อีกหนึ่งวิธีในการเรียกเวทมนตร์, อาคม ให้เกิดขึ้นในตัวเอง

ในห้อง 'บทสวดมนต์ - คาถา' ตั้งกระทู้โดย กุญแจไขปริศนา, 28 ธันวาคม 2009.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. กบนอกกะลาตัวจริง

    กบนอกกะลาตัวจริง Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    53
    ค่าพลัง:
    +39
    หากคุณคิดไปไกลถึงขนาดว่าเป็นการหลอกจูงของจิต อันนั้นไม่ใช่สัมมาสมาธิแล้ว และคุณทำได้หรือยัง แค่อุคคหนิมิตตอ่ะครับ
    ------------------------
    ตอบ.........การหลอกจูงของจิตอันนี้ก้ไม่แน่ เพราะเคยได้ยินข่าวมาคนวงนอกว่าฝึกสมาธิแล้วบ้า ซึ่งมันเป็นได้กับคนที่ติดกับ ดักภาพนิมิตบางคนเห็นนางฟ้า เห็นผี และอื่นๆแล้วนำมาปรุ่งแต่งหวังผลมากมาย จนกลายพันธุ์มั่วไปถึงทรงเจ้าเข้าผีก็มี ตัวอย่างเพื่อนผม หลงสมาธิ แบบวิปัสสนาจับรับรู้ไปซะทุกสิ่ง ติดสุขแล้วหลงเข้าใจว่าตนบรรลุธรรมชั้นสูง พูดกับใครก็ไม่รู้เรื่อง มองแต่คนอื่นต่ำต่อยไปหมด จนผมต้องทิ้งมันไป2ปีเต็ม โทรไปหาตอนนี้มันเลิกฝึกถาวรแล้วถึงคุณกันรู้เรื่อง
    ส่วน อุคคหนิมิต คืออะไรไม่เข้าใจ..............ผมเอาแต่ฝึกเป็นขั้นไม่เข้าศัพท์ทางพระ------รู้แต่คำว่าฝึกจนเห็นภาพติดตา แค่นั้นถือเป็นฌาน1-2แล้ว



    ผมก็เจอมาเยอะนะครับ พวกที่นั่งสมาธิไม่ได้อะไรเลย เหมือนมีปมด้อย ก็เลยชอบดักคอพวกที่เขาเก่งสมาธิกัน (พูดโดยรวมนะครับไม่ได้ว่าคุณนะครับ เสวนาข้อมูลครับ)
    ผมก้อเคยเจอ ตัวผมแต่ก่อนก็เป็นจนมาเจอคนฝึกวิปัสสนาอย่างเดียวพูดถึงแนวทางจึงเข้าใจ และ วิปัสสนา เขาก็สอนง่ายๆแบบเข้าใจ ก็สามารถทำได้เลย โดยไม่มีศัทพ์ทางพระเข้ามายุ่งเลย แถมยังบอกด้วยว่าถ้าฝึกสมาธิขั้น4ได้ก็มีสิทธตกได้แต่วิปัสสนาไม่ทำได้แล้วจะได้เลย ซึ่งตามความคิดผมก็เข้าใจว่าการฝึกวิปัสสนาก็คือฝึกจิตประสานกาย จึงมีความสามารถ ควบคุมจิตใจส่วนลึกได้ไม่เหมือน สมาธิเป็นการฝึกจิตอย่างเดียวแต่กายแทบจะไม่เกี่ยวเลย จึงเป็นที่มาของคนฝึกสมาธิแล้วตะบะแตก
    ส่วนฤทธิ์หยาบๆ ที่มองห็นกันจะๆ มิใช่ว่าเป็นไปไม่ได้ แต่ถ้าจะทำต้องจริงจังเป็นสิบๆปีต่อเนื่อง ไม่ต้องทำอย่างอื่นใด คนสมัยก่อนเขาทำกันแบบนั้น มันต้องใช้เวลามากเกิน

    ยกเว้นผู้ที่มีบารมีสูง และบุญส่งผลตอนนั้นด้วย

    ส่วนอิทธิฤทธิ์เดชนั้น ผมไม่ค่อยพบแบบแรงๆ จะๆเลยครับ

    ผมก็เช่นกัน ตั้งแต่ เกิดมาก็เห็นมีแต่ในหนังเท่านั้น คนที่จะทำได้ต้องฝึกฝนอย่างจริงจัง ไม่เช่นนั้นและต้องฝึกให้ถูกต้อง ฝึกผิดทางก็จะไรค่า ยิ่งฝึกยิ่งด่อย ลง

    ยังมีอีกมากแต่เราต้องค่อยๆคุยกัน พอเข้าทางจะเข้าใจเอง ถ้าพูดไปตอนนี้ก็ไร้ประโยชน์ เรายังไม่รู้จักกันดีก็อย่าพึ่งตันสินกัน

    และอย่าเข้าใจไปในลักษณะว่าผมมาคุยโชว์อะไรเลย ผมมาเสวนาธรรมครับ ถ้าสนใจเป็นธรรมทานก็จะเสวนาต่อนะครับ<!-- google_ad_section_end -->
     
  2. นิพพาน.

    นิพพาน. สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    12
    ค่าพลัง:
    +13
    เห็นใจคนอธิบายมาก มีความอดทนมากและใจเย็นจริงๆ
    สมแล้วกับการเป็นผู้มีภูมิธรรมสูง อนุโมทนาสาธุ ครับ
     
  3. Namushakamunibutsu

    Namushakamunibutsu เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    1,347
    ค่าพลัง:
    +2,618
    อืมครับ พวกฝึกวิปัสสนึกมากๆ มีสิทธิ์เป็นสัญญาวิปลาสและหลงในภูมิธรรม(คิดเอาเอง)ของตัวเอง แล้วจะดูถูกคนอื่น (คนดำเนินในธรรมที่ถูก ไม่มีทางดูถูกผู้อื่น ยกเว้นพวกดำเนินในธรรมที่ผิด) พวกก็จะ...นะครับ - - ถ้าเจอคนพวกนี้ก็ถามไปตรงๆเลยว่า คุณเคยมองดูตัวเองรึเปล่า คนรักธรรมเขาดูที่ตัวเอง แก้ที่ตัวเอง ไม่ใช่ตำหนิคนอื่น แต่หลงตัวเอง

    ส่วนเรื่องฤทธิ์ อิทธิวิธี เป็นของที่ไม่ควรเอามาแสดงต่อสาธารณะเป็นอย่างยิ่ง
    เพราะมันจะเสื่อม หากเอามาอวดศักดา อวดฤทธิ์ อวดอภินิหาร ซึ่งก็เป็นแรงของญาณฝ่ายโลก (โลกียะ) เสื่อมได้ง่ายเลย เพราะมาจากการเจริญสมถกรรมฐาน(สมาธิที่ทำให้สงบ พวกฌานต่างๆ) แต่โลกุตตรญาณ (ญาณพ้นโลก) ยากที่จะเสื่อม(อาจจะไม่มีเสื่อม) ไม่เป็นไปเพื่อฤทธิ์ ฯลฯ แต่เป็นไปเพื่อปัญญา ได้มาโดยวิปัสสนากรรมฐาน(ไม่ใช่วิปัสสนึก) สามารถตัดพันธนาการต่างๆได้ อย่างเช่น ได้ญาณบางขั้นแล้ว จะตัดกิเลสอย่างนี้...ได้ กิเลสตัวนั้นก็จะหายไปจากจิตเลย โลกุตตรญาณเปรียบเหมือนพระขรรค์เพชรใช้ตัดบ่วงมาร แต่ว่าสมถะกับวิปัสสนาต้องควบคู่กันไป ขาดอย่างหนึ่งอย่างใดจะไม่เป็นประโยชน์เลย
    สมถะล้วนๆ อาจจะเป็นประโยชน์เรื่องโลกๆ แต่ถ้าวิปัสสนาล้วนๆไม่มีพื้นของสมถะเลย มันจะกลายพันธุ์เป็นวิปัสสนึกที่ฮิตๆกัน

    ภาษาอะไรก็ไม่สำคัญ สำคัญที่ใจอย่างเดียว ที่ตั้งของความสำเร็จ เริ่มแรกก็มาจากใจ
    บางทีไม่ใช่ภาษามนุษย์เลย แต่ใจมันสั่งด้วยภาษาใจ ใจมันก็ไปแล้ว
    ภาษามันก็คือสัญลักษณ์ มันไม่ละเอียดเท่ากับเข้าใจในสิ่งๆนั่นจริงๆหรอก
    เช่น ใจคุณบอกว่าว่างเปล่า มันก็ว่างเปล่าขึ้นมา จริงๆมันไม่ขึ้นอยู่กับภาษา
    แต่มันเป็นกระบวนการของจิต แต่คุณรับรู้ได้ว่ามันตรงกับคำว่า ว่างเปล่า ในภาษาไทย
    คุณใช้ภาษาใจตอบไม่ได้ ต้องใช้ภาษาสัญลักษณ์ เราก็เป็นกันทุกคนแหละ อิอิ^^

    ดังนั้น คาถาสำคัญที่ใจ ใจเป็นตัวตั้ง ใจเป็นผู้ส่งฤทธิ์ บุญเป็นผู้อุปถัมภ์
    ใจตั้งไว้ชอบ หาบุญได้ ใช้บุญเป็น ก็ยิ้มได้แล้วครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 มกราคม 2010
  4. กบนอกกะลาตัวจริง

    กบนอกกะลาตัวจริง Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    53
    ค่าพลัง:
    +39
    ภาษาอะไรก็ไม่สำคัญ สำคัญที่ใจอย่างเดียว(ถ้าไม่เข้าใจภาษาคุณจะแปลคำศัพท์พระได้อย่างไร) ที่ตั้งของความสำเร็จ เริ่มแรกก็มาจากใจ
    บางทีไม่ใช่ภาษามนุษย์เลย (แต่ส่วนใหญ่ต้องใช้)แต่ใจมันสั่งด้วยภาษาใจ ใจมันก็ไปแล้ว(ถ้าไม่มีพื้นฐานการฝึกฝนก็แน่ว่าจะมีขั้นนี้)
    ภาษามันก็คือสัญลักษณ์ มันไม่ละเอียดเท่ากับเข้าใจในสิ่งๆนั่นจริงๆหรอก(ถ้าไม่เข้าใจภาษาจะหาความเข้าใจได้หรือ)
    เช่น ใจคุณบอกว่าว่างเปล่า มันก็ว่างเปล่าขึ้นมา จริงๆมันไม่ขึ้นอยู่กับภาษา
    แต่มันเป็นกระบวนการของจิต (จิตที่เคยฝึกฝน)แต่คุณรับรู้ได้ว่ามันตรงกับคำว่า ว่างเปล่า ในภาษาไทย
    คุณใช้ภาษาใจตอบไม่ได้ ต้องใช้ภาษาสัญลักษณ์ เราก็เป็นกันทุกคนแหละ อิอิ^^

    ดังนั้น คาถาสำคัญที่ใจ ใจเป็นตัวตั้ง ใจเป็นผู้ส่งฤทธิ์ บุญเป็นผู้อุปถัมภ์
    ใจตั้งไว้ชอบ หาบุญได้ ใช้บุญเป็น ก็ยิ้มได้แล้วครับ<!-- google_ad_section_end -->

    __________________
    <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->
    (ทุกสิ่งสำคัญที่ใจเป็นสำคัญ แต่จะสำเร็จได้ ก็ด้วยการเรียนรู้ชี้แนะ + ทั้งความเข้าใจถ้าไม่เข้าใจ ก็ทำให้สำเร็จไม่ได้ คน1รู้มากแต่ใจอัคติก็มองขามจุดนี้ได้เช่นกัน)
    --------* ที่พูดๆมาอย่าคิดว่าแค่การจับผิดแต่มันเป็นการสนทนาเพื่อความสำเร็จ *-------ท่านที่เข้ามาอ่านจงมอง แง่ดีเสมอ แล้วจับเอาแต่ประโยชน์ ไว้ใช้
     
  5. กบนอกกะลาตัวจริง

    กบนอกกะลาตัวจริง Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    53
    ค่าพลัง:
    +39
    พิมพ์ซะเยอะเนตหลุดหายหมด ว่างค่อย คุยกันใหม่ คิดดีนะดีอยู่แล้ว คนฉลาดต้องรู้จักใช้ประโยชน์ มิใช่คิดมองแต่แง่ลบจนมองหาประโยชน์ไม่เจอ
     
  6. Namushakamunibutsu

    Namushakamunibutsu เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    1,347
    ค่าพลัง:
    +2,618
    ต้องเข้าใจธรรมชาติของภาษา เกิดจากการที่มนุษย์ต้องการสื่อสารกัน
    ดังนั้นเป็นธรรมดาที่ใจส่งมาก่อนตีความเป็นภาษานั้นๆ
    ภาษาไปสื่อระหว่างใจกับใจ เดี๋ยวนี้คนธรรมดาสื่อสารกันด้วยใจไม่ได้แล้ว
    กิเลสมันหนาแล้ว ก็เลยมีภาษาไว้ส่งความหมายจากใจถึงใจ
    ใจส่งเป็นภาษา พูด/เขียนออกมา ได้ยิน/อ่านภาษา พิจารณาความหมาย รับรู้ด้วยใจ

    สมถฌาน คือเครื่องเผากิเลส วิปัสสนาญาณ เป็นเครื่องทำลายรากเหง้าของกิเลส
    วิปัสสนาญาณ เป็นพระขรรค์ตัดอวิชชา วิปัสสนาญาณเป็นเครื่องสู่การหลุดพ้น
    อยากให้คุณปฏิบัติธรรมเพื่อมุ่งสู่โลกุตตระ โดยมีเรื่องโลกๆ พลังต่างๆเป็นประสบการณ์
    เพราะอิทธิวิธีไม่ได้ช่วยให้พ้นทุกข์เลย
     
  7. ต้นไม้โพธิ

    ต้นไม้โพธิ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มกราคม 2010
    โพสต์:
    96
    ค่าพลัง:
    +85
    ต้องครบทั้ง ศีล สมาธิ ปัญญา จึงจะเป็น มรรค สำหรับปหานกิเลศ

    สัมมาสมาธิคืออะไร รูปฌาน อรูปฌานเลยครับ พุทธพจน์แท้ๆ

    ผู้ที่ดูถูกสมาธิมีวิบากหนักมากนะครับ ไม่สามารถเข้าถึงธรรมได้ นอกเสียจากว่า เข้าใจไปเองว่าวิปัสสนาจนบรรลุ ที่แท้ วิปัสสนึกครับ

    ถามสายพุทโธ มโนมยิทธิ สัมมาอะระหัง ได้เลย ตอบตรงกัน อภิธรรมบางสายด้วย

    แต่ถ้าถามสายที่เน้นวิปัสสนาอย่างเดียว เขาไม่ยอมรับเลย เอาพุทธพจน์มาอ้างอิงก็ทำเป็นไม่รับรู้ น่าปลงธรรมสังเวชเสียจริงๆ
     
  8. ตี๋ใหญ่

    ตี๋ใหญ่ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤษภาคม 2007
    โพสต์:
    31
    ค่าพลัง:
    +79
    คุณบ่นอะไร คุณสมนอกกะลา
     
  9. กบนอกกะลาตัวจริง

    กบนอกกะลาตัวจริง Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    53
    ค่าพลัง:
    +39
    Luziferzz<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_2826395", true); </SCRIPT>
    สติดีอยู่หรือ คนเขากำลังสนทนาธรรม
    กันอยู่

    เวลาเขาเปิดโอกาสให้มาถกเถียง ก็ดันหายหัวเป็นหมด
    ถ้าแน่จริงก็ไปขุดกระทู้คุณสม มาด่าอีกสิ จะได้รู้ว่า
    พวกที่ดีแต่ป่วนมันเป็นอย่างไร
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 มกราคม 2010
  10. กบนอกกะลาตัวจริง

    กบนอกกะลาตัวจริง Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    53
    ค่าพลัง:
    +39
    ในเมื่อเราฝึกธรรมเราก็ต้องฝึกใจด้วย คือพูดดี คิดดี ทำดี
    การสนทนาด้วยเหตุผลนั้นคือสิ่งดี ไม่เช่นนั้นพระพุทธองค์คงไม่ กำหนดวัน
    ให้พระตำหนิกันได้ในวันออกพรรษา

    ต่างคนต่างความรู้ที่มา เหมือนดังคนตาบอดคำหางช้าง คนตาบอดแต่ละคนต่างคำเจอแต่ละส่วนของช้าง ถ้าเปิดใจสักนิดและนำส่วนที่เจอมาผสมกันก็จะได้สิ่งที่ชัดขึ้น

    คนฉลาดควรเข้าใจจุดนี้ วิชามีหลากหลายสาขา

    การถกเถียงนั้นดีจะได้เข้าใจจุดอ่อน พบปัญหา และบางสิ่งใหม่ รวมทั้งการตรวจสอบธรรมในใจของตน ที่คนวงในไม่อาจพบเจอก็ได้

    เหมือนในพระไตรปิฏกบทที่ว่าคนใช้ทดสอบธรรมนาย
     
  11. กบนอกกะลาตัวจริง

    กบนอกกะลาตัวจริง Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    53
    ค่าพลัง:
    +39
    ก็เหมือนนักปฏิบัติธรรมฝึกฝนมาแรมปีก็เข้าใจตนบรรลุธรรมชั้นสูงแต่เมื่อเจอสิ่งไม่ดีมากระทบก็เอะอะโวยวาย แต่พอหายโมโห และสำรวจจิตตนแล้วจึงเข้าใจว่า ตนยังฝึกฝนไม่พอ มิได้บรรลุธรรมจริง
     
  12. Namushakamunibutsu

    Namushakamunibutsu เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    1,347
    ค่าพลัง:
    +2,618
    อิอิ ระดับคนที่ได้อภิภายตนะ แม้ยังไม่บรรลุธรรม
    จิตกระทบก็ไม่กระเทือนแล้วครับ
    แต่บรรลุโสดาบันบางประเภทก็ยังมีอารมณ์โกรธนะครับ
    บางที่ดีอย่าได้สนใจระดับภูมิธรรมตัวเองมากเลย
    ผู้บรรลุธรรมย่อมไม่อวดอ้าง รับรู้ได้ด้วยตนเอง เป็นสมบัติของตนเอง
    ส่วนมากผู้ที่คิดว่าบรรลุธรรม แล้วรั่ว
    ก็มาจากผลของวิปัสสนึกแหละครับ
    เพราะการบรรลุธรรมนั้นมาจากวิปัสสนา บรรลุญาณปัจจเวกขณญาณ
    จะสามารถรู้ถึงระดับการบรรลุธรรมของตนเองได้
    แต่พวกวิปัสสนึก ไปนึกอะไรเข้าสักอย่าง เลยคิดว่าเป็นปัจจเวกขณญาณ
    ก็เลยหลงว่าตัวเองบรรลุธรรม อิอิ กลายเป็นผู้ทรงธรรมถังรั่วแทน - -
     
  13. แมวแก

    แมวแก สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    20
    ค่าพลัง:
    +6
    <TABLE style="WIDTH: 38pt; BORDER-COLLAPSE: collapse" cellSpacing=0 cellPadding=0 width=51 border=0><COLGROUP><COL style="WIDTH: 38pt; mso-width-source: userset; mso-width-alt: 1865" width=51><TBODY><TR style="HEIGHT: 15pt; mso-height-source: userset" height=20><TD class=xl141 style="BORDER-RIGHT: #ece9d8; BORDER-TOP: #ece9d8; BORDER-LEFT: #ece9d8; WIDTH: 38pt; BORDER-BOTTOM: #ece9d8; HEIGHT: 15pt; BACKGROUND-COLOR: transparent" align=left width=51 height=20>วิปัสสนึก</TD></TR><TR style="HEIGHT: 23.25pt; mso-height-source: userset" height=31><TD class=xl141 style="BORDER-RIGHT: #ece9d8; BORDER-TOP: #ece9d8; BORDER-LEFT: #ece9d8; BORDER-BOTTOM: #ece9d8; HEIGHT: 23.25pt; BACKGROUND-COLOR: transparent" align=left height=31>คิดได้ไง พูดจาส่อเสียดตลอด</TD></TR><TR style="HEIGHT: 16.5pt; mso-height-source: userset" height=22><TD class=xl141 style="BORDER-RIGHT: #ece9d8; BORDER-TOP: #ece9d8; BORDER-LEFT: #ece9d8; BORDER-BOTTOM: #ece9d8; HEIGHT: 16.5pt; BACKGROUND-COLOR: transparent" align=left height=22>เสียแรงที่เรียนวิชาดีๆ รู้ก็รู้มาก(แถมเป็นวิชาทางพระชั้นสูงซะด้วย)แต่นิสัยดั่งเดิมไม่เปลี่ยน นี่แสดงว่าขนาดธรรมะชั้นสูงที่เรียนมาไม่อาจขัดเกา นิสัยดั่งเดิมได้เลย</TD></TR><TR style="HEIGHT: 16.5pt; mso-height-source: userset" height=22><TD class=xl141 style="BORDER-RIGHT: #ece9d8; BORDER-TOP: #ece9d8; BORDER-LEFT: #ece9d8; BORDER-BOTTOM: #ece9d8; HEIGHT: 16.5pt; BACKGROUND-COLOR: transparent" align=left height=22>แบบนี้เสียหายถึงอาจารย์ สมัยนี้เขารับศิทษ์แบบนี้เองหนอ ขนาดคนนิสัย แบบนี้</TD></TR><TR style="HEIGHT: 16.5pt; mso-height-source: userset" height=22><TD class=xl141 style="BORDER-RIGHT: #ece9d8; BORDER-TOP: #ece9d8; BORDER-LEFT: #ece9d8; BORDER-BOTTOM: #ece9d8; HEIGHT: 16.5pt; BACKGROUND-COLOR: transparent" align=left height=22>ยังรับได้อีก อย่าไปอ้างชื่ออาจารย์ใครเขาหละเดียวท่านจะอายแทรกแผ่นดินหนีไม่ทัน</TD></TR><TR style="HEIGHT: 23.25pt; mso-height-source: userset" height=31><TD class=xl140 style="BORDER-RIGHT: #ece9d8; BORDER-TOP: #ece9d8; BORDER-LEFT: #ece9d8; BORDER-BOTTOM: #ece9d8; HEIGHT: 23.25pt; BACKGROUND-COLOR: transparent" align=left height=31><!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->Namushakamunibutsu<!-- google_ad_section_end -->
    </TD></TR><TR style="HEIGHT: 23.25pt; mso-height-source: userset" height=31><TD class=xl141 style="BORDER-RIGHT: #ece9d8; BORDER-TOP: #ece9d8; BORDER-LEFT: #ece9d8; BORDER-BOTTOM: #ece9d8; HEIGHT: 23.25pt; BACKGROUND-COLOR: transparent" align=left height=31>อ้ายหนูเอ๋ย อย่าเอารูปพระมาบังหน้าให้คนเขาว่าเป็นคนดีเลย มันเป็นเสนียด ต่อศาสนาเปล่าๆ นะหนู ๆ ไม่มีค่าพอหลอก จิตใจยังไม่ถึงนะหนู</TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  14. แมวแก

    แมวแก สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    20
    ค่าพลัง:
    +6
    ส่วน
    <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->Luziferzz<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_2826395", true); </SCRIPT>
    เจ้านี่ก็ทะลึ่งแจมเขามังอยากจะอวดเก่งให้ผู้ใหญ่เขาชมซะงั้น
    ชั่งไม่ดูตาม้าตาเรือเลย แทนที่ผู้ใหญ่เขาจะชมกลับจะโดนด่าถึงพ่อถึงแม่ไม่ได้สั่งสอนซะมากกว่านะ หนูเอ๋ย สิ่งดีๆเอาใส่หัวไว้บ้างเหอะ อย่าอาฆาตให้มันมากเลย
     
  15. เทพคาถา

    เทพคาถา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    231
    ค่าพลัง:
    +374
    ธรรมชั้นสูง

    ธรรมชั้นสูง
     
  16. เทพคาถา

    เทพคาถา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    231
    ค่าพลัง:
    +374
    แต่ก่อนเขาว่าคนเรียนเวทย์มนต์คาถาคนดีๆจะเป็นคนเลว แล้ว คนที่เป็นคนเลวมาเรียน หรือเข้าวัดฟังธรรมจะเป็นคนดีได้

    แต่........ทำไม<!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->Luziferzz<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_2826395", true); </SCRIPT> ที่พูดธรรมะทำโมคือพูดภาษาชาวบ้านคำธรรมะคำแถมมีรูปพระขึ้นหน้าเสมอ ทำไมจิตใจถึงได้ แย่ยิ่งกว่าคนเรียนเวทย์มนต์คาถามากมายนักละคับ แทนที่คนเรียนคาถาจิตใจน่าจะเลวยิ่งกว่าแต่กลับกันเยอะมากๆ ทั้งที่เรียนธรรมะชั้นสูงชนิดพูดได้ว่าคนทุกชนชั้นแทบจะไม่รู้เรื่องเลยด้วยซำ แต่ธรรมะชั้นสูงไม่ได้ช่วยเขาเลยแม้แต่น้อย

    อันนี้คงต้องดูที่คนซะแล้ว
    พื้นฐานนิสัยดั่งเดิมเป็นเช่นไรก็เป็นเช่นนั้น
     
  17. เทพคาถา

    เทพคาถา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    231
    ค่าพลัง:
    +374
    แต่ก่อนเขาว่าคนเรียนเวทย์มนต์คาถาคนดีๆจะเป็นคนเลว แล้ว คนที่เป็นคนเลวมาเรียน หรือเข้าวัดฟังธรรมจะเป็นคนดีได้

    แต่........ทำไม<!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->Luziferzz<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_2826395", true); </SCRIPT> ที่พูดธรรมะทำโมคือพูดภาษาชาวบ้านคำธรรมะคำแถมมีรูปพระขึ้นหน้าเสมอ ทำไมจิตใจถึงได้ แย่ยิ่งกว่าคนเรียนเวทย์มนต์คาถามากมายนักละคับ แทนที่คนเรียนคาถาจิตใจน่าจะเลวยิ่งกว่าแต่กลับกันเยอะมากๆ ทั้งที่เรียนธรรมะชั้นสูงชนิดพูดได้ว่าคนทุกชนชั้นแทบจะไม่รู้เรื่องเลยด้วยซำ แต่ธรรมะชั้นสูงไม่ได้ช่วยเขาเลยแม้แต่น้อย

    อันนี้คงต้องดูที่คนซะแล้ว
    พื้นฐานนิสัยดั่งเดิมเป็นเช่นไรก็เป็นเช่นนั้น คนพวกนี้เรียนธรรมะ
    ผมสงสัยว่าเป็นมารเกิดมาแฝงตัวเพื่อทำลายศาสนา ซะมากกว่า
    น่าเสียดายๆๆๆๆๆๆ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 มกราคม 2010
  18. กบนอกกะลาตัวจริง

    กบนอกกะลาตัวจริง Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    53
    ค่าพลัง:
    +39
    ต้องเข้าใจว่าเขาเป็นเรียนธรรมเรียนเอาไว้เพื่อสอบอย่างเดียวไม่ได้เรียนไว้ปฏิบัติ
    ธรรมะชั้นสูงจึงไม่เกิดประโยชน์กับเขาแม้แต่น้อย

    ตอนที่ผมเรียนคาถาอาจารย์มักจะบอกเสมอว่าทำแต่พอควรไม่เข้าตาจนจริงอย่าทำ
    คิดถึงใจเข้าใจเรา
     
  19. Namushakamunibutsu

    Namushakamunibutsu เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    1,347
    ค่าพลัง:
    +2,618
    เห้อ พูดไม่ดูตัวเองเลยนะครับ
    - - น่าจะย้อนมองดูตนก่อนนะ เราไม่ควรริจะไปแก้ไขเราอื่น
    ในเมื่อตัวคุณเองยังไม่รู้สึกตัวเลย

    ผมไม่รู้สึกอะไรกับสิ่งที่คุณพูด ผมต้องขอบคุณด้วยซ้ำ
    แต่ไม่รู้จะเรียกว่าอะไรจริงๆ วิปัสสนาที่ไม่มีพื้นสมถะอยู่นะครับ
    มันเป็นการนึกจริงๆ ไม่ใช่การไหลเข้ามา

    บางทีคนเราก็นะ หาว่าคนอื่นส่อเสียด
    แต่ตัวเองไม่ใช่คำของสุภาพชน มันก็น่าเอาไปคิดนะครับ

    มาหาว่าผู้อื่นเป็นเสนียดของศาสนา เหอะๆ คิดไปได้
    แต่ก็ช่างเถอะ ทุกคนมีสิทธิ์ที่จะคิด มีสิทธิ์ที่จะแสดงความเห็น
    กรรมของใครก็ของมันเถอะครับ ยังไงๆคนเราก็ย่อมถูกปรามาสเป็นธรรมดาอยู่แล้ว ไม่วันใดก็วันหนึ่ง
    น่าขันดีจริงๆ

    คุณค่าของคนหนุ่ม นั้นมีมากกว่าคนชราแบบ...อยู่แล้วหละครับ
    เขายังมีโอกาสพัฒนาอีกเยอะ ที่น่าเสียดายคือไม้แก่ดัดยาก
    ไม่มีใครดัดเขาได้ เพราะเขาถือว่าตนมีอาวุโสกว่า คิดว่าตนมีภูมิธรรมสูงกว่า ตนฝึกจิตมาดีกว่า ก็แล้วแต่ครับ คนประเภทนี้เห็นได้ทั่วๆไป

    น่าแปลก คนสนทนาธรรมย่อมคุยภาษาธรรม แต่มีคนมาแปลก
    เข้ามาขัดด้วยการด่า ถ้าผู้ทรงธรรมจริงๆ เขาจะมาร่วมสนทนา
    แล้วค่อยๆแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ค่อยๆปรับจริตกันไป ไม่ใช่มาอย่างไร้วาทศิลป์แบบนี้ คนช่างติแท้ๆ ชีวิตน่าเศร้าจริงๆ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 มกราคม 2010
  20. ต้นไม้โพธิ

    ต้นไม้โพธิ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มกราคม 2010
    โพสต์:
    96
    ค่าพลัง:
    +85
    ไม่เกี่ยวกับกระทู้นะครับ

    คุณแมวแก่ไม่ได้อะไรเลยจากที่คุณ Namushakamunibutsu เขาพยายามเตือนสติหรอครับ

    หวังว่าคุณจะพิจารณาให้ได้ประโยชน์บ้างนะครับ

    มานะทิฏฐิ คือ

    การสำคัญตนเองว่า ดีกว่าเขา เสมอเขา หรือด้อยกว่าเขา ผู้ปฏิบัติธรรมไม่ควรมีนะครับ

    ส่วนคำว่าวิปัสสนึก ไม่ใช่คำส่อเสียดหรอกครับ ผมต้องย้อนถามว่าคุณคิดไปได้อย่างไรว่าเป็นคำส่อเสียด คุณ N เขากำลังเตือนสติให้พวกที่ดูถูก หรือคัดค้านสมาธิเข้าใจให้ถูกต้องเป็นสัมมาทิฏฐินะครับ

    พระพุทธองค์ตรัสว่าสมาธิมีอานิสงส์มาก และสัมมาสมาธิเป็นหนึ่งในอริยมรรค ผู้ดูถูกหรือปรามาสสมาธิมีครุกรรมอกุศลอย่างหนัก อริยมรรคไม่บริบูรณ์ย่อมไม่สามารถหวังมรรค ผล ใดๆได้

    และมีคำพูดออกจากปากพระอาจารย์ฝ่ายที่เน้นแต่วิปัสสนาว่า "พวกนั่งสมาธิโง่ เอาแต่หลับตา เอามือวางบนหลังกระดอ นั่งตัวแข็งทื่อ" นี่หรอครับ คำพูดที่ออกมาจากพระวิปัสสนาจารย์ กำ

    เตือนสติกันนะครับ อย่าเอามาเป็นประเด็นเลย จะออกนอกเรื่องกระทู้เปล่าๆ<!-- google_ad_section_end -->
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...