สัมมาสมาธิ แตกต่างกับ สมาธิทั่วไปอย่างไร

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย ขันธ์, 6 กุมภาพันธ์ 2012.

  1. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,053
    ค่าพลัง:
    +3,465
    ตั้งมั่นแบบสมาธิ จะออกรูปไหนก็ได้

    แต่ ตั้งมั่นแบบcopycat ตรงต่อนรก ได้ท่าเดียว คือ ต้องตรงตามตำรา
     
  2. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,337
    ค่าพลัง:
    +6,846

    แจ้หม้อ ลองดู ระหว่างเห็นประโยชน์ในน้ำลายมีอยู่
    กับไม่เห็นประโยชน์ในน้ำลายแล้ว มันก็บ้วนทิ้ง ตูม!!เลย
     
  3. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,053
    ค่าพลัง:
    +3,465
    นั่นแหละ โง่ ทันที อยู่ดีๆ สามารถเห็น จิตเที่ยง

    หากไม่โยนิโสมนสิการ ไม่แยบคาย ก็ คาบนรกเที่ยง
     
  4. <Q>

    <Q> Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 เมษายน 2011
    โพสต์:
    1,907
    ค่าพลัง:
    +80
    มันเป็นธรรมชาติของ ถีนะมิทธะ

    ง่วงก็ไปนอนซะ ท่านก็กล่าวถูกแล้วนี่ครับ
     
  5. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,923
    ค่าพลัง:
    +9,200
    จิตใจที่เป็นกิเลส ที่เป็นภัย ให้ระลึกรู้สิ่งนั้น ก่อน แล้ว ละมัน
     
  6. deemonster

    deemonster เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มกราคม 2007
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +805
    ผมเชื่อพระท่าน เลยลองทำดูว่าเป็นอย่างไร
    จะกล่าวถึง หลับมืด หลับสว่างครับ
     
  7. หม้อหุงข้าว..!

    หม้อหุงข้าว..! เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,103
    ค่าพลัง:
    +1,072
    ถูกแล้ว ศรัทธา..! นับถือๆ :cool:
     
  8. <Q>

    <Q> Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 เมษายน 2011
    โพสต์:
    1,907
    ค่าพลัง:
    +80
    วันนี้มามุขใหม่

    เล่นมุขก๊อปปี้หรอ ^^

    เหมือนเดิมเนอะ


    ถ้ามันจะตั้งมั่น มันก็ตั้งมั่นได้ทุกอิริยาบถน่ะ

    แต่อิริยาบถไม่สำคัญอะไร ไปกว่าธรรมที่เกิดอยู่หรอก นี่ต้องปรับทัศนะเรื่องสมาธิซะใหม่
     
  9. <Q>

    <Q> Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 เมษายน 2011
    โพสต์:
    1,907
    ค่าพลัง:
    +80
    ดีแล้ว ^^
     
  10. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,053
    ค่าพลัง:
    +3,465
    อาหลงเอ้ย เชื่อไหมหากผมจะกว่าว่า มรรค ก็เป็นตัวทุกข์

    ไม่เชื่อ อาหลงลองทบทวนคำกล่าวของพระ "ทุกข์เท่านั้นที่เกิด ทุกข์เท่านั้นที่ดับไป"

    ทีนี้ อาหลงทำอะไร ประกอบอะไร แล้วอะไรมันเกิด อะไรมันเจริญ

    อะไรทีเกิด อะไรที่เจริญ นันแหละ ตัวทุกข์ เพราะมันเกิดจากเหตุปัจจัยทั้งนั้น เกิด
    จากอาหารทั้งนั้น พระพุทธองค์ไม่เคยตรัสว่า สิ่งเหล่านั้นไม่ได้เกิดจาก อาหาร
    มีอาหารเมื่อไหร่ คือมี ภพ แล้วสร้างภพทำไม ท่านไม่ได้เน้นให้สร้าง ท่าน
    ให้เน้นมาผลิกดู "พิจารณาทุกข์" "ต้องพิจารณา"

    พระพุทธองค์จึงตรัสสั่งว่า "แม้แต่คำสอนที่เธอกล่าว เธอก็ไม่ควรยึดมั่น
    ถือมั่น" นี่ตรัสบอกแก่อรหัตถสาวกนะ แล้วพระพุทธองค์ก็ย้ำว่า พระ
    พุทธองค์ก็ไม่ได้ยึดในคำสอนของพระพุทธองค์เองเหมือนกัน

    ทีนี้ อาจจะไม่เชื่ออีก ก็มีอีกหลายสำนวนที่สื่อเข้ามา เช่น อริยสัจจแท้
    จริงแล้วมันเห็นพร้อมกัน ต่างแต่ว่าจะหยิบส่วนไหมมากล่าว แต่โดย
    ความเป็นประโยชน์มากที่สุด คือ การกล่าวด้วยด้านทุกข์

    ทีนี้มันอันเดียวกัน เพียงแต่จะผลิกข้างไหน ดังนั้น มรรคมันเกิดหรือ
    มันดับ มรรคนั้นแสดงตัวเป็นตัวทุกข์ได้ ใช่หรือไม่ ก็ต้องพิจารณากัน
    ดู

    หาก อาหลงปฏิบัติแบบก๊อปปี้แคท จะเห็นเลยว่า อริยสัจจ คืออะไร
    ก็ไม่รู้ รู้แต่ว่า ตนเองรู้หมดแล้ว แล่นไปรู้หมดแล้วทั้งๆที่ ยังไม่มีอะไร
    เป็นชิ้นเป็นอันเลย แล้วย้อมใจตัวเองว่า อ๋อ นี่เรียก สัมมาทิฏฐิ ที่
    เป็น "สิรินภา" มั้ง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 กุมภาพันธ์ 2012
  11. ต้นปลาย

    ต้นปลาย Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    629
    ค่าพลัง:
    +69
    ท่านเทส ตอนนั้น ชื่อว่าอะไร ครับ
     
  12. naroksong

    naroksong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    412
    ค่าพลัง:
    +1,135
    ส่วนตัวผมก็มองว่าสมาธิที่พระเทวทัตบรรลุก็จัดเป็นสัมมาสมาธิ

    ในอรรถกถากล่าวไว้ว่า การที่พระเทวทัตออกบวชและบรรลุสมาธินี้เองจะเป็นปัจจัยให้
    ท่านบรรลุเป็นพระปัจเจกพุทธเจ้าในอนาคตกาล

    เรื่องนี้ผมขอยกตัวอย่าง
    หมอชีวก กับ คุณหมอวิสุทธิ์

    ถ้ามีคนถามผมว่า หมอชีวก บรรลุเป็น พระอริยบุคคลเพราะประกอบอาชีพแพทย์ ถูกไหม?
    ผมจะตอบว่า "ถูก" เพราะอาชีพที่ท่านทำเป็นสัมมาอาชีวะ ซึ่งเป็นหนึ่งในมรรคที่ช่วยให้ท่านบรรลุมรรคผล

    แล้วทำไม คุณหมอวิสุทธิ์กลับติดคุกล่ะ ทั้งๆ ที่ประกอบอาชีพแพทย์เหมือนกัน อะไรเป็นสาเหตุของความต่าง?

    เพราะ 2 ท่านนี้มีความเห็นต่างกัน

    ท่านหนึ่งประกอบอาชีพแพทย์ เพื่อเลี้ยงชีพตน 1 เพื่อเกื้อกูลผู้อื่น 1 และสุดท้ายเพื่อเป็นปัจจัยสิ้นกิเลสอาสวะ 1

    ส่วนอีกท่านประกอบอาชีพเพื่อเลี้ยงตน 1 (อาจ)เพื่อเกื้อกูลผู้อื่นด้วย 1 และสุดท้ายเพื่อบำเรอกิเลสตัณหา 1
    (กิเลสตัณหานี้เองที่ได้สั่งการให้คุณหมอวิสุทธิ์ไปฆ่าคุณหมอผัสพร จนสุดท้ายติดคุกติดตะราง)

    สุดท้าย ถ้าเขาถามต่อว่าทั้งหมอชีวกและคุณหมอวิสุทธิ์ประกอบสัมมาอาชีวะใช่ไหม
    ผมจะตอบว่า ใช่ ทั้ง 2 ท่านนี้ ประกอบสัมมาอาชีวะ

    และในเรื่องสมาธิก็เหมือนกัน ใครทำได้ไม่ว่าจะเป็นพระอริยะหรือปุถุชน ผมว่าก็เป็นสัมมาสมาธิทั้งนั้น

    ---------------------------------------
    ส่วนมิจฉาสมาธิเป็นยังไง?
    ตามที่ผมเข้าใจ คือ การเพ่งด้วยความโลภ ความโกรธ ความหลง

    เช่นเวลา หน่วย sniper ไปลอบยิง ก็ต้องใช้สมาธิ แต่สมาธินั้นเป็นไปเพื่อการเบียดเบียน

    ขอให้เจริญในธรรมครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 10 กุมภาพันธ์ 2012
  13. <Q>

    <Q> Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 เมษายน 2011
    โพสต์:
    1,907
    ค่าพลัง:
    +80
    คนที่เขาเห็นมรรค เขาก็ไม่ได้ไปยึดมรรคหรอกน้าเอก

    เขารู้แล้วว่า เป็นปัจจัยหนึ่ง เป็นสภาพธรรมหนึ่ง

    แล้วเรื่องรู้หมดแล้ว นี่ก็ คิดเอาเอง ถูกไหม
     
  14. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,337
    ค่าพลัง:
    +6,846

    สมาธิที่มีอกุศลประกอบ ส่วนมากจะเป็นโมหะสมาธิ

    ด้วยหลงเอา สิ่งภายนอกมาเข้าตัว ไม่เป็นตัวของตัวเอง

    เห็นผู้ที่ตัวเองไม่รู้แล้วไปเข้าใจว่าเป็นผู้วิเศษ
    ก็เอาผู้วิเศษนั้นมาเข้าตัวไว้อย่างนี้เป็นต้น
    ยิ่งมากๆเข้า บ่อยเข้า ก็แก้ไขลำบาก

    อาการ มืดๆ อึดอัด ห่อเหี่ยวเป็นต้น

    สมาธิที่เป็นกุศลประกอบ มันจะ สดชื่น เบา โปร่ง โล่ง
    พอชำนาญตรงนี้นะ เราสั่งเข้าออกได้ ในอารมณ์
    สั่งปิตีมาอาบ ก็จะรู้สึกสดชื่นเบาสะบายทันที
    จะเป็นกำลังสลับฝึกเอานิวรณ์เป็นเครื่องระลึกได้

    ส่วน สีน้ำเงินนี้ ให้ฟังพระแล้วกันนะ

    http://palungjit.org/threads/วิธีฝึก-สมถะภาวนา-โดย-หลวงปู่-พุธ-ฐานิโย.287864/
     
  15. <Q>

    <Q> Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 เมษายน 2011
    โพสต์:
    1,907
    ค่าพลัง:
    +80
    เอาถำถามนี้ไปถามลุงขันธ์ หรือไม่เก็บไว้ตอบเองน่าจะดีกว่าเยอะ

    มาถามชาวบ้าน มันก้เป็นทรัพย์ของชาวบ้านเขา

    ไม่ดีหรอก
     
  16. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,053
    ค่าพลัง:
    +3,465
    ไม่ได้คิดเอาเองหวะ ก็ คุณ ฐานัฏฐ์นั่นแหละ กล่าวขึ้นว่า

    อะไรที่ผมพูด หรือใครๆพูด คุณ ฐานัฏฐออกตัวว่า รู้เรื่องหมด

    แต่พอ เพื่อนๆถามว่า ทำสมาธิหรือยัง

    แทนที่จะตอบว่า มีอยู่ในจิตตลอด กลับบอกว่า เดี๋ยวพรุ่งนี้จะทำ
    ( ซึ่งหมายถึงเมื่อไหร่ก็ยังไม่รู้ อะไรจะเต็มที่ อะไรจะพร้อม ก็ไม่รู้

    คุณฐานนัฐฐ์รู้แต่ว่า ตอนนี้อะไรๆก็รู้หมดแล้ว รู้หมดแล้ว ยังไม่
    พร้อมเลยนะนี่ แล้วรออะไร ก็ไม่รู้ ที่ว่าต้องพร้อม เก่งกว่าทุก
    คนหมดแล้ว มันยังมีอะไรไม่พร้อมอีกเหรอ

    ก็ สัจจ ความเป็นจริง เห็นตามจริง ไม่ใช่ คิดเอาไง ซึ่ง
    ไม่มีหรอก เจอคำบาลีง่ายๆ ก็มึนแล้ว นักคันธุระของเรา เฮ้อ

    )
     
  17. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,923
    ค่าพลัง:
    +9,200
    ในชีวิตประจำวันของคน เวลาพูด เวลาทำ เวลาคิด บางครั้งก็พูดถูก บางครั้งก็คิดถูก บางครั้งก็ทำถูก แต่บางครั้งก็ผิด
    สิ่งที่ผิดนั้นแหละคือ มิจฉา
    ทีนี้ มาดูสมาธิ บางครั้งก็ทำถูก ที่ทำถูกก็คือ ใจเป็นกุศล มีสติระลึกรู้ตัว ดับอกุศล ทำด้วยความเบาสบาย
    บางครั้งก็ทำผิด ที่ทำผิดคือ ทำให้จิตมีกำลังกล้า เป็นหนึ่ง แต่ว่า มันไม่ได้รู้ตัว ใจมันไม่ได้ดับอกุศลลงไป ยังมีอวิชชา
    นี่แหละ เรียกว่า มิจฉาสมาธิ

    ทีนี้ ถ้าพระอริยะแล้ว สมาธิของท่านเป็น สัมมาสมาธิเสมอ แต่ถ้าเป็นของปุถุชน ถ้าไม่ฝึกสติมา ไม่ละไม่วาง ไม่หมั่นเจริญกุศล ละอกุศล ก็ทำสมาธิก็ยังวนเวียนอยู่คือ สัมมาบ้าง มิจฉาบ้าง

    ไม่ใช่ว่า คนทั่วไปจะทำสัมมาสมาธิได้เสมอนะ จะต้องรู้จักฝึกสติให้ดี ทำกุศลให้บ่อยๆ เวลาไปทำสมาธิจิตจะระงับอกุศลไปได้ ทำให้ผลแห่งสมาธินั้น สุข เบา นิ่ง ไม่เปราะ
     
  18. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,903
    ค่าพลัง:
    +7,316
    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ jittinon [​IMG]
    ผมฟังหลวงพ่อพุธท่านกล่าวว่า หากทำสมาธิแล้วเกิดอาการง่วงขึ้นมา ก็ให้หลับซะ
    ตรงนี้ ก็น่าจะพิจารณานะครับ ทำไมพระท่านจึงแนะนำว่า หลับซะ
    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    ธรรมปฏิบัติเพื่อความสุขใจ ตอน 2 (หลวงพ่อพุธ ฐานิโย)

    (คัดมาบางส่วน)
    บางทีท่านภาวนาพุทโธๆๆ ไป มีอาการเคลิ้มๆเหมือนง่วงนอน ไม่ต้องตกใจ ง่วงก็ง่วง ภาวนาเรื่อยไป จะหลับก็ปล่อยให้หลับ ไม่ต้องไปฝืน พุทโธๆๆ เรื่อยไป เมื่อพุทโธๆๆ ไป จิตเกิดสว่างขึ้นมา ไม่ต้องตกใจ ถ้าตัวสั่น ตัวโยก ตัวเบาเหมือนจะลอย ก็ไม่ต้องตกใจ กำหนดรู้จิต ภาวนาพุทโธเรื่อยไป ถ้าขนหัวลุกขนหัวพองเกิดขึ้น เฉยอยู่ ไม่ต้องตกใจ ภาวนาพุทโธๆๆ

    เมื่อพุทโธหายไป จิตไปนิ่ง ว่าง สว่างเฉยๆ ทำอย่างไร รู้เฉยอยู่ อย่าไปแตะต้อง ถ้าว่างก็ปล่อยให้ว่าง เฉยก็ปล่อยให้เฉยอยู่อย่างนั้น อย่าไปสร้างความคิดใดๆขึ้นมา ประคองจิตให้รู้อยู่ที่ว่าง ถ้าจิตคิดขึ้นมาในขณะนั้นปล่อยให้คิดไป แต่ต้องทำสติตามรู้ ถ้าหยุดก็รู้อยู่เฉยๆ ถ้าคิดก็กำหนดรู้อยู่เฉยๆ ไม่ต้องไปนึกคิดอะไร ไปเอะใจอะไร ขณะภาวนาอยู่ อะไรเกิดขึ้นให้รู้เฉยอยู่ อย่าไปตกใจอะไรทั้งสิ้น

    ถ้าลมหายใจรู้สึกว่าแรงขึ้น รู้เฉยอยู่ ถ้าลมหายใจแผ่วๆ จะหายขาดไป ให้กำหนดรู้เฉยอยู่เท่านั้น ถ้าลมหายใจขาดไปจริงๆ ไม่ต้องทำอะไร ให้รู้เฉยอยู่ ถ้าลมหายใจขาดหายไปแสดงว่าจิตเข้าสู่ความสงบ เมื่อจิตเข้าสู่ความสงบแล้ว กายก็หายไป ลมหายใจก็หายไป จิตก็จะได้แต่นิ่ง ว่าง สว่าง รู้ ตื่น เบิกบาน จิตรู้อยู่ที่จิตมีแต่จิตดวงเดียวเท่านั้น แสดงว่าจิตสงบเข้าสู่สมาธิ

    จิตที่ภาวนาแล้วเป็น อุปจารสมาธิ มีความสงบสว่าง มีปีติ มีความสุข และรู้สึกว่ากายยังมีอยู่ แต่ถ้าจิตสงบละเอียดลงไปถึงตัวหาย กายไม่มี มีแต่จิตรู้ ตื่นเบิกบาน สว่าง ลอยเด่น เหลือแต่จิตดวงเดียว เรียกว่าจิตเข้าสู่ อัปปนาสมาธิ ได้แต่รู้ตื่น เบิกบาน กายหายไปหมดแล้ว

    ใครยังทำไม่ได้ถึงขนาดนี้ก็ไม่ต้องตกใจ ก็พยายามฝึกหัดให้จิตมีสติรู้อยู่กับอารมณ์ในปัจจุบัน ทั้งอิริยาบถยืน เดิน นั่ง นอน รับประทาน ดื่ม ทำ พูด คิด เป็น อารมณ์จิต ให้สติรู้อยู่กับสิ่งเหล่านี้ทุกลมหายใจ ในขณะที่เรานั่งบริกรรมภาวนา ก็ให้ปฏิบัติตามที่ได้กล่าวมาแล้ว เมื่อออกจากที่นั่งสมาธิ ก็ให้มีสติอยู่กับการยืน เดิน นั่ง นอน รับประทาน ดื่ม ทำ พูด คิด ทุกขณะจิต ทุกลมหายใจ เพราะเป็นอุบายวิธีที่จะน้อมเอาธรรมมะมาเป็นประโยชน์แก่ชีวิตของเราได้


    อ่านทั้งหมดได้ที่ลิ้งค์นี้ค่ะ
    http://www.palungdham.com/luangpoput/chapter24_2.htm
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 กุมภาพันธ์ 2012
  19. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,053
    ค่าพลัง:
    +3,465
    เดี๋ยวๆ นี่ไม่ใช่ คำพูดของคุณเหรอ ลุงขันธ์ไปจับสายจูงปากคุณขยับพูดหรอกเหรอ
     
  20. <Q>

    <Q> Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 เมษายน 2011
    โพสต์:
    1,907
    ค่าพลัง:
    +80
    ไม่รู้ความหมายที่เราคุยกับน้าหม้อ

    ก็อย่าไปสำคัญตน ตามที่ตนปรุงมา ว่าต้องเป็นอย่างนี้ ผู้นั้นเขาต้องเป็นอย่างนี้

    ที่เรารู้ก็รู้อยู่ในข่ายวิปัสสนา รูปนาม

    ถามหน่อยน้าเอกขับรถไปทำงานทุกวัน

    พอมีคนถามว่าระหว่างทางมีปั้ม มีตึก มีไฟแดงอะไรบ้าง

    น้าเอกจะโง่พอที่จะไม่รู้เลยหรอว่า ผ่านอะไรมาบ้าง
     

แชร์หน้านี้

Loading...