สถานที่ปลอดภัย ในยามเกิดภัยพิบัติ

ลุงลองเก็บเอาโฆษณาขายที่มีประกาศกันในเวบ
จากในเวบและรูปมาฝากให้สมาชิกดู
และลองช่วยกันคิดต่อยอดด้วยนะครับ
เผื่อจะได้ช่วยกันคิดในมิติอื่นๆได้ด้วยก็ดี

ไม่ได้ลงโฆษณาให้เขานะครับขออภัยwebmasterด้วย

*****************************************************
ต้องการขายตู้คอนเทนเนอร์ สำหรับทำตู้สำนักงาน หรือเก็บสินค้า สนใจติดต่อ 01-5580749
________________________________________
ราคา : 50,000 บาท
สนใจติดต่อคุณ : BAS
e-mail : bkkcrtiffa@hotmail.com
โทรศัพท์ : 01-5580749
โทรศัพท์เคลื่อนที่ : 01-5580749
อื่น ๆ : -
จังหวัด - เขต : กรุงเทพมหานคร (ลุงมีรูปแนบมาให้ดูด้วย)***************************************************
หัวข้อประกาศ : ขาย ตู้ คอนเทนเนอร์
ราคา : 48,000.- บาท
สภาพสินค้า : ของมือสอง ไม่ระบุ 0
ประกาศวันที่ : 09-12-2006 12:58:01 - ปรับปรุงล่าสุด 09-12-2006
**********************************************************
ถ้าตกลงใจเลือกรูปแบบบ้านลักษณะนี้
เมื่อเตรียมบ้านได้มีความพร้อมแล้ว
ก็ยกมาวางที่มีความพร้อมในตัวเองระดับหนึ่งที่เราได้เตรียมชุมชน
พืชอาหาร น้ำ สมุนไพร และมิตรในชุมชนพร้อมแล้ว
จากนั้นก็สร้างบ้านแบบชนบทที่เราต้องการ(แบบเดียวกันทั้งชุมชน)
คลุมไปอีกชั้นหนึ่ง เราก็จะมีบ้านที่มีพื้นที่ทั้งส่วนที่ปลอดภัย
ทั้งจากการพังทลายจนหมดสิ้นที่เกิดจากแผ่นดินไหวของบ้าน
มีพื้นที่ที่ป้องกันความหนาวเย็น ความร้อนจัด
หรือสัตวร้าย หรือภัยคุกคามในยามที่ต้องการความมิดชิด
เช่นการตื่นกรูของแมลงที่ต้องการหนีอะไรก็ตามหรือแม้แต่งู
ที่บ้านปรกติจะป้องกันได้เฉพาะตอนที่ยังปกติ
(ไม่พังจากแผ่นดินไหว)
ราคาตั้งต้นสำหรับการเป็นบ้านเล็กๆที่มีความพร้อมก็คงไม่มากมายเกินไป
สำหรับบ้านที่มีความพร้อม(ในยามวิกฤติ)ที่ไม่เกิน 100,000 บาท
ยิ่งกรณีมาทำเองน่าจะยิ่งถูกกว่านี้อีกนะครับแต่ได้บ้าน
ซึ่งสามารถป้องกันได้ ทั้งจาก
1.ภัยจากท้องฟ้า(ที่บ้านหลังคากระเบื้องรับไม่ได้แน่นอน)
2.ภัยจากแผ่นดินไหว (เพราะบ้านที่มีฐานรากยึดกับพื้นจะถูกจับแล้วเขย่าแต่บ้านที่วางลอยกับพื้นจะเกิดพียงเคลื่อนหรือไหลไปกับพื้น ถ้าสร้างที่กันให้ดีก็ไม่ไถลไกล)
3.ภัยจากอากาศเปลี่ยนแปลง เราก็จะมี Safe Zone ทั้งอากาศหนาวลมแรง
ที่จะเกิดขึ้นหลังการเปลี่ยนแปลง ทีบ้านปรกติอาจมีปัญหาหลังเกิดแผ่นดินไหว
4. บ้านที่มีพื้นที่ Safe Zoneระดับหนึ่งจากภัยคุกคามต่างๆที่ต้องการ
ความมิดชิด และควบคุมได้ จากมนุษย์ สัตว์ หรือแม้แต่ภูตวิญญานทั้งหลาย
5.บ้านที่มีความยึดหยุ่นในการย้ายชุมชนหรือพื้นที่ตั้ง ในการจัดรูปแบบกลุ่มบ้าน
ในกรณีเกิดภัยคุกคามที่ไม่คาดคิดในรูปแบบอื่นๆ เช่น นำมาตั้งใกล้ๆกันแบบเดียวกับ
รถของขบวนคาราวานคาวบอยในการป้องกันภัยจากอินเดียแดง(สมัยก่อน)
ตั้งป็นรูปป้อมปราการในการควบคุมความปลอดภัย
ปรับปรุงเป็นโรงพยาบาลพื้นที่สะอาดในการรักษาคนเจ็บ
หรือห้องผ่าตัดเล็กๆได้
****************************************
ลองช่วยๆกันคิดและหาทางออกด้วยกันนะครับ
สวัสดีปีใหม่ สำหรับทุกคน
ขอให้คุณพระศรีรัตนตรัยคุ้มครองทุกคน
**************************************

 

กลุ่มที่ทำงานด้านสิ่งแวดล้อม และการใช้พลังงานสะอาดในต่างประเทศกำลังสร้างที่พัก จากตู้คอนเทนเนอร์ครับ

http://www.greenenergyohio.org/page.cfm?pageId=61

 

บ้านดิน ( adobe house ) ทนทานต่อแรงสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหวได้ดี อายุการใช้งานนับร้อยปี


ประกอบขึ้นจากวัสดุธรรมชาติต่างๆ ในท้องถิ่น เช่น ดิน ฟาง แกลบ ทราย


เย็นสบายในฤดูร้อน อบอุ่นในฤดูหนาว ทุนสร้างไม่มาก ขอให้มีการร่วมแรง


ควรสร้าง 2 ลักษณะใน 1 หลัง คือ 1. โผล่พ้นพื้นดินอย่างปกติ
2. เป็นห้องใต้ดิน


ในประเทศไทย บัดนี้คนหลายกลุ่มรวมตัวกันสร้างบ้านดินแล้ว


หมายเหตุ ดังภาพตัวอย่าง เป็นโครงสร้างบ้านดินของต่างประเทศ สำหรับประเทศไทย วัสดุและรูปแบบควรประยุกต์ให้กลมกลืนกับบริบทที่เป็นอยู่

 

บ้านดินของเขา

 

คุณลุงครับเรื่องที่ลุงเล่ามานี้ น่าสนใจมากๆครับ โดยเฉพาะเรื่องที่อยู่อาศัย
ราคาไม่แพง และยังดัดแปลงได้หลายแบบ หรือจะเอาไปฝังใต้ดินก็ได้ครับ เป็นช่องทางเชื่อมต่อกันทางใต้ดินได้ด้วย

พวกตู้คอนเทนเนอร์ เดี๋ยวนี้เอามาทำที่อยู่อาศัยกันเยอะเลยครับ..นี่ก็แบบนึงครับ

 

ตู้คอนเทรนเนอร์ นี้ กลางวันคงจะร้อนน่าดู ถ้าคนออกแบบภายในไม่เป็นนะ
เคยเห็นในหนังสาระคดี ของฝรั่งชาวดัทช์ ที่ประเทศคูราเซา
ตู้คอนเทรนเนอร์ ที่ถูกดัดแปลงเป็นบ้านนั้น ถูกพายุพัดไปทั้งตู้ เพราะเป็นตู้ ที่วางตั้งไว้เฉย ๆ

 

ที่ใต้หวัน เราเคยเห็น เขาเอาตู้คอนเทรนเนอร์ มาทำเป็นร้านขายของชำ ข้างถนน ดูแปลกดี

 

พยายามอ่านและศึกษาข้อมูลที่ลุงและเพื่อนสมาชิกคนอื่นๆได้ให้ไว้อยู่ครับ
จากเท่าที่อ่านที่ปลอดภัยที่ว่านี่อยู่หลังดอยสุเทพใช่หรือเปล่าครับ ในตัวเมืองเป็นแนวน้ำไหลผ่านคงไม่ปลอดภัยแน่นอนอยู่แล้ว ผมกำลังคิดว่าถ้าเป็นไปตามคำทำนายแล้วผมจะเคลื่อนย้ายไปที่ไหนจะปลอดภัยที่สุด ได้แต่เอาใจช่วยและให้กำลังใจทุกคนที่ตั้งใจครับ ผมเองโอกาสจะรอดคงน้อยถ้าเป็นอย่างเขาว่าเพราะว่าระยองที่อยู่ตอนนี้คงไม่มีที่หลบภัยได้เลย ก็ลองศึกษาอยู่ครับว่าจะเป็นไปได้แค่ไหนที่จะย้ายที่ทำงาน ถ้าไม่ได้ก็ต้องปล่อยให้เป็นไปตามนั้นครับ

 

วิธีแก้ไขเรื่องความร้อนตู้คอนเทนเนอร์ครับ
ใช้หลังคา Bubble Roof ครับ เหมือนเรากางร่มให้ตู้ครับ ความร้อนจะผ่านลงมาน้อยลง เพราะมีฉนวนอากาศไหลผ่านด้านล่างตลอดเวลา
หมายถึงทำหลังคาครอบไว้ด้านบนอีกชั้นนึง วัสดุจะเป็นโครงโลหะเบาๆใช้ อลูมิเนียม sheet ที่แข็งแรงสักหน่อยมุงไว้ ตั้งเสาเชื่อมกับโครงสร้างของตู้ครับ..ย้ำว่าแข็งแรงไว้ก่อน ลมพายุแรงแน่ครับ..

ฐานรากก็ตั้งเสาเหล็กบนพื้นslap มีพื้นคอนกรีตเสริมเหล็ก บริเวณเสาทั้งสี่ต้น ยกพื้นสูงสักเมตรก็ดีครับ อยู่ที่ทำเลที่ตั้ง ป้องกันเรื่องน้ำท่วมด้วยยิ่งดีครับ..ไว้จะหารายละเอียดมาลงอีกทีครับ

 

ลุงมานิตย์(เพื่อนลุงเอง)ได้คำนวนการทนต่อของบ้านดินต่อแผ่นดินไหว
เนื่องจากฐานรากหลักอยู่บนพื้นดิน ไม่เกิน 7-9 ริกเตอร์ ก็จะมีความเสียหาย
แต่ที่ลุงเองเตรียมการณ์กันนั้น เตรียมการหนักถึง การไหว ระดับที่
สิ่งก่อนสร้างทั้งที่มีอยู่เสียหายพังทลายลง (ไม่รู้เท่าไหร่)
แล้วจะเหลืออะไรบ้าง ที่พอจะทำให้พึ่งพาได้ อย่างปลอดภัย
*************************************
ตรงจุดที่ตั้งคงไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องน้ำ เพราะที่ตั้งนั้นต้องคำนวน
เพื่อให้พ้นจากน้ำท่วมเป็นหลักก่อน จากนั้นก็วางแผนในประเด็นอื่นๆ
(ฝากทีมอื่นที่กำลังดำเนินการกันอยู่ แม้แต่ผผู้มีพลังจิตระดับสูงก็ตาม
การเตรียมการใดๆก็ยากที่สุดถ้าอยู่ในเขตพื้นที่น้ำท่วมน้ำหลาก
เพราะมีสิ่งที่ไม่คาดคิดและควบคุมได้ยากมากกว่าพท้นที่ไม่ถูกน้ำท่วลและการเตรียมการในเรื่องอาหารและอื่นๆไม่ต้องแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้ามาก ในกลุ่มของลุงคำนวนกันอย่างนี้นะ)
**************************************************

ในส่วนความร้อนคงไม่ต้องเป็นห่วงเพราะ อย่างไรตู้คอนเทนเนอร์
ก็ทำเป็นเพียงห้องหนึ่งในบ้านที่จะประกอบขึ้น
จากวัสดุอื่นๆ เช่นหลังคามุงจาก หรือหญ้าคา
หรือสังกะสีอีกรอบอยู่แล้ว
คงไม่ใช้ไปตั้งโด่เด่อยู่อย่างนั้น

*************************
ลุงขอข้อมูลและสมาชิกที่ต้องการเตรียมอย่างจริงจังนะ
และคาดว่าจะเข้ามาอยู่ในชุมชนอย่างแท้จริง
เพื่อมาร่วมคิดด้วยกัน
เพราะรู้สึกนะว่าพูดคุยกันในเวบส่วนใหญ่ ...ไปอย่างนั้นแหละ
แต่คนที่จริงจังคงมีไม่กี่คน
....................... เสียดายนะคนที่รับรู้
แต่อ้างขีดจำกัดอะไรก็ตาม(คงเป็นกรรมด้วย)
ที่จะไม่เตรียมตัว อย่างจริงจัง วันหนึ่งก็จะเสียดายโอกาศ
ที่ได้รับรู้ คนที่ไม่เคยรับรู้มาก่อนก็จะไม่สับสน คิดมากว่าเป็นอะไร
แต่คนที่รู้แล้ว ทราบว่าจะต้องเตรียมตัวอย่างไร
เพียงแต่ไม่ทำ อันนี้น่าเสียดาย
คงเหมือนคนอยู่ข้างวัด ฟังพระสวดทุกวัน แต่ไม่เคยศึกษา
และเรียนรู้อะไรเพื่อพัฒนาตนเองนะ
.................................................
ลุงแบ่งคนเป็น4 กลุ่มนะ
1.ไม่รู้ ไม่เชื่อ และจะต้องเผชิญภัยวิบัติที่เกิดขึ้นตามยะถากรรมและก้มหน้าครำครวญในส่งที่เกิดขึ้น
2.กลุ่มที่รู้ แต่ไม่เชื่อ กลุ่มนี้จะเผชิญภัยพิบัติถ้าในพื้นที่เขาไม่รุนแรง และมีพื้นฐานทางจิตดีพอสมควรก็จะรอดมาได้ แต่หลังจากนั้นก็จะ ไม่รอดเพราะไม่รู้จะดำรงชีวิตอยู่ต่ออย่างไรดี
3.กลุ่มที่รู้ เชื่อ แต่ประมาทไม่มีการเตรียมการอย่างจริงจัง
เขาจะรู้สึกเจ็บปวดมากในวันที่เกิดเหตุการณ์ขึ้นแล้ว แต่ไม่ได้เตรียมความพร้อมเอง
แต่อย่างไรก็ตามก็จะเป็นผู้รอด และเป้นกลุ่มที่เดินทางไกลอย่างเหน็ดเหนื่อย
เพื่อแสวงหาจุดช่วยเหลอ
4.กลุ่มที่รู้ เชื่อและไม่ประมาท มีความพร้อมและเตรียมทั้งตัวทั้งใจอย่างจริงจัง
ก็จะเป็นกลุ่มที่ไม่จบตรงหัวม้วน
จะจบเมื่อสิ้นอายุขัยจริงๆ
**************************
เลือกด้วยตัวเอง
เพราะการที่มาเสียดายที่ไม่ได้ทำเมื่อเวลามาถึง
มันน่าเสียดายกว่าที่ไร้นะ

ขอให้ทุกท่านเจริญในธรรม .........

 

เป็นตู้คอนเทนเนอร์แล้วยึดกับฐานเฉยๆ เป็นความคิดที่ดีมากครับ ถ้าภัยที่เกิดเป็นแผ่นดินไหว อย่างมากตู้ก็หลุดจากฐาน ไม่ได้พังลงเหมือนบ้าน เพราะเหล็กทนได้ทั้งแรกดึงและแรงอัด ถ้าเป็นปูนทนได้แต่แรงอัด ทนแรงดึงไม่ได้ ผมว่าไม่พังแน่นอนครับ อยู่ในนั้นก็น่าจะปลอดภัยกว่าอยู่ในบ้านแน่นอน (ยกเว้นตู้กลิ้งตกเขา ที่ตายแน่ๆ)

 

มีข้อสงสัย และไอเดียเสนอบางอย่างครับ
1) เวลาเหตุการณ์จะเกิด เราจะมีเวลาเตรียมตัวไม๊ครับ เท่าที่ลุงทราบข้อมูลมา เช่นมีแผ่นดินไหวเล็กๆมาก่อน ซัก 1-2วัน หรือว่าเกิดแล้วก็หนักเลย เตรียมตัวไม่ทัน
2) สภาวะสงครามจะเกิดก่อนหรือหลังภัยพิบัติครับ และเหตุการณ์จะกินเวลานานแค่ไหน
3) ผมเองมีภาระเยอะครับ ทั้งที่ทำงาน และครอบครัว การย้ายไปอยู่ถาวรเลย แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยครับ แต่ถ้าเตรียมพื้นที่หรือปัจจัยไว้เมื่อเกิดเหตุการณ์จึงเดินทางไป ผมมีความพร้อมที่จะทำได้ทันที
4) เวลาเกิดภัยพิบัติจริงๆ คงมีคนมาขอความช่วยเหลือมากแน่ๆ เรื่องอาหารและที่พัก น่าจะคิดเผื่อคนที่รอดตาย มาขอความช่วยเหลือด้วย เช่นว่าถ้ามีมาซักเป็นร้อย พัน หรือเป็นหมื่นคนจะทำยังไง
5) เรื่องอาหาร อาจจะเก็บเป็นผลผลิตทางการเกษตร ในพื้นที่แทน เช่น จ้างคนปลูกเผือก ปลูกมัน ปลูกไม้ผลไว้ คำนวณว่ากี่ไร่ถึงจะเพียงพอกับจำนวนคน ถ้าเหตุการณ์ยังไม่เกิดก็สามารถเก็บขายได้ตามปกติ
6) เรื่องที่พักสำหรับคนที่รอดตาย อาจจะเตรียมเป็นเต๊นท์สนามก็ได้ครับ ไม่ต้องก่อสร้าง ไม่แพงเงิน 3แสนอาจจะสร้างบ้านไม่ได้ แต่ถ้าเป็นเต๊นท์อาจช่วยคนได้ 2-3พันคน เตรียมการณ์ง่ายด้วย

 

ลุงเริ่มต้นศึกษาการปลูกพืชระบบหมุนเวียนใน
ห้องวงจรปิด
ลุงเริ่มทำด้วยตัวเองในการเพาะเลี้ยงเห็ดที่ ใช้พื้นที่ไม่มากแต่ได้อาหารเพียงพอ
สำหรับคนที่ทานอาหารน้อยๆ ได้
คนที่คุ้นเคยกับการทาน 1มื้ออย่างยาวนานได้
คำนวนแล้ว ขนาดพื้นที่ 6x6 เมตร
สามารถเพาะเลี้ยง เห็ด3ชนิด จนทานได้เพียงพอสำหรับ 2 คนได้ทั้งปี
ซึ่งเมื่อเกิดแผ่นดินไหวอย่างรุนแรง
จนทุกอย่างพินาศลงนั้นยังพอมีอาหารในพื้นที่บ้างพอสมควร
แต่ถ้ามีแสงเหนือ(ลุงคิดว่าเป็นการระเบิดของนิวเครียร์) จะทำให้อาหารที่มีอยู่นอกสถานที่ปิด
เป็นพิษหมดเลย
**********************************************
ลุงและทีมได้เตรียมตัวไปมากแล้ว เหลือเพียงสมาชิกอีก 7 ครอบครัว
และชุมชนข้างเคียงอีก 4 ชุมชน(ตามแปลนที่วางไว้ทั้งระบบจำนวน 80 ครอบครัว)

 

ขอให้ประเทสเรารอดปลอดภัยด้วยเถอะสาธุขอให้มีคนดีมากกว่าคนเลว

 

จะให้งบประมาณเท่าไหร่ค่ะ เพื่อการเตรียมตัวต่อ 1 คน

จะได้เตรียมการถูกค่ะ จะต้องเตรียมอย่างจริงจัง

แม้ว่าคนอื่นเขาจะหาว่าเราบ้า งมงาย

 

*****************************************************
วันที่มีคนคิดว่าจะสร้างเครื่องบินแม้จะเป็นฝันของคนที่อยากจะบิน
แต่ก็มีคนแสดงออกด้วยการบอกว่าบ้าจนถึงวันที่ มันบินได้จริงๆ
จึงจะยอมรับ
******************************************************
คนที่ไม่เคยฝึกจิตก็จะไม่มีวันเข้าใจเรื่องอภิญญาญาน และก็จะไม่มีวันเข้าใจ
หลานอย่าได้เสียใจที่เขาว่า เพราะความมุ่งมั่นของคนที่กล้าเดินทำให้เสียงที่เคย
หัวเราะเยาะคนคิดสร้างเครื่องบินหายไปตั้งแต่วันเริ่มบินจนถึงวันนี้ไง
******************************************************
ลุงกับเพื่อนๆ ไม่ได้ประมาณการกันไว้สำหรับงบประมาณ(เบื้องต้นนะ)
แต่ในส่วนตัวครอบครัว ลุงขณะนี้ตั้งงบไว้ที่ประมาณ 150,000 บาท
***ที่บานปลายออกไปกว่าที่ลุงคิดแต่แรก ก็คงเป็นเรื่องของ Save room ที่เพิ่มเติมเข้ามา
แต่ที่ในหมู่บ้าน ญี่ปุ่น จะมีเหมือนห้องประชุมนะที่มีความแข็งแรงมากคาดว่าเป็นพื้นที่
save room กลาง เพราะมีพื้นที่เหมือนโรงพยาบาล และที่เก็บอาหาร ในพื้นที่****

1. ค่าจัดทำSave room [โดยใช้ตู้คอนเทนเนอร์เก่า เท่าที่ลุงแวะดูก่อนที่จะกลับเชียงใหม่
มีให้เลือกมากมายหลายแบบหลายขนาดและราคาด้วย ลุงคำนวนกับเพื่อถ้าสร้างเองแพงกว่าหลายเท่า
สภาพในราคา 4-5 หมื่นบาทก็พอเอาไปใช้ได้นะ เพี่ยงแต่ต้องอาศัยไปปรับปรุงดัดแปลง
เพิ่มเติม บ้าง เช่น หน้าต่าง ประตู ระบบระบายอากาศ ( แต่ลุงแก่แล้วไม่มีแรงและความรู้ด้านช่างมาก เลยตัดสินใจซื้อที่ทำสำเร็จมาแล้วคือมีประตู หน้าต่างๆ และช่องระบายอากาศ ราคาเพิ่มขึ้นอีกพอสมควรถ้าสมาชิก มีการเตรียมการกันในส่วนนี้ ระยะแรก โดยการซื้อมาแล้วนำตบแต่งที่บ้านของตัวเองในขณะนี้ เป็นห้องหนึ่งที่บ้านและทดลองจำลองสถานการณ์เพื่อใช้ในการเตียมอุปกรณ์
ต้องขอบคุณบทความชองคุณเกษมที่ให้ความรู้มากมายที่ลุงไม่เคยได้เตรียมมาก่อน
วันนี้ก็คงครบขึ้น จากนั้นเมื่อมีความพร้อมก็ยกใส่ท้ายรถเทเลอร์ขึ้นเหนือ
ในส่วนของค่าใช้จ่ายเรื่องที่ดินนั้นในการเข้ามาอยู่ก็คงช่วยกันเรื่องค่าเช่าที่ปีละประมาณ 1,000 บาทต่อไร่ต่อปี กลุ่มแรก 20 ครอบครัว 70 ไร่ ก็ตกครอบครัวละ 3,500บาทต่อปี ก็ประมาณ วันละ 10 กว่าบาทต่อวันเท่านั้น) ]

2. ค่าจัดสร้างบ้านประกอบเข้ากับตู้คอนเทนเน่อร์
เพื่อไม่ให้สภาพบ้านดูเป็นตู้ๆวางจนเป็นที่ผิดสังเหตุของคนผ่านไปผ่านมามากเกินไป
แต่ลุงประมาณการไว้ที่ ประมาณ 50,000 บาท (เพราะลุงเคยสร้างกุฎิเล็กๆถวายก็ใช้เงินประมาณนี้)

3.ที่เหลือเป็นอุปกรณ์เฉพาะ ที่เตรียมการ
- แท๊งน้ำบรรจุเฉพาะน้ำดื่ม
(ประมาณความพร้อมเพาะดื่ม อยู่ที่ 1ลิตร/วัน/คน 100 วัน ครอบครัวลุง มี 4 คน ก็ขนาด 500 ลิตร
ก็เพียงพอสำหรับการดื่มประมาณ 100 วัน)
- อุปกรณ์สนาม เต๊น เป้ เครื่องมือสนาม อุปกรณ์ช่วยชีวิตทั้งหลาย ,ยารักษาโรค(ลุงก็ได้แต่เตรียมเท่าที่อาชีพของลุงจะช่วยคนได้)
- ยานพาหนะ (ลุงได้เตรียมไว้ก่อนแล้ว มีจักรยานวิบากแบบทนๆ รถมอร์เตอไซย์ แบบวิบาก(คงใช้จนกว่าจะหมดน้ำมันที่ลุงสำรองไว้ประมาณ 400 ลิตร)
- เครื่องนุ่งห่ม อุปกรณ์กันหนาว(ตอนนี้อุณภูมิที่พื้นที่ที่คุยกับเพื่อนของลุงที่เข้าไปในพื้นที่ตั้งหมู่บ้าน ตอนเช้าประมาณ 5 องศาเท่านั้นเอง )
ต่อคนคงมากหลายบาทอยู่ แต่กับครอบครัวคงไม่มากเกินไปกับการมีบ้าน1 หลัง



***************************************************
***ข่าวแจ้ง***
จนถึงวันนี้มีคนในเขตจังหวัดเชียงใหม่ ลำพูน(ที่เป็นสมาชิกเวบพลังจิต)
ติดต่อพูดคุยกัน เห็นด้วยกับแนวทาง
และยืนยันว่าจะเข้ามาสำรวจและใช้ชีวิต กับหมู่บ้าน(พุทธบุตร 1) แล้ว
จำนวน 5 ครอบครัว รวมกับกลุ่มของลุง 7 แล้ว รวมเป็น 12 ครอบครัวแล้ว
ประมาณ ปลายมกราคม 2550 จะเข้าไปปฏิบัติธรรมฝึกจิต และทำสมาธิ ร่วมกัน
ในพื้นที่และวางแผนการทำงานด้วยกัน
ลุงไม่แน่ใจว่าจะได้รับอนุญาตเรื่องที่กี่ไร่นะ แต่ในเบื้องต้น จำนวน 70 ไร่
ที่เป็นพื้นที่เช่า 30 ปี(ตั้งแต่ปี 2547) ของเพื่อนลุงเอง ก็สามารถเริ่มต้นไปก่อนได้
ยังไงลุงก็จะส่งข่าวเรื่อยๆนะ
สำหรับคนที่ไม่สบายใจเรื่องที่ดินนั้น
ในจังหวัดเชียงใหม่นั้น อำเภอแม่ริม แม่แตง สะเมิง ตอนใน กว่าร้อยละ 90 ที่ในพื้นที่ใกล้เคียงกัน
นั้น เป็นกลุ่มคนที่ใช้ลักษณะการเช่าป่าเพื่อทำผลประโยชน์ทั้งนั้น ค่าใช้จ่าย
มีค่าเช่าให้กรมป่าไม้ และภาษีบำรุงท้องที่ อย่าวิตกกังวลมาก
เพราะสุดท้าย ในกระแสแห่งโลก ธรรม นั้น สิ่งเหล่านี้ก็ไม่ใช่ของเราอยู่แล้ว
***************************************************
ปีใหม่แล้ว ขอให้อย่าประมาทในการใช้ชีวิตกับวันเวลาที่ผ่านไป
ขอทุกคน ได้เจริญในธรรม
**************************************************

 

จะคอยติดตามข่าวสารของคุณ ลุงคนเชียงใหม่อยู่เรื่อยๆนะคะ
เพราะลำพังเป็นผู้หญิงตัวคนเดียว อายุก็มากแล้ว หลานๆ น้องๆ
เขาก็กำลังทำมาหากินกันอยู่ ก็มีแต่ตัวเราเป็นข้าราชการเกษียณ
แบบอายุไม่แก่มาก 50ปีกว่าๆเอง ถ้าขับรถเองเป็นคงขับรถไป ร่วม
กลุ่มที่เชียงใหม่แล้วหล่ะค่ะ เพราะเชื่อในเรื่องภัยพิบัติของโลก มานานแล้ว
สมัยอยู่ที่ทำงานพูดให้เพื่อนร่วมงานฟังบ่อยๆ จนเวลาเกิดเหตุร้ายแรง
น้องๆที่ทำงานเขาจะบอกว่า ..คิดถึงพี่..( หมายถึงเราคนช่างเล่าเรื่องที่อ่านเจอให้เขาฟังหลายๆเรื่องค่ะ)
ขออนุโมทนาในสิ่งที่คุณลุงคนเชียงใหม่ทำด้วยความจริงใจค่ะ
ถึงเวลานั้นจริงๆ ถ้าบุญดิฉันจะรอดก็คงรอด แต่ถ้าไม่รอดก็จะพยามไม่ตื่นตระหนกค่ะ เพราะคิดไว้เสมอว่า
"ทุกอย่างต้องเป็นไปตามกรรม"

 

ยามนั้นจะบังเกิด ฝนกรด ต่อเนื่องยาวนาน โลหะย่อมสึกกร่อนรวดเร็วเป็นพิเศษ

 

เรื่อง container ขอแนะนำให้ติดต่อซื้อจากสถานที่ก่อสร้างขนาดใหญ่ เช่น
โรงไฟฟ้า ซึ่งขณะนี้มีการก่อสร้างอยู่หลายโครงการด้วยกัน จะสามารถซื้อได้ในราคาถูก เพราะมีการนำเข้าในระบบ BOI ไม่ต้องเสียภาษีโดยภายใน container จะบรรจุวัสดุที่ใช้ในการก่อสร้างซึ่งเมื่อนำของภายในตู้ไปใช้เรียบร้อยแล้วก็จะทำให้มีตู้เปล่าเหลือเป็นจำนวนมาก พวกที่สมองใสก็ไปประมูลมาในราคาถูกแล้วก็นำมาดัดแปลง ประยุกต์ขายในราคาแพงๆ ต้นทุนที่ซื้อมาตู้ขนาด 40 ฟุต ราคาไม่เกิน 25,000 บาท ที่ผมทราบเพราะผมทำงานเกี่ยวกับการก่อสร้างขนาดใหญ่มาตลอด เคยคิดจะซื้อเหมือนกันแต่ติดปัญหาเรื่องการขนย้าย เพราะต้องใช้รถเครนและรถเทรเลอร์ซึ่งค่าใช้จ่ายสูง แต่ถ้าซื้อแบบที่เขาทำสำเร็จแล้ว เขาจะบริการส่งให้ถึงที่เลย ประหยัดเรื่องค่าขนย้ายไปได้
ก็แล้วแต่สะดวกก็แล้วกันครับ แต่ถ้าใครคิดจะซื้อตู้เปล่าเพื่อนำไปดัดแปลงก็พอแนะนำได้ครับ นี่ผมก็เพิ่งจบจากโครงการโรงไฟฟ้า BLCP ที่ระยองมาครับ
ตู้ container เหลือเพียบ มีบริษัทผู้รับเหมามาซื้อไปแล้ว 3 ตู้ ราคาไม่ทราบ
เหมือนกัน แต่คงไม่เกินที่กล่าวไว้แล้วข้างต้น
ยังก็ขอรบกวนคุณลุงคนเชียงใหม่ ช่วยจับจองพื้นที่ไว้ให้ด้วยสักครอบครัวหนึ่ง เผื่อจะได้ไปร่วมด้วยช่วยกันครับ