...... ห้องศิลป์พระ •••➱ พระแท้แค่ 200 ......

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย ศิลป์พระ9, 8 กันยายน 2017.

  1. ศิลป์พระ9

    ศิลป์พระ9 Active Member สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2010
    โพสต์:
    598
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +485
    54.เหรียญ"กายทิพย์" หลวงพ่อริม วัดอุทุมพร จ.สุรินทร์ ปี 2514 "จอง">>>พี่สุภชัย
    สภาพสวยแชมป์

    คุณพ่อไปทำงานอยู่จ.สุรินทร์เสียหลายปี ก่อนจะย้ายเข้าตัวจังหวัด ท่านก็อยู่อำเภอปราสาท ในถิ่นนี้ คนส่วนใหญ่พูดภาษาเขมร และ พระเกจิที่มีชื่อเสียงโด่งดัง ก็จะมีหลวงปู่หงษ์ และ ถ้าลึกหน่อยก็หลวงพ่อริม นี่หละครับที่ชาวบ้านกล่าวถึงบ่อยๆ ประสบการณ์การณ์ในหมู่ทหารเยอะมากๆ

    หลวงพ่อริม วัดอุทุมพร จ.สุรินทร์ ท่านเป็นพระเกจิดังในช่วงยุคปี2500ต้นๆ สมัยก่อนนั้นยุคที่บ้านเมืองยังไม่ค่อยสงบ ยังมีผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์และโจรชุกชุมต่างจากสมัยนี้มาก อันตรายยังมีอยู่ทุกภาคของประเทศ ยิ่งใกล้ชายแดนกัมพูชา อย่างสุรินทร์ยิ่งไม่ต้องพูดถึง อันตรายมากๆ พวกทหารตำรวจได้อาศัยบารมีท่านและเครื่องรางของขลังของท่านไว้คุ้มครองป้องกันภัยกันทั้งนั้นครับ หลายคนมีประสบการณ์เจอกันมาเองจนมั่นใจเลยครับ บางคนเคยเห็นท่านแสดงอภินิหาร จนมีการสร้างเหรียญกายทิพย์แยกร่างของท่านถวายให้ท่านเสกแจกกันเลยครับ พวกทหารแถบนั้นนิยมกันมากๆ แถมยังไปช่วยท่านสร้างสำนักสงฆ์บนเขา หลวงพ่อริม ได้มรณภาพไปตั้งแต่ พศ.2528 และศพของท่านก็ไม่เน่าเปื่อย ทางวัดได้นำร่างของท่านเก็บไว้ให้ประชาชนได้สักการะบูชากันครับ เหรียญของท่านจึงบูชาได้สนิทใจ


    11.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 ตุลาคม 2017
  2. ศิลป์พระ9

    ศิลป์พระ9 Active Member สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2010
    โพสต์:
    598
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +485
    55.เหรียญหลวงพ่อมุม วัดนาสัก ชุมพร กะไหร่เงิน ปี 2522 "จอง">>>พี่สุภชัย
    ทันท่านปลุกเสก+สวยมาก

    น้อยคนที่ศึกษาพระเครื่องสายใต้ ที่จะไม่รู้จักหลวงพ่อมุม วัดนาสัก ที่ โด่งดัง ไม่ว่าจะเป็นเสือ ตระกรุด3ดอก เหรียญท่าน ที่ มีอานุภาพมากมาย เป็นที่นิยมไปทั่งทังภาคใต้ และ ท่านได้ชื่อว่าเป็นพระเกจิที่ ปฎิบัติวัตร ได้อย่างบริสุทธิ์ เนียบ แต่สมถะ เป็นอย่างยิ่ง การจะทำอะไรที่เกี่ยวกับท่าน ท่านจะเข็มงวด เวลาใครไปขอของดีของท่าน ท่านจะบอกให้ปฎิบัติตนในศีลในธรรม นับเป็นเกจิที่บริสุทธิ์อีกรูปของภาคใต้ สำหรับเหรียญรุ่นนี้ ออกที่วัดสวนมณีทรัพย์ชุมพร ปี 2522 มีออกเหรียญหลวงพ่อสงฆ์และหลวงพ่อสงฆ์ วัดเจ้าฟ้าศาลาลอยปลุกเสกอีกด้วย ทันท่านแน่นอน

    12.jpg

    173.jpg
    cr.รูปพลอากาศตรี อภิชัย ศักดิ์สุภา

    ประวัติจากเวปเพื่อนบ้านครับ

    หลวงพ่อมุมมีนามเดิมว่า มุม จันทร์ประสูติ เกิดเมื่อ วันจันทร์ เดือน ๑๑ ปี จอ พ.ศ. ๒๔๔๑ ที่ตำบลปากมะยิง ใกล้กับวัดปากกิ้ว จ.นครศรีธรรมราช บิดาชื่อ นายเฟื่อง มารดาชื่อนางใหม่ ท่านเป็นลูกโทน ฐานะทางบ้านนับว่าเป็นผู้มีอันจะกินเพราะมีที่นาเป็นร้อยไร่ พอท่านมีอายุได้ ๑๑ ปี บิดาก็ถึงแก่กรรม ทำให้ท่านเกิดความสลดใจและเศร้าใจเป็นอย่างมาก ท่านอยู่กับมารดาจนมีอายุได้ ๑๘ ปี คืนหนึ่งท่านฝันเห็นบิดา ท่านก็มาคิดว่าท่านไม่เคยทดแทนบุญคุณบิดาเลย จึงคิดบวชทดแทนบุญคุณซึ่งมารดาก็ให้การสนับสนุน

    ท่านจึงบวชเณรที่วัดท่าโพธิ์ จ. นครศรีธรรมราช โดยมี พระรัตนธัชมุนี ศรีธรรมราช (ม่วง) หรือเจ้าคุณวัดท่าโพธิ์ เป็นอุปัชฌาย์ เมื่อบวชเณรแล้วท่านได้ไปจำพรรษาที่วัดปากกิ้ว

    หลังจากบวชเณรได้ ๑ ปี มารดาของท่านก็เสียชีวิตไปอีก ทำให้ท่านเล็งเห็นว่าโลกนี้ไม่มีอะไรเที่ยงแท้ การบวชทำให้ท่านมีความสุขยิ่งกว่าทางโลกและเป็นการทดแทนบุญคุณบิดา-มารดา ด้วยท่านจึงตัดสินใจบวชไม่สึก ส่วนทรัพย์สมบัติที่ดินท่านก็ไม่ไยดี เป็นของนอกกาย ให้ญาติๆแบ่งกันไปหมด

    พอท่านมีอายุครบ ๒๐ ปี ท่านก็ออกบวชเป็นพระภิกษุโดยมีอุปัชฌาย์รูปเดิมเป็นผู้บวชให้รับนามฉายา ว่า โฆสโก ซึ่งแปลว่า “ผู้มีเสียงก้อง” หมายถึงมีธรรมอันกว้างใหญ่ไพศาลถ้วนทั่วนั่นเอง ท่านจำพรรษาอยู่จนถึง พ.ศ. ๒๔๗๘

    *** ท่านได้ออกไปศึกษาหาความรู้ทางปริยัติธรรมเพิ่มเติมที่วัดบวรนิเวศวิหารโดยมาเรือมากับพระภิกษุอีกสองรูปคือ***

    1 หลวงพ่อโอภาสี

    2 พระอาจารย์วิจิตรกรณีย์ (หลวงปู่ยิ่ง) ท่านเป็นอาจารย์ของหลวงพ่อมุม รูปหนึ่งด้วย

    พ.ศ. ๒๔๗๘ เมื่อศึกษาจบในลำดับหนึ่ง ท่านได้ธุดงค์มากับหลวงปู่ยิ่ง และจำพรรษาที่วัดโพธิ์เกษตร อ.สวี จ.ชุมพร ส่วนหลวงพ่อโอภาสี ท่านได้แยกไปจำพรรษาที่อาศรมบางมด ธนบุรี

    พ.ศ. ๒๔๘๑ ท่านจำพรรษาอยู่ที่วัดบ้านนา อ.เมือง จ.ชุมพร และเป็นเจ้าอาวาสจนถึง พ.ศ. ๒๔๙๐

    พ.ศ. ๒๔๙๐ ท่านออกธุดงค์จำพรรษาอยู่ที่วัดกาญจนาราม อ.กาญจนดิษฐ์ จ.สุราษฎร์ธานี และธุดงค์ต่อไปถึงนครศรีธรรมราช แล้วย้อนกลับมาชุมพร

    พ.ศ. ๒๔๙๓ จำพรรษาที่วัดนาสัก ขณะนั้นเป็นวัดนาสักเป็นวัดร้างไม่มีพระสงฆ์ หลวงพ่อเลื่อน วัดสามแก้วได้ให้นายภู่ เกตุสถิตย์ กรรมการวัดนิมนต์หลวงพ่อมุม มาเป็นเจ้าอาวาสแทนหลวงพ่อสอนที่มรณภาพ อยู่ที่วัดนาสัก อ.สวี จ.ชุมพร จนกระทั้งมรณภาพ ในปี พ.ศ. ๒๕๓๒

    ก่อนที่ท่านจะมรณภาพช่วงระยะเวลาหนึ่ง ได้มีการสร้างรูปเหมือนบูชาขนาดองค์จริงของหลวงพ่อมุมที่สำนักสงฆ์คนฑี ตั้งอยู่หมู่ 3 ต.บ้านนา อ.เมือง ชุมพร โดยมี พระอาจารย์ธรรม เป็นผู้จัดสร้างได้นิมนต์หลวงพ่อมุม ไปเจิมองค์รูปเหมือน หลวงพ่อมุมท่านได้กล่าวว่า ทำรูปเราไม่ได้ขอเราเลย อีกไม่นานหรอกเราก็คงต้องไป และท่านได้แจ้งให้พระลูกศิษย์คือหลวงพ่อบุญรอด ภาวโร วัดแก้วประชาราม (ทุ่งรี) ต.ท่าช้าง อ.เมือง จ.จันทบุรี ให้ทราบว่าท่านจะกลับแล้ว หลวงพ่อบุญรอด จึงได้สั่งหล่อรูปเหมือนขนาดองค์จริงมาไว้ที่วัดนาสัก เป็นองค์ประดิษฐานอยู่ที่วัดจนถึงปัจจุบันให้กับหลวงพ่อมุม

    ขณะที่หลวงพ่อมุมอยู่โรงพยาบาลชุมพร โยมผู้อุปถากท่านคือตาอิง (กรรมการวัด) ท่านได้บอกให้ตาอิง เอาน้ำมารดตัวท่าน (ท่านกำลังสละทิ้งธาตุ) ท่านบอกตาอิงว่าจะไปแล้ว เวลาที่ไปคือเวลาที่หยุด ต่อมาไม่นานท่านก็ละสังขาร ตาอิงจึงดูที่นาฬิกาเห็นว่า มันหยุดเดิน จึงถามแพทย์ว่าไม่ได้ตั้งเวลาหรือ แพทย์ให้พยาบาลไปดูเวลาในห้องแพทย์ นาฬิกาที่มีอยู่ทุกเรือนก็หยุดหมด แม้แต่เมื่อนำร่างหลวงพ่อมุมมาถึงที่วัด นาฬิกาของวัดนาสักก็หยุดและรวมถึงเมื่อตาอิงแจ้งข่าวให้ทางวัดโพธิเกษตรทราบข่าวการมรณภาพของหลวงพ่อมุมนาฬิกาของวัดก็หยุดด้วยเช่นกัน

    หลวงพ่อมุม มรณภาพ เมื่อวันอังคารที่ ๒๒ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๓๒ เวลาประมาณ ๑๗.๐๐ น.

    นับพรรษาได้ ๗๑ พรรษา สิริอายุ ๙๑ พรรษา ปัจจุบันทางวัดได้เก็บร่างของท่านไว้ในโลงแก้ว เพื่อให้ผู้ที่ศิษยานุศิษย์ได้มากราบไหว้ ซึ่งได้กำหนดให้ทุกวันที่ ๑๕ เมษายน ของทุกปีเป็นวันทำบุญอุทิศให้หลวงพ่อมุม

    คาถาอาราธนาวัตถุมงคลของหลวงพ่อมุม โฆสโก
    อิติปิโส ภควา พุทธัง ธรรมมัง สังฆัง อาราธนานัง อธิฐามิ

    หลวงพ่อไม่ได้พูดสอนอะไรมากหรอก แค่ทำให้เราดู เป็นอยู่อย่างสมณะผู้เรียบง่าย ไม่ยึดถือยศศักดิ์ใดๆ รู้จักทดแทนคุณบิดามารดา มีน้อยใช่น้อย มีมากแบ่งปัน เสียสละรู้จักการให้ จากไปทิ้งธรรมสังขาร ให้ลูกหลานได้สังวร

    10.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 ตุลาคม 2017
  3. ศิลป์พระ9

    ศิลป์พระ9 Active Member สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2010
    โพสต์:
    598
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +485
    56.เหรียญหลวงพาอไสว วัดพืชอุดม จ.ปทุมธานี ปี 2510

    หลวงพ่อไสวท่านเป็นเจ้าอาวาสองค์ต่อจาก หลวงพ่อช่วง วัดพืชอุดม ท่านเป็นทั้งพระพัทลุง และ ศึกษาวิทยาคม มีวัตถุมงคลออกมาหลายรุ่น และ มีประสบการณ์ต่อเนื่อง เหรียญท่านยังไม่แพง แต่อายุการสร้างเก่ามากๆครับ.

    4.jpg
     
  4. ศิลป์พระ9

    ศิลป์พระ9 Active Member สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2010
    โพสต์:
    598
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +485
    57.เหรียญสมเด็จพระนเศวร หลังยันต์ตรีนิสิงเห
    สภาพสวย


    5.jpg
     
  5. ศิลป์พระ9

    ศิลป์พระ9 Active Member สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2010
    โพสต์:
    598
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +485
    58.เหรียญหลวงพ่อโอภาสี-หลวงพ่ออาชม "จอง">>>พี่NT-1
    6.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 ตุลาคม 2017
  6. NT-1

    NT-1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2016
    โพสต์:
    336
    ค่าพลัง:
    +177
    จองครับ
     
  7. ศิลป์พระ9

    ศิลป์พระ9 Active Member สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2010
    โพสต์:
    598
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +485
    รับทราบการจองครับ ขอบคุณพี่มากๆครับ
     
  8. supachaipnu

    supachaipnu ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    2,476
    ค่าพลัง:
    +7,307
    close 54, 55
     
  9. ศิลป์พระ9

    ศิลป์พระ9 Active Member สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2010
    โพสต์:
    598
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +485
    รับทราบการจองครับ ขอบคุณพี่มากๆครับ :):):)
     
  10. NT-1

    NT-1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2016
    โพสต์:
    336
    ค่าพลัง:
    +177
    โอนรายการ 52,58 แล้วนะครับ รายละเอียด PM ครับ
     
  11. ศิลป์พระ9

    ศิลป์พระ9 Active Member สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2010
    โพสต์:
    598
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +485
    รับทราบครับผม ขอบคุณพี่มากๆครับ
     
  12. ศิลป์พระ9

    ศิลป์พระ9 Active Member สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2010
    โพสต์:
    598
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +485
    59.เหรียญหลวงพ่อวงศ์ หลังลวงพ่อเยื้อน วัดมะกอก กรุงเทพ

    เหรียญนี้ไม่ทันหลวงพ่อวงศ์ หลายๆท่านที่หาเหรียญหลวงพ่อวงศ์ แท้ๆไม่ได้ ก็ มักจะหาเหรียญนี้แทนเพราะ ได้หลวงพ่อเยื้อน ท่านเสก หลวงพ่อเยื้อนท่านเป็นศิษย์หลวงพ่อวงศ์ วัดมะกอก ทำให้เหรียญนี้ เป็นที่เสาะแสวงหาของลูกศิษย์สายนี้ และ มีประสบการณ์มากมาย



    8.jpg
     
  13. ศิลป์พระ9

    ศิลป์พระ9 Active Member สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2010
    โพสต์:
    598
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +485
    60.เหรียญหลวงพ่อหอม วัดชากหมาก รุ่นแรก ปี2498 จ.ระยอง "จอง">>>พี่สุภชัย
    หายาก+นิยม
    เหรียญรุ่นแรกท่านเป็นเหรียญที่หายากและเป็นเเหรียญยอดนิยมสูงสุดอีกท่านหนึ่งของจ.ระยอง เจ้าของ"สิงห์" ยอดนิยมของวงการเครื่องรางไทย เหรียญนี้สภาพใช้มากราคาไม่แพง ครับเหมาะกับคนนำไปเลี่ยมไว้บูชาแบบไม่ซีเรียส หรือเลี่ยมห้อยหน้ารถก็ไม่กังวลสูญหายเหรียญท่านเป็นเหรียญที่หาได้ยากแล้วนานๆ จะพบเจอแท้ๆ เรื่องประสบการณ์ไม่ต้องกล่าวกันมากมาย เพราะท่านก็ 1 ในตองอู แห่งเมืองระยองครับ

    202.jpg

    ประวัติบางส่วนของหลวงพ่อหอม
    ในสมัยที่หลวงพ่อหอมกำลังก่อสร้างวัดซากหมากฯอยู่นั้น ท่านได้เดินธุดงค์มาจากวัดมาบข่า
    เมื่อปี๒๔๗๑มีพรรษาเพียงสองพรรษาเท่านั้นสันนิฐานว่าท่านคงประสงค์จะมาเยี่ยมบ้านเกิดของท่านที่บ้านสำนักท้อนแต่เมื่อผ่านบ้านซากหมาก ซึ่งขณะนั้นเป็นป่าคงดิบซึ่งเต็มไปด้วยสัตว์นานาชนิดเช่น ช้าง เสือ หมูป่า ลิงค่าง และงูพิษอาศัยอยู่มากมาย มีบ้านเรือนอยู่เพียงไม่กี่หลัง คือครอบครัวนายแผน นายมาน นายแหว นายจิ๊ด นางนก และนายไพร หลวงพ่อได้พบกับบ้านที่ทำด้วยไม้ไผ่สองหลังทรุดโทรมจนเกือบใช้การไม่ได้แล้วสอบถามชาวบ้านก็ทราบว่าเป็นสำนักสงฆ์ ซึ่งพระอาจารย์ล้าเคยอยู่มาก่อน
    แต่ได้ปล่อยให้เป็นสำนักล้างมาประมาณ๑๐ปีเศษ

    หลวงพ่อจึงตกลงใจที่จะฟื้นฟูสำนักสงฆ์แห่งนี้ให้เป็นวัดขึ้นมาให้ได้
    จึงได้เข้าป่าไปจำพรรษาอยู่ที่ถ้ำเขานางหย่องเพื่อแสวงหาไม้ที่จะนำไปปลูกสร้างถาวรวัตถุของวัดที่ตั้งใจไว้ และในขณะที่ท่านจำพรรษาอยู่ในถ้ำนั้นก็ปรากฏว่ามี ช้าง เสือ และสัตว์ร้ายอื่นๆ มาวนเวียนอยู่ใกล้ท่านตลอดเวลาแต่ก็เป็นที่น่ามหัศจรรย์ที่สัตว์ร้ายเหล่านั้นหาได้เข้าทำร้ายท่านไม่
    ตรงกันข้ามเมื่อนานๆเข้ากลับปรากฏว่าสัตว์เหล่านั้นเชื่องได้
    โดยเฉพาะอย่างยิ่งท่านสามารถพูดกับช้างป่ารู้เรื่องกันเป็นอย่างดี ถึงขนาดทำอะไรๆตามคำสั่งท่านได้
    เมื่อท่านคัดเลือกไม้ที่ต้องการได้แล้วจึงได้นำชาวบ้านขึ้นไปตัดโค่นจนได้จำนวนพอแก่ความต้องการ
    แต่ก็เกิดมีปัญหาว่าจะทำอย่างไรจึงจะชักลากไม้เหล่านั้นลงมาแปรรูปข้างล่างได้ เพราะเป็นระยะทางไกลถึง ๗กิโลเมตร จึงได้ชักชวนชาวบ้านที่ขึ้นมาช่วยตัดโค่นต้นไม้กลับลงมาที่สำนักสงฆ์ชากหมากก่อน

    เพื่อที่จะหาวิธีขึ้นไปชักลากไม้ลงมาจากเขานางหย่องให้ได้
    แต่เมื่อได้ปรึกษาหารือกับชาวบ้านเป็นเวลาหลายวันก็ยังไม่พบวิธีที่ต้องการ
    หลวงพ่อจึงย้อนขึ้นไปบนเขาอีกครั้งหนึ่ง เพื่อสำรวจดูเส้นทางให้ละเอียดเสียก่อนอีกครั้งหนึ่ง
    พอหลวงพ่อไปถึงเชิงเขาก็ต้องประหลาดใจอย่างยิ่ง เพราะปรากฏว่าที่เชิงเขานั้นมีไม้ที่ตัดไว้บนเขา
    ได้ลงมากองอยู่จนครบทุกท่อน กับได้เห็นรอยเท้าช้างป่าขนาดใหญ่รอบๆบริเวณกองไม้และทางขึ้นเขาเปรอะไปหมดซึ่งต่อมาหลวงพ่อก็ทราบว่าเป็นฝีมือช้างป่าที่คุ้นเคยกับท่านจำนวน ๗ เชือก ช่วยกันชักลากมาไว้นั้นเอง ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องแรกที่ชาวบ้านได้ประสบกับความมหัศจรรย์ในอภินิหาริย์ของหลวงพ่อและเริ่มบังเกิดความศรัทธาอย่างสูงมาตั้งแต่นั้น

    เมื่อหลวงพ่อสร้างอุโบสถได้มีชาวบ้านใกล้ๆวัดเข้ามาหาหลวงพ่อบอกว่าช้างป่าเข้าไปในไร่เก็บกินพืชผลที่เขาปลูกเอาไว้จนได้รับความเสียหายอย่างหนัก เขาจะยิงก็เกรงใจหลวงพ่อขอให้หลวงพ่อช่วยเขาด้วยเถิด
    เมื่อหลวงพ่อได้ทราบเช่นนั้นก็รับปากว่าจะช่วย และลุกเดินไปยืนบริกรรมอยู่สักครู่หนึ่งหน้าโบสถ์
    แล้วร้องตะโกนขึ้นว่า” ลูกหลานพญาฉัททันต์ อย่าไปเหยียบย่ำไร่ของเขาเลย เจ้าของเขาจะยิงเอา
    ของเรามีอยู่แล้วในแปลงขวามือไปกินได้”ซึ่งภายหลังจากนั้นก็ไม่ปรากฏว่ามีช้างเข้าไปรบกวนชาวบ้านอีกต่อไปเลย แต่ตรงกันข้ามกับของหลวงพ่อที่มีอยู่ใกล้ๆ วัดกลับไม่มีพืชผลเหลืออยู่เลย เพราะฝีมือช้างป่านั้นเอง
    อีกครั้งหนึ่งที่หลวงพ่อสร้างความมหัศจรรย์แก่ชาวบ้านเอาไว้คือเมื่อประมาณปี ๒๔๘๑
    ตอนนั้นหลวงพ่อบวชได้๑๒พรรษาแล้ว
    วันหนึ่งได้มีนายพรานช้างมาขอพักที่วัดและตอบคำถามของหลวงพ่อว่าจะมาล่าช้างในป่าแถบๆนี้แต่เวลาใกล้คร่ำจึงขอพักเอาแรงที่วัดสักคืนก่อน หลวงพ่อก็อนุญาตให้พรานเหล่านั้นพักตามประสงค์
    แล้วหลวงพ่อเดินไปยืนบริกรรมที่หน้าโบสถ์สักครู่ก็ตะโกนขึ้นว่า”ลูกหลานพญาฉัททันต์ทั้งหลายวันนี้อย่าออกไปหากินไกลวัดมีคนเขาจะมายิง
    ให้หากินอยู่ในบริเวณวัดนี้”เมื่อนายพรานออกป่าเพื่อล่าช้างก็ปรากฏว่าไม่พบช้างเลยแม้แต่ตัวเดียว
    เพราะช้างป่าเหล่านั้นได้ชวนกันมาหากินอยู่ภายในบริเวณวัดหมด นายพรานจึงต้องคว้าน้ำเหลวกลับไป
    ต่อมาหลวงพ่อพร้อมด้วยพระภิกษุอีก ๔ รูป ได้ชวนกันไปหากระเพรา ๗ อ้อม ด้วยการเดินธุดงค์
    เมื่อเดินทางไปถึงที่แห่งหนึ่งซึ่งหลวงพ่อบอกว่า

    สงสัยจะเป็นเขตจังหวัดสุพรรณบุรีที่เป็นท้องที่เดิมบางนางบวชในปัจจุบัน
    ได้พบศาลายกพื้นสูงมากหลังหนึ่งอยู่ในป่าทึบ มีหนังสือเขียนไว้มีข้อความว่า”ใครผ่านมาทางนี้
    เมื่อมืดแล้วให้ขึ้นไปอยู่ข้างบนเพราะมีสัตว์ชุกชุมมาก”แต่หลวงพ่อกลับบอกพระที่ไปด้วยกันว่าเราปักกลดกัน
    อยู่ข้างล่างนี้แหละไม่ต้องขึ้นไปหลอกทั้งหมดก็ปักกลดอยู่ข้างล่างนั้นเองเมื่อปักกลดเสร็จหมดทุกองค์แล้ว
    หลวงพ่อก็ได้เสกทรายซัดล้อมกลดไว้โดยรอบ และสั่งพระที่ไปด้วยกันทั้งหมดว่าอย่าได้ออกไปนอกกลดเป็นอันขาดไม่ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้น แล้วก็ชวนกันนั่งสมาธิเจริญภาวนาแผ่เมตตาแก่สรรพสัตว์โดยทั่วกัน
    ซึ่งในคืนวันนั้นปรากฏว่ามีสัตว์ร้ายหลายชนิดมาวนเวียนอยู่แถวรอบๆกลดเหมือนกัน
    แต่ไม่มีตัวใดเข้ามาทำร้ายจนรุ่งเช้าสัตว์เหล่านั้นก็หายไปในป่าหมด
    หลวงพ่อจึงได้ชวนพระที่มาด้วยกันเดินทางต่อไป
    ในการเดินทางต่อไปในช่วงนี้ หลวงพ่อเล่าว่าเป็นป่าเขาโดยตลอด
    ขนาดเดินทางมาสามวันแล้วยังไม่พบบ้านเรือนคนเลยแม้แต่หลังเดียวต้องอดอาหารกันทั้งสามวัน
    จนกระทั่งวันที่สี่จึงได้สวนทางกับชาวบ้านคนหนึ่งหาบขนมจีนผ่านมา
    แล้วเอาขนมจีนนั้นถวายทุกองค์ได้ฉันกันจนอิ่ม
    หลวงพ่อได้ถามชายคนนั้นว่า”ต่อจากที่นี่ไปอีกไกลไหมจึงจะถึงบ้านคน”ซึ่งก็ได้รับคำตอบว่า”พอพลบค่ำก็จะเห็นแสงไฟบ้านคน”แล้วเดินหายไปในป่านั้น หลวงพ่อจึงชวนพระที่ไปด้วยออกเดินทางต่อไป
    ซึ่งตลอดทางที่เดินผ่านไปนั้นไม่พบบ้านคนเลยจึงหน้าสงสัยว่าคนที่ถวายขนมจีนนั้นเป็นใครกันแน่
    เพราะถ้าเป็นคนธรรมดาจะอยู่แถวนั้นได้อย่างไรกันจนกระทั่งเวลาพลบค่ำจึงได้พบบ้านคนจริงตามที่ชายคนนั้นบอกไว้จึงชวนพระที่ไปด้วยกันทั้งหมดปักกลดพักที่บริเวณใกล้ๆกับหมู่บ้านนั้นและต่อมาก็เดินทางกลับวัดซากหมากฯโดยไม่ได้กระเพรา๗อ้อมมาตามต้องการเพาะไม่พบว่ามีอยู่ี่ที่ใดเลย ส่วนเรื่องที่พบคนเอาขนมจีนมาถวายกลางป่าทั้งๆบริเวณใกล้ๆนั้นไม่มีบ้านคนเลยก็คงเป็นปริศนาให้แปลกใจอยู่ตลอดมา
    สมัยอู่ตะเภามีฐานทัพอเมริกันตั้งอยู่ ได้มีฝรั่งชาตินิโกร ซึ่งเป็นทหารนักบินคนหนึ่ง
    มีเมียเช่าเป็นคนไทยภาคอีสานได้พากันไปหาหลวงพ่อที่วัดแล้วเช่าพระกริ่งรูปเหมือนของหลวงพ่อไปไว้ติดตัวเป็นประจำ และมีอยู่ครั้งหนึ่งทหารฝรั่งนิโกรคนนี้ได้ถูกคำสั่งให้ขับเครื่องบินไปนครพนม
    แต่บังเอิญไปเกิดอุบัติเหตุเครื่องบินตกระหว่างทาง เครื่องบินนั้นได้รับความเสียหายจนใช้การไม่ได้
    ทหารที่ไปด้วยกันก็เสียชีวิตและบาดเจ็บสาหัสกันทุกคน แต่ฝรั่งนิโกร
    ซึ่งเป็นนักบินคนนี้ไม่ได้รับบาดเจ็บเลยแม้แต่น้อย จึงบังเกิดความเลื่อมใสหลวงพ่อเป็นอย่างมาก
    เมื่อมีโอกาสจะต้องมาหาหลวงพ่อที่วัดเป็นประจำ
    เมื่อวัดหลวงพ่อมีงานก็จะมาช่วยงานอย่างแข็งขันทุกครั้งไป
    เมื่อถูกส่งกลับไปอเมริกาแล้วก็ยังส่งเงินมาถวายหลวงพ่ออยู่เนืองๆ
    มีอยู่ครั้งหนึ่งหนังสือพิมพ์ลงข่าวว่าวัยรุ่นย่านบางรัก
    กรุงเทพฯยกพวกต่อยตีกันเป็นมวยหมู่ มีการบาดเจ็บกันเป็นระนาว
    แต่ก็มีอยู่หลายคนที่ไม่เป็นอะไรเลยทั้งๆที่ได้เข้าไปประจัญบานกับเขาด้วยอย่างเมามัน
    ซึ่งภายหลังปรากฏว่าพวกที่ไม่ได้รับบาดเจ็บนั้นล้วนแต่มี”สิงห์งาช้าง”ของหลวงพ่อติดตัวอยู่ทั้งนั้น
    สอบถามได้ความว่าเคยร่วมคณะกฐินจากกรุงเทพฯซึ่งไปถอดวัดซากหมากฯแล้วเช่า
    “สิงห์งาช้าง”ของหลวงพ่อไปไว้ติดตัวกันคนละตัว ซึ่งครั้งแรกก็ยังไม่ได้คิดว่าศักดิ์สิทธิ์ขนาดนี้
    จนได้ประสบเหตุเข้ากับตัวเองจึงเชื่อและพาพรรคพวกเพื่อนฝูงเดินทางไปขอเช่าที่วัดกันอีกหลายคนด้วยกัน
    แต่หลวงพ่อก็เตือนว่า”ถ้ารังแกข่มเหงเขาสิงห์ของพ่อไม่ช่วยนะ”
    ตามธรรมดาทุกๆปี ที่วัดซากหมากฯจะต้องมีงานประจำปี
    และมีอยู่ปีหนึ่งหลวงพ่อได้สร้างพระกริ่งรูปเหมือนองค์หลวงพ่อขึ้นเป็นรุ่นแรก
    ได้มีทหารจำนวนหนึ่งไปเที่ยวงานและเช่าพระกริ่งนี้คนละองค์
    แล้วชวนกันไปหลังโรงเรียนวัดซากหมากซึ่งอยู่ใกล้วัดนั้นเอง เพื่อจะทดลองความศักดิ์สิทธิ์ดูให้แน่ใจ
    จึงได้นำเอาพระกริ่งของหลวงพ่อออกมาวางรวมกันแล้วยิงด้วยปืน .๓๘ ก็ปรากฏว่ายิงกี่ครั้งๆก็ไม่ออก
    แต่เมื่อเบนปากกระบอกปืนไปทางอื่นกลับยิงออกทุกนัด ทหารเรือกลุ่มนั้นจึงกลับเข้ามาในวัด
    และขอเช่าเพิ่มกันอีกจนเงินหมดกระเป๋า
    เมื่อกลับไปแล้วยังได้บอกกล่าวให้บรรดาเพื่อนฝูงพากันมาเช่ากันไปไว้ประจำตัวอีกมากมาย
    และตั้งแต่นั้นมาเมื่อหลวงพ่อมีงานอะไรขึ้น
    บรรดาทหารเรือจากฐานทัพเรือสัตหีบจะมาช่วยกันอย่างมากมายทุกครั้งไป
    เมื่อนายสงั่น ไตร่ตรอง ได้เป็นกำนันตำบลสำนักท้อนใหม่ๆ
    เคยขับรถยนต์ไปธุระที่สมุทรปราการพร้อมกับลูกบ้านอีก ๘ คน
    แต่พอรถไปถึงโค้งบางปิ้งซึ่งได้ชื่อว่าเป็นโค้งผีสิง จะด้วยเหตุอันใดก็ไม่อาจทราบได้
    รถเกิดเสียหลักพลิกคว่ำไปหลายตลบ เผอิญมีตำรวจอยู่ใกล้ๆกับบริเวณนั้นเห็นเหตุการณ์เข้า
    คิดว่าจะต้องมีคนในรถได้รับบาดเจ็บหรืออาจถึงตายแน่ๆ
    จึงรีบวิ่งเข้าไปเพื่อจะช่วยเหลือนำส่งโรงพยาบาลโดยรีบด่วน
    แต่เมื่อเข้าไปถึงก็ต้องประหลาดใจอย่างมากเพระไม่ปรากฏว่ามีผู้ใดที่อยู่ในรถคันนั้นได้รับบาดเจ็บกันเลย
    ซึ่งต่อมาเมื่อมีการสอบถามกันขึ้นด้วยความสงสัย จึงทราบว่าทุกคนที่ไปกันในรถคันนั้นต่างก็มี
    “สิงห์งาช้าง” ของหลวงพ่อหอมติดตัวกันทั้งนั้น

    [​IMG]
    สิงห์แกะหลวงพ่อหอม

    วิทยาเวทย์ที่เป็นคุณวิเศษของหลวงพ่อหอมวัดซากหมาก

    อีกประการหนึ่งที่ยังไม่เคยมีผู้ใดเคยได้เรียนรู้มาก่อนคือ”การต่อชะตาดิน”ซึ่งคุณวิเศษนี้ก็เป็นที่เลื่องลือในความศักดิ์สิทธิ์ของท่านอย่างมากทีเดียว
    คือหากที่ดินของผู้ใดที่เคยอยู่อาศัยหรือใช้ประกอบกิจการใดๆมาก่อน
    เกิดอาการเสื่อมโทรมใช้ประโยชน์ไม่ได้ดีเหมือนเดิม
    หรือกิจการบนดินนั้นเสื่อมโทรมลงหลวงพ่อก็จะไปทำพิธี”ฝังหิน”
    ให้แล้วกิจการบนที่ดินแห่งนั้นก็จะกลับคืนเป็นคุณแก่เจ้าของดั่งเดิมอย่างน่าอัศจรรย์ยิ่งนัก
    ซึ่งวิชาต่อชะตาดินนี้ได้เคยมีบรรดาศิษย์อยากจะเรียนจากหลวงพ่อ
    แต่หลวงพ่อก็บอกว่าผู้ที่จะเรียนได้จะต้องเป็นพระภิกษุเท่านั้น
    และเมื่อเรียนแล้วก็จะต้องตั้งมโนปนิธาณด้วยว่า
    “จะบวชจนตายในผ้ากาสาวพัตร์”คือจะสึกออกไปครองเพศฆราวาสไม่ได้อย่างเด็ดขาด
    ถ้าผิดไปจากนี้แล้วจะต้องถูก”ฟ้าผ่า”ทันที จึงไม่มีใครกล้าพอที่จะเรียนต่อจากท่าน
    เพราะการบวชเป็นพระภิกษุในพระพุทธศาสนานี้ ไม่ใช่เป็นของง่ายนักที่จะประกาศตนว่าจะไม่สึกไว้ล่วงหน้า

    นอกจากหลวงพ่อหอมวัดซากหมากจะเป็นผู้มีวิทยาคุณในทางเครื่องรางของขลังแล้วท่านยังเป็นผู้เชี่ยวชาญในทางรักษาโรคภัยไข้เจ็บนานาชนิดอีกด้วย
    ทั้งนี้เพราะท่านได้เคยศึกษาเล่าเรียนมาจากบิดาของท่านซึ่งเป็นแพทย์ประจำตำบล
    ในสมัยเมื่อท่านยังเป็นฆราวาสอยู่ตามธรรมดาทุกๆวัน
    จะมีคนป่วยด้วยโรคต่างๆมาหาท่านที่วัดเพื่อขอให้ท่านช่วยขจัดปัดเป่าโรคร้ายเหล่านั้นให้หาย
    วันหนึ่งๆถึง
    ๔๐-๕๐ คน หลวงพ่อจึงเป็นพระภิกษุผู้ได้รับความเคารพนับถืออย่างสูง ทั้งที่เป็นคนไทย จีน แขกซิกส์
    และฝรั่ง ดังจะเห็นได้จากเมื่อหลวงพ่อมรณภาพได้มีผู้หลั่งไหลกันไปเคารพศพของท่านอย่างล้นหลาม
    โดยเฉพาะในวันถวายน้ำสรงศพของท่าน
    เจ้าหน้าที่ได้จัดให้เรียงแถวกันเข้าไปต้องใช้เวลาถึงสามชั่วโมงเศษจึงหมดคนที่ไปถวายน้ำสรงท่าน
    หลวงพ่อหอม จนฺทโชโต หรือ พระครูภาวนานุโยค อดีตเจ้าอาวาสวัดซากหมาก หมู่ที่ ๒ ตำบล
    สำนักท้อน กิ่งอำเภอบ้านฉาง(ปัจจุบันเป็นอำเภอบ้านฉาง) จังหวัดระยอง เดิมชื่อ หอม ทองสัมฤทธิ์
    เกิดวันจันทร์ เดือน๑๐ ปีขาล พุทธศักราช๒๔๓๓ เป็นบุตรของนายสัมฤทธิ์ กับนางพุ่ม ทองสัมฤทธิ์
    มีพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกันสามคน หลวงพ่อเป็นคนสุดท้องพี่ทั้งสองคนเป็นหญิงคนโตชื่อ นางวอน
    คนรองชื่อนางเชื่อม
    เมื่อเยาว์วัยอาศัยอยู่กับบิดามารดาที่บ้านเกิดของท่านเอง ส่วนในการศึกษาเบื้องต้นนั้น
    เป็นน่าเสียดายที่ไม่มีผู้ใดทราบว่าท่านได้ศึกษากับใครที่ไหนเพราะในสมัยนั้นโรงเรียนในชนบทที่ห่างไกลจากความเจริญเช่นบ้านเกิดหลวงพ่อคงยังไม่มีตั้งขึ้นแน่นอน

    การดำรงชีพของหลวงพ่อในสมัยนั้น

    ก็เป็นการช่วยบิดามารดาทำสวนทำไร่และเก็บของป่าขายในตัวตลาด
    ซึ่งการเดินทางไปตลาดบ้านฉางหรือตลาดสัตหีบในสมัยนั้นลำบากมาก เพราะยังไม่มีถนนอย่างเช่นในปัจจุบัน
    ต้องอาศัยทางเกวียน ซึ่งผ่านป่าดงดิบแวดล้อมไปด้วยสัตว์ป่านานาชนิด
    ถ้าเป็นฤดูฝนด้วยแล้วก็จะยิ่งเพิ่มความลำบากเป็นทวีคูณ
    และคงจะเป็นเพราะว่าหลวงพ่อเคยมีชีวิตจำเจอยู่แต่ในป่าดงดิบนี่เอง
    จึงทำให้ท่านพยายามพัฒนาป่าให้กลับกลายเป็นหมู่บ้านที่มีความเจริญขึ้นในทุกๆด้าน
    โดยท่านเห็นว่าหากมีถนนตัดจากจากที่เจริญเข้าสู่หมู่บ้านได้เมื่อใด
    ความเจริญนั้นก็ต้องขยายตัวของมันเองตามถนนไปด้วยอย่างแน่นอน จึงได้ร่วมกับ นายหยอย สุวรรณสวัสดิ์
    กำนันตำบลสำนักท้อนคนก่อนชักนำชาวบ้านช่วยกันตัดถนนจากบ้านฉาง เข้าไปจนถึงบ้านซากหมากระยะทาง ๑๒
    กิโลเมตรจนสำเร็จ และถนนสายนี้ในปัจจุบันได้กลายเป็นถนนสายอเนกประสงค์แล้วอย่างสมบูรณ์
    เมื่อหลวงพ่ออายุครบ๒๑ปี ก็โอกาสทำหน้าที่ของลูกชายไทยอย่างเต็มภาคภูมิ
    ด้วยการได้รับคัดเลือกเข้ารับราชการทหารในกองทัพเรือ ในสมัยที่ฐานทัพเรือยังตั้งอยู่ที่บางพระ
    อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี แต่ไม่ทราบแน่ชัดว่าสังกัดอยู่หน่วยไหน
    และใครบ้างที่เป็นผู้บังคับบัญชาโดยตรงของท่าน ทราบแต่เพียงว่าในขณะที่ท่านรับราชการอยู่นั้น
    ไม่เคยถูกลงโทษฐานกระทำผิดวินัยเลยทั้งไม่เคยมีเรื่องทะเลาะเบาะแว้งกับบรรดาเพื่อนๆด้วย
    ตรงกันข้ามกับเป็นที่รักใคร่ของเพื่อนฝูงทุกคน เพราะปกติท่านเป็นคนมีนิสัยเยือกเย็น สุขุม
    และโอบอ้อมอารีต่อทุกคนอยู่แล้ว
    เมื่อรับราชการทหารครบ ๒ปี
    ทางราชการก็ปลดออกจากประจำการจึงกลับไปช่วยบิดามารดาประกอบอาชีพที่บ้านสำนักท้อนตามเดิม
    และในช่วงนี้เองก็ได้แต่งงานกับ นางเจียม ซึ่งเป็นหญิงสาวในหมู่บ้านเดียวกันนั้น
    และมีบุตรด้วยกัน๓คนคือ
    นายพิน ทองสัมฤทธิ์ นายหรั่ง ทองสัมฤทธิ์ นายหรั่น ทองสัมฤทธิ์
    การครองชีวิตแบบคฤหัสถ์ผู้ครองเรือนของหลวงพ่อ ได้เป็นไปอย่างธรรมดาเรื่อยๆมา
    โดยพร้อมกันนั้นก็ได้พยายามถ่ายทอดวิชารักษาโรคต่างๆจากบิดาไปด้วย
    จนมีความรู้ความสามารถไม่ยิ่งหย่อนไปจากบิดาของท่านแต่อย่างใด แล้วก็ได้ใช้วิชาความรู้นี้
    ช่วยเหลือเพื่อนบ้านตลอดมา
    หลวงพ่อหอม วัดซากหมากฯ ได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุในพระพุทธศาสนาเมื่อปีพุทธศักราช ๒๔๖๙
    อายุ๓๖ ณ พัทธสีมาวัดทับมา ตำบลทับมา อำเภอเมือง จังหวัดระยอง โดยมีหลวงพ่อขาว
    วัดทับมาเป็นพระอุปัชฌาย์
    หลวงพ่อจี๊ด วัดเขาตาแขก เป็นพระกรรมวาจาจารย์และหลวงพ่อชื่น วัดมาบข่า เป็นอนุสาวนาจารย์
    เมื่อหลวงพ่อหอมอุปสมบทใหม่ๆ
    ยังเป็นนวกภิกษุผู้น้อยด้วยคุณวุฒิไม่อาจจะปกครองตนเองและผู้อื่นได้
    จึงยังจำพรรษาศึกษาพระธรรมวินัยเบื้องต้นในฐานะอันเตวาสิกของหลวงพ่อชื่น อยู่ที่วัดมาบข่า
    แต่เพียงชั่วระยะ ๒ พรรษาเท่านั้น
    หลวงพ่อหอมก็เป็นผู้แตกฉานในพระธรรมวินัยอย่างน่าอัศจรรย์เนื่องจากเป็นผู้มีความเพียรเป็นเลศ
    ยากที่จะหาพระภิกษุรูปใดในรุ่นเดียวกันเสมอเหมือนได้ แม้
    หลวงพ่อชื่นเองก็ยังเคยปรารภให้พระภิกษุรูปอื่นๆฟังว่า”อีกหน่อยคุณหอมเขาจะหอมทวนลมนะ”
    และต่อมาหลวงพ่อหอมก็ได้กลายเป็นหลวงพ่อผู้มีชื่อเสียงหอมทวนลมจริงดั่งคำของหลวงพ่อชื่นนั้น

    เมื่อหลวงพ่อหอมได้รับอนุญาตจากหลวงพ่อชื่นซึ่งเป็นพระอาจารย์เบื้องต้นไปอยู่ที่วัดซากหมากใกล้ๆ
    บ้านเกิดของท่านแล้ว ก็ได้พยายามค้นคว้าศึกษาพุทธเวทย์เพิ่มเต็มอย่างจริงจัง
    จนบังเกิดผลดังที่ได้ประจักษ์แก่บรรดาศิษยานุศิษย์อย่างถ้วนหน้าแล้วนั้น
    นอกจากท่านจะได้สร้างวัตถุมงคลอันศักดิ์สิทธ์ เพื่อให้ผู้มีไว้บูชาบังเกิดที่พึ่งทางใจอย่างได้ผลแล้ว
    ก็ยังได้สร้างถาวรวัตถุขึ้นไว้ในวัดอีกหลายประการด้วยกัน เช่น อาคาร ศาลา หอระฆัง หอไตรกลางสระน้ำ
    และอีกหลายๆอย่างที่ท่านได้สร้างไว้

    ด้วยความที่หลวงพ่อหอมเป็นผู้ประกอบคุณงามความดีให้ปรากฏในศาสนจักรและราชอาณาจักรมากมายนี่เอง
    จึงได้พระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช
    รัชกาลที่๙แห่งราชวงศ์จักรีพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตรชั้นตรีเป็นพระครูภาวนานุโยค
    ในพระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษาเมื่อวันที่ ๕ ธันวาคม ๒๕๐๗
    นับเป็นเกียรติยศอย่างยิ่งแก่หลวงพ่อและบรรดาศิษยานุศิษย์โดยทั่วหน้ากัน
    และในโอกาสนี้เองทีหลวงพ่อหอมได้สร้างพระกริ่งรูปเหมือน
    แหนบบูชารูปเหมือน(ชนิดสั้น)รูปปั้นเหมือนองค์จริงแบบบูชาเป็นรุ่นแรกขึ้น
    กับได้สร้างเหรียญรูปเหมือนรุ่นสอง
    แบบหน้านูนครึ่งองค์ด้านหลังเหมือนกับเหรียญรุ่นแรกพร้อมกับแหวนทองแดงรูปเหมือนและแบบเดียวกับที่สร้างเมื้อปีพุทธศักราช๒๔๙๘
    หลวงพ่อหอม จนฺทโชโต หรือพระครูภาวนานุโยค ได้อาพาธด้วยโรคชราและมรณภาพด้วยอาการสงบ
    เมื่อเวลาประมาณ ๐๕.๐๐น.ของวันที่๑๓ เมษายน พุทธศักราช๒๕๒๐(นับวันเวลาสากล)ณ
    โรงพยาบาลอาภากรเกียรติวงศ์
    ฐานทัพเรือสัตหีบ จังหวัดชลบุรี รวมอายุได้๘๗ปี๕๑พรรษาและได้รับพระราชทานเพลิงศพเมื่อวันที่ ๒๓ เมษายน
    พุทธศักราช๒๕๒๑ ภายหลังจากท่านมรณภาพแล้ว๓๗๕ วัน ณ. วัดซากหมากฯ หมู่ที่ ๒ ตำบล สำนักท้อน
    กิ่งอำเภอบ้านฉาง(ปัจจุบันเป็นอำเภอบ้านฉาง)จังหวัดระยอง
    ซึ่งเป็นวัดที่ท่านดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสมาโดยตลอดนั้นเอง


    ขอขอบคุณที่มา
    จากหนังสืออนุสรณ์
    งานพระราชทานเพลิงศพ พระครูภาวนานุโยค(หอม จนฺทโชโต)

    1.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 ตุลาคม 2017
  14. ศิลป์พระ9

    ศิลป์พระ9 Active Member สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2010
    โพสต์:
    598
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +485
    61.พระเนื้อผงหลวงพ่อนนท์ วัดหนองโพธิ์ จ.นครนายก ปี 2506 "จอง">>>พี่pasit_ok

    ประวัติจาเวปเพื่อนบ้านครับ..
    เนื้อผงรูปเหมือนหลวงพ่อนนท์ รุ่นนี้จัดสร้างโดยพระอาจารย์จิ ซึ่งเป็นพระเกจิอาจารย์อาวุโส ซึ่งอยู่ที่วัดหนองโพธิ์ ในช่วงหลวงพ่อนนท์ ดำรงค์ตำเเหน่งเป็นเจ้าอาวาส พระอาจารย์จิท่านนับถือหลวงพ่อนนท์มากเพราะหลวงพ่อนนท์ ท่านมีวิชาอาคมที่เเกร่งกล้า จนเป็นที่ยอมรับในหมู่ลูกศิษย์ร่วมทั้งพระผู้ใหญ่ในพื้นที่เเละต่างพื้นที่ พระอาจารย์จิจึงได้ขอหลวงพ่อนนท์สร้างพระรูปเหมือนของหลวงพ่อนนท์ ขึ้นมาสักรุ่นนึง โดยที่อาจารย์จิ เป็นผู้ออกหาว่านเองเเละให้ช่างชาวบ้านเเกะพิมพ์ มวลสารต่างๆที่พระอาจารย์จิ ได้หามา เป็นมวลสารที่หายากมากๆ เพราะการที่จะหาว่านชนิดนี้มาได้ จะต้องมีคาถาอาคมพอตัว ว่านชนิดนี้เรียกว่าว่านโพรง ซึ่งคนโบราณที่เล่นของ ท่านจะเลี้ยงว่านชนิดนี้ด้วยเลือด เเต่ท่านอาจารย์จิ ท่านใช้วิชาอาคมกำกับอยู่เเละนำมาผสมทำเป็นพระเนื้อว่านนี้ให้หลวงพ่อนนท์ ท่านปลุกเสกอีกครั้ง จึงเป็นพระที่เปี่ยมล้นไปด้วยพุทธคุณจากว่านโพรงอาถรรพ์เเละยังได้รับการ ปลุกเสกจากหลวงพ่อนนท์อีกด้วย พระอาจารย์จิ ท่านนี้ก็ไม่ธรรมดานะครับ ท่านเป็นเกจิยุคเก่า ที่ไม่ยอมรับชั้นสัญญาบัตร อยู่เเบบพระบ้านๆ เเต่วิชาอาคมก็มีไม่น้อย ผู้หลักผู้ใหญ่ท่านเล่าว่า เมื่อครั้งหน้าน้ำ น้ำในเเม่น้ำนครนายกจะไหลเชี่ยวผ่านข้างวัดหนองโพธิ์ ท่านอาจารย์จิ จะต้องพายเรือไปรับบิณฑบาตจากญาติโยมทุกวัน เเต่ครั้งนี้น้ำในเเม่น้ำไหลเเรงมาก ท่านอาจารย์จิท่านไม่พายครับ เรือของท่านทวนกระเเสน้ำรับบิณฑบาต ขึ้นไปได้ยังไงก็ไม่รู้ครับ ชาวบ้านเเถวนั้นเห็นกับตาว่าไม้พายไม่โดนน้ำสักนิด ไม้พายว่างอยู่ในเรือ เเต่เรือไหลทวนน้ำได้เอง เป็นที่น่าเเปลกใจยิ่งนัก พระเนื้อผงรูปเหมือนหลวงพ่อนนท์ พิมพ์นี้จึงน่าเก็บ น่าบูชามากครับ การจัดสร้างที่ดี ไม่มีอะไรเเอบเเผง ด้วยเเรงศัทธาเเละเคารพในตัวหลวงพ่อนนท์จริงๆ ประสบการณ์พระเนื้อผงพิมพ์นี้ เรื่องเเคล้วคลาด เด่นมากๆครับ เคยมีคนโดนรถชนจนกระเด็ด คนชนขับหนีไป เเต่คนที่โดนรถชนกลับไม่เป็นอะไรเลย ทั้งๆที่น่าจะกระดูกหักบ้าง มีบาดเเผลบ้าง น่าใช้ครับ ราคาเบากว่า เหรียญรุ่นเเรกของหลวงพ่อนนท์มากครับ...

    639.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 ตุลาคม 2017
  15. supachaipnu

    supachaipnu ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    2,476
    ค่าพลัง:
    +7,307
    Close 60

    60.เหรียญหลวงพ่อหอม วัดชากหมาก รุ่นแรก ปี2498 จ.ระยอง
     
  16. ศิลป์พระ9

    ศิลป์พระ9 Active Member สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2010
    โพสต์:
    598
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +485
    รับทราบครับ ขอบคุณพี่มากๆครับ
     
  17. ktv

    ktv เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มีนาคม 2015
    โพสต์:
    1,153
    ค่าพลัง:
    +1,157
    โอนแล้วครับ 25/10/60 จำนวน 250 บ.เวลา 07.28 น.จัดส่งของที่เดิมครับ (45.รูปหล่อยันต์ยุ่ง หลวงพ่อไข่ วัดลำนาว จ.นครศรีธรรมราช "จอง">>>ktv)
     
  18. ศิลป์พระ9

    ศิลป์พระ9 Active Member สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2010
    โพสต์:
    598
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +485
    62.พระปรกใบมะขาม หลวงพ่ออุ้น วัดตาลกง ปี2548 จ.เพชรบุรี "จอง">>>ใจแก้วนะ
    สภาพสวย+ตอกโค๊ต


    227.jpg
    การศึกษาพุทธาคม : ศึกษาข้อวัตรปฏิบัติ อยู่รับใช้ ลพ.ผิว วัดตาลกง ซึ่งเป็นอาจารย์ที่เชี่ยวชาญไสยศาสตร์
    เวทย์มนต์คาถาอาคม รุ่นราวคราวเดียว ( สหธรรมิก ) กับ ลพ.เพลิน วัดหนองไม้เหลือง ทั้งยังเก่งด้านวิปัสนา
    กรรมฐาน เมตตา อยู่ยงคงกระพัน ซึ่งใกล้ชิดกับ ลป.นาค วัดหัวหิน ทั้งเคยเดินทางไปศึกษาวิชาความรู้จาก ลป.นาค อยู่เป็นประจำ



    หลวงพ่อผิว ธมฺมสิริ เป็นพระเกจิทรงคุณวิเศษของเมืองเพชรบุรีในยุคนั้น แต่อุปนิสัยของท่านชอบอยุ่สันโดษ เก็บตัวเงียบ ไม่ยอมเปิดเผยว่ามีดีนานๆจะลง นะ ที่กระหม่อมให้ผู้ไปหาท่านสักครั้ง
    ชาวบ้านวัยชราอายุ 80 กว่า เล่าให้ฟังว่า ลพ.ผิวลง นะ ที่หัวให้ตัวเดียว มีคุณสารพัดอยู่ยงคงกระพันจนวันตาย คนเก่าๆแถวท่ายาง
    ต่างประจักษ์ในความคงกระพันชาตรีมาแล้วหลายราย ก่อนนี้มีไอ้หนุ่มวัยรุ่นมาติดพันสาวมาบปลาเค้า เข้าไปกราบนมัสการ ลพ.ผิว
    ขอให้ท่านลงนะที่กระหม่อมให้ ครั้นต่อมาไม่นานเขากลับมามาบปลาเค้าอีกครั้ง
    ถูกนักเลงเจ้าถิ่นแทงด้วยมีด ตีหัวด้วยท่อนไม้ ไม่ยักเป็นไร เลยฮึดสู้หนึ่งต่อสาม เล่นเอานักเลงเจ้าถิ่นต้องเปิดหนีกันจ้าละหวั่นไปเลย

    หลวงพ่ออุ้น เป็นที่โปรดปรานของ ลพ.ผิวมากๆ ได้รับการถ่ายทอดสรรพวิชาให้จนหมดสิ้น
    ในพรรษาต่อมา ลพ.อุ้่นเดินทางไปกราบนมัสการลพ.ทองศุข วัดโตนดหลวง ถวายตัวเป็นศิษย์เพื่อ
    เล่าเรียนฝึกปฏิบัติสมธกรรมฐาน วิปัสนากรรมฐานพุทธาคม โดยเรียนฝึกวิชากสิณจนชำนาญในกสิน 10 รวมทั้งตำรับตำราการทำผงเมตตาชั้นสูงด้วย

    หลวงพ่อทองศุข เห็นความมานะพยายามของ ลพ.อุ้น

    ประจวบกับ หลวงพ่อผิว ก็มีความคุ้นเคยกับ หลวงพ่อทองศุข มาก่อนแล้ว ท่านจึงรับไว้เป็นศิษย์ถ่ายทอดสรรถวิชาให้อย่างเต็มกำลัง
    อันที่จริงศิษย์ของ หลวงพ่อทองศุขมีหลายรูป ล้วนแต่มีชื่อเสียงทั้งสิ้น เช่น
    หลวงปู่คำ วัดหนองแก , หลวงพ่อยิด วัดหนองจอก , หลวงปู่นิ่ม วัดเขาน้อย
    หลวงพ่อพิมพ์มาลัย วัด หุบมะกล่ำ , หลวงพ่ออบ วัดถ้ำแก้ว
    หลวงพ่อแผ่ว วัดโตนดหลวง , หลวงพ่อแล วัดพระทรง เป็นต้น
    ก่อนที่จะศึกษาเล่าเรียนวิชา หลวงพ่อทองศุขได้ดูฤกษ์ยามก่อน แล้วนัดกำหนดวันให้ หลวงพ่ออุ้น เดินทางไปทำพิธีขึ้นครู หรือการยกครูมีขันธ์ 5
    ดอกไม้ ธูปเทียน บายศรี ทำพิธีขึ้นครู กล่าวได้ว่า ลพ.อุ้น เป็นศิษย์ผู้สืบทอดพุทธาคมจาก ลพ.ทองศุข โดยตรงอีกรูปหนึ่งอย่างแท้จริง ไม่ใช่เป็นการกล่าวอ้างครูบาอาจารย์อย่างเลื่อนลอย


    การเรียนวิชาอาคม ของ หลวงพ่ออุ้น ต้องเดินทางจากวัดตาลกงไปเรียนที่วัดโตนดหลวง ครั้งหนึ่ง
    พักอยู่ 15 วัน ไปกลับอย่างนี้เป็นประจำ ทั้งยังออกปริวาสกรรมร่วมกับหลวงพ่อทองศุข ขึ้นเขา
    ไปบำเพ็ญเพียรในป่าช้าก็บ่อยครั้ง มีอยู่ครั้้งหนึ่งได้พบกับ หลวงพ่อจัน วัดมฤคทายวัน ซึ่งเป็นญาติกับ หลวงพ่อทองศุข
    หลวงพ่อจัน เก่งวิชาสะกดชาตรี คือวิชาสะกดสัตว์ร้าย
    อยู่กับที่ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ เรียนมาจากพระภิกษุธุดงค์ชาวเขมร
    หลวงพ่อจัน ได้ถ่ายทอดวิชาสะกดชาตรีให้กับหลวงพ่ออุ้นเช่นกัน สำหรับวิชาที่โดดเด่นมากของ
    หลวงพ่อทองศุข ยากที่ศิษย์ผู้ใดจะได้รับการถ่ายทอด
    คือ " วิชาการทำผงพระจันทร์ครึ่งซีก " วิชา การทำผงพระจันทร์ครึ่งซีกเป็นอย่างไร ?
    ผงพระจันทร์ครึ่งซีก เป็นผงเมตตามหานิยมมีพุทธคุณอมตะล้ำลึกแต่ท่านยังไม่เคยนำเอาวิชา
    มาทำผงเลย เพราะสัจจะกฎสำคัญมากนอกจากนั้นยังได้รับการถ่ายทอดการทำผงอิทธิเจ ผงปถมัง ผงมหาราช และผงหน้าพระภักษ์ อันเป็นตำรับสุดยอดของ พระผงวัดนก จังหวัดอ่างทอง
    สำหรับตำราผงหน้าพระภักษ์ รู้ว่าปัจจุบันได้สูญหายไปจากวงการไสยศาสตร์นานแล้ว หากมีอยู่หรือเป็นมรดกแก่ผู้ใดบ้างก็คงมีน้อยเต็มที ที่จะรู้ได้


    อีกวิชาหนึ่ง ที่ได้รับการถ่ายทอดจากหลวงพ่อทองศุข คือ การสักยันต์คงกระพันชาตรี หลวงพ่ออุ้นเคยสักยันต์ให้ลูกศิษย์ไปหลายคน
    ล้วนแล้วแต่อยู่ยงคงกระพันชาตรี ภายหลังลูกศิษย์ของท่าน ( บางคน ) มีนิสัยเกเรสร้างความเดือดร้อนใจให้ผู้อื่น ท่านมาพิจารณาดูแล้ว
    เห็นเป็นการส่งเสริมให้คนประกอบมิจฉาชีพผิดคดีโลกคดีธรรม ตั้งแต่นั้นท่านเลิกสักยันต์โดยเด็ดขาด ส่วนใครที่อยากได้รับประสิทธิ์ประสาทอักขระเลขยันต์
    จากท่าน ก็เมตตาทำให้เพียงเป่ากระหม่อม หรือเจิมหน้าผากด้วยผงพุทธคุณเพื่อความเป็นศิริมงคล


    สำหรับ วิชา นะปัดตลอด นั้น หลวงพ่ออุ้นได้รับการถ่ายทอดเช่นเดียวกัน วิชานี้จะสังเกตุได้ถึงวัตถุมงคลสำนักวัดโตนดหลวง
    มียันต์นะปัดตลอด และ นะ ปถมังปรากฎอย่างชัดเจน รวมทั้งวัตถุมงคลศิษย์สาย หลวงพ่อทองศุขทุกรูป
    หลังจากนั้น ลพ.อุ้นได้ไปกราบนมัสการพระอธิการชัน วัดมาบปลาเค้า เพื่อขอศึกษาวิชาไสยศาสตร์ ด้านอยู่ยงคงกระพัน เสกลิงลม
    ขับคุณไสย วิชาทำตะกรุด ครูบาอาจารย์ของท่านมิใช่จะมีแต่บรรพชิตเท่านั้น แม้คฤหัสถ์ผู้ิเชี่ยวชาญอาคม ท่านก็ยังขอเล่าเรียนเช่นกัน อย่างเช่น
    อาจารย์โม หมอสักชาวเพชรบุรีมีชื่อเสียงโด่งดังทีสุดในยุคนั้น
    หลวงพ่ออุ้น ได้ไปขอเรียนวิชาจากอาจารย์โมแม้ ลพ.ไสว วัดปรีดาราม ( มรณภาพไปแล้ว )


    ก็เคยไปเรียนวิชาการสักยันต์มาเหมือนกันจากนั้น ลพ.อุ้นไปเรียนวิชาทำสีผึ้งเมตตามหานิยมวิชาลงเลขยันต์ ลงสมุนไพร ตำราสมุนไพรจากหมอฉ่ำ
    หมอไสยศาสตร์ ชาวท่ายาง อันที่จริงโยมพ่อบุญ อินพรหม บิดาของ ลพ.อุ้นก็เชี่ยวชาญเป็นหมอไสยศาสตร์ มีความรู้เรื่องยาโบราณ
    ทั้งตำรายาโบราณที่ตกทอดมาแต่ยุคก่อนจำนวนมาก โดยเฉพาะตำราทำผงยาเพชรบุรี ซึ่ง ลพ.อุ้น ได้รับสืบทอดมาด้วยเช่นกัน
    ว่ากันว่า ผงยาเพชรมณีหรือเพชรจินดา เป็นตำรายาหัวใจ ยาลม ยาอายุวัฒนะที่ดีมาก มีคุณสมบัติพิเศษไม่แตกต่างกับผงยาจินดามณี
    ของหลวงปู่บุญมากนักหรืออาจเป็นตำราสูตรเดียวกัน มาแต่โบราณก็เป็นได้


    ปฏิปทาศีลวัตร
    หลวงพ่ออุ้น เป็นพระที่มีอัธยาศัยไมตรีเปี่ยมด้วยเมตตาถือสัจบารมีเป็นที่ตั้ง ปฏิปทาศีลวัตรงดงามบริสุทธิ์
    เสมือนทองทั้งแท่ง ท่านใฝ่ใจในเรื่องที่เป็นวัฏสงสาร การเกิดแก่เจ็บตาย บุญกรรมสิ่งลี้ลับ ธรรมชาติ
    โดยเฉพาะเรื่องเวทมนต์ถาถาอาคมอักขระเลขยันต์ เป็นพิเศษ ซึ่งมีอุปนิสัยใจคอมาตั้งแต่วัยเด็ก
    จึงเป็นแรงจูงใจให้ใฝ่ศึกษาเล่าเรียนรู้แล้วปฏิบัติให้เข้าถึงรู้แจ้งเห็นจริง ผู้ใกล้ชิดหลวงพ่ออุ้น
    ต่างรุ้กันดีว่าท่านไม่ใช่พระธรรมดาหรือเป็นพระธรรมดา ที่ยิ่งกว่าธรรมดา มีญาณสมาบัติสูง มีสมาธิจิตแก่กล้า
    หยั่งรู้อนาคต แม้กรวดหินแร่ธาตุต่างๆท่านหยิบผ่านมือแล้วมอบให้แก่ใครก็มีอานุภาพพุทธคุณอย่างน่าอัศจรรย์



    86.jpg
    25.60
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 ตุลาคม 2017
  19. ศิลป์พระ9

    ศิลป์พระ9 Active Member สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2010
    โพสต์:
    598
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +485
    63.เหรียญ พระครูปทุมสรารักษ์ วัดป่าหนองบัวลาย นครราชสีมา ปี 2514"จอง">>>ทุ่งครุ

    เหรียญเก่าเหรียญพื้นที่เมืองโคาราช สภาพสวยกะไหร่ทอง น่าสะสมครับ

    เหรียญรุ่นแรก พระครูปทุมสรารักษ์ วัดป่าหนองบัวลาย นครราชสีมา ประวัติพระครูปทุมสรารักษ์ ประวัติพระครูปทุมสรารักษ์ เดิมชื่อบุญราม สิพโพธ์ เกิดวันอาทิตย์ที่ 4 เดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ.2453 ปีเถาะ ขึ้น 3 ค้ำเดือน3 ที่บ้านบ่อตะครอง ตำบนหนองมะเขือ อำเภอพล จังหวัดขอนแก่น เป็นบุตรคนที่สามในจำนวน พี่น้อง ชาย-หญิง รวม 11 คน หลังจากจากเรียนจบชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 แล้วก็ได้ออกมาช่วยบิดา มารดาประกอบอาชีพช่วยเหลือครอบครัว จนกระทั้งอายุ 20 ปี ก็ได้ออกบรรพชา อุปสมบทที่ วัดปทุมวัน อำเภอพล จังหวัดขอนแก่น เมื่อวันที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2478 โดยมีพระอธิการแก้ว เป็นพระอุปัชฌาย์ ได้รับฉายาว่า “ ธมมธีโว “ เมื่ออุปสมบทแล้ว ก็ได้ศึกษาพระปริยัติธรรมที่วัดศรีนวลในตัวเมืองขอนแก่น จนจบนักธรรมเอก เมื่อปี พ.ศ. 2481 ได้รับแต่งตั้งเป็นพระครู สอนพระปริยัติธรรม ในปี พ.ศ.2488 เป็นเจ้าอาวาส ( บ้านหนองบัวนาค ) จนกระทั้งปี พ.ศ.2494 ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเจ้าคณะตำบลหนองบัวลาย ในปี พ.ศ. 2499 ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระครูชั้นสัญญาบัตร พระครูปทุมสรารักษ์ ปี พ.ศ. 2510 ได้ดำรงตำแหน่งรองเจ้าคณะบัวใหญ่ จนเป็นเจ้าคณะอำเภอบัวใหญ่ จนเป็นที่เคารพนับถือของพุทธศาสนิกชนทั่วไป

    797.jpg
    p8
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 ตุลาคม 2017
  20. pasit_99

    pasit_99 การเวียนว่ายตายเกิดนั้นน่ากลัว

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    1,667
    ค่าพลัง:
    +3,459
    จองครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...