หาคำตอบเกี่ยวกับอภิญญาที่ติดตัวมาครับ

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย ธรรมแท้ว่าง, 16 ธันวาคม 2015.

  1. จริยากุ

    จริยากุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    1,314
    ค่าพลัง:
    +1,446
    การใช้อภิญญา ถ้าทำได้ ไม่ใช่เพื่อกิเลส การใช้ด้วยปัญญาเพื่อส่วนรวม ถ้าสามารถทำได้จึงเกิดประโยขน์สูงสุด จริงอยู่มีเพียงปัญญาเท่านั้นทั้งทำให้พ้นอบายได้ แต่ถ้ามีอภิญา และมีเมตตาธรรม ก็น่าจะดีนะคะ ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ ที่หวังดีค่ะ
     
  2. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,567
    ค่าพลัง:
    +9,957
    ผจญพลังไฟ

    ใกล้ปีใหม่แล้ว ขอให้ทุกคน "กล้าหาญ อดทน ฝึกฝน สู้ต่อไป แม้จะต้อง ผจญพลังไฟ"

    นักผจญภัย นักผจญเพลิง "ดำรงค์สติมั่น รู้ ท่ามกลางธรรมเฉพาะหน้า"
    https://cdn.rt.com/files/2015.12/article/568017d8c4618838248b45b6.jpg

    อัคนีเผาผลาญ "ธารน้ำตกแห่งไฟ ละอองน้ำแห่งอัคคี" ความเหมือนแห่ง ธาตุไฟกับธาตุน้ำ
    https://cdn.rt.com/files/2015.12/article/568017f3c36188ba5b8b45da.jpg

    เตโชแลบลั่น "ประดุจ ซึนามิแห่งไฟ" ธาตุไฟ ที่มีรูปลักษณ์แบบ ธาตุน้ำ
    https://cdn.rt.com/files/2015.12/article/568017fdc46188292a8b45c8.jpg

    เดช วาเยโช สำหรับผู้ที่เคยออกอวกาศ นี่คือ "Space Anomaly" กล่าวโดยทั่วไป "สนามพลังแปรปรวน" ธาตุ ดิน-น้ำ-ลม-ไฟ เป็นผู้แสดง
    https://cdn.rt.com/files/2015.12/article/5680180dc36188e16b8b457f.jpg

    ทะเลคลื่นอัคคี เช่นเดียวกัน ธาตุไฟ ที่มีรูปลักษณ์แบบ ธาตุน้ำ
    https://cdn.rt.com/files/2015.12/article/56801820c461888b418b45d6.jpg

    ฝ่าดงพระเพลิง สำหรับผู้ที่รอดพ้น "ทะเลเพลิงแห่งจิต"
    https://cdn.rt.com/files/2015.12/article/5680182ec36188a1618b45d6.jpg

    ประลัยกัลป์ปรากฏ "ผู้ที่ไม่ประมาท ย่อมไม่เมินเฉยต่อปรากฏการณ์ที่เป็น ธรรมเฉพาะหน้า"
    https://cdn.rt.com/files/2015.12/article/56801846c4618811248b45c8.jpg

    +++ สำหรับ "รูปกรรมฐาน" ประโยชน์จะอยู่ตรง ความเหมือนกันของ รูปลักษณ์
    +++ สำหรับ "นามกรรมฐาน" ประโยชน์จะอยู่ตรง ความเหมือนกันของ กระแสพลังงาน
    +++ สำหรับ "อณูธาตุกรรมฐาน" ประโยชน์จะอยู่ตรง ความเหมือนกันของ อณูที่แฝงตัวอยู่ในกระแสที่เคลื่อนตัว

    +++ "ธาตุสักแต่ว่าธาตุ" มีสภาวะธรรมหนึ่ง ที่ไม่สามารถมีธาตุตั้งอยู่ได้

    +++ ขอให้ทุกท่าน "รักษาตนให้พ้นภัย" พ้นออกมาจาก "สภาวะแห่งความเป็นธาตุ" และหาสภาวะธรรมนั้นให้พบเจอถ้วนทั่วทุกคน นะครับ

    https://cdn.rt.com/files/2015.12/article/5680182ec36188a1618b45d6.jpg

    รูปภาพทั้งหมดมาจาก rt.com
    อ้างอิง https://www.rt.com/in-vision/327208-ferocious-wildfire-rages-california/
     
  3. ยอดคะน้า

    ยอดคะน้า เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มกราคม 2010
    โพสต์:
    960
    ค่าพลัง:
    +711

    มีอีกจำพวก

    พวกหลง หลงว่าสัมผัสโน่น นี่นั่นได้
    แต่เป็นอาการหลงของตัวเอง จินตนาการไปว่ามี ตาทิพย์ หูทิพย์ ระลึกชาติได้
    ไปเที่ยวนรกสวรรค์ แล้วมาเพ้อ บลาๆ

    พวกนี้ก็ไม่รู้ว่า สิ่งที่สัมผัสมา มันเป็นจริงหรือเปล่าก็ไม่รู้
    ยิ่งเที่ยวเอามาโพนทะนา มันก็เป็นการซ้อมให้ตัวเองโกหกมากขึ้น
    จากแค่ซ้อมๆ กลายเป็นเอาใหญ่เลย

    หากยิ่งไปกล่าวตู่ผู้อื่น ทั้งๆที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรด้วย ยิ่งกรรมหนัก

    เรื่องไกลๆพวกนี้เขาจะชอบพูด เพราะพิศูจน์ยาก
    เรื่องใกล้ๆตัว กลับไม่รู้เรื่อง แบบนี้ก็มีเยอะ


    หากกล่าวถึงคนมีอภิญญา หายากครับ
    อัตราส่วนแสนต่อหนึ่ง ยังยาก

    จะเจอแต่พวกเพี้ยนซะส่วนใหญ่
     
  4. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,425
    ค่าพลัง:
    +35,019
    ปล่อยให้เป็นไปตามนัยยะนี้ คือ ''ตามวาระของแต่ละดวงจิต"
    ซึ่งแปรฝันตามสิ่งที่ดวงจิตได้เคยสะสม ได้สัมผัสสัมพันธ์มาไม่ว่า
    จากอดีตชาติไหนๆ หรืออดีตชาติในปัจจุบัน จนมาถึง ณ เวลาปัจจุบัน
    และพิจารณา ณ ปัจจุบันนี้ที่เป็นปัจจุบันตรงนี้ตามความเป็นจริง
    ด้วยสภาวะที่เป็นกลาง......
    ด้วยการสร้างสติทางธรรมที่จะคอยควบคุมความคิด
    ควบคุมพฤติกรรมของจิตนั้น ทำให้จิตคล่อยๆคลายตัวมันเองจาก
    ความคิดที่เกิดจากจิต จากความคิดที่เกิดจากขันธ์ ๕ ส่วนนามธรรม
    ที่จิตเรามันเคยสร้างตัววิญญานหรือเครื่องรับรู้ต่างๆทางอายตนะทั้ง ๖
    จากภายในของเราเองออกไปเชื่อมโยงสิ่งต่างๆภายนอกทุกๆอย่าง
    จนกลายมาเป็นตัวเองได้อย่างที่เราไม่เคยรู้ตัวมาก่อน
    และสติทางธรรมทำให้รู้ทันตัวกระแสต่างๆต่างไม่ว่าดีหรือไม่ดี
    ซึ่งเป็นฝ่ายอารมย์เป็นฝ่ายนามธรรมที่มาจากภายนอก
    ที่พยายามเข้ามาเชื่อมโยงจิตใจเรา จนสร้างเป็นตัวตนของเราขึ้นมาได้
    อย่างที่เราก็ไม่เคยรู้ทันมาก่อนเช่นกัน
    สร้างสติทางธรรมให้เห็นตรงนี้ก่อนในเบื้องต้น
    เมื่อมีสติทางธรรมแล้ว รู้กิริยาของจิตต่างๆแล้ว ไม่ว่ากิริยาที่จิตรวมกับความคิด
    ที่เกิดจากจิต กิริยาที่จิตรวมกับกระแสภายนอกต่างๆ กิริยาที่จิตรวมกับความคิด
    ที่ผุดขึ้นมาอย่างไม่ได้ตั้งใจเป็นอย่างไรแล้ว. รู้กิริยาจิตกระเพื่อมเป็นอย่างไรแล้ว
    แยกมันได้เป็นส่วนๆแล้ว และควบคุมมันไม่ให้เข้ามารวมกับจิตได้แล้ว
    เราถึงจะเข้าใจสภาวะที่จิตเป็นกลาง ทำให้เรา
    มาเริ่มต้นเดินปัญญาเพื่อสร้างปัญญาทางธรรมให้บังค่อยเกิดขึ้นมาได้...
    ในระหว่างช่วงที่กำลังเดินปัญญานี้เองเป็นช่วงที่ความสามารถทางจิตต่างๆ
    จะเริ่มเกิดขึ้นมาได้ตามเนื้อหาเดิมแท้ของจิตดวงนั้นๆที่เคยสะสมมา...
    ทำไมข้าพเจ้าถึงไม่พูดถึง ความสามารถพิเศษต่างๆที่เกิดขึ้นมาเอง
    ก่อนการสร้างสติทางธรรมก็เพราะ ถ้าจิตเรามันยังเคยคลายตัวเองได้
    มาก่อนหรือยังแยกแยะ ความคิดที่เกิดจากจิตได้มาก่อนเหมือนอย่าง
    ที่เคยกล่าวไปแล้วก่อนหน้า ตัวจิตมันจะสร้างตัววิญญานไปเชื่อมไปรับรู้
    กับกระแสทุกๆอย่างจากภายนอก โดยสร้างจากภายในจิตเองและเนื่อง
    จากขาดตัวสติทางธรรมที่จะรู้เท่าทันตัวจิตมันก็จะไปยึดกับทุกเรื่องๆ
    จนกลายเป็นตัวเองเราอย่างที่เราคาดไม่ถึง ยิ่งมีความรู้พิเศษมาก
    ยิ่งซึมซับมาก มากจะจนกลายเป็นหนึ่งเดียวกับสิ่งที่ตนไปยึด...
    บางบุคคลญานวิถีเปิดมากก็มีปัญหาในการอยู่ร่วมกับสังคม
    บางคนมีปัญญาในการหายตัวในญานวิถี บางคนก็ยึดจะจน
    คิดว่าต้องเป็นอย่างที่ตนเองยึด ทุกคนต้องเป็นอย่างตน
    ยึดซะจนปรุงร่วมกับภายนอก ที่หลอกที่สร้างให้จิตเป็นไปตาม
    กิเลสที่ซ่อนอยุ่ในดวงจิตตนเองที่ตนเองไม่เคยเห็นมาก่อนหน้านั้น
    เป็นสาเหตุให้จิตเริมเข้าสู่ความวิปลาส บางท่านก็เพี้ยน อยู่ร่วมกับ
    สังคมไม่ได้ เพราะกระแสภายนอกมันหลอกมันชักจูงให้ตนอยู่เหนือ
    ธรรมชาติ อยู่สูงกว่าธรรมชาติ อยู่สูงกว่าผู้คน เป็นเหตุให้แยกแยะ
    ตัดสิน ชี้ชัด ผู้อื่นว่าด้อยกว่าตน ยอมรับฟังความคิดเห็นผู้อื่นๆได้ยาก
    และคิดว่าตนเองเก่งกว่าใคร ทั้งๆที่ความสามารถในการทำได้จริง
    ความสามารถในการพิสูจน์ให้บุคคลอื่นๆทราบได้จริงยังไม่เกิดขึ้น
    มีแต่ความสามารถที่ตัวจิตสร้างขึ้น ปรุงร่วมกับกระแสภายนอกต่างๆ
    ให้จิตรับรู้ ให้จิตเข้าใจไปเองฝ่ายเดียว นี่เป็นสาเหตุที่ต้องกล่าวถึง
    เรื่องเครื่องรู้พิเศษที่จะเริ่มเกิดหลังจากที่มาเริ่มเดินปัญญาได้แล้ว....
    เพื่อให้ง่ายรวมความว่า สิ่งที่ทำให้จิตเกิดไม่ว่า กิเลสตัวใดๆก็ตามเป็น
    ฝ่ายนามธรรมทั้งหมดและเป็นกระแสพลังงานอย่างหนึ่ง
    พอมีสติทางธรรมที่รู้เท่าทันแล้ว สิ่งที่จะตัดจะทำให้กระแส
    เหล่านี้วางได้ก็คือ ปัญญาทางธรรมนั่นเอง ซึ่งจะมีมากมีน้อย
    ก็สุดแล้วแต่บุคคล ปัญญาทางธรรมนี้ ก็เพื่อให้จิต มันค่อยๆลด
    ค่อยๆละ ค่อยๆคลาย จากสิ่งที่มายึดเกาะทั้งหลายที่เราสร้าง
    ตัววิญญานสร้างตัวไปรู้ไปเชื่อมมันมานั้นเอง...
    จนกระทั่งมันไม่ไปยึด ไปเกาะ จิตมันถึงคลายตัวและขยายตัว
    ออกไปได้และจะเริ่มกลับเข้าสู่เนื้อหาเดิมแท้จริงของตัวจิตเองได้
    ตามลำดับนั่นเอง..


    ปล.แค่เพียงแต่เล่าให้ฟังมีต่อ
     
  5. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,425
    ค่าพลัง:
    +35,019

    เครื่องรู้พิเศษต่างๆที่เราเรียกกันอภิญญาไม่ว่าจะภายในที่รู้ได้เฉพาะตนเอง
    ไม่สามารถทำให้บุคคลอื่นๆรับรู้ได้แบบตน หรืออภิญญาภายนอก
    ที่ทำให้บุคคลรับรู้ได้แบบที่ตนเองรับรู้ได้เช่นกัน ที่จะสามารถเกิด
    ขึ้นได้ในระหว่างที่เริ่มต้นเดินปัญญานั้นก็ต้องนำมาใช้เพื่อส่งเสริมการลด
    ส่งเสริมการละ ส่งเสริมการคลายตัว จากสิ่งยึดเกาะต่างๆ ไม่ใช่
    ตั้งต้นนำไปใช้เพื่อ ไปสร้าง ไปเพิ่ม ไปทำให้มีสิ่งยึดเกาะต่างๆมาเพิ่มขึ้น
    กับตัวจิตของเรา เพราะแม้บางเรื่องจะเป็นเรื่องที่บางสังคมมองว่าดี
    เช่น การทำนายทายทัก การดูดวง ฯลฯ
    แต่มันยังไม่ใช่การเข้าสู่ปลายทางที่แท้จริงของพุทธศาสนา แต่ก็ต้องยอมรับ
    ว่าเรื่องเหล่านั้น เกิดมาก่อนพุทธศาสนาและอยู่คู่กับพุทธศาสนามาก่อน
    และก็เป็นส่วนหนึ่งที่สามารถโน้มให้เข้าสู่ปลายทางได้เช่นกัน
    เพราะฉนั้นก็ต้องมีปัญญาในการรับรู้และยอมรับความเป็นจริงตรงนี้ร่วมด้วย
    ย้ำว่า เครื่องรู้พิเศษต่างๆควรเป็นไปเพื่อช่วยเสริม การลด การละ
    การคลายได้ดียิ่งขึ้น ในระหว่างนี้มันจะเกิดเครื่องรู้พิเศษอะไรขึ้นก็ตาม
    ก็ต้องรู้ว่าไม่ควรไปยึด ถ้าใช้ได้แล้วก็ควรที่จะต้องใช้แล้วก็แล้วไป
    เพื่อให้จิตมันคลายตัว เพื่อให้จิตมันวาง ถึงจะไม่เผลอไปสร้าง ไปเพิ่ม
    และยึดเกาะบิดบังตัวจิตเราอย่างที่เราไม่รู้ตัว เมื่อจิตคลายตัวได้ในสภาวะ
    ปกติได้จิตถึงจะเริ่มกลับเข้าสู่เนื้อหาเดิมแท้ของจิตได้ของมันเองตามวาระ
    เครื่องรู้พิเศษก็จะเกิดความละเอียดขึ้นได้ของมันเอง ยิ่งละเอียดมากขึ้น
    ได้เท่าไร ก็ยิ่งจะช่วยส่งเสริมการลด การละ การคลายตัวของจิตได้ดีขึ้น
    ตัวจิตจะทราบเหตุทราบผลต่างๆที่ส่งผลถึงปัจจุบัน และด้วยปัญญาทางธรรม
    ที่เกิดขึ้นในระหว่างนี้ จะมาหนุนส่งเสริมนอกจากจะช่วยให้จิตคลายตัวได้ดี
    ขึ้นแล้วก็ยังรู้จักการ ยุติ ก็คือการตัดกระแสภายนอกต่างๆหรือสิ่งยึดเกาะ
    ต่างๆที่ตัวจิต ให้หมดไปในเรื่องนั้นๆได้ดียิ่งขึ้น เป็นเหตุให้ตัดตัวไปรู้
    ตัดวิญญานไปเชื่อมตรงนี้ได้ของมันเองในแต่ละเรื่อง ไม่ว่าเรื่องใดๆก็ตาม
    ที่ได้เครื่องรู้พิเศษและปัญญาทางธรรมมาช่วยหนุนส่งเสริมกันครับ...
    หลังจากนั้นเราค่อยมาดูว่า ในระหว่างวัน
    ตัวจิตเรามันคลายตัวได้เป็นปกติไหม
    โดยที่เราไม่ต้องไปข่ม ไปบังคับด้วยวิธีการใดๆก็ตาม
    ไม่ว่าจะ ตบะ ฌาน ญาน ไปใช้ความสามารถพิเศษใดๆ
    เริ่มจาก วินาที เป็นนาที เป็นชั่วโมง และคลายตัวได้ตลอดเวลา
    ไม่เกาะกระแสภายนอกอะไรเลยได้เหมือนอย่างท่านที่พ้นแล้วทั้งหลาย...

    ในระหว่างนี้ ถ้าหากว่าท่านจะใช้งาน
    ตามวาระของแต่ละท่านๆก็ใช้เฉพาะที่มันจำเป็น
    เพราะถ้าท่านใช้มากต่อไปจิตมันจะเห็นเวทนาเอง
    กลุ่มที่เคยใช้งานมามากๆมาก่อนหรือในอนาคตถ้าเรากลายเป็น
    หนึ่งในกลุ่มที่มีความสามารถใช้งานได้ในทางที่มีประโยชน์และมีโอกาส
    ได้ใช้มากๆเราก็จะเข้าใจได้เองถึงเวทนาตรงนี้และต่อมา
    มันจะเลือกใช้เฉพาะที่มันส่งเสริมประโยชน์
    ในทางธรรมและเป็นประโยชน์ต่อผู้อื่นมากกว่าตนเอง
    ใช้แล้วก็ต้องรู้จักใช้แล้วก็แล้วไป ไม่ยึดไม่ไปหวังผลอะไร
    เพื่อเข้าสู่สภาวะการคลายตัวของจิต ก็คือไม่มีอะไรมายึดมาเกาะได้
    ย้ำว่า สติทางธรรม ปัญญาทางธรรม เครื่องรู้พิเศษต่างๆ
    ปฏิบัติให้มันมาหนุนนำกัน เพื่อให้เข้าสู่สภาวะที่จิตคลายตัวได้ให้ได้
    ในสภาวะลืมตาปกติและให้เกิดขึ้นเป็นปกติกับจิตของเราให้ได้
    ไม่ว่าจะวินาที หรือ นาทีก็มีประโยชน์ทั้งนั้น เพราะเราไม่ทราบว่า
    อนาคตข้างหน้าจะเกิดอะไรขึ้นกับเราบ้าง เพื่อความไม่ประมาท
    เพราะการไม่กลับมาเกิด มันไม่ได้ไปได้ด้วยการไปไม่ได้มีได้ด้วยการมา
    มันเกิดขึ้นของมันได้ของมันเองอยู่แล้วทุกที่ทุกเวลา เพราะฉนั้นก็ให้จิตเรา
    มันสัมผัสรับรู้สภาวะนี้เอาไว้ให้ได้ในเวลาลืมตาปกติซะก่อนที่สายเกินไป

    และอย่าลืมว่าสุดท้ายถ้าจะถึงขั้นไม่ต้องกลับมาเวียนว่ายตายเกิดได้นั้น
    ที่มีพื้นฐานจากตัวจิตมันจะต้องไม่เกิดนั้น ตัวจิตมันจะต้องทิ้งทุกๆอย่างได้
    ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตาม ไม่ว่าจะทางโลกทั้งหลาย
    ไม่ว่าจะ สติ สมาธิ ตบะ ฌาน ญาณ
    กำลังจิต อำนาจจิต อภิญญาจิตทั้งภายนอกภายใน
    ปัญญาทางธรรมแม้ว่าในขณะที่ยังต้องอาศัยร่างกายนี้
    มันจะอยู่ร่วมและต้องพึ่งพาอาศัยกันอยู่ก็ตาม
    จนกระทั่งสุดท้ายตัวจิตมันเห็นว่า การเกิดเป็นทุกข์ได้จริงๆ
    ตัวจิตมันถึงจะไม่อยากเกิด นั่นหละครับเราถึงจะมี
    โอกาสที่จะพ้นได้จริงๆครับ...หลายๆท่านที่ปฏิบัติดี
    จึงฝึกถึงขั้นที่จิตพร้อมตายได้ทุกขณะเวลาที่ยังมีชีวิตอยู่นั่นหละครับ

    ปล.แค่เพียงแต่เล่าให้ฟังครับ
     
  6. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,053
    ค่าพลัง:
    +3,465
    ตายฮา !!!

    เขียนมาตั้งเยอะ อุตสาห์ด้นเด้า เดา เสียมากมาย แต่เพราะ แอบแฝงเลห์
    เพื่อให้ ตน ได้หลอกทำนายทายทัก ผู้อื่น โดยที่ไม่รู้ชัดว่า เขาจะ นิพพาน
    ด้วยการ ทักนั้นหรือไม่ แต่ อ้างเลห์เอาไว้ เพื่อให้ตนได้ ทำอะไรเฮียๆ !!!

    มันก็เลย หงายเก๋ง

    สรุปลงมา

    สันติ !!!!

    เด็กไม่กี่ขวบ มันมาอ่าน รู้เลย วิภวตัณหา ยังไม่รู้จักเลย

    เวทนา3 ตัณหา3 ไม่รู้จัก แยกรูปแยกนาม ไม่เป็น สติทางธรรม บ้านมะอึง
    เลยไป....ไป.....ไป....

    สันติ !!!!
     
  7. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,053
    ค่าพลัง:
    +3,465
    น้องๆ หนูๆ อย่า งง นะฮับ

    อภิญญา หากฟังข้างบนนั่น เขาก็พยายาม จะพูดให้ ลง "สมาธิ"
    วิปัสสนา การมีสติ แล้วก็อ้างว่า เดี๋ยว จะได้ อภิญญา มาลอยๆ

    ไม่มีหรอกฮับ มันคนละเรื่อง

    อภิญญา ในทาง พุทธศาสนา ไม่มีเรื่องได้มาลอยๆ มันจะต้องมี
    เหตุ หรือ บุพกรรม ที่เคยใช้ " ศรัทธา ทาน และ ศีล " กระทำ
    ต่อ บุคคลที่อยู่ในข่ายพระพุทธศาสนา

    พูดง่ายๆ คือ ศรัทธา ใน บุคคล8คู่ และ กระทำทาน กับท่านเหล่านั้น
    แล้วก็ ทำด้วยอาการมีสัจจา มีศีล มีสัตย์(จิตสู่จิต) ไม่ใช่ ปลิ้นปล้อนประจบ
    ประแจง อ้างเลห์ กดข่ม พระ เรียก ห่มเหลือง ยกตน(ฆารวาส) เสมอ หรือ สูงกว่า

    ส่วน การเจริญสติปัฏฐาน เป็นเรื่อง ชำระกิเลส ล้วนๆ

    จิตที่สะอาด สงบ สว่าง จากกิเลส มันก็ สมควรแก่ธรรม คือ คุณธรรมที่เคย
    ศรัทธา ทำทาน มีศีล ต่อ บุคคล8คู่ ก็เลย หยั่งลงที่จิตได้ จึงเรียกว่า " ญาณลาภี "

    ส่วนที่ไม่เคยทำ ก็ยังเพียร เอาเองได้ หาก ชำระกิเลสแล้ว หากปราถนา
    จะมีอภิญญา ก็ฝึกเอาทีหลังได้ สุขวิปัสสโก บางท่าน จึงแสดงฤทธิ์ได้

    เหมือนกรณ หลวงปู่สิงห์ทอง หรือ พระอาจารย์จวน( ถ้าจำผิดขอออภัย )
    ที่ หลวงพ่อฤาษีลิงดำระบุว่าท่านเป็น สุขวิปัสโก แต่ ท่านแสดงฤทธิให้ท่าน
    เห็นได้ เหมือนกัน ไม่ใช่ทำไม่ได้

    อย่า งง นะฮับ

    ท่อนหลังนี่ ระบุส่วน สุขวิปัสสโก ก็เพื่อ พูดถึง บุคคลที่ไม่ได้ฝึกฤทธิ์ ไม่มีอภิญญา
    ตามภาษาชาวบ้าน แต่ ทว่า หากท่านปราถนา ท่านก็ ทำได้ ไม่ใช่ไม่ได้ หรือ ไม่มี

    พูดเพื่อให้เห็น ภาพว่า สำเร็จมรรคผล ไปเถอะ ยังไง ก็มี ฤทธิ์ ได้ จะไปกลัวอะไร

    ไม่ใช่ ต้องสติทางธรรม ต้องระวังนั่น ระวังนี่ ทางนามธรรม ทางขันธ์ภายนอก
    เหมือน ที่ " นกบ้ากาม " มันกล่าวด้นเด้า เดา ไปเรื่อยเปื่อย


    ปล. " การพยากรณ์ เพื่อ ประโยชน์ " ในทางพุทธศาสนา จะหมายเอา รู้ว่า
    พยากรณ์ไปแล้ว เขาจะสำเร็จ มรรคผล นิพพาน ในเวลา กี่วัน กี่เดือน

    ไม่ใช่ พยากรณ์ อ้างเลห์ หลอกให้ได้แค่ มี จลศรัทธา แล้วไปสำเร็จเอา ชาติหน้าโน้นนนนนนนนนนน เฮีย เอ้ย !!!
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 ธันวาคม 2015
  8. kengkenny2

    kengkenny2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    592
    ค่าพลัง:
    +289
    เรื่องนี้จริงเขาเรียกว่าเป็นกิจลักษณะกับมีเมื่อต้องการเรียกว่าเฉพาะกิจ จุดเริ่มต้นคือไม่จำเป็นต้องรู้ว่ามีหรือไม่มี เหมือนกับเป็นอุบายว่า จิต คือ อะไร ไม่จำเป็นต้องรู้ แต่พิจารณาทำจิตหรือสมาธิให้เกิด แล้วจะทราบว่า มีแล้วทำอะไร เพื่ออะไร มันไม่ใช่มีได้ทั่วไป มันจำเพาะเจาะจงกับสิ่งที่เกิดเสมอ เป็นปัญญาทั้ง สองวิถี
     
  9. kengkenny2

    kengkenny2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    592
    ค่าพลัง:
    +289
    หมายถึงโพจคุณพี่เอกนะคับ
     
  10. ยศวดี

    ยศวดี ยายแก่แล้ว*_*

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2010
    โพสต์:
    4,255
    กระทู้เรื่องเด่น:
    11
    ค่าพลัง:
    +5,796
    เขาไม่เน้น..ขายแอร์หน้าหนาวนะ
    ..รู้ยัง
    ช่วงนี้เขาชอบบบบ..hot.
     
  11. ยศวดี

    ยศวดี ยายแก่แล้ว*_*

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2010
    โพสต์:
    4,255
    กระทู้เรื่องเด่น:
    11
    ค่าพลัง:
    +5,796
    .....รู้สึกเหมือน
    กลับไปอ่าน..กไก่ใหม่ใหม
    เหมือนเลยนะ...
     
  12. ยศวดี

    ยศวดี ยายแก่แล้ว*_*

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2010
    โพสต์:
    4,255
    กระทู้เรื่องเด่น:
    11
    ค่าพลัง:
    +5,796
    กเอ๋ยกไก่
    ขใข่อยู่ในเล้าใหม
    ว่า..อยู่ในเล้านะ
    เอ๋หรือว่าไม่อยู่ดี
    ....,.........
    อิอิ
     
  13. ยศวดี

    ยศวดี ยายแก่แล้ว*_*

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2010
    โพสต์:
    4,255
    กระทู้เรื่องเด่น:
    11
    ค่าพลัง:
    +5,796
    หนุกดี..คุยคนเดียว
    เอิ้กกก
     
  14. ยศวดี

    ยศวดี ยายแก่แล้ว*_*

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2010
    โพสต์:
    4,255
    กระทู้เรื่องเด่น:
    11
    ค่าพลัง:
    +5,796
    ประหลาด..
    โม้...
    งี่เง้าาาา..
    ไม่เหมือนชาวฉงฉัย...เลยไปกับเขาไมาได้
    อ่านเจอเลยมาเล่าสนุกดีนะ...
    เป่าทำไม....
    อ้อ..เป่าเก่ง
     
  15. uิwwิnา

    uิwwิnา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    72
    ค่าพลัง:
    +146
    เด็กมันอ่าน แค่เอามันส์ คนพิมพ์มันก็เอาสนุก

    ได้แค่สุกเอาเผากิน นอมินี หายเกลี้ยง
    ไหลลงคลอง ตกน้ำป๋อมแป๋มๆ

    นั่นรึ "เดชไอ้ด้วน แขนหลุดไม่แค้น" บ้าหอบสังขารไปตามจินตนาการ หลงหนัก!! มันส์ไม่ใช่ม้าง
     
  16. kengkenny2

    kengkenny2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    592
    ค่าพลัง:
    +289
    ก็ดีหัดคุยกับตัวเองบ้างแต่อย่ามากเกินไปเดี้ยวมันจะกลายเป็น...อ่านอย่างเดียวก็ดี เพราะอยู่ข้างไหนก็ไม่ไดี มันอาจทำให็คนกลายเป็น...ได้อีกนั่นแหละ
    แล้วไง...ก็อยากบบอกว่า ก็เอาที่บายใจนั่นแหละคับ ตามซาบาย
     
  17. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,293
    ค่าพลัง:
    +12,622
    พูดคุยธรรมะ ภาษาเหมือนเมายานี่จะไหวไหมฮะ
    หรือว่าธรรมขั้นสูงมันมีธรรมชาติแบบนี้
    ลุงแมวแค่อนุบาลอ่านแล้วเอ๋อ....ไปเรื่อยๆฮะ
     
  18. กิ่งสน

    กิ่งสน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 เมษายน 2012
    โพสต์:
    1,068
    ค่าพลัง:
    +2,327
    ขอร่วมเสวนาดดังนี้ อภิญญาที่ติดตัวมาส่วนมากที่เคยสัมผัสคือ ตาทิพย์ เช่น คนที่สามารถเห็นสิ่งที่คนอื่นไม่เห็น รู้เหตุการณ์ล่วงหน้าบางเรื่อง เช่น ฝันล่วงหน้า ลางสังหรณ์ ทำนายทายทักชาวบ้าน บางคนไม่เคยฝึกก็ทำได้โดยเฉพาะเด็ก มากเพียงใดก็ไม่อาจรู้ได้ บางคนเมื่อโตขึ้นความสามารถเหล่านี้หมดไป บางคนไม่เคยรู้พอฝึกสมาธิก้าวหน้าเร็วมาก แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็อย่าได้คิดว่าคนมีของเก่าติดตัวมาจะดีกว่าคนที่พึ่งฝึก มันอยู่ที่ชาตินี้ กรรมปัจจุบัน แล้วก็อย่าหลงติดอยู่แค่นี้
     
  19. ยศวดี

    ยศวดี ยายแก่แล้ว*_*

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2010
    โพสต์:
    4,255
    กระทู้เรื่องเด่น:
    11
    ค่าพลัง:
    +5,796
    ฮะ.....
    ผมมันไม่ดีเองฮะ
    ผมเป็นสีขาวแล้วฮะ
    มีผมแตกปลาย...ด้วยฮะ
    ตื่นเต้นฮะ
     
  20. ยศวดี

    ยศวดี ยายแก่แล้ว*_*

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2010
    โพสต์:
    4,255
    กระทู้เรื่องเด่น:
    11
    ค่าพลัง:
    +5,796
    ไปตามธรรมฮะ
    ถนนเป็นหลุมมั๊ยฮะถนนท่านเรียบจนถึงบ้านเลยเหรอฮะ
    แถวบ้านผม....ควายเดินบ้าง วัวเดินบ้าง รถแหกโค้งบ้าง
    สิบล้อน้ำหนักเกินบ้าง
    ก็เลยเป็นอย่างที่เห็นฮะ
    เห็นธรรมหรือเห็นตัวเองละฮะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...