อภินิหารพระอาจารย์ในดง

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย Kingkong1, 26 ตุลาคม 2012.

  1. Kingkong1

    Kingkong1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    776
    ค่าพลัง:
    +2,262
    (รูปคณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร (คณะโสณะ-อุตร) ลิขสิทธิ์ของ อ.จเร แห่งบ้านดวงธรรม)
    หากจะนำไปบูชา ไม่สงวนลิขสิทธิ์ ห้ามนำไปซื้อขาย และหากนำไปลงในเว็บหรือกระทู้ต่างๆ ขอให้แจ้งตามวงเล็บนี้เสมอ)
    รูปคณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร (คณะโสณะ-อุตร)
    1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า
    2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า
    3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า (หลวงปู่อิเกสาโร)
    4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า (หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า หรือหลวงพ่อกบ วัดเขาสาริกา ลพบุรี)
    5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า (หลวงปู่หน้าปาน หรือหลวงพ่อโอภาสี อาศรมบางมด วัดโอภาสี กรุงเทพฯ)
    โดยปกติที่เห็นหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรกันทั่วๆไปนั้น จะเป็นรูปของหลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร).
    พระโลกอุดรทั้ง 5 พระองค์ท่านไม่ใช่คนไทยเป็นชาวเนปาลแต่ ละองค์มีจริตและบุคลิกภาพแตกต่างกันผู้ที่อวดรู้เห็นยากที่จะเข้าใจได้ว่า เป็นพระโลกอุดรองค์ไหน ดีไม่ดีไปพบหลวงปู่แจ้งฌานว่าที่พระโลกอุดรเข้าก็อาจเป็นได้ หลวงปู่ท่านนี้ได้อภิญญาโลกีย์และเป็นพระสำเร็จชอบท่องเที่ยวไปทุกหนทุกแห่ง นอกจากท่านอภิชิโตภิกขุแล้วยากที่ผู้อื่นจะดูออก ท่านอภิชิโตมักจะสัพยอกครูฝึกว่า“นี่คนหรือผีกันแน่เห็นมากี่สิบปีร่างกายก็คงเดิมไม่แปรเปลี่ยน สมัยยังมีการใช้รถราง บางครั้งก็จ๊ะเอ๋กันในรถก็ยังเคย ถามท่านอภิชิโตว่าตามที่เขาลือกันว่าหลวงปู่สุขวัดปากคลองและหลวงพ่อเงินวัดบางคลานซึ่งเป็นสานุศิษย์สายโลกอุดรไม่มรณภาพจริงอาจารย์เคยพบบ้างไหม
    ท่านตอบว่าไม่เคยพบ เป็นอันแสดงว่าสายของพระโลกอุดรมีอยู่หลายสายด้วยกัน และยังแยกออกเป็นสายในดงและสายนอกดง สายในดงคือไปศึกษาความรู้จากองค์ท่าน สายนอกดงนำมาสอนกันสืบต่อไปอาจเป็นทั้งฆราวาสและบรรพชิต เช่นอาจารย์พัว แก้วพลอย อาจารย์ฉลอง เมืองแก้ว อาจารย์ชม สุคันธรัต เป็นต้น พยายามศึกษาให้แตกฉานนะครับอย่าเขียนเรื่อยเปื่อยจะเป็นบาป หลวงปู่ท่านเคยตำหนิว่ามีชายแก่นำชื่อท่านไปขายถามว่าเป็นตัวผมหรือเปล่าท่านว่าไม่ใช่ ที่ผมทำไปนั้นถูกต้องแล้ว
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 พฤศจิกายน 2012
  2. Kingkong1

    Kingkong1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    776
    ค่าพลัง:
    +2,262
    องค์ที่หนึ่ง พระอุตรเถระหรือหลวงปู่ใหญ่ คือบรมครูเทพโลกอุดร ลักษณะรูปร่างสันทัดผิวกายค่อนข้างดำคล้ำจึงมีฉายาว่า “หลวงพ่อดำ” มีจิตเยี่ยงพระโพธิสัตว์เจ้าบรรลุอภิญญาหก แ่ต่ในบทสวดกล่าวว่าเตวิชโชคือวิชชาสาม ซึ่งไม่น่าจะเกี่ยวกับปฏิสัมภิทาญาณ แต่ในบทสวดก็กล่าวว่าท่านบรรลุซึ่งปฏิสัมภิทาญาณเช่นกัน ท่านได้วางหลักสูตรในการฝึกสมาธิซึ่งเรียกว่า“วิทยาศาตร์ทางใจ” มิใช่วิชาไสยศาสตร ์และมิใช่มายากล ศิษย์ในดงนอกดงสามารถแปรธาตุได้เช่นหลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน หลวงพ่อปานวัดคลองด่าน หลวงปู่สุขวัดปากคลอง ท่านอภิชิโตภิกขุ อาจารย์พัว แก้วพลอย อาจารย์ฉลอง เมืองแก้ว หลวงพ่อแช่ม วัดตาก้อง ฯลฯ เป็นต้น ท่านเชี่ยวชาญในวิชาแพทย์และเภสัชกรรม ใจดีประกอบด้วยเมตตามีอารมณ์ขัน หากจะกล่าวถึงหัวหน้าคณะพระธรรมฑูตซึ่งเดินทางมาเผยแพร่พระพุทธศาสนายังสุวรรณภูมิแหลมทองคงได้แก่พระโสณเถระ ซึ่งเป็นน้องชายพระอุตรแต่บรรลุอรหันต์ก่อนพี่ชายบทบาทของพระอุตรเถระจึงไม่ค่อยมีปรากฏและพระโสณเถระก็บรรลุปฏิสัมภิทาญาณเช่นกันมิฉะนั้นจะสอนศาสนาแก่คนต่างชาติได้อย่างไร ปฏิสัมภิทาญาณสี่มีดังนี้

    1. อัตถปฏิสัมภิทาคือความแตกฉานในอรรถเข้าใจถืออธิบายอรรถแห่งภาษิตให้พิศดาร และ เข้าใจคาดคะเนล่วงหน้าถึงผลอันจักมีเข้าใจผล

    2. ธรรมปฏิสัมภิทาคือความแตกฉานในธรรมเข้าใจถือเอาใจความแห่งอธิบายนั้น ๆตั้งเป็นกระทู้หรือหัวข้อขึ้นได้สาวเหตุในหนหลังให้เข้าใจเหตุ

    3. นิรุตติปฏิสัมภิทาคือความแตกฉานในภาษาและรู้จักใช้ถ้อยคำตลอดจนรู้ถึงภาษาต่างประเทศ

    4. ปฏิภาณสัมภิทาความแตกฉานในปฏิภาณมีไหวพริบเข้าใจทำให้สบเหมาะในทันทีหรือในเมื่อเหตุเกิดขึ้นโดยฉุกเฉินหรือกล่าวตอบโต้ได้ทันท่วงที

    ท่านมีสภาวะจิตที่รวดเร็วมากเพียงนึกถึงท่านท่านจะบอกให้นิมิต “เมื่อเจ้าต้องการพบเรา เราก็มา เรามาจากทางไกลด้วยความรวดเร็วยิ่ง ในการตรวจพระพิมพ์ของท่านซึ่งผมก็ไม่ทราบว่าท่านเป็นบรมครูพระเทพโลกอุดร ท่านอภิชิโตภิกขุมอบให้เป็นสมบัติบอกว่าอาจารย์ท่านคือหลวงปู่ดำเสกให้ เคยทดลองให้ท่านอาจารย์วิเชียร คำไสสว่าง ชีปะขาวผู้ทรงคุณกำหนดจิตดูท่านอาจารย์บอกว่าพระนี้ว่องไวและรวดเร็วยิ่ง ต่อมาเพื่อเป็นการพิสูจน์ทดสอบได้นำพระพิมพ์ที่ว่านำไปตรวจสอบกับพระพิมพ์โลกอุดรกรุวังหน้าปรากฏว่าเหมื่อนกันทุกประการ

    องค์ที่สอง พระโสณเถระหรือหลวงปู่ตีนโต รูปกายสูงใหญ่ผิวดำทรงคุณสมบัติเช่นองค์ที่หนึ่งเว้นวิชาแพทย ใจดีเยือกเย็นประกอบด้วยเมตตาธรรม ชอบผาดโผนเหินฟ้านภาลัยโขดเขินเนินไศลเป็นที่สัญจร

    องค์ที่สาม พระมูนียะหรือพระอิเกสาโร หลวงปู่โพรงโพธิ์ หลวงปู่เดินหน ล้วนเป็นองค์เดียวกันมีบุคลิกภาพอันสง่างามปรากฏตามภาพซึ่งใช้บูชากันอยู่ในปัจจุบันเชี่ยวชาญในวิชาแปรธาตุเป็นผู้คงแก่เรียนชอบเจริญอศุภกรรมฐาน 10 มักสร้างรูปบูชาเป็นโครงกระดูก พูดน้อย ค่อนข้างเคร่งขรึม คล้ายดุแต่ก็ไม่ดุ เป็นอาจารย์หลวงพ่อเงินบางคลาน หลวงปู่สุขวัดปากคลอง ห่มจีวรสีหมองคล้ำ หากปรากฏภาพในนิมิตมักจะปรากฏเส้นเกสายาวจรดเอวทีเดียว แสดงว่า “อิเกสาโร” (เกสาแปลว่าเส้นผม)ท่านมีบทบาทไม่น้อยตามความรู้สึกน่าจะมีบทบาทมากกว่าองค์อื่นๆด้วยซ้ำไป

    องค์ที่สี่ พระณานียะ ฉายาหลวงปู่ขรัวขี้เถ้า เป็นพระอาจารย์ของหลวงพ่อแช่มวัดตาก้องจังหวัดนครปฐม ท่านมีรูปกายค่อนข้างสูงใหญ่ ขนตาดกยาว แปลกกว่าองค์อื่นมีอำนาจ แต่ขี้เล่นใจดี นิมิตไม่แน่นอนอาจเป็นรูปพระภิกษุ ท่านจะชื่ออะไรไม่ทราบแต่แปรธาตุเสกใบมะม่วงเป็นกบนำพร่ายำเลี้ยงสานุศิษย์เลยเรียกกันว่าหลวงพ่อกบ ท่านมาสร้างบารมีต่อ ปริศนาธรรมคือขรัวขี้เถ้าเผาแหลกมีอะไรเผาหมด แบบเถ้าสู่เถ้าผงคลีสู่ผงคลีดิน จะใหญ่สักปานใดมันก็ไม่พ้นจากความเป็นขี้เถ้าหรอก ที่สุดก็มรณะภาพและศิษย์นำใส่โลงศพรอวันเผา หลวงปู่เกิดหายไปไร้ร่องรอย เลยไม่มีการฌาปนกิจศพ

    องค์ที่ห้า พระภูริยะหลวงปู่หน้าปาน บางคนก็เรียกท่านว่าหลวงปู่แก้มแดง เคยเรียนถามท่านอภิชิโตภิกษุท่านบอกว่าขรัวหน้าปานองค์นี้สำเร็จปรอทล่องหนย่นทางเก่ง ถ้าท่านเอาลูกปรอทอมทางซีกซ้ายแก้มซ้ายจะแดง ถ้าเปลี่ยนเป็นอมทางแก้มขวาทางด้านขวาจะแดง จึงเกิดถกเถียงกันไม่รู้จบ ท่านเป็นสหธรรมิกกับหลวงปู่ขรัวขี้เถ้า มาสร้างเสริมบารมีในระยะเวลาเดียวกันโดยอาศัยร่างท่านมหาชวนหรือหลวงพ่อโอภาสีแห่งอาศรมบางมด ท่านเป็นภิกษุทรงศีลเมื่อมีผู้ซักถามท่านก็บอกตามตรงว่าพระมหาชวนได้ตายไปแล้วอาตมาเป็นพระสำเร็จมาอาศัยร่างสร้างบารมีต่อ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  3. Kingkong1

    Kingkong1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    776
    ค่าพลัง:
    +2,262
    ไม่ใช่ข้อเขียนของสันยาสีนะครับ นำมาจากเว็บ อ่านดูแล้วน่าจะเป็นงานเขียนของคุณตาประถม อาจสาคร
    ผมไม่ออกความเห็นนะครับ นำมาให้อ่านเท่านั้น
     
  4. Kingkong1

    Kingkong1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    776
    ค่าพลัง:
    +2,262
    ขออภัยต่อทุก ๆ ท่านที่ผมยังไม่ได้ตำราบันทึกลับของพันเอกชม มาถ่ายทอดให้ท่านตามสัญญา รอกุญแจบ้านหลังใหม่อยู่ครับ
     
  5. กินลม

    กินลม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    646
    ค่าพลัง:
    +776
    รอเคล็ดวิชาอยู่ครับผม สนใจอยากเรียนรู้:cool::cool:
     
  6. Kingkong1

    Kingkong1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    776
    ค่าพลัง:
    +2,262
    วิชาย่นระยะทางของท่านพระป่าอาจารย์ในดง


    การที่ผู้ที่ท่านมีพลังอำนาจจิตสูงส่งจะเดินทางไปปรากฏร่างในสถานที่แห่งใดก็ตาม ท่านสามารถเดินทางไปได้หลายรูปแบบ
    ถ้าเป็นระยะทางใกล้ๆ ท่านอาจจะเดินทางไปด้วยตนเอง การเดินทางของท่านก็เป็นการเดินเท้าธรรมดาเหมือนคนอื่น
    แต่ที่ไม่ธรรมดาก็คือท่านสามารถเดินได้เร็วกว่าคนธรรมดาทั่วไป
    ท่านอาจารย์ในดงที่เรียกกันว่าพระป่าเพราะท่านชอบอยู่แต่ในป่าในเขาไม่ยอมเข้าในเมือง
    เมื่อท่านต้องการที่จะเดินทางไปที่แห่งใดด้วยเท้าเปล่าแล้วท่านจะตั้งหน้าตั้งตาเดินลูกเดียว
    สายตาของท่านมองไปที่ยอดไม้ที่อยู่เบื้องหน้าไปทีละช่วง
    เมื่อท่านเดินไปถึงเป้าหมายแรกแล้วท่านก็มองไปที่เป้าหมายเด่นๆ ที่อยู่เบื้องหน้าต่อไป เท้าเก้าเดินฉับๆ ปากท่องบ่นพึมพัมไปตลอดทาง

    “ อาวอิว อิวอาว อาวอิว อิวอาว ”

    เสียงบ่นของท่านเป็นจังหวะกับการก้าวเท้าพอดี

    ศิษย์ร่วมทางมัวแต่นึกขำในคำที่ท่านอาจารย์ในดงท่องเพลินไปหน่อย เงยหน้าดูเห็นท่านเดินขึ้นหน้าไปประมาณร้อยกว่าก้าวเห็นจะได้
    รู้สึกแปลกใจมากที่ท่านเดินอยู่ข้างหลังดีดีก้มหน้าไม่ถึงห้าวินาที หลวงปู่ท่านเดินทิ้งระยะห่างขนาดนั้น
    ต่อให้อาจารย์รีบวิ่งหรือกระโดดไปก็คงไปได้ไม่ไกลถึงขนาดนั้นเพราะท่านแก่มากแล้ว
    ด้วยความสงสัยจึงคอยจับตาจ้องดูที่เท้าของท่าน ก็ไม่พบว่าท่านก้าวยาวหรือเร็วกว่าคนธรรมดาเลย
    ก้มมองดูเท้าท่านก้าวไปเพียงไม่กี่ก้าวก็เงยหน้าขึ้นมา รู้สึกเย็นวาบไปหมดทั้งตัวขนหัวลุกตั้ง
    ก่อนที่จะก้มหน้าดูเท้าท่านอาจารย์ต้นไม้ใหญ่ต้นนั้นมันอยู่ข้างหน้าประมาณร้อยก้าว
    ทั้งๆ ที่ท่านอาจารย์ท่านก้าวเท้าเพียงไม่กี่ก้าวเท่านั้น ทั้งศิษย์ทั้งท่านอาจารย์เดินผ่านต้นไม้ใหญ่ต้นนั้น
    โดยทิ้งระยะห่างจากมันประมาณร้อยก้าวได้อย่างไร ?
    ดูเหมือนท่านอาจารย์ในดงจะรู้ว่าลูกศิษย์กำลังคิดอะไรอยู่

    ท่านพูดลอยๆ ออกมา
    “ ให้สร้างจินตนาการสร้างมโนภาพให้เห็นหรือรู้สึกว่าเห็น
    ว่าตัวเรามีขาที่ยาวมากก้าวไปได้ไกลๆ
    ข้ามเขาข้ามห้วยข้ามหนองข้ามคลองข้ามทะเล
    ตาจับยึดที่เป้าหมายที่อยู่เบื้องหน้าไปทีละช่วงสายตา เห็นถึงไหนยึดถึงนั่น
    ทั้งตัวเราและเป้าหมายจะเกิดแรงดึงดูดต่อกัน เราก็เดินเป้าหมายก็ฉุด มันเกิดแรงช่วย ”

    อีกรูปแบบหนึ่ง
    ท่านเอาไปแต่รูปไม่ได้เอาร่างไปด้วย เมื่อกายทิพย์ไปถึงจุดหมายแล้ว
    ท่านจึงทำกายทิพย์ซึ่งเป็นกายละเอียดที่คนมองไม่เห็นให้เป็นกายหยาบที่คนมองเห็นได้
    ผู้ที่สามารถทำเช่นนั้นได้จะต้องมีพลังอำนาจจิตสูงมากเพราะ ต้องสามารถรักษาภาพนิมิตได้นานมาก

    ท่านอาจารย์ในดงอยู่ร่วมในงานจนเสร็จพิธีท่านจึงเดินทางกลับ
    โดยไม่มีผู้ใดรู้ว่า ท่านเอามาแต่รูป ( ให้เห็นได้ด้วยสายตา )
    แต่....
    ไม่ได้เอาร่าง ( ตัวตนที่แท้จริงที่สามารถสัมผัสได้ของท่าน ) มาด้วย เพราะไม่มีผู้ใดไปสัมผัสท่าน
    ท่านใช้เวลาเดินทางกลับจากงานพิธีในเมือง กลับถึงที่พักกลางป่าลึก
    เพียงอึดใจเดียว
    ท่านสามารถเดินทางไปได้ทุกสถานที่อย่างรวดเร็วมาก เกินกว่ามนุษย์ทั่วไปจะทำได้
    เพราะท่านไม่ต้องแบกสังขารที่แกชราไปด้วย
     
  7. ri_sa_la

    ri_sa_la Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    63
    ค่าพลัง:
    +75
    ขออนุญาตนะครับ ไม่ได้เกรียน ไม่ได้ป่วน พอดีผมเป็นคนเมืองเจดีย์ใหญ่พอดี แค่อยากรู้จริงๆ ทุกวันนี้คนหากินเรื่องนี้มันเยอะครับ กับหลวงพ่อชาญณรงค์ ผมไม่เคยพบ ไม่เคยสัมผัส เลยไม่สามารถรู้ได้ แต่เห็นในช่วงนี้ผ่านมาประมาณสองสามปีนี้เรื่องทำนองนี้กลายเป็นกระแสเหลือเกิน คนหากินกับชื่อของท่านเยอะ มันก็เลยทำให้ผมต้องพิสูจน์ ตามหลัก ๑๐ ของศาสนาที่ผมนับถือ
    กับ คุณตาชมผมก็นับถือท่านวันที่ ๑๘ กุมภา ที่วัดโสมนัส ผมก็เป็นหนึ่งคนที่ไป
    ก็ตามนั้นที่บอกผมเป็นคนนครปฐม แต่อยู่ที่เมืองหลวงเก่าของจังหวัดนี้ พอมีความรู้เรื่องครูบาอาจารย์ในจังหวัดพองูๆ ปลาๆ
    ตามที่ได้ตามประวัติมาว่า
    เมื่อหายแล้วจึงรัษาสัจจะกับหลวงปู่ ไปบรรพชาเป็นสามเณร อยู่กับท่าน ทั้งได้ชวนเพื่อนสนิทไปด้วย คือ หม่อมเจ้าไชยเดช และอาจารย์เฉลียวดังที่กล่าวมาแล้ว อยู่กับหลวงปู่ระยะหนึ่ง ท่านก็ส่งสามเณรทั้ง 3 ไปเรียนวิชากับ หลวงปู่นาค วัดห้วยจระเข้ จังหวัดนครปฐม ซึ่งอยู่ไม่ห่างจากพระปฐมเจดีย์นัก
    สามเณรทั้ง 3 อายุ 18-19 ปี อยู่ในวัยกำลังซุกซน วันหนึ่งชวนกันไปเที่ยวขุดหัวมันในป่า อยู่ติดกับวัดนั่นเอง

    ในประวัติบอกว่าหลวงพ่อชาญณรงค์ท่านเกิด ๖ เมษา ๒๔๖๗
    แต่ตามข้อมูลผม หลวงปู่นาค วัดห้วย ท่านมรณะภาพ ๒๔๕๓ อายุ๙๕ ปี
    มรณะภาพก่อนหลวงพ่อชาญณรงค์เกิด ๑๔ ปี แล้วหลวงพ่อชาญณรงค์ท่านได้ไปเรียนกับหลวงปู่นาคตอนไหนครับ ถ้าดูตามประวัติสามเณรทั้งสาม ไปอยู่วัดห้วยตอนอายุ ๑๘ ๑๙ รวมแล้ว หลังหลวงปู่นาคมรณะภาพไปแล้ว ประมาณ ๓๓ ปี ถ้าดูที่ปีก็หน้าประมาณปี ๒๔๘๖ ยุคนั้นหลวงปู่สุข เป็นเจ้าอาวาสครับ ผมแค่วิเคาราะห์ให้ดูนะครับ ถ้าไม่มีประโยชน์แก่ท่านใดก็ปล่อยผ่านไปอย่าให้รกหัว แต่ถ้าเห็นว่าพอมีประโยชน์อยู่บ้าง ลองใช้หลัก ๑๐ พิจารณาดูครับ รวมไปถึงการสร้างวัตถุมงคล ที่ขายกันอยู่ด้วยครับ ลองดูๆ
    ปล.แถมอีกหน่อย ยุคนั้นที่มีหนังสืออกมา อย่าลืมว่ากาวเครือกำลังดัง มีหนังสือหลายเล่มที่ลงขายกาวเครือ และสมัยก่อนนั้นลองไปถามคนรุ่นพ่อ รุ่นตา ก็ได้นะครับว่า ปิดตาหลวงปู่นาคมูลค่าเท่าใด สมัยก่อนนั้นมูลค่าสูงกว่าสมเด็จวัดระฆังมาก ขนาดสมเด็จสามองค์แลกปิดตา เจ้าของปิดตายังไม่เอาเลยครับ
    :z5
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 พฤศจิกายน 2012
  8. Kingkong1

    Kingkong1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    776
    ค่าพลัง:
    +2,262
    ไปพบบทความนี้ในเว็บธรรมจักร ผู้โพสต์คือคุณ sitthipong เห็นอ่านสนุกดีก็หยับมาฝาก


    ความจริงแล้วพระภิกษุรูปนี้จะมีตัวตนจริงหรือไม่นั้น ปัจจุบันมีนักปฏิบัติทางจิตหลายท่านได้ออกมาเปิดเผยโดยให้ข้อสันนิษฐาว่า หลวงปูเทพโลกอุดร น่าจะเป็น พระอรหันต์ในอดีตกาล ท่านหนึ่ง ส่วนจะเคยมีชีวิตอยู่ในยุคใด สมัยใดนั้นยังไม่มีใครระบุได้ เพราะจากประสบการณ์จากผู้ที่เคยพบเห็นนั้นบอกว่า “หลวงปู่เทพโลกอุดร” มักไม่ค่อยเปิดเผยที่มาของตัวท่านเอง เวลาที่ท่านมาปรากฏตัวท่านจะบอกเสมอว่า...อดีต ปัจจุบัน อนาคต เป็นเรื่องไม่จำเป็นสำหรับท่าน

    ปัจจุบันมีพระสงฆ์ซึ่งเป็นพระปฏิบัติ พระป่าหรือพระเกจิอาจารย์ชื่อดังหลายท่านออกมายอมรับว่า หลวงปู่เทพโลกอุดร มีตัวตนจริงและต่างก็เคยเป็นศิษย์หลวงปู่เทพโลกอุดรมาแล้วทั้งนั้น อาทิ หลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม แห่งวัดอัมพวัน จ.สิงห์บุรี หลวงปู่โง่น โสรโย วัดพระพุทธบาทเขารวก จ.พิจิตร (ละสังขารแล้ว) หลวงพ่อครูบาลุ่น วัดจันทาราม จ.เพชรบูรณ์ (เคยเรียนวิชากับหลวงปู่ฯ ที่ถ้ำวัวแดง) หลวงตาจี๊ด วัดวังขร จ.ชัยนาท (ละสังขารแล้วโดยสำเร็จเป็นอรหันต์ อัฐิเป็นสีนิลและชมพู) ฯลฯ

    ที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยาก็มีหลวงปู่อยู่รูปหนึ่งที่ทราบกันว่าท่านเป็นศิษย์เคยเรียนธรรมะมาจาก หลวงปู่เทพโลกอุดร ในป่าลึก ปัจจุบันพระรูปนี้ท่านอายุ 104 ปีแล้ว มีชื่อว่าหลวงปู่กอง จันทวังโสจำวัดอยู่ที่วัดสระมณฑลท่านเป็นพระใจดียังแข็งแรง ไม่ค่อยเจ็บป่วยและความจำยังดีมากไม่หลงลืมทั้งที่อายุท่านก็เลยไปถึงหลักร้อยแล้ว

    วัดสระมณฑลเป็นวัดเล็กๆ ซึ่งถ้าใครได้ไปเห็นก็จะรับรู้ถึงความสมถะ รักสันโดษและความเรียบง่ายของหลวงปู่รูปนี้ ท่านอาศัยอยู่เฉพาะในโบสถ์ ภายในวัดก็ไม่มีกุฏิ ศาลาการเปรียญหรือวิหารใหญ่โตใดๆ เลย รอบๆ บริเวณเนื้อที่แคบๆ นี้มีเพียงโบสถ์หลังเล็กหลังเดียวตั้งอยู่และรายล้อมไปด้วยบ้านเรือนชาวบ้านที่มาอาศัยอยู่ชิดติดเขตวัด

    หลวงปู่กอง จันทวังโสท่านมีลูกศิษย์ลูกหามากมายหลายอาชีพ ตั้งแต่ระดับชาวบ้านธรรมดาไปถึงชันรัฐมนตรี (ในรัฐบาลปัจจุบันก็มี) ต่างให้ความเคารพนับถือท่าน โดยเฉพาะท่านเป็นเกจิที่ขึ้นชื่อในเรื่อง “การเสกตะกรุด” ที่นักเลงพระนิยมกันมาก แต่ปัจจุบันนี้ท่านเสกไม่ไหวแล้ว เพราะการเสกแต่ละครั้งต้องใช้พลังอำนาจจิตเป็นเวลานาน ประกอบกับปัจจุบันท่านก็ชราภาพมากแล้วจึงมี “ป้ากวย ถนอมทรัพย์” หลานสาวของหลวงปู่มาช่วยดูแลเพราะพระที่เคยมาบวชและอยู่ดูแลหลวงปู่ก่อนหน้านี้ก็มรณภาพไปก่อนแล้ว

    ป้ากวยได้บอกเล่าเรื่องราวของหลวงปู่กองให้ผู้เขียนฟังคร่าวๆ ว่า หลวงปู่กอง จันทวังโสเดิมท่านชื่อว่า กอง ถนอมทรัพย์ ท่านบวชและร่ำเรียนวิชามาสารพัดตั้งแต่รุ่นหนุ่ม ในสมัยที่ท่านออกบวชท่านชอบธุดงค์ไปตามป่าเขา ในดินแดนทุรกันดาร จนกระทั่งวันหนึ่งเกิดเดินพลัดตกเขาสลบไป ก็ปรากฏร่างของพระสงฆ์รูปหนึ่งมาช่วยไว้ หลวงปู่กองท่านเรียกพระรูปนั้นว่า “หลวงปู่ใหญ่” ซึ่งก็คือ หลวงปู่เทพโลกอุดร หลังจากนั้นหลวงปู่กองก็ได้ปฏิบัติทาง “จิต” และร่ำเรียนวิชาที่เป็นศาสตร์ลี้ลับจากหลวงปู่ใหญ่อีกมากมายหลายวิชา เมื่อสำเร็จแล้วจึงออกจากป่ามาจำพรรษาอยู่ตามวัดต่างๆ และร่ำเรียนวิชาจากพระเกจิชื่อดังอีกหลายรูป อาทิ หลวงปู่เทียม แห่งวัดกษัตราธิราช จ.พระนครศรีอยุธยา (อยู่ตรงข้ามไม่ไกลจากวัดสระมณฑ,ปหลวงปู่กองอยู่จำพรรษาที่วัดกษัตราฯ เป็นเวลานานกระทั่งเห็นว่าวัดสระมณฑลที่อยู่ไม่ไกลกันนี้เป็นวัดร้างไม่มีพระจำพรรษาอยู่ท่านจึงขอมาอยู่ที่นี่เพียงรูปเดียวกระทั่งปัจจุบันนี้

    ภายในโบสถ์วัดสระมณฑลหลังนี้มีรูปหล่อของหลวงปู่เทพโลกอุดรองค์ใหญ่ที่หลวงปู่กองให้หล่อนขึ้นไว้บูชา ป้ากวยได้เล่าถึงอภินิหารของรูปหล่อหลวงปู่เทพโลกอุดรให้ฟังว่า เมื่อรูปหล่อหลวงปู่เทพฯ มาถึงวัดขณะที่แดดกำลังเปรี้ยงแต่แล้วฟ้ากลับครึ้มและมีฝนตก แล้วเมื่อถึงเวลาจะยกเข้าประตูโบสถ์ ก็ปรากฏว่าทำยังไงก็ยกเข้าไม่ได้ เพราะองค์พระใหญ่กว่าประตูมาก จนหลวงปู่กองต้องบริกรรมคาถาอยู่ครู่ใหญ่จึงสามารถยกรูปหล่อหลวงปู่เทพฯ เข้ามาได้ เป็นที่น่าอัศจรรย์

    สำหรับ “ป้ากวย” เองก็เคยพบปาฏิหาริย์จาก “หลวงปู่เทพโลกอุดร” หรือ “หลวงปู่ใหญ่” ด้วยตัวเองอยู่บ่อยครั้ง ป้ากวยได้เล่าให้ฟังว่า

    “ก็มีอยู่วันนึงมีพระมาจากไหนก็ไม่รู้เข้ามาในโบสถ์นี่ มากราบหลวงปู่กองและก็บอกหลวงปู่กองว่าวันนี้ประมาณ 6 โมงจะมีพระรูปหนึ่งมากราบ พูดจบท่านก็ลากลับไป แล้วเมื่อถึงเวลานั้นก็มีพระมาจริงๆ แล้วหน้าตาก็เหมือนรูปปั้นนั่นไม่ผิดเพี้ยน (หมายถึงรูปหล่อหลวงปู่เทพโลกอุดร) เป็นพระหนุ่มนะ แล้วคืนนั้นท่านก็อยู่ค้างด้วย ป้าก็นอนกับญาติอีกคนข้างๆ ไม่ห่างจากพระองค์นี้ แต่น่าแปลกที่พอตกดึกป้าหันไปตรงที่ท่านนอน กลับไม่เห็นท่าน ก็นึกเอะใจแล้วพอหันไปไปดูอีกที เอ๊ะ...ท่านก็ยังนอนอยู่ตรงที่เดิมนี่ แล้วทำไมเมื่อกี้ไม่เห็นก็คิดว่ายังไงๆ อยู่ พอตอนเช้าท่านจะลากลับ ก็เข้าไปกราบหลวงปู่กองและพูดบอกให้หลวงปู่กองมีชีวิตอยู่ต่อไปเพื่อช่วยดำรงพระพุทธศาสนา แล้วท่านก็ลากลับ แต่ตอนนี่ท่านจะเดินออกจากประตูโบสถ์นี่สิ ป้าเห็นรูปร่างท่านเปลี่ยน จากรูปร่างคนธรรมดากลายเป็นตัวสูงจรดประตูโบสถ์ ทั้งที่ประตูโบสถ์ก็สูงแล้วนะ และสังเกตเห็นเท้าท่านใหญ่มาก พอท่านเดินออกไปปุ๊บป้าก็เดินตามไปชั่วพริบตา ไม่เห็นท่านเสียแล้ว ท่านมาแปลก เวลาจะไปก็ไปแปลก”

    ยังมีเรื่องเล่าที่แปลกเกี่ยวกับ “หลวงปู่เทพโลกอุดร” อีกเรื่องหนึ่งคือเรื่องที่ท่านสามารถแปลงกายให้เป็นอะไรก็ได้เช่นแปลงเป็นพระแก่ พระหนุ่ม สามเณร แขก คนชรา คนพิการ ฯลฯ แล้วบังเอิญได้ไปเห็นภาพถ่ายของพระหนุ่มรูปหนึ่งที่วัดสระมณฑล ทราบว่าภาพนั้นคือภาพของหลวงปู่เทพโลกอุดรที่แปลงเป็น “พระหนุ่ม” ซึ่งมีผู้ที่ทราบและได้ถ่ายรูปไว้ เป็นที่ฮือฮามากสำหรับภาพดังกล่าว และก็เคยมีเรื่องเล่าว่าท่านเคยแปลงกายเป็นพระหนุ่มเพื่อโปรดผู้มีบุญที่นครปฐม

    เรื่องนี้เล่ากันปากต่อปากที่เชื่อว่าเป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นนานมาแล้ว เรื่องมีอยู่ว่ามีคหบดีชาวนครปฐมคนหนึ่งได้จัดงานบวชลูกชายขึ้นเป็นงานใหญ่โต คนหบดีเศรษฐีคนนี้ปกติแล้วก็เป็นคนใจบุญสุนทาน ตั้งมั่นอยู่ในศีลในธรรมอยู่เสมอ ในงานวันนั้นเศรษฐีได้นิมนต์พระมาสวดมนต์ 9 รูป แต่เมื่อถึงเวลามีพระไปได้เพียง 8 รูปทีนี้ก็เดือดร้อนต้องวิ่งหาพระกันยกใหญ่เพราะพระไม่ครบ ก็เผอิญในละแวกนั้นปรากฏว่าพระธุดงค์หนุ่มรูปหนึ่งมาปักกลดอยู่ใต้ต้นข่อย เจ้าภาพเศรษฐีก็เลยให้คนไปนิมนต์มา พระธุดงค์หนุ่มรูปนั้นก็รับนิมนต์มาในงาน เมื่อมาถึงท่านก็ก้าวเข้าไปนั่งประจำที่พระอาวุโสสุด ทำให้พระทั้ง 8 รูป ซึ่งอาวุโสกว่าไม่พอใจ เพราะเห็นว่าพระภิกษุรูปนี้หน้าตาและรูปร่างยังหนุ่มแน่น ไม่น่าจะมีพรรษามากนักเห็นจะเป็นประธานสงฆ์ในงานนี้ไม่ได้ พระรูปหนึ่งจึงได้ต่อว่าท่านในเชิงไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง ไม่รู้อาวุโสและยังพูดแดกดันอีกว่า เป็นพระจริงหรือพระปลอมก็ไม่รู้ มาจากไหนก็ไม่รู้พระหนุ่มได้ยินดังนั้นก็ไม่ได้ว่าอะไรแต่ทันใดนั้นก็เกิดอาเพทขึ้น เกิดฟ้ามืดครึ้ม ลมพัดปั่นป่วนไปหมด ท่ามกลางความตกตะลึงของทุกคน ในขณะที่พระธุดงค์รูปนั้นนั่งสมาธิบริกรรมคาถาอยู่เพียงครู่เดียว ร่างของท่านก็เปลี่ยนไปเป็นพระภิกษุชรา เนื้อหนังย่น พระภิกษุและชาวบ้านที่อยู่ ณ ที่นั้นเมื่อได้ประจักษ์ในอิทธิฤทธิ์ของพระรูปนั้นก็ก้มกราบขอขมากันยกใหญ่ที่ได้ล่วงเกินไป แล้วพระธุดงค์รูปนั้นก็เนรมิตร่างให้เป็นหนุ่มตามเดิมและได้พูดคุยกับพระและญาติโยมเป็นปกติ มีผู้เล่าบางคนบอกว่าท่านได้บอกชื่อเสียงเรียงนามของท่านด้วยว่าท่านคือ “หลวงปู่เทพโลกอุดร” แล้วเขายังเล่ากันอีกว่าวันนั้นท่านฉันภัตตาหารเพียงคำเดียว จากนั้นก็กล่าวลาญาติโยมหายไปจากที่นั่น และมีคนไปดูที่ที่ท่านปักกลดก็ไม่พบท่านอีกแล้ว

    ในเรื่องการปรากฏตัวของ “หลวงปู่เทพโลกอุดร” ในที่ต่างๆ เพื่ออะไรนั้นมีผู้รวบรวมไว้ 3 สาเหตุคือ

    1. ปรากฏตัวเพื่อช่วยเหลือผู้ที่ตกอยู่ในภาวะช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ โดยเฉพาะผู้ที่ตกอยู่ในอันตรายตามบริเวณป่าเขา เช่นเคยช่วยทหารตำรวจตระเวณชายแดนหรือช่วยเหลือพระป่า พระธุดงค์รวมทั้งนักปฏิบัติธรรมที่เป็นฆราวาสที่ได้รับอันตรายขณะออกธุดงค์ตามป่าเขาถิ่นทุรกันดาร บางครั้งท่านก็ปรากฏตัวเพื่อรักษาคนที่กำลังเจ็บไข้ได้ป่วย จึงทำให้ทราบว่านอกจากท่านจะมีความเก่งกล้าในทางฤทธิ์อภิญญาแล้วท่านยังมีความรู้ เชี่ยวชาญในเรื่องแพทย์แผนโบราณ เรื่องการใช้ยาสมุนไพรด้วย ผู้ที่เคยเป็นศิษย์ของท่านทุกคนจะได้รับการสอนให้มีความรอบรู้ในเรื่องตัวยาสมุนไพรด้วย

    2. ปรากฏตัวเพื่อช่วยชี้แนะหรือสั่งสอนวิชาคาถาอาคม และการฝึกปฏิบัติวิปัสสนา รวมทั้งเรื่องการแพทย์แผนโบราณ การใช้ยาสมุนไพร บางครั้งก็ปรากฏตัวเพื่อรับคนเป็นศิษย์ การปรากฏตัวแบบนี้มีทั้งปรากฏในนิมิตของศิษย์คนนั้นหรือปรากฏให้เห็นโดยตาเนื้อก็มี

    3. ปรากฏตัวเพื่อมาโปรดสัตว์ การปรากฏตัวแบบนี้ก็มีบ่อยครั้งเช่นเคยปรากฏตัวเพื่อรับบิณฑบาตที่บ้านวังยาว อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน หรือปรากฏตัวโปรดคนป่วยโรคมะเร็งก่อนเสียชีวิต ที่บางจาก พระโขนง กรุงเทพฯ ฯลฯ

    การปรากฏตัวแต่ละครั้งของ “หลวงปู่เทพโลกอุดร” นั้นนักปฏิบัติทางจิตเชื่อกันว่า หลวงปู่ฯท่านจะมาปรากฏตัวให้เห็นก็ต่อเมื่อท่านต้องการจะให้เห็นท่านนั้น ไม่ใช่ใครอยากจะเจอท่านก็ได้เจอ แต่ถ้าต้องการสัมผัสกับบุคคลที่เคยเห็นหลวงปู่ฯ มาแล้วก็ไปคุยกับ “ป้ากวย ถนอมทรัพย์” และ “หลวงปู่กอง” ดูได้ที่วัดสระมณฑล จ.พระนครศรีอยุธยา (แต่ปกติถ้าไปหลวงปู่กองอาจจะกำลังจำวัด เพราะท่านก็ชราภาพมากแล้ว) ถ้ารู้จักวัดกษัตราธิราชแล้วหาไม่ยาก ข้ามฝั่งแม่น้ำวัดกษัตราธิราชมาจะเป็นพระเจดีย์ศรีสุริโยทัยตั้งตระหง่ายอยู่ แล้ววัดสระมณฑลก็อยู่ฝั่งเดียวกับพระเจดีย์ฯ เพียงเลยมาอีกหน่อยก่อนถึงทางแยกไปวัดไชยวัฒนารามจะเห็นซอยเล็กๆ เข้าไปในซอยนั้นแล้วถามชาวบ้านดูจะทราบว่าวัดนี้อยู่ตรงไหน ถ้าจะนั่งรถเมล์ไปก็ขึ้นรถเมล์ไปก็ขึ้นรถเมล์สีขาวที่ตลาดเจ้าพรหม ที่เขียนว่าไปวัดไก่เตี้ย ก็จะผ่านวัดนี้ ซึ่งหาไม่ยาก...


    นำมาจาก : นิตยสารหญิงไทย
     
  9. Kingkong1

    Kingkong1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    776
    ค่าพลัง:
    +2,262
    ขอบคุณจริง ๆ สำหรับข้อมูลของหลวงปู่นาค วัดห้วยจรเข้ ผู้เขียนไม่ได้รู้จักหลวงปู่นาค ไม่ได้รู้จักวัดห้วยจรเข้ และทั้งไม่รู้จักพระจารย์ชาญณรงค์ในช่วงที่เขียน แต่ขณะที่เขียนเรื่องนั้นนอกจากได้โอกาสสัมภาษณ์ท่านพันเอกชมแล้วก็ยังมี 2 หนุ่มสาวที่เป็นลูกศิษย์พันเอกชมเล่าให้ฟังถึงเรื่องต่าง ๆ ก็เขียนไปตามประสาคนชอบเขียนหนังสือ ทั้งไม่มีธุรกิจใดที่เกี่ยวเนื่องด้วย ดังนั้นความคาดเคลื่อนมันเกิดมาจากเราเกิดสมัยหลัง ได้รับเรื่องที่เล่าสืบกันมาก็เล่าผิด ๆ ถูก ๆ ไปตามที่ได้ยินมา

    ต้องขอขอบคุณที่ทำให้เรื่องมันถูกต้องขึ้นครับ เอาเป็นว่าสามเณรถูกส่งไปเรียนวิชากับหลวงปู่สุข ซึ่งเป็นศิษย์ของหลวงปู่นาค หลวงปู่สุขน่าจะเป็นสหายธรรมกับหลวงปู่พลอย วัดรัชดาธิษฐาน (วัดเงินตลิ่งชัน)
     
  10. Kingkong1

    Kingkong1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    776
    ค่าพลัง:
    +2,262
    ตามล่าหาความจริงเรื่องหลวงปู่เทพโลกอุดร

    เรื่องหลวงปู่เทพโลกอุดรนี่มีที่มานะครับ
    แต่ก่อนไม่มีใครเคยได้ยินหรอกนามนี้ ทางหลวงพ่อจรัญและพระอาจารย์ชาญณรงค์ท่านเรียกหลวงพ่อดำ หรือหลวงตาดำ ศิษย์ท่านอื่น ๆ ก็รู้จักในนามนี้ บางท่านก็เรียกด้วยความเคารพว่าหลวงปู่ใหญ่ จึงมีเพียง 2 ชื่อเท่านั้น

    มาถึงปี 2524-2525 ท่านสิทธา เชตวัน หรืออีกนาม เพชรสถาบัน นักเขียนลือนามที่เปลี่ยนจากเขียนเรื่องบูู๊มาเขียนเรื่องธรรมและนวนิยายธรรม ได้เขียนถึงหลวงปู่เทพโลกอุดร และเขาพนมฉัตร ลงโลกทิพย์ ซึ่งตอนนั้นโลกทิพย์ยังอยูในขวัญเรือน นั่นคือจุดเริ่มต้นของกระแส

    จากนั้นนามหลวงปู่เทพโลกอุดรก็เริ่มถูกบางคนใช้เป็นเครื่องมือแสวงหาผลประโยชน์ หลายคนโหนกระแสนี้ และขยายผลให้กระแสเชี่ยวกรากขึ้น

    เรื่องราวจะเป็นอย่างไรแล้วจะมาเล่าให้ฟัง จะไปทำธุระที่นครสวรรค์ก่อน ถ้ามีข่าวดีจากนครสวรรค์ก็จะเอามาเขียนเล่าให้อ่านกัน
     
  11. Marquis_M

    Marquis_M เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    134
    ค่าพลัง:
    +543
    ด้วยความเคารพครับ ผมเป็นคนนึงที่เชื่อมั่นและศรัทธาต่อองค์หลวงปู่โลกเทพอุดรทั้ง5 บทความและข้อมูลต่างๆที่พี่ยกมาก็แล้วแต่วิจรณาณของแต่ละท่าน ส่วนรูปพระเครื่องอยากให้พี่ลบออกครับ เพราะหากใครไม่เชื่อก็จะเป็นการปรามาสท่านเข้า

    สุดท้ายขอข้อมูลที่ยังไม่เคยปรากฎตามอินเตอร์เน้ทจะดีกว่าครับ ขอบพระคุณครับ
     
  12. nott17

    nott17 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    2,419
    ค่าพลัง:
    +20,437
    122 ด้วยความเคารพครับผม NOTT17 ขอสมัครเป็นศิษย์รับเคล็ดวิชาครับ
     
  13. THATCHAKON

    THATCHAKON เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    1,248
    ค่าพลัง:
    +3,250
    123.นายทัชชกร ขอสมัครเป็นศิษย์รับเคล็ดวิชาครับ
     
  14. Kingkong1

    Kingkong1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    776
    ค่าพลัง:
    +2,262
    อ่านเรื่องหลวงปู่พิมพาไปก่อนนะครับ

    ได้รับเชิญไปวัดป่าแสงทอง ต.หนองตางู อ.บรรพตพิสัย จ.นครสวรรค์ ได้รับไหที่หลวงปู่พิมพาฝังไว้ใต้ดินบริเวณวัดมา 6 ไห ท่านเจ้าอาวาสบอกว่าเอาไปเปิดดูเถอะ จะเป็นพระอะไรแบบไหนอาตมาก็ไม่รู้ พระเณรเขาขุดพื้นที่เพื่อปรับที่ก็เดินหล่มตกลงไปเพราะมีหลุมโพรงอยู่ เมื่อสำรวจดูก็พบไหเหล่านี้ แบ่งให้โยมเอาไปให้คนบูชา จะได้นำทรัพย์มาพัฒนาวัด
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • RIMG0471.JPG
      RIMG0471.JPG
      ขนาดไฟล์:
      269 KB
      เปิดดู:
      196
    • RIMG0472.JPG
      RIMG0472.JPG
      ขนาดไฟล์:
      310.4 KB
      เปิดดู:
      337
    • RIMG0473.JPG
      RIMG0473.JPG
      ขนาดไฟล์:
      317.8 KB
      เปิดดู:
      790
    • RIMG0474.JPG
      RIMG0474.JPG
      ขนาดไฟล์:
      316.8 KB
      เปิดดู:
      283
    • RIMG0476.JPG
      RIMG0476.JPG
      ขนาดไฟล์:
      317.8 KB
      เปิดดู:
      218
    • RIMG0477.JPG
      RIMG0477.JPG
      ขนาดไฟล์:
      340.8 KB
      เปิดดู:
      205
    • RIMG0478.JPG
      RIMG0478.JPG
      ขนาดไฟล์:
      260.2 KB
      เปิดดู:
      180
    • RIMG0479.JPG
      RIMG0479.JPG
      ขนาดไฟล์:
      269.7 KB
      เปิดดู:
      293
    • RIMG0454.JPG
      RIMG0454.JPG
      ขนาดไฟล์:
      327.3 KB
      เปิดดู:
      259
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 พฤศจิกายน 2012
  15. Kingkong1

    Kingkong1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    776
    ค่าพลัง:
    +2,262
    หลวงปู่พิมพา สาริกิจ เกิดเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2452 ตรงกับเดือน 8 ปีระกา
    พื้นเพ เป็นชาวท่ามะกูด ตำบลวังเหนือ อำเภอทับทัน จังหวัดอุทัยธานี เป็นบุตรของ นายสิงห์-นางแถม สาริกิจ ต่อมาครอบครัวได้ย้ายถิ่นฐานมาตั้งหลักแหล่งประกอบอาชีพที่ บ้านวังกระซอน ตำบลหูกวาง อำเภอบรรพตพิสัย จังหวัดนครสวรรค์ ท่านได้ อุปสมบท ณ พัทธสีมาวัดเขาดินใต้ อำเภอบรรพตพิสัย เมื่อ วันที่ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2472 โดยมี ท่านพระครูพิสิษฐสมถคุณ ( เฮง ) วัดเขาดินใต้ เป็นพระอุปัชฌาย์

    หลวงปู่พิมพาได้เดินธุดงค์มาเรื่อยจนมาถึงวัดเทพนิมิต(วัดป่าแสงทอง) เมื่อท่านอายุประมาณ 40 ปีกว่า ระหว่างที่ท่านเดินมาถึงบริเวณวัดเทพนิมิต(วัดป่าแสงทอง)ท่านได้ขอน้ำชาวบ้านดื่มแต่ปรากฏว่าน้ำหายากเขาจึงไม่แบ่งให้กิน ท่านเลยนำผ้าจีวรหย่อนลงไปในบ่อน้ำแล้วนำผ้าจีวรมาบิดเพื่อนำน้ำมาดื่ม ท่านก็อยากรู้ว่าเพราะเหตุใดชาวบ้านที่นี่หวงน้ำดื่ม ท่านจึงอยู่ปฏิบัติธรรมที่นี่ระยะหนึ่งก่อนที่จะย้ายไปอยู่วัดหนองตางู แต่ท่านบอกกับลูกศิษย์ว่าที่นี่มีของเก่าเยอะกลัวว่าจะสร้างสิ่งก่อสร้างทับของเหล่านั้น ท่านจึงย้ายไปอยู่วัดหนองตางู
    ท่านเป็นพระรุ่นราวคราวเดียวกับหลวงพ่อเปรื่องลูกศิษย์สายหลวงพ่อเงิน ถ้ามีพิธีปลุกเสกที่ไหนท่านจะได้รับนิมนต์ไปด้วยกันตลอด และหลังจากปลุกเสกทางวัดก็จะให้พระกลับมาด้วยทุกครั้ง ท่านก็จะนำกลับมาวัดด้วย และบางครั้งเมื่อท่านว่างจากกิจนิมนต์ ท่านก็จะมานั่งสมาธิที่บริเวณวัดเทพนิมิต(วัดป่าแสงทอง) จึงคาดว่าท่านคงจะนำพระที่ท่านไปปลุกเสกมาเก็บไว้ที่นี่ และพระที่เจอบางอย่างเป็นพระสายหลวงพ่อเงิน เช่นหลวงพ่อชุ่ม และ หลวงพ่อเตียง วัดเขารูปช้าง เป็นต้น และวัดอื่นๆ ท่านก็จะนำพระกลับมาด้วยเช่นเดียวกันแต่ไม่รู้ว่าท่านนำไปเก็บไว้ที่ใด ซึ่งในปัจจุบัน ได้พบบ้างแล้วที่วัดป่าแสงทองแห่งนี้
    ท่านเหล่านี้เป็นอาจารย์ของหลวงปู่พิมพา
    - พระครูพิสิษฐสมถคุณ ( เฮง ) วัดเขาดินใต้ นครสวรรค์
    - หลวงพ่อพวง วัดหนองกระโดน นครสวรรค์
    - หลวงพ่อเคลือบ วัดหนองกระดี่ อุทัยธานี
    - หลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ นครสวรรค์
    - หลวงพ่อดี วัดหัวถนน นครสวรรค์
    - หลวงพ่อกบ วัดเขาสาริกา ลพบุรี
    - หลวงปู่นาค วัดระฆัง
    - หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า
    - หลวงปู่อยู่ วัดบ้านแก่ง
    - หลวงพ่อยี วัดดงตาก้อนทอง
    - หลวงปู่แขก วัดเขาดินเหนือ
    ฯลฯ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 พฤศจิกายน 2012
  16. Kingkong1

    Kingkong1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    776
    ค่าพลัง:
    +2,262
    ภาพบริเวณวัดป่าแสงทอง หรือวัดเทพนิมิต วัดนี้มีอาณาเขตประมาณ 6 ไร่เศษ อยู่กลางทุ่งนา ห่างบ้านคนไกลโขอยู่ สมัยหลวงปู่พิมพาท่า่นคงมาที่นี่ทางเรือ เพราะคลองที่ผ่านหลังวัดก็ผ่านวัดหนองตางูเช่นกัน
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 พฤศจิกายน 2012
  17. Kingkong1

    Kingkong1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    776
    ค่าพลัง:
    +2,262
    วัดป่าแห่งนี้อยู่ห่างจากวัดหนองตางูของหลวงปู่พิมพาเพียงกิโลเมตรกว่า ๆ จากแผนที่เราจะเห็นคลองเชื่อมจากวัดหนองตางูไหลผ่านทุ่งนามาถึงวัดป่าร้างแห่งนี้ จึงเป็นที่แน่ชัดว่าหลวงปู่พิมพาไปมาด้วยเรือ ขนพระมาทางเรือ แล้วเอามาฝังไว้ตรงนี้ แต่สิ่งที่อยู่ใต้ดินที่นี่ไม่ใช่หลวงปู่ฝังไว้ทั้งหมด มันมีอยู่ก่อนแล้วก็มี อายุหลายร้อยปี รูปหล่อทองสัมฤทธิ์ของท้าวเวสสุวรรณปางเทพถือแก้วมณีก็พบที่นี่ นอกนั้นยังมีพระนางพญา พระขุนแผน แต่จะยังเหลืออยู่หรือไม่ไม่ได้ถามหลวงพ่อ
     
  18. preechaniy

    preechaniy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    345
    ค่าพลัง:
    +2,356
    124.preechaniy ขอสมัครเป็นศิษย์รับเคล็ดวิชาด้วยนะครับ
     
  19. Kingkong1

    Kingkong1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    776
    ค่าพลัง:
    +2,262
    รอหน่อยนะครับ ผมก็ร้อนใจเหมือนกัน ทำอะไรซี้ซั้ว ไม่ตรวจดูให้ดีก่อนก็ยังงี้แหละ เรื่องของเรื่องคือมั่นใจว่ามี และเห็นอยู่ไม่นาน นึกไม่ถึงว่ามันมีเหตุพลิกผันได้
     
  20. tawatd

    tawatd เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    506
    ค่าพลัง:
    +2,019
    125.ธวัช ขอรับเคล็ดวิชาด้วยครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...