุทธ หรือสำนักสงฆ์ขนาดใหญ่
    ที่พวกเราก็กลายไปเป็นญาติโยมในสำนักสงฆ์กันโดยปริยาย ซึ่งการจัดการเบื้องต้นไม่ยากนัก
    แบบบ้านในส่วนของฆาราวาสก็ทำเป็นคล้ายกุฎิ
    เอาไว้ได้ข้อสรุปอย่างไรแล้วจะมาส่งข่าวเรื่อยๆ

    มีชุมชนหนึ่งน่าสนใจนะ คือที่บ้านผาแด่น อำเภอแม่แตง
    ที่หลวงปู่ชอบท่านจำพรรษาอยู่ที่นี่นานหลายปีมาก เคยมีญาติโยมที่อยู่ที่นั่นเล่าให้ฟัง
    ก่อนท่านจะกลับไปจำพรรษาปฏิบัติธรรมอยู่ที่อิสาน ในช่วงท้ายก่อนจะมรณภาพ ที่คนเฒ่าคนแก่เล่าให้ฟังว่าจะตามไปอยู่ด้วย ก็ได้รับการห้าม และเตือนให้อยู่กันที่นี่ดีแล้ว
    "อยู่กันที่นี้ดีแล้ว จักได้อยู่กันเช่นลูกเช่นหลาน
    หากินกันไม่สบายหน่อย แต่ต่อไปจะไม่ลำบากเหมือนที่อื่นเขา"
    ส่งสัญญานอะไรหรือเปล่าลุงไม่แน่ใจ
    ส่วนใหญ่เป็นคนกะเหรี่ยง และคนอีสาน(ที่ตามหลวงปู่ชอบมาสมัยโน้น) ชุมชนน่ารักครับ
    ห่างจากตัวเมืองเชียงใหม่ประมาณ 40 กิโลเมตร ห่างจากจุดที่ลุงวางจุดตั้งชุมชนไปทางเหนือประมาณ10กว่ากิโลเมตร (เดินผ่านทางบนภูเขา ประมาณ 2 ชั่วโมง)
    เข้าไปเเป็นส่วนหนึ่งของชุมชน ก้เป็นทางเลือกที่ดีนะครับ แต่ชุมชนใหญ่ประมาณ 100หลังคาเรือน
    อุณภูมิในหมู่บ้านตอนนี้ตอนเช้า(เทียบกับปีที่แล้วที่ลุงไปปฏิบัติธรรมน่าจะประมาณ ไม่เกิน10องศา)

    ใครที่สนใจจะมาอยู่ร่วมชุมชนกับลุง
    ส่งเบอร์โทร ที่ติดต่อได้มาให้ลุงด้วยเมื่อลุงประสานเรื่องพื้นที่ได้แล้ว
    จะติดต่อกลับไปครับ เตรียมไว้แล้ว 2 พื้นที่ครับ
    คือในรูปแบบชุมชนหมู่บ้านและแบบชุมชนบริวารของสำนักสงฆ์ครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 ธันวาคม 2006
  6. *44*

    *44* เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    528
    ค่าพลัง:
    +1,808
    คุณลุงคนเชียงใหม่คะ หนูขอบคุณเรื่องดี ๆ ที่คุณลุงได้นำมาเผยแผ่ ให้ทราบด้วยคะ
    หนูเป็นผู้หญิง ไม่มีความสามารถอะไร คงต้องปล่อยไปตามกรรม ถ้ากรรมดีมีหนูคงรอด
    ถ้ากรรมชั่ว มากกว่ากรรมดี หนูคงตาย
     
  7. อยากรู้ไปโม๊ด

    อยากรู้ไปโม๊ด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    24
    ค่าพลัง:
    +183
    ขอเป็นกำลังใจให้ลุงคนเชียงใหม่และทุกท่าน
    ที่ปรารถนาดีต่อมวลมนุษย์ค่ะ
    พร้อมที่จะช่วยนะคะถ้ามีความสามารถพอที่จะช่วยได้
     
  8. Falkman

    Falkman พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    19,726
    ค่าพลัง:
    +77,791

    *******************
    ส่วนใหญ่พอเอ่ยชื่อ ต้องตกตะลึง ที่เจ้าของบริษัทใหญ่ๆมารวมกันที่นี่
    นักวิทยาศาสตร์ ชั้นยอดเกี่ยวกับนาโนเทคโนโลยี่ขอญี่ปุ่น
    ใช้เวลาปีละกว่า 5-6 เดือนอยู่ที่นี่
    *******************
    เป็นไปได้หรือไม่ที่พวกนี้มาเพื่อเป็นทำการอะไรบางอย่าง หรือเตรียมการอพยพ ผู้คนจำนวนมากมาในอนาคต เพราะคิดว่าเกาะญี่ปุ่นอาจไม่ปลอดภัย
     
  9. ลุงคนเชียงใหม่

    ลุงคนเชียงใหม่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    139
    ค่าพลัง:
    +2,521
    ลุงยังอยูที่จังหวัดหนองคาย ปฏิบัติธรรมอยู่ที่นี่สบายใจ
    หลังปีใหม่คงกลับขึ้นไปเชียงใหม่

    ********************************
    เล่าให้คุณเทพฟังคงไม่ได้เป็นแหล่งที่จะทำให้ร่ำรวยนะ
    ภาพชุมชนที่เกิดขึ้นใหม่ที่ออกแบบไว้นั้น
    ในเบื้องต้นคงป็นพื้นที่บนเขาไม่สูงมากที่มีพื้นที่
    ประมาณ 300ไร่ ต่อ 20ครอบครัว(ถ้าเขาอนุมัตินะหรืออาจะมากหรือน้อยกว่านี้นิดหน่อย)
    ก็หมายถึง ครอบครัวหนึ่งจะมีพื้นที่สำหรับทำกินและเป็นแหล่งสร้าง
    จุดสะสมอาหารไว้ในพื้นที่ประมาณ 15 ไร่ โดยไม่เข้าไปตัดทำลายนะ
    โดยพื้นฐานแล้วก็คงต้องแบ่งเป็น2 ช่วงเตรียมความพร้อมคือ

    ช่วงที่ 1 ในช่วงก่อตั้งต่างครอบครัวคงต้องมองหาอาชีพรายได้ที่จะมา
    จุนเจือสังขารก่อน และยังไม่เคลื่อนเข้าชุมชนอย่างเต็มเวลา แต่ต้องเข้า
    ไปเตรียมสรรพอาหาร สมุนไพร และอะไรๆจำนวนมากในพื้นที่
    ในระยะยาว คงเป็นลักษณะชุมชนวิถีพุทธ ที่ให้บริการท่องเที่ยว
    แก่นักท่องเที่ยวที่เข้ามาฝึกปฏิบัติทางจิต ธรรมชาติ สปา
    และการผลิตสินค้าประเภทอาหารปลอดสารพิษ (ส่วนหนึ่งเตรียมไว้เพื่อเป็นอาหารสำรองสำหรับชุมชน)

    2.ในส่วนของการดูแลชุมชนน่าจะมีการจัดตั้งเป็นบริษัท(ในเมืองก่อน)ประกอบการต่างๆ ที่สามารถ
    ระดมความสามารถที่แท้จริง ลุงมีภาพชุมชนที่ขอยกตัวอย่างชุมชนในทะเลทรายของอินเดียที่เป็นบริษัทผลิตSolf ware ที่เล็กแต่มีประสิทธิภาพระดับแนวหน้าของโลก
    แต่ที่ลุงสนใจคือ ชุมชนพึ่งตนเองของอิสราเอล ที่ผลิตอุปกรณ์ปีนเขา/อุปกรณ์ช่วยชีวิตชนิดพกพา
    ชุดอาหารแห้งแบบพกพาสำหรับทหาร ที่เก็บไว้ได้นานร่วม 2 ปี
    อุปกรณ์สำหรับcamping มีด สินค้าเน้นคุณภาพเกรดสูงผลิตในชุมชนทะเลทราย
    เป็นสินค้าหลัก และส่งออกไปทั่วโลก ทั้งหมดโดยอาศัยสมองในการออกแบบคำนึงถึงประโยชน์ใช้สอย และ
    ผลิตเทคโนโลยีที่ไม่สูงมากนัก สามารถทำได้ในชุมชน และมีตลาดรองรับ และสามารถทำเป็นการค้าขายผ่านระบบอินเตอร์เนตได้
    มีสังเกตุนะว่าเป็นการผลิตสินค้าที่ยามเกิดภัยขึ้นมา สินค้านั้นเขาจะนำมาใช้ได้เองเลย
    ลุงคิดว่ามีจำนวนผู้ที่ ต้องการอุปกรณ์เหล่านี้จำนวนมาก สำหรับคนทั่วโลก
    สำหรับกลุ่มที่ยังไม่สามารถย้ายที่เข้ามาในพื้นที่ได้
    *********************************
    ซึ่งลุงเองคิดว่า ในแต่ละชุมชนย่อยต้องมาระดมสรรพกำลังจุดแข็งของแต่ละกลุ่ม
    ในการเตรียมความพร้อม เหมือนกับทั้ง 20ครอบครัวกลายเป็นหุ้นส่วนชีวิตกันก่อน
    ให้เกิดแนวทางที่ดีที่สุดของสมาชิกที่จะเข้าไปอยู่ในแต่ละกลุ่มบ้าน
    ในการระดมทุนเพื่อสร้าง/สะสม อุปกรณ์สาธารณูปโภค อาหาร และทุกอย่างเข้าชุมชน

    *****ลุงสนใจวิธีคิดของคุณสัปเหร่อนะ ซึ่งดีง่ายสำหรับคนที่มีกำลังทรัพย์เพียงพอ และสามารถทดแทนด้วยกำลังกายกำลังสมองของคนที่กำลังทรัพย์ยังไม่เพียงพอ สร้างเป็นบ้านที่สอง****

    สมาชิกมีได้ 2 ส่วนคือ กลุ่มที่1 ครอบครัวเคลื่อนมาอยู่เชียงใหม่(หรืออยู่ๆแล้ว)และ กลุ่มที่2 ครอบครัว/สมาชิกอยู่นอกพื้นที่ ในกลุ่มที่2 นั้นต้องเตรียมความพร้อมตัวเองมากขึ้นนะ ในการที่จะเดินทางที่จะเคลื่อนเข้าสู่บ้านหรือชุมชนภายใน 3-5 วันหลังมีสัญญานเตือนที่ชัดเจน (แต่ต้องพร้อมจริงๆ เพราะสัญญานเตือนคงเป็นแผ่นดินไหว ถนนจะพังหมด ต้องออกแบบวางแผนการเดินทางให้ดี ลุงเองเริ่มกลับมาใช้มอร์เตอไซย์วิบากและขับบ่อยๆให้คล่องมากขึ้น จักรยานวิบากที่ต้องปั่นระยะไกลๆพร้อมเครื่องหลัง และออกกำลังกายให้สามารถวิ่งเดินได้ต่อเนื่องกัน และซ้อมเดินจากบ้านของลุงปัจจุบันไปยังจุดพื้นที่ไว้แล้ว หลายครั้ง)

    รายละเอียดยังไงคงต้องมานั่งคุยกัน ตอนนี้ในกลุ่มของลุงมีทั้งหมด 7 ครอบครัว ประมาณ 27 คนที่กำลังเตรียมความพร้อมกันอยู่ คาดว่าชุมชนที่ 1 คงรับได้อีกประมาณ 10 -13 ครอบครัวตามแปลนที่วางไว้ครับ ซึ่งได้ดำเนินการไประยะหนึ่งแล้ว ในกลุ่มนี้มีอาชีพ เป็นแพทย์ วิศวกร ข้าราชการบำนาญ
    นักธุรกิจเล็กๆ อาจารย์ ไกด์นำเที่ยว และนักวิจัย 7 ครอบครัว ครับ
    ***********************************************
    สัญญานเตือน
    "ยามเมื่อคนก้มหน้าร้องไห้ทั้งแผ่นดิน จนสิ้นสุดเสียงร้อง
    วันต่อมาที่ท้องฟ้าสงบ ผู้คนเพิ่งตื่นจากหลับไหล
    เสียงดังก้องจากพื้นดิน สิ่งที่คนไม่ถวิลหา ก็มาทดแทน "

    ประโยคนี้ลุงไม่แน่ใจว่าอะไรนะ จากพระอาจารย์เปรยๆ
    แต่คิดว่าคงเป็นการสูญเสียคนสำคัญของแผ่นดิน
    หลังจากวันนั้นก็คงเริ่มอะไรต่อๆมากมาย

    ลุงเองไม่อยากเล่า เพราะภาพที่ลุงเห็น
    มันเกี่ยวข้องกับคำทำนายประเทศไทยไว้
    ที่ผ่านมา ลุงก็ไม่คิดว่ามันจะรุนแรงระดับนี้
    (ไม่กล้าแม้แต่จะเอ่ยถึงนิมิตรของตนเองให้ใครฟัง
    เพราะกระทบกับ..รั้ว..วัง )
    *******************
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 ธันวาคม 2006
  10. tamsak

    tamsak ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กันยายน 2004
    โพสต์:
    7,856
    กระทู้เรื่องเด่น:
    22
    ค่าพลัง:
    +161,171
    มาลงชื่อไว้ด้วยคนครับ ในกลุ่มของผมจะมีอยู่ประมาณ 5 ครอบครัวๆ ละ 4-5 คน ตอนนี้ก็พยายามให้ข้อมูลและโน้มน้าวให้ทุกคนไม่ประมาทและเตรียมตัวในการอพยพย้ายถิ่นฐานครับ


    .
    .
     
  11. ลุงคนเชียงใหม่

    ลุงคนเชียงใหม่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    139
    ค่าพลัง:
    +2,521
    **************************************
    ลุงได้รับข้อเสนอที่น่าสนใจมาก
    ผ่านมาทางอีเมลล์ของลุง
    เสนอให้ปรับหรือสร้างบ้านมาจากตู้คอนเทนเนอร์เก่า
    ที่ตู้เป็นโครงสร้างเหล็กอยู่แล้ว ราคาไม่แพง ขนาดก็พอดี
    ที่สำคัญมีอยู่เป็นจำนวนมาก ในขณะนี้ มีให้เลือกหลายราคาตามกำลังทรัพย์ของแต่ละคน
    จากนั้นนำมาทำเป็นบ้าน เจาะ ประตูหน้าต่างๆ เสริมความแข็งแรง
    คงคล้ายแบบที่ใช้ในงานก่อสร้างต่างๆแต่ปรับให้ใช้ประโยชน์มากกว่า
    (ลองประมาณการ ว่า 1 ตู้ ต่อ 2 คน ครอบครัว 4 คน
    ก็ใช้ประมาณ 3 ตู้ เป็นห้อง นอน 2 ตู้
    ห้องใช้ประโยชน์ ใช้สอยทั่วไป)
    ยิ่งเป็นตู้ห้องเย็นซึ่ง มีความแข็งแรงข้างในมีการบุโฟม
    สามารถ ป้องกันความร้อนความหนาวได้ด้วย
    การดูแลรักษาและป้องกันอันตรายก็ง่าย
    สามารถขยับปรับเปลี่ยน รูปแบบในชุมชนก็ทำได้ง่าย
    เหมาะสมกับที่ตั้ง เมื่อต้องการระดับความปลอดภัยได้
    การขนย้าย ก็ง่าย และไม่มีปัญหาในการจัดทำโครงสร้างพื้นฐาน มาก
    ทำให้ได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหวน้อย
    ค่อนข้างจะลงตัวนะ
    *******************************************
    ใครมีความรู้ ช่วยลุงคิดหน่อย และน่าสนใจมาก
    ออกแบบช่วยกันหน่อย หรือจะผลิตในหมู่บ้านเพื่อส่งจำหน่ายก็ไม่เลว นะ
    อุตสาหกรรม เพื่อความดำรงอยู่ของคนไทย
    เพราะทุกคนสามารถเตรียมตัวที่บ้านได้เลย
    จวนใกล้เหตุหรือมีความพร้อมแล้วก็เคลื่อนย้าย
    โดยยกใส่รถมาในพื้นที่ๆเราเตรียม ความพร้อมด้านอาหาร
    และอื่นๆไว้พร้อมแล้ว
    หรือท่านมาเตรียม คอนเทนเฮาร์(ตั้งชื่อให้เท่หน่อย)ในพื้นที่ๆกำหนดไว้
    เวลาไม่อยู่ก็ปิดไว้ หรือไม่พอใจก็ยกกลับ(5555)
    *********************************************
    ชักเห็นแนวทางการทำงานในชุมชน
    ผลิตบ้าน+อุปกรณ์ยังชีพ+อาหาร+ฝึกจิต+บริการท่องเที่ยว+สปา+ยาสมุนไพร
    อีกมากมายหลายเรื่องนะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 ธันวาคม 2006
  12. น้องหน่อยน่ารัก

    น้องหน่อยน่ารัก เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    1,984
    ค่าพลัง:
    +4,975
    ผมก็ไม่อยากคิดเหมือนลุงคนเชียงใหม่ แต่ห้ามใจไม่ให้รู้สึกไม่ได้ครับ
    โชคดีเหมือนกัน เกิดมามองไม่เห็นผี ไม่งั้นถึงเวลานั้น หลอนตายชัก



    ความตายไม่น่ากลัว หากรู้ว่าไปที่ดี และพักผ่อนดูเราทำงานต่อไป
    555
     
  13. น้องหน่อยน่ารัก

    น้องหน่อยน่ารัก เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    1,984
    ค่าพลัง:
    +4,975
    การอยู่โดยเห็นแก่ตัวอย่างพวกญี่ปุ่นก็ไม่รอดครับเพราะคราวนี้มันยาวนาน
    ต้องอยู่เป็นปี หากไม่อยู่แบบพึ่งพาอาศัยกัน ไม่มีชาวนาช่วยทำนาให้เรา
    เองไม่ชำนาญ ในภาวะยากลำบากเราทำไปก็ตายครับ ต้องพึ่งพาชาวบ้าน
    จึงจะรอดตายได้ เราพึ่งเขา เขาพึ่งเรา

    หาไม่เช่นนั้น ไม่มีทางรอดได้ดีแน่..
     
  14. หลับตา

    หลับตา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    717
    ค่าพลัง:
    +3,151
    แล้วรู้ได้ยังไงว่าเค้าเห็นแก่ตัว?
     
  15. น้องหน่อยน่ารัก

    น้องหน่อยน่ารัก เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    1,984
    ค่าพลัง:
    +4,975
    ชาวนาขายเมล็ดพันธ์หมด ถึงเวลาเราต้องมีตุนไว้แจกพวกเขา ทั้งแบบที่โตเร็วให้ผลเร็วปลุกง่ายทน และแบบที่โตช้าเช่นข้าว ที่พึ่งน้ำมาก เมล็ดพันธุ์พืชบางชนิดสำคัญเพราะให้ผลเร็ว เช่นเมล็ดถั่วเขียวให้ถั่วงอกได้

    นอกจากนี้เมล็ดถั่วต่างๆ เก็บได้นานครับ
     
  16. น้องหน่อยน่ารัก

    น้องหน่อยน่ารัก เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    1,984
    ค่าพลัง:
    +4,975
    แป่ววว พูดดักทางไว้อ่ะก๊า..
    ขอโทษคร้าบบบบบ เผลอไปแย้ว
     
  17. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,659
    ค่าพลัง:
    +51,921
    *** ศึกษาภูมิประเทศภาคเหนือ...เพื่อรับสถานการณ์แม่โขงทะลักเข้าไทย **** เมื่อถึงวันนั้น...น้ำแข็งบนยอดเทือเขาหิมาลัย คงทะลายไหลลงสู่แม่น้ำโขงอย่างรวดเร็ว กระแสน้ำจะมีพลังมหาศาลคณานับ พุ่งชน กระแทก กัดเซาะ ท่วมทะลักทั้งตามลำน้ำ และพื้นราบ....เมื่อมาถึง "เชียงแสน" คุ้งลำน้ำที่มีจุดอ่อนเป็นรูป ตัวยู กระแสน้ำจะไหลขึ้นเหนือไม่ทัน....ระดับน้ำจะทะลักเข้าแผ่นดิน แถบเชียงแสน เชียงของ...กระแสน้ำและคลื่นจะ กลืนบ้านกลืนเมือง ที่ขวางทาง...ทำลายภูเขาหลุดออกเป็นลูกๆ...เกิดน้ำวนขนาดใหญ่คลุมพื้นที่เกือบทั้งจังหวัด...ก้อนหินยักษ์จากภูเขา จะกลิ้งทำลายทุกสิ่งทุกอย่างที่ขวางหน้า...ป่าไม้จะกลายเป็นท่อนซุงยักษ์กวาดทุกอย่างไปตามกระแสน้ำ....น้ำมหาศาลที่อยู่บนจังหวัดทางเหนือพยายามหาทางออกไหลลงที่ต่ำกว่า คือ ภาคกลาง....กว่าก้อนหินใหญ่จะสิ้นแรงแถวตาก แถวกำแพงเพชร ก็กลายเป็นกรวดเป็นทรายจำนวนมาก....จะเกิดเนินเขาใหม่ๆ มากมาย จากการทับถมสิ่งต่างๆ ที่พัดมากองรวมกัน (ที่จังหวัดตาก มี แหล่งท่องเที่ยว ต้นไม้ใหญ่โบราณกลายเป็นหินขนาดใหญ่จำนวนมาก ในอดีตคงเกิดเหตุการณ์นี้มาแล้ว) บ้านเมืองต่างๆ จะถูกดินหินทรายทับจนหาไม่เห็นทรากสิ่งก่อสร้างต่าง ๆ....แผ่นดินบางแห่งจะมีพื้นดินสูงกว่าเดิมมาก (ที่จังหวัดเชียงใหม่ มี เวียงกุมกาม ในอดีตก็คงเกิดเหตุการณ์นี้เช่นกัน แล้วยังมีตำนานอีกหลายเรื่องเกี่ยวกับ เมืองที่เจริญรุ่งเรืองและจมหายไปทั้งในดิน และกลายเป็นทะเลสาป)....แล้วปริมาณน้ำจำนวนมหาศาลจะไหลท่วมจนไปถึง เมืองหลวงกรุงเทพฯ...ส่วนภาคอีสานก็ท่วมเช่นกัน...อย่าเชื่อว่าฉันอยู่จังหวัดสองเชียง สองลำ แล้วจะปลอดภัยแน่นอน....เพราะทั้ง ๔ จังหวัดนี้ ล้วนมีเส้นทางที่น้ำจากแม่น้ำโขงไหลมาถึงอย่าแน่นอน....การท่วมครั้งนี้ ไม่เหมือนน้ำท่วมทุกครั้ง ที่ระดับน้ำค่อยๆเพิ่มทั้งจากฝนตก และน้ำในแม่น้ำ...แต่การท่วมครั้งนี้เสมือนยักษ์หิ้วถังน้ำใหญ่เท่าน้องๆ อ่าวไทยมาเทลงใส่ที่แม่น้ำโขง....หากเหตุการณ์นี้ มีสาเหตุจาก "การใช้ระเบิดนิวเคลียร์"....ก็ต้องมีผลต่อเนื่องทั้งเรื่องแผ่นดินไหว แผ่นดินแยก พายุขนาดใหญ่ พายุหมุนโหมกระหน่ำซ้ำเติม...จะเกิดการระเบิดจากใต้ดิน...ลาวาจะทะลักออกมาลุกเป็นไฟสีเขียว....แม่น้ำเจ้าพระยาจะกลายเป็นลาวา แผ่นดินสองฝั่งเจ้าพระยาจะไหลลงแม่น้ำ...ระดับน้ำทะเลจะสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว....เกาะต่างๆ จะท่วมหายไป ประเทศที่ทำกรรมไว้มากหลายประเทศจะล่มจมหายไปในทะเล...เกิดคลื่นขนาดยักษ์ยิ่งกว่าในหนังภาพยนต์ทำลายกลืนกินเมืองต่างๆ ทั่วโลก....เปลือกโลกทั้งหมด จะขยับตัวครั้งยิ่งใหญ่ ประชาชนที่เหลือหลายแห่งจะไม่มีแผ่นดินอยู่....กลับไปเรื่องแม่น้ำโขงทะลักเข้าไทย...ก็ขอให้เริ่มศึกษาลักษณะภูมิประเทศ ศึกษาที่ต่ำ ที่สูงรีบค้นหาที่ปลอดภัย...เพราะเรื่องนี้ต้องเตรียมการนาน หาที่ปลอดภัยจริงๆ จึงจะรอด...ผู้ที่อ่านแล้วมองเห็นภาพ....ผู้นั้นอาจจะรอดตาย หากไม่ประมาท และรู้จักศึกษาเตรียมตัวให้พร้อม....โอ้...ชะตาฟ้าลิขิต...น่าสงสารผู้ที่ยังลุ่มหลงวัตถุ ยังใช้ชีวิตอย่างประมาท ยังไม่รู้ "กรรมที่ยิ่งใหญ่" กำลังใกล้มาถึง....ขอให้ผู้ที่เชื่อใน "หลักสัจจะธรรม" ได้มีโอกาสอ่านข้อมูลนี้ ก่อนเกิดสถานการณ์จริง - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  18. ลุงคนเชียงใหม่

    ลุงคนเชียงใหม่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    139
    ค่าพลัง:
    +2,521
    ตอบสมาชิก
    *********************
    เรื่องที่ดินถ้าขอใช้พื้นที่ตามที่ลุงขอได้ ก็คงเหมือนกับที่นายกเจอตอนนี้
    คือเสียภาษีในการเข้าไปใช้สิทธิ์ทำกิน
    อีกประเด็นหนึ่งคือต้องใช้หรือมีค่าตอบแทนให้คนที่ใช้ในพื้นที่เดิมอยู่
    ในการครอบครองที่ดินนั้น ลุงไม่ค่อยได้สนใจเรื่องสิทธิครอบครองเท่าไหร่
    เพราะ ถ้าเอาตัวนี้เป็นตัวตั้งแล้ว เราจะเริ่มต้นกันยากมากๆเพราะต้องใช้
    เงินจำนวนมหาศาล คิดง่ายๆนะว่าถ้าแค่ไร่ละ 20,000 บาท ตั้งต้นก็กินไปแล้วเกือบ 6 ล้านบาท
    ครอบครัวละเกือบ 300,000 บาทเฉพาะที่
    ดังนั้นการที่เราเริ่มต้นจากที่ไม่มากนัก (เท่าที่ได้ก่อนแล้วค่อยขยายออกไป เพราะพื้นที่ๆลุงเลือกนั้นไม่ค่อยจะมีบ้านคนอยู่แล้ว) แต่คงไม่ขยายไปในลักษณะครอบครอง เพราะอย่างไรก็เป็นไปในลักษณะใช้พื้นที่อยู่แล้ว(ไม่มีสิทธิครอบครอง)
    ทางออกที่เลือก ก็คือ
    **ในระยะแรก** ถ้าจะมาเชียงใหม่เลย ควรจะมีบ้านอยู่แถวบริเวณ อำเภอแม่ริม หรือใกล้เคียง(แพงหน่อยแต่ก็ไม่สูงมากในที่ไกลชุมชนหน่อย )
    แล้วร่วมกันจัดตั้งแนวทางการทำงานร่วมกันและใช้เวลาส่วนหนึ่งเช่นเสาร์อาทิตย์ เข้าไปช่วยกันทำงานในพื้นที่ หรือกับคนที่มีเวลาก็สามารถที่จะเข้าไปทำงานในพื้นที่เต็มเวลา โดยคนที่ไม่มีเวลาเข้าไปสนับสนุนเรื่องเงินดำเนินการ สามารถจ้างแรงงานในพื้นที่ใกล้เคียงได้
    ถ้าเลือกแบบบ้านเป็นแบบ ตู้คอนเทนเนอร์ทั้งหมด ลุงประเมินคร่าวกับเพื่อที่มาด้วยกันและสอบถามราคาตู้คอนเทนเนอร์เก่าแล้ว ถูกจนน่าดีใจ (ไม่กี่หมื่นบาทเอง เมื่อซ่อมแซมตกแต่งเป็นบ้านก็จะได้บ้านเคลื่อนที่ไม่เกิน 100,000 บาทที่มั่นคงแข็งแรง เมื่อไปตั้งในพื้นที่แล้วค่อยสร้างส่วนขยายเพิ่มเติม) อาจจะทำในลักษณะ สร้างตู้คอนเทนเน่อร์ให้เป็นบ้านของใครของมันก่อน แล้วส่งค่าใช้จ่ายในการเตรียมอาหาร น้ำในพื้นที่ แล้วถึงเวลาก็ยกมา(แนวทางนี้น่าสนใจ)
    เรื่องการจัดการลุงไม่แน่ใจนะเพราะลุงตลอดชีวิตก็รับแต่ราชการ แต่ก็พยายามทำถ้ามีคนที่มีความรู้และเข้าใจ(มากกว่าลุง)มาช่วยกันเตรียมก็คงจะมีความพร้อมมากขึ้น

    ***ในระยะที่2***
    ลุงได้ขออนุญาตใช้พื้นที่ ในในนามมูลนิธิพุทธบุตร เพื่อจัดตั้งเป็นสำนักสงฆ์ให้การอบรมและเผยแผ่การอบรมทางจิตขึ้น กำหนดให้กลางพื้นที่ตรงกลางเป็นที่ตั้งของสำนัก ที่จะ เป็นแหล่งยึดมั่นด้านจิตใจในเบื้องต้น (เหมือนชาวบางระจัน) จากนั้นก็เริ่มสร้างชุมชนรอบๆสำนักสงฆ์ที่จัดตั้งขึ้น ระบบน้ำไฟสามารถทำเป็นในรูปของส่วนกลางที่มีระบบสำรองขนาดใหญ่ รองรับคนเข้ามาอบรมทางจิตด้วย เราก็ร่วมกันทำบุญจัดสร้างขึ้นมา (ได้สองต่อนะ) และสมาชิกเราก็ไปใช้ร่วมกับพระท่านในยามวิกฤติ
    แต่ในยามปรกติ ต้องมีใช้และสำรองของแต่ละครอบครัว ที่หนักใจเรื่องลงทุน เพราะต้องทำแหล่งกักเก็บน้ำนี้แหละครับ
    ถึงต้องมีชุมชนละ 20 หลังคา เพราะจะได้ไม่หนักมากในการสร้างแหล่งกักเก็บน้ำส่วนกลางขึ้นมา
    การจัดตั้งชุมชน ถ้าไม่มีการตัดถางทำลายป่าไม้ปกติก็ไม่มีการไล่จากเจ้าหน้าที่ และเสียภาษีการเข้าไปใช้ประโยชน์
    แล้วทางป่าไม้ยิ่งไม่ไล่เลย (นายกสรยุทธ์ ยังใช้สิทธินี้เพื่อส่วนตัวเฉยเลย)
    ในระยะนี้ จะมีสองส่วนคือส่วนที่ทำงานอยู่นอกพื้นที่และในพื้นที่ เตรียมชุมชนอยู่ในระยะที่ 3
    คือสามารถพึ่งตนเองได้ในระยะยาว

    **ระยะที่ 3*** สมาชิกเข้าอยู่ร่วมในชุมชน โดยมีงานอยู่ในรูปบริษัท
    1. ผลิตภัณฑ์โดยชุมชน *โรงงานเล็กๆ ขายสมอง** เช่นการผลิตอุกรณ์ยังชีพสำหรับสมาชิกในกลุ่มบ้านอื่นทั่วประเทศ/ทั่วโลก(ค้าขายผ่านอินเตอร์เนต)ที่จัดตั้งขึ้น ทั้งอาหารสำรองเก็บไว้นาน อุปกรณ์ต่างๆ ชุดแพ๊คเก็ตที่ครอบครัวจำเป็นต้องมีในยามประสพภัย(ที่ผ่านการกลั่นกรองความเหมาะสมแล้ว) ชุดเบ๊เตรียมความพร้อมสำหรับสมาชิกทุกคนยามเจอวิกฤติ พร้อมคำแนะนำ ในราคาที่ไม่แพงสำหรับสมาชิกที่ไม่มีเวลาเตรียมตัวแต่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น
    ไปแขวนไว้ที่บ้าน เมื่อเกิดปัญหาขึ้น ก็มารถแบกเป้พร้อมอุปกรณ์ที่เราเตรียมไว้เดินทางได้เลย

    2.สถานที่ให้การอบรมทางจิต และการฝึกใช้ชีวิตกับธรรมชาติ
    2.1 สมาชิกที่ต้องการเข้ามาเพื่อฝึกทางจิตโดยเฉพาะ(ไม่รับทำบุญแบบไม่เข้าใจหรือเอาหน้า เสียเวลา)
    2.2 อบรมสมาชิกที่มีวัตถุประสงค์เดียวกัน ต้องการเข้ามาศึกษาเพื่อจัดตั้งในพื้นที่อื่นๆ

    3. สถานที่รักษาคนป่วยแบบธรรมชาติ หรือแบบพิเศษ ex ชีวจิตสำหรับผู้ศรัทธา รักษาด้วยพลังจิต
    รักษาด้วยการทำบุญฝึกจิตในกลุ่มที่มีปัญหาโรคกรรมต่างๆ ที่คนอื่นที่ไม่เคยฝึกทางจิตจะเข้าใจ

    4.เป็นแหล่งผลิตยาและเวชภัณฑ์ จากสมุนไพร มีการปลูกและกระบวนการผลิตในชุมชน

    5.เกษตรแบบพึ่งตัวเอง เช่น ผลิตเห็ด(พืชชนิดเดียวที่อยู่ในร่มและจะไม่กระทบต่อละอองรังสี สารพิษต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นโดยไม่ใช้แสง) พืชอาหารทุกชนิด เพื่อรองรับสมาชิกข้อ 2และ3 ในยามปกติและใช้เองในยามวิกฤติ

    ภาพทั้งหมดเป้าหมายไปสู่ความพร้อมของชุมชนที่จะพึ่งพาตัวเองได้ในทุกมิติ
    ทุกคนมีความพร้อมในการปฏิบัติธรรมเพื่อพัฒนาระดับจิตไปด้วย
    *******************************************
    ลุงได้อธิบายภาพที่ได้มีการเตรียมการไปให้เกือบทั้งหมดแล้วครับ
    เหลือเพียงการเตรียมการศึกษาให้กับเด็กในชุมชน ในมิติใหม่
    และระบบจัดการภายในชุมชน
    *******************************************
    กติกาชุมชน กติกาของเมืองลิจฉวี ก็คงไม่ล้าสมัยเกินไปนะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 ธันวาคม 2006
  19. ลุงคนเชียงใหม่

    ลุงคนเชียงใหม่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    139
    ค่าพลัง:
    +2,521
    ตอบสมาชิก
    *********************
    เรื่องที่ดินถ้าขอใช้พื้นที่ตามที่ลุงขอได้ ก็คงเหมือนกับที่นายกเจอตอนนี้
    คือเสียภาษีในการเข้าไปใช้สิทธิ์ทำกิน
    อีกประเด็นหนึ่งคือต้องใช้หรือมีค่าตอบแทนให้คนที่ใช้ในพื้นที่เดิมอยู่
    ในการครอบครองที่ดินนั้น ลุงไม่ค่อยได้สนใจเรื่องสิทธิครอบครองเท่าไหร่
    เพราะ ถ้าเอาตัวนี้เป็นตัวตั้งแล้ว เราจะเริ่มต้นกันยากมากๆเพราะต้องใช้
    เงินจำนวนมหาศาล คิดง่ายๆนะว่าถ้าแค่ไร่ละ 20,000 บาท ตั้งต้นก็กินไปแล้วเกือบ 6 ล้านบาท
    ครอบครัวละเกือบ 300,000 บาทเฉพาะที่
    ดังนั้นการที่เราเริ่มต้นจากที่ไม่มากนัก (เท่าที่ได้ก่อนแล้วค่อยขยายออกไป เพราะพื้นที่ๆลุงเลือกนั้นไม่ค่อยจะมีบ้านคนอยู่แล้ว) แต่คงไม่ขยายไปในลักษณะครอบครอง เพราะอย่างไรก็เป็นไปในลักษณะใช้พื้นที่อยู่แล้ว(ไม่มีสิทธิครอบครอง)
    ทางออกที่เลือก ก็คือ
    **ในระยะแรก** ถ้าจะมาเชียงใหม่เลย ควรจะมีบ้านอยู่แถวบริเวณ อำเภอแม่ริม หรือใกล้เคียง(แพงหน่อยแต่ก็ไม่สูงมากในที่ไกลชุมชนหน่อย )
    แล้วร่วมกันจัดตั้งแนวทางการทำงานร่วมกันและใช้เวลาส่วนหนึ่งเช่นเสาร์อาทิตย์ เข้าไปช่วยกันทำงานในพื้นที่ หรือกับคนที่มีเวลาก็สามารถที่จะเข้าไปทำงานในพื้นที่เต็มเวลา โดยคนที่ไม่มีเวลาเข้าไปสนับสนุนเรื่องเงินดำเนินการ สามารถจ้างแรงงานในพื้นที่ใกล้เคียงได้
    ถ้าเลือกแบบบ้านเป็นแบบ ตู้คอนเทนเนอร์ทั้งหมด ลุงประเมินคร่าวกับเพื่อที่มาด้วยกันและสอบถามราคาตู้คอนเทนเนอร์เก่าแล้ว ถูกจนน่าดีใจ (ไม่กี่หมื่นบาทเอง เมื่อซ่อมแซมตกแต่งเป็นบ้านก็จะได้บ้านเคลื่อนที่ไม่เกิน 100,000 บาทที่มั่นคงแข็งแรง เมื่อไปตั้งในพื้นที่แล้วค่อยสร้างส่วนขยายเพิ่มเติม) อาจจะทำในลักษณะ สร้างตู้คอนเทนเน่อร์ให้เป็นบ้านของใครของมันก่อน แล้วส่งค่าใช้จ่ายในการเตรียมอาหาร น้ำในพื้นที่ แล้วถึงเวลาก็ยกมา(แนวทางนี้น่าสนใจ)
    เรื่องการจัดการลุงไม่แน่ใจนะเพราะลุงตลอดชีวิตก็รับแต่ราชการ แต่ก็พยายามทำถ้ามีคนที่มีความรู้และเข้าใจ(มากกว่าลุง)มาช่วยกันเตรียมก็คงจะมีความพร้อมมากขึ้น

    ***ในระยะที่2***
    ลุงได้ขออนุญาตใช้พื้นที่ ในในนามมูลนิธิพุทธบุตร เพื่อจัดตั้งเป็นสำนักสงฆ์ให้การอบรมและเผยแผ่การอบรมทางจิตขึ้น กำหนดให้กลางพื้นที่ตรงกลางเป็นที่ตั้งของสำนัก ที่จะ เป็นแหล่งยึดมั่นด้านจิตใจในเบื้องต้น (เหมือนชาวบางระจัน) จากนั้นก็เริ่มสร้างชุมชนรอบๆสำนักสงฆ์ที่จัดตั้งขึ้น ระบบน้ำไฟสามารถทำเป็นในรูปของส่วนกลางที่มีระบบสำรองขนาดใหญ่ รองรับคนเข้ามาอบรมทางจิตด้วย เราก็ร่วมกันทำบุญจัดสร้างขึ้นมา (ได้สองต่อนะ) และสมาชิกเราก็ไปใช้ร่วมกับพระท่านในยามวิกฤติ
    แต่ในยามปรกติ ต้องมีใช้และสำรองของแต่ละครอบครัว ที่หนักใจเรื่องลงทุน เพราะต้องทำแหล่งกักเก็บน้ำนี้แหละครับ
    ถึงต้องมีชุมชนละ 20 หลังคา เพราะจะได้ไม่หนักมากในการสร้างแหล่งกักเก็บน้ำส่วนกลางขึ้นมา
    การจัดตั้งชุมชน ถ้าไม่มีการตัดถางทำลายป่าไม้ปกติก็ไม่มีการไล่จากเจ้าหน้าที่ และเสียภาษีการเข้าไปใช้ประโยชน์
    แล้วทางป่าไม้ยิ่งไม่ไล่เลย (นายกสรยุทธ์ ยังใช้สิทธินี้เพื่อส่วนตัวเฉยเลย)
    ในระยะนี้ จะมีสองส่วนคือส่วนที่ทำงานอยู่นอกพื้นที่และในพื้นที่ เตรียมชุมชนอยู่ในระยะที่ 3
    คือสามารถพึ่งตนเองได้ในระยะยาว

    **ระยะที่ 3*** สมาชิกเข้าอยู่ร่วมในชุมชน โดยมีงานอยู่ในรูปบริษัท
    1. ผลิตภัณฑ์โดยชุมชน *โรงงานเล็กๆ ขายสมอง** เช่นการผลิตอุกรณ์ยังชีพสำหรับสมาชิกในกลุ่มบ้านอื่นทั่วประเทศ/ทั่วโลก(ค้าขายผ่านอินเตอร์เนต)ที่จัดตั้งขึ้น ทั้งอาหารสำรองเก็บไว้นาน อุปกรณ์ต่างๆ ชุดแพ๊คเก็ตที่ครอบครัวจำเป็นต้องมีในยามประสพภัย(ที่ผ่านการกลั่นกรองความเหมาะสมแล้ว) ชุดเบ๊เตรียมความพร้อมสำหรับสมาชิกทุกคนยามเจอวิกฤติ พร้อมคำแนะนำ ในราคาที่ไม่แพงสำหรับสมาชิกที่ไม่มีเวลาเตรียมตัวแต่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น
    ไปแขวนไว้ที่บ้าน เมื่อเกิดปัญหาขึ้น ก็มารถแบกเป้พร้อมอุปกรณ์ที่เราเตรียมไว้เดินทางได้เลย

    2.สถานที่ให้การอบรมทางจิต และการฝึกใช้ชีวิตกับธรรมชาติ
    2.1 สมาชิกที่ต้องการเข้ามาเพื่อฝึกทางจิตโดยเฉพาะ(ไม่รับทำบุญแบบไม่เข้าใจหรือเอาหน้า เสียเวลา)
    2.2 อบรมสมาชิกที่มีวัตถุประสงค์เดียวกัน ต้องการเข้ามาศึกษาเพื่อจัดตั้งในพื้นที่อื่นๆ

    3. สถานที่รักษาคนป่วยแบบธรรมชาติ หรือแบบพิเศษ ex ชีวจิตสำหรับผู้ศรัทธา รักษาด้วยพลังจิต
    รักษาด้วยการทำบุญฝึกจิตในกลุ่มที่มีปัญหาโรคกรรมต่างๆ ที่คนอื่นที่ไม่เคยฝึกทางจิตจะเข้าใจ

    4.เป็นแหล่งผลิตยาและเวชภัณฑ์ จากสมุนไพร มีการปลูกและกระบวนการผลิตในชุมชน

    5.เกษตรแบบพึ่งตัวเอง เช่น ผลิตเห็ด(พืชชนิดเดียวที่อยู่ในร่มและจะไม่กระทบต่อละอองรังสี สารพิษต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นโดยไม่ใช้แสง) พืชอาหารทุกชนิด เพื่อรองรับสมาชิกข้อ 2และ3 ในยามปกติและใช้เองในยามวิกฤติ

    ภาพทั้งหมดเป้าหมายไปสู่ความพร้อมของชุมชนที่จะพึ่งพาตัวเองได้ในทุกมิติ
    ทุกคนมีความพร้อมในการปฏิบัติธรรมเพื่อพัฒนาระดับจิตไปด้วย
    *******************************************
    ลุงได้อธิบายภาพที่ได้มีการเตรียมการไปให้เกือบทั้งหมดแล้วครับ
    เหลือเพียงการเตรียมการศึกษาให้กับเด็กในชุมชน ในมิติใหม่
    และระบบจัดการภายในชุมชน
    *******************************************
    กติกาชุมชน กติกาของเมืองลิจฉวี ก็คงไม่ล้าสมัยเกินไปนะ
     
  20. ลุงคนเชียงใหม่

    ลุงคนเชียงใหม่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    139
    ค่าพลัง:
    +2,521
    คุณหนุมานดูข้อมูลนี้หน่อยนะ
    ********************************
    ช่องทางที่ต่อจากเชียงแสนมายังเชียงใหม่มีดอยนางแก้ว
    วางขวางอยู่ตั้งแต่แม่สายไปจนต่อกับดอยขุนตาลของลำปาง
    ลองดูแผนที่และเป็นสาเหตุหนึ่งที่พะเยาไม่อยู่ในพื้นที่ทำนาย
    ของพื้นที่ปลอดภัย
    ภาพที่น้ำข้ามภูเขามาลุงได้บอกไว้แต่ต้นแล้วหละ
    ดูตามรูปที่ลุงแนบมาด้วยนะ (เป็นรูปที่พวกลุงและกลุ่มเพื่อนได้ศึกษาพื้นที่กัน
    นอกจากการดูกันทางจิตและก็คำทำนายทุกอย่างที่มีอยู่แล้วครับ )
    ส่วนทางทิศตะวันตกของเชียงใหม่ ที่น้ำมาจากสาละวิน (ต้นน้ำจากหิมาลัยเช่นกัน)
    จะมีเทือกเขาบรรทัดกันอยู่ สูงกว่าเทือกเขาดอยนางแก้วอีก
    สบายใจได้ครับ
    *******************************
    ในส่วนอากาศหนาวเจอแน่นนอนครับทุกที่ ยกเว้นส่วนที่จมทะเลไปแล้ว
    น้ำจากทางเหนือเป็นน้ำที่เกิดจากการทะลัก
    ลุงไม่แน่ใจนะว่าเกิดอย่างที่คุณหนุมานเอ่ยอ้าง
    แต่ลุงคาดว่าเกิดจากเขื่อนของจีนต้นน้ำโขงพังทะลายลง
    ********************************
    และความอดอยากจะรุนแรงในแหล่งที่ไม่มีอาหารในพื้นที่เช่นเขตเมือง
    ที่แค่ไฟฟ้าดับก็ทำอะไรไม่ถูกแล้ว แต่ในแหล่งที่มีพืชอาหารในพื้นที่
    สบายครับ
    *********************************
    ส่วนภาคกลางจะรุนแรงมากเท่าไรลุงไม่มีภาพที่เห็นนะ
    *******************************
    พูดคุยกับเพื่อนที่ ภาคอีสาน
    ลุงเพิ่งถึงบางอ้อว่าทำไมอีสาน
    ถึงมีน้ำที่กินไม่ได้เต็มพื้นที่(ตามคำทำนาย)
    เพราะเพิ่งทราบว่าใต้พื้นดินอีสานเต็มไปด้วย(เกลือสินเทาว์ โปแตส)
    ทำให้น้ำที่จะทะลักขึ้นมาจากพื้นหินใต้ดินแตกหัก
    จะใช้ได้ไม่กี่วันก็จะเค็ม จนใช้ไม่ได้ พืชอาหารตายหมด
    จนต้องข้ามไปฝั่งลาว( เหมือนที่ลุงเคยได้รับการบอกเล่า
    คงเป็นเหตุหนึ่งที่วันหนึ่งลาวกับไทยจะเป็นประเทศเดียวกัน )
    *********************************
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 พฤษภาคม 2014

แชร์หน้านี้

Loading...