สูตรเอาตัวรอดจากการถูกสัตว์ทำร้าย

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย tamsak, 5 มีนาคม 2012.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. tamsak

    tamsak ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กันยายน 2004
    โพสต์:
    7,857
    กระทู้เรื่องเด่น:
    22
    ค่าพลัง:
    +161,173
    พระอาจารย์ กล่าวว่า "เขามีสูตรว่า หนีช้างให้หนีขึ้นเขา เพราะช้างตัวใหญ่ขึ้นที่สูงลำบาก ถ้าหากว่าอยู่ในที่ราบอย่าวิ่งหนีเป็นทางตรง ให้วิ่งหลบวนไปวนมา ถ้ามีต้นไม้อยู่ก็วน ๆ อยู่รอบต้นไม้ เพราะช้างตัวใหญ่กลับตัวได้ยาก ถ้าวิ่งทางตรง ช้างก้าวยาวกว่าเรา ๓-๔ เท่า ไม่กี่ก้าวก็ถึงตัวเราแล้ว

    ถ้าหากว่าหนีต่อหนีผึ้งให้หนีทวนลม แต่เราจะมีสติดูทางลมหรือเปล่า ? ไม่ใช่ไปวิ่งตามลม มีแรงลมส่งผึ้งก็ถึงตัวเราเร็วขึ้น อย่างเรา หนีเสือขึ้นต้นไม้ก็พอได้ ถ้าไม่ใช่พวกเสือดาวหรือเสือดำจะขึ้นต้นไม้ได้ยาก แต่ว่าขึ้นต้องขึ้นให้สูงพอ อย่างน้อย ๗-๘ เมตรไปเลย ถ้าต่ำกว่านั้นเสือกระโจนทีเดียวถึง..!

    แต่ที่หนีไม่ได้คือ หมี หมีวิ่งเร็วกว่าเรา ขึ้นต้นไม้เก่งกว่าเรา ว่ายน้ำเก่งกว่าเรา ไม่รู้ว่าจะหนีอย่างไร มีอย่างเดียวคือวิ่งเข้าหาแล้วตะโกนดังๆ ใส่หน้า พอเราตะโกนเข้าใส่ หมีตกใจจะกลับหลังหันวิ่งฝุ่นตลบเลย แล้วเราก็วิ่งหนีให้เร็วที่สุด เพราะหมีจะตกใจพักเดียว แล้วจะย้อนกลับมาใหม่ เพื่อดูว่าเมื่อกี้นี้เป็นตัวอะไรกันแน่

    ถ้าหากว่าสัตว์ทำอันตรายเราไม่ได้ หรือว่าเราหนีพ้นเขต เขาก็เลิกยุ่ง เขาจะมีเขตหากินของเขาอยู่ ถ้าเราเข้าไปในเขตเขาจะถือว่าเราเป็นฝ่ายบุกรุก เขาก็จะขับไล่เราให้ออกจากเขต คราวนี้ระหว่างสัตว์กับสัตว์ด้วยกัน เวลาลงไม้ลงมือกันยังพอรับได้ แต่สัตว์แรงมากกว่าคน พอมาลงมือกับเราก็อาการหนัก ถ้าเราหนีพ้นเขตเขาก็เลิกไล่ หรือไม่ก็อย่าเข้าไปในเขตของเขาเลย

    สัตว์แต่ละชนิดจะมีระยะปลอดภัยของเขาอยู่ ถ้าเราไม่ก้าวล่วงระยะปลอดภัย เขาก็จะไม่โจมตีหรอก ยืนมองช้างไปเถอะ เขาไม่ทำอะไรหรอก แต่บางทีเราก้าวเข้าไปอีกก้าวเดียว ช้างอาจจะวิ่งใส่เลย เพราะฉะนั้น..กับสัตว์แล้ว การอยู่นอกระยะปลอดภัยเป็นสิ่งสำคัญ"

    "คุณเชน (มล.ปริญญากร วรวรรณ) โดนเสือตบหน้าแหว่งไปแถบหนึ่ง แถมเสียเลนส์เทเลโฟโตยาวเหยียดไปหนึ่งตัวด้วย คุณเชนถ่ายรูปไปเรื่อยๆ แม้ว่าเสือจะแยกเขี้ยวขู่อยู่ก็คิดว่าไม่เป็นไร ขยับเกินจุดนิดเดียวเสือโดดเข้าใส่เลย คราวนี้เขี้ยวมาถึงคอหอยแล้วจะให้ทำอย่างไร คุณเชนก็เอาเลนส์กระแทกใส่ปาก เสือเลยงับเลนส์พัง ถ้าไม่มีเพื่อนป่าไม้ ๒ คนช่วยกันเอ็ดตะโร เสือคงขย้ำตายอยู่ตรงนั้น ขนาดนั้นก็ยังเย็บซะหลายเข็ม

    พวกสัตว์เวลาเขาโจมตีจะเร็วมาก อาตมาเคยเลี้ยงลูกหมีควาย เขาเพิ่งให้มาใหม่ๆ ตัวขนาดประมาณหมาไทย แต่เวลายืนขึ้น ๒ ขา สูงเกือบถึงอกเรา แต่ถ้ายืน ๔ ขา ก็ประมาณหมาอ้วนๆ หน่อย

    อาตมาถือขันใส่นมไปให้ โดนตบผัวะเดียวขันกระจายเลย หมีตบไวจนมองไม่ทัน มาดูทีหลังว่าโดนตบ ๓ ที ทั้งๆ ที่เห็นแค่ทีเดียว นึกเอาแล้วกันว่าเร็วขนาดไหน ท่านชาติชาย ก็เหมือนกัน พยายามที่จะเลี้ยง งูเหลือม เอาตะเกียบคีบเนื้อไก่ไปยัดปาก งูก็ไม่ยอมกิน แหย่ไปแหย่มางูโกรธ ฉกเอาตอนไหนก็ไม่รู้ ตะเกียบกระเด็นหลุดมือไปแล้วเพิ่งจะรู้ว่างูฉก มองไม่ทัน เร็วได้ขนาดนั้น

    เวลาสัตว์ชาร์จเข้ามา ความเร็วของคนสู้ไม่ได้อยู่แล้ว ถ้าจะให้ดีอย่าเข้าไปในเขตที่เกินกว่าระยะปลอดภัยของเขา ถ้าเข้าไปแล้วโดนแน่ๆ เคยเจอกระทิงอยู่ในป่า ตัวเกือบเท่าช้างที่เขาเอามาเดินขายอ้อย น้ำหนักเป็นตันๆ เลย

    ที่ ศูนย์เพาะพันธุ์สัตว์ป่าลำสะด่อง เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระ เขาไปได้วัวแดงมาตัวหนึ่ง ชื่อ เจ้าเบิร์ด อาตมาเอารถปิกอัพโฟร์วีลล์ไปเทียบ ตัวใหญ่เท่าปิกอัพแต่สูงกว่า ประเภทนั้นถ้าอยู่ในป่าแล้วยิงตายก็นั่งร้องไห้อยู่นั่นแหละ เพราะเอาออกมาไม่ไหวหรอก..!"



    .
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 มีนาคม 2012
  2. tamsak

    tamsak ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กันยายน 2004
    โพสต์:
    7,857
    กระทู้เรื่องเด่น:
    22
    ค่าพลัง:
    +161,173
    .
    "สัตว์ที่อยู่ในป่าตัวจะใหญ่มาก ช้างเลี้ยงกลายเป็นตัวเล็กๆ ไปเลย เวลาช้างป่าเดินแล้วเอาสีข้างถูต้นไม้ ขี้โคลนจะติดตามต้นไม้ซึ่งเป็นความสูงประมาณเอวของเขา รอยโคลนของต้นไม้มีความสูงขนาดอาตมาพร้อมกับด้ามกลดแหย่ไปไม่ถึง แสดงว่าช้างในป่าสูงประมาณ ๓ เมตร ช้างที่เราเห็นมาเดินให้เราลอดท้องบ้าง มาให้ซื้ออ้อยเลี้ยงบ้าง ถ้าเอาเทียบกับพวกช้างป่า จะเหลือตัวนิดเดียวเอง

    พวกกระทิงในป่าตัวเกือบเท่าช้างเลี้ยงแล้ว และความเร็วก็เหลือเกิน วันนั้นอาตมาไปกับ ท่านโมเช่ และ ฤๅษีบุญทรง ท่านโมเช่เดินนำหน้า อาตมาอยู่กลาง ฤๅษีบุญทรงปิดท้าย พอเลี้ยวโค้งตรงมุมเขา เพราะลำห้วยโค้งอ้อมภูเขา พอพ้นโค้งก็เห็นท่านโมเช่วิ่งหน้าเริ่ดมา ตะโกนว่า “อาจารย์ หนีเร็ว..!” อาตมามองไปข้างหน้า ลำห้วยช่วงนั้นมีหินก้อนใหญ่เท่าบ้านเท่าตึกเยอะแยะไปหมด แล้วกระทิงกำลังก้มหน้ากินน้ำอยู่ ก็เลยดูเหมือนกับก้อนหินเพราะว่าตัวใหญ่มาก

    ท่านโมเช่เดินไปเกือบจะชนก้นกระทิง ลมไม่ได้พัดมาทางเรา แต่ลมพัดจากเราไปหาเขา คราวนี้เราเพิ่งจะพ้นโค้งมา กระทิงยังไม่ทันได้กลิ่นก็เลยไปเจอกันอย่างกระชั้นชิด ตอนแรกเจ้ากระทิงหันมาหายใจพรืด..! ประเภทรำคาญ พออาตมาโผล่มาอีกคนเขาก็ชะงัก ยืดคอขึ้นมามอง พอฤๅษีบุญทรงโผล่มาอีกคนหนึ่งเขาเห็นท่าว่าคนเยอะ ไม่เอาด้วยแล้ว ก็กระโดดหนี ๓ ที ถึงยอดเขาเลย ไปอย่างกับลูกธนู..!

    ตัวเขาใหญ่อย่างกับช้าง แต่ทำไมถึงแข็งแรงและเร็วขนาดนั้นก็ไม่รู้ ? กระโจนพรวดๆ ๓ ที ถึงยอดเขาเลย ด้วยความเร็วและแรงขนาดนั้น ถ้าพุ่งใส่เราจะเหลือไหมนั่น ?"

    "มีนายพรานคนหนึ่งไปเจอหมีเข้า แล้วหมีไล่กวด แกก็วิ่งอ้อมต้นไม้ หมีก็ล้วงกรงเล็บมาตบดักหน้า แกตกใจไม่รู้จะทำอย่างไรก็คว้าข้อมือหมีไว้ พอหมีล้วงอีกข้างหนึ่งแกก็คว้าข้อมือหมีเอาไว้ ยื้อกันไปยื้อกันมา จริงๆ แล้วหมีแข็งแรงกว่า แต่ต้นไม้ขวางอยู่ ถูกนายพรานดึงตัวติดต้นไม้ หมีก็ออกแรงไม่ได้

    ด้วยความกลัวตายแกก็รั้งไว้สุดชีวิต ยื้อกันอยู่ครึ่งค่อนชั่วโมงจนหมดแรงล้ม หมีหมดความสนใจก็เลยไป ถ้าหากว่าเป็นตอนหมีไล่ใหม่ๆ นี่คงไม่ยอมนะ เพราะว่าตอนนั้นหมีกำลังโมโห จะไล่ให้พ้นเขตอย่างเดียว แต่ยื้อกันอยู่ครึ่งค่อนชั่วโมงจนหมดความสนใจแล้ว พอมือหลุดได้หมีก็เลยเดินหันหลังหนีไปเลย"



    สนทนากับพระครูวิลาศกาญจนธรรม (พระอาจารย์เล็ก สุธมฺมปญฺโญ)
    เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี ต้นเดือนมกราคม ๒๕๕๕


    ที่มา : www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=3131&page=7





    .
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 7 มีนาคม 2012
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...