สัปคับคชาธารพระที่นั่งบนหลังช้างของกษัตริย์นักรบ

ในห้อง 'ท่องเที่ยว - อาหารการกิน' ตั้งกระทู้โดย คือ~ว่างเปล่า!, 9 ตุลาคม 2008.

  1. คือ~ว่างเปล่า!

    คือ~ว่างเปล่า! เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 เมษายน 2008
    โพสต์:
    1,647
    ค่าพลัง:
    +473
    'สัปคับคชาธาร'พระที่นั่งบนหลังช้างของกษัตริย์นักรบ

    สัปคับคชาธาร พระที่นั่งบนหลังช้างของกษัตริย์นักรบ

    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=500 border=0><TBODY><TR><TD>รายงานโดย :เรื่อง : ชุติมา สุวรรณเพิ่ม:

    </TD><TD>วันพฤหัสบดีที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2551

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    งานศิลป์ชิ้นเอก 10 ชิ้น ที่จัดทำขึ้นเป็นพิเศษสำหรับนิทรรศการศิลป์แผ่นดิน ครั้งที่ 5 ณ พระที่นั่งอนันตสมาคม ผลงานที่พลาดชมกันไม่ได้เลย


    [​IMG]


    อาทิ สีวิกากาญจน์ เรือพระที่นั่งจำลองศรีสุพรรณหงส์ ฉากผ้าปักป่าหิมพานต์ ฉากไม้แกะสลักตำนานเพชรรัตน์ นอกจากชิ้นเหล่านี้แล้วก็ยังมีผลงานศิลป์ชิ้นเอกอีกชิ้นหนึ่ง เป็นพระที่นั่งบนหลังช้าง คือ สัปคับพระคชาธาร สำหรับพระมหากษัตริย์สยามชาตินักรบใช้ในเวลาออกศึกสงคราม
    สัปคับองค์นี้โดดเด่นที่สุด และต่างจากสัปคับองค์อื่นๆ ซึ่งจัดแสดงไว้ในนิทรรศการด้วยหลายชิ้น เช่น สัปคับจำหลักไม้ สัปคับคร่ำทอง และสัปคับถมทอง
    สัปคับพระคชาธาร เป็นงานจำหลักทองประดับเพชรในโครงสร้างเงิน จำหลักลายเทศ และดอกเทศลอยประดับเพชร พื้นซับปีกแมลงทับ ท้ายประกอบเกรินกาบพรหมสิงห์จำหลักทอง ราวพนักลายนาค เกี้ยวพื้นลายเทศ ด้านนอกพนักซ้ายขวาทั้งสองข้าง ตั้งลายปฏิญาณใหญ่ (ใบปรือ) จำหลักทองประดับเพชร ขาประกอบหน้าสิงห์ ขบลายเทศประดับเพชร พื้นตาดทองคำสาน จำลองแบบจากพระที่นั่งพุดตานคชาธาร ซึ่งทอดประทับ ณ มุขทิศเหนือ พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท อันเป็นสัปคับพระคชาธาร สำหรับออกราชสงคราม

    จัดทำเนื่องในโอกาสสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ 6 รอบ เมื่อวันที่ 12 ส.ค. พุทธศักราช 2547 ใช้เวลาทำ 1 ปี 6 เดือน ผู้ทำ 73 คน

    ท่านผู้หญิงสุภรเพ็ญ หลวงเทพ ผู้ช่วยราชเลขาในพระองค์ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เล่าว่า ตั้งแต่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จขึ้นครองราชย์ 60 ปีมาแล้ว ทั้งสองพระองค์ไม่เคยหยุดพระราชภารกิจเสด็จฯ ไปเยี่ยมราษฎรของพระองค์ท่านตามภูมิภาคต่างๆ ทุกจังหวัดทั่วประเทศไทยเลย แล้วไปแต่ละครั้งก็ทรงเห็นว่างานศิลปะของไทยกำลังจะสูญหายไป เพราะคนเฒ่าคนแก่ที่เคยปลูกหม่อนเลี้ยงไหมเองทำงานทอผ้าอยู่กับงานก็ล้มหายตายจากกันไปเรื่อยๆ

    ขณะที่เด็กรุ่นใหม่ๆ กลับหันไปเข้าหางานทำในโรงงานอุตสาหกรรมกันหมด บางครอบครัวก็มีลูกมากเหลือเกิน 7-8 คน ไม่มีปัญญาส่งเสียให้เรียน จึงรับสั่งว่าทรงขอลูกชาวนาชาวไร่ ขอคนที่ไม่เป็นหลัก คนเป็นภาระของครอบครัว สักครอบครัวละ 1 คน มาอยู่บ้านพระเจ้าอยู่หัว อยู่บ้านพระราชินี แล้วจะสอนงานศิลปะเหล่านี้ให้ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ รับสั่งว่าต้องให้โอกาสพวกเขา เมื่อเขาไม่มีความรู้ไม่ได้รับการศึกษา ก็ต้องให้เขามีความรู้ทางด้านช่างศิลปะ


    [​IMG]


    ชิ้นงานศิลปะไทยสร้างสรรค์ขึ้นอย่างวิจิตรสุดที่จะประเมินค่าได้เหล่านี้จึงมีต้นทางด้วยพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ที่หลั่งไหลสู่พสกนิกรผู้ยากไร้ให้เรียนรู้ศิลปะชั้นสูงอันสั่งสมมาแต่บรรพบุรุษปู่ย่าตายาย ให้พวกเขามีโอกาสเป็น
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 3319.jpg
      3319.jpg
      ขนาดไฟล์:
      43.3 KB
      เปิดดู:
      213
    • 3320.jpg
      3320.jpg
      ขนาดไฟล์:
      22.4 KB
      เปิดดู:
      1,018

แชร์หน้านี้

Loading...