หลวงปู่ทองทิพย์ ปิดตาจันทรคราส เหล็กไหลไพรดำ เหล็กเปียก เหล็กไหลเงินยวง

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย apisab, 2 กันยายน 2014.

  1. apisab

    apisab เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2006
    โพสต์:
    1,083
    ค่าพลัง:
    +1,704
    พระปิดตาเมฆสิทธิ์ สร้างโดยหลวงปู่เทพโลกอุดรและหลวงปู่เณรคำ(ตัวจริง) ถวายหลวงปู่ทองทิพย์ท่านเสกอีกครั้ง

    [​IMG]


    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. apisab

    apisab เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2006
    โพสต์:
    1,083
    ค่าพลัง:
    +1,704
    พระปิดตาภควัมปติ

    เด่นในด้านมหาเมตตา มหานิยม มหาลาภ ป้องกันภัยอัตรายต่าง ๆ ทั้งที่มองเห็นและมองไม่เห็น องค์นี้หลวงปู่ทองทิพยอุดของดีสีทอง(ก้อนทอง) ให้เห็น มีน้อยองค์ที่จะเห็นแบบนี้

    หลวงปู่ทองทิพย์ท่านชอบพระปิดตาเป็นพิเศษ วันนี้เลยจะขอนำความรู้เรื่องพระปิดตามาให้อ่านกัน

    ปิดตาไปทำไม ?
    ความจริงแรกเริ่ม พระท่านคงไม่ได้นั่งสมาธิแล้วเอามือมาปิดตา แต่ความจริงคือ ท่านนั่งสมาธิหลับตาธรรมดา แต่ช่างปั้น ได้ได้นำศิลปต่าง ๆ มาให้พระนั้นสวยงามและแฝงไปด้วยข้อคิดของธรรมะ

    การปิดตานั้น ก็เหมือนเราสำรวมกายวาจาใจ ปิด อารยตนะ ทั้งหก คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ของเราให้ ระมัดระลัวในกิเลส

    พระท่านเข้าสมาบัติแปด เมื่อเข้าไปแล้ว จะระงับกิเลสต่าง ๆ ได้ ช่วงขณะที่เข้า เมื่อออกมาแล้ว หากใครได้ทำบุญ ก็จะมีผลให้เกิดลาภสักการะ

    ดังนั้นพระที่เรามักจะถามถึงว่าพระปิดตาเด่นในด้านใด เรื่องลาภ เป็นปกติ จะมีลาภมากกว่าคนอื่น ๆ เขา

    หากเราระงับกิเลสของเราได้ด้วย ผลบุญต่าง ๆ ก็จะส่งผล

    อีกทั้ง เมื่อพระท่านเข้านิโรธสมาบัติ ก็จะพ้นจากอันตรายทั้งปวง ดังเรื่องเล่า มีคนเผาหญ้าแล้วหญ้าลามไปเผาพระที่เข้านิโรธสมาบัติ พอนางเห็นก็กลัวจึงจุดไฟเผาพระอีกครั้ง แล้วนางก็หนีไป เมื่อครบกำหนดที่พระท่านออกจากนิโรธกรรม ท่านก็ออกมาปกติไม่มีอะไร เพียงแค่ผ้าถูกทำลาย

    ผู้สร้างจึงสร้างพระปิดตาโดยมีความหมายถึง การป้องกันภัยต่าง ๆ เป็นมหาอุตม์ คงกระพัน อีกทั้ง โชคลาภเงินทอง

    ส่วนเรื่องมหาเมตตานั้น ด้วยพระที่เข้านิโรธ เป็นที่รักของพรหมเทวดา

    การสร้างพระปิดตาจึงจำเป็นต้องสร้างด้วยสมาบัติและเข้านิโรธเพื่อความครบสมบูรณ์ตามตำรา

    หลวงปู่ทองทิพย์ท่านสร้างพระแต่ละองค์ด้วยตัวท่านเอง ท่านอธิษฐานด้วยญาณพระศรีฯ เรื่องความคล่องตัว ท่านสงเคราะห์ให้ลูกหลายเสมอ

    องค์นี้พิเศษตรง มีวัตถุคล้ายทองอยู่ที่ข้างนอกอุดเอาไว้ แต่ยังมองเห็นได้





    IMG_10916.jpg IMG_10917.jpg IMG_10918.jpg IMG_10919.jpg
     
  3. apisab

    apisab เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2006
    โพสต์:
    1,083
    ค่าพลัง:
    +1,704
  4. kwangpha

    kwangpha เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    302
    ค่าพลัง:
    +448
    ราคาองค์ละเท่าไรรึนั่น
     
  5. apisab

    apisab เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2006
    โพสต์:
    1,083
    ค่าพลัง:
    +1,704
    ตะกรุดของหลวงปู่ทองทิพย์
    เท่าที่สอบถามพระอาจารย์นิล และลูกหลานหลวงปู่รวมถึงคนที่ได้รับกับมือจะแบ่งได้ดังนี้
    ตะกรุดโทน ยาวหน้านิ้วบ้าง สี่นิ้วบ้าง มีตรารางยันต์ชัดเจนจบ ในดอก แบบนี้จะเด่นทางด้านมหาอุตม์ คุ้มครองป้องกันจากอาวุธ ซึ่งโดยมากจะเห็นเป็นยันต์ นะโมพุทธายะ ตีตาราง บางดอกก็จารยันต์องคงไปตรง ๆ ไม่ได้มีตารายยันต์ บางดอกเป็นยันต์ปู่พระอินทร์ บางดอกเป็นยันต์พระศรี บางดอกก็จะเป็นยันต์เพชรหลีก ลงยันต์หลังเปิดโลกเล็ก
    ?temp_hash=d29680ddcae78aa457a9117c43a7c234.jpg





    ตะกรุดชุด จะดอกเล็ก ๒ นิ้วบ้าง ๒.๕ บ้าง ส่วนมากหลวงปู่จะให้ ๕ ดอกเข้าชุด แต่ผมก็ไม่แน่ใจว่า จะจารยันต์เหมือนกันหรือไม่ หรือแตกต่างกันไปตามดอกคนละยันต์
    ?temp_hash=d29680ddcae78aa457a9117c43a7c234.jpg

    ตะกรุดโทนเดี่ยวสั้น ๓ นิ้วก็มีเคยเห็นแต่ไม่ทราบเหมือนกันว่าท่านจารอะไร
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  6. apisab

    apisab เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2006
    โพสต์:
    1,083
    ค่าพลัง:
    +1,704
    อย่างตะกรุดดอกนี้ ท่าจารยันต์ เหมือนข้างหลังพระพิมพ์เปิดโลกใหญ่ ว่ากันว่าชุดนี้จะอยู่ในย่ามหลวงปู่ทองทิพย์ที่ท่านนำไปเสกที่เมืองบาดาล

    ผมได้มานานแล้วแต่ก็ยังแปลกใจเพราะ พลังงานที่เคยผ่านมายันต์ชุดนี้พลังงานจะแตกต่างจากตะกรุดโทนของหลวงปู่ที่ท่านจะลงมหาอำนาจ มหาอุตม์ แต่ชุดยันต์นี้เป็นเพชรหลีก จะมีแคล้วคลาดปลอดภัยมากกว่า

    จนกระทั้งความมากระจ่างตรงที่คนที่เขาได้ นำไปยิงกันหลายสำนัก ผลคือยิงไม่โดนตะกรุด ทั้ง ๆ ที่มือยิงยิงวัตถุอื่น ๆ กระจุยกระจาย แต่สำหรับตะกรุดชุดนี้กลับกลาย ยิงไม่โดน ดังเพชรหลีก ที่เคยคนที่เขาเล่นพนันกันแล้วถูกยิงระยะไม่เกินสองเมตร กระสุนออกแต่ยิงไม่โดน

    ชุดนี้จึงมีคนถามหลวงตาปราง ท่านบอกว่าหลวงปู่ลง เมตตาไว้ด้วยชุดนี้จึงเน้นด้าน เมตตาและแคล้วคลาดปลอดภัยสูง เปิดโลก เปิดทรัพย์ ท่านว่าอย่างนั้น

    ?temp_hash=d29680ddcae78aa457a9117c43a7c234.jpg
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  7. apisab

    apisab เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2006
    โพสต์:
    1,083
    ค่าพลัง:
    +1,704
    ประสบการณ์ตะกรุดหลวงปู่ทองทิพย์
    ประสบการณ์ล่าสุดของตะกรุดหลวงปู่ทองทิพย์(ลงยันต์ด้านหลังพระเปิดโลก)และอีกหลายยันต์ในแผ่นตะกรุดรวมทั้งเมตตาค้าขายด้วย...รายล่าสุดแม่ค้าขายปลาปลีก..ส่งในตลาดไทยเล่าให้ฟังว่าเมื่อได้ตะกรุดรุ่นนี้ไปก็อธิฐานขอให้ค้าขายดีโดยระลึกนึกถึงหลวงปู่ให้ช่วยก็ปรากฏว่าอีกสองสามวันต่อมาคนเริ่มเข้าร้านมากขึ้น...จากคนที่เคยเดินผ่านไปผ่านมาก็แวะซื้อปลาที่ร้านมากขึ้นเรื่อยๆเป็นลำดับ...แตกต่างจากก่อนหน้านี้มาก ยอดสั่งซื้อก็เพิ่มมากขึ้น ลูกค้าขาจรก็มีมาซื้อเพิ่มขึ้นทุกวัน...จนเป็นที่เขม้นของร้านข้างๆที่ขายปลาเหมือนกันครับนี่รับฟังจากปากแม่ค้าขายปลาในตลาดไทมาเองเลยครับ...รู้สึกว่าตะกรุดนี้จะเด่นทางแคล้วคลาดและเมตตาค้าขายดีเป็นพิเศษเหมาะกับยุคสมัยข้าวยากหมากแพงเป็นอย่างยิ่ง...ซึ่งการพบตะกรุดชุดนี้ในย่ามใต้ฐานพระบูชาขนาด12" ดูช่างเหมาะเจาะกับสถานการณ์ยุคปัจจุบันมากครับ....

    ?temp_hash=25b13222b2cee5f5a99ff52bf0038315.jpg


    ?temp_hash=25b13222b2cee5f5a99ff52bf0038315.jpg
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  8. nut33

    nut33 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กันยายน 2006
    โพสต์:
    52
    ค่าพลัง:
    +44
    ธรรมสภา ดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งภูเขาควาย

    ธรรมสภา ดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งภูเขาควาย โดย ทวีวัฒน์ เติมฤทธิ์ (อู๋) 29 พ.ย. 2559
    ผม (อู๋) ขอบอกไว้ก่อนว่าเดิมเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ไม่คิดว่าจะเล่าให้ใครฟัง แต่มีน้องที่รักและเพื่อนบางคนมาขอให้ผมเล่าเอาไว้เพื่อเป็นกำลังใจให้แก่ผู้ที่กำลังสร้างบารมีเติมบุญกันอยู่ในขณะนี้ ว่าครูบาอาจารย์ท่านไม่ได้ทอดทิ้งพวกเราไปไหน ท่านยังอยู่ดูแลรักษาพวกเราด้วยกายพิเศษของท่าน
    ธรรมสภานี้เป็นเรื่องลึกลับที่ไม่เคยมีใครพูดถึงมาก่อน อาจเพราะเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ที่ซ่อนอยู่แบบภพซ้อนภพ คือต่อให้เราเดินทางไปถึงที่แห่งนั้นเราก็มองไม่เห็นเข้าไปไม่ได้นั่นเอง ถ้าพระท่านไม่อนุญาตเราก็ไม่มีทางเข้าไปได้ เป็นเรื่องของบุญวาสนาของแต่ละคน ใครไม่ได้ทำบุญทางด้านฤทธิ์อภิญญามาจะมีโอกาสเข้าไปได้อย่างไร แม้แต่ชื่อสถานที่ก็ยังถูกปิดไว้ไม่ให้รู้เลย
    ผมรู้จักกับหลวงพี่ท่านหนึ่งที่อยู่ที่วัดหลวงพ่อสด อ.ดำเนินสะดวก จ.ราชบุรี ท่านเป็นพระที่ได้ธรรมกายมานานพอสมควรแล้ว โดยท่านมาได้ธรรมกายกับหลวงป๋าท่านเลยเคารพและช่วยงานหลวงป๋ามาโดยตลอด แต่ด้วยนิสัยที่ไม่ชอบคนหมู่มากท่านเลยช่วยหลวงป๋าอย่างเงียบๆ แบบปิดทองหลังพระ ผมรักและเคารพท่านเหมือนกับพี่ชายของผมคนหนึ่ง นิสัยของท่านออกไปในทางกล้าได้กล้าเสีย พูดจริงทำจริง ไม่เกรงกลัวภัยอันตรายใดๆ เพราะท่านก็มีดีพอตัว
    วันหนึ่งท่านรู้สึกอยากออกธุดงค์เพื่อท่องเที่ยวไปในโลกกว้างและแสวงหาความรู้ใหม่ๆ ท่านไปของท่านองค์เดียวเลย ธุดงค์จากราชบุรีไปภาคเหนือทะลุไปพม่าจนได้พบกับครูบาบุญชุ่มที่วัดพระธาตุดอนเรืองพูดคุยกันถูกคอจึงเกิดความสนิทสนมกัน ท่านจึงได้ทราบว่าในประเทศลาวนั้นมีดินแดนพิเศษศักดิ์สิทธิ์ เป็นแหล่งตักศิลาของผู้ที่ต้องการเรียนวิชาต่างๆ ดินแดนแห่งนั้นตั้งอยู่ในป่าลึกของภูเขาควาย (ภูควาย)
    เมื่อท่านธุดงค์กลับมาที่เชียงรายในฝั่งไทยแล้วก็ยังไม่อยากกลับวัด ความคิดเรื่องภูเขาควายยังคงวิ่งแล่นอยู่ในสมองตลอดเวลา ท่านจึงตัดสินใจเดินทางวกเข้าไปในประเทศลาว ผ่านเวียงจันทน์ขึ้นไปทางเหนือแล้ววกไปทางทิศตะวันออกที่จะไปทางประเทศเวียดนาม โดยท่านได้รับความช่วยเหลือจากทหารลาวขับรถพาท่านไปจนถึงเขตป่าทึบที่แม้แต่รถยนต์ไม่สามารถเข้าไปได้อีก เพราะเป็นป่าทึบภูเขาสูงชัน ดินแดนแถบนี้แหละที่เป็นทางเข้าไปสู่ภูเขาควายอันเรื่องชื่อ แม้แต่คนลาวเองก็ยังไม่กล้าเข้าไปเพราะเป็นดินแดนอาถรรพ์ที่มีอันตรายรอบด้านและสัตว์ป่าชุกชุม
    หลวงพี่ท่านไม่กลัว ท่านออกเดินธุดงค์มุ่งหน้าเข้าป่าทึบข้ามเขาลูกแล้วลูกเล่าไปทางประเทศเวียดนาม ท่านบอกว่าเขตภูเขาควายนี้มันกว้างใหญ่มากมีภูเขาและหน้าผาสูงชันหลายลูก ท่านเดินป่าอยู่ราว 3 วันยังไม่พบใครเลย จนท่านเองก็เริ่มอ่อนแรงก็ได้มาพบกับหนองน้ำแห่งหนึ่ง มองเห็นน้ำในบ่อใสแจ๋ว เมื่อมองสำรวจดูก็ตกตะลึงเพราะเห็นเป็นก้อนทองคำมากมายกองอยู่ที่ก้นบ่อนั้น ดูแล้วบ่อน้ำนี้ก็ไม่ลึกมาก ท่านเกิดความคิดขึ้นมาว่าเราธุดงค์เดินป่ามาก็นานมากแล้วยังไม่ได้อะไรเลย ถ้าหากเราเอาทองคำนี้สักก้อนสองก้อนกลับไปที่วัดเพื่อขายเอาเงินไปช่วยหลวงป๋าสร้างวัดก็น่าจะดี ท่านเลยตัดสินใจกระโดดลงบ่อเพื่อดำน้ำไปเอาทองคำ ขณะที่กำลังจะเอามือคว้าก้อนทองคำก็เกิดรู้สึกว่าถูกไฟฟ้าช็อตเข้าอย่างแรงจนหมดสติไป
    ท่านนอนสลบไปไม่รู้ว่านานเท่าใดก็ตื่นขึ้นมาอย่างงัวเงีย มองดูที่รอบๆ ตัวก็ไม่เห็นว่ามีบ่อน้ำและก้อนทองคำแต่อย่างใด แต่เป็นที่ดินธรรมดาแต่มันไม่ธรรมดาก็เพราะมีกองกระดูกมากมายพร้อมกับบาตรพระ อ้าวนี่ท่านโดนอาถรรพ์ของป่าเข้าไปอย่างจังเลยไม่ตายก็ดีแล้ว พระธุดงค์หลายท่านต้องมาตายที่ตรงนี้ก็เพราะความโลภอยากได้ก้อนทองคำนี่เอง ดีแต่ท่านมีใจคิดว่าจะนำก้อนทองนี้เพื่อเอาไปทำบุญสร้างวัดไม่ได้คิดว่าจะนำไปใช้ส่วนตัว ถ้าท่านคิดโลภจะเอาไปใช้ส่วนตัวท่านก็คงไม่รอดต้องตายเป็นกระดูกกองทบเพิ่มเข้าไปอีกเป็นแน่
    ขณะที่กำลังงัวเงียลุกขึ้น พลันท่านก็ได้ยินเสียงถามขึ้นมาว่า “เป็นอย่างไรบ้างล่ะ หิวข้าวไหม” หลวงพี่หันไปมองหาที่มาของเสียงนั้น ท่านก็เห็นว่าบนโขดหินมีผู้ชายชรารูปร่างผอมๆ ผมและหนวดเครายาว ห่มผ้าสีขาวมอๆ ขาดกระรุ่งกระริ่งนั่งอยู่ หลวงพี่จึงตอบกลับไปว่า “หิวมากเลยครับเพราะไม่ได้ฉันข้าวมาหลายวันแล้ว ท่านเป็นพระหรือเป็นคนครับ”
    ชายชรา “พระหรือคนเขาดูกันที่สีผ้าหรือดูกันที่ใจล่ะ”
    หลวงพี่ “ดูกันที่ใจครับ”
    ชายชรา “แล้วมาถามทำไม เอ้า...ถ้าหิวก็ตามมาทางนี้”
    ว่าแล้วพระชราท่านก็พาเดินลัดเลาะไปตามทางแคบๆ ของป่าทึบ เดินไปนานพอสมควรจนถึงปากทางเข้าถ้ำแห่งหนึ่ง ท่านก็บอกให้หลวงพี่นั่งรออยู่ก่อนท่านจะไปนำอาหารมาให้ แล้วท่านก็เข้าไปในถ้ำสักครู่หนึ่งก็ออกมาพร้อมกับยื่นชามใบเล็กใส่ข้าวต้มปลามาให้ หลวงพี่ท่านหิวจนตาลายรีบฉันข้าวต้มปลากลิ่นหอมฉุยไปจนอิ่ม แต่ก็แปลกที่ฉันไปตั้งมากแล้วข้าวต้มปลาก็ยังไม่หมดชามสักที พระชราจึงถามว่าอิ่มแล้วหรือ ถ้าอิ่มแล้วต่อไปจะทำอะไรเพราะท่านอุตส่าห์ธุดงค์มาจนถึงที่แห่งนี้แล้วอยากเรียนรู้อะไรบ้างไหม หลวงพี่นึกอยู่แป๊บหนึ่งก็ตอบไปว่า “กระผมอยากเรียนวิชาอักษรขอม จะได้นำเอาไปใช้ประโยชน์แก่พระศาสนาครับ” พระชราท่านก็บอกว่าถ้าอย่างนั้นก็ให้ตามท่านเข้าไปในถ้ำ หลวงพี่ลุกขึ้นเพื่อจะเดินตามท่านไป แต่สายตาก็เหลือบไปเห็นชามข้าวที่ท่านเพิ่งฉันอิ่มไป ในชามข้าวนั้นเห็นมีแต่น้ำกับใบไม้เท่านั้น
    ทางเข้าถ้ำนี้ค่อนข้างเล็ก แต่เมื่อเข้าไปในถ้ำก็เห็นว่าข้างในนั้นมีห้องเล็กห้องน้อยอยู่หลายห้อง เป็นถ้ำที่สลับซับซ้อน จนเมื่อท่านเข้าไปถึงห้องหนึ่งก็ต้องตกตะลึงเพราะเป็นห้องโถงใหญ่ที่สามารถจุคนได้เป็นร้อย ตรงกลางห้องมีก้อนหินตั้งอยู่มองดูเหมือนแท่นตั้งใบเสมา รอบๆ ผนังห้องนี้ก็เป็นหลืบมีแท่นหินที่คนสามารถขึ้นไปนั่งได้ มองดูแล้วเป็นเหมือนห้องประชุมใหญ่ พระชราท่านนั้นจึงบอกว่าที่แห่งนี้เรียกว่า “ธรรมสภา” ใช้เป็นที่ประชุมพระผู้ใหญ่ที่ทำหน้าที่ดูแลรักษาพระศาสนา จะมีการประชุมกันทุกวันพระ แล้วท่านก็พาหลวงพี่เข้าไปในห้องๆ หนึ่งที่เป็นที่เก็บใบลานตำราต่างๆ กองซ้อนกันอยู่ในห้องนั้น แล้วพระชราท่านก็หยิบผูกใบลานขึ้นมาปึกหนึ่งแล้วส่งให้หลวงพี่ “เอ้านี่เป็นตำราภาษาขอม เอาไปเรียนเอาเอง” ว่าแล้วท่านก็พาหลวงพี่เดินออกมาเพื่อเข้าไปในอีกห้องหนึ่งที่ใช้เป็นห้องเรียน “เธอเรียนวิชาภาษาขอมในห้องนี้นะ” ว่าแล้วท่านก็เดินออกไปทิ้งให้หลวงพี่อยู่ในห้องเพียงลำพัง
    มันเป็นเรื่องมหัศจรรย์มาก เพราะเมื่อท่านเริ่มเปิดดูใบลานผูกนั้นก็ปรากฏว่าตัวหนังสือในใบลานได้วิ่งไปปรากฏที่ผนังถ้ำเห็นตัวหนังสือเหล่านั้นสว่างเหมือนแสงนีออน เมื่อตัวหนังสือใดปรากฏก็จะมีเสียงอ่านให้ทราบว่านี้คือตัวอักษรอะไรอ่านว่าอย่างไร เหมือนกับการเรียนในสมัยใหม่ที่ใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ฉายออกทางหน้าจอโปรเจคเตอร์ตามห้องประชุมสมัยใหม่เลย ฉายตัวหนังสือไปพร้อมกับมีเสียงอ่านสอนไปด้วย มันเป็นเรื่องมหัศจรรย์เหลือเชื่อจริงๆ
    การเรียนการสอนจึงเป็นไปได้อย่างรวดเร็ว หลวงพี่บอกว่าเรียนภาษาขอมใช้เวลาเพียงไม่กี่วันท่านก็เรียนจบแล้ว สมองมันจำได้หมดเลย ท่านก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมท่านจึงจำได้ มันไม่เหมือนกับการเรียนการสอนที่เคยเรียนมาที่กว่าจะจดจำอะไรได้ก็ต้องใช้การท่องจำ แต่ในที่แห่งนี้เมื่อเรียนไปก็จะจดจำได้ในทันที อาจเป็นเพราะสถานที่นี้ไม่เหมือนกับโลกภายนอก เพราะที่แห่งนี้เป็นที่พิเศษของเหล่าพระอภิญญาท่าน เป็นที่ๆ ฝ่ายมารไม่สามารถส่งอิทธิฤทธิ์ของฝ่ายเขาเข้ามาบดบังห่อหุ้มจิตใจเราได้ เราจึงสมารถเรียนรู้และเข้าใจวิชาต่างๆ ได้อย่างรวดเร็ว ในเวลาที่เหลือหลวงพี่ก็ยังขอเรียนวิชาอื่นๆ เพิ่มเติมอีก แต่ท่านไม่ยอมบอกว่าท่านได้เรียนวิชาอะไรมาบ้าง
    ในระหว่างนั้นเมื่อถึงวันพระ ในห้องธรรมสภาก็จะมีพระที่ทำหน้าที่ดูแลรักษาพระศาสนามาร่วมประชุมกัน พระที่มาร่วมประชุมมีมากมายทั้งที่ท่านรู้จัก (เคยอ่าน-เคยเห็น) ก็มี พระที่ท่านไม่รู้จักก็มาก พระที่ยังมีชีวิตและที่ท่านละสังขารไปแล้วก็มา ไม่รู้ว่าท่านมาได้อย่างไร หรือท่านสามารถอธิษฐานปรุงกายเนื้อขึ้นมาใหม่ได้ (กายพิเศษ) เนื้อตัวท่านก็เหมือนกับคนธรรมดา จับดูก็จับได้มีเนื้อมีหนังเช่นเดียวกับคนธรรมดานี่เอง นี่แหละที่เขาเรียกกันว่าพระอภิญญา คือท่านสามารถทำในสิ่งที่เหนือความคาดหมายของเรา ทำในสิ่งที่เป็นเรื่องอจินไตยคาดเดาไม่ได้ หลวงพี่ท่านได้เห็นหลวงพ่อสดและหลวงปู่เทพโลกอุดร ทั้ง 2 ท่านนี้ประชุมทำงานด้วยกันอย่างใกล้ชิด เราไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยว่าหลวงพ่อสดและหลวงปู่เทพโลกอุดรท่านรู้จักกัน เพราะไม่เคยมีใครบอกไม่เคยมีคนพูด แต่สำหรับตัวผม (อู๋) นั้นไม่แปลกใจเลยเพราะท่านทั้งสองคือครูบาอาจารย์ที่ผมเคารพรักอย่างสูง มีแต่ท่านทั้ง 2 องค์นี้แหละที่มาคอยช่วยเหลือเมื่อผมมีปัญหา ผมจึงเชื่อมานานแล้วว่าท่านทั้ง 2 มีความสนิทสนมคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี
    ไม่ใช่มีแต่เพียงหลวงพ่อสดและปลวงปู่เทพโลกอุดรเท่านั้น หลวงพี่ท่านเห็นหลวงปู่ทวด (เหยียบน้ำทะเลจืด) สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) พรหมรังสี หลวงปู่ทองทิพย์ (ตอนนั้นยังไม่ละสังขาร) หลวงปู่สรวง (ตอนนั้นยังไม่ละสังขาร) หลวงปู่สุภา (ตอนนั้นยังไม่ละสังขาร) ฯลฯ นอกจากพระแล้วก็ยังมีพระฤๅษีอีกมาก ที่จริงแล้วพวกเราชอบแยกพระและพระฤๅษีออกจากกัน แต่ตามจริงแล้วพระในป่านั้นเขาไม่ได้แยกกัน เขานับถือกันที่คุณธรรม ดังนั้นพระกับพระฤๅษีจึงไม่ได้แตกต่างกันอย่างที่เราคิด ในการประชุมนั้นหลวงพี่ท่านไม่ได้เข้าร่วมประชุมด้วย แต่ก็เห็นว่ามีพระมาร่วมประชุมมากมาย บางท่านก็นั่งอยู่ที่พื้นห้อง บางท่านก็นั่งอยู่ตามหลืบผนังถ้ำ ลดหลั่นกันไปตามบารมีของแต่ละท่านเพราะท่านไม่ได้นับอาวุโสกันแล้ว แต่นับถือแบ่งลำดับกันตามบารมีที่ได้สร้างกันมา
    เมื่อหลวงพี่ว่างจากการเรียนท่านก็ได้มีโอกาสเดินสำรวจถ้ำ ท่านเล่าว่าเมื่อเดินไปถึงมุมหนึ่งที่หลวงพ่อสดท่านนั่งอยู่ประจำนั้น ปรากฏว่าที่ผนังถ้ำนั้นมีเหมือนยางดำเหนียวๆ แปะอยู่ เมื่อกำหนดจิตดูก็ทราบในทันทีว่าเป็นเหล็กไหลชั้นหนึ่ง เนื้อของเหล็กไหลนี้มองดูเผินๆ จะเห็นเป็นสีดำแต่แท้จริงแล้วเป็นสีเขียวเข้มปีกแมลงทับ เหล็กไหลองค์นี้เป็นเหล็กไหลที่ยังเป็นอยู่ ยังไม่ตาย (ถ้าตายแล้วเขาจะแข็งตัว) หลวงพี่ก็เคยคิดไว้ในใจว่าเมื่อถึงวันกลับออกไปจะมาแงะเอาเหล็กไหลองค์นี้กลับไปด้วย
    ธรรมสภาแห่งนี้เราจะอยู่นานไม่ได้ เพราะไม่สะดวกที่จะหาอาหารและขับถ่ายในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แบบนี้ ผู้ที่จะอยู่ได้คือผู้ที่สำเร็จแล้ว ไม่ต้องกิน ไม่ต้องถ่ายของเสีย ไม่ต้องนอน หมดกิเลสแล้ว นึกจะไปนึกจะมาก็ทำได้เพียงแค่ลัดนิ้วมือ ใครทำได้ก็ไปอยู่ได้ พอถึงวันกลับหลวงพี่จึงได้เดินไปที่เหล็กไหลองค์นั้น พอท่านเอื้มมือเข้าไปเพื่อจะเด็ดเหล็กไหลก็ได้ยินเสียงดังเตือนเข้ามา “อย่าเอามือแตะเหล็กไหลนะ อันตรายมาก เอามือออกมาเดี๋ยวนี้” เสียงที่เตือนเข้ามายืนอยู่ที่ด้านหลังท่านก็คือหลวงพ่อสดวัดปากน้ำนั่นเอง ไม่รู้ว่าท่านมายืนตั้งแต่เมื่อไหร่ แล้วหลวงพ่อสดท่านก็ถามว่า “อยากได้จริงๆ หรือ” พูดจบท่านก็เอามือไปปลิดเหล็กไหลองค์นั้นออกมาได้จำนวนหนึ่ง แล้วก็ถามว่ามีอะไรเตรียมมาใส่หรือเปล่า หลวงพี่จึงนำตลับออกมาจากย่ามส่งไปให้หลวงพ่อสดเพื่อใส่เหล็กไหลองค์นั้นลงไป แล้วหลวงพ่อสดก็สั่งว่า “เอาไปให้ครูของเธอด้วยนะ” ท่านหมายถึงว่าให้เอาไปแบ่งให้หลวงป๋าได้ใช้ด้วยนั่นเอง (เหล็กไหลองค์นี้ต่อมาจึงทราบว่าท่านชื่อหลวงปู่สิงห์พระฤๅษีอภิญญาแห่งธรรมสภา ตามที่ท่านมาบอกผมในนิมิต)
    เรื่องนี้ผมทราบมานานนับ 10 ปีแล้วแต่เพิ่งนำมาเล่าให้ฟังกัน เพื่อจะได้เป็นกำลังใจให้แก่เพื่อนๆ ที่ได้อ่านให้ได้พากันสร้างบุญบารมีกันยิ่งๆ ขึ้นไป อย่าท้อแท้กับการสร้างบุญบารมี เพราะในโลกใบนี้ไม่มีใครสร้างบุญบารมีโดยที่ไม่มีอุปสรรค เราทุกคนเกิดมาไม่นานก็ต้องตาย ก่อนตายขอให้รีบสร้างบุญบารมีกันนะครับ ผมยังไม่ได้ขออนุญาตหลวงพี่ เพราะถ้าผมขออนุญาตท่านก็คงไม่อนุญาตอยู่แล้วครับ
     
  9. nut33

    nut33 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กันยายน 2006
    โพสต์:
    52
    ค่าพลัง:
    +44
    ลป.ทองทิพย์ รัตนโคตร (มรณะ 7 มีค 2544) วัดป่าสีดาพระรามลักษณ์รัตนโคตร ต.สีกา อ.เมือง จ.หนองคาย โดย ทวีวัฒน์ เติมฤทธิ์ (อู๋) 16 ธ.ค. 2559

    ภาพถ่ายของท่านมีแสงวิ่งเป็นรูปกวางทองและมงกุฎติดที่ศีรษะของท่าน เชื่อกันว่าท่านเป็นน้องในอดีตชาติของลป.เทพโลกอุดร ตามแขนของท่านจะมีนาฬิกาใส่ไว้หลายเรือน ตามนิ้วท่านก็มีแหวนใส่อยู่หลายวงซึ่งลักษณะแบบนี้มีท่านเพียงองค์เดียวเท่านั้นที่ทำได้อย่างนี้ เนื่องจากลูกศิษย์ถวายแหวนและนาฬิกาให้ท่านด้วยความศรัทธา โดยบางคนทิ้งไว้กับท่านเมื่อครบเดือนก็มาขอคืนเพื่อนำไปใช้โดยเชื่อว่าท่านได้เสกให้แล้ว แต่บางคนก็ถวายให้ท่านเลยเพื่อเอาบุญ ท่านมักจะนั่งอยู่กับที่ตลอดวันตลอดคืนโดยไม่ลุกไปไหน
    เคยมีคนไม่ชอบใจที่เห็นท่านสวมแหวนและนาฬิกา จึงนำเรื่องไปฟ้องหน่วยราชการให้มาสึกท่าน เจ้าหน้าที่ก็มาที่วัดเพื่อตามหาท่าน แต่ปรากฏว่าเมื่อเข้ามาในเขตวัดเจ้าหน้าที่ท่านนั้นเกิดอาการ "ขี้แตก" คืออุจจาระแตกต้องวิ่งเข้าห้องน้ำอย่างกระทันหันทันทีทันใด เข้าห้องน้ำไปนานสองนานพอแแกมาจากห้องน้ำได้ก็รีบเดินทางออกนอกวัดกลับไปทันที แล้วเจ้าหน้าที่ก็ไม่เคยกลับมาที่วัดอีกเลย
    ผู้ปฏิบัติธรรมที่มาจากภูเขาควายเกือบทุกคน จะต้องแวะมากราบท่านที่วัดเสมอ เข้าใจว่าครูบาอาจารย์ที่ภูเขาควายคงจะแนะนำให้มากราบท่านกันเพราะท่านอยู่ที่ภูเขาควายมานานถือว่าเป็นศิษย์รุ่นพี่ ที่วัดท่านสมัยนั้นไม่มีโทรศัพท์ใช้ ท่านมาอยู่ที่วัดแห่งนี้นานร่วม 30-40 ปีแล้วโดยไม่ได้ไปไหนเพราะหลวงปู่เทพโลกอุดรเป็นผู้พาท่านมาจากภูเขาควาย แล้วนิมนต์ให้ท่านอยู่ประจำเพื่อรักษาอาณาเขตบริเวณนี้เอาไว้
    ท่านรู้เรื่องเหล็กไหลไพรดำเป็นอย่างดี (ภูเขาควายอุดมไปด้วยเหล็กไหลหลายชนิด) จนท่านสามารถสร้างพระ "จันทรคราส" ด้วยเหล็กไหลได้ พระของท่านนับว่ามีอานุภาพสูงมากยากที่พระรุ่นไหนๆ จะมาเทียบได้ ท่านสร้างพระของท่านเองโดยปิดวิธีสร้างไว้เป็นความลับ แม้แต่ลูกศิษย์ที่ใกล้ชิดก็ยังไม่ทราบว่าท่านสร้างพระ "จันทรคราส" ด้วยวิธีใด เพราะท่านทำของท่านเองที่วัด เวลาท่านทำท่านก็นั่งหันหลังไม่ยอมให้ใครเห็น
    ในระยะ 4-5 ปีก่อนที่ท่านจะมรณภาพ ท่านได้ให้ความเมตตาแก่พระมหาเสริมชัย ชยมังคโล (หลวงป๋า) เจ้าอาวาสวัดหลวงพ่อสด อ.ดำเนินสะดวก จ.ราชบุรี เป็นพิเศษ โดยท่านชมหลวงป๋าว่าในยุคนี้ก็เห็นมีแต่ท่านเสริมชัยนี้แหละที่สร้างบารมีได้มาก หลวงป๋าท่านเคารพหลวงปู่ทองทิพย์มากเพราะท่านเป็นผู้มีญาณหยั่งรู้รวดเร็วและแม่นยำ เมื่อมีโอกาสจึงมักจะแวะขึ้นไปกราบท่านอยู่เสมอ ครั้งหนึ่งหลวงป๋าท่านตั้งใจจะนำพระเครื่องที่ท่านสร้างจากเหล็กไหลซึ่งเชื่อว่าเป็นพระที่มีอภินิหาริย์มากองค์หนึ่งเป็นพระสีเงินยวงไปถวายหลวงปู่ทองทิพย์ ขณะที่กำลังจะถวายหลวงปู่ทองทิพย์กลับเอ่ยขึ้นมาว่า "แล้วพระเหล็กไหลสีน้ำเงินปีกแมลงทับที่เอามาด้วยจะไม่ถวายหรือ" หลวงป๋าถึงกับอึ้งไปเลย เพราะความจริงหลวงป๋านำพระติดตัวมา 2 องค์จริงๆ คือพระสีเงินยวงและพระสีน้ำเงินปีกแมลงทับ แต่ยังรู้สึกเสียดายพระสีปีกแมลงทับซึ่งสวยงามกว่าจึงได้ซ่อนเอาไว้ในกระเป๋าอังสะ ไม่คิดว่าหลวงปู่ทองทิพย์ท่านจะรู้ หลวงป๋าจึงต้องยอมล้วงพระเหล็กไหลสีปีกแมลงทับออกมาถวายท่านอีกองค์หนึ่ง หลวงป๋าท่านเล่าให้ผม (อู๋) ฟังเอง ท่านเล่าไปก็หัวเราะไปอย่างอารมณ์ดี
    หลวงปู่ทองทิพย์ท่านเล่าว่าพระพุทธเจ้าพระองค์แรกของโลกมีชื่อว่า "พระปฐม" ทรงประสูติจากดอกบัว (อุบล) คือมีดอกบัวเป็นแม่ ดังนั้นเวลาจะไหว้พระรัตนตรัยจึงนิยมใช้ดอกบัวตั้งแต่อดีตกาล หลังจากยุคนั้นก็มีพระพุทธเจ้าต่อๆ กันมาอีกหลายพระองค์ รวมแล้วมากกว่าก้อนหินเม็ดทรายเสียอีก พระพุทธเจ้าองค์ต่อไปที่จะมาตรัสรู้คือพระศรีอาริย์ซึ่งเป็นพระพุทธเจ้าชั้นพิเศษ (มีบารมีมาก) จะมีอายุยืนถึง 80,000 ปี คนในยุคนั้นก็มีอายุ 80,000 ปีเช่นกัน พระพุทธเจ้าที่มีอายุยืนมากกว่านี้ก็มีคือพระวิปัสสีพุทธเจ้า ยุคนั้นผู้คนมีอายุถึง 200,000 ปี
    ทุกคนในยุคพระศรีอาริย์จะมีรูปร่างหน้าตาเหมือนกันหมด พ่อกับลูก แม่กับลูกจะดูไม่ออกเลยว่าใครเป็นพ่อเป็นลูก คือไม่รู้ว่าใครแก่กว่ากัน และพระศรีอาริย์จะสามารถพาคนเข้าพระนิพพานได้ถึง 3 ส่วน เหลือไว้เพียง 1 ส่วน ส่วนพระสมณโคดมนั้นท่านขนคนไปได้เพียง 1 ส่วน เหลือไว้ถึง 3 ส่วน เพราะบารมีน้อยกว่า และพระกกุสันโธขนคนไปได้ 2 ส่วน เหลือไว้ 2 ส่วน
    ท่านเล่าว่าสมัยโบราณอาวุธที่ดีที่สุดเรียกว่า "ดาบศรีคันชัย" ซึ่งเป็นดาบที่สร้างจากเหล็กกายสิทธิ์มีฤทธิ์เดชอานุภาพที่สุด สามารถตัดของได้ทุกสิ่งเรียกได้ว่าเป็นของวิเศษ ดังนั้นจึงมักจะเปรียบเทียบปัญญาของคนที่ฉลาดๆ ว่าเหมือนดาบศรีคันชัย เพราะสามารถใช้ปัญญาตัดกิเลสได้ ยักษ์ในสมัยก่อนนั้นชอบจับคนไปกิน แต่ยักษ์ในปัจจุบันได้เปลี่ยนไปเป็นผู้เอาเปรียบ (สูบเลือดสูบเนื้อ) คน ซึ่งก็คือพวกนักวิทยาศาสตร์นั่นเอง
    เมื่อผมทราบว่าหลวงปู่ละสังขาร ผม (อู๋) และเพื่อนได้ขึ้นไปกราบร่างของท่านเมื่อวันที่ 10 มีค. 2544 หรือ 4 วันหลังจากท่านสิ้น ปรากฏว่าร่างของท่านไม่เน่า ไม่บวม ไม่มีน้ำเหลืองไหลจากหู-จมูก ทั้งที่ไม่มีการฉีดยารักษาสภาพศพแต่อย่างใด เพราะท่านได้สั่งกำชับไว้ว่าห้ามฉีดยาฟอร์มารีนอย่างเด็ดขาด
    หลังจากท่านได้ละสังขารแล้วปรากฏว่าได้เกิดฝนตกทั่วประเทศไทยถึง 7 วัน 7 คืน คือฝนเริ่มตกตั้งแต่วันที่ 8 มีค. 2544 จนถึง 14 มีค. 2544 อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน คือตกทั้งกลางวันและกลางคืนไม่หยุดเลย ผม( อู๋) ขอเป็นพยานว่าเป็นเรื่องจริง เพราะตอนที่ผมและเพื่อนขับรถขึ้นไปเพื่อกราบร่างท่านก็ยังต้องขับรถฝ่าสายฝนไปตลอดทาง เหมือนเหล่าเทวดาทำเครื่องหมายให้โลกรู้ว่าผู้มีบารมีใหญ่ได้ละสังขารจากโลกมนุษย์แล้ว เรื่องที่ฝนจะตกแบบนี้หลวงปู่ท่านก็ได้บอกแก่ลูกศิษย์ที่ใกล้ชิดก่อนแล้วว่า "พวกแกคอยดูนะ เมื่อข้าสิ้น ฝนจะตก 7 วัน 7 คืนไม่หยุดเลย"
     
  10. nut33

    nut33 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กันยายน 2006
    โพสต์:
    52
    ค่าพลัง:
    +44
    อาจารย์ของหลวงปู่ทองทิพย์ โดย ทวีวัฒน์ เติมฤทธิ์ (อู๋) 20 ตุลาคม 2557

    นี่คือรูปของพระอาจารย์ของหลวงปู่ทองทิพย์ "พระฤๅษีกไลยโกฎิ" หรือคนแถบภาคอีสานจะเรียกท่านว่า "ปู่ฤๅษีผ้าลาย" หรือ "องค์ผ้าลาย" ซึ่งอยู่ที่ภูเขาควาย ประเทศลาว โดยท่านจะรับเฉพาะลูกศิษย์ที่เป็นเชื้อสายของพระโพธิสัตว์เท่านั้น อย่างเช่นครูบาคำน้อย วัดภูกำพร้าอายุ 300 ปี และปู่บุญเหลือผู้สร้างศาลาแก้วกู่ (เมืองนิพพาน) จ.หนองคาย ก็เป็นลูกศิษย์ของท่านปู่ฤๅษีผ้าลายนี้เช่นกัน

    และที่ภูเขาควายนั้นยังเป็นที่ตั้งของ "ธรรมสภา" (ไม่ใช่เทวสภา) ซึ่งธรรมสภานี้จะอยู่ในถ้ำขนาดใหญ่อันลึกลับ ใช้เป็นที่ประชุมของพระอภิญญาเพื่องานค้ำชูรักษาพระพุทธศาสนาจึงมีทั้งพระ ที่ยังมีชีวิตอยู่และพระที่ละสังขารไปแล้วอยู่มากมาย เชื่อกันว่าพระอภิญญาที่ละสังขารไปแล้วนั้นท่านก็ยังสามารถอธิษฐานร่างกาย ขึ้นมาใหม่ได้ โดยผู้ที่พบเห็นสามารถจับมือพูดคุยได้เหมือนคนธรรมดาทั่วไป จนไม่สามารถแยกออกได้ว่าท่านยังอยู่หรือสิ้นไปแล้ว
    หลายท่านยังไม่ทราบว่า หลวงปู่ทองทิพย์นั้นท่านเป็นพระพี่พระน้องกับหลวงปู่ เทพโลกอุดรมาหลายภพหลายชาติ ดังนั้นลูกศิษย์ที่อยู่อุปัฏฐากหลวงปู่ทองทิพย์ที่วัดหลายท่านจึงได้มีโอกาสพบกับหลวงปู่เทพโลกอุดร ซึ่งท่านมักจะแวะมาเยี่ยมเยียนพระน้องชายของท่านอยู่เสมอ ผมได้คุยกับพระท่านหนึ่งที่อุปัฏฐากหลวงปู่ทองทิพย์สมัยที่ท่านนั้นยังเป็นเณร (สามเณรเจ็ดสี) ท่านเล่าว่าเคยได้มีโอกาสบีบนวดและจัดหาน้ำดื่มน้ำใช้ให้แก่หลวงปู่เทพโลกอุดร แต่ตอนนั้นไม่รู้เพราะเห็นแต่เป็นพระหนุ่มผอมๆ เข้ามาเยี่ยมหลวงปู่ แต่เมื่อท่านกลับไปแล้วหลวงปู่ทองทิพย์จึงบอกว่าพระที่เณรบีบนวดรับใช้อยู่นั้น แท้จริงแล้วก็คือหลวงปู่เทพโลกอุดรซึ่งเป็นพระอภิญญาที่หลายๆ คนต่างอยากได้มีโอกาสพบเจอสักครั้งในชีวิต

    แม้แต่การที่หลวงปู่ทองทิพย์ได้มาอยู่ที่วัดป่าสีดาฯ นี้ ก็ด้วยเป็นความต้องการของหลวงปู่เทพโลกอุดรที่ต้องการให้หลวงปู่ทองทิพย์ได้ มาอยู่ประจำการเพื่อรักษาพระศาสนาในเขตอีสานเหนือนี้ โดยหลวงปู่เทพโลกอุดรเป็นผู้พาหลวงปู่ทองทิพย์เหาะมาจากภูเขาควายด้วยตัวของ ท่านเองทีเดียว เนื่องจากบริเวณวัดป่าสีดาฯ นี้เป็นสถานที่สำคัญที่พระพุทธเจ้าทั้ง 5 พระองค์จะต้องมาบำเพ็ญเพียรซึ่งก็ผ่านมาแล้ว 4 พระองค์ ในอนาคตก็จะเป็นที่บำเพ็ญเพียรของพระศรีอาริย์ (สถานที่จริงจะอยู่ลึกลงไปเป็นชั้นๆ ตามกฎที่ว่าเมื่อหมดหนึ่งพุทธันดรแล้วแผ่นดินจะสูงขึ้น 1 โยชน์)

    เคยสงสัยกันไหมครับว่าทำไมเหล่าลูกศิษย์ของหลวงปู่ทองทิพย์จึงเคารพรักท่านมาก สงสัยกันไหมครับว่าทำไมชื่อของท่านคือ "คำศรี รัตนโคตร" ทำไมตอนท่านบวชใหม่ๆ แล้วธรรมะไม่ก้าวหน้าจนท่านเปรยๆ ขึ้นว่าอยากจะสึกก็เกิดมีเสียงค้านลงมาจากท้องฟ้าว่า "พระศรี (อาริย์) ห้ามสึก" ทำไมท่านจึงเป็นพระองค์เดียวที่มีผู้นำแหวนมาสวมที่นิ้วทั้ง 10 ของท่านได้ เคยดูรูปของพระศรีอาริย์ที่มีแหวนสวมทั้ง 10 นิ้วว่าเหมือนกันไหม ทำไมหลวงตายี วัดดงตาก้อนทอง ผู้แสดงการยืดเหรียญบาทได้ (หนึ่งในลูกศิษย์ของหลวงปู่เทพโลกอุดร) จึงนำพวกลูกศิษย์ของท่านมากราบหลวงปู่ทองทิพย์แล้วบอกว่าพระองค์นี้คือ "พระศรีอาริย์"

    หลวงปู่ทองทิพย์เคยเล่าให้ลูกศิษย์ที่ใกล้ชิดฟังว่า ท่านต้องไปร่วมประชุมเพื่อดูแลรักษาประเทศชาติและพระพุทธศาสนา สถานที่จัดประชุมอยู่ในวัดแห่งหนึ่ง (ท่านไม่ยอมบอกชื่อวัด) ที่อยู่ใกล้ๆ กับวัดพระธาตุพนม ในที่ประชุมนั้นปรากฏว่ามีหลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด หลวงพ่อสดวัดปากน้ำภาษีเจริญ และสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) พรหมรังษี เข้าร่วมประชุมด้วย

    ก่อนที่หลวงปู่ทองทิพย์จะละสังขารไม่นานนัก ท่านได้เปรยให้พวกลูกศิษย์ฟังว่า “คอยดูนะหากเราตายไป ฝนจะตก 7 วัน 7 คืนไม่หยุดเลย” เรื่องฝนตก 7 วัน 7 คืนนี้ผม (อู๋) ขอเป็นพยานว่าเป็นเรื่องจริง เพราะช่วงนั้นผมต้องเดินทางไปกับเพื่อนชื่อคุณประจักษ์โดยต้องขับรถจากกรุงเทพไปจังหวัดหนองคาย เพื่อไปร่วมงานศพของหลวงปู่ทองทิพย์ซึ่งเป็นวันที่ 2 ของวันงาน การไปครั้งนั้นต้องขับรถฝ่าฝนที่ตกพรำๆ ไปตลอดทาง แม้เมื่อกลับมาถึงกรุงเทพแล้วฝนก็ยังคงตกพรำๆ ตลอดวันตลอดคืน ฝนตกตั้งแต่วันที่ 8 มีนาคม ถึงวันที่ 14 มีนาคม 2544 ตรงตามที่หลวงปู่พูดไว้ไม่มีผิด เหมือนว่าเหล่าเทพเทวดาได้แสดงความอาลัยจากการจากไปของหลวงปู่ทองทิพย์ก็ไม่ปาน

    พระโพธิสัตว์ซึ่งจะเป็นพระพุทธเจ้าองค์ที่ 1 และองค์ที่ 10 มาเจอกัน มีเรื่องเล่ากันมาว่าในวันหนึ่งที่หลวงป๋า เจ้าอาวาสวัดหลวงพ่อสด อ.ดำเนินสะดวก จ.ราชบุรี ได้ขึ้นไปกราบหลวงปู่ทองทิพย์เป็นครั้งแรก เมื่อเข้าไปถึงวัดก็ปรากฏว่าหลวงปู่ทองทิพย์ท่านนั่งรออยู่แล้ว พอหลวงป๋าท่านเข้าไปกราบหลวงปู่ทองทิพย์ก็พูดขึ้นให้ได้ยินทั่วกันว่า "อ้าว พระสุมังคละมาแล้วๆ” ท่านเอ่ยทักทายเหมือนได้เจอเพื่อนเก่าอย่างนั้น ท่านพูดขึ้นมาเพื่อให้ลูกศิษย์ของท่านที่นั่งอยู่รอบๆ ทราบว่าพระผู้ที่มานี้ต่อไปจะเป็นพระพุทธเจ้าองค์ที่ 10 ที่มีพระนามว่า "พระสุมังคละพุทธเจ้า" นั่นเอง ทางด้านหลวงป๋าเองก็นับถือหลวงปู่ทองทิพย์มากโดยเมื่อมีเวลาว่างจากการสร้างวัด ท่านก็มักจะแวะมากราบและน้อมถวายพระธาตุกายสิทธิ์แก่หลวงปู่ทองทิพย์เสมอ ครั้งหนึ่งหลวงป๋าท่านเตรียมพระเหล็กไหลองค์หนึ่งใส่ไว้ในย่ามเพื่อเตรียมจะถวายแก่หลวงปู่ทองทิพย์ ส่วนพระเหล็กไหลอีกองค์หนึ่งที่สวยงามกว่านั้นท่านก็ใส่ไว้ในอังสะเพื่อพกติดตัว เมื่อไปถึงหลวงป๋าก็ล้วงเอาพระเหล็กไหลในย่ามเพื่อเตรียมถวาย แต่ปรากฏว่าหลวงปู่ทองทิพย์รีบชิงพูดขึ้นก่อนว่า "อ้าว แล้วองค์ที่อยู่ในอังสะไม่ถวายหรือ" หลวงป๋าท่านตกใจที่หลวงปู่ทองทิพย์รู้เรื่องที่ท่านซ่อนพระเอาไว้ ท่านจึงเอามือล้วงเข้าไปในอังสะเพื่อนำพระออกมาถวาย ส่วนหลวงปู่ทองทิพย์เมื่อรับพระแล้วก็หัวเราะชอบใจมาก (ชอบใจพระ และชอบใจที่รู้ทันหลวงป๋า) หลวงป๋าท่านเคยเล่าให้ผมฟังพร้อมกับหัวเราะชอบใจเช่นกัน

    หลวงปู่ทองทิพย์ท่านก็นับถือหลวงพ่อสดวัดปากน้ำ เรื่องนี้หลวงป๋าท่านเล่าให้ผมฟังเอง ครั้งที่หลวงป๋าแวะเวียนไปหาหลวงปู่ทองทิพย์ (ท่านไปหาบ่อยๆ) หลวงปู่ทองทิพย์ท่านก็บอกว่าฉันเองก็นับถือหลวงพ่อสดวัดปากน้ำ หลวงป๋าก็แปลกใจว่าเอ๊ะไปมายังไงมานับถือกันได้เพราะหลวง พ่อสดท่านก็สิ้นไปนานแล้วแถมยังอยู่ไกลกันสุดเขตแดนแบบนี้ หลวงปู่ทองทิพย์จึงเล่าสาเหตุให้ฟังว่า มีอยู่วันหนึ่งหลวงพ่อสดมาพาท่านไปกราบพระธาตุที่สำคัญแห่งหนึ่ง โดยการพาท่านเหาะไปเพราะสถานที่นั้นอยู่ไกลและลึกลับ หลวงพ่อสดเหาะ (แบบยืน) นำหน้าแล้วหลวงปู่ทองทิพย์ก็เหาะ (แบบยืน) ตามท่านไป ท่านเล่าว่าถ้าหลวงพ่อสดไม่พาไปแล้วไม่มีทางที่ท่านจะเข้าไปในสถานที่แห่ง นั้นได้แน่เพราะลึกลับและอันตรายมาก ท่านจึงยอมรับนับถือในอภิญญาของหลวงพ่อสด เรื่องนี้เข้าใจว่าแม้แต่ลูกศิษย์ที่ใกล้ชิดของท่านก็ไม่มีใครรู้ แต่ท่านเห็นว่าหลวงป๋าเป็นลูกศิษย์ของหลวงพ่อสดท่านจึงเล่าเรื่องนี้ให้ฟัง

    นี่คือรูปของท่านครูบาคำน้อย วัดภูกำพร้า จ.มุกดาหาร ผมเคยไปกราบหลวงปู่สังวาลย์ เขมโก พระอรหันต์แห่ง จ.สุพรรณบุรี ขณะที่สนทนาอยู่กับท่านในกุฏิก็เหลือบไปเห็นรูปของท่านครูบาคำน้อย ผมก็นึกแปลกใจจึงได้ถามหลวงปู่สังวาลย์ว่า “หลวงปู่ครับนี่มันรูปครูบาคำน้อยนี่ครับ ทำไม่มีรูปนี้ได้เพราะท่านอยู่ห่างกันไกลมากอยู่กันคนละภาคเลย” หลวงปู่สังวาลย์จึงบอกว่า “ฉันกับครูบาคำน้อยเป็นเพื่อนสหธรรมิกกัน ว่างๆ ครูบาท่านก็มักจะแวะเวียนมาเยี่ยมเยียน รูปนี้ถ่ายที่นี่เองแหละ ท่านมาก็เลยขอถ่ายเก็บไว้เป็นที่ระลึก เธอรู้ไหมว่าครูบานั้นท่านอายุ 300 ปี มีฟันแท้ขึ้นมา 3 ชุดแล้ว นี่เป็นเรื่องจริงนะฉันยืนยันได้”

    หลายคนคงไม่รู้ว่าทำไมท่านครูบาคำน้อยถึงมีอายุยืนยาวได้ขนาดนี้ ทั้งนี้ก็เพราะว่าวันหนึ่งอาจารย์ของท่านคือองค์ผ้าลาย พาท่านเหาะเข้าไปในถ้ำแห่งหนึ่ง ที่ต้องเหาะเข้าถ้ำก็เพราะว่าบนพื้นถ้ำนั้นเต็มไปด้วยงู ไม่สามารถที่จะเดินฝ่าดงงูนั้นได้ ท่านเล่าว่าเมื่อเข้าไปในถ้ำได้แล้วอาจารย์ได้ไปเด็ด “หญ้าแหวหมูทอง” (รูปร่างเหมือนต้นหญ้าแต่เป็นสีทอง) มาให้ท่านกิน แล้วอาจารย์ก็สั่งว่าให้ท่านอยู่จนครบ 300 ปี เพื่อสร้างวัดและศาสนวัตถุต่างๆ เพื่อสืบอายุพระศาสนา นี่เองเป็นสาเหตุให้ท่านต้องอยู่มาถึง 300 ปี จนฟันแท้ขึ้นมา 3 ชุดแล้ว ท่านได้สร้างวัดมามากมายสมกับที่อาจารย์ของท่านได้สั่งไว้ ท่านเคยบอกผมว่าท่านเบื่อที่จะมีอายุยืนยาวแบบนี้เพราะคนที่ท่านรักและญาติๆ ได้ตายจากท่านไปหมดแล้ว ท่านก็ยังอยู่ไม่ตายซักที ผิวหนังของท่านก็เหมือนเกล็ดงูย่นๆ (เหี่ยว) เมื่อถึงเวลาผิวท่านก็จะลอกคราบเหมือนงูลอกคราบเพื่อให้ผิวหนังใหม่เกิดขึ้นมาแทนผิวเดิม เป็นเรื่องประหลาดที่ไม่เหมือนใครเลย

    ตอนที่ผมไปกราบครูบาคำน้อย ปรากฏว่าท่านจำวัด (กลางวัน) ในห้องก็เล็กๆ คนก็พลุกพล่าน แต่ท่านก็จำวัดได้อย่างสนิท ผมรออยู่ประมาณ 45 นาที ก็เริ่มทนไม่ไหวเพราะต้องรีบกลับยังต้องเดินทางอีกไกล จำเป็นก็เลยเข้าสมาธิกำหนดจิตบอกว่าท่านครูบาผมมาจากกรุงเทพ มามุกดาหารก็เพื่อมากราบทำบุญกับหลวงปู่เพื่อเป็นบุญบารมีติดตัว แต่ผมรอหลวงปู่ตั้งนานแล้วหลวงปู่ก็ยังไม่ตื่น ผมจำเป็นต้องเดินทางกลับแล้วขอให้หลวงปู่ตื่นขึ้นมารับปัจจัยทำบุญของผมด้วย ไม่ถึง 1 นาที หลวงปู่ครูบาท่านก็ลุกขึ้นนั่งแล้วพูดว่า "เอา จะทำบุญหรือ" ผมก็บอกว่าครับพร้อมกับยื่นปัจจัยให้ท่าน เพื่อนๆ ที่ไปด้วยกันก็ถวายปัจจัยพร้อมกับผม ท่านรับเสร็จก็ให้พรเลย พอท่านให้พรเสร็จ ท่านก็ล้มลงนอนหลับไปทันที ผมกับเพื่อนๆ ก็กราบลาท่านกลับเช่นกัน กราบท่านทั้งๆ ที่ท่านจำวัดไปแล้วนั้นแหละ (นอนปุ๊บหลับปั๊บเลย) คุณว่าท่านเก่งไหมล่ะ ขนาดหลับไปแล้วยังลุกขึ้นมารับปัจจัยผมได้
    เรื่องนี้แปลกกว่า ก่อนที่หลวงปู่ทองทิพย์จะสิ้น ท่านอยากจะท่องเที่ยวไปในบางสถานที่เป็นครั้งสุดท้าย แต่ท่านบอกว่าท่านจะนั่งไปบนเรือหางยาว ลูกศิษย์จะพาท่านขึ้นรถกระบะไปท่านก็ไม่ยอม ท่านบอกว่าจะนั่งไปบนเรือหางยาวเท่านั้น และก็เกิดเรื่องประหลาดขึ้นมาเพราะปรากฏว่ามีเรือหางยาวลำหนึ่ง เจ้าของเป็นชาวลาว เขาเอาเรือจอดไว้ที่ฝั่งลาวเฉยๆ ปรากฏว่าเรือกลับวิ่งได้เองโดยไม่มีคนพาย เรือวิ่งข้ามจากฝั่งลาวมาฝั่งไทย เท่านั้นยังไม่พอเรือวิ่งไปได้ตามถนนจนมาหยุดอยู่ที่วัดป่าสีดาพระรามลักษณ์ฯ

    เจ้าของเรือก็วิ่งตามเรือมาจนมาถึงวัดด้วยความแปลกใจว่าทำไมเรือมันถึงวิ่งมาเองได้ เมื่อมาถึงวัดจึงทราบว่าหลวงปู่ทองทิพย์ต้องการใช้เรือเอาไปท่องเที่ยว เจ้าของเรือจึงยอมให้หลวงปู่เอาเรือไปใช้ (ไม่ยอมก็ต้องยอมเพราะเรือมันจะมาหาหลวงปู่) หลวงปู่จึงสั่งให้ลูกศิษย์ยกเรือขึ้นไปไว้บนหลังรถกระบะ แล้วท่านจึงนั่งบ้างนอนบ้างอยู่บนเรือ ลูกศิษย์ก็ขับรถพาหลวงปู่ไปท่องเที่ยวตามที่ต่างๆ เป็นครั้งสุดท้าย นี่เป็นเรื่องเล่าที่พิศดารที่สุดเรื่องหนึ่งของหลวงปู่-พระอภิญญา-พระศรีอารย์ ครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  11. nut33

    nut33 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กันยายน 2006
    โพสต์:
    52
    ค่าพลัง:
    +44
    พระปิดตาเมฆพัตรไพรดำ
    17992279_1552054491495420_7007008262819630453_n.jpg 18119220_1552054351495434_4295554346682395415_n.jpg 18119240_1552054224828780_669154827990969062_n.jpg
    เมื่อคืนนี้ (24 เม.ย.60) คุณ ชิตนวัฒน์ ธวัชชัยนันท์ ได้นำพระของหลวงปู่เทพโลกอุดรมาถวายหลวงป๋า พระชุดนี้คุณชิตนวัฒน์เล่าว่า หลวงปู่เทพโลกอุดรได้มาหาหลวงปู่ทองทิพย์ด้วยกายเนื้อ โดยบอกพวกลูกศิษย์ของหลวงปู่ทองทิพย์ว่าท่านชื่อ "พระธงชัย" แล้วท่านก็ได้นำพระปิดตาเมฆพัตรไพรดำนี้มาถวายไว้แก่หลวงปู่ทองทิพย์จำนวนหนึ่ง โดยมวลสารไพรดำนี้ได้มาจากภูเขาควายประเทศลาว จึงเชื่อได้ว่าพระชุดนี้จะต้องมีพุทธคุณพิเศษกว่าพระทั่วๆ ไป หลวงปู่เทพโลกอุดรท่านสร้างพระชุดนี้เองแล้วตั้งใจนำมาถวายไว้แก่หลวงปู่ทองทิพย์ หลวงปู่ทองทิพย์ก็ไม่ได้นำไปแจกจ่ายแก่ใครที่ไหน แต่ภายหลังได้ตกไปอยู่กับเหลนของท่าน (คงจะเอาไว้เพื่องานการกุศลภายหน้า) ตอนนี้ก็ทราบแล้วว่าพระชุดนี้ได้มาอยู่กับหลวงป๋าแล้วก็เพื่อการสร้างพระมหาเจดีย์ของวัดหลวงพ่อสดนั่นเอง

    เมื่อหลวงปู่เทพโลกอุดรกลับไปแล้ว หลวงปู่ทองทิพย์จึงถามพวกลูกศิษย์ว่ามีใครรู้ไหมว่าพระที่เพิ่งออกไปนั้นคือใคร ไม่มีใครทราบท่านจึงเฉลยว่าพระผู้นั้นก็คือพระอรหันต์ผู้ทรงฤทธิ์อภิญญานามว่าหลวงปู่เทพโลกอุดรนั่นเอง

    ใครอยากได้พระที่มีพุทธคุณดีเยี่ยมแบบพิเศษ เป็นพระของหลวงปู่เทพโลกอุดรแท้ๆ มีประวัติที่มาที่ไปชัดเจนก็ต้องรีบหน่อยนะครับเพราะมีอยู่เพียงไม่กี่องค์ เงินทั้งหมดก็เป็นเงินทำบุญสร้างพระมหาเจดีย์ ได้ทั้งบุญได้ทั้งพระที่มีพุทธคุณสุดยอดโดยมีธาตุกายสิทธิ์ "ไพรดำ" เป็นส่วนผสมที่หาไม่ได้อีกแล้ว ของดีมีน้อยนะครับ

    ---------------------------------------------------------
    17992151_1553522271348642_9210802072233731588_n.jpg 17992231_1553429874691215_3168625932322002207_n.jpg 18058210_1553429674691235_6267084835266661429_n.jpg
    พระปิดตาเมฆพัตรไพรดำองค์ใหญ่ของหลวงปู่เทพโลกอุดร ทำบุญสร้างพระมหาเจดีย์ 1.5 หมื่นบาท

    พระเมฆพัตรไพรดำองค์เล็ก 8.000 บาท พระจันทรคราสของหลวงปู่ทองทิพย์ 2 หมื่นบาท พระประทานพรองค์เล็ก 5,000 บาท เป็นเงินทำบุญสร้างพระมหาเจดีย์ที่วัดหลวงพ่อสดตามเจตนาของผู้ถวายพระมานะครับ
    17992151_1553522271348642_9210802072233731588_n.jpg 17992231_1553429874691215_3168625932322002207_n.jpg 17992279_1552054491495420_7007008262819630453_n.jpg 18058210_1553429674691235_6267084835266661429_n.jpg 18119220_1552054351495434_4295554346682395415_n.jpg 18119240_1552054224828780_669154827990969062_n.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 มิถุนายน 2017
  12. nut33

    nut33 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กันยายน 2006
    โพสต์:
    52
    ค่าพลัง:
    +44
    พระปิดตาเศรษฐีของหลวงปู่ทองทิพย์ เหลืออีก 8 องค์

    เนื้อเหล็กไหลช่อทิพย์เงินยวงและอาจมีการผสมเหล็กไหลเปียกเข้าไปด้วย ทำบุญสร้างพระมหาเจดีย์ 2 หมื่นบาท เป็นพระที่ผมคิดว่าแรงมากที่สุดองค์หนึ่งเลยทีเดียว ภายในมีการใส่ทับทิมจากภูเขาควายเข้าไปด้วย เป็นพระที่หลวงปู่ทองทิพย์ทำขึ้นด้วยตัวของท่านเอง เมื่อท่านสิ้นแล้วก็ไปอยู่กับเหลนของท่าน ตอนนี้มาอยู่ที่วัดหลวงพ่อสดเพื่อรอเจ้าของมารับเอาไป พระของหลวงปู่ทองทิพย์มีอานุภาพไม่เป็นสองรองใครนะครับ (พวกลูกศิษย์ของท่านเชื่อกันว่าต่อไปท่านก็คือพระศรีอาริย์)
    18118826_1555590361141833_1831672729359733395_n.jpg
     
  13. nut33

    nut33 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กันยายน 2006
    โพสต์:
    52
    ค่าพลัง:
    +44
    พระปิดตาไพรดำองค์ใหญ่ของหลวงปู่เทพโลกอุดรเหลืออีกเพียง 4 องค์....หมดแล้วครับ เหลือแต่พิมพ์เล็ก

    ช้าอด หมดแล้วหมดเลย เพราะเจ้าของเดิมที่นำพระมาถวายบอกว่ามีอยู่เพียงเท่านี้ (ถวายครั้งที่ 2) ใครที่ใจเย็นก็อาจจะไม่ได้ไว้บูชา พระวิเศษศักดิ์สิทธิ์ดีๆ แบบนี้ผมเลยต้องรีบมาบอก เป็นเงินสร้างพระมหาเจดีย์นะครับ
     
  14. nut33

    nut33 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กันยายน 2006
    โพสต์:
    52
    ค่าพลัง:
    +44
    16 พ.ค. 2560
    พระปิดตาไพรดำ(ทั้งเล็กและใหญ่)ของหลวงเทพโลกอุดรที่ถวายหลวงปู่ทองทิพย์และตกทอดมาที่หลวงป๋าหมดจากวัดหลวงพ่อสดแล้วนะครับ เหลือเฉพาะพระของหลวงปู่ทองทิพย์เช่นปิดตาจันทรคราสครับ ยังไงรีบๆกันนะครับ
    (16พ.ค.2560)

    (ปิดตาจันทรคราสคือสุดยอดของหลวงปู่ทองทิพย์ (ต่อไปจะหายากยิ่งกว่างมเข็มในมหาสมุทรครับ))

    ติดต่อประชาสัมพันธ์ วัดหลวงพ่อสดธรรมกายาราม
    090-595-5162
    090-595-5164
     
  15. nut33

    nut33 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กันยายน 2006
    โพสต์:
    52
    ค่าพลัง:
    +44
  16. dumairport

    dumairport เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2012
    โพสต์:
    662
    ค่าพลัง:
    +1,571
    ยังมีพระปิดตาไพรดำองค์เล็ก 8000 / พระประทานพรองค์เล็ก 5000 บ้างไหมครับ
    ต้องการบูชาสัก 1 องค์ หรือ ทั้ง 2 องค์ถ้ามี ขอบคุณครับ
     
  17. apisab

    apisab เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2006
    โพสต์:
    1,083
    ค่าพลัง:
    +1,704
    วันนี้ได้รับโทรศัพท์ ก็ทำให้เห็นถึงคนที่มีความเห็นต่าง มีพระหลวงปู่ทองทิพย์ แต่ไม่ได้มีความเข้าถึงหลวงปู่ทองทิพย์เลยแม้แต่น้อย

    เหตุใดจึงกล่าวเช่นนั้น เพราะหมอเสือบอกว่าพระอะไรของหลวงปู่ทองทิพย์ก็แรงเหมือนกันพลังงานดีเหมือนกันหมด

    จะเหมือนกันทุกรุ่นได้อย่างไร ที่สุดของหลวงปู่ทองทิพย์ก็คือพระปิดตาจันทราคราส (พี่เขาเชื่ออย่างนั้น เพราะวัดตามอะไรมาก็มิทราบ)

    อยากบอกพี่ ๆ เหล่านั้นครับ แสดงว่าพี่ไม่เคยถึงหลวงปู่ทองทิพย์แม้แต่เสี้ยววินาทีเลย ถึงแค่วัตถุที่หลวงปู่เสกไว้เท่านั้น

    การที่เราจะบูชาพระหลวงปู่ทองทิพย์ ผมให้พี่เขามอบกายถวายชีวิตกับหลวงปู่ทองทิพย์เป็นที่สุด เพื่อให้เข้าถึงหลวงปู่ทองทิพย์ จริง ๆ ไม่ใช่เพียงแค่วัตถุที่ท่านสร้างขึ้น ภาพลักษณ์ภายนอกที่บูชา อยากให้เข้าถึงหลวงปู่ คือตายแทนท่านได้ก็ถึงท่าน

    พุทธานุภาพ ธัมมานุภาพ สังฆานุภาพจึงบังเกิดสูงสุด

    ลองนึกดูหลักการง่าย ๆ คนที่แขวนพระหลวงปู่เพราะเชื่อพลังงานดี กับคนที่มอบกายถวายชีวิตให้กับหลวงปู่ ถ้าเป็นเรา เราจะช่วยใคร การมอบกายถวายชีวิตก็คือตายแทนได้

    แล้วคนที่ได้แค่ภาพกวางทอง หรือตะกรุด หรือพระต่าง ๆ หลวงปู่ไม่คุ้มครองเต็มที่รึ คนที่เขาถูกแทงก็มีแค่บุหรี่ที่หลวงปู่ท่านให้ คนที่ถูกรถชนไม่เป็นไรก็มีแค่ภาพกวางทองของหลวงปู่
    วัตถุมงคลรุ่นอื่น ๆ ของหลวงปู่ไม่ศักดิ์สิทธิ์หรือครับ

    ที่ผมบอกกล่าวเพราะอยากให้เข้าถึงหลวงปู่ทองทิพย์ท่านจริง ๆ
    อย่าให้วัตถุมงคลเป็นตัวปิดกลั้นการเข้าถึงซึ่งพระรัตนตรัยครับ
     
  18. nut33

    nut33 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กันยายน 2006
    โพสต์:
    52
    ค่าพลัง:
    +44
    การอธ_ษฐานจ_ตเสกพระเคร__องว_ดหลวงพ_อสดท_านอธ_ษฐานไว_ รวม 10 ประการ .PNG
    หลวงป๋าท่านเคยบอกไว้ว่าการอธิษฐานจิตเสกพระเครื่องต่างๆของวัดหลวงพ่อสด
    ท่านอธิษฐานไว้ รวม 10 ประการ คือ

    1. พลิกธาตุพลิกธรรม-กลับร้ายกลายเป็นดี ให้ผู้เป็นเจ้าของมีจิตน้อมเข้ากระแสธรรม
    2. มหาอุด กันปืน
    3. มหาคงกระพัน หนังเหนียวทนต่อคมมีดของมีคม
    4. มหาแคล้วคลาด
    5. รอดพ้นจากภัยทั้งหมด ภัยธรรมชาติ อุบัติภัย อุทกภัย อัคคีภัย ภัยสงคราม ภัยจากนิวเคลียร์
    6. ป้องกันโรคภัย ภูติผีปีศาจ คุณไสย์ ยาสั่ง
    7. มหาอำนาจ สิทธิ สิทธิเฉียบขาด
    8. มหาเมตตา มหานิยม
    9. มหาโชคลาภ โภคทรัพย์
    10. สมใจปรารถนา อธิษฐานได้ตามที่ขอ

    (เวลาหลวงป๋าท่านอธิฐานจิต ท่านจะเชิญหลวงปู่ทองทิพย์ด้วยครับ)
     
  19. dumairport

    dumairport เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2012
    โพสต์:
    662
    ค่าพลัง:
    +1,571
    จอง พุทธกวัก รุ่น 1 เหล็กเปียก องค์ที่ 8 ทำบุญ 5500
    จันทรา องค์ที่ 6 ทำบุญ 10000 บาท
    รวม 15500+ค่าส่ง 60 ถูกต้องมั้ยครับ
    ช่วยยืนยันการจองด้วยครับ (089-7255996)
     
  20. apisab

    apisab เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2006
    โพสต์:
    1,083
    ค่าพลัง:
    +1,704
    พรุ่งนี้ผมจะโทรหาคุณ ...Dumaiport นะครับ เพื่อทำการจองพระให้ เพราะจะสับสนกับสายบุญ ที่ลงเพราะจองพระกับใครและชำระเงินที่ใครที่สำคัญรับพระกับใคร เกรงว่าร่วมบุญมาแล้วอาจจะไม่ได้รับพระ
     

แชร์หน้านี้

Loading...