สมาธิในบ้านทุกท่านทำได้จริง

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย บดินทร์จ้า, 17 มิถุนายน 2008.

  1. นายตถาตา

    นายตถาตา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มกราคม 2010
    โพสต์:
    830
    ค่าพลัง:
    +705
    ถ้าศีล5รักษาไม่ครบหมดสิทธิได้ฌานช่ายหรือป่าวครับ สงสัยมานานแล้ว
     
  2. Apinya17

    Apinya17 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    775
    ค่าพลัง:
    +3,022
    ใช่จ้า ความดีแค่ห้าข้อแบบจิ๊บๆ ยังทำไม่ได้เลย อย่างอื่นก็หมดสิทธิ จ๊ะ มีแต่ประตูอบายภูมิยังเปิดรอท่านอยู่น่ะ
     
  3. บดินทร์จ้า

    บดินทร์จ้า เจโตวิมุตติ-ปัญญาวิมุตติ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    493
    ค่าพลัง:
    +749
    แบบนี้เป็นการเจริญสติปัฏฐาน๔ กาย เวทนา จิต ธรรม เมื่อจิตสงบแล้ว ควรโน้มจิตมาที่เวทนา เพื่อดูจิตตสังขาร (การปรุงแต่งของจิต ) ที่ทำให้เกิดสุข ทุกข์
    ความไม่สุขไม่ทุกข์ อันเกิดจาก รูป เสียง กลิ่น รส กายสัมผัส ธรรมอารมณ์ ครับ
     
  4. บดินทร์จ้า

    บดินทร์จ้า เจโตวิมุตติ-ปัญญาวิมุตติ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    493
    ค่าพลัง:
    +749
    [FONT=&quot] รูปฌาน ๔[/FONT]
    [FONT=&quot] [๑๕๗] ดูกรอานนท์ มัคคปฏิปทาที่เป็นไปเพื่อละโอรัมภาคิยสังโยชน์ ๕ เป็นไฉน?<o></o>[/FONT]
    [FONT=&quot]ดูกรอานนท์ ภิกษุในธรรมวินัยนี้ สงัดจากกาม สงัดจากอกุศลธรรมเพราะอุปธิวิเวก เพราะละ [/FONT][FONT=&quot]<o></o>[/FONT]
    [FONT=&quot]กุศลธรรมได้ เพราะระงับความคร้านกายได้โดยประการทั้งปวง บรรลุปฐมฌาน มีวิตก มีวิจาร [/FONT][FONT=&quot]<o></o>[/FONT]
    [FONT=&quot]มีปีติและสุขเกิดแต่วิเวกอยู่ เธอพิจารณาเห็นธรรมทั้งหลาย คือ รูป เวทนา สัญญา สังขาร [/FONT][FONT=&quot]<o></o>[/FONT]
    [FONT=&quot]วิญญาณ ซึ่งมีอยู่ในกาย ในสมาบัตินั้น โดยความเป็นของไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นโรค เป็น [/FONT][FONT=&quot]<o></o>[/FONT]
    [FONT=&quot]ดังหัวฝี เป็นดังลูกศร เป็นความลำบาก เป็นไข้ เป็นอื่น เป็นของทรุดโทรม เป็นของสูญ [/FONT][FONT=&quot]<o></o>[/FONT]
    [FONT=&quot]
    [/FONT]
    [FONT=&quot]พระสุตตันตปิฎก เล่ม ๕ มัชฌิมนิกาย มัชฌิมปัณณาสก์ - หน้าที่ [/FONT][FONT=&quot]127<o></o>[/FONT]
    [FONT=&quot]เป็นของมิใช่ตัวตน. เธอย่อมเปลื้องจิตจากธรรมเหล่านั้น ครั้นเธอเปลื้องจิตจากธรรมเหล่านั้นแล้ว[/FONT][FONT=&quot]<o></o>[/FONT]
    [FONT=&quot]ย่อมน้อมจิตไปในอมตธาตุว่า ธรรมชาตินี้สงบ ธรรมชาตินี้ประณีต คือ ธรรมเป็นที่สงบสังขาร [/FONT][FONT=&quot]<o></o>[/FONT]
    [FONT=&quot]ทั้งปวง เป็นที่สละคืนอุปธิทั้งปวง เป็นที่สิ้นไปแห่งตัณหา เป็นที่สิ้นกำหนัด เป็นที่ดับสนิท [/FONT][FONT=&quot]<o></o>[/FONT]
    [FONT=&quot]เป็นที่ดับกิเลส และกองทุกข์ดังนี้. เธอตั้งอยู่ในวิปัสสนา อันมีไตรลักษณ์เป็นอารมณ์นั้น ย่อม [/FONT][FONT=&quot]<o></o>[/FONT]
    [FONT=&quot]บรรลุธรรมเป็นที่สิ้นไปแห่งอาสวะทั้งหลาย ถ้ายังไม่บรรลุธรรมเป็นที่สิ้นไปแห่งอาสวะทั้งหลาย [/FONT][FONT=&quot]<o></o>[/FONT]
    [FONT=&quot]ย่อมเป็นโอปปาติกะ จักปรินิพพานในภพนั้น มีอันไม่กลับจากโลกนั้นเป็นธรรมดา เพราะ [/FONT][FONT=&quot]<o></o>[/FONT]
    [FONT=&quot]ความยินดี ความเพลิดเพลินในธรรมนั้น และเพราะสิ้นไปแห่งโอรัมภาคิยสังโยชน์ทั้ง ๕ ดูกร [/FONT][FONT=&quot]<o></o>[/FONT]
    [FONT=&quot]อานนท์ มรรคแม้นี้แล ปฏิปทาแม้นี้แล ย่อมเป็นไปเพื่อละโอรัมภาคิยสังโยชน์ ๕. [/FONT][FONT=&quot]<o></o>[/FONT]
    [FONT=&quot] ดูกรอานนท์ อีกประการหนึ่ง ภิกษุบรรลุทุติยฌาน มีความผ่องใสแห่งจิตในภายใน [/FONT][FONT=&quot]<o></o>[/FONT]
    [FONT=&quot]เป็นธรรมเอกผุดขึ้น ไม่มีวิตก ไม่มีวิจาร เพราะวิตกวิจารสงบไป มีปีติและสุขเกิดแต่สมาธิอยู่. [/FONT][FONT=&quot]<o></o>[/FONT]
    [FONT=&quot] ดูกรอานนท์ อีกประการหนึ่ง ภิกษุมีอุเบกขา มีสติสัมปชัญญะอยู่ และเสวยสุข [/FONT][FONT=&quot]<o></o>[/FONT]
    [FONT=&quot]ด้วยนามกาย เพราะปีติสิ้นไป บรรลุตติยฌานที่พระอริยะทั้งหลายสรรเสริญว่า ผู้ได้ฌานนี้ [/FONT][FONT=&quot]<o></o>[/FONT]
    [FONT=&quot]เป็นผู้มีอุเบกขา มีสติ อยู่เป็นสุข.[/FONT][FONT=&quot]<o></o>[/FONT]
    [FONT=&quot] ดูกรอานนท์ อีกประการหนึ่ง ภิกษุบรรลุจตุตถฌาน ไม่มีทุกข์ ไม่มีสุข เพราะละสุข [/FONT][FONT=&quot]<o></o>[/FONT]
    [FONT=&quot]ละทุกข์ และดับโสมนัสโทมนัสก่อนๆ ได้ มีอุเบกขาเป็นเหตุให้สติบริสุทธิ์อยู่. เธอพิจารณา[/FONT][FONT=&quot]<o></o>[/FONT]
    [FONT=&quot]เห็นธรรมทั้งหลาย คือ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ซึ่งมีอยู่ในภายในสมาบัตินั้น ฯลฯ [/FONT][FONT=&quot]<o></o>[/FONT]
    [FONT=&quot]เพื่อละสังโยชน์ [/FONT][FONT=&quot]<o></o>[/FONT]
    [FONT=&quot] อรูปฌาน [/FONT][FONT=&quot]<o></o>[/FONT]
    [FONT=&quot] [๑๕๘] ดูกรอานนท์ ภิกษุบรรลุ อากาสานัญจายตนฌาน ด้วยบริกรรมว่า อากาศ <o></o>[/FONT]
    [FONT=&quot]ไม่มีที่สุด เพราะก้าวล่วงรูปสัญญา เพราะดับปฏิฆสัญญา และเพราะไม่มนสิการนานัตตสัญญา [/FONT][FONT=&quot]<o></o>[/FONT]
    [FONT=&quot]โดยประการทั้งปวง เธอย่อมพิจารณาเห็นธรรมเหล่านั้นคือ เวทนา สัญญา สังขารวิญญาณ ซึ่ง [/FONT][FONT=&quot]<o></o>[/FONT]
    [FONT=&quot]มีอยู่ในฌานนั้นโดยความไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นโรค เป็นดังหัวฝี เป็นดังลูกศร เป็นความลำบาก [/FONT][FONT=&quot]<o></o>[/FONT]
    [FONT=&quot]เป็นไข้ เป็นอื่น เป็นของทรุดโทรม เป็นของสูญ เป็นของไม่มีตัวตน. เธอให้จิตดำเนินไปด้วย[/FONT][FONT=&quot]<o></o>[/FONT]
    [FONT=&quot]ธรรมเหล่านั้น ครั้นให้จิตดำเนินไปด้วยธรรมเหล่านั้นแล้ว ย่อมน้อมจิตเข้าหาธาติอันเป็นอมตะว่า [/FONT][FONT=&quot]<o></o>[/FONT]
    [FONT=&quot]นั้นมีอยู่ นั่นประณีต คือสงบสังขารทั้งปวง สละคืนอุปธิทั้งปวง สิ้นตัณหา ปราศจากราคะ [/FONT][FONT=&quot]<o></o>[/FONT]
    [FONT=&quot]ดับสนิท นิพพาน เธอตั้งอยู่ในฌานนั้น ย่อมบรรลุการสิ้น ถ้าไม่บรรลุ จะเป็นโอปปาติกะ [/FONT][FONT=&quot]<o></o>[/FONT]
    [FONT=&quot]
    [/FONT]
    [FONT=&quot]พระสุตตันตปิฎก เล่ม ๕ มัชฌิมนิกาย มัชฌิมปัณณาสก์ - หน้าที่ [/FONT][FONT=&quot]128<o></o>[/FONT]
    [FONT=&quot]ปรินิพพานในภพนั้น มีอันไม่กลับจากโลกนั้นเป็นธรรมดา เพราะสิ้นโอรัมภาคิยสังโยชน์ ๕ [/FONT][FONT=&quot]<o></o>[/FONT]
    [FONT=&quot]ด้วยความเพลิดเพลินในธรรมนั้น ด้วยความยินดีในธรรมนั้นแล ดูกรอานนท์ มรรคแม้นี้ [/FONT][FONT=&quot]<o></o>[/FONT]
    [FONT=&quot]ปฏิปทานี้แล ย่อมเป็นไปเพื่อละโอรัมภาคิยสังโยชน์ ๕[/FONT][FONT=&quot]<o></o>[/FONT]
    [FONT=&quot] ดูกรอานนท์ก็ข้ออื่นยังมีอยู่อีก ภิกษุก้าวล่วงอากาสานัญจายตนะ โดยประการทั้งปวง [/FONT][FONT=&quot]<o></o>[/FONT]
    [FONT=&quot]บรรลุวิญญานัญจายตนฌาน ด้วยมนสิการว่า วิญญาณไม่มีที่สุดอยู่. เธอพิจารณาธรรมเหล่านั้น [/FONT][FONT=&quot]<o></o>[/FONT]
    [FONT=&quot]คือเวทนา ซึ่งมีอยู่ในฌานนั้น ฯลฯ เพื่อละสังโยชน์. อานนท์ ก็ข้ออื่นยังมีอยู่อีก ภิกษุก้าวล่วง [/FONT][FONT=&quot]<o></o>[/FONT]
    [FONT=&quot]วิญญานัญจายตนะ บรรลุอากิญจัญญายตนะด้วยมนสิการว่า หน่อยหนึ่งย่อมไม่มีอยู่. เธอพิจารณา[/FONT][FONT=&quot]<o></o>[/FONT]
    [FONT=&quot]เห็นธรรมเหล่านั้น คือ เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ซึ่งมีอยู่ในอรูปฌานนั้น โดยความ [/FONT][FONT=&quot]<o></o>[/FONT]
    [FONT=&quot]ไม่เที่ยงเป็นทุกข์ เป็นโรค เป็นดังหัวฝี เป็นดังลูกศร เป็นความลำบาก เป็นไข้ เป็นอื่น [/FONT][FONT=&quot]<o></o>[/FONT]
    [FONT=&quot]เป็นของทรุดโทรม เป็นของว่างเปล่า ไม่มีตัวตน. เธอให้จิตดำเนินไปด้วยธรรมเหล่านั้น เธอ [/FONT][FONT=&quot]<o></o>[/FONT]
    [FONT=&quot]รั้นให้จิตดำเนินไปด้วยธรรมเหล่านั้นแล้ว ย่อมน้อมจิตเข้าหาธรรมธาตุอันเป็นอมตะว่า นั่นมีอยู่ [/FONT][FONT=&quot]<o></o>[/FONT]
    [FONT=&quot]นั่นประณีต คือการสงบสังขารทั้งปวง การสละคืนอุปธิทั้งปวง ตัณหักขยะ วิราคะ นิโรธ [/FONT][FONT=&quot]<o></o>[/FONT]
    [FONT=&quot]นิพพาน ดังนี้. เธอตั้งอยู่ในอากิญจัญญายตนะนั้น ย่อมถึงการสิ้นอาสวะ ถ้าไม่ถึงการสิ้นอาสวะ [/FONT][FONT=&quot]<o></o>[/FONT]
    [FONT=&quot]จะเป็นโอปปาติกะปรินิพพานในที่นั้น มีอันไม่กลับจากโลกนั้นเป็นธรรมดา เพราะสิ้นโอรัมภาคิย [/FONT][FONT=&quot]<o></o>[/FONT]
    [FONT=&quot]สังโยชน์ ๕ เพราะความเพลิดเพลินในธรรม เพราะความยินดีในธรรมนั้นนั่นแล. ดูกรอานนท์ [/FONT][FONT=&quot]<o></o>[/FONT]
    [FONT=&quot]มรรคปฏิปทานี้แล ย่อมเป็นไปเพื่อละโอรัมภาคิยสังโยชน์ ๕ [/FONT][FONT=&quot]<o></o>[/FONT]
    [FONT=&quot] [๑๕๙] ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ถ้ามรรคนี้ ปฏิปทานี้ ย่อมเป็นไปเพื่อละโอรัมภาคิย <o></o>[/FONT]
    [FONT=&quot]สังโยชน์ ๕ เมื่อเป็นอย่างนั้น เพราะเหตุไร ภิกษุบางพวกในพระศาสนานี้ จึงเป็นเจโตวิมุติ [/FONT][FONT=&quot]<o></o>[/FONT]
    [FONT=&quot]บางพวกเป็นปัญญาวิมุติเล่า. [/FONT][FONT=&quot]<o></o>[/FONT]
    [FONT=&quot] ดูกรอานนท์ ในเรื่องนี้ เรากล่าวความต่างกันแห่งอินทรีย์ ของภิกษุเหล่านั้น. [/FONT][FONT=&quot]<o></o>[/FONT]
    [FONT=&quot] พระผู้มีพระภาคได้ตรัสพระพุทธพจน์นี้แล้ว ท่านพระอานนท์มีใจยินดีชื่นชมพระภาษิต [/FONT][FONT=&quot]<o></o>[/FONT]
    [FONT=&quot]ของพระผู้มีพระภาค ดังนี้แล. [/FONT][FONT=&quot]<o></o>[/FONT]
    [FONT=&quot] จบ มหามาลุงโกฺยวาทสูตร ที่ ๔. [/FONT][FONT=&quot]<o></o>[/FONT]
     
  5. นายตถาตา

    นายตถาตา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มกราคม 2010
    โพสต์:
    830
    ค่าพลัง:
    +705
    โหท่าน ท่านคิดว่าศีล5ข้อนี่แบบจิ๊บ ๆหรือครับ ผมว่ามันเป็นศีลใหญ่ที่ปฏิบัติให้บริสุทธ์ได้ยากเหมือนกันน๊ะครับเคยอ่านเกี่ยวกับศีลมามันละเอียดกว่าที่คิดไว้เยอะเคยได้ยินมาว่าแค่เด็กแย่งตุ๊กตากันก็ผิดศีลข้อกาเมแล้วล่ะครับหรือแค่ไปว่าเขาว่าทำอาหารไม่อร่อยนี่ก็ผิดมุสาแล้วน๊ะ(ทั้ง ๆที่พูดแบบตรง ๆ)ข้อ5สุราเมรัย(มันรวมของหมักดองด้วยอีก) เขาว่าไม่เฉพาะรักษาเท่านั้นต้องไม่ยินดีหรือสนับสนุนในสิ่งที่ด้วยเช่นถ้าคุณไม่ดื่มเหล้าแต่ได้ของฝากเป็นเหล้าคุณเอาไปให้คนอื่นนี่ก็ผิดแล้วล่ะครับ(แทนที่จะไม่รับของนั้นหรือถ้ารู้แล้วก็เอาโยนทิ้งไปแต่เอาไปให้คนที่ดื่มกินนี่ก็จะผิดตรงประเด็นเลยล่ะ(คือสนับสนุนโดยทางอ้อมทั้ง ๆที่รู้ว่ามันมีโทษ)
     
  6. Apinya17

    Apinya17 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    775
    ค่าพลัง:
    +3,022

    อะนะ อาจจะยากสำหรับคนอื่นก็เป็นไปได้ โดยส่วนตัวเรา เลี่ยงการพูดคุยกับบุคคลอื่นให้น้อยลง คุยเฉพาะเรื่องที่จำเป็น ไม่สนใจจริยาหรือเรื่องชาวบ้าน เพราะวิถีชีวิตเรามันเป็นเช่นนั้น หรือจะพูดอะไรก็ให้พูดแบบกลางๆ เรื่องสุราอันนี้ตัดไปได้เลยไม่มี หรือเพราะเราโชคดีวิถีชีวิตเราได้เห็นสัจจะธรรมอยู่เป็นอาจิณเราทำงานที่ต้องพบเห็นกับคนแก่ ทั้งป่วยทั้งไร้ญาติพี่น้อง มีแต่ความทุกข์เรื่องสังขาร ทุกข์ของการที่ไม่สามารถละวางสังขารได้ ทุกข์ที่ไม่ยอมรับว่าตัวเองแก่ ตัวเองต้องมีโรคภัยเบียดเบียน และทุกข์กลัวว่าจะตาย ท่านก็ลองปรับเปลี่ยนนิสัยหรือกิจวัตรประจำวันของท่านดู ถ้าทำเป็นอาจิณ มันจะเป็นไปโดยอัตโนมัติ
     
  7. Apinya17

    Apinya17 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    775
    ค่าพลัง:
    +3,022
    มีความผ่องใสแห่งจิตในภายใน [FONT=&quot]<O></O>[/FONT]
    [FONT=&quot]เป็นธรรมเอกผุดขึ้น ไม่มีวิตก ไม่มีวิจาร เพราะวิตกวิจารสงบไป มีปีติและสุขเกิดแต่สมาธิอยู่. [/FONT][FONT=&quot]<O></O>[/FONT]
    [FONT=&quot]ดูกรอานนท์ อีกประการหนึ่ง ภิกษุมีอุเบกขา มีสติสัมปชัญญะอยู่ และเสวยสุข [/FONT][FONT=&quot]<O></O>[/FONT]
    [FONT=&quot]ด้วยนามกาย เพราะปีติสิ้นไป บรรลุตติยฌานที่พระอริยะทั้งหลายสรรเสริญว่า ผู้ได้ฌานนี้ [/FONT][FONT=&quot]<O></O>[/FONT]
    [FONT=&quot]เป็นผู้มีอุเบกขา มีสติ อยู่เป็นสุข.[/FONT]
    [FONT=&quot]<O></O>[/FONT]

    อนุโมทนาค่ะ
     
  8. นายตถาตา

    นายตถาตา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มกราคม 2010
    โพสต์:
    830
    ค่าพลัง:
    +705
    อนุโมทนาครับ แต่อย่าหลงกับสิ่งที่เห็น มันเห็นจริงแต่ไม่จริงครับ นักปฏิบัติหลงกันเยอะ
     
  9. Apinya17

    Apinya17 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    775
    ค่าพลัง:
    +3,022
    สวัสดี ท่านเจ้าของกะทู้ มาอีกแล้วค่ะ

    มาเล่าบันทึกการทำสมาธิวันที่ 28 มค. ปกติเราก็ทำสมาธิทุกวันแหละ เริ่มมาตั้งแต่ 17 ธค ปี 52 จะว่าไปก็ไม่นานเท่าไหร่เลย ครั้งนี้ทำสมาธิตอนสายๆ ก่อนทำสมาธิ เราก็ เดินจงกลม ฟังเทปหลวงพ่อฤาษีไปด้วย ครึ่งชั่วโมง จากนั้น นอนทำสมาธิต่อ การอาการสั่นวูบตรงช่วงหน้าอก จริงๆ มีอาการนี้แบบอ่อนๆคืนก่อนฟังเทปหลวงพ่อแล้ว ภาวนาพุทโธไปด้วยก็มีอาการนี้ แต่เป็นแบบเบาๆ แต่ครั้งนี้ อาการเริ่มจากมีอะไรมาวูบตรงหน้าอก วูบเล็กๆ ก่อน แต่เราก็ยังภาวนาอยู่น่ะ แต่รู้สึกเหมือนบางที องค์ภาวนาจะหาย เพราะนับๆ แล้วมันหายไป เอ๊ะนับถึงไหน แล้วหว่า อ้าว นับเริ่มใหม่อีก อ้าว หายอีก ตัวเลขหาย พุทโธเฉยๆ ดีกว่า พุทโธ เฉยๆ ไม่หาย แต่ลมแผ่วจริงๆ แต่อาการ วูบหน้าอก แล้วขยายการสั่นสะท้าน เหมือนฉากไดโนเสาร์เดิน ตูมๆ สั่นสะเทือน แผ่นดิน แผ่นน้ำ ตอนแรกๆ ก็ไม่สั่นสะท้านมากเท่าไหร่
    วูบอยู่หลายครั้ง ครั้งสุดท้าย สั้นสะท้านออกจากหน้าอกไปทั่วร่างกายสู่ปลายเท้าเลยรุนแรงจริงๆ แต่เราไม่ได้ตกใจ ใจเรานิ่งได้แบบเหมือนว่ามันไม่เกิดอะไร แล้วมันก็หายไป และลมหายใจเราก็กลับมารู้สึกเหมือนหายใจปกติ
    อันนี้เราแน่ใจว่าไม่ใช่อาการของร่างกายสั่นไม่ใช่....มันคืออะไรหนอ


    ไม่หวังจะรู้อยากเห็น ก็จะเห็นได้รู้
    แต่หวังจะรู้อยากเห็น ก็จะไม่ได้ทั้งรู้เห็น

    สงสัยจะจริงๆ ดังที่หลายๆท่านว่ากัน
     
  10. บดินทร์จ้า

    บดินทร์จ้า เจโตวิมุตติ-ปัญญาวิมุตติ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    493
    ค่าพลัง:
    +749
    จิตเริ่มรวมตัวบริเวณหน้าอก ท่านเริ่มกำเนิดจิตได้ ทีนี้กำเนิดย้ายจิต โดยดึงสติมาไว้บริเวณหน้าท้องเหนือสะดือ แล้วดูว่าเวลาเราโกรธ ลมหายใจเป็นเช่นไร เวลาเรามีความสุข ลมหายใจเป็นเช่นไร สรุปคือ จิตมีราคะก็รู้ จิตมีโทสะก็รู้ จิตมีโมหะก็รู้ (จิตเฉยๆ ไม่รู้ว่ามันไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา) จิตตั้งมั่นก็รู้(จับลมหายใจได้ ๓ ฐาน ไม่มีความหวั่นไหวใดๆในกามคุณ ๕ ไหลเหมือนสายน้ำกระทบทั้ง ๓ ฐาน) แค่นี้ก่อนนะครับ ใช้เวลาประมาณ 1 เดือนครับ หรือน้อยกว่
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 กุมภาพันธ์ 2010
  11. บดินทร์จ้า

    บดินทร์จ้า เจโตวิมุตติ-ปัญญาวิมุตติ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    493
    ค่าพลัง:
    +749
    SONICx ปฏิบัติธรรมเป็นอย่างไรบ้าง เอ๋ย หายไปเลย
    การใช้มโนมยิทธินั้น ให้ถอดกายทิพย์จนเป็นแก้วใสแล้วมีแสงสว่างรอบๆกาย เหมือนแสงสว่างจ้าในคืนพระจันทร์เต็มดวง แล้วใช้มโนมยิทธิไปให้สุดโลก ไปนั่งดูโลกทั้งใบ และใช้ไปเบื้องต่ำสุดของโลก แล้วจะพบว่า อืม ลอยต่อระหว่าง รูปฌาน และ อรูปฌาน เป็นที่พระพุทธองค์เข้าพระนิพพาน ระหว่างช่วงนี้ แล้วให้พยายามดับตัณหา ซึ่งจะดับได้เมื่อเวทนาดับ เวทนาจะดับได้เพราะผัสสะดับ ผัสสะจะดับได้ เมื่อนามรูปดับ ดับทั้งจิตทั้งใจไม่เหลือไปสร้างภพชาติใหม่ จบข่าว
     
  12. SONICx

    SONICx เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    113
    ค่าพลัง:
    +225
    สวัสดีครับพี่..ดีใจมากเลย ที่ยังคิดถึงผม..
     
  13. SONICx

    SONICx เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    113
    ค่าพลัง:
    +225
    ผม เจริญกสิณไฟไปแตะฌาน 4 ได้แล้วครับ แต่ยังไม่ค่อยชำนาญ ผมใช้ดวงอาทิยต์ยามเย็น ที่เป็นสีแดงๆ เป็นดวงกสิณ พลังมันมหาศาลจริงๆครับ..
    ผมถอดจิตออกมา ยังไม่อยากไปไหนครับ สำรวจรอบๆบ้านตนเองอยู่ กำลังยังไม่มากพอครับ
    ผมเจริญสติอย่างต่อเนื่อง เจริญสมาธิยามเช้าครับ สำหนับการเจริญปัญญาก็ทำไปพร้อมๆกันเพื่อถอดถอนกิเลสครับ..

    ปล. ซักวันคงได้เจอกันนะครับพี่
     
  14. SONICx

    SONICx เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    113
    ค่าพลัง:
    +225
    เหตุที่ต้องเจริญกสิณไฟ เพราะผมเคยโดนพวกสัมภเวสีมาคุกคามครับ คือเขาคงมาขอความช่วยเหลือจากเรานั่นแหละ แต่ วิธีการและการมาแต่ละครั้ง ยังกะจะมาฆ่ามาแกงกัน เลย มีอภิญญาไว้บ้างเพื่อต้านๆไว้หน่อย จะได้คุยกันสะดวกครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 มีนาคม 2010
  15. SONICx

    SONICx เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    113
    ค่าพลัง:
    +225
    อารมณ์ในกสิณไฟนี่มันมหัศจรรย์พิลึกครับพี่ อุคหนิมิตก็สว่างจ้า ยิ่งปฏิภาคนิมิตไม่ต้องพูดถึงสวยงามมาก
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 มีนาคม 2010
  16. SONICx

    SONICx เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    113
    ค่าพลัง:
    +225
    พี่ครับ อรูป ทำไงต่อครับ
     
  17. บดินทร์จ้า

    บดินทร์จ้า เจโตวิมุตติ-ปัญญาวิมุตติ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    493
    ค่าพลัง:
    +749
    ใช่ครับ สวยงามมากครับ เหนือคำอธิบาย ให้สังเกตสีของไฟด้วยนะครับ ดูที่เตาแก๊สหรือไฟแช็กหรือแสงเทียนก็ได้ว่ามีกี่สี สีอะไรที่ร้อนที่สุด บีบนิมิตให้เป็นสีนั้นจะมีอนุภาพและร้อนแรงมาก
     
  18. บดินทร์จ้า

    บดินทร์จ้า เจโตวิมุตติ-ปัญญาวิมุตติ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    493
    ค่าพลัง:
    +749
    การฝึกอรูปไม่ใช่ของง่ายนักครับ ต้องทำความเข้าใจการเกิดรูปนิมิต ว่าเกิดเช่นไรถึงจะแตกออกเป็นอรูปได้ครับ ตัวอย่าง สมมุติหน้าจอเป็นสีดำทั้งจอ แล้วใส่วงสีขาวลงไปในสีดำ แล้วแยกเม็ดสีขาวให้กระจายไปทั้งจอ เมื่อกระจายเต็มแล้วให้เพ่งอรูปนั้นจนเป็นแก้วใส เกิดเป็นประกายแก้ว แล้วดึงสมาธิมาที่อารมณ์ปัจจุบันดับขันธ์ ๕ ในปัจจุบัน ครับ การระลึกชาติได้ เป็นขันธ์อดีต การใช้มโนมยิทธิได้เป็นขันธ์ส่วนอนาคต การพิจารณาอารมณ์ที่เราไปยึดเกาะอันทำให้เกิดตัณหา อุปาทานเป็นขันธ์ส่วนปัจจุบันครับ
     
  19. SONICx

    SONICx เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    113
    ค่าพลัง:
    +225
    พี่ครับ ขอทราบหลักการเดินปัญญา ครับ พอจะแนนำได้บ้างมั้ยครับ
     
  20. Apinya17

    Apinya17 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    775
    ค่าพลัง:
    +3,022
    คุณ SONicx :cool::cool:

    เก่งจัง ....เลย ฝึกนานไหมค่ะ กว่าจะเพ่งได้เป็นประกายพรึกแบบนี้

    ส่วนด้วยข้าเจ้า... ยังไม่ไปไหนเลย ขึ้นๆ ลงๆ สามวันดี สี่วันทรุด



    สีน้ำเงินใช่ไหมค่ะ ที่ร้อนแรง

    [​IMG]
     

แชร์หน้านี้

Loading...